ใบงานท่ี 3 วชิ า ทกั ษะการเรียนรู้(ทร 31001) ระดับ ม.ปลาย คาสั่ง ให้นักศึกษาตอบคาถามใหม้ ีความหมายท่สี มบูรณ์ 1. การจัดการความรู้ หมายถึง อะไร .................................................................................................... .......................................................................................................................................................... 2. จงอธบิ ายการจดั การความรดู้ ้วยตนเอง มีอย่างไรบ้าง ......................................................................................................................................................... 3. อธบิ ายการรมกล่มุ ตอ่ ยอดความรู้ มปี ระโยชน์อยา่ งไร ..........................................................................................................................................................
การวิจยั เบื้องตน้ ใบงานที่ 4 ใบงานที่ 1ความร้เู บอ้ื งตน้ เกี่ยวกับการวิจยั 1. จงอธบิ ายความหมายของการวิจัย 2 . จงอธิบายลกั ษณะเฉพาะของงานวจิ ัยมาเปน็ ข้อ ๆ 3. จงอธบิ ายจดุ มุง่ หมายของการวิจยั มาให้ละเอยี ด 4.งานวจิ ยั มีประโยชนต์ ่อนักวิจยั และมปี ระโยชนต์ ่อสังคมอย่างไร 5. จงยกตัวอย่างการแสวงหาความรู้อย่างไม่มีระบบแบบแผนในแต่ละวธิ ีดงั ต่อไปนี้ 5.1 การได้รบั ความรโู้ ดยบังเอญิ 5.2 การไดร้ ับความรู้โดยการลองผิดลองถูก 5.3 การไดร้ ับความรจู้ ากผู้รู้ 5.4 การได้รบั ความรจู้ ากผู้เชี่ยวชาญหรือนักปราชญ์ 5.5 การไดร้ ับความรจู้ ากประเพณีและวฒั นธรรม 5.6 การไดร้ บั ความร้จู ากประสบการณข์ องตนเอง 6. จงยกตัวอยา่ งการแสวงหาความรดู้ ้วยระบบเหตผุ ลในแตล่ ะวิธดี ังต่อไปน้ี 6.1 วีธีอนมุ าน 6.2 วิธีอุปมาณ 6.3 วิธอี นุมาน – อุปมาณ 7.จงอธิบายกระบวนการแสวงหาความรู้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ท้ัง 5 ข้นั ตอนมา โดยละเอยี ด 8. นักวิจยั ที่ดีควรมีคณุ สมบตั ิอยา่ งไรจงอธบิ ายใหล้ ะเอียด 9.จงอธบิ ายความหมายประเภทของการวิจัยที่จาแนกประเภทตามระเบียบวิธีวจิ ัย
ดงั ตอ่ ไปนี้ 9.1 การวจิ ยั เชงิ ประวัตศิ าสตร์ 9.2 การวิจัยเชงิ บรรยายหรือเชงิ พรรณนา 9.3 การวิจยั เชิงทดลอง 10. จงอธบิ ายขั้นตอนของกระบวนการวิจัยมาใหล้ ะเอยี ด
บันทกึ หลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ คร้งั ที่ ……… วนั ที่ …………. เดือน …………………………………..……….. พ.ศ. …………….. ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จานวนนักศกึ ษา ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน จานวนนกั ศกึ ษาท่ีเขา้ เรยี น ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จานวนนักศึกษาทีข่ าดเรยี น ทั้งหมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... สภาพการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ปญั หาทีพ่ บและการแกไ้ ขปญั หา ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ การดาเนินการแกไ้ ข/พัฒนา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ขอ้ เสนอแนะ/ความคิดเหน็ ผนู้ เิ ทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่ือ) ................................................... (ลงชื่อ) ................................................... ผนู้ ิเทศ (........................................) (........................................) ………….. /….……… /…….…… ………….. /….……… /…….…… (ลงชือ่ ) ………………………………..…………............. ผอ.กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี (นายศักดช์ิ ัย นาคเอยี่ ม) ………….. /….……… /…….……
บรรณานุกรม เร่อื งศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง เร่ืองเศรษฐกิจโลก http://www.simphan.co.th วนั ที่สบื ค้น 14 มิถุนายน 2562 เรื่อง บทสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้น-ฉบับงา่ ยๆใช้ได้ในชวี ติ ประจาวนั https://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com วันท่สี ืบคน้ 14 มิถุนายน 2562 เรื่อง คาศพั ท์ทีไ่ ด้ใช้ในชีวิตประจาวนั 3500-คา https://www.shorteng.com/ วันที่สบื คน้ 14 มถิ นุ ายน 2562 เร่ืองประวัตลิ กุ เสือโลก http://www.moe.go.th/scout/knowlage_scout.htm วันท่สี บื ค้น 14 มิถุนายน 2562
คณะผู้จดั ทา แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบูรณาการ ตามรูปแบบ ONIE MODEL หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ภาคเรียนท่ี .......... ปกี ารศึกษา ................... ที่ปรึกษา ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี นายศักด์ชิ ัย นาคเอย่ี ม ครพู เ่ี ลีย้ ง จนั ทนะ ครชู านาญการ นางสาวชมพู คณะผจู้ ัดทา 1. ครูอาสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรียน กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี 2. ครู กศน.ตาบล กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี 3. ครู ศรช. กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบรู ณาการ ตามรปู แบบ ONIE Model หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 หวั เรอื่ ง สุขะ พละ สรา้ งร่างกายแขง็ แรง หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ……….. ปกี ารศึกษา ……………. สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดกาญจนบรุ ี สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คานา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองกาญจนบุรีได้ดาเนินการ จัดทาแผนกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หัวเรื่อง สุขะ พละ สร้างร่างกาย แขง็ แรง เพ่ือให้ครผู ้สู อนใชเ้ ปน็ คมู่ ือในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ตามหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี ......... ปีการศึกษา .................... เอกสารประกอบการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการ เรียนรู้ท่ี 2 หัวเร่ือง สุขะ พละ สร้างร่างกายแข็งแรง ประกอบด้วยแผนผังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบ ONIE Mode แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ ใบความรู้ แบบประเมินการจัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวตอบ และแบบบนั ทึกหลงั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ การดาเนินการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียน ท่ี .......... ปีการศึกษา ............. ในคร้ังนี้ ประสบความสาเร็จได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ นายศักดิ์ชัย นาคเอย่ี ม ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี นางสาวชมพู จันทนะ ครูชานาญการเป็นอย่างสูงที่เป็น ผใู้ หค้ าปรึกษา ในการดาเนินการจดั ทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หัวเรือ่ ง สขุ ะ พละ สร้างร่างกายแข็งแรง หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียน ที่ ………… ปีการศึกษา ………………… มาโดยตลอดทาให้การ ดาเนนิ การจัดทาแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการบรรลตุ ามวัตถุประสงค์ จดั ทาโดย กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี
สารบญั หนา้ เรอ่ื ง คานา สารบญั แผนผังการจัดหนว่ ยการเรียนรู้ กศน.แบบบรู ณาการ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กศน.แบบบูรณาการตามรปู แบบ ONIE MODEL ใบความรทู้ ่ี 1 เร่ืองการใช้ภาษาในการส่ือสารความหมายในชวี ิตประจาวนั ใบความรู้ที่ 2 เร่อื งคณุ รู้สึกอยา่ งไร (How do you feel?) แบบประเมนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวตอบแบบประเมนิ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ บันทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ บรรณานุกรม คณะทางาน
แผนผังหนว่ ยการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบูรณาการ หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั กา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเร รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ (ทร31001) รายวิชา ทักษะการเรียน หวั เรื่อง ความปลอดภัยจากการใชย้ า หวั เรื่อง ทกั ษะชวี ติ เพ่อื ส เนื้อหา เนื้อหา - หลกั การและวธิ ีการใชย้ าทถ่ี ูกต้อง - ความหมาย ความสาคญั - อันตรายจากการใชย้ า - ทักษะการตระหนกั ในก - ความเชื่อเกี่ยวกับการใชย้ า - ทกั ษะการจดั การกบั อา - ทกั ษะการจดั การความเ รายวิชา ทักษะการเรียนรู้ (ทร31001) หวั เร่ือง สุขะ พละ สร้าง หวั เร่อื ง โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม สภาพปัญหา เนื้อหา 1. การขาดความรู้เรือ่ งอา - โรคทถ่ี า่ ยทอดทางพันธกุ รรม 2. การขาดความปลอดภยั - โรคทางพันธุกรรมท่สี าคัญ 3. ปญั หาเพศศึกษา 4. การเหน็ แก่ประโยชนส์
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หวั เรอื่ ง สขุ ะ พละ สร้างร่างกายแข็งแรง ารศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 รยี นที่ .......... ปีการศกึ ษา ............ นรู้ (ทร31001) กรต. ศาสนาและหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง สขุ ภาพจิต (สค31002) ญของทักษะชีวติ การรู้ตน หัวเรอ่ื ง 1 ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ารมณ์ เครยี ด เนื้อหา 1. ค่านิยมท่พี งึ ประสงคข์ องประเทศต่าง ๆ ในโลก - การตรงตอ่ เวลา - ความมีระเบยี บ ฯลฯ หนว่ ยท่ี 2 รายวิชา ภาษาองั กฤษ (พต31001) งร่างกายแขง็ แรง หวั เรอ่ื ง สนกุ กบั ศัพทภ์ าษาอังกฤษ าหารและโภชนาการ ยจากการใช้ยา เนอื้ หา สว่ นตนในการการเสริมสร้างสุขภาพ คาศพั ท์ - Recycle = แปรรปู แลว้ นากลบั มา ใชใ้ หม่ - Material = วัสดุ - Economy = เศรษฐกิจ - World scout =ลูกเสือโลก - Religion = ศาสนา
ประเดน็ /ปัญหา/สิ่งจาเป็นทตี่ ้องเรียนรู้ ก 1. ผเู้ รยี นขาดความรเู้ ร่ืองอาหารและโภชนาการ 1 2. ผเู้ รียนขาดหลกั การความปลอดภยั จากการใช้ยา ต 3. ผู้เรยี นปญั หาเพศศึกษา ค 4. ผู้เรยี นขาดการเสียสละการเสริมสร้างสขุ ภาพ 2 เ 3 ผ 4 เ ใ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ให้ผู้เรยี นศึกษาหาความรเู้ กยี่ วกบั อาหารและโภชนาการ จากสอื่ ออนไลน์ หอ้ งสมุด ตาราเรยี น วารสาร และจดั ทาเปน็ แผนภาพความคดิ นามาอภิปรายใหเ้ พ่ือนร่วมแสดงความ คิดเหน็ ในวันพบกลุม่ 2. ใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาความสาคัญของความปลอดภัยจากการใช้ยา จากส่ือออนไลน์ แหลง่ เรียนรู้ ภมู ิปญั ญาท้องถิ่นและจดั นิทรรศการให้เพอ่ื นๆดใู นวนั พบกลุ่ม ที่ กศน.ตาบล 3. ใหผ้ ู้เรียนศกึ ษาการแบง่ ปญั หาเพศศึกษา จากสื่อออนไลน์ วารสาร หอ้ งสมดุ ตาราเรยี น ผู้รู้ และจัดทาแผน่ พลับมาใหเ้ พอื่ นและรว่ มแสดงความคิดเห็นในวันพบกลมุ่ ที่ กศน.ตาบล 4. ใหผ้ เู้ รียนศึกษาเก่ียวกับระบบการเสริมสรา้ งสุขภาพจากสือ่ ออนไลน์ หอ้ งสมุด ตารา เรียน วารสาร แหล่งเรียนรู้ในธนาคารและมกี ารแบ่งกล่มุ และแสดงบทบาทสมมติใหเ้ พอ่ื นดู ในวันพบกลุม่ ที่ กศน.ตาบล
แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ก หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หวั เรือ่ ง ส หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับกา ระดบั มธั ยมศึก ภาคเรยี นท่ี .......... ปีกา คร้ังที่ วัน /เดอื น/ ปี ตวั ชีว้ ัด เน้ือหาสาระการ หัวเรื่อ เรยี นรู้ 4. มที กั ษะในการ ปฏบิ ตั ติ น รายวชิ า สุขศึกษา หน่วยที่ 2 พลศกึ ษา ทช สขุ ะ พละ สร้าง 31002 แขง็ แรง หวั เรอ่ื ง สภาพปญั หา การทางานของ 1. การขาดควา อาหารและโภช ระบบในร่างกาย - การทางานของ 2. การขาดควา ระบบยอ่ ยอาหาร ปลอดภยั จากก - การทางานของ 3. ปญั หาเพศศ ระบบขับถ่าย 4. การเหน็ แก่ป สว่ นตนในการก - การทางานของ ระบบประสาท เสริมสร้างสขุ ภ - การทางานของ ระบบสบื พนั ธ์ุ - การทางานของ
กศน. ตามรปู แบบ ONIE Model สขุ ะ พละ สร้างร่างกายแข็งแรง ารศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 กษาตอนปลาย ารศึกษา ..................... อง ประเด็น/ปญั หา/ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หมายเหตุ สง่ิ จาเป็นที่ตอ้ งเรียนรู้ 1. ผเู้ รยี นขาดความรู้ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ งร่างกาย เรือ่ งอาหารและ 1. ใหผ้ เู้ รียนศึกษาหาความรู้ โภชนาการ เก่ียวกบั อาหารและ 2. ผู้เรียนขาดหลกั การ โภชนาการ จากส่อื ออนไลน์ ความปลอดภัยจากการ ามร้เู รอื่ ง ห้องสมุด ตาราเรยี น ชนาการ ใชย้ า วารสาร และจัดทาเป็น าม 3. ผูเ้ รียนปัญหา แผนภาพความคิดนามา การใช้ยา เพศศกึ ษา อภิปรายให้เพ่อื นร่วมแสดง 4. ผู้เรียนขาดการ ความคิดเหน็ ในวันพบกลมุ่ ศกึ ษา ประโยชน์ เสยี สละการเสริมสรา้ ง 2. ให้ผเู้ รียนศึกษา การ ความสาคญั ของความ สุขภาพ ภาพ ปลอดภัยจากการใชย้ า จาก สอ่ื ออนไลน์ แหลง่ เรียนรู้ ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินและจัด นิทรรศการใหเ้ พ่อื นๆดใู นวัน
คร้งั ที่ วนั /เดือน/ ปี ตัวช้วี ัด เน้ือหาสาระการ หวั เร่ือ เรียนรู้ ระบบต่อมไรท้ ่อ - การดูแลรักษา ระบบของรา่ งกาย ที่สาคัญ ปญั หาเพศศึกษา - ทกั ษะการจดั การ ปญั หาทางเพศ - ปญั หาทางเพศใน เดก็ และวยั รนุ่ - การจดั การกบั อารมณ์ และความ ตอ้ งการทางเพศ - ความเชือ่ ที่ผดิ ๆ ทางเพศ - กฎหมายที่ เกยี่ วข้องกับการ ละเมดิ ทางเพศ อาหารและ โภชนาการ - โรคขาด สารอาหาร - การสุขาภบิ าล
อง ประเด็น/ปญั หา/ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หมายเหตุ สง่ิ จาเปน็ ทตี่ ้องเรียนรู้ พบกลุม่ ที่ กศน.ตาบล 3. ให้ผู้เรียนศึกษาการแบง่ ปญั หาเพศศกึ ษา จากส่อื ออนไลน์ วารสาร ห้องสมดุ ตาราเรียน ผ้รู ู้ และจดั ทา แผ่นพลับมาให้เพอื่ นและร่วม แสดงความคิดเห็นในวนั พบ กลุม่ ท่ี กศน.ตาบล 4. ใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาเกีย่ วกบั ระบบการเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพ จากส่ือออนไลน์ หอ้ งสมดุ ตาราเรียน วารสาร แหล่ง เรียนรู้ในธนาคารและมีการ แบ่งกลุ่มและแสดงบทบาท สมมตใิ ห้เพอื่ นดใู นวนั พบ กลมุ่ ที่ กศน.ตาบล
คร้งั ที่ วนั /เดือน/ ปี ตัวช้วี ัด เนอื้ หาสาระการ หวั เรื่อ เรียนรู้ อาหาร - การจดั โปรแกรม อาหารใหเ้ หมาะสม กบั บุคคลใน ครอบครวั การเสรมิ สรา้ ง สขุ ภาพ - การรวมกลุ่มเพือ่ เสริมสรา้ งสุขภาพ ในชมุ ชน - การออกกาลัง กายเพ่ือสขุ ภาพ
อง ประเดน็ /ปญั หา/ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ สิ่งจาเปน็ ที่ต้องเรยี นรู้
ระบบตา่ งๆในร่างกายทั้ง10ระบบ ระบบร่างกายมนษุ ย์ ระบบร่างกายมนษุ ย์ โครงสร้างการทางานของร่างกายมนุษย์ ในการศกึ ษาทางจติ วิทยา จาเป็นอยา่ งย่งิ ทจ่ี ะทาความเข้าใจเกยี่ วกบั พฤติกรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ ซ่ึงการที่ มนษุ ย์จะแสดงพฤติกรรมใด ๆ ออกมานนั้ เป็นเพราะระบบการทางานของรา่ งกาย ไมว่ ่านกั ปรัชญาและ นักวทิ ยาศาสตร์ ซ่ึงได้ทาการศกึ ษาค้นควา้ มาเป็นระยะเวลายาวนานต่างมคี วามคิดเห็นตรงกนั ว่าร่างกายมนษุ ย์ สตั ว์ หรอื พืชทัง้ หลายจะมโี ครงสรา้ งท่ีประกอบขน้ึ จากหน่วยท่เี ลก็ ที่สุดท่ไี ม่สามารถมองเหน็ ได้ดว้ ยตาเปล่า จนกระทั่งถึงสว่ นประกอบที่ใหญท่ สี่ ุด แต่ละส่วนจะมีการทางานทีส่ ัมพนั ธ์กนั โดยไม่มีสว่ นใดทส่ี ามารถทางาน อย่างอิสระยกเว้นเม็ดเลอื ด โดยประมาณไดว้ ่า 75 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของร่างกายผู้ใหญป่ ระกอบด้วยนา้ สว่ นท่ี เหลอื เปน็ สารประกอบทางเคมี สารประกอบเหล่านีร้ วมตัวกันเป็นเซลล์ หลายร้อยชนดิ ซึ่งเปน็ หน่วยพ้ืนฐานที่ เลก็ ที่สุดของร่างกาย มนุษย์เป็นสง่ิ มชี ีวิต ทีม่ โี ครงสรา้ งสลับซบั ซ้อนทส่ี ุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนพื้นโลก โดยเฉล่ยี แลว้ รา่ งกายมนษุ ย์ประกอบด้วยเซลล์ 80 – 100 ลา้ นล้านเซลลแ์ ตล่ ะชดุ จะถูกกาหนดให้มีการ เจรญิ เติบโตและทาหน้าที่เฉพาะ โดยเซลล์ชนดิ เดียวกนั จะรวมตวั เป็นเนอื้ เยอื่ (tissues) เนอื้ เยือ่ หลาย ๆ ประเภทเม่อื มาทางานร่วมกัน เรยี กว่าอวัยวะ (organ) แตล่ ะอวัยวะเมอ่ื ทางานรว่ มกนั เรยี กว่าระบบ (system) อาจแสดงโดยแผนผงั ต่อไปนี้ ดังนัน้ เมอื่ เซลลม์ ารวมกลุม่ เป็นเนอื้ เยือ่ พเิ ศษ เชน่ กลา้ มเนอื้ เสน้ ประสาท กระดกู ฯลฯ เนือ้ เยื่อเหล่านีจ้ ะ ทางานร่วมกนั เป็นอวยั วะและในท่ีสุดอวัยวะเหล่านจี้ ะถกู จดั สรรเปน็ ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เชน่ ระบบ กลา้ มเนื้อ ระบบตอ่ มต่าง ๆ และระบบประสาท เปน็ ต้นระบบต่าง ๆ ในร่างกายระบบต่าง ๆ ในรา่ งกายมกี าร ทางานทส่ี ัมพันธ์กันเพ่อื ใหม้ นษุ ยส์ ามารถดารงชีวิตไดอ้ ย่างปกติ การทางานของระบบภายในร่างกาย อาจ จาแนกออกได้เป็น 10 ระบบ ดงั นี้ 1. ระบบผวิ หนงั (Intergumentary System) ทาหนา้ ทีห่ อ่ หมุ้ ปกคลมุ รา่ งกาย ประกอบดว้ ยผวิ หนงั (Skin) และอวยั วะท่เี ปล่ียนแปลงมาจากผวิ หนัง เช่น ขน ผม เล็บ ตอ่ มเหงือ่ ตอ่ มนา้ มนั 2. ระบบกลา้ มเน้อื (Muscular System) ทาหน้าทช่ี ว่ ยทาใหร้ า่ งกายเกดิ การเคลือ่ นไหว 3. ระบบโครงกระดูก (Skeletal System) ทาหน้าทีท่ างานรว่ มกับระบบกลา้ มเนือ้ เพือ่ ชว่ ยใหร้ ่างกายสามารถ เคลื่อนไหวได้ นอกจากนย้ี งั ทาหน้าที่เป็นโครงรา่ งของร่างกายอกี ดว้ ย 4. ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System) ทาหนา้ ทน่ี าอาหารและออกซิเจนไปเลีย้ งเซลล์ต่าง ๆ ท่ัว รา่ งกาย และนาคาร์บอนไดออกไซดก์ บั ของเสยี จากเซลล์มาขับท้ิง นอกจากน้ี ยังนาฮอร์โมนที่ผลติ ไดจ้ ากต่อม ไร้ท่อเพอ่ื สง่ ไปยงั อวัยวะตา่ ง ๆ ของร่างกาย 5. ระบบหายใจ (Respiratory System) ทาหน้าที่รบั ออกซิเจนจากภายนอกเข้าสรู่ า่ งกายและนา คาร์บอนไดออกไซดจ์ ากภายในออกมาขบั ทิ้งสู่ภายนอกร่างกาย โดยอาศยั ระบบไหลเวยี นโลหติ เปน็ ตวั กลางใน การลาเลียงแกส๊ 6. ระบบประสาท (Nervous System) เปน็ ระบบทที่ าหนา้ ที่ควบคมุ การทางานของทกุ ระบบในรา่ งกาย ให้ สมั พนั ธก์ ันโดยทางานร่วมกบั ระบบต่อมไรท้ ่อนอกจากนีย้ ังทาหน้าทร่ี ับและตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าภายนอก 7. ระบบตอ่ มตา่ ง ๆ (glands System) ทาหน้าที่สรา้ งฮอร์โมน (hormone) ซ่ึงเปน็ สารเคมแี ละของเหลวโดย ทางานรว่ มกับระบบประสาทในการควบคมุ ปฏกิ ริยาการเผาผลาญต่าง ๆ ในรา่ งกาย
8. ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) ทาหน้าทีย่ อ่ ยสลายอาหารท่รี บั ประทานเขา้ ไปใหเ้ ปน็ สารอาหาร และดูดซมึ เข้าสู่กระแสเลือดเพอ่ื ไปเลย้ี งส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย 9. ระบบขบั ถา่ ย (Excretory System) ทาหน้าที่ขับถ่ายของเสยี ทีร่ ่างกายไม่ตอ้ งการใหอ้ อกจากรา่ งกาย 10. ระบบสืบพนั ธ์ุ (Reproductive System) ทาหนา้ ทส่ี ืบทอด ดารงและขยายเผ่าพันธุ์ ให้มีจานวนมากขึ้น เพื่อไมใ่ ห้สง่ิ มีชวี ติ สูญพนั ธ์ุ ระบบผวิ หนัง ทาหน้าทหี่ ่อหมุ้ ปกคลมุ รา่ งกาย ประกอบดว้ ยผิวหนัง (Skin) และอวยั วะท่ีเปลยี่ นแปลงมาจากผิวหนัง เชน่ ขน ผม เล็บ ตอ่ มเหงอ่ื ตอ่ มนา้ มัน ระบบกลา้ มเนือ้ ทาหน้าที่ชว่ ยทาให้รา่ งกายเกดิ การเคล่อื นไหว ระบบโครงกระดกู ทาหนา้ ท่ีทางานร่วมกับระบบกลา้ มเนอื้ เพื่อช่วยใหร้ า่ งกายสามารถเคลอ่ื นไหว ได้ นอกจากนย้ี ังทาหนา้ ท่ีเปน็ โครงรา่ งของร่างกายอกี ด้วย
ระบบไหลเวยี นโลหิต ทาหน้าทีน่ าอาหารและออกซิเจนไปเลย้ี งเซลล์ตา่ ง ๆ ทวั่ ร่างกาย และนาคาร์บอนไดออกไซด์กบั ของเสยี จาก เซลล์มาขับท้ิง นอกจากน้ี ยงั นาฮอร์โมนท่ผี ลติ ได้จากต่อมไรท้ ่อเพ่อื สง่ ไปยงั อวัยวะต่าง ๆ ของรา่ งกาย ระบบหายใจ ระบบหายใจ คือ ระบบท่ีรา่ งกายแลกเปล่ยี นแก๊ส โดยรา่ งกายจะรับแก๊สออกซิเจนทีอ่ ยูภ่ ายนอกเข้าสู่ร่างกาย และขบั แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย อวยั วะท่สี าคัญในระบบนี้ได้แก่ จมูก หลอดลม ปอด กลา้ มเนื้อกระบงั ลมและกระดกู ซ่ีโครง ระบบประสาท
• ระบบประสาท ระบบประสาท แบง่ ออกเป็น 2 ส่วนคอื ระบบประสาทสว่ นกลาง (central nervous system หรือ CNS) ประกอบดว้ ยสมองและไขสันหลังและระบบประสาทส่วนปลาย หรอื ระบบประสาทรอบ นอก ( peripheral nervous system หรอื PNS) ประกอบด้วยเส้นประสาทสมอง (cranial nerve) และ เสน้ ประสาทไขสันหลงั (spinal nerve) และระบบประสาทอตั โนมตั ิ (autonomic nervous system หรือ ANS) ระบบประสาทรอบนอกหรอื ระบบประสาทสว่ นปลาย ระบบประสาทรอบนอกประกอบด้วยหนว่ ยรบั ความรู้สกึ ทงั้ หมด เส้นประสาทที่ติดตอ่ ระหว่างหนว่ ย รบั ความรู้สึกกบั ระบบประสาทสว่ นกลาง และ เส้นประสาทที่เชอ่ื มโยงระหวา่ งระบบประสาทส่วนกลางกบั หน่วยปฏิบัตงิ าน ระบบตอ่ มต่างๆ ทาหนา้ ท่ีสรา้ งฮอร์โมน (hormone) ซงึ่ เปน็ สารเคมแี ละของเหลวโดยทางานรว่ มกบั ระบบประสาทในการ ควบคมุ ปฏกิ รยิ าการเผาผลาญต่าง ๆ ในรา่ งกาย
ระบบย่อยอาหาร ทาหน้าทยี่ อ่ ยสลายอาหารทรี่ บั ประทานเข้าไปใหเ้ ป็นสารอาหาร และดดู ซึมเขา้ สกู่ ระแสเลือดเพอื่ ไปเลีย้ งส่วน ตา่ ง ๆ ของร่างกาย ระบบขบั ถา่ ย การขับถ่ายเป็นระบบกาจัดของเสยี จากร่างกาย และชว่ ยควบคุมปริมาณของนา้ ในรา่ งกายให้สมบูรณ์ประกอย ดว้ ย ไต ตบั และลาไส้ เป็นต้น ระบบสืบพนั ธ์ุ ระบบสบื พันธเ์ุ พศชาย อวัยวะทส่ี าคญั ในระบบสบื พนั ธุเ์ พศชาย ประกอบด้วย
1. อัณฑะ (Testis) เป็นตอ่ มรปู ไข่ มี 2 อัน ทาหนา้ ทสี่ ร้างตวั อสุจิ (Sperm) ซ่งึ เป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย และ สรา้ งฮอรโ์ มนเพศชายเพ่ือควบคุมลักษณะต่างๆของเพศชาย เชน่ การมีหนวดเครา เสยี งหา้ ว เป็นต้น ภายใน อณั ฑะจะประกอบดว้ ย หลอดสร้างตัวอสุจิ (Seminiferous Tubule) มีลักษณะเปน็ หลอดเลก็ ๆ ขดไปขดมา อย่ภู ายใน ทาหนา้ ทส่ี ร้างตัวอสุจิ หลอดสรา้ งตัวอสุจมิ ขี า้ งละประมาณ 800 หลอด แต่ละหลอดมขี นาดเท่า เส้นดา้ ยขนาดหยาบ และยาวท้งั หมดประมาณ 800 เมตร 2. ถงุ หมุ้ อัณฑะ (Scrotum) ทาหน้าท่ีหอ่ หมุ้ ลกู อัณฑะ ควบคมุ อณุ หภมู ิให้พอเหมาะในการสร้างตัวอสจุ ิ ซงึ่ ตัว อสจุ ิจะเจรญิ ได้ดีในอณุ หภูมติ ่ากว่าอุณหภูมิปกติของรา่ งกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซยี ส 3. หลอดเก็บตวั อสุจิ (Epididymis) อยู่ดา้ นบนของอัณฑะ มีลักษณะเปน็ ท่อเลก็ ๆ ยาวประมาณ 6 เมตร ขด ทบไปมา ทาหน้าีท่เี กบ็ ตัวอสจุ ิจนตวั อสจุ เิ ติบโตและแข็งแรงพร้อมที่จะปฏสิ นธิ 4. หลอดนาตวั อสุจิ (Vas Deferens) อยตู่ อ่ จากหลอดเก็บตวั อสจุ ิ ทาหนา้ ท่ีลาเลียงตัวอสจุ ิไปเกบ็ ไว้ที่ต่อม สร้างน้าเล้ยี งอสจุ ิ 5. ตอ่ มสรา้ งน้าเลี้ยงอสุจิ (Seminal Vesicle) ทาหนา้ ที่สร้างอาหารเพอื่ ใชเ้ ลย้ี งตวั อสุจิ เชน่ น้าตาลฟรักโทส วติ ามนิ ซี โปรตีนโกลบลู นิ เป็นต้น และสรา้ งของเหลวมาผสมกับตวั อสุจิเพ่อื ให้เกิดสภาพท่ีเหมาะสมสาหรบั ตัว อสจุ ิ 6. ต่อมลกู หมาก (Prostate Gland) อย่ตู อนตน้ ของทอ่ ปัสสาวะ ทาหน้าที่หลงั่ สารที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ เข้า ไปในทอ่ ปัสสาวะเพื่อทาลายฤทธ์กิ รดในท่อปัสสาวะ ทาให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ 7. ตอ่ มคาวเปอร์ (Cowper Gland) อยใู่ ตต้ ่อมลกู หมากลงไปเปน็ กระเปาะเลก็ ๆ ทาหนา้ ท่หี ล่ังสารไปหลอ่ ล่ืน ทอ่ ปัสสาวะในขณะทเ่ี กิดการกระต้นุ ทางเพศ ระบบสบื พนั ธุ์เพศหญงิ ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง 1. รงั ไข่ ( Ovary ) มรี ูปรา่ งคลา้ ยเม็ดมะม่วงหมิ พานต์ ยาวประมาณ 2- 36 เซนติเมตร หนา 1 เซนตเิ มตร มี นา้ หนกั ประมาณ 2- 3 กรมั และมี 2 อนั อยูบ่ รเิ วณปีกมดลกู แต่ละข้างทาหน้าที่ ดังนี้ 1.1. ) ผลติ ไข่ (Ovum) ซึ่งเปน็ เซลลส์ บื พนั ธ์ุเพศหญงิ โดยปกตไิ ขจ่ ะสกุ เดือนละ 1 ใบ จากรังไข่ แต่ละข้าง สลบั กนั ทกุ เดือน และออกจากรงั ไข่ทุกรอบเดือนเรียกวา่ การตกไข่ ตลอดช่วงชีวติ ของ เพศหญิงปกติจะมกี าร ผลติ ไขป่ ระมาณ 400 ใบ คอื เมตั้งแต่อายุ 12 ปี ถึง 50 ปี จงึ หยุดผลิต เซลลไ์ ขจ่ ะมอี ายอุ ยู่ไดน้ านประมาร 24 ชวั่ โมง 1.2 ) สร้างฮอรโ์ มนเพศหญงิ ซ่งึ มอี ยหู่ ลายชนิด ที่สาคัญ ไดแ้ ก่ • อีสโทรเจน (Estrogen) เปน็ ฮอร์โมนทที่ าหนา้ ท่ีควบคมุ เก่ียวกบั มดลูก ชอ่ งคลอด ต่อมน้านม และควบคมุ การเกดิ ลักษณะต่างๆ ของเพศหญงิ เช่น เสียงแหลมเล็ก ตะโพกผาย หนา้ อก และ อวยั วะเพศขยายใหญ่ขน้ึ เปน็ ต้น• โพรเจสเทอโรน (Progesterone) เป็นฮอร์โมนที่ทางานรว่ มกบั อสี โทรเจนในการควบคุมเกี่ยวกบั การ เจิญของมดลูก การเปลยี่ นแปลงเยอ่ื บุมดลูกเพอ่ื เตรียมรบั ไขท่ ผี่ สมแลว้
2. ท่อนาไข่ หรอื ปีกมดลูก ทาหน้าท่เี ป็นทางผ่านของไข่ออกจากรงั ไข่เขา้ สูม่ ดลกู โดยมีปลาย ข้างหนงึ่ เปิดอยู่ ใกล้กับรงั ไขเ่ รียกวา่ ปากแตร ซง่ึ ทาหน้าทโ่ี บกพดั ให้ไข่ ทีต่ กมาจากรังไขเ่ ข้าไปใน ท่อนาไข่ ทอ่ นาไข่เป็นบรเิ วณ ที่อสุจิจะเขา้ ปฏิสนธิกับไข่ 3. มดลูก ทาหนา้ ที่เป็นที่ฝงั ตวั ของไข่ท่ไี ด้รบั การผสมแล้ว และเปน็ ท่ีเจริญเตบิ โต ของทารกในครรภ์4. ช่องคลอด ทาหนา้ ทีเ่ ปน็ ทางผ่านออกของตัวอสุจิเข้าสู่มดลกู เปน็ ทางผา่ นออกของทารก เมอื่ ครบกาหนดคลอด และเป็นทางทป่ี ระจาเดอื นออกมาดว้ ย
ใบงานท่ี 1 1. การทางานของระบบตา่ งๆ ในร่างกายมคี วามสาคัญในการดารงชวี ติ อยา่ งไร จงอธบิ ายการทางานของระบบ ในร่างกายที่นักศึกษาเห็นว่าสาคัญมาสัก 3 ระบบ และให้เหตุผลด้วยว่าเหตุใดนักศึกษาจึงเห็นว่าระบบนั้น สาคัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
ใบงานท่ี 2 1. การดแู ลรกั ษาระบบยอ่ ยอาหารควรทาอย่างไร เพราะอะไร จงอธบิ ายพร้อมให้เหตุผล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
ใบงานท่ี 3 อธบิ ายคาถามต่อไปน้ี 1. พฒั นาการทางเพศมีก่ีขนั้ ตอน อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... 2. อารมณท์ างเพศอาจแบ่งตามความรนุ แรงไดเ้ ปน็ 3 ระดับมีอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….....
กจิ กรรมที่ 1 โรคที่เปน็ สาเหตุสาคัญของการเจบ็ ปว่ ยและการตายของคนไทย 1. ใหน้ ักเรยี นอ่านบทความที่กาหนดใหแ้ ล้วตอบคาถาม โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดนั โลหิตสงู โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน เป็นโรค เรื้อรังที่เปน็ สาตุสาคัญของการเสียชวี ิตของคนไทย เพราะวถิ กี ารดาเนินชวี ิตขาดความสมดุล สงิ่ แวดล้อมไม่ปลอดภัย การมีพฤติกรรมสุขภาพท่ไี มถ่ กู ตอ้ ง เชน่ รบั ประทานอาหารฟาสตฟ์ ดู อาหารจานด่วน ประเภททอด ปง้ิ ย่าง อาหารรสจดั โดยเฉพาะหวานจัดและเคม็ จดั ไม่รับประทาน ผักผลไม้ ท่ีสาคญั มีความเครียดสูงและดม่ื สรุ า สูบบุหรี่เพม่ิ เดิม ด้วยสาเหตนุ ี้ ทาใหค้ นเรามปี ัญหาภาวะนา้ หนักเกินและโรคอ้วนมากขึ้น และสง่ ผลให้ กลายเป็น “โรคไมต่ ิดต่อเรอ้ื รงั ” หรอื ท่เี รยี กกนั ว่า “ โรควถิ ีชวี ิต” แพรร่ ะบาดไปท่วั และทัง้ ทโ่ี รค เหลา่ นี้สามารถป้องกันได้แต่สถานการณป์ ัจจบุ นั กลบั เขา้ ข้นั วิกฤต 1.1 จากบทความมีโรคใดบ้างท่เี ปน็ สาเหตุสาคญั ของการเสยี ชวี ติ ของคนไทย ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 โรคจากบทความมีสาเหตุสาคญั จากอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 เพราะเหตุใดจงึ เรียกโรคไมต่ ิดตอ่ เร้อื รังจากบทความวา่ “โรควถิ ีชีวิต” ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.4 นกั เรยี นมแี นวทางปอ้ งกนั การเกดิ โรคจากบทความอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.5 คนในครอบครัวของนกั เรียนเส่ียงต่อการเปน็ โรคจากบทความหรือไม่ เพราะเหตุใด …………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ให้นกั เรยี นนาตัวอักษรหน้าข้อความทก่ี าหนดใหเ้ ตมิ ลงในแผนภาพใหส้ ัมพันธ์กับโรค ก. ตัวเหลือง ตาเหลอื ง ท้องโต ข. ควรหลกี เล่ียงการรบั ประทานอาหารทมี่ ีรสหวานจัด ค. ติดสรุ า ง. เมอ่ื เป็นแผลจะหายยาก จ. ตอ่ มทีต่ บั ออ่ นทางานผิดปกติ ฉ. พบในเพศชายมากกว่าเพศหญงิ ช. ชอบรับประทานผลไม้ดอง ช. คนอว้ นมโี อกาสเสีย่ งต่อการเป็นโรคสูง ฌ. ต้องควบคมุ ระดบั น้าตาลในร่างกาย ญ. เมอ่ื แสดงอาการจะเสยี ชวี ิตอย่างรวดเร็ว
3. ให้นกั เรียนเลอื กโรคทม่ี ีแนวโนม้ วา่ คนในชมุ ชนจะเป็นมากท่สี ดุ มา 1 โรค เสนอแนวทางการ ปอ้ งกนั และวเิ คราะห์ผลที่เกดิ ขน้ึ หากป้องกันและไมป่ ้องกนั โรค บันทกึ ขอ้ มลู ลงในแผลภาพ ความคิด
4.ให้นกั เรียนวิเคราะหผ์ ลทีเ่ กดิ จากการเจ็บปว่ ยเป็นโรคและการมสี ุขภาพดีลงในแผนภาพ ความคิด
กิจกรรมสรุปความเขา้ ใจทีค่ งทน ให้นกั เรยี นสรุปความรูเ้ รือ่ ง สาเหตุสาคัญของการเจ็บป่วยและการตายของคนไทยและ แนวทางการปอ้ งกนั ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …….…………………………………………………………………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………………………… ……………….………………………………………………………………………………………………………………… …………………….…………………………………………………………………………………………………………… ………………………….……………………………………………………………………………………………………… ……………………………….
กจิ กรรมที่ 2 แนวทางแกไ้ ขปญั หาสขุ ภาพชุมชน 1. ใหน้ ักเรียนอา่ นวเิ คราะหข์ า่ วและตอบคาถาม สถานอี นามยั บา้ นดอกแกว้ อาเภอหางดง จงั หวัดเชียงใหม่ ไดผ้ สมผสานภูมิปัญญา พ้นื บ้านทีเ่ รยี กวา่ เดินโกะ๊ กะ๊ ซ่ึงทาจากกะลามะพร้าวมาใชใ้ นการนวดเทา้ ตัวเอง เพื่อลดอาการ ปวดและชาท่เี ท้า รวมท้งั ป้องกนั การเกิดแผลเร้ือรังทีจ่ ะนาไปสกู่ ารตัดขาของผปู้ ่วย โรคเบาหวานในชมุ ชน ซงึ่ พบว่าสามารถลดอาการปวดและชาท่ีเท้าได้ดี การไหลเวียนของเลือด ที่เท้าดีข้ึน ไม่พบการมีบาดแผลท่เี ท้า ผ้ปู ว่ ยบางรายจึงได้ทาโกะ๊ กะ๊ แจกจ่ายเพ่ือนบ้านท่ีมอี าการ ชา ปวดเทา้ จากการทางาน และขยายการนาไปใชใ้ นทกุ อาเภอของจังหวดั เชียงใหมแ่ ละ จังหวัดใกลเ้ คียง 1.1 จากขา่ วเป็นการแก้ไขปญั หาสขุ ภาพในชุมชนใด ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ปัญหาสุขภาพจากข่าวคอื ปัญหาใด ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 การแก้ไขปัญหาสุขภาพจากข่าวมีวิธกี ารอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.4 การแก้ไขปญั หาสุขภาพจากข่าวไดผ้ ลอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.5 วธิ ีการแกไ้ ขปญั หาสุขภาพจากขา่ วสอดคลอ้ งตามคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคข์ อ้ ใดมาก ทส่ี ดุ ใหเ้ ขียนเครอื่ งหมาย ✔ ลงใน ੦ หน้าคาตอบทีถ่ กู ต้อง มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
2. ให้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม รว่ มกันสารวจโรคหรือปัญหาสขุ ภาพท่ีพบมากท่สี ดุ ในชุมชน 3 อนั ดบั บนั ทกึ ข้อมลู ลงในแผนภาพความคิด
3. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มวิเคราะห์และแสดงการจัดลาดับความสาคญั ของปัญหาสขุ ภาพใน ชมุ ชนจากข้อ 2 โดยบนั ทกึ รายละเอยี ดลงในตารางทกี่ าหนดให้ และตอบคาถาม การจดั ลาดับความสาคัญของปัญหา = M + I +V + C ให้คะแนนตัวแปรมากที่สดุ 5 ถึงนอ้ ยทสี่ ดุ 1 3.1 ปัญหาสขุ ภาพในชุมชนทีม่ ีความสาคัญมากท่ีสดุ คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.2 ปญั หาสขุ ภาพในชุมชนเรยี งลาดบั ความสาคญั ไดแ้ ก่ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.3 หากไม่แกไ้ ขปญั หาสุขภาพในชุมชนจะเกดิ ผลอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………
บันทกึ หลังการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ คร้งั ที่ ……… วนั ที่ …………. เดือน …………………………………..……….. พ.ศ. …………….. ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จานวนนักศกึ ษา ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน จานวนนกั ศกึ ษาท่ีเขา้ เรยี น ทง้ั หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จานวนนักศึกษาทีข่ าดเรยี น ทั้งหมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... สภาพการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ปญั หาทีพ่ บและการแกไ้ ขปญั หา ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ การดาเนินการแกไ้ ข/พัฒนา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ขอ้ เสนอแนะ/ความคิดเหน็ ผนู้ เิ ทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่ือ) ................................................... (ลงชื่อ) ................................................... ผนู้ ิเทศ (........................................) (........................................) ………….. /….……… /…….…… ………….. /….……… /…….…… (ลงชือ่ ) ………………………………..…………............. ผอ.กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี (นายศักดช์ิ ัย นาคเอยี่ ม) ………….. /….……… /…….……
บรรณานุกรม เรอ่ื ง แผนพัฒนาแห่งชาติ ฉบับที่ 12 https://www.ratchakitcha.soc.go.th/PATA/PDF/2554/E/152/1.PDF วันทีส่ ืบคน้ วันที่ 14 มถิ นุ ายน 2562 เร่ือง แผนพฒั นาเศรษฐกิจ https://knowladge.eduzones.com/knowledge-2-10-28149.html วันที่สบื ค้น วันที่ 14 มถิ ุนายน 2562 เรอ่ื ง กศน.กบั การทางานรว่ มกบั เครือขา่ ย https://www.gotoknow.org/posts/510925 วนั ทีส่ ืบค้น วนั ที่ 14 มิถุนายน 2562 เรื่อง ความรบั ผิดชอบ/วินัย/ไมต่ รงต่อเวลา https://www.sites.google.com วนั ที่สบื คน้ วนั ท่ี 14 มถิ ุนายน 2562 เรื่อง ความสาคญั ของการศึกษาไทย https://sites.google.com/site/mungreiynpheiyrfiru/khwam-sakhay-khxng-kar-suksa วนั ทสี่ บื ค้น วันที่ 14 มถิ นุ ายน 2562 เรอ่ื ง สาเหตุทที่ าให้การศกึ ษาไทยไม่พัฒนา https://aitenso.org/เหตผุ ลที่การศกึ ษาไทยยงั ไม่พัฒนา วันที่สบื ค้น วันที่ 14 มิถุนายน 2562 เรื่อง การมีจิตสาธารณะ https://www.e-leanning.e-tech.ac.th วันท่สี ืบค้น วันที่ 14 มถิ ุนายน 2562
คณะผู้จดั ทา แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบูรณาการ ตามรูปแบบ ONIE MODEL หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ภาคเรียนท่ี .......... ปกี ารศึกษา ................... ที่ปรึกษา ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี นายศักด์ชิ ัย นาคเอย่ี ม ครพู เ่ี ลีย้ ง จนั ทนะ ครชู านาญการ นางสาวชมพู คณะผจู้ ัดทา 1. ครูอาสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรียน กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี 2. ครู กศน.ตาบล กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี 3. ครู ศรช. กศน.อาเภอเมอื งกาญจนบรุ ี
แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ กศน. แบบบรู ณาการ ตามรูปแบบ ONIE Model หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 หวั เรอื่ ง เพิ่มศักยภาพอาชพี หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ……….. ปีการศึกษา ……………. สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดกาญจนบรุ ี สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธิการ
คานา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองกาญจนบุรีได้ดาเนินการ จดั ทาแผนกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบรู ณาการ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หัวเรื่อง เพ่ิมศักยภาพอาชีพ เพื่อให้ ครูผู้สอนใช้เป็นคู่มือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพตามหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียน ท่ี ......... ปกี ารศึกษา .................... เอกสารประกอบการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการ เรียนรู้ที่ 3 หัวเร่ือง เพิ่มศักยภาพอาชีพ ประกอบด้วยแผนผังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบ ONIE Mode แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบรู ณาการ ใบความรู้ แบบประเมนิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวตอบ และแบบบันทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ การดาเนินการจัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียน ท่ี .......... ปีการศึกษา ............. ในคร้ังน้ี ประสบความสาเร็จได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ นายศักดิ์ชัย นาคเอ่ียม ผู้อานวยการ กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี นางสาวชมพู จันทนะ ครูชานาญการเป็นอย่างสูงที่เป็น ผ้ใู หค้ าปรึกษา ในการดาเนนิ การจดั ทาแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 หัวเรื่อง เพิ่มศักยภาพอาชีพ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียน ที่ ………… ปีการศึกษา ………………… มาโดยตลอดทาให้การดาเนินการจัดทา แผนการเรยี นร้แู บบบรู ณาการบรรลุตามวัตถปุ ระสงค์ จดั ทาโดย กศน.อาเภอเมืองกาญจนบุรี
สารบญั หนา้ เรอ่ื ง คานา สารบญั แผนผงั การจัดหนว่ ยการเรยี นรู้ กศน.แบบบรู ณาการ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กศน.แบบบรู ณาการตามรูปแบบ ONIE MODEL ใบความรู้ที่ 1 เรอ่ื งทกั ษะในการขยายอาชีพ ใบความรู้ที่ 2 เรื่องตรวจสอบระบบความพรอ้ มการสร้างอาชีพใหม้ คี วามม่นั คง ใบความรู้ท่ี 3 เรื่องการพัฒนาตนเองเพื่อการขยายอาชพี แบบประเมนิ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ แนวตอบแบบประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บันทกึ หลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ บรรณานกุ รม คณะทางาน
แผนผังหน่วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบบรู ณา หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับกา ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเร รายวิชา ทกั ษะการขยายอาชพี (อช31002) รายวิชา ทักษะการขยายอ หวั เร่ือง ความปลอดภัยจากการใชย้ า หัวเร่อื ง ทักษะชวี ติ เพอ่ื ส เนอ้ื หา เนอ้ื หา - หลกั การและวธิ กี ารใชย้ าที่ถกู ตอ้ ง - ความหมาย ความสาคญั - อันตรายจากการใชย้ า - ทักษะการตระหนักในก - ความเชือ่ เกยี่ วกับการใชย้ า - ทักษะการจัดการกับอา - ทักษะการจดั การความเ รายวิชา ทกั ษะการขยายอาชพี (อช31002) หัวเรือ่ ง เพ่มิ ศกั ยภาพอา หัวเรื่อง การเสรมิ สร้างสุขภาพ สภาพปัญหา เน้ือหา 1. การปฏบิ ัตติ นตามหลกั 2. หลักการอยรู่ ่วมกันขอ - การรวมกลมุ่ เพ่อื เสรมิ สรา้ งสขุ ภาพใน 3. ขาดการเหน็ คุณค่าในว ชมุ ชน 4. การน้อมนาหลกั ปรัญญ - การออกกาลงั กายเพ่ือสขุ ภาพ ดาเนนิ ชีวติ และกฎหมายท
าการ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 หัวเร่อื ง เพิม่ ศักยภาพอาชีพ ารศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 รียนที่ .......... ปีการศึกษา ............ อาชพี (อช31002) กรต. ศาสนาและหน้าทพ่ี ลเมอื ง สขุ ภาพจิต (สค31002) ญของทกั ษะชีวิต หัวเรือ่ ง 1 ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี การรูต้ น ารมณ์ เนือ้ หา เครียด 1. คา่ นิยมทพี่ ึงประสงคข์ องประเทศต่าง ๆ ในโลก - การตรงตอ่ เวลา - ความมีระเบยี บ ฯลฯ หนว่ ยท่ี 3 รายวชิ า ภาษาองั กฤษ (พต31001) าชีพ หัวเรอื่ ง สนกุ กบั ศัพท์ภาษาองั กฤษ กจริยธรรมวิชาชีพ องวชิ าชีพ เน้อื หา วิชาชพี ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้กบั การ คาศพั ท์ ท่ีเก่ยี วข้อง - Recycle = แปรรปู แล้วนากลับมา ใชใ้ หม่ - Material = วัสดุ - Economy = เศรษฐกิจ - World scout =ลูกเสอื โลก - Religion = ศาสนา
ประเด็น/ปญั หา/สิง่ จาเปน็ ทต่ี ้องเรียนรู้ ก 1. ผู้เรยี นขาดการประพฤติการปฏบิ ัตติ นตามหลกั จรยิ ธรรมวิชาชพี 1 2. ผู้เรยี นขาดหลกั การปฏิบัติตนของวชิ าชพี ใ 3. ผู้เรียนขาดความรูแ้ ละความตระหนักในวชิ าชีพ 2 4. ผู้เรียนขาดความรเู้ กย่ี วกับกฎหมายและหลกั การนอ้ มนาหลักปรชั ญาของ บ เศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในการดารงตน ในชีวิตประจาวันตามสถานการณ์ 3 ปจั จุบันทปี่ ลี่ยนแปลงตลอดเวลา ร 4 จ ส ร
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ใหผ้ เู้ รียนไปศกึ ษาแนวทางการปฏบิ ัติตนด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ทเ่ี หมาะสม จดบันทึก ใส่สมุด แล้วนามาแลกเปล่ยี นเรียนรใู้ ห้เพ่ือนฟังในการพบกลุม่ ที่ กศน.ตาบล 2. ให้ผู้เรียนไปศึกษา ค้นคว้าจากสอื่ ออนไลน์ บุคคลท่มี ีความรู้ของวิชาชพี แลว้ นามาแสดง บทบาทสมมตุ ิพรอ้ มทารายงานมาสง่ ในวนั พบกลมุ่ กศน.ตาบล 3. ใหผ้ ู้เรียนไปศึกษาในวิชาชีพ จากส่ือออนไลน์ แหลง่ เรยี นรู้ โดยใหแ้ ต่งกายตามประเพณี รว่ มสมัยและอธบิ ายเพิ่มเติมให้เพอ่ื นฟงั ในการพบกลุ่มท่ี กศน. ตาบล 4. ให้ผเู้ รียนศกึ ษาความร้กู ฎหมายเบอื้ งต้นเพ่อื ใหร้ ู้ถงึ สทิ ธิหน้าทก่ี ารเป็นพลเมืองและศึกษา จากสถานทจี่ ริงเกย่ี วกบั เศรษฐกิจพอเพยี งและฝกึ ปฏบิ ตั จิ ริงในการทาปยุ๋ ชีวภาพและนามา สรปุ ผลร่วมกันในหอ้ งเรียนพรอ้ มบันทกึ องค์ความรู้ทไี่ ด้เป็นรายงานส่งเพอ่ื เปน็ คะแนนเก็บ ระหวา่ งภาคเรียน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254