แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 7 หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง การเคลอื่ นที่ของส่ิงมีชีวติ วิชาชีววทิ ยา 5 (ว33250) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เรือ่ ง การรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน เวลา 3 คาบ ครูผ้สู อน นางสาวศรอี ดุ ร ลา้ นสาวงษ์ 1. ผลการเรียนรู้ 1. สบื ค้นและอภิปรายเกย่ี วกับการรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกายด้วยฮอร์โมน 2. อธิบายการรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน 3. นำความร้เู รือ่ งการรักษาดุลยภาพของร่างกายดว้ ยฮอรโ์ มนไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจำวัน 4. ประเมินความสำคญั ของการรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมน 5. มีจิตวิทยาศาสตร์ 2. สำระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ร่างกายของมนุษยป์ ระกอบด้วยต่อม 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ต่อมมีทอ่ (exocrine gland) และต่อมไร้ท่อ (endocrine gland or endocrine tissue) ทำหน้าทใ่ี นการสรา้ งฮอรโ์ มนเพื่อควบคมุ การทำงานของระบบต่าง ๆ ในรา่ งกาย รวมทัง้ กระบวนการเมทาบอลิซึมเพ่ือใหเ้ กิดดลุ ยภาพในรา่ งกาย การสรา้ งฮอรโ์ มนของต่อมไร้ทอ่ จะต้องมสี ิ่งเรา้ เฉพาะมากระตุ้นใหห้ ลัง่ ฮอร์โมน และฮอร์โมนแต่ละชนดิ จะควบคุมอวัยวะเปา้ หมายเฉพาะเจาะจง การหล่ังฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ท่อต่าง ๆ จะข้นึ อยู่กับสภาพแวดลอ้ ม การควบคมุ การหล่งั ฮอร์โมนของร่างกายบางครั้งใช้วิธีการควบคมุ แบบยอ้ นกลับ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1) วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปผลการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ท่ศี ึกษาการเจรญิ ของลักษณะ ทีส่ องของเพศในไก่ และให้ความหมายของฮอรโ์ มน 2) เปรยี บเทียบความแตกต่างระหวา่ งต่อมมีท่อกบั ตอ่ มไร้ท่อ 3) ระบุตำแหน่งของต่อมไร้ท่อท่ีสำคัญในรา่ งกายของคน 4) เปรียบเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งการควบคุมการทำงานของร่างกาย โดยระบบประสาทกับ ระบบต่อมไร้ท่อ 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1) เขยี นแผนผงั แสดงกลไกการควบคุมการหลัง่ ฮอร์โมน 2) เขยี นแผนผังแสดงกลไกการออกฤทธิข์ องฮอรโ์ มนท่เี ยือ่ หุ้มเซลลแ์ ละภายในเซลล์ 3.3 คุณลกั ษณะ (A) 1) มีความใฝเ่ รยี นรู้ 2) การรว่ มแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ นื่ และทำงานรว่ มกับผอู้ ่ืน อยา่ งสรา้ งสรรค์ 3) ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมและการเขา้ ชนั้ เรยี น 4. สาระการเรียนรู้ คนและสตั วม์ ีกระดูกสันหลงั มีเน้ือเยอ่ื หรือต่อมไร้ทอ่ ทผ่ี ลติ ฮอร์โมนซึง่ อาจเปน็ สารประเภทโปรตนี เอมนี หรอื สเตอรอยด์ ฮอรโ์ มนจะถูกลำเลยี งไปตามระบบหมนุ เวยี นเลือดจนถึงอวัยวะเป้าหมาย เพ่ือทำหน้าท่ี ควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
5. สมรรถนะสำคัญ 5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ - กระบวนการทำงานกลุม่ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 6.1 มวี ินยั 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 มุ่งมน่ั ในการทำงาน 6.4 มีจติ สาธารณะ 7. ภาระงาน/ชิ้นงาน 7.1 ภาระงาน - สืบคน้ ข้อมูลจากใบความรู้ ส่ือ และแหล่งเรยี นรู้ - บนั ทกึ ผลในแบบบนั ทึกกิจกรรม เร่อื ง การรักษาดุลยภาพของร่างกายด้วยฮอรโ์ มน 7.2 ชิน้ งาน - ออกแบบชิน้ งาน - แบบบันทกึ กจิ กรรม เรื่อง การรักษาดุลยภาพของรา่ งกายด้วยฮอร์โมน 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมนำสู่การเรียน การรักษาดลุ ยภาพของรา่ งกายดว้ ยฮอร์โมน 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ 1.1 ครนู ำเสนอผลการทดลองของอารโ์ นล เอ เบอร์โทลด์ แล้วให้นักเรยี นวิเคราะห์การทดลองโดย ใชค้ ำถามเพื่อนำไปสู่การวเิ คราะห์ ดังน้ี -จากการทดลองในชุดที่ 2 นักเรยี นจะสรปุ ผลการทดลองว่าอย่างไร ( อณั ฑะของไกจ่ ะสร้างสารควบคมุ การเจริญของลกั ษณะไกเ่ พศผู้) - ประจกั ษ์พยานใดทีย่ นื ยนั ได้ว่าอัณฑะควบคุมการแสดงลกั ษณะท่ีสองของไกเ่ พศผู้ ( ไกท่ ่ีไม่ได้ตัดอัณฑะออก เมื่อโตเตม็ วยั จะมีหงอนและเหนียง คอมีเดอื ยและขนหางยาว ดงั การทดลองชุดที่ 1 ส่วนไก่ท่ตี ัดอัณฑะออกจะมีหงอนและเหนยี งสัน้ ไม่มเี ดือย ขนหางสน้ั ซึ่งคล้ายลกั ษณะเพศ เมยี มีนสิ ยั ไมช่ อบตอ่ สู้ ดังการทดลองชุดที่ 2 ) -จากการทดลองในชดุ ท่ี 3 ปัญหาของผู้ทดลองน่าจะเป็นอยา่ งไร ( สารทอ่ี ัณฑะสรา้ งขึ้นจะไปควบคุมการเจรญิ ของหงอน เหนยี งคอ เดือย และควบคมุ การเจริญของขน หางซึ่งอยู่ หา่ งไกลจากอัณฑะได้อยา่ งไร ) -จากการทดลองในชุดท่ี 3 ของอาร์โนล เอ เบอร์โทลด์ จะสรปุ ไดอ้ ยา่ งไร ( สารจากอัณฑะลำเลียงไปตามระบบหมนุ เวยี นเลือด สามารถควบคมุ การเจรญิ ของลักษณะทส่ี องของเพศผใู้ นไก่)
กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2) ขั้นสำรวจและค้นหา 2.1 แต่ละกลมุ่ รว่ มกันสบื ค้นและศึกษาการรักษาดุลยภาพของร่างกายดว้ ยฮอร์โมน 2.2 นกั เรยี นแต่ละกล่มุ อภิปรายร่วมกนั ถงึ การรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายดว้ ยฮอร์โมน 3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป 3.1 ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายประเด็นคำถามจากหนงั สอื โดยวเิ คราะห์จากแผนภาพ เป็นการควบคุมดุลยภาพของร่างกายด้วยสารเคมีในวธิ แี ตกตา่ งกนั ดังนี้ - ต่อมทหี่ ล่งั ฮอรโ์ มนออกมานอกจากไม่มที ่อแล้ว ยังมลี กั ษณะพเิ ศษอยา่ งไร ( ตอ่ มทีห่ ล่งั ฮอร์โมนจะมีหลอดเลอื ดมาหล่อเลย้ี งจำนวนมาก ) - ระบบต่อมไรท้ ่อและระบบประสาทมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ( ระบบต่อมไร้ทอ่ และระบบประสาทมีความสัมพันธ์กัน เช่น เซลลป์ ระสาททหี่ ลัง่ ฮอรโ์ มน ประสาทไปตามกระแสเลือดเพอ่ื กระตุ้นการทำงานของเซลล์เปา้ หมาย เปน็ การทำงานรว่ มกนั ระหว่างระบบต่อมไร้ ท่อและระบบประสาท เรยี กว่า ระบบประสานงาน coordinating system ) - การควบคุมดุลยภาพของรา่ งกายแบบใดรวดเรว็ กวา่ กนั เพราะเหตุใด ( แบบ ก เพราะมีกระแสประสาทผ่านเซลลป์ ระสาทที่มีการเชือ่ มต่อถงึ กนั และช่วงระยะ ทางการแพร่ของสารสื่อประสาทจากปลายแอกซอนของเซลลห์ นงึ่ ไปยงั เดนไดรตข์ องอีกเซลลห์ นง่ึ มรี ะยะทางสน้ั กว่า แบบ ข และ แบบ ค แต่ทั้งสองแบบอวัยวะจะทำงานได้ยาวนานกว่า เพราะฮอรโ์ มนจะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ) - การควบคุมการทรงตัว การวงิ่ เปน็ การควบคมุ แบบใด เพราะเหตุใด ( แบบ ก เพราะเปน็ การตอบสนองที่เกิดขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ) 4) ขน้ั ขยายความรู้ 4.1 ครูเสรมิ ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแบ่งประเภทของฮอร์โมนโดยใชส้ ารประกอบทางเคมี เปน็ เกณฑ์ แบ่งได้เป็น 3 กล่มุ คอื กลมุ่ เอมนี กลุ่มโปรตีน และ กลมุ่ สเตอรอยด์ 4.2 ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาเพม่ิ เติมเพ่ือเปรียบเทียบโครงสรา้ งของต่อมมที ่อ และต่อมไร้ท่อ แลว้ ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายโดยใชค้ ำถามว่าสารท่ตี ่อมไร้ท่อและต่อมมที ่อสร้างขน้ึ แล้วลำเลยี งไปส่อู วัยวะ เปา้ หมายต่าง ๆ ในร่างกาย แตกตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร ( ตอ่ มไรท้ ่อไม่มที ่อลำเลียง แตจ่ ะลำเลียงไปตามกระแสเลือด ส่วนต่อมมที ่อใชท้ ่อ ในการลำเลียงสารท่ีต่อมสรา้ งขึ้น ) 5) ขั้นประเมนิ ผล 5.1 ให้นกั เรยี นแตล่ ะคนย้อนกลบั ไปอ่านบันทึกประสบการณเ์ ดิม สิ่งทต่ี ้องการรู้ และขอบเขต เปา้ หมาย แลว้ ตรวจสอบว่าได้เรยี นรู้ตามที่ต้งั เป้าหมายครบถว้ นหรอื ไมเ่ พียงใด ถ้ายงั ไม่ครบถ้วนจะทาอย่างไรต่อไป (อาจสอบถามให้ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ สอบถามให้เพ่ือนอธบิ าย หรอื วางแผนสบื ค้นเพ่ิมเตมิ ) 5.2 ครูให้คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จากเกณฑ์ การให้คะแนน สมุดบนั ทกึ รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไม่เพียงพอใช้วธิ สี ัมภาษณ์เพ่ิมเติม 9. ส่ือการเรียนร้/ู แหล่งเรียนรู้ 9.1 หนังสอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเติม ชีววิทยา เล่ม 5 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 9.2 แผนภาพการหลงั่ ฮอรโ์ มน 9.3 แผนภาพโครงสร้างของฮอร์โมน ท่ีแบง่ เปน็ 3 กลมุ่ โดยใช้สารประกอบทางเคมเี ป็นเกณฑ์ 9.4 แบบบนั ทกึ กจิ กรรม เรื่องการรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกายดว้ ยฮอรโ์ มน 9.5 หอ้ งสมุด / ชุมชน 9.6 ฐานข้อมูล internet/ สื่อการเรยี นการสอน DLIT / DLTV / Google classroom
10. การวัดและประเมนิ ผล 10.1 วิธวี ัดและประเมินผล 1) ใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบปรนยั 10 ข้อ 2) ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวิทยาศาสตร์ จากเกณฑ์ การให้คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากขอ้ มูลไม่เพยี งพอใช้วธิ สี ัมภาษณ์เพมิ่ เตมิ 10.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล 1) ข้อสอบปรนัย 10 ข้อ 2) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) แบบประเมนิ จติ วทิ ยาศาสตร์ 10.3 เกณฑก์ ารประเมิน 1) ข้อสอบปรนยั ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 75 2) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 3) แบบประเมินจิตวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 8 หน่วยการเรียนรู้ เร่อื ง ระบบต่อมไร้ท่อ วชิ าชีววิทยา 5 (ว33250) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 เรือ่ ง ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ ่อและอวัยวะที่สำคัญ เวลา 3 คาบ ครผู ้สู อน นางสาวศรอี ุดร ล้านสาวงษ์ 1. ผลการเรยี นรู้ 1. สบื คน้ และอภิปรายเก่ียวกับการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อในรา่ งกาย 2. สรปุ เก่ียวกับการทำงานของระบบต่อมไร้ทอ่ ในร่างกาย 3. อธบิ ายการควบคุมการหลั่งฮอร์โมนโดยกระบวนการควบคุมป้อนกลบั 4. อธิบายถึงความสำคญั ของฮอร์โมนต่าง ๆ และนำความรู้ไปใช้ในการดูแลรกั ษาตนเอง 5. มีจติ วิทยาศาสตร์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ตอ่ มไร้ทอ่ ของคนกระจายอยใู่ นตำแหน่งต่าง ๆ ทัว่ ร่างกาย ตอ่ มไรท้ อ่ ท่สี ำคญั ได้แก่ ต่อมใตส้ มอง ไอสเ์ ลตออฟแลงเกอร์ฮนั ส์ ของตับออ่ น ต่อมหมวกไต ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ อวัยวะเพศ ตอ่ มไพเนียล ไทมัสและรก นอกจากนีย้ ังมีเนื้อเยอื่ ชน้ั ในของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก และการทำงานของต่อมไร้ท่อมีกลไก การออกฤทธ์แิ ตกตา่ งกันตามชนิดของฮอร์โมน มีการควบคมุ อย่างเป็นระบบ เพ่ือปรบั สมดุลในร่างกายให้อยู่ ในระดับปกติ 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เพ่ือให้นักเรยี นสามารถ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1) อธิบายความสำคัญของฮอร์โมนทผี่ ลิตจากตอ่ มไร้ท่อต่าง ๆ 2) สรุปสมบัติเฉพาะของฮอร์โมน 3) สรปุ ถงึ ต่อมไร้ทอ่ ทส่ี ำคัญ ฮอร์โมนท่ีต่อมไร้ท่อผลิตขึ้น อวัยวะเป้าหมายของฮอรโ์ มนตา่ ง ๆ หนา้ ท่แี ละบทบาทของฮอรโ์ มนแตล่ ะตัว 4) อธบิ ายถึงความสำคัญของฮอรโ์ มนต่าง ๆ และนำความรู้ไปใชใ้ นการดูแลรกั ษาตนเอง 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1) วิเคราะห์และสรปุ การทำงานของฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ท่อ โดยใช้ขอ้ มูลจากการทดลองของ นกั วิทยาศาสตร์ 2) ตัง้ สมมตฐิ านเกี่ยวกบั บทบาทของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ โดยใช้ข้อมลู จากการทดลองของ นกั วทิ ยาศาสตร์ 3) ต้ังสมมตฐิ าน และแปลความหมายข้อมูลท่ีไดจ้ ากการทดลองของนักวิทยาศาสตรใ์ นอดีตทศ่ี กึ ษา เกย่ี วกบั บทบาทของไอส์เลสออฟแลงเกอรฮ์ ันส์ 4) อภปิ รายเก่ียวกับตอ่ มไร้ท่อท่สี ำคัญ ฮอร์โมนท่ตี อ่ มไร้ท่อผลติ ข้นึ อวยั วะเป้าหมายของฮอร์โมน ตา่ ง ๆ หน้าท่ีและบทบาทของฮอรโ์ มนแตล่ ะตัว 3.3 คุณลกั ษณะ (A) 1) มีความใฝ่เรยี นรู้ 2) การร่วมแสดงความคดิ เห็นและยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่นื และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่ืน อย่างสรา้ งสรรค์ 3) ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมและการเข้าชัน้ เรยี น
4. สาระการเรียนรู้ การทำงานของตอ่ มไรท้ ่อมีกลไกการออกฤทธ์แิ ตกตา่ งกันตามชนิดของฮอร์โมน มกี ารควบคมุ อยา่ งเป็น ระบบ เพ่ือปรับสมดลุ ในรา่ งกายใหอ้ ยู่ในระดับปกติ 5. สมรรถนะสำคญั 5.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 5.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา 5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - กระบวนการทำงานกลุม่ 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 มวี นิ ยั 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 6.4 มีจิตสาธารณะ 7. ภาระงาน/ชิ้นงาน 7.1 ภาระงาน - สืบคน้ ขอ้ มูลจากใบความรู้ สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ - บันทึกผลในแบบบนั ทึกกจิ กรรม เรอื่ งฮอร์โมนจากตอ่ มไร้ทอ่ และอวัยวะท่สี ำคญั 7.2 ช้ินงาน - ออกแบบช้ินงาน - แบบบันทกึ กจิ กรรม เรื่องฮอร์โมนจากต่อมไรท้ ่อและอวยั วะทส่ี ำคัญ - ตารางสรุปเรอื่ งฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ ่อและอวัยวะทส่ี ำคัญ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมนำสูก่ ารเรยี น ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ท่อและอวัยวะที่สำคัญ 1) ขนั้ สร้างความสนใจ 1.1 ครูกระตุ้นความสนใจโดยใช้คำถาม ดงั นี้ -นกั เรยี นคิดว่าลักษณะทเ่ี ปลี่ยนแปลงเป็นหนุ่มสาวเกดิ ขึ้นได้อย่างไร ( การเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย หรอื อาจเป็นผลมาจากฮอร์โมน ) - เพราะเหตุใดลักษณะความเป็นหนมุ่ สาวจงึ เกดิ ขึน้ ในช่วงอายุ 13-15 ปี การเปลี่ยนแปลง ดังกลา่ วเกิดขนึ้ อย่างรวดเร็วหรือไม่ อยา่ งไร ( เปน็ ชว่ งอายุที่พร้อมเขา้ สวู่ ัยเจริญพนั ธุ์โดยการเปล่ียนแปลงดังกล่าวเปน็ ผลมา จากฮอรโ์ มนจงึ เกดิ การเปลย่ี นแปลงขนึ้ อย่างชา้ ๆ )
กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ 2) ขั้นสำรวจและคน้ หา 2.1 ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกล่มุ สืบค้นเพ่ือนำไปสู่การอภปิ รายโดยมีประเดน็ การสืบค้น ดงั นี้ 1. ต่อมไร้ท่อที่สำคัญ 2. ฮอรโ์ มนท่ตี ่อมไร้ท่อผลิตข้ึน 3. อวยั วะเปา้ หมายของฮอรโ์ มนต่าง ๆ 4. หนา้ ทหี่ รอื บทบาทของฮอร์โมนเหล่านน้ั 5. ผลท่เี กิดเมอ่ื ปริมาณฮอร์โมน มากเกนิ ไป น้อยเกนิ ไป หรือขาดฮอรโ์ มนดังกลา่ ว 2.2 ครูใหน้ กั เรยี นสบื ค้นขอ้ มูล เปรยี บเทียบ ในเร่ืองของหนา้ ท่แี ละการทำงานของต่อมไพเนยี ล ของสตั วต์ ่าง ๆ 2.3 ครใู หน้ ักเรยี นวิเคราะห์และศกึ ษาเกย่ี วกับการทดลองโกรทฮอร์โมนจากตอ่ มใต้สมองส่วนหนา้ 2.4 ครใู หน้ กั เรยี นสืบค้นข้อมูล เกย่ี วกับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ ตับอ่อน ต่อมหมวกไต อวัยวะเพศ รก ไทมัส กระเพาะอาหารและลำไสเ้ ล็ก 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป 3.1 ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายประเด็นคำถามจากหนังสือเรียน ดังน้ี -จากการทดลองเก่ียวกบั โกรทฮอร์โมน ผู้ทดลองมสี มมติฐานในการทดลองนี้อยา่ งไร ( ตอ่ มทใี่ ตส้ มองผลิต GH ท่คี วบคมุ การเจริญเติบโตของหนู ) -การทดลองดังกลา่ วกลุม่ ใดเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มใดเป็นกลมุ่ ควบคุม ( กลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นกลุ่มทดลอง และกลมุ่ 3 เปน็ กลมุ่ ควบคุม ) -ผลการทดลองสอดคลอ้ งกบั สมมติฐานหรือไม่ มีประจกั ษ์พยานใดท่ีแสดงให้เห็นถงึ ความ สอดคล้อง ( ผลการทดลองสอดคล้องกบั สมมตฐิ านโดยหนทู ดลองกลุ่มที่ 1 เม่ือตัดต่อมใต้สมองออกในเวลา 1 เดอื น ต่อมา น้ำหนักเฉลี่ยของหนูลดลง 18 กรัม แตห่ นูกลุม่ ท่ี 2 ที่ถูกตดั ตอ่ มใตส้ มองออกแต่ฉีด GH ทกุ วนั พบวา่ มนี ้ำหนัก เฉลีย่ เพมิ่ ขนึ้ 309 กรัม ซึ่งใกลเ้ คยี งกบั กลุ่มที่ 3 ทเี่ จรญิ ตามปกติ มีน้ำหนักเฉลย่ี เพ่มิ ข้ึน 313 กรมั ) -ฮอรโ์ มนจากตอ่ มใต่สมองสว่ นหลงั สร้างจากแหลง่ ใด ( เซลล์นิวโรซคี รที อรใี นสมองสว่ นไฮโพทาลามัส ) - ฮอร์โมนใดที่สร้างจากต่อมใต้สมองและมีอวยั วะเปา้ หมายเปน็ ตอ่ มไร้ท่อ ( adrenocorticotrophin : ACTH อวยั วะเปา้ หมายคือต่อมหมวกไตส่วนนอก Thyroid stimulating hormone : TSH อวัยวะเปา้ หมายคอื ต่อมไทรอยด์ Follicle stimulating hormone : FSH อวยั วะเป้าหมายคอื อัณฑะหรือรังไข่ Luteinizing hormone : LH อวยั วะเป้าหมายคืออัณฑะหรือรงั ไข่ ) -จากการทดลองของเลวี นักเรยี นจะต้ังสมมตฐิ านเก่ยี วกบั ความสำคัญของต่อมไทรอยด์ได้ อย่างไรบ้าง ( ต่อมไทรอยดน์ ่าจะสรา้ งสารท่เี กีย่ วข้องกบั กระบวนการทำงานของร่างกาย ) -จากข้อมูลการศึกษาของโบมานน์ นักเรียนจะต้งั สมมติฐานวา่ อยา่ งไร ( ไอโอดนี เกี่ยวข้องกับการผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ) -จากการทดลองของมารีน นักเรียนจะสรปุ ผลการทดลองว่าอยา่ งไร ( การขาดธาตุไอโอดีนเก่ียวข้องกบั การเกิดโรคคอพอก )
-ถ้าลูกอ๊อดได้รับไทรอกซนิ มากในระยะแรก การเจริญจะแตกตา่ งจากลูกอ๊อดท่ไี ดร้ บั ไทรอกซนิ ปกติอย่างไร ( ฮอร์โมนทีม่ ากเกินไปจะเร่งการเกิดเมทามอร์โฟซิสให้เร็วข้นึ ทา้ ให้ขนาดของกบเล็กกวา่ ปกติ ) -ถา้ ลกู อ๊อดขาดไทรอกซนิ จะมผี ลต่อการเจริญอย่างไร ( ลกู อ๊อดไมส่ ามารถเจริญไปเปน็ กบเต็มวัยได้ ) 3.2 ครกู บั นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเพ่ือสรปุ เก่ียวกบั ฮอรโ์ มนจากตอ่ มพาราไทรอยด์ว่ามีความสำคญั ต่อสัตว์ เลย้ี งลกู ด้วยน้ำนมเท่าน้นั โดยทำหน้าท่ีควบคุมสมดลุ ของแคลเซยี มในเลือดให้คงท่ี และจะทำงานรว่ มกบั ต่อม ไทรอยด์ มีฮอรโ์ มนทีส่ ำคัญคือพาราทอรโ์ มนและแคลซิโทนนิ ท่คี วบคุมสมดลุ ของแคลเซียมทกี่ ระดูก ไต และลำไส้ 3.3 ครูใชค้ ำถามเพื่อนำสู่การอภิปรายเก่ยี วกบั ฮอรโ์ มนจากตับออ่ น ดังน้ี -อธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดจากกราฟ ( จากกราฟเม่ือเวลาผ่านไป 1 ชว่ั โมง คนปกติจะมีกลไกในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เปน็ ปกติ แต่คนที่เป็น โรคเบาหวานจะสูญเสียกลไกดังกล่าวไป ระดับน้ำตาลในเลือดจึงไมล่ ดตำ่ ลง ) -นักเรยี นจะอธิบายผลการศึกษาของ วอน เมอริง และมนิ คอฟสกิ ได้อย่างไร ( ตบั อ่อนมีหนา้ ท่ีเกย่ี วข้องกบั การยอ่ ยอาหารประเภทไขมนั และควบคุมระดับนำ้ ตาลในปัสสาวะ ) -เพราะเหตุใดเมื่อมัดท่อตับอ่อนของสนุ ัข ไอสเ์ ลตออฟแลงเกอร์ฮนั ส์ยังคงทำงานไดอ้ ีก ( เพราะการมดั ท่อตับอ่อนเป็นการปดิ เสน้ ทางการส่งเอนไซม์ท่สี ร้างจากตบั อ่อนเพื่อส่งไปยังลำไสเ้ ล็กเทา่ นน้ั ซ่ึงไม่มี ผลต่อเซลล์ของไอสเ์ ลตออฟแลงเกอร์ฮนั ส์ เพราะเปน็ ต่อมไรท้ อ่ มหี ลอดเลอื ดมาหล่อเลยี้ งการสรา้ งอินซูลินกย็ ังคง ทำงานได้ปกติ ) -นกั เรยี นจะอธบิ ายผลการทดลองนวี้ ่าอยา่ งไร ( ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮนั ส์ ในตบั อ่อน สร้างฮอรโ์ มนอินซลู ิน ซ่งึ จะถูกลำเลยี งไปตามกระเลอื ดเพื่อควบคมุ ระดับน้ำตาลในเลือดท่ีสูงอยู่ให้กลบั สู่ภาวะปกติ ) -นกั เรียนคดิ ว่าในคนปกติ รา่ งกายจะหลง่ั อินซลู นิ มากเมื่อใด เพราะเหตุใด ( หลังรับประทานอาหารที่มคี ารโ์ บไฮเดรตจะมีการดูดซึมน้ำตาลเข้าสูเ่ ลือด และระดับน้ำตาลในเลือดท่สี งู นีเ้ องจะไป กระตุ้นเซลลบ์ ตี าของไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮนั ส์ให้หลัง่ อนิ ซูลนิ ออกมาเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลอื ด ) -ปัจจยั ใดที่กระตนุ้ ให้เซลล์ในไอสเ์ ลตออฟแลงเกอรฮ์ นั ส์หลัง่ กลคู ากอน ( ระดับนำ้ ตาลในเลือดท่ลี ดต่ำลง ดงั น้ันปจั จยั ทค่ี วบคุมความสมั พนั ธข์ องการหลง่ั อินซลู ินและ กลูคากอนคือระดับ น้ำตาลในเลอื ด ) 3.4 ครูใชค้ ำถามจากหนังสือเรียนเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน ดงั นี้ - การสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไตสว่ นนอก ถูกควบคุมด้วยฮอร์โมนอะไร และสร้างมา จากแหลง่ ใด ( ควบคมุ โดยฮอรโ์ มน ACTH ทีส่ รา้ งจากต่อมใตส้ มองส่วนหนา้ ) -สงิ่ เรา้ ทก่ี ระต้นุ ให้ต่อมหมวกไตสว่ นในหล่ังฮอรโ์ มนออกมามากเกินระดับปกติ คืออะไร ( สถานการณ์ทีท่ ้าใหต้ ืน่ ตกใจ เชน่ ไฟไหม้ เป็นตน้ ) -ฮอรโ์ มนเพศหญงิ ในช่วงที่มีอสี โตรเจนสงู ท่ีสดุ จะเกิดการสรา้ งไข่ในรังไข่ถงึ ข้นั ตอนใด และความหนาของผนังช้นั ในมดลกู มีลกั ษณะอย่างไร ( ปริมาณอีสโตรเจนสูงสดุ จะกระตุน้ การสร้างไข่ถึงขั้น โอโอไซต์ระยะที่สองพร้อมที่จะตกไข่ ความหนาของผนงั มดลูกค่อนขา้ งหนา แต่ยงั ไม่หนาถงึ ท่ีสดุ ) -ในช่วงหลงั การตกไข่ รังไข่จะผลิตฮอร์โมนชนดิ ใดสงู สุดชว่ งดงั กล่าวเกิดการเปลี่ยนแปลงของผนงั มดลูกอย่างไร
( หลงั การตกไข่รังไขจ่ ะผลติ ฮอรโ์ มนโพรเจสเทอโรนสงู ขน้ึ ผนงั มดลูกมีความหนาเพมิ่ ข้นึ เพ่อื รองรับไขท่ ่เี กดิ จากการ ปฏิสนธติ อ่ ไป ) -ถ้ากระเพาะอาหารผลิตแกสตรินน้อยลงจะมผี ลตอ่ ระบบการย่อยหรือไม่ อย่างไร ( มีผล เนอื่ งจากการหลง่ั เพปซิโนเจนและกรดไฮโดรคลอริกนอ้ ยลง ซงึ่ กรดไฮโดรคลอริกนีจ้ ะเปลีย่ นเพปซโิ นเจนเป็น เพปซิน ทา้ ให้ในกระเพาะมีเพปซินนอ้ ยลง การย่อยโปรตนี ลดลง ) 4) ขัน้ ขยายความรู้ 4.1 ครูให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สืบค้นข้อมูลเพ่ือสรุปการทำงานของต่อมไรท้ ่อ 4.2 ครูให้นักเรียนเขียนแผนผงั หรือแผนภาพสรุปการควบคุมการทางานของต่อมไร้ท่อ รวมถงึ อวยั วะเปา้ หมายของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ 4.3 ครเู พม่ิ เติมเกย่ี วกับแผนภาพแสดงการควบคุมการหล่ังพาราทอรโ์ มนซึ่งเป็นการควบคุม แบบป้อนกลบั ยับย้งั แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกันอภปิ รายกลไกการควบคุมการหลง่ั ฮอร์โมนออกซโิ ทซินซึ่งเปน็ การ ควบคุมฮอร์โมนแบบป้อนกลบั กระตุ้น เพื่อให้นักเรียนเข้าใจกลไกการควบคุมการหล่ังฮอร์โมนเพิ่มมากขึน้ 5) ข้นั ประเมนิ ผล 5.1 ให้นักเรียนแต่ละคนยอ้ นกลับไปอ่านบนั ทึกประสบการณ์เดิม สิ่งท่ีต้องการรู้ และขอบเขต เป้าหมาย แล้วตรวจสอบว่าได้เรียนรู้ตามท่ตี ้งั เป้าหมายครบถ้วนหรือไม่เพียงใด ถ้ายังไม่ครบถว้ นจะทำอย่างไรต่อไป (อาจสอบถามใหค้ รูอธิบายเพ่ิมเติม สอบถามใหเ้ พ่ือนอธิบาย หรอื วางแผนสบื ค้นเพิ่มเตมิ ) 5.2 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จากเกณฑ์ การให้คะแนน สมุดบันทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไมเ่ พยี งพอใชว้ ิธีสมั ภาษณเ์ พิ่มเติม 9. สอื่ การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 9.1 หนังสอื เรียนรายวิชาเพมิ่ เติม ชวี วทิ ยา เลม่ 5 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 9.2 สื่อนาเสนอ Power Point เรอื่ งฮอรโ์ มนจากต่อมไรท้ อ่ และอวัยวะทสี่ ำคัญ 9.3 แผนภาพแสดงการควบคุมการหล่ังฮอรโ์ มน 9.4 แบบบันทกึ กจิ กรรม เร่ืองฮอรโ์ มนจากตอ่ มไร้ท่อและอวัยวะท่ีสำคัญ 9.5 ห้องสมดุ / ชุมชน 9.6 ฐานขอ้ มลู internet / สอ่ื การเรียนการสอน DLIT /Google classroom 10. การวัดและประเมนิ ผล 10.1 วิธวี ดั และประเมินผล 1) ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบอตั นัย 20 ข้อ 2) ครใู หค้ ะแนนทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑ์การใหค้ ะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมลู ไมเ่ พยี งพอใชว้ ธิ ีสัมภาษณเ์ พิ่มเตมิ 10.2 เครอื่ งมือวดั และประเมินผล 1) ขอ้ สอบอัตนัย 20 ข้อ 2) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) แบบประเมินจิตวทิ ยาศาสตร์ 10.3 เกณฑ์การประเมนิ 1) ข้อสอบอัตนัย ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 75 2) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 75 3) แบบประเมนิ จติ วทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 75
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 9 หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง ระบบตอ่ มไรท้ ่อ วิชาชีววทิ ยา 5 (ว33250) ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 6 เรอื่ ง ฟีโรโมน เวลา 4 คาบ ครผู ูส้ อน นางสาวศรีอดุ ร ล้านสาวงษ์ 1. ผลการเรยี นรู้ 1. สืบคน้ และอภิปรายเก่ียวกับฟโี รโมน 2. เปรียบเทยี บความคล้ายคลงึ และความแตกต่างระหว่างฮอร์โมนและฟีโรโมน 3. นำความรู้เรือ่ งฟีโรโมนไปประยกุ ตใ์ ช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวนั 4. ประเมินความสำคญั ของฟโี รโมนต่อส่ิงมชี ีวติ และสิง่ แวดล้อม 5. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ฟีโรโมน (pheromone) หมายถงึ สารเคมที ส่ี รา้ งจากต่อมมีทอ่ ของสัตวแ์ ลว้ ปล่อยออกนอกรา่ งกาย ซึ่งไม่มีผลต่อรา่ งกายของสตั ว์ทปี่ ลอ่ ยฟโี รโมนนั้นออกมา แต่จะมีผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางสรรี ะและพฤตกิ รรมสัตว์ ตัวอ่ืนทีเ่ ป็นชนิด (species) เดยี วกัน 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เพื่อให้นักเรยี นสามารถ 3.1 ด้านความรู้ (K) 1) สืบคน้ ข้อมูล อธิบายความหมายของฟีโรโมน 2) ยกตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชนจ์ ากฟีโรโมน 3) เปรยี บเทียบความแตกต่างระหวา่ งฮอรโ์ มนกับฟีโรโมน 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1) ต้ังสมมตฐิ านจากการทดลองของนกั วิทยาศาสตร์ท่ีศกึ ษาบทบาทของฟีโรโมน 2) ทดลองเก่ียวกับบทบาทของฟีโรโมนท่สี ง่ ผลตอ่ การแสดงพฤติกรรมในส่ิงมชี ีวติ 3.3 คุณลกั ษณะ (A) 1) มคี วามใฝเ่ รยี นรู้ 2) การรว่ มแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู ่ืน และทำงานร่วมกับผ้อู ่ืน อยา่ งสร้างสรรค์ 3) ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและการเข้าช้ันเรียน 4. สาระการเรียนรู้ สตั ว์บางชนดิ หล่งั สารบางอย่างออกมาเพ่ือส่ือสารกัน สารดังกลา่ ว เรียกวา่ ฟโี รโมน ฟโี รโมนบางชนดิ กระตุน้ ใหผ้ รู้ บั สารแสดงพฤติกรรมทนั ที ฟีโรโมนบางชนิดกระตุน้ ให้แสดงพฤติกรรมในภายหลงั ปัจจบุ นั มีการนำ ฟโี รโมนมาใช้ในการป้องกันและกำจัดแมลง 5. สมรรถนะสำคัญ 5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ - ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ - กระบวนการทำงานกลุ่ม
6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 มีวินยั 6.2 ใฝ่เรยี นรู้ 6.3 มงุ่ ม่ันในการทำงาน 6.4 มจี ติ สาธารณะ 7. ภาระงาน/ชิน้ งาน 7.1 ภาระงาน - สบื ค้นขอ้ มูลจากใบความรู้ สอื่ และแหล่งเรียนรู้ - บนั ทกึ ผลในแบบบนั ทึกกจิ กรรม เรื่อง ฟโี รโมน 7.2 ชิ้นงาน - ออกแบบช้ินงาน - แบบบนั ทกึ กิจกรรม เร่ือง ฟีโรโมน 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมนำสู่การเรยี น ฟีโรโมน 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ 1.1 ครนู ำเสนอคลปิ วดี ีโอโฆษณาน้ำหอม axe และร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั พฤตกิ รรมทเี่ กิดขึน้ กับ เพศตรงขา้ มเมื่อไดก้ ลน่ิ น้ำหอม กจิ กรรมพฒั นาการเรียนรู้ 2) ขน้ั สำรวจและค้นหา 2.1 ครูนำเขา้ สู่บทเรยี นโดยนำเสนอการทดลองเรื่อง ผีเสื้อไหม แล้วให้นกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย 2.2 ให้นกั เรียนสบื คน้ ข้อมูลเพื่อศึกษาเกีย่ วกบั ความหมายของฟโี รโมนและผลจากฟีโรโมน ต่อสง่ิ มชี วี ิต 2.3 นักเรยี นสืบคน้ ข้อมลู เพอ่ื วิเคราะหแ์ ละเปรียบเทียบความคล้ายคลึงและความแตกต่างระหว่าง ฮอร์โมนกับฟีโรโมน 3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป 3.1 ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายประเดน็ คำถามจากหนงั สือ ดังน้ี -นกั เรียนจะอธบิ ายผลการทดลองเก่ยี วกบั ผเี สื้อไหม อย่างไร ( การเคลื่อนท่เี ขาหากันของผีเสือ้ ไหมเพศผู้และเพศเมีย ไม่ได้ใชป้ ระสาทสว่ นทเี่ กี่ยวข้อง กับการรบั ภาพ ) -จากขอ้ มลู ดังกล่าวนกั เรยี นได้ขอ้ สรุปวา่ อยา่ งไร ( การเคลื่อนทเ่ี ขาหากันของผเี ส้ือไหม เพศผู้ อาศัยประสาทรบั กลิน่ ซ่ึงเป็นโมเลกุลของสารเคมีทเี่ พศเมยี สร้างขึ้น) -นักเรยี นจะอภิปรายผลการทดลองดงั กล่าวว่าอย่างไร ( ผีเส้อื ไหมเพศเมียสร้างสารเคมซี ่งึ มผี ลต่อเพศผู้ และผีเสอ้ื ไหมเพศผใู้ ชห้ นวดในการรบั กลิ่นของ สารเคมดี ังกล่าวท่ีเพศเมยี สร้างขึน้ แลว้ ตอบสนองโดยเคลื่อนทีเ่ ข้าหา ) 3.2 ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเพอื่ เปรียบเทยี บความแตกต่างของฮอรโ์ มนกบั ฟีโรโมน 4) ข้นั ขยายความรู้ 4.1 ครแู ละนักเรยี นอภิปรายร่วมกันถึงการนำความรเู้ ร่ือง ฟีโรโมนไปใช้ประโยชน์ เชน่ ประยุกต์ การสงั เคราะห์ฟโี รโมนเลยี นแบบธรรมชาตเิ พอื่ การกำจดั แมลง การใช้ยกู ลีนอลในการกำจัดแมลงวันทอง อตุ สาหกรรมการเล้ียงผ้งึ เป็นต้น
5) ขัน้ ประเมนิ ผล 5.1 ให้นักเรยี นแต่ละคนย้อนกลบั ไปอา่ นบันทึกประสบการณ์เดมิ ส่งิ ทต่ี ้องการรู้ และขอบเขต เป้าหมาย แล้วตรวจสอบวา่ ได้เรยี นรู้ตามทตี่ งั้ เป้าหมายครบถ้วนหรอื ไมเ่ พียงใด ถ้ายงั ไม่ครบถว้ นจะทำอยา่ งไรตอ่ ไป (อาจสอบถามใหค้ รูอธิบายเพิ่มเตมิ สอบถามให้เพ่ือนอธิบาย หรือวางแผนสืบค้นเพ่ิมเตมิ ) 5.2 ครูให้คะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจติ วทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑ์ การใหค้ ะแนน สมุดบนั ทกึ รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมูลไม่เพียงพอใช้วธิ สี ัมภาษณเ์ พิ่มเติม 9. ส่ือการเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 9.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติม ชวี วทิ ยา เล่ม 5 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 9.2 สื่อคลปิ วดี โิ อเรอ่ื งการสอ่ื สารดว้ ยฟีโรโมนของสง่ิ มีชวี ติ 9.3 แบบบันทกึ กิจกรรม เร่ือง ฟีโรโมน 9.4 ห้องสมุด / ชุมชน 9.5 ฐานขอ้ มูล internet/ สอ่ื การเรยี นการสอน DLIT /Google classroom 10. การวดั และประเมินผล 10.1 วิธีวัดและประเมินผล 1) ใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบอตั นยั 5 ข้อ 2) ครูใหค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จากเกณฑ์ การใหค้ ะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไมเ่ พียงพอใชว้ ิธีสมั ภาษณเ์ พ่มิ เตมิ 10.2 เคร่อื งมือวัดและประเมินผล 1) ขอ้ สอบอัตนยั 5 ข้อ 2) แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) แบบประเมนิ จติ วทิ ยาศาสตร์ 10.3 เกณฑ์การประเมนิ 1) ขอ้ สอบอัตนัย ได้คะแนนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 75 2) แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 75 3) แบบประเมนิ จิตวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 75
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: