C ราแมน่ ถเลก็ แมบ่ ท คือ บทรอ้ งคากลอนทมี่ ีการบอกช่อื ของทา่ รา และมกี ารบรรจบุ ทรอ้ งไวใ้ นทานองเพลง “ชมตลาด” บทกลอนแมบ่ ทมกั นิยมนามาใชป้ ระกอบท่าราเพือ่ ให้ผู้ราได้ฝกึ ลีลาการร่ายรา หลงั จากการฝกึ หดั เพลงชา้ และเพลงเร็ว การราแม่บทใชเ้ ปน็ การฝึกเพ่อื ให้เรียนรถู้ งึ วิธกี ารราท่เี รียกว่า “ราใช้บท” โดยกลอนราแม่บทท่ีใชส้ าหรับฝกึ หดั จะมีอยู่ 2 แบบ คือ แมบ่ ทเลก็ และแมบ่ ทใหญ่ จดั ถาโดย...คณุ ครทู ธติ า รตั ธพัธท์
บระวตั คิ วามเบธ็ มา ราแมบ่ ทเลก็ จดั เป็นการร่ายราตามท่ามาตรฐาน หรือที่เรยี กกันว่า “แม่ท่า” เชน่ เดียวกับการราแม่บทใหญ่ แต่กระบวนการราของแมบ่ ทเล็กนน้ั จะส้ันกวา่ การราของแม่บทใหญ่ เน่ืองจากบทกลอนราของแม่บทใหญ่จะมีคากลอน ยาวถงึ ๑๘ คากลอน สว่ นแม่บทเลก็ มเี พียง ๖ คากลอนเทา่ นั้น กลอนราแม่บทเล็กเป็นบทประพนั ธป์ ระเภทกลอนแปด ตดั ตอนมาจากบทละคร เรอ่ื ง “รามเกยี รต์ิ” บทพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ โดยการราแมบ่ ทเลก็ น้ีไดจ้ ดั เป็นชดุ การแสดงท่ใี ช้แสดงประกอบการแสดงโขน เรื่องรามเกียรต์ิ ตอน นารายณป์ ราบนนทกุ เป็นการราของนารายณแ์ ปลง ซึง่ มเี คา้ โครงเรื่องยอ่ ของการแสดง ดงั นี้ จดั ถาโดย...คณุ ครทู ธติ า รตั ธพธั ท์
นนทุก เปน็ ยักษ์ตนหนงึ่ ซ่ึงอยู่ ณ เชงิ เขาไกรลาส มหี น้าทีล่ ้างเทา้ ให้แก่เทพบตุ รและเทพธดิ าทีม่ าเข้าเฝา้ พระอิศวร ด้วยความสนกุ คึกคะนองไมว่ ่าจะดว้ ย เป็นมนุษยห์ รือเทพ จนทาใหเ้ กิดเป็น เรื่องราวอนั โกลาหล กล่าวคือ เม่อื นนทุก ลา้ งเท้าให้เหล่าเทพบุตร เทพธดิ าน้นั ก็ถูกกลั่นแกลง้ สารพัด รงั แกดว้ ยการ ตบหัวบ้าง เขกศีรษะบา้ ง และถอนผมบ้าง ทาให้นนทกุ ไดร้ บั ความเจ็บแคน้ ทรมานทั้งกาย และเจบ็ ท้ังใจตลอดเวลา จนกระทั่งศรี ษะลา้ น จนผมโกรน๋ โล้นเกลี้ยงถึงเพยี งหู ดเู งาในน้าแลว้ รอ้ งไห้ ฮดึ ฮัดขัดแคน้ แน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟ้า เป็นชายดดู ูม๋ าหมน่ิ ชาย มติ ายจะได้มาเห็นหนา้ คิดแล้วก็รบี เดนิ มา เฝา้ พระอิศราธบิ ดี จดั ถาโดย...คุณครทู ธติ า รตั ธพัธท์
เมื่อทนไมไ่ ด้นนทุกจึงขึ้นเฝ้าพระอศิ วร ณ ยอดเขาไกรลาสและทลู ขอพระจากพระอิศวรเพ่อื ใหม้ ฤี ทธ์ใิ นการปกปอ้ งตนเอง พระอิศวรจงึ ประทานน้ิวเพชรให้นนทกุ ซึ่งน้วิ เพชรนเี้ มอ่ื ชถี้ กู ขา ขาก็หัก ชีถ้ กู แขน แขนก็หกั นนทกุ ดใี จเปน็ อันมาก และคิดท่จี ะแกแ้ คน้ เหลา่ เทวดาที่รังแกตน เมอื่ ได้เวลาเขา้ เฝา้ พระอิศวร เทพทง้ั หลายก็พากันเล่ากันอยา่ งสนุกสนานตาม เช่นเคย นนทุกจงึ ใช้นว้ิ ชี้เหล่าเทวดาจนได้รบั ความเจบ็ ปวด และตา่ งพากนั ตกใจกลัวพากันหนีไป นนทุกมคี วามกาเริบใจ ท่สี ามารถเอาชนะเทวดาได้ จงึ ออกท่องเทีย่ วไปในแดนสวรรค์และทาร้ายเหล่าเทวดาให้ได้รบั ความเดือดรอ้ น เทวดา ท้ังหลายจงึ กราบทลู พระนารายณ์ พระนารายณ์ได้ใชอ้ บุ ายดว้ ยการแปลงกายเปน็ นางฟ้าเดนิ ผ่านหน้านนทุก นนทกุ เกดิ ตดิ ใจในรปู โฉมความงามของนาง จึงออกปากเกีย้ วพาราสีของเปน็ คู่ นางนารายณ์ แสร้งตอบยนิ ดที ีจ่ ะเปน็ คู่ แตต่ อ้ งร่ายราตามนางจงึ จะยอมเป็นคู่หมาย ดว้ ยความพศิ วาสหลงใหลนนทกุ จงึ ตอบรับ ดังนน้ั นางนารายณ์จึงราเพลง แมบ่ ทนี้โดยมีนนทุกราตามไปดว้ ย และเมอื่ ถงึ บทร้องที่วา่ ฝ่ายว่านนทกุ กร็ าตาม ด้วยความพสิ มยั ไหลหลง ถึงท่านาคาม้วนหางลง กช็ ตี้ รงเพลาพลนั ทันใด จดั ถาโดย...คุณครทู ธิตา รตั ธพัธท์
เมอ่ื นนทุกชนี้ ้ิวเพชรชไ้ี ปท่เี ข่าของตนเอง เขา่ กห็ ักทรุดลงน่ังและได้ร้วู า่ ได้เสียทแี ก่พระนารายณ์ จงึ เอ่ยปากตดั พอ้ ว่า พระนารายณ์นน้ั ใช้เลห่ อ์ สิ ตรีมาลวงทาไมไมส่ ู้รบกันซงึ่ ๆ หนา้ พระนารายณ์จงึ ประกาศว่าให้ไปจุติใหม่ ใหม้ สี บิ หน้า ย่ีสบิ กร พระองคจ์ ะทรงอวตารไปปราบใหไ้ ด้ ด้วยเหตนุ ีน้ นทุกจงึ อบุ ตั ไิ ปจุตใิ นมนษุ ยโลก เปน็ เจา้ กรุงลงกานามว่า “ทศกัณฑ์” ส่วนพระนารายณก์ ็อวตารมาเปน็ พระรามและทาสงครามขบั เคย่ี วจนกระทั่งทศกัณฑ์ถงึ แก่ความตาย จดั ถาโดย...คณุ ครทู ธติ า รตั ธพธั ท์
ถา่ รา แม่บทเล็ก จะมีทา่ ทเี่ ป็นแมท่ า่ เพียง ๑๘ ทา่ นอ้ ยกวา่ แมบ่ ทใหญ่ ไดแ้ ก่ ท่าเทพนม ปฐม พรหมสีห่ นา้ สอดสร้อยมาลา กวางเดินดง หงสบ์ ิน กินรนิ เลยี บถ้า อีกชา้ นางนอน ภมรเคล้า แขกเต้า ผาลาเพยี งไหล่ เมขลาโยนแกว้ มยเุ รศฟ้อนใน ยอดตองตอ้ งลม พรหมนมิ ิต พสิ มัยเรียงหมอน มจั ฉาชมสาคร และพระส่กี รขวา้ งจักร ซึง่ แตล่ ะทา่ มีความหมาย เช่น ทา่ เทพนม ปฐม พรหมส่ีหน้า หมายถึง เทวดาน้อมไหวเ้ ปน็ เบื้องตน้ แดพ่ ระพรหม เปน็ ตน้ อกี ทั้งราแม่บทเลก็ ยงั เป็น ทา่ แม่แบบในการแสดงนาฏศลิ ปโ์ ขน-ละครต่อมา ซง่ึ ทา่ นผู้หญิงแผ้ว สนทิ วงศ์เสนี ศิลปินแหง่ ชาติ และผู้เชยี่ วชาญด้าน นาฏศลิ ป์ไทย เป็นผ้ปู ระดษิ ฐ์กระบวนทา่ รา โดยเรยี งรอ้ ยทา่ จากเพลงช้า เพลงเร็ว อนั เปน็ ทา่ แม่แบบการฝึกหดั นาฏศลิ ป์ไทย มกี ารเชื่อมท่าจากทา่ หนงึ่ ไปสู่ท่าหนึง่ แล้วต้ังช่ือท่าราผกู เปน็ บทกลอนใหส้ อดคล้องกัน การราแม่บทเล็ก จะใช้วิธเี ดยี วกบั การราแมบ่ ทใหญ่ คือ เม่ือร้องและราไปได้ ๒ คากลอน ปี่พาทยจ์ ะบรรเลงรับครง้ั หนง่ึ เพ่อื พกั เสียงของผรู้ อ้ ง โดยขณะทีป่ ่พี าทยบ์ รรเลงผรู้ าจะต้องรา \"ซดั ทา่ \" ซึ่งหมายถึง การราตามจงั หวะและทานองท่ีบรรเลง รบั เพื่อฝกึ ใหผ้ รู้ าได้รู้จกั ใชเ้ ท้าและใชม้ อื สลดั ไปตามจังหวะ โดยการราซดั ทา่ จะเลอื กเอาท่าราจากแม่ทา่ หรือท่าเช่อื มทีไ่ ด้ฝึกหดั แล้วบางท่ามาราทวนอีกคร้ังหนง่ึ ทง้ั น้ีมไิ ดม้ ีกฏเกณฑบ์ งั คบั ขึ้นอยกู่ ับครูผู้ฝึกหัดหรือผรู้ าจะเลอื กนาท่ามาเช่อื มก็ได้ สาหรับ การราท่าโบก เมื่อจบคากลอนของแม่บทเลก็ จะแตกตา่ งจากแม่บทใหญต่ รงท่ี ท่าราของแมบ่ ทใหญส่ ามารถหันตวั ได้ทั้งด้านซา้ ย และด้านขวา แตใ่ นการราของแม่บทเล็กจะหันตัวโบกเพียงดา้ นขวาเพยี งด้านเดียว จดั ถาโดย...คณุ ครทู ธิตา รตั ธพัธท์
ดธตรแี ละเพลงบระกอนการแสดง การบรรเลงในการราแมบ่ ทเล็กนนั้ ใชว้ งป่ีพาทย์บรรเลง แล้วขับร้องดว้ ยเพลงชื่อ ชมตลาด และจบท้ายดว้ ยเพลงรวั หรือเพลงเรว็ และเพลงลา หรือบางครั้งอาจจบดว้ ยเพลงต้นวรเชษฐ์แลว้ ตอ่ ด้วยเพลงเรว็ และเพลงลาก็ได้ ทั้งน้สี ุดแต่ผูร้ าจะ เห็นสมควร บทร้อง - ดนตรบี รรเลงเพลงรวั - - เพลงชมตลาด – เทพนมปฐมพรหมสห่ี นา้ สอดสร้อยมาลาเฉิดฉนิ ทั้งกวางเดนิ ดงหงสบ์ นิ กินรนิ เลียบถ้าอาไพ อีกชา้ นางนอนภมรเคล้า แขกเตา้ ผาลาเพียงไหล่ เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟอ้ นในนภาพร ยอดตองต้องลมพรหมนิมิต อกี ทงั้ พศิ มยั เรยี งหมอน ย้ายทา่ มจั ฉาชมสาคร พระส่กี รขว้างจักรฤทธิรงค์ - ดนตรีบรรเลงเพลงเร็ว และเพลงลา - จดั ถาโดย...คณุ ครทู ธติ า รตั ธพธั ท์
การแตง่ กาย ผู้แสดงราแมบ่ ทเล็กนจี้ ะแตง่ กายยืนเคร่อื งพระ-นาง จดั ถาโดย...คณุ ครทู ธิตา รตั ธพธั ท์
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: