ใบความรู้ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ (Computer network) ที่มาภาพ http://group7-410.blogspot.com/ 1. ความหมายของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer network) หมายถึง กลุ่มของคอมพิวเตอร์จานวนต้งั แต่สองเคร่ือง ข้ึนไปและอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีถูกนามาเชื่อมต่อกนั เพื่อให้ผใู้ ชใ้ นเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปล่ียน ขอ้ มูล และใชอ้ ุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกนั ได้ 2. ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ปัจจุบนั องค์กรต่าง ๆ เกือบท้งั หมดมีคอมพิวเตอร์ใช้งานและมีจานวนไม่น้อยท่ีเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เขา้ เป็นระบบเครือข่าย เพราะการเช่ือมตอ่ เครือข่ายมีประโยชน์มากมายหลายอยา่ ง เช่น สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกัน (Peripheral Sharing) การนาทรัพยากรทางฮาร์ดแวร์มา ใช้ร่วมกนั เน่ืองจากอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์แต่ละชนิดมีราคาค่อนขา้ งสูง เพ่ือให้ใช้ทรัพยากรเหล่าน้ันอย่างมี ประสิทธิภาพ จึงมีการนาเอาอุปกรณ์เหล่าน้นั มาใชร้ ่วมกนั เป็ นส่วนกลาง เช่น เครื่องพิมพ,์ พลอตเตอร์ เป็ น ตน้ การใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกนั (Software Sharing) การใชซ้ อฟตแ์ วร์ร่วมกนั ในระบบจะทาให้ประหยดั เน้ือท่ีในการจดั เก็บ และยงั สามารถใช้ร่วมกนั ไดอ้ ีกและสามารถดูแลรักษาไดง้ ่าย เช่น เม่ือเราตอ้ งการ อพั เกรดซอฟตแ์ วร์ใด กท็ าการอพั เกรดทีเดียว แตจ่ ะมีผลถึงผใู้ ชซ้ อฟตแ์ วร์น้นั ๆ ท้งั ระบบ เป็นตน้
การใช้ข้อมูลร่วมกนั (File Sharing) ถา้ แต่ละหน่วยงานมีขอ้ มูลซ่ึงตอ้ งใชร้ ่วมกนั ซ่ึงถา้ ตอ้ งทาการ คดั ลอกขอ้ มูลไปไวใ้ นแต่ละเครื่องคงจะเป็ นเร่ืองยุง่ ยากและสิ้นเปลืองเน้ือที่ในการจดั เก็บ ขอ้ มูลมากทีเดียว การใชข้ อ้ มลู ร่วมกนั ยงั ทาใหส้ ะดวกเวลาท่ีมีการเปลี่ยนแปลงขอ้ มลู ต่างๆซ่ึงจะมีผลกระทบไปท้งั ระบบ และ ยงั สามารถกาหนดไดว้ ่าจะให้ผูใ้ ชค้ นใดสามารถใช้ขอ้ มูลได้ ซ่ึงจะเป็ นการรักษาความปลอดภยั สาหรับ ขอ้ มูลซ่ึงอาจเป็นความลบั และง่ายต่อการสารองขอ้ มูล การสื่อสารระหว่างบุคคล (Electronic Communication) การติดต่อระหวา่ งผใู้ ช้แต่ละคนมีความ สะดวกสบายข้ึน หากผใู้ ชอ้ ยหู่ ่างกนั มาก การติดต่ออาจไม่สะดวก ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาทใน การเป็ นตวั กลางในการติดต่อระหวา่ งผูใ้ ช้แต่ละคน ซ่ึงอาจจะเป็ นการติดต่อในลกั ษณะที่ผูใ้ ชท้ ี่ตอ้ งติดต่อ ดว้ ยไมอ่ ยู่ กอ็ าจฝากขอ้ ความเอาไวใ้ นระบบ เมื่อผใู้ ชค้ นน้นั เขา้ มาใชร้ ะบบกจ็ ะมีการแจง้ ขา่ วสารน้นั ทนั ที ค่าใช้จ่าย ก่อนหนา้ ที่จะใชร้ ะบบเครือขา่ ยน้นั องคก์ รอาจจะตอ้ งลงทุนซ้ืออุปกรณ์ต่างๆ จานวนมาก เพื่อให้มีใช้พอเพียงกบั คอมพิวเตอร์ในแต่ละเคร่ือง แต่การใช้เครือข่ายจะช่วยลดค่าใชจ้ ่ายลงไปได้มาก เพราะเพียงซ้ืออุปกรณ์แต่ละอยา่ งเพียงชิ้นเดียว ผใู้ ช้ในระบบเครือข่ายท้งั หมดก็สามารถเรียกใชอ้ ุปกรณ์ เหล่าน้ีไดอ้ ยา่ งสะดวกสบายและรวดเร็ว การบริหารเครือข่าย โดยส่วนใหญ่แลว้ แต่ละบริษทั มกั จะมีพนกั งานที่ทาหน้าท่ีบริหารเครือข่าย โดยเฉพาะ ยกเวน้ เครือข่ายขนาดเล็กที่ผใู้ ชต้ อ้ งดูแลกนั เอง สาหรับการดูแลบริหารเครือข่ายในปัจจุบนั ก็ ไม่ไดย้ ุง่ ยากมากนกั เพราะมีซอฟต์แวร์เครือข่ายที่มีเครื่องไมเ้ ครื่องมือเยี่ยมในการ ตรวจสอบ และการ ควบคุมการทางานของเครือข่ายเป็ นอยา่ งดีก่อนท่ีผใู้ ชจ้ ะเขา้ ไปใชข้ อ้ มูลในเครือข่ายน้นั เขา้ จะตอ้ งใส่ชื่อ บญั ชีผใู้ ชพ้ ร้อมรหสั ผา่ นเสียก่อน ซ่ึงส่วนน้ีเป็นระบบรักษาความปลอดภยั เบ้ืองตน้ ท่ีจะป้ องกนั บุคคลอ่ืนเขา้ มายงุ่ ยา่ มในเครือขา่ ย ซ่ึงอาจจะก่อใหเ้ กิดความเสียหายได้ ระบบรักษาความปลอดภัย เครือข่ายเกือบท้งั หมดจะมีโปรแกรมท่ีทาหนา้ ที่เป็ นระบบ รักษาความ ปลอดภยั โดยโปรแกรมรักษาความปลอดภยั จะทาการตรวจสอบและรายงานพฤติกรรมท่ีไม่ชอบมาพากล ในการใช้เครือข่ายให้ผูบ้ ริหารระบบไดร้ ับทราบ ระบบรักษาความปลอดภยั พ้ืนฐานท่ีใช้ชื่อบญั ชีและ รหสั ผา่ นเท่าน้นั สามารถป้ องกนั ผทู้ ่ีไม่มีสิทธิไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เพราะการเดาหรือการแกะรหสั ผา่ นน้นั ทาได้ ยาก ยกเวน้ แต่ผนู้ ้นั ไปแอบดูรหสั ผา่ นของคนอื่นมาได้ ดงั น้นั ผใู้ ชแ้ ต่ละคนควรเกบ็ รหสั ผา่ นของตนไวใ้ ห้ดี เสถียรภาพของระบบ เครือข่ายโดยส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาใหม้ ีเสถียรภาพในการทางานอยา่ ง คงเส้นคงวาถึงแมจ้ ะใชเ้ ครือข่ายทางานอยตู่ ลอดเวลาก็ตาม โปรแกรมในระบบเครือข่ายบางตวั สามารถส่ง ขอ้ ความเตือนผบู้ ริหารระบบใหท้ าการตรวจสอบแกไ้ ขปัญหาในระบบไดท้ นั ที การสารองข้อมูล บริษทั ส่วนใหญจ่ ะใชเ้ ครือขา่ ยในการสารองขอ้ มูลของพนกั งานไว้ นอกเหนือจาก การจดั เก็บไฟลต์ ่าง ๆแลว้ การสารองขอ้ มูลไวใ้ นเซิร์ฟเวอร์ จะตอ้ งปลอดภยั กวา่ การเก็บขอ้ มูลในเคร่ือง ส่วนตวั
3. ประเภทของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ การแบง่ ประเภทของเครือข่ายสามารถแบง่ ไดห้ ลายแบบดว้ ยกนั ซ่ึงส่วนใหญ่นิยมแบ่งตามขนาดของ เครือข่าย โดยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ LAN (Local Area Network) MAN (Metropolitan Area Network) และ WAN (Wide Area Network) 1. เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network: LAN) เครือข่ายทอ้ งถิ่นเป็นเครือข่ายส่วนบุคคล ท่ีมีการลิงกเ์ ชื่อมโยงระหวา่ งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อ การใช้งานร่วมกนั โดยอาจเช่ือมโยงภายในสานกั งาน หรือตึกอาคารที่อยูใ่ นบริเวณเดียวกนั ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ความตอ้ งการของแต่ละองค์กรและเทคโนโลยีที่ใช้ เครือข่ายทอ้ งถ่ินอาจมีเพียงคอมพิวเตอร์เพียง 2 เครื่อง และมีเครื่องพิมพเ์ ช่ือมต่อเพ่ือใชง้ านในสานกั งาน ตามบา้ นเรือน หรือเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เป็ นร้อยเครื่อง สาหรับองคก์ รขนาดใหญ่ โดยจะครอบคลุมระยะทางไม่กี่กิโลเมตร นอกจากขนาดเครือข่ายท่ีใช้เป็ นตวั กาหนดประเภทเครือข่ายแลนแลว้ ในดา้ นของส่ือท่ีใช้ในการ ส่งผ่านขอ้ มูลและรูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย (Topology) ก็สามารถนาไปประกอบการพิจารณาว่าเป็ น เครือข่ายแลนหรือไม่ ซ่ึงโดยปกติเครือข่ายแลนจะเช่ือมตอ่ ในรูปแบบ Bus, Ring และ Star เครือข่ายแลนในยุคแรกมีอตั ราความเร็วในการส่งขอ้ มูลเพียง 4 – 6 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) แต่ ปัจจุบนั ได้มีความเร็วสูงสุดถึง 100 Mbps หรือ 1000 Mbps นอกจากน้ียงั มีเครือข่ายแลนไร้สาย ซ่ึงเป็ น เทคโนโลยีใหม่ที่ไดร้ ับการใช้งานอยา่ งกวา้ งขวาง เนื่องจากเพ่ิมความสะดวก และไดพ้ ฒั นาวามเร็วในการ ส่งผา่ นขอ้ มลู แบบไร้สายในอตั ราท่ีเร็วกวา่ เดิม การเช่ือมโยงเครือข่ายแลนให้ครอบคลุมระยะทางท่ีไกลข้ึน จาเป็ นตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ทวนสัญญาณ (Repeater) เพ่ือยดื ระยะทางการสื่อสารใหไ้ กลออกไปไดอ้ ีก โดยเครือข่ายแลนที่เชื่อมโยงระยะไกลมกั ใชส้ ื่อ ส่งขอ้ มลู ชนิดไฟเบอร์ออปติก เพ่ือใชเ้ ป็ นสายแกนหลกั (Backbone) เน่ืองจากเป็ นสายที่เหมาะกบั การรับส่ง ขอ้ มูลดว้ ยความเร็วสูง และสามารถเชื่อมตอ่ ระยะไกลไดเ้ ป็นกิโลเมตรโดยไม่ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ทวนสญั ญาณ รูป ตวั อยา่ งการเชื่อมต่อเครือข่ายทอ้ งถ่ิน
สาหรับเครือข่ายทอ้ งถิ่นยงั สามารถติดต้งั เครือขา่ ยในรูปแบบของ 1) เครือข่ายแบบเคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ (Dedicated Server Network) หมายถึงเครือข่ายที่มีเคร่ือง เซิร์ฟเวอร์ไวค้ อยบริการใหก้ บั เคร่ืองลูกข่าย หรือเรียกวา่ เครือข่ายแบบไคลเอนตเ์ ซิร์ฟเวอร์ (Client-Server) โดยเซิร์ฟเวอร์อาจเป็ นเวบ็ เซิร์ฟเวอร์ (Web Server), เมลเซิร์ฟเวอร์(Mail Server), ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File Server) หรือพรินเตอร์เซิร์ฟเวอร์ (Print Server) เป็ นตน้ เครือข่ายประเภทน้ีอาจมีเซิร์ฟเวอร์หน่ึงตวั ท่ีทา หลาย ๆ หน้าท่ีบนเคร่ืองเดียว หรืออาจมีหลาย ๆ เซิร์ฟเวอร์ท่ีทาหน้าที่เฉพาะก็ได้ ซ่ึงแลว้ แต่ขนาดของ เครือข่าย หรือความตอ้ งการเพม่ิ ประสิทธิภาพของเครือข่ายเป็นสาคญั เครือข่ายไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์เหมาะสมกับระบบเครือข่ายท่ีตอ้ งการเช่ือมต่อสถานีจานวนมาก ดังน้ันเครือข่ายประเภทน้ีจึงจาเป็ นตอ้ งคดั เลือกคอมพิวเตอร์ท่ีมีสมรรถนะสูง เพ่ือนามาใช้เป็ นเครื่อง ศูนยบ์ ริการขอ้ มูลให้กบั เครื่องลูกข่าย สาหรับเคร่ืองสถานีลูกข่ายสามารถใช้คอมพิวเตอร์ทว่ั ไปที่อาจไม่ จาเป็นตอ้ งมีสมรรถนะสูงมาเช่ือมต่อเพื่อใชง้ านก็เป็ นได้ โดยตวั อยา่ งระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายที่ใชง้ านบน เครือข่ายแบบไคลเอนตเ์ ซิร์ฟเวอร์ เช่น Novell-NetWare, Windows-NT, Unix เป็นตน้ สาหรับขอ้ ดีและขอ้ เสียของการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ สามารถสรุปได้ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี ขอ้ ดี - เครือขา่ ยมีเสถียรภาพสูง การเพม่ิ สถานีเครือขา่ ยสามารถเพมิ่ ขยายไดต้ ามตอ้ งการ แต่อยา่ งไรก็ตาม จะตอ้ งคานึงถึงตวั ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายที่ไดง้ านว่ารองรับการใช้งานของผูใ้ ชจ้ านวนเท่าไร เช่น ลิขสิทธ์ิของตวั โปรแกรมระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยรองรับท่ี 100 ผใู้ ช้ ดงั น้นั ก็จะสามารถเชื่อมต่อสถานี ไดไ้ ม่มากกวา่ 100 เครื่อง เป็นตน้ - มีระบบความปลอดภยั สูง ไม่วา่ จะเป็ นส่วนของระบบความปลอดภยั ในขอ้ มูล หรือการจดั การ สิทธิการใชง้ านของผใู้ ช้ - มีอุปกรณ์และโปรแกรมเคร่ืองมือต่าง ๆ ท่ีสนบั สนุนการใชง้ านค่อนขา้ งมาก ขอ้ เสีย - มีการลงทุนสูง แตห่ ากเปรียบเทียบการใชง้ านโดยรวม ก็ถือวา่ คุม้ ค่ามาก - ในการติดต้งั จาเป็นตอ้ งพ่ึงพาผคู้ วบคุมระบบ ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ 2) เครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-peer Network/Non-Dedicated Server) เป็ นเครือข่ายที่ไม่มี เคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีใช้เป็ นเครื่องเซิร์ฟเวอร์โดยเฉพาะ คอมพิวเตอร์ทุก ๆ เคร่ืองบนเครือข่ายประเภทน้ีมี ความเสมอภาคเท่าเทียมกันท้งั หมด จุดประสงค์ของเครือข่ายประเภทน้ีคือ ต้องการเพียงส่ือสารเพื่อ แลกเปล่ียนข้อมูลและแชร์ทรัพยากรร่วมกนั ไดเ้ ท่าน้นั โดยอาจจาเป็ นตอ้ งยอมรับถึงความปลอดภยั ท่ีมี ค่อนขา้ งต่า ตวั อยา่ งระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายแบบเพียร์ เช่น NetWare-Life, Windows for Workgroup, Window-9X, Windows-XP เป็นตน้
สาหรับขอ้ ดีและขอ้ เสียของการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ สามารถสรุปไดด้ งั รายละเอียด ต่อไปน้ี ขอ้ ดี - ลงทุนต่า - เหมาะสาหรับเครือขา่ ยขนาดเล็ก - ไมจ่ าเป็นตอ้ งพ่งึ พาผดู้ ูแลระบบ - ติดต้งั ง่าย ขอ้ เสีย - มีขีดความสามารถจากดั - มีระบบความปลอดภยั คอ่ นขา้ งต่า ท้งั ในดา้ นของการจดั การขอ้ มูล และการกาหนดสิทธิการใชง้ าน ของผใู้ ช้ - มีปัญหาเก่ียวกบั การขยายเครือข่าย เนื่องจากหากมีจานวนเครื่องมากข้ึนบนเครือข่าย จะส่งผลต่อ ความเร็วที่เลวลงอยา่ งเห็นไดช้ ดั เจน จานวนเครื่องบนเครือข่ายควรอยปู่ ระมาณ 10 ถึง 20 เครื่องเท่าน้นั ซ่ึง ไม่ควรมีมากไปกวา่ น้ี 2.เครือข่ายระดับเมอื ง (Metropolitan Area Network: MAN) เครือข่ายระดับเมืองหรือเครือข่ายแมน เป็ นเครือข่ายที่เช่ือมโยงกนั ระหว่างเมือง ซ่ึงครอบคลุม ระยะทางที่ไกลกว่าเครือข่ายทอ้ งถ่ิน เครือข่ายประเภทน้ีในประเทศไทยยงั ไม่ค่อยนิยมเท่าไรนกั ในขณะที่ ตา่ งประเทศมกั ใชเ้ ครือขา่ ยระดบั เมืองในการเชื่อมต่อสานกั งานสาขาต่างๆ ท่ีอยใู่ นเมืองหรือจงั หวดั เดียวกนั รวมถึงเครือข่ายเคเบิลทีวที อ้ งถ่ิน เป็นตน้ รูป ตวั อยา่ งการเช่ือมต่อเครือข่ายระดบั เมือง 3.เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network: WAN) เป็นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ท่ีเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะห่างไกล เป็ นเครือข่ายขนาดใหญ่ มี การติดต่อต่อส่ือสารกนั ในบริเวณกวา้ ง เช่น เช่ือมโยงระหวา่ งจงั หวดั ระหวา่ งประเทศ การสร้างเครือข่าย
ระยะไกลจึงตอ้ งอาศยั ระบบบริการขา่ ยสายสาธารณะ เช่น การสื่อสารแห่งประเทศไทย ใชว้ งจรส่ือสารผา่ น ดาวเทียม ใช้วงจรส่ือสารเฉพาะกิจท่ีมีให้ บริการแบบสาธารณะ เครือข่ายแวนจึงเป็ นเครือข่ายท่ีใช้กบั องคก์ ารท่ีมีสาขาห่างไกล และตอ้ งการเช่ือมสาขา เหล่าน้นั เขา้ ดว้ ยกนั เช่น ธนาคาร มีสาขาทวั่ ประเทศ มี บริการรับฝากและถอนเงินผา่ นตเู้ อทีเอม็ เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็วในการสื่อสารจึงไม่สูง เนื่องจากมีสัญญาณ รบกวนในสายและการเชื่อมโยงระยะไกลจาเป็ นตอ้ งใช้เทคนิคพิเศษในการลดปัญหาขอ้ ผิดพลาดของการ รับส่งขอ้ มูล เครือข่ายแวนเป็ นเครือข่ายที่ทาให้เครือข่ายแลนหลายๆ เครือข่ายเช่ือมถึงกนั ได้ เช่น ท่ีทาการ สาขาทุกแห่งของธนาคารแห่งหน่ึงมีเครือข่ายแลนเพ่ือใช้ทางานภายในสาขาน้ันๆ และมีการเชื่อมโยง เครือข่ายแลนของทุกสาขาให้เป็ นระบบเดียวดว้ ยเครือข่ายแวน ในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี บทบาทของเครือข่าย แวนจะทาให้ทุกบริษทั ทุกองคก์ ารทุกหน่วยงานเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของตนเองเขา้ สู่เครือข่าย กลาง เพอื่ การแลกเปลี่ยนขอ้ มูลระหวา่ งกนั ละการทางานร่วมกนั ในระบบที่ตอ้ งติดต่อส่ือสารระหวา่ งกนั เทคโนโลยีที่ใช้กบั เครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเช่ือมโยงระหว่างประเทศดว้ ยช่องสัญญาณ ดาวเทียม เส้นใยนาแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล ท้งั ท่ีวางตามถนนและวางใตน้ ้า เทคโนโลยี ของการเชื่อมโยง ไดร้ ับการพฒั นาไปมากแต่ยงั ไมพ่ อเพียงกบั ความตอ้ งการท่ีเพม่ิ มากข้ึนอยา่ งรวดเร็ว รูป ตวั อยา่ งการเช่ือมตอ่ เครือข่ายระดบั ประเทศ 4. รูปร่างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Topology) รูปร่างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Topology) คือ การนาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกนั เพื่อ ประโยชน์ของการสื่อสารรูปแบบการจดั วางคอมพิวเตอร์ การเดินสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย รวมถึงหลกั การไหลเวยี นขอ้ มูลในเครือขา่ ยสามารถทาไดห้ ลายรูปแบบ ดงั น้นั ถา้ เราควรมีความรู้และเขา้ ใจถึงการเชื่อมต่อเครือขา่ ยทางกายภาพซ่ึงจะแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ เชื่อมต่อแบบจุดตอ่ จุด (point-to-pointConnection) และเช่ือมต่อแบบหลายจุด (multipoint Connection)
1. การเช่ือมต่อแบบจุดต่อจุด (Point-to-point) เป็นการเช่ือมตอ่ ระหวา่ ง เคร่ืองคอมพวิ เตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารสอง เครื่อง โดยใชส้ ่ือกลางหรือช่องทางในการ ส่ือสารช่องทางเดียวเป็ นการจองสายในการ ส่งขอ้ มลู ระหวา่ งกนั โดยไม่มีการใชง้ าน ส่ือกลางน้นั ร่วมกบั อุปกรณ์ชิ้นอ่ืนๆ การ เชื่อมต่อลกั ษณะน้ีเป็นการเช่ือมต่อที่ทาให้ สิ้นเปลืองช่องทางการส่ือสาร 2. การเช่ือมต่อแบบหลายจุด (multipoint) เป็นการใชง้ านช่องทางการสื่อสารเตม็ ประสิทธิภาพ มากข้ึนโดยการเชื่อมต่อลกั ษณะน้ีจะใชช้ ่องทางการส่ือสารหน่ึงช่องทางเช่ือมต่อเขา้ กบั เคร่ือง คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารหลายชิ้น โดยมีจุดเชื่อมแยกออกมาจากสายหลกั ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. เครือข่ายแบบบัส (Bus Topology) การนาอุปกรณ์ทุกชิ้นในเครือข่ายเช่ือมตอ่ กบั สายสื่อสารหลกั ท่ีเรียกวา่ \"บสั \" (BUS) ซ่ึงจะทาหนา้ ที่ เป็น แบก็ โบน (backbone) ของระบบ ในการเช่ือมโยงจะตอ้ งใชส้ าย (drop line) และแทป็ (tap) เพ่ือทาการเช่ือมกนั ระหวา่ งโหนดกบั บสั เน่ืองจากโทโปโลยีแบบน้ีตอ้ งใช้แบ็กโบนเป็ นสื่อกลางในการรับส่งขอ้ มูล ดงั น้นั สัญญาณ (signal) จาก โหนดต่างๆ จะถูกส่งผ่านแบ็กโบนท้งั หมด ซ่ึงสามารถทาให้เกิดความร้อน (heat) ข้ึนภายในแบ็กโบนได้ และจะส่งผลใหก้ ารส่งขอ้ มูลเป็นระยะทางไกลๆ มีปัญหาได้ ดงั น้นั จึงตอ้ งมีการจากดั จานวนของแทป็ ไม่ให้ มีมากเกินไป อีกท้งั ยงั ตอ้ งมีการกาหนดระยะทางระหวา่ งแทป็ ใหด้ ีดว้ ย ขอ้ ดีของการเชื่อมต่อแบบบสั คือ ใชส้ ื่อนาขอ้ มูลนอ้ ย ช่วยใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย เป็ นโครงสร้างท่ีไม่ ซบั ซอ้ น และติดต้งั ง่าย ง่ายต่อการเพิ่มจานวนโหนด โดยสามารถเช่ือมต่อเขา้ กบั สายแกนหลกั ไดท้ นั ที และ ถา้ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเคร่ืองหน่ึงเสียก็จะไม่ส่งผลต่อการทางานของระบบโดยรวม แต่มี ขอ้ เสียคือ การตรวจจุดที่มีปัญหา กระทาไดค้ ่อนขา้ งยาก และถา้ มีจานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากเกินไป จะ มีการส่งขอ้ มลู ชนกนั มากจนเป็นปัญหา ขอ้ จากดั คือ จาเป็นตอ้ งใชว้ งจรส่ือสารและซอฟตแ์ วร์เขา้ มาช่วยเพ่ือ หลีกเล่ียงการชนกนั ของสัญญาณขอ้ มูล และถา้ มีอุปกรณ์ตวั ใดตวั หน่ึงเสียหาย อาจส่งผลให้ท้งั ระบบหยุด ทางานได้ การควบคุมการส่ือสารภายในเครือขา่ ยแบบ BUS มี 2 แบบ คือ ควบคุมดว้ ยศนู ยก์ ลาง (Centralized) ซ่ึงจะมีโหนดหน่ึงท่ีทาหนา้ ที่เป็นศนู ยก์ ลางควบคุมการ สื่อสาร ภายในเครือข่ายซ่ึงส่วนใหญจ่ ะ เป็นไฟลเ์ ซิร์ฟเวอร์
ควบคุมแบบกระจาย (Distributed) ทุก ๆ โหนดภายในเครือข่ายจะมีสิทธิในการควบคุมการส่ือสาร แทนท่ีจะเป็ นศูนยก์ ลางควบคุมเพียงโหนดเดียว ซ่ึงโดยทวั่ ไปคู่โหนดที่กาลงั ทาการสื่อสารส่ง-รับขอ้ มูลกนั อยจู่ ะเป็นผคู้ วบคุมการสื่อสารในเวลาน้นั ความสามารถในการขยายเครือข่าย เมื่อต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ใหม่เข้ากับเครือข่าย จาเป็นตอ้ งใชส้ ายสัญญาณท่ียาวข้ึน สายสญั ญาณที่ใชใ้ นโทโปโลยีแบบบสั น้ีสามารถต่อให้ยาวข้ึนโดย 2 วิธี ดงั น้ี ใชห้ วั เช่ือมต่อ barrel connector เช่ือมต่อสายสัญญาณสองเส้น ใชอ้ ุปกรณ์ทวนสัญญาณ (repeater) 2. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology) เครือข่ายแบบวงแหวน จะสื่อสารโดยข่าวสารที่ส่งผา่ นไปในเครือข่ายจะไหลวนอยใู่ นเครือข่ายไป ในทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน หรือ RING นน่ั เอง โดยไม่มีจุดปลายหรือเทอร์มิเนเตอร์แบบ BUS ในแต่ละ โหนดจะมีรีพีตเตอร์ประจาโหนด 1 เครื่อง ซ่ึงจะทาหนา้ ท่ีเพม่ิ เติมขา่ วสารที่จาเป็ นต่อการส่ือสาร ในส่วนหวั ของแพก็ เกจขอ้ มูลสาหรับการส่งขอ้ มูลออกจากโหนด และมีหนา้ ท่ีรับแพก็ เกจขอ้ มูลท่ีไหลผา่ นมา จากสาย
สื่อสารเพอื่ ตรวจสอบวา่ เป็นขอ้ มูลที่ส่งมาใหโ้ หนดตนหรือไม่ ถา้ ใช่ก็จะคดั ลอกขอ้ มูลท้งั หมดน้นั ส่งต่อไป ใหก้ บั โหนดของตน แต่ถา้ ไม่ใช่กจ็ ะปล่อยขอ้ มูลน้นั ไปยงั รีพีตเตอร์ของโหนดถดั ไป ขอ้ ดีของเครือข่ายแบบวงแหวน คือ แต่ละโหนดในวงแหวนมีโอกาสที่จะส่งขอ้ มูลไดเ้ ท่าเทียมกนั ประหยดั สายสัญญาณ โดยจะใชส้ ายสัญญาณเท่ากบั จานวนโหนดท่ีเช่ือมต่อ และง่ายต่อการติดต้งั และการ เพิม่ /ลบจานวนโหนด แต่ขอ้ เสีย คือ หากวงแหวนเกิดขาดหรือเสียหายจะส่งผลต่อระบบท้งั หมด และยากต่อ การตรวจสอบ ในกรณีที่มีโหนดใดโหนดหน่ึงเกิดขดั ขอ้ ง เน่ืองจากตอ้ งตรวจสอบทีละจุดวา่ เกิดขอ้ ขดั ขอ้ ง อยา่ งไร 3. เครือข่ายแบบดาว (Star Topology) จากการเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารที่มีลกั ษณะคลา้ ยกบั รูปดาว(STAR) หลายแฉกโดยมีศูนยก์ ลางของ ดาว หรือฮบั เป็ นจุดผา่ นการติดต่อกนั ระหวา่ งทุกโหนดในเครือข่าย ศูนยก์ ลางจึงมีหนา้ ที่เป็ นศูนยค์ วบคุม เส้นทางการสื่อสารท้งั หมดท้งั ภายใน และภายนอกเครือข่าย นอกจากน้ีศูนยก์ ลางยงั ทาหนา้ ท่ีเป็ นศูนยก์ ลาง ขอ้ มลู อีกดว้ ย โดยเชื่อมต่อเขา้ กบั ไฟลเ์ ซิร์ฟเวอร์อีกที การส่ือสารภายในเครือข่ายแบบ STAR จะเป็ นแบบ 2 ทิศทางโดยอนุญาตใหม้ ีเพียงโหนดเดียว เท่าน้นั ท่ีสามารถส่งขอ้ มูลเขา้ สู่เครือข่ายในเวลาเดียวกนั เพื่อป้ องกนั การชนกนั ของสัญญาณขอ้ มูล (แต่ใน อุปกรณ์รุ่นใหม่สามารถทาการสลบั การทางานและยอมใหท้ างานไดพ้ ร้อมกนั คือ Switch HUB) โทโปโลยี แบบ STAR เป็นที่นิยมใชก้ นั มากท่ีสุดในปัจจุบนั เพราะติดต้งั ง่ายและดูแลรักษาง่าย หากมีโหนดใดเกิดความ เสียหายกต็ รวจสอบไดง้ ่าย และศูนยก์ ลางสามารถตดั โหนดน้นั ออกจากการส่ือสารในเครือข่ายได้
ขอ้ ดีของเครือข่ายแบบดาว คือ มีความคงทนสูง คือหากสายเคเบิลของบางโหนดเกิดขาดก็จะไม่ ส่งผลกระทบตอ่ ระบบโดยรวม โดยโหนดอื่นๆ ก็ยงั สามารถใชง้ านไดต้ ามปกติ และเนื่องจากมีจุดศูนยก์ ลาง อยทู่ ่ีฮบั ดงั น้นั การจดั การและการบริการจะง่ายและสะดวก ส่วนขอ้ เสีย คือ ใชส้ ายเคเบิลมากเท่ากบั จานวน เครื่องท่ีเช่ือมตอ่ ซ่ึงหมายถึงค่าใชจ้ ่ายท่ีสูงข้ึนดว้ ย แต่ก็ใชส้ ายเคเบิลมากกวา่ แบบ BUS กบั แบบ RING การ เพ่ิมโหนดใดๆ จะตอ้ งมีพอร์ตเพียงพอต่อการเชื่อมโหนดใหม่ และจะตอ้ งโยงสายจากพอร์ตของฮบั มายงั สถานท่ีท่ีต้งั เครื่อง และเน่ืองจากมีจุดศูนยก์ ลางอยู่ท่ีฮบั หากฮบั เกิดขอ้ ขดั ขอ้ งหรือเสียหายใชง้ านไม่ได้ คอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่เช่ือมตอ่ เขา้ กบั ฮบั ดงั กล่าวกจ็ ะใชง้ านไม่ไดท้ ้งั หมด 5. อปุ กรณ์เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 1.โมเด็ม (Modem) โมเด็มเป็ นฮาร์ดแวร์ท่ีทาหนา้ ที่แปลงสัญญาณแอนะล็อกให้เป็ นสัญญาณดิจิตลั เม่ือขอ้ มูลถูกส่งมายงั ผรู้ ับละแปลงสัญญาณดิจิตลั ใหเ้ ป็ นแอนะล็อก เมื่อตอ้ งการส่งขอ้ มูลไปบนช่องส่ือสาร กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิตลั ให้เป็ นสัญญาณแอนะล็อก เรียกว่า มอดูเลชนั (Modulation) โมเด็มทาหนา้ ที่ มอดูเลเตอร์ (Modulator) กระบวนการท่ีโมเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็ นสัญญาณ แนะล็อก ให้เป็ นสัญญาณดิจิตลั เรียกว่า ดีมอดูเลชัน (Demodulation) โมเด็มหน้าที่ ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator) โมเด็มท่ีใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายในปัจจุบนั มี 2 ประเภทโมเด็กในปัจจุบนั ทางานเป็ นท้งั โมเด็ม และ เคร่ืองโทรสาร เราเรียกวา่ Faxmodem
2. การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN เป็นอุปกรณ์ทาหนา้ ท่ีส่ือสารระหวา่ งเครื่อง ต่างกนั ไดไ้ ม่จาเป็นตอ้ งเป็นรุ่นหรือยห่ี อ้ เดียวกนั แตห่ ากซ้ือพร้อมๆกนั กแ็ นะนาใหซ้ ้ือรุ่นและยหี อ้ เดียวกนั จะ ดีกวา่ และควรเป็ นการ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งขอ้ มูลไดเ้ ร็วกวา่ แบบ ISAและเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆมกั จะ ไมม่ ี Slot ISA ควรเป็นการ์ดท่ีมีความเร็วเป็น 100 Mbps ซ่ึงจะมีราคามากกวา่ การ์ดแบบ 10 Mbps ไม่มากนกั แต่ส่งขอมูลไดเ้ ร็วกวา่ นอกจากน้ีคุณควรคานึงถึงข้วั ต่อหรือคอนเน็กเตอร์ของการ์ดดว้ ยโดยทว่ั ไปคอนเน็ก เตอร์ของการ์ด LAN จะมีหลายแบบ เช่น BNC , RJ-45 เป็ นตน้ ซ่ึงคอนเน็กเตอร์แต่ละแบบก็จะใชส้ ายที่ แตกต่างกนั 3. เกตเวย์ (Gateway) เกตเวย์ เป็ นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหน่ึงที่ช่วยในการสื่อสาร ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์หน้าที่หลกั คือช่วยให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกวา่ ซ่ึงมีลกั ษณะไม่ เหมือนกนั สามารถติดตอ่ ส่ือสารกนั ไดเ้ หมือนเป็นเครือขา่ ยเดียวกนั 4. เราเตอร์ (Router) เราเตอร์เป็ นอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายท่ีทาหนา้ ที่เป็ นตวั เชื่อมโยงใหเ้ ครือข่าย ท่ีมีขนาดหรือมาตรฐานในการส่งขอ้ มูลต่างกนั สามารถติดต่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูลระหวา่ งกนั ได้ เราเตอร์จะ ทางานอยชู่ ้นั Network หนา้ ท่ีของเราเตอร์ก็คือ ปรับโปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเป็ นมาตรฐานใน การส่ือสารขอ้ มูล บนเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์) ที่ต่างกนั ใหส้ ามารถส่ือสารกนั ได้
5. บริดจ์ (Bridge) บริดจม์ ีลกั ษณะคลา้ ยเคร่ืองขยายสัญญาณ บริดจจ์ ะทางานอยใู่ นช้นั Data Link บริดจท์ างานคลา้ ยเคร่ืองตรวจตาแหน่งของขอ้ มูล โดยบริดจจ์ ะรับขอ้ มูล จากตน้ ทางและส่งใหก้ บั ปลายทาง โดยที่บริดจจ์ ะไม่มีการแกไ้ ขหรือเปล่ียนแปลงใดๆแก่ขอ้ มูล บริดจท์ าให้การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายมี ประสิทธิภาพลดการชนกนั ของขอ้ มลู ลง บริดจจ์ ึงเป็นสะพานสาหรับขอ้ มูลสองเครือขา่ ย 6. รีพีตเตอร์ (Repeater) รีพีตเตอร์ เป็ นเคร่ืองทบทวนสัญญาณขอ้ มูลในการส่งสัญญาณขอ้ มูลใน ระยะทางไกลๆ สาหรับสัญญาณแอนะล็อกจะต้องมีการขยายสัญญาณขอ้ มูลที่เริ่มเบาบางลงเน่ืองจาก ระยะทาง และสาหรับสัญญาณดิจิตลั ก็จะตอ้ งมีการทบทวนสัญญาณเพื่อป้ องกนั การขาดหายของสัญญาณ เนื่องจากการส่งระยะทางไกลๆเช่นกนั รีพีตเตอร์จะทางานอยใู่ นช้นั Physical 7. สายสัญญาณ เป็ นสายสาหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเขา้ ดว้ ยกนั หากเป็ น ระบบท่ีมีจานวนเครื่องมากกวา่ 2 เครื่องก็จะตอ้ งต่อผ่านฮบั อีกทีหน่ึง โดยสายสัญญาณสาหรับเช่ือมต่อ เครื่องในระบบเครือขา่ ย จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ - สาย Coax มีลกั ษณะเป็ นสายกลม คลา้ ยสายโทรทศั น์ ส่วนมากจะเป็ นสีดาสายชนิดน้ีจะใชก้ บั การ์ด LAN ท่ีใชค้ อนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณไดไ้ กลประมาณ 200 เมตร สายประเภทน้ี จะตอ้ งใชต้ วั T Connector สาหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณกบั การ์ด LAN ต่างๆในระบบ และตอ้ งใช้ตวั Terminator ขนาด 50 โอห์ม สาหรับปิ ดหวั และทา้ ยของสาย
- สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็ นสายสาหรับการ์ด LAN ที่ใชค้ อนเน็กเตอร์แบบ RJ-45 สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคุณใข้สายแบบน้ีจะตอ้ งเลือกประเภทของสายอีก โดยทวั่ ไปนิยมใชก้ นั 2 รุ่น คือ CAT 3 กบั CAT5 ซ่ึงแบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสัญญาณ10 Mbps และแบบ CAT 5 จะมีความเร็วในการส่งขอ้ มูลที่ 100 Mbps แนะนาว่าควรเลือกแบบ CAT 5 เพื่อการ อพั เกรดในภายหลงั จะไดไ้ ม่ตอ้ งเดินสายใหม่ ในการใช้งานสายน้ี สาย 1 เส้นจะตอ้ งใชต้ วั RJ - 45 Connector จานวน 2 ตวั เพ่ือเป็ นตวั เชื่อมต่อระหวา่ งสายสัญญาณจากการ์ด LAN ไปยงั ฮบั หรือเครื่องอื่น เช่นเดียวกบั สายโทรศพั ท์ ในกรณีเป็ นการเช่ือมต่อเคร่ือง 2 เครื่องสามารถใชต้ ่อผา่ นสายเพียงเส้นเดียไดแ้ ต่ ถา้ มากกวา่ 2 เครื่อง ก็จาเป็นตอ้ งต่อผา่ นฮบั 8. ฮับ (HUB) เป็ นอุปกรณ์ช่วยกระจ่ายสัญญาณไปยงั เคร่ืองต่างๆที่อยใู่ นระบบ หากเป็ นระบบ เครือข่ายที่มี 2 เคร่ืองก็ไม่จาเป็ นตอ้ งใชฮ้ บั สามารถใชส้ ายสัญญาณเช่ือมต่อ ถึงกนั ไดโ้ ดยตรง แต่หากเป็ น ระบบที่มีมากกว่า 2 เคร่ืองจาเป็ นตอ้ งมีฮบั เพ่ือทาหนา้ ที่เป็ นตวั กลาง ในการเลือกซ้ือฮบั ควรเลือกฮบั ที่มี ความเร็วเท่ากบั ความเร็ว ของการ์ด เช่น การ์ดมีความเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใชฮ้ บั ที่มีความเร็วเป็ น 100 Mbps ดว้ ย ควรเป็นฮบั ท่ีมีจานวนพอร์ตสาหรับต่อสายที่เพยี งพอกบั เคร่ืองใชใ้ นระบบ หากจานวนพอร์ตต่อ สายไม่เพียงพอก็สามารถต่อพ่วงได้ แนะนาวา่ ควรเลือกซ้ือฮบั ที่สามารถต่อพ่วงได้ เพ่ือรองรับการขยายตวั ในอนาคต
9. ตัวอย่างอปุ กรณ์อนื่ ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง รูปCABLE TESTER รูปคีมเขา้ หวั เชื่อมต่อแบบ RJ-45 รูปPort Cat.6 RJ-45 UTP Rack Mount Patch Panels
รูปCat.5e RJ-45 Modular Jacks รูป43RJ-45 Modular Plug Boots รูปFace Plates รูปPOP UP Floor Mount รูป Wall Rack 19”
6. การจัดการทรัพยากรบนเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ระบบเครือข่ายทอ้ งถ่ินถือไดว้ า่ เป็นสิ่งจาเป็ นต่อองคก์ รตา่ ง ๆ เพราะคอมพวิ เตอร์ตา่ ง ๆ ไมส่ ามารถ ทางานเพียงตวั เดียวหรือแบบ standalone ไดอ้ ีกต่อไป ความตอ้ งการเชื่อมตอ่ คอมพวิ เตอร์เป็นระบบเครือขา่ ย ถือวา่ เป็นความตอ้ งการพ้นื ฐานของระบบสานกั งานและองคก์ รตา่ ง ๆ เพื่อทาให้เกิดการใชข้ อ้ มลู ร่วมกนั และ เป็นการประหยดั ทรัพยากรในระบบ เช่น ใชซ้ อฟตแ์ วร์ราคาแพงร่วมกนั หรือใชอ้ ุปกรณ์พรินเตอร์ร่วมกนั อยา่ งไรก็ตาม การออกแบบระบบเครือข่ายทอ้ งถิ่นจะตอ้ งทาโดยผชู้ านาญและมีประสบการณ์ในการ ออกแบบเน่ืองจากระบบเครือขา่ ยแต่ละท่ีมีความตอ้ งการของผใู้ ชไ้ ม่เหมือนกนั รวมท้งั ขอ้ จากดั ต่าง ๆ ทางดา้ นเทคนิคของอุปกรณ์เครือข่ายเองทาใหเ้ ราตอ้ งรู้ถึงการและข้นั ตอนการออกแบบระบบเครือข่ายท่ี ถูกตอ้ ง ระบบเครือขา่ ยที่ดีตอ้ งสามารถรองรับความตอ้ งการของผใู้ ช้ (user's requirement) ไดท้ ้งั ในปัจจุบนั และในอนาคต เม่ือเราทราบความตอ้ งการของผใู้ ชแ้ ลว้ วิศวกรเครือข่ายตอ้ งเปลี่ยนความตอ้ งการของผใู้ ช้ (ความตอ้ งการการใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตน์ นั่ เอง) มาเป็ นความตอ้ งการของทรัพยากรเครือข่าย (network requirement) ซ่ึงจะนาไปสู่การออกแบบเครือข่ายที่สะทอ้ นถึงการใชง้ านระบบเครือขา่ ยที่ถูกตอ้ ง การออกแบบระบบเครือขา่ ยท่ีดีน้นั ตอ้ งคานึงถึงปัจจยั พ้นื ฐานต่าง ๆ ดงั น้ี 1. Performance ประสิทธิภาพของระบบเครือขา่ ย โดยสะทอ้ นจากเมตริกตา่ ง ๆ เช่น Application throughput, response time (delay) เป็นตน้ ปัจจยั ทางดา้ นประสิทธิภาพตอ้ งเป็นที่ยอมรับจากผใู้ ชว้ า่ ระบบ เครือข่ายสามารถรองรับการทางานของโปรแกรมประยกุ ตไ์ ดต้ ามขอ้ ตกลงระดบั การบริการของระบบ เครือขา่ ย service level agreement เช่น ระบบเครือข่ายที่มีโปรแกรมประยกุ ตส์ ่ือประสมหลายสื่อตอ้ ง สามารถรับประกนั throughput ของผใู้ ชห้ น่ึง ๆ วา่ ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 8 กิโลไบตต์ อ่ วินาที โดยตอ้ งใชเ้ วลา delay จากผสู้ ่งถึงผรู้ ับไมเ่ กิน 200 ms ซ่ึงรับประกนั คุณภาพการส่งขอ้ มลู เสียงและภาพเคล่ือนไหวได้ หรือ รับประกนั การใชเ้ วบ็ วา่ สามารถเขา้ ถึงหนา้ เวบ็ ท่ีตอ้ งการภายใน 8 วนิ าที เป็นตน้ 2. Reliability เป็นปัจจยั ที่แสดงถึงการออกแบบที่ตอ้ งมีระบบท่ีทนตอ่ ความผดิ พร่อง fault tolerance ของเครือขา่ ยอนั เกิดมาจากการลม้ เหลวของอุปกรณ์ท่ีเกิดความเสียหายโดยจะเขา้ ทดแทนการทางานไดท้ นั ที โดยระบบไมเ่ กิดความเสียหาย อยา่ งไรก็ตาม ระบบสารองที่ใชจ้ ะทาใหค้ ่าใชจ้ า่ ยในการออกแบบระบบ เครือข่ายสูงข้ึน ดงั น้นั เพ่ือคานึงถึงปัจจยั น้ี ตอ้ งประเมินความสาคญั ของระบบงานโปรแกรมประยกุ ตข์ อง ผใู้ ชว้ า่ จะเกิดความเสียหายข้ึนมากนอ้ ยอยา่ งไรเม่ือเกิดปัญหา จากน้นั จึงสามารถพิจารณาระดบั ของการ ออกแบบระบบเครือขา่ ยสารองใหเ้ หมาะสมได้ โดยปกติเราสามารถแบ่งระบบสารองไดเ้ ป็นแบบ On-line (Hot backup) และ Off-line (Cold backup) ซ่ึงเป็นประโยชน์จากระบบสารองต่างชนิดกนั จะไมเ่ หมือนกนั ข้ึนอยกู่ บั ระดบั ความตอ้ งการของผใู้ ช้ 3. Scalability เป็นปัจจยั ท่ีเนน้ ถึงระบบเครือขา่ ยท่ีสามารถรองรับจานวนของผใู้ ชใ้ นระบบ เทคโนโลยบี างประเภทรวมกบั การออกแบบระบบเครือข่ายที่ถูกตอ้ งสามารถรองรับจานวนผใู้ ชไ้ ดต้ ้งั แต่
จานวนไมม่ ากนกั ไปจนถึงผใู้ ชห้ ลายพนั คน โดยไม่จาเป็นตอ้ งออกแบบระบบเครือข่ายใหมห่ รือตอ้ งใช้ เทคโนโลยใี หม่ ดงั น้นั การเลือกเทคโนโลยเี ครือข่ายท่ีเหมาะสมและสามารถรองรับผใู้ ชไ้ ดถ้ ือวา่ เป็นปัจจยั ของการออกแบบระบบเครือข่ายท่ีสาคญั เช่นกนั 4. Flexibility เป็นปัจจยั การออกแบบเครือข่ายท่ีเนน้ ถึงความยดื หยนุ่ ของเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยี อีเทอร์เน็ตสามาระรองรับเครือขา่ ยท่ีแบนดว์ ิดธ์ 10/100/1000/10,000 ลา้ นบิต ต่อวินาที โดยไมจ่ าเป็ นตอ้ งใช้ เทคโนโลยอี ่ืน สามารถเลือกใชส้ ายสื่อเป็นแบบสายคู่บิดเกลียวหรือสายใยแกว้ เมื่อตอ้ งการระยะทาง ระหวา่ งโฮสตท์ ่ีต่างกนั , เทคโนโลยเี อทีเอม็ ATM-Asynchronous Transfer Mode สามารถเลือกใชใ้ นระบบ เครือข่ายทอ้ งถ่ินและ/หรือเครือขา่ ยทางไกลหรือผสมกนั กไ็ ด้ เป็นตน้ 5. Security ความปลอดภยั ของระบบเครือขา่ ยถือไดว้ า่ เป็นปัจจยั สาคญั อนั ดบั ตน้ ๆ ของการ ออกแบบเครือขา่ ยสาหรับธุรกิจหรือองคก์ รที่เกบ็ ขอ้ มูลท่ีมีความสาคญั มาก ๆ หรือเป็นองคก์ รของรัฐท่ีเกบ็ ขอ้ มลู ลบั ตา่ ง ๆ การออกแบบเครือขา่ ยท่ีตอ้ งการความปลอดภยั ในระดบั สูงตอ้ งคานึงถึงความปลอดภยั ใน ระดบั ตา่ ง ๆ ดงั น้ี:- ทางกายภาพ (Physical security) เป็นความปลอดภยั ท่ีเห็นไดช้ ดั อนั เกิดจากการใชส้ ายสื่อท่ีปลอดภยั ต่อการลกั ลอบดกั ฟัง (tapping) เช่น สายใยแกว้ หรือเดินสายคูบ่ ิดเกลียวที่มีทอ่ เดินที่ปิ ดมิดชิด ระบบการ เดินสายและกระจายสายท่ีเป็นระเบียบมิดชิดโดยผอู้ ่ืนไม่สามารถลกั ลอบใชส้ ายเครือขา่ ยได,้ ระบบรักษา ความปลอดภยั ท่ีตอ้ งใชบ้ ตั รผา่ นเขา้ -ออก หรืออาจจะตอ้ งมีกลอ้ งทีววี งจรปิ ดในหอ้ งเก็บเซอร์ฟเวอร์สาคญั ๆ เป็ นตน้ ความปลอดภยั ของระบบเครือขา่ ย (Data link/Network security) เป็นการรักษาความปลอดภยั ของ การเขา้ ถึงขอ้ มลู เนื่องจากขอ้ มูลในระบบโปรแกรมประยกุ ตม์ ีหลายระดบั การเขา้ ถึงขอ้ มูลระดบั ใดข้ึนอยกู่ บั ผดู้ ูแลระบบวา่ จะอนุญาตใหใ้ ครสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลประเภทใดได้ ดงั น้นั การแบ่งเป็นระดบั ความสาคญั ของขอ้ มลู และผใู้ ช้ การใชอ้ ุปกรณ์ firewall เพอื่ ป้ องกนั ผบู้ ุกรุกจากภายนอก การเขา้ รหสั ของระบบเครือขา่ ย ทอ้ งถ่ินแบบไร้สาย (Wireless LAN) เป็นตน้ ความปลอดภยั ของระบบโปรแกรมประยกุ ต์ (Application security) จะตอ้ งรวมถึงวธิ ีการตรวจสอบ ผใู้ ช้ (User Authentication) วา่ เป็นผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมายหรือไม่ซ่ึงตอ้ งอาศยั ระบบการใชล้ อ็ กอินและรหสั ลบั ของแตล่ ะผใู้ ช้ รวมท้งั ระบบการเขา้ รหสั ขอ้ มูลและถอดรหสั ขอ้ มูล (encryption/decryption) ที่จะตอ้ งผา่ น เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต ระบบกุญแจแบบสมมาตรหรืออสมมาตรเพื่อช่วยในการถอดรหสั ตา่ ง ๆ เป็นตน้ 6. Cost-effectiveness การออกแบบระบบเครือขา่ ยท่ีดีตอ้ งเปรียบเทียบความคุม้ ของการลงทุนใน อุปกรณ์เครือข่ายโดยเปรียบเทียบตอ่ ตวั เลข throughput แต่ผใู้ ชแ้ ตล่ ะคน เช่น เครือข่ายหน่ึงมีคา่ ใชจ้ ่าย 2,000 บาทตอ่ หน่ึงกิโลบิต ในขณะท่ีระบบเครือข่ายที่สองมีคา่ ใชจ้ ่ายเพียง 1,000 บาทตอ่ หน่ึงกิโลบิต-ของการส่ง ขอ้ มลู ซ่ึงแสดงวา่ ค่าใชจ้ ่ายเมื่อเทียบกบั ประโยชน์ที่ไดร้ ับของเครือข่ายท่ีหน่ึงจะสูงกวา่ เครือขา่ ยที่สองถึง 2 เท่า แสดงวา่ การออกแบบเครือขา่ ยที่สองดีกวา่ เครือขา่ ยแรกเมื่อเปรียบเทียบที่ throughput เทา่ กนั เป็ นตน้
7. Manageability การออกแบบระบบเครือขา่ ยท่ีดีตอ้ งสามารถบริหารจดั การไดอ้ ยา่ งไม่ยงุ่ ยากและ สิ้นเปลืองงบประมาณการบริหารจดั การไม่มากนกั อาทิเช่น ระบบสายเครือข่ายที่ดรตอ้ งมีระบบการต้งั ช่ือ (labeling) ที่สะดวกต่อการดูแลและบารุงรักษาโดยเจา้ หนา้ ที่เทคนิค รวมท้งั การใชซ้ อฟตแ์ วร์ในการช่วย บริหารจดั การระบบเครือข่าย (Network management software) ทาใหง้ านการดูแลระบบสะดวกและเป็นไป อยา่ งอตั โนมตั ิ หรือ ใชเ้ จา้ หนา้ ท่ีเทคนิคเท่าท่ีจาเป็ น ดงั น้นั การลงทุนในระบบซอฟตแ์ วร์ดงั กล่าวจะตอ้ งดูวา่ สามารถลดค่าใชจ้ ่ายในการบริหารเครือขา่ ยไดม้ ากนอ้ ยเพียงใด หลกั การออกแบบระบบเครือข่าย ในการออกแบบและพฒั นาระบบเครือข่ายใดๆ น้นั จาเป็ นอยา่ งยง่ิ ที่จะตอ้ งทางานอยา่ งเป็นระบบ เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงแบบข้ึนสุดทา้ ย (Final Design) ที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่คุม้ คา่ กบั การลงทุน และตอบสนอง ความตอ้ งการของผใู้ ชไ้ ดอ้ ยา่ งครบถว้ น ดงั รูปขา้ งตน้ 1) ความตอ้ งการของผใู้ ช้ ถือไดว้ า่ เป็นสิ่งท่ีสาคญั ที่สุดในการออกแบบระบบ เพราะจะเป็นสิ่งที่กาหนดแนวทางการออกแบบและ พฒั นา รวมไปถึงการกาหนดคุณสมบตั ิของอุปกรณ์ และรูปแบบการเช่ือมต่อต่างๆ ซ่ึงความตอ้ งการน้ีอาจจะ ไดม้ าจากหลายๆ แหล่ง เช่น วเิ คราะห์จากแผนกลยทุ ธ์ขององคก์ ร วิเคราะห์จากแผนงานดา้ นสารสนเทศ หรือแมก้ ระทงั่ ออกแบบสอบถามเพอ่ื สารวจความคิดเห็นจากผใู้ ชเ้ ป็นตน้ 2) ความตอ้ งการระบบ เม่ือไดค้ วามตอ้ งการของผใู้ ชแ้ ลว้ กน็ าขอ้ มลู น้นั มาประมวลผลใหเ้ ป็นขอ้ มูลทางเทคนิค โดยสามารถ วเิ คราะห์ความตอ้ งการดงั กล่าวเทียบกบั OSI Model 7 Layers เช่น ใน Physical Layer กจ็ ะเป็นส่วนที่ กาหนดความตอ้ งการดา้ นประเภทและชนิดของสายสัญญาณตามมาตรฐานต่างๆ และใน Network Layer ก็ จะเป็นส่วนที่กาหนดรูปแบบการเชื่อมตอ่ และวธิ ีการส่งผา่ นขอ้ มลู ในระบบเครือข่ายเป็ นตน้ 3) การสารวจสภาพของเทคโนโลยใี นปัจจุบนั การศึกษาขอ้ มลู ของเทคโนโลยใี นปัจจุบนั น้นั สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น การคน้ หาขอ้ มูลจากเอกสารทาง วชิ าการ ขอ้ มลู จากนิตยสารทางดา้ นคอมพิวเตอร์ การคน้ หาขอ้ มลู จากอินเตอร์เน็ต หรือการติดตอ่ สอบถาม จากผจู้ าหน่ายอุปกรณ์เพื่อสอบถามถึงขอ้ มลู เทคโนโลยลี ่าสุดของอุปกรณ์ชนิดตา่ งๆ 4) การพิจารณาเปรียบเทียบค่าใชจ้ า่ ย การเปรียบเทียบคา่ ใชจ้ า่ ย เพื่อใหเ้ ห็นถึงจุดเด่น / จุดดอ้ ย ของระบบในแตล่ ะรูปแบบ และยงั สามารถนาผล วเิ คราะห์ที่ไดน้ าเสนอใหผ้ บู้ ริหารเพอ่ื ใชเ้ ป็นสารสนเทศประกอบการตดั สินใจได้ 5) การประเมินการออกแบบ จากขอ้ ท่ี 1 ถึง 3 ขา้ งตน้ จะทาใหไ้ ดแ้ บบเบ้ืองตน้ (Preliminary Design) ซ่ึงแบบเบ้ืองตน้ ท่ีไดน้ ้นั จะถูกนามา ผา่ นข้นั ตอนการวเิ คราะห์อยา่ งละเอียดในข้นั ตอนการประเมินน้ี โดยจะวเิ คราะห์ควบคู่กบั ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากขอ้ 4 และจะมีการปรับแกจ้ นกวา่ จะเป็นท่ีน่าพอใจของทุกๆ ฝ่ าย และไดเ้ ป็นแบบข้นั สุดทา้ ย ( Final Design ) เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางหลกั ในการดาเนินการต่อไป
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B 8%A2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3 %E0%B9%8C http://august-thank.blogspot.com/2012/01/blog-post.html http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/network/network/index.html http://group7-410.blogspot.com/
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: