สถิติสาหรับพิสูจน์สมมติฐานการวิจัย • สถติ นิ อนพาราเมตรกิ (nonparametric statistics) • เป็นสถติ ิที่ไม่ได้ทดสอบเกย่ี วกับค่าพารามิเตอร์ของประชากร • การทดสอบไมค่ านึงถงึ ลักษณะการแจกแจงของประชากร ว่ามีลักษณะเช่นไร บางครง้ั จึงถกู เรยี กว่า “สถติ ิการแจก แจงอิสระ (Distribution-Free Statistics)” • สามารถใช้ไดก้ ับข้อมูลที่มีการวดั ระดับนามบญั ญัติ ขึ้นไป • สถิตินอนพาราเมตริกที่นยิ มใช้ ได้แก่ ▪ การทดสอบกรณีกลมุ่ ตวั อย่างเดียว • การทดสอบทวนิ าม (Binomial test) • การทดสอบไคสแควร์ (Chi-square for goodness of fit test) • Chi-square test for proportion • Chi-square for goodness of fit test • การทดสอบโคโมโกรอฟ-สเมนอฟ (Kolmogorov-Smirnov test) • การทดสอบรัน (Run test) 51
สถิติสาหรับพิสูจน์สมมติฐานการวิจัย • (ตอ่ ) สถติ นิ อนพาราเมตรกิ ทนี่ ยิ มใช้ ได้แก่ • การทดสอบกรณีตวั อย่าง 2 กลุ่มทีพ่ ึง่ พงิ กัน ▪ การทดสอบแมคนีมาร์ (McNemar test) ▪ การทดสอบเครือ่ งหมาย (Sign test) ▪ การทดสอบวลิ คอกซัน (Wilcoxon signed rank test) • การทดสอบกรณีตัวอยา่ ง 2 กลมุ่ ทีเ่ ปน็ อสิ ระตอ่ กัน ▪ การทดสอบไคสแควร์ (Chi-square for homogeneity test) • Chi-square for independence of two variable ▪ การทดสอบมธั ยฐาน (Median test) ▪ การทดสอบแมนวิทนี (Mann-Whitney U test) ▪ การทดสอบโคโมโกรอฟ-สเมนอฟ ซี (Kolmogorov-Smirnov Z test) ▪ การทดสอบวาลว์ วูฟโฟวิทซ์ (Wald Wolfowitz runs test) ▪ การทดสอบโมเสส เอกตรีม รีแอกชัน (Moses extreme reactions test) 52
สถิติสาหรบั พิสูจนส์ มมติฐานการวิจยั • (ต่อ) สถติ นิ อนพาราเมตรกิ ทนี่ ยิ มใช้ ได้แก่ • การทดสอบกรณีตวั อยา่ ง k กลมุ่ ที่พึง่ พิงกนั ▪การทดสอบฟรดี แมน (Friedman test) ▪การทดสอบเคนดอล (Kendall’s W test) ▪การทดสอบคอกแครน (Cochran’s Q test) • การทดสอบกรณตี ัวอย่าง k กลุ่มท่เี ป็นอิสระตอ่ กนั ▪การทดสอบครัสคอล วอลลสิ (Kruskal-Wallis H test) ▪การทดสอบมัธยฐาน (Median test) ▪1การทดสอบจอนเฮยี -แทปรา (Jonckheere-Terpstra test) 53
สถิติ สาหรับพิสจู น์ สมมติฐาน การวิจัย
สถิติทีใ่ ช้ในการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย • สถิตทิ ี่ใชใ้ นการเปรียบเทียบคา่ เฉลี่ยของ • กลุ่มตัวอย่างหนึง่ กลุ่มกบั ประชากร ----> One Sample t-test • กลุ่มตวั อยา่ งสองกลุ่มทม่ี ีความสมั พนั ธก์ นั ----> Paired samples t-test • กลุ่มตัวอยา่ งสองกลุ่มท่เี ปน็ อิสระตอ่ กัน ----> Independent t-test 55
สถิติที่ใชใ้ นการเปรียบเทียบค่าเฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) • One Sample t-test • ข้อตกลงเบ้อื งตน้ 1. กลุ่มตัวอยา่ งมีขนาดเล็ก 2. ข้อมลู เป็น interval scale หรือ ratio scale 3. กลุ่มตัวอยา่ งได้มาจากการสุ่มจากประชากรที่มกี ารแจกแจงแบบปกติ (ทดสอบด้วย Kolmogorov–Smirnov Test) • การวิเคราะหข์ ้อมลู ด้วย SPSS (สาธติ ) วตั ถุประสงค:์ เพือ่ ทดสอบค่าเฉลี่ยของความเครียดของพยาบาลวิชาชีพทปี่ ฏิบตั งิ านในหอผู้ป่วยวิกฤติ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ว่ามากกวา่ หรือเท่ากับ 8 หรือไม่ (เมื่อกาหนดให้ คะแนน 0-4 เครียด น้อย, คะแนน 5-7 เครียดปานกลาง,คะแนน 8-9 เครียดมาก, คะแนน 10-15 เครียดมากทีส่ ดุ ) 56
สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบคา่ เฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) • One Sample t-test • ขอ้ ตกลงเบอ้ื งต้นเรอ่ื ง: กลุ่มตวั อย่างได้มาจากการสุ่มจากประชากรทม่ี ีการแจกแจง แบบปกติ (ทดสอบด้วย Kolmogorov–Smirnov Test) 57
สถิติที่ใชใ้ นการเปรียบเทียบคา่ เฉลี่ย Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) • One Sample t-test • ข้อตกลงเบอ้ื งตน้ เรอ่ื ง: กลุ่มตัวอย่างได้มาจากการสุ่มจากประชากรที่มกี ารแจกแจง แบบปกติ(ทดสอบด้วย Kolmogorov–Smirnov Test) ผลการวิเคราะหก์ ารแจกแจงปกตขิ องค่าเฉลย่ี ความเครียดของ พยาบาลวิชาชพี ที่ปฏบิ ัติงานในหอผปู้ ่วยวกิ ฤติ โรงพยาบาล เจ้าพระยายมราช ดว้ ยสถติ ิ Kolmogorov–Smirnov Test พบว่า ค่า Kolmogorov–Smirnov Z = .105; p = .000 ซึ่งค่า p < .05 จึง สรุปผลวา่ ปฏิเสธสมมติฐานนัล (Ho) หมายความวา่ ความเครียด ของพยาบาลวชิ าชีพทีป่ ฏิบตั งิ านในหอผูป้ ่วยวิกฤติ โรงพยาบาล เจ้าพระยายมราช ไม่มมี ีการแจกแจงแบบปกติ ซึง่ เปน็ ไมไ่ ปตาม ขอ้ ตกลงเบ้อื งต้นของการใช้สถิติ One Sample t-test (จงึ ควร เปลย่ี นไปใชส้ ถิติในกลุม่ nonparametric) 58
สถิติทีใ่ ช้ในการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) • One Sample t-test • การวิเคราะหข์ ้อมูลด้วย SPSS (สาธติ ) 1 2 3 4 5 7 6 59
สถิติทีใ่ ช้ในการเปรียบเทียบคา่ เฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) • One Sample t-test • ตัวอยา่ งการนาเสนอผลการวิจัย 60
สถิติทีใ่ ช้ในการเปรียบเทียบคา่ เฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) • One Sample t-test • ตัวอยา่ งการนาเสนอผลการวิจัย 61
สถิติทีใ่ ชใ้ นการเปรียบเทียบค่าเฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Paired t-test • ข้อตกลงเบอ้ื งต้น 1. กลุ่มตัวอยา่ งมีขนาดเล็ก 2. คา่ ของตัวแปรตามต้องเป็นอสิ ระจากกัน 3. ข้อมลู เป็น interval scale หรือ ratio scale 4. กลุ่มตัวอยา่ งได้มาจากการสุ่มจากประชากรที่มกี ารแจกแจงแบบปกติ (ทดสอบด้วย Kolmogorov–Smirnov Test) • การวิเคราะหข์ ้อมลู ด้วย SPSS (สาธิต, เอกสารประกอบฯ หนา้ 214) วัตถุประสงค์:เพือ่ เปรียบเทียบระดับการสูญหายของเครือ่ งมือผ่าตดั ของงานห้องผ่าตดั โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชก่อนและหลงั ใช้แนวปฏิบตั ิ 62
สถิติที่ใชใ้ นการเปรียบเทียบค่าเฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Paired t-test 1 2 3 5 4 7 63
สถิติทีใ่ ชใ้ นการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Paired t-test • ตวั อยา่ งการนาเสนอผลการวิจยั 64
สถิติทีใ่ ชใ้ นการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Paired t-test • ตวั อยา่ งการนาเสนอผลการวิจยั 65
สถิติทีใ่ ชใ้ นการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Independent t – test • ข้อตกลงเบ้อื งต้น 1. กลุ่มตวั อยา่ งมีขนาดเลก็ 2. ประชากร 2 กลุ่มตอ้ งเป็นอสิ ระจากกัน 3. ข้อมูลเป็น interval scale หรือ ratio scale 4. กลุ่มตัวอยา่ งได้มาจากการสุ่มจากประชากรทีม่ กี ารแจกแจงแบบปกติ (ทดสอบด้วย Kolmogorov–Smirnov Test) วตั ถุประสงค:์ เพื่อเปรียบเทียบอุบัตกิ ารณก์ ารพลดั ตกหกล้มของผู้ปว่ ยท่ปี ฏิบตั ิตาม แนวปฏิบตั ิฯ และผู้ปว่ ยทีไ่ ม่ปฏิบัติตามแนวปฏิบตั ฯิ 66
สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบคา่ เฉลี่ย Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Independent t – test 67
สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบคา่ เฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Independent t – test • ตัวอยา่ งการนาเสนอผลการวิจยั 68
สถิติทีใ่ ช้ในการเปรียบเทียบคา่ เฉลีย่ Z-test และ t-test (Independent t-test, Paired t-test) Independent t – test • ตัวอย่างการนาเสนอผลการวิจัย 69
การวิเคราะห์ความแปรปรวน Analysis of Variance, ANOVA • ขอ้ ตกลงเบ้อื งตน้ 1. ข้อมูลเป็น interval scale หรือ ratio scale 2. กลุ่มตวั อยา่ งได้มาจากการสุ่มจากประชากรทีม่ กี ารแจกแจงแบบปกติ (ทดสอบด้วย Kolmogorov–Smirnov Test) 3. ความแปรปรวนของตัวแปรตามในแต่ละกลุ่มมีค่าเท่ากัน (homogeneity of variance): ทาการทดสอบด้วย Levene Statistic Test วตั ถปุ ระสงค์: เพือ่ เปรียบเทียบระดบั ความเครียดของพยาบาลในหอผู้ป่วย A,B,C 70
กากราวริเวคิเครราาะะหห์คค์ ววาามมแแปปรปรปรวรนวน(Analysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA 71
กากราวริเวคิเครราาะะหหค์์คววาามมแแปปรปรปรวรนวน(Analysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA - Omnibus Test 72
กากราวริเวคิเครราาะะหหค์์คววาามมแแปปรปรปรวรนวน(Analysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA - Omnibus Test • ตัวอย่างการนาเสนอผลการวจิ ัย (Omnibus Test) 73
กากราวริเวคิเครราาะะหห์คค์ ววาามมแแปปรปรปรวรนวน(Analysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA - Omnibus Test • ตัวอยา่ งการนาเสนอผลการวจิ ยั ในท่นี ี้ p-value > .05 จึงไม่ไดท้ าการเปรยี บเทยี บรายคู่ แต่กรณที ่ี p-value < .05 ต้องทาการเปรียบเทียบรายคู่เพือ่ ดูว่ามคี ใู่ ดบา้ งท่แี ตกต่างกนั (Post hoc test) 74
กากราวริเวคิเครราาะะหหค์์คววาามมแแปปรปรปรวรนวน(Analysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA – Post hoc test 75
กกาารรววิเิเคครราาะะหหค์ ์ควาวมาแมปแรปปรรวปนรว(Aนnalysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA - Post hoc test • ตัวอย่างการนาเสนอผลการวจิ ยั 76
กากราวริเวคิเครราาะะหห์ค์คววาามมแแปปรปรปรวรนวน(Analysis of Variance, ANOVA) Analysis of Variance, ANOVA- Post hoc test • ตวั อย่างการนาเสนอผลการวจิ ยั ในที่น้ี p-value > .05 จึงสรปุ ผลการเปรียบเทยี บ รายคู่ได้ว่า ระดับความเครยี ดของนกั ศึกษา พยาบาลทุกชน้ั ปคี ไู่ มแ่ ตกต่างกนั 77
การวิเคราะห์สหสมั พนั ธ์ Simple Correlation • Pearson correlation - ข้อมลู เป็น interval scale หรือ ratio scale • Spearman rank correlation - ข้อมูลเปน็ nominal scale ขึ้นไป วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล แหล่งท่ีมาของ ความเครยี ด กับระดบั ความเครียด 78
กากราวริเวคิเครราาะะหห์ส์สหหสสมั มั พพันธนั ์ (ธC์ orrelation) Pearson correlation 79
กากราวริเวคิเครราาะะหห์ส์สหหสสมั มั พพันธนั ์ (ธC์ orrelation) Spearman rank correlation 80
กากราวริเวคิเครราาะะหหส์ส์ หหสสมั ัมพพันธนั ์ (ธC์ orrelation) Simple Correlation - การแปลผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล จากขอ้ มูลชาย =1, หญิง = 2 เมื่อเพศเปล่ยี นทาใหค้ ่า r เป็น -.119 ในทีน่ ้ี p-value < .05 จึงสรปุ ว่า แสดงว่า นกั ศึกษาชายเครียดมากกวา่ นักศกึ ษาหญิง เพศมคี วามสัมพันธก์ ับระดับ ความเครยี ดในทางลบ อยา่ งมี นยั สาคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05 (p = .040, r = -.119) 81
กากราวริเวคิเครราาะะหห์สส์ หหสสัมมั พพันธนั ์ (ธC์ orrelation) การอา่ นค่า Simple Correlation -ระบคุ วามสัมพนั ธ์ -ทศิ ทาง -ขนาดความสัมพนั ธ์ -ระดบั ความสมั พันธ์ • ถา้ r =.10 ถงึ .29 ความสัมพนั ธ์ของสองตัวแปรอยู่ในระดบั ตา่ • ถา้ r=.30 ถงึ .49 ความสมั พนั ธ์ของสองตัวแปรอยู่ในระดบั กลาง • ถา้ r = .50 ถงึ 1.0 ความสมั พันธ์ของสองตวั แปรอยู่ในระดบั สูง • ถา้ r=0 แสดงว่าไมม่ คี วามสัมพนั ธ์ระหว่างตวั แปร แต่ถา้ r=1 หรือ -1 แสดงว่ามีความสัมพนั ธ์ ระหว่างกันโดยสมบรู ณ์ 82
กากราวริเวคิเครราาะะหหส์์ไคหสสัมแพคันวธร์ (์ Correlation) • ข้อตกลงเบ้อื งต้น - Chi-Square Test 1. ใช้ค่าความถีห่ รอื จานวนนับ(Frequency data) ของแต่ละกลุ่มยอ่ ยในการคานวณ ค่า ไม่สามารถใชค้ า่ สัดสว่ น ร้อยละ หรือคา่ เฉลีย่ แทนได้ 2. ขนาดตัวอย่างเพยี งพอ(Adequate sample size) มคี ่าเฉลี่ยในแต่ละกลุ่มย่อย (Cell) เปน็ ไปตามขอ้ กาหนด โดยเมื่อแจกแจงความถีใ่ นตารางแล้ว ต้องไม่มี cell ใดที่มคี า่ ความถเ่ี ป็น 0 และคานวณค่า Eij ทีน่ ้อยกว่า 5 ไมเ่ กินรอ้ ยละ 20 ของ จานวน Cell 3. แต่ละกล่มุ ของขอ้ มลู ทีศ่ ึกษาตอ้ งเปน็ อสิ ระจากกนั (Measures independent of each other) ตวั อย่างแตล่ ะรายถูกจดั เขา้ กลุม่ ได้เพยี งกลมุ่ เดียว หรือใชข้ ้อมูลครง้ั เดียว 4. การจดั กลุ่มหรือประเภทของตวั แปรต้องมีความหมายและมีเหตผุ ลเชงิ ทฤษฎี (Theoretical basis for the categorization of the variables) 83
การวิเคราะห์ไคสแควร์ การวิเคราะหไ์ คสแควร์ (Chi-Square Test) 84
การวิเคราะห์ไคสแควร์ การวิเคราะหไ์ คสแควร์ (Chi-Square Test) 85
การวิเคราะห์ไคสแควร์ การวิเคราะหไ์ คสแควร์ (Chi-Square Test) 86
การกวาริเควิเรคาระาะหห์ไ์ไคคสสแแคคววรร์ (์ Chi-Square Test) การนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู จานวนและร้อยละ ของนักศึกษาทีม่ ี BMI ระดบั ตา่ งๆ จาแนกตามเพศ 87
การกวาริเควิเรคาระาะหหไ์ ์ไคคสสแแคคววรร์ (์ Chi-Square Test) วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับ การนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ระดับดัชนีมวลกายของนักศึกษาพยาบาล 88
สถิติสาหรบั การวิจยั ทางระบาดวิทยา (ทีพ่ บบอ่ ย) การทดสอบความสัมพันธร์ ะหวา่ งตวั แปร 89
สกถาิตรทิสดาสหอรบบั คกวาามรสวัมิจพัยันทธาร์ งะหระวา่บงาตดวั แวปิทรยา (ที่พบบอ่ ย) การทดสอบความสมั พันธร์ ะหว่างตัวแปร อตั ราส่วนความเสยี่ ง (Risk ratio, RR) เปน็ สถิตทิ ่ใี ชบ้ อกขนาดความแตกต่างของอตั ราการเกิดโรคใน กลุ่มท่ไี ด้รับปัจจยั เสีย่ งว่า เป็นกเ่ี ท่าของ กลุ่มทไ่ี ม่ได้รบั ปจั จัยเสี่ยง RR = อัตราการเกิดโรคในกล่มุ ทีไ่ ดร้ ับปจั จยั เสีย่ ง อัตราการเกิดโรคในกลุ่มที่ไม่ได้รบั ปจั จยั เสย่ี ง การแปลผล คือ RR > 1 กลุ่มได้รับปัจจยั เสีย่ งเสี่ยงกว่า RR < 1 กลุ่มไมไ่ ด้รับปจั จยั เสี่ยงเสีย่ งกวา่ RR = 1 ทง้ั กลุ่มได้หรือไม่ได้รับปัจจัยเสี่ยงเสี่ยงเทา่ กนั 90
สกถาิตรทิสดาสหอรบบั คกวาามรสวัมิจพยั นั ทธาร์ งะหระวา่บงาตดัวแวปิทรยา (ที่พบบ่อย) การทดสอบความสมั พันธร์ ะหว่างตัวแปร อัตราส่วนความเสยี่ ง (Risk ratio, RR) ตัวอยา่ ง ความสัมพนั ธ์ระหว่างการสบู บุหรี่กบั การเกดิ มะเร็งปอด ในการเก็บข้อมลู ระยะยาว (longitudinal or cohort study) อาเภอเมือง ปี พ.ศ. 2553-2563 อัตราสว่ นความเสี่ยงของการเกดิ มะเร็งปอดในคนทสี่ บู บุหรเี่ ปน็ 6 เทา่ ของคนไม่สบู บุหรี่ 91
สกถาิตรทิสดาสหอรบบั คกวาามรสวัมิจพยั นั ทธาร์ งะหระว่าบงาตดวั แวปิทรยา (ที่พบบอ่ ย) การทดสอบความสมั พันธ์ระหวา่ งตวั แปร อัตราส่วนความเสี่ยง (Risk ratio, RR) - ข้อจากัด •การคานวณ RR จะต้องทราบตั้งแต่เริ่มต้นว่ามีคนจานวนเท่าไรที่ได้รับ หรือไม่ได้รับปัจจัยเสี่ยง แล้วติดตามคนกลุ่มดังกล่าวเพื่อดูว่าเกิดโรค เท่าไร จึงจะสามารถคานวณอตั ราการเกิดโรคทีแ่ ท้จริงได้ ส่งผลให้ •RR ใช้ได้กับข้อมูลจากการศึกษาแบบมีกลุ่มติดตามผล (cohort study) หรือการทดลองเท่าน้นั •ข้อมูลที่ไม่สามารถหาอัตราการเกิดโรคที่แท้จริงได้ จะหาขนาด ความสัมพนั ธ์ด้วย Odds ratio จากสดั ส่วนของการเกิดโรค 92
สกถาิตรทิสดาสหอรบบั คกวาามรสวมั ิจพัยันทธาร์ งะหระว่าบงาตดัวแวปิทรยา (ที่พบบอ่ ย) การทดสอบความสมั พนั ธ์ระหว่างตัวแปร อัตราสว่ นของการเกดิ โรค (Odds Ratio, OR) เปน็ การเปรยี บเทยี บอัตราส่วนของการเปน็ โรคและไม่เปน็ โรคในกลุ่มท่ไี ด้รับปจั จัยเสีย่ ง และไม่ได้รบั ปจั จัยเสีย่ ง OR = อัตราส่วนการเป็นโรคและไม่เปน็ โรคในกลุม่ ที่ได้รับปจั จยั เสีย่ ง อตั ราส่วนการเปน็ โรคและไม่เป็นโรคในกล่มุ ที่ไม่ได้รับปจั จัยเส่ยี ง การแปลผล คือ OR > 1 โอกาสเปน็ โรคในกลุ่มท่ไี ด้รบั ปจั จยั เสี่ยงสงู กว่า OR < 1 โอกาสเปน็ โรคในกลุ่มที่ไมไ่ ด้รบั ปจั จัยเสีย่ งสงู กว่า OR = 1 ได้หรือไม่ได้รับปจั จัยเสี่ยงโอกาสเปน็ โรคเท่ากนั 93
สกถาิตรทิสดาสหอรบับคกวาามรสวัมิจพยั ันทธาร์ งะหระวา่บงาตดัวแวปิทรยา (ทีพ่ บบ่อย) การทดสอบความสมั พันธ์ระหวา่ งตัวแปร อตั ราส่วนของการเกดิ โรค (Odds Ratio, OR) ตวั อย่าง ผลการสอบสวนการเกิดโรคอาหารเปน็ พษิ ณ โรงเรียนแหง่ หนึ่ง ในจังหวดั สุพรรณบุรี ในเดือนกันยายน 2563 โอกาสของการเกิดโรคอาหารเปน็ พิษในคนทก่ี ินลอดชอ่ งกะทิสูงเป็น 9.3 เทา่ ของคนทีไ่ มก่ ินลอดชอ่ งกะทิ 94
สกถาิตรทิสดาสหอรบับคกวาามรสวัมิจพยั ันทธา์รงะหระวา่บงาตดวั แวปิทรยา (ทีพ่ บบอ่ ย) การทดสอบความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งตวั แปร อตั ราส่วนของการเกิดโรค (Odds Ratio, OR)- ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง RR กบั OR • กรณีที่อัตราการเกดิ โรคตา่ สดั สว่ นการเปน็ โรค (RR) จะมคี ่าใกล้เคียงกบั คา่ อัตราสว่ นของการเป็นโรค (OR) • ค่า RR ทค่ี านวณได้จะมคี า่ เทา่ กับคา่ OR • กรณที ี่อัตราการเกิดโรคต่าจึงสามารถแปรผล OR ได้เหมือนกัน RR 95
สกถาิตรทิสดาสหอรบบั คกวาามรสวัมิจพยั นั ทธา์รงะหระวา่บงาตดวั แวปิทรยา (ทีพ่ บบ่อย) การทดสอบความสมั พันธร์ ะหว่างตัวแปร อัตราชกุ (Prevalence Ratio, PR) เป็นการเปรยี บเทยี บอตั ราส่วนของการเปน็ โรคและไม่เปน็ โรคใน กลุ่มทไ่ี ด้รับปัจจัยเสี่ยง และไม่ได้รบั ปัจจัยเสีย่ ง OR = อัตราส่วนการเปน็ โรคและไมเ่ ป็นโรคในกลมุ่ ที่ไดร้ ับปจั จัยเสี่ยง อัตราสว่ นการเป็นโรคและไมเ่ ปน็ โรคในกล่มุ ที่ไม่ไดร้ ับปัจจัยเสย่ี ง การแปลผล คือ OR > 1 โอกาสเปน็ โรคในกลมุ่ ที่ไดร้ บั ปัจจัยเสี่ยงสูงกว่า OR < 1 โอกาสเปน็ โรคในกลุ่มทีไ่ มไ่ ด้รับปจั จัยเสีย่ งสูงกว่า OR = 1 ได้หรือไม่ได้รับปัจจยั เสีย่ งโอกาสเป็นโรคเท่ากัน 96
สกถาิตรทิสดาสหอรบบั คกวาามรสวัมิจพยั ันทธา์รงะหระว่าบงาตดัวแวปิทรยา (ทีพ่ บบอ่ ย) การทดสอบความสัมพนั ธ์ระหว่างตัวแปร อัตราชกุ (Prevalence Ratio, PR)+ OR ตวั อย่าง ความสัมพันธร์ ะหว่างการกินเคม็ และความดนั โลหิตสงู การสารวจ (survey) หมบู่ า้ นแหง่ หนึง่ ในปี พ.ศ. 2562 อัตราชุกของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงในคนทก่ี ิน เคม็ สูงเป็น 3 เทา่ ของคนที่ไมก่ ินเค็ม โอกาสของการเกิดโรคความดันโลหิตสงู ในคนทก่ี ินเคม็ สูงเป็น 3.86 เท่า ของคนที่ไมก่ ินเค็ม 97
ขอบคณุ สาหรบั การแลกเปลีย่ นคะ่ • อ.ดร.ชุตกิ าญจน์ ฉตั รรงุ่ หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลผู้ใหญแ่ ละผสู้ งู อายุ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบรุ ี โทรศพั ท์ 035-535254 ต่อ 5203 มือถือ 086-3728334 อเี มล์ [email protected] • อ.ดร.สุภาวดี นพรจุ จนิ ดา รองผู้อานวยการกลุ่มวชิ าการ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สพุ รรณบรุ ี โทรศัพท์ 035-535254 ต่อ 5201 มือถือ 085-1798804 อเี มล์ [email protected] • อ.ทิวา มหาพรหม อาจารย์ประจาภาควิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี โทรศพั ท์ 035-535254 ต่อ 5203 มือถือ 081-0255821 อเี มล์ [email protected]
Search