Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เกี่วกับอุสงค์ และอุปทาน

ความรู้เกี่วกับอุสงค์ และอุปทาน

Published by เบญจลักษณ์ แก้วนวล, 2021-06-19 06:11:49

Description: ความรู้เกี่วกับอุสงค์ และอุปทาน

Search

Read the Text Version

DEMAND & SUPPLY Economics เ ศ ร ษ ฐ ศ า ส ต ร์ อุ ป ส ง ค์ อุ ป ท า น CLASS ROOM BENJALAK KONGLERS

สรุปบทท่ี 2 ความรู้เกยี่ วกบั อปุ สงค์และอปุ ทาน 2.1 อุปสงค์ (Demand) อุปสงค์ คือ ความตอ้ งการซ้ือสินคา้ และบริการ (จานวนหรือปริมาณของสินคา้ และบริการ) ของผซู้ ้ือหรือผบู้ ริโภค ณ ระดบั ราคาท่ีแตกต่างกนั ของสินคา้ ชนิดน้นั หรือ ณ ระดบั รายไดต้ า่ งๆของผบู้ ริโภค หรือ ณ ระดบั ราคาตา่ งๆของสินคา้ ชนิดอ่ืนท่ี เก่ียวขอ้ ง ณ เวลาใดเวลาหน่ึง อุปสงคจ์ ะเกิดข้ึนไดก้ ต็ ่อเมื่อ ผซู้ ้ือหรือผบู้ ริโภคตอ้ งมี (1) มีความสามารถทางการเงินเพียงพอที่จะซ้ือได้ (Purchasing Power or Ability to Pay) และ (2) มีความตอ้ งการที่จะซ้ือ (Willingness to Pay) ถา้ ขาดอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดไป จะไมถ่ ือวา่ เป็ นอปุ สงค์ ขนาดของอปุ สงคจ์ ะข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ตา่ งๆมากมาย แตป่ ัจจยั ท่ีสาคญั มีอยู่ 6 ปัจจยั คือ (1) ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการ ชนิดน้นั (2) ระดบั รายไดข้ องผซู้ ้ือ (3) ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิดอื่นๆที่เกี่ยวขอ้ ง (4) รสนิยมของผซู้ ้ือ (5) ขนาด ของประชากร และ (6) การคาดคะเนเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต อยา่ งไรก็ตาม ในวชิ าน้ีเราจะศึกษาการเปล่ียนแปลงของอปุ สงคเ์ น่ืองจากผลของสามปัจจยั แรกเท่าน้นั คือ อปุ สงคต์ ่อราคา (Price Demand), อุปสงคต์ อ่ รายได้ (Income Demand), และ อุปสงคต์ ่อระดบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิดอื่นๆท่ี เกี่ยวขอ้ งหรือท่ีเรียกวา่ อปุ สงคไ์ ขว้ (Cross Demand) (ถา้ เรากลา่ วถึงอปุ สงค์ หรือ Demand เพยี งคาเดียว เราจะหมายถึงอุป สงคต์ อ่ ราคา หรือ Price Demand) 2.1.1 อุปสงค์ต่อราคา (Price Demand) กฎของอุปสงค์ (Law of Demand) กล่าวไวว้ า่ “ปริมาณสินคา้ และบริการที่ผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือจะแปรผกผนั กบั ราคาของสินคา้ และบริการน้นั ๆเสมอ โดยสมมติใหป้ ัจจยั อ่ืนๆที่มีผลกบั อปุ สงคค์ งที่” เช่น เราดูหนงั สี่เร่ืองในหน่ึงเดือนจากท่ีเคยดเู พียง สองเรื่องถา้ คา่ ตวั๋ ลดราคาจาก 150 บาท มาเป็น 50 บาท เป็ นตน้ ดงั น้นั ถา้ เราหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งอุปสงค์ (แกนนอน) กบั ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิดน้นั (แกนต้งั ) จะไดค้ วามสมั พนั ธ์เป็ นลบ (เสน้ โคง้ มี Slope เป็ นลบ)

ราคาตว๋ั หนงั Slope (-) 150 50 D 0 2 4 จานวนคร้งั ท่ีดูหนงั ตอ่ เดือน มี 2 สาเหตหุ ลกั ที่ทาใหอ้ ปุ สงคก์ บั ระดบั ราคามีความสมั พนั ธ์เป็นลบ คือ (1) ผลทางรายได้ (Income Effect) และ (2) ผล ทางการทดแทน (Substitution Effect) (1) ผลทางรายได้ (Income Effect) คือ ปริมาณสินคา้ และบริการท่ีผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือเปลี่ยน เนื่องจากอานาจการซ้ือ เปลี่ยน เช่น รายไดต้ ่อเดือนเท่าเดิม แตร่ ะดบั ราคาสินคา้ และบริการลดลง ทาใหซ้ ้ือไดม้ ากข้นึ (2) ผลทางการทดแทน (Substitution Effect) คือ ปริมาณสินคา้ และบริการท่ีผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือเปลี่ยน เน่ืองจากการ เปรียบเทียบระดบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิดน้ีกบั ชนิดอื่นท่ีทดแทนกนั ได้ เช่น เมื่อไขเ่ ป็ดราคาแพงข้ึน เราจะ ลดการบริโภคไขเ่ ป็ด แต่เพมิ่ การบริโภคไข่ไก่แทน อปุ สงค์ตลาด (Market Demand) ถา้ เราศึกษาปริมาณสินคา้ และบริการที่ผซู้ ้ือเพยี งคนเดยี วตอ้ งการซ้ือ เราเรียกวา่ อปุ สงค์ ของแตล่ ะบุคคล (Individual Demand) ซ่ึงแต่ละคนจะมีความตอ้ งการซ้ือที่แตกต่างกนั ไปในระดบั ราคาหน่ึงๆ แต่ถา้ เรา ตอ้ งการศึกษาความตอ้ งการซ้ือสินคา้ และบริการชนิดใดๆท้งั หมดในสงั คมหน่ึง ท่ีประกอบไปดว้ ยคนหลายคน เราสามารถ ทาไดโ้ ดย “รวมอปุ สงคท์ ่ีระดบั ราคาเดียวกนั ของแต่ละคนเขา้ ดว้ ยกนั ” ซ่ึงอปุ สงคข์ องคนท้งั สงั คมน้ีเรียกวา่ อุปสงคต์ ลาด (Market Demand) เช่น ในหมบู่ า้ นหน่ึงมีคนสองคน คือ นายดากบั นายแดง นายดาจะซ้ือเน้ือหมู 2 กิโลกรัม ถา้ เน้ือหมู กิโลกรัมละ 80 บาท แต่นายแดงจะซ้ือเน้ือหมู 1 กิโลกรัมที่ราคาเดียวกนั น้ี ดงั น้นั อุปสงคต์ ลาดของเน้ือหมใู นหมบู่ า้ นน้ีท่ี ระดบั ราคา 80 บาท/กิโลกรัม คือ 3 กิโลกรัม (2+1) แต่เมื่อเน้ือหมรู าคาตกเป็ น 40 บาท/กิโลกรัม นายดาจะซ้ือเน้ือหมู 5 กิโลกรัม แตน่ ายแดงจะซ้ือเน้ือหมู 2 กิโลกรัม ดงั น้นั อปุ สงคต์ ลาดเปล่ียนเป็น 7 กิโลกรัม

ราคาเน้ือหมู ราคาเน้ือหมู ราคาเน้ือหมู 80 80 80 Slope ลาดกวา่ 40 ดา 40 ของแตล่ ะคน แดง 40 Dแดง ปริมาณเน้ือหมู 0 Dดา ปริมาณเน้ือหมู 03 ตลาด 0 12 25 DM 7 ปริมาณเน้ือหมู การศึกษากลไกราคา (หรือกลไกตลาด) เราจะใชอ้ ุปสงคต์ ลาดในการศึกษา 2.1.2 อปุ สงค์ต่อรายได้ (Income Demand) ปริมาณสินคา้ และบริการท่ีผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือในช่วงเวลาหน่ึง ณ ระดบั รายไดต้ า่ งๆของผซู้ ้ือ อุปสงคต์ ่อรายไดส้ ามารถแบ่งได้ เป็ น 2 กรณี ข้ึนอยกู่ บั ชนิดของสินคา้ และบริการ คือ (1) สินค้าและบริการทวั่ ไป (Normal Goods) คือ สินคา้ และบริการที่เราตอ้ งการมากข้ึน เมื่อเรามีเงินมากข้ึน ดงั น้นั อปุ สงคต์ อ่ รายไดข้ องสินคา้ และบริการประเภทน้ีจะแปรผนั ตามรายไดข้ องผซู้ ้ือ เช่น เราจะซ้ือเส้ือผา้ Brand Name เพิม่ ข้ึน เมื่อรายไดข้ องเรามากข้ึน เป็ นตน้ (2) สินค้าและบริการด้อยคุณภาพ (Inferior Goods) คือ สินคา้ และบริการที่เราตอ้ งการนอ้ ยลง เม่ือเรามีเงินมากข้ึน (เราใชเ้ พราะเราไมม่ ีเงินพอที่จะซ้ือสินคา้ และบริการชนิดท่ีดีกวา่ น้ีได้ แตเ่ มื่อเรามีเงิน เราก็จะเลิกใชม้ นั และหนั ไปใชส้ ่ิงท่ีดีกวา่ แทน) ดงั น้นั อุปสงคต์ อ่ รายไดข้ องสินคา้ และบริการประเภทน้ีจะแปรผกผนั กบั รายไดข้ องผซู้ ้ือ เช่น เราจะลดการใชบ้ ริการรถเมลข์ าว-แดง (รถเมลพ์ ดั ลม) แตห่ นั มาใชร้ ถ ปอ. แทน ถา้ เรามีรายไดม้ ากข้ึน เป็ นตน้ 2.1.3 อุปสงค์ต่อระดบั ราคาของสินค้าชนดิ อนื่ ๆทเี่ กยี่ วข้องหรืออปุ สงค์ไขว้ (Cross Demand) ปริมาณสินคา้ และบริการที่ผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือในช่วงเวลาหน่ึง ณ ระดบั ราคาตา่ งๆของสินคา้ และบริการประเภทอนื่ ๆที่ เก่ียวขอ้ ง อปุ สงคไ์ ขวส้ ามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 กรณีตามความสมั พนั ธข์ องสินคา้ และบริการที่เรากาลงั ศึกษา กบั สินคา้ และ บริการชนิดอ่ืนๆท่ีเกี่ยวขอ้ ง คือ (1) ความสัมพนั ธ์แบบใช้ควบคู่กนั (Complement Goods) สินคา้ และบริการที่มคี วามสมั พนั ธแ์ บบน้ี เช่น คอฟฟี่ เมต กบั กาแฟ ไฟฉายกบั ถ่านไฟฉาย รถยนตก์ บั น้ามนั ฯลฯ ดงั น้นั ปริมาณสินคา้ และบริการชนิดน้ีจะลดลงเม่ือระดบั ราคาของสินคา้ และบริการอีกชนิดหน่ึงที่ใชค้ วบคูก่ บั มนั เพิม่ ข้ึน (อปุ สงคไ์ ขวจ้ ะแปรผกผนั กบั ระดบั ราคาของ สินคา้ และบริการท่ีใชค้ วบคู่กนั ) เช่น ปริมาณการใชร้ ถยนตล์ ดลงเมื่อราคาน้ามนั เพม่ิ ข้ึนจาก 18 บาท/ลิตร เป็ น 40 บาท/ลิตร เป็นตน้

(2) ความสัมพนั ธ์แบบใช้ทดแทนกนั (Substitution Goods) สินคา้ และบริการที่มคี วามสมั พนั ธ์แบบน้ี เช่น น้ามนั กบั กา๊ ซ LPG เน้ือหมูกบั เน้ือววั กาแฟกบั ชา ฯลฯ ดงั น้นั ปริมาณสินคา้ และบริการชนิดน้ีจะเพ่ิมข้ึนเม่ือระดบั ราคาของ สินคา้ และบริการอีกชนิดหน่ึงท่ีใชท้ ดแทนกบั มนั เพ่ิมข้ึน (อปุ สงคไ์ ขวจ้ ะแปรผนั ตามระดบั ราคาของสินคา้ และ บริการที่ใชท้ ดแทนกนั ) เช่น ปริมาณการใชก้ ๊าซ LPG เพ่มิ ข้ึนเม่ือราคาน้ามนั เพ่มิ ข้นึ จาก 18 บาท/ลติ ร เป็ น 40 บาท/ลิตร เป็นตน้ 2.1.4 การเปลย่ี นแปลงปริมาณอปุ สงค์ (Move along the Curve) และ การเปลย่ี นแปลงระดบั อุปสงค์ (Shift) ถา้ หากระดบั ราคาของสินคา้ และบริการเปลี่ยน (ปัจจยั อ่ืนคงที่) ระดบั อปุ สงคจ์ ะเปล่ียนตามเสน้ อปุ สงค์ (Move along the Curve) แต่ถา้ ปัจจยั อ่ืนที่ไม่ใช่ระดบั ราคาเปล่ียน เสน้ อปุ สงคจ์ ะเคล่ือนท้งั เสน้ (Shift) ดงั แสดงในรูป ราคาสินคา้ A2 Move 15 along 10 A1 D 0 3 5 ปริมาณสินคา้ ราคาสินคา้ A2 Shift ขนึ้ 15 10 A//1 A1 A/1 D// DA Shift ลง D/ 0 3 5 10 ปริมาณสินคา้

2.2 อุปทาน (Supply) อปุ ทาน คือ ความตอ้ งการขายสินคา้ และบริการ (จานวนหรือปริมาณของสินคา้ และบริการ) ของผขู้ ายหรือผผู้ ลิต ณ ระดบั ราคาที่แตกต่างกนั ของสินคา้ ชนิดน้นั ณ เวลาใดเวลาหน่ึง ขนาดของอปุ ทานจะข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ต่างๆมากมาย แตป่ ัจจยั ที่สาคญั มีอยู่ 7 ปัจจยั คือ (1) ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการ ชนิดน้นั (2) เทคโนโลยใี นการผลิต (3) ราคาของปัจจยั การผลิต (ตน้ ทุนการผลติ ) (4) ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิด อื่นๆที่เก่ียวขอ้ ง (5) จานวนผขู้ ายในตลาด (6) สภาวะดินฟ้ าอากาศ และ (7) การคาดคะเนเหตกุ ารณ์ตา่ งๆในอนาคต ถา้ เราสมมติวา่ ปัจจยั อื่นๆท่ีมีผลตอ่ อปุ ทานคงที่ท้งั หมด ยกเวน้ ระดบั ราคาของมนั เอง เราสามารถสรุปเป็นกฎของอุปทาน (Law of Supply) ไดว้ า่ “ปริมาณสินคา้ และบริการท่ีผขู้ ายตอ้ งการขายจะแปรผนั ตามราคาของสินคา้ และบริการน้นั ๆเสมอ” เช่น กลมุ่ ประเทศผผู้ ลิตน้ามนั (OPEC) เร่งเพ่ิมกาลงั การผลิตน้ามนั เม่ือราคาน้ามนั ในตลาดโลกเพม่ิ สูงข้ึน เป็นตน้ ดงั น้นั ถา้ เราหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งอปุ ทาน (แกนนอน) กบั ระดบั ราคาของสินคา้ และบริการชนิดน้นั (แกนต้งั ) จะได้ ความสมั พนั ธ์เป็ นบวก (เสน้ โคง้ มี Slope เป็ นบวก) ในการศึกษาอปุ ทานในช้นั เรียนน้ี เราจะศึกษาเฉพาะอปุ ทานต่อราคาของมนั เอง (Price Supply) เท่าน้นั อุปทานตลาด (Market Supply) เช่นเดียวกบั อุปสงคต์ ลาด ถา้ เราศึกษาปริมาณสินคา้ และบริการท่ีผขู้ ายเพยี งคนเดยี ว ตอ้ งการขาย เราเรียกวา่ อุปทานของแตล่ ะบคุ คล (Individual Supply) ซ่ึงแตล่ ะคนจะมคี วามตอ้ งการขายที่แตกตา่ งกนั ไป ในระดบั ราคาหน่ึงๆ แต่ถา้ เราตอ้ งการศึกษาความตอ้ งการขายสินคา้ และบริการชนิดใดๆท้งั หมดในตลาดท่ีประกอบไปดว้ ย ผขู้ ายหรือผผู้ ลิตหลายคน เราสามารถทาไดโ้ ดย “รวมอปุ ทานที่ระดบั ราคาเดียวกนั ของแต่ละผขู้ ายเขา้ ดว้ ยกนั ” ซ่ึงอุปทาน ของผขู้ ายทุกคนในตลาดน้ีเรียกวา่ อุปทานตลาด (Market Supply) เช่น ในหมู่บา้ นหน่ึงมคี นขายเน้ือหมูสองคน คือ นายดา กบั นายแดง นายดาจะขายเน้ือหมู 5 กิโลกรัม ถา้ เน้ือหมูกิโลกรัมละ 80 บาท แตน่ ายแดงจะขายเน้ือหมู 2 กิโลกรัมท่ีราคา เดียวกนั น้ี ดงั น้นั อุปทานตลาดของเน้ือหมใู นหมบู่ า้ นน้ีท่ีระดบั ราคา 80 บาท/กิโลกรัม คือ 7 กิโลกรัม (5+2) ถา้ เน้ือหมลู ด เป็ นกิโลกรัมละ 40 บาท นายดาจะขายเน้ือหมู 2 กิโลกรัม แต่นายแดงจะขายเน้ือหมู 1 กิโลกรัม ดงั น้นั อุปทานตลาดท่ีเน้ือ หมรู าคากิโลกรัมละ 40 บาท คือ 3 กิโลกรัม (2+1) ราคา(PA) ราคา(PA) ดา ราคา(PA) ตลาด 80 แดง Sนายข. 80 SM 40 40 Sนายก. 80 40 0 12 ปริมาณ (QA) 0 25 ปริมาณ (QA) 0 3 7 ปริมาณ (QA) การศึกษากลไกราคา (หรือกลไกตลาด) เราจะใชอ้ ุปทานตลาดในการศึกษา

2.3 ดุลยภาพของตลาด (Market Equilibrium) เราสามารถหาดุลยภาพของตลาด (ปริมาณดุลยภาพ และระดบั ราคาดุลยภาพ)ได้ โดยใชอ้ ปุ สงคต์ ลาดและอุปทานตลาดใน การหา ซ่ึงจุดดุลยภาพ คือ จุดตดั ของเสน้ อปุ สงคต์ ลาดกบั เสน้ อปุ ทานตลาด (จุด E ในรูป) ราคา Slope (-) ดุลยภาพของตลาด (Market Equilibrium) ราคาดุลยภาพ Supply: S PE E Slope (+) Demand: D 0 QE ปริมาณดุลยภาพ ปริมาณ (Q) ราคาสินคา้ จะถูกกาหนดโดยอปุ สงคแ์ ละอปุ ทานตลาดของสินคา้ น้นั (ผา่ นทางกลไกราคา) โดยราคาดุลยภาพ (Price Equilibrium) และปริมาณดุลยภาพ (Quantity Equilibrium) จะเกิดพร้อมกนั ตรงระดบั ท่ีปริมาณซ้ือเท่ากบั ปริมาณขาย พอดี เราเรียกสภาวะดงั กล่าววา่ ดุลยภาพตลาด (Market Equilibrium) และที่จดุ ดุลยภาพน้ี จะไมม่ ีสินคา้ เหลือในตลาด 2.3.1 การปรับตวั ของระดบั ราคา เมื่อปริมาณของอปุ สงคต์ ลาดกบั ปริมาณของอปุ ทานตลาดไมเ่ ท่ากนั (ความตอ้ งการซ้ือไมเ่ ท่ากบั ความตอ้ งการขาย) ระดบั ราคาจะทาการปรับตวั โดยอตั โนมตั ิเพือ่ ปรบั ใหป้ ริมาณของอปุ สงคต์ ลาดเท่ากบั ปริมาณของอุปทานตลาด (สมมติใหป้ ัจจยั อ่ืนๆที่กาหนดอปุ สงคแ์ ละอปุ ทานคงท่ี) เราเรียกขบวนการปรับตวั ของระดบั ราคาโดยอตั โนมตั ิน้ีวา่ “กลไกราคาหรือกลไก ตลาด (Price Mechanism or Market Mechanism)” หรือท่ี อดมั สมิธ เรียกวา่ “มือท่ีมองไม่เห็น (Invisible Hand)” ตลาดท่ีไมอ่ ยใู่ นดุลยภาพ (ความตอ้ งการซ้ือไม่เท่ากบั ความตอ้ งการขาย) มี 2 รูปแบบหลกั คือ (1) เกดิ อุปทานส่วนเกนิ (Excess Supply) เกิดข้ึนเม่ือระดบั ราคาอยสู่ ูงกวา่ ระดบั ราคาดุลยภาพ (อยทู่ ี่ 250 บาท แทนที่จะเป็น 200 บาท) ส่งผลใหผ้ ขู้ ายนาสินคา้ มาขาย มากกวา่ ปกติเพราะไดก้ าไรมาก (อปุ ทาน หรือ Supply ของผขู้ ายเพิม่ ข้ึนตามระดบั ราคา คือ อยทู่ ี่ 1200 ตวั แทนท่ีจะเป็ น

1000 ตวั ) ในขณะท่ีผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือนอ้ ยกวา่ ปกติเพราะสินคา้ มีราคาแพง (อุปสงค์ หรือ Demand ของผซู้ ้ือลดลงเมื่อระดบั ราคาของสินคา้ เพ่มิ สูงข้ึน คือ ตอ้ งการซ้ือ 800 ตวั แทนท่ีจะเป็น 1000 ตวั ) ดงั น้นั จะเกิดสินคา้ ขายไม่ออกเท่ากบั 400 ตวั (Excess Supply = 400) ราคา(P) อปุ ทานส่วนเกนิ S ดลุ ยภาพของตลาด (Market Equilibrium) 250 (Excess Supply) 200 BA Ex.ผู้ขายป่ัน Move ขนึ้ E ราคาสินค้า D ปริมาณ (Q) 0 800 1,000 1,200 เม่ือเกิดอปุ ทานส่วนเกิน กลไกตลาด (กลไกราคา) จะเริ่มทางานเพ่ือปรับใหอ้ ปุ สงคเ์ ท่ากบั อปุ ทาน โดยผขู้ ายจะเริ่มตระหนกั วา่ สินคา้ ของตนขายไมอ่ อกเพราะราคาท่ีต้งั ไวส้ ูงเกินไป ดงั น้นั เขาจะลดราคาลงมาใหต้ ่ากวา่ 250 บาท และเมื่อราคาต่าลง มา ผซู้ ้ือจะตอ้ งการสินคา้ มากข้ึน (อุปสงคเ์ ริ่มเพมิ่ ข้ึน) แต่กจ็ ะมีผขู้ ายบางส่วนท่ีลดปริมาณสินคา้ ที่จะขายลงเมื่อราคาสินคา้ ถกู (อปุ ทานเร่ิมลดลง) ในที่สุดแลว้ อปุ ทานส่วนเกินก็จะคอ่ ยๆหายไป และเม่ือผขู้ ายลดราคาลงมาถงึ 200 บาท ซ่ึงเป็นระดบั ราคาดุลยภาพ ปริมาณสินคา้ ท่ีผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือ กจ็ ะเท่ากบั ปริมาณสินคา้ ที่ผขู้ ายตอ้ งการจะขายพอดี (ปริมาณดุลยภาพเท่ากบั 1000 ตวั ) ตลาดเขา้ สู่จุดดุลยภาพ

ราคา(P) อุปทานส่ วนเกนิ ดุลยภาพของตลาด (Market Equilibrium) 250 200 (Excess Supply) S B A Move ลง E D ปริมาณ (Q) 0 800 1,000 1,200 (2) เกดิ อปุ สงค์ส่วนเกนิ (Excess Demand) เกิดข้ึนเม่ือระดบั ราคาอยตู่ ่ากวา่ ระดบั ราคาดุลยภาพ (อยทู่ ่ี 150 บาท แทนท่ีจะเป็น 200 บาท) ส่งผลใหผ้ ขู้ ายนาสินคา้ มาขาย นอ้ ยปกติเพราะไดก้ าไรนอ้ ย (อปุ ทาน หรือ Supply ของผขู้ ายลดลงตามระดบั ราคา คือ อยทู่ ่ี 800 ตวั แทนท่ีจะเป็ น 1000 ตวั ) ในขณะที่ผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือมากกวา่ ปกติเพราะสินคา้ มีราคาถูก (อุปสงค์ หรือ Demand ของผซู้ ้ือเพ่มิ ข้ึนเมื่อระดบั ราคา ของสินคา้ ลดต่าลง คือ ตอ้ งการซ้ือ 1200 ตวั แทนที่จะเป็ น 1000 ตวั ) ดงั น้นั จะเกิดสินคา้ ขาดตลาดเท่ากบั 400 ตวั (Excess Demand = 400) ราคา(P) E S ดลุ ยภาพของตลาด (Market Equilibrium) 200 Move ลง อุปสงค์ส่วนเกนิ 150 Ex.ผู้ซื้อมคี วาม C (Excess Demand) ต้องการเพมิ่ / สินค้าไม่พอขาย F D 0 800 1,000 1,200 ปริมาณ (Q)

เม่ือเกิดอปุ สงคส์ ่วนเกิน กลไกตลาด (กลไกราคา) จะเริ่มทางานเพื่อปรับใหอ้ ุปสงคเ์ ท่ากบั อปุ ทาน โดยผซู้ ้ือจะเร่ิมตระหนกั วา่ ผขู้ ายนาสินคา้ ออกขายนอ้ ยเกินกวา่ ความตอ้ งการของตลาดเพราะราคาที่ต้งั ไวต้ ่าเกินไป ดงั น้นั ในเมื่อผซู้ ้ือมีความ ตอ้ งการสินคา้ มาก จึงเตม็ ใจเพมิ่ ราคาสินคา้ ใหส้ ูงเกินกวา่ 150 บาท และเม่ือราคาสูงข้ึน จะมีผซู้ ้ือบางส่วนไมอ่ ยากไดส้ ินคา้ (อปุ สงคเ์ ริ่มลดลง) แตผ่ ขู้ ายจะเริ่มนาสินคา้ ออกมาขายเพ่มิ เม่ือราคาสินคา้ สูงข้ึน (อปุ ทานเริ่มเพิ่มข้ึน) ในท่ีสุดแลว้ อปุ สงค์ ส่วนเกินก็จะคอ่ ยๆหายไป และเมื่อผซู้ ้ือเพมิ่ ราคาถึง 200 บาท ซ่ึงเป็ นระดบั ราคาดุลยภาพ ปริมาณสินคา้ ที่ผซู้ ้ือตอ้ งการซ้ือ ก็ จะเท่ากบั ปริมาณสินคา้ ท่ีผขู้ ายตอ้ งการจะขายพอดี (ปริมาณดุลยภาพเท่ากบั 1000 ตวั ) ตลาดเขา้ สู่จดุ ดุลยภาพ ราคา(P) S ดลุ ยภาพของตลาด (Market Equilibrium) 200 E อปุ สงค์ส่วนเกนิ 150 ปริมาณ (Q) Move ขนึ้ (Excess Demand) 0 F C D 800 1,000 1,200 2.3.2 ดุลยภาพตลาดเปลย่ี นแปลงเนือ่ งจากเส้นอุปสงค์และ/หรือเส้นอุปทานเปลย่ี นไปท้งั เส้น (Shift) การเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของตลาดเกิดข้นึ จาก 3 สาเหตหุ ลกั คือ (1) เสน้ อปุ สงคเ์ ปล่ียนขณะท่ีเสน้ อุปทานยงั คงเดิม (2) เสน้ อุปทานเปลี่ยนขณะที่เสน้ เสน้ อปุ สงคย์ งั คงเดิม และ (3) เสน้ อุปสงคแ์ ละเสน้ อปุ ทานเปล่ียนแปลงท้งั คู่ (1) เส้นอปุ สงค์เปลย่ี นขณะทเี่ ส้นอุปทานยงั คงเดมิ เสน้ อุปสงคเ์ ปล่ียนเน่ืองจากปัจจยั กาหนดอปุ สงคเ์ ปล่ียน ซ่ึงเกิดไดจ้ ากหลายสาเหตุ ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี - ระดบั รายได้ของผ้ซู ื้อเปลยี่ น เชน่ ในยคุ ปัจจบุ นั เศรษฐกิจโลกรวมท้งั ของประเทศไทยอยใู่ นช่วงตกต่า คนตกงานหรือถูก ลดเงินเดิน กาลงั ซ้ือของคนจะลดลง (อุปสงคล์ ด: เสน้ อปุ สงคเ์ คลื่อนไปทางซา้ ย ทาใหท้ ้งั ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพ ลดลง) ดงั น้นั เราจะเห็นข่าวตามส่ือต่างๆวา่ ยอดขายสินคา้ และบริการลดลง ทาใหผ้ ผู้ ลิตจาใจตอ้ งลดราคาขายสินคา้ ตา่ งๆลง มาเพ่อื กระตุน้ ยอดขาย

- ระดบั ราคาของสินค้าและบริการชนดิ อนื่ ๆทเ่ี กยี่ วข้องเปลยี่ น เช่นในเรื่องของน้ามนั เมื่อน้ามนั ราคาแพง ก๊าซหลายชนิดซ่ึง มีราคาถูกกวา่ ท้งั LPG และ NGV ไดก้ ลายเป็ นพลงั งานทางเลือกของผใู้ ชร้ ถ ซ่ึงทาใหค้ วามตอ้ งการใชน้ ้ามนั ลดลง (อปุ สงค์ ลด: เสน้ อุปสงคเ์ คลื่อนไปทางซา้ ย ทาใหท้ ้งั ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพลดลง) - รสนิยมของผู้ซือ้ เปลย่ี น จากความนิยมดารานกั ร้องเกาหลี ทาใหเ้ คร่ืองแต่งกายรวมท้งั เคร่ืองสาอางท่ีนาเขา้ จากเกาหลีเป็ น ท่ีนิยมอยา่ งสูงในเมืองไทย (อุปสงคเ์ พ่ิม: เสน้ อปุ สงคเ์ คล่ือนไปทางขวา ทาใหท้ ้งั ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพเพมิ่ ข้ึน) -การคาดคะเนเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต เมื่อก่อนเกิดสงครามอา่ วเปอร์เซียระหวา่ งอิรักกบั สหรัฐฯ เราจะเห็นรถยนตใ์ น เมืองไทยจอดต่อคิวเพื่อเติมน้ามนั จนกระทง่ั สถานีใหบ้ ริการน้ามนั หลายแห่งไม่สามารถใหบ้ ริการไดเ้ นื่องจากน้ามนั หมด ป้ัม สาเหตุมาจากผใู้ ชร้ ถคาดการณ์วา่ เมื่อเกิดสงครามข้ึน ราคาน้ามนั จะสูงข้ึนเน่ืองจากอิรักซ่ึงเป็ นชาติผสู้ ่งออกน้ามนั ราย ใหญ่ของโลกไม่สามารถผลิตน้ามนั เพ่อื ส่งออกได้ (อปุ สงคเ์ พิ่ม: เสน้ อุปสงคเ์ คลื่อนไปทางขวา ทาใหท้ ้งั ราคาดุลยภาพและ ปริมาณดุลยภาพเพ่ิมข้ึน) ราคา(P) Shift ขนึ้ ดุลยภาพใหม่ของตลาด (Market Equilibrium) S 260 E/ ดลุ ยภาพเดมิ ของตลาด E Move ขนึ้ 200 (Market Equilibrium) อุปสงค์ส่วนเกนิ D/ (Excess Demand) D 0 1,000 1,400 1,600 ปริมาณ (Q)

ราคา(P) ดลุ ยภาพใหม่ของตลาด (Market Equilibrium) Shift ลง S อุปทานส่วนเกนิ ดลุ ยภาพเดมิ ของตลาด 200 (Excess SuppEly) (Market Equilibrium) 180 Move ลEง/ D/ D 0 500 800 1,000 ปริมาณ (Q) การเปล่ียนแปลงจุดดุลยภาพที่อธิบายขา้ งตน้ จะเป็ นจริงถา้ เสน้ อปุ ทานคงท่ี (2) เส้นอปุ ทานเปลย่ี นขณะทเี่ ส้นอุปสงค์ยงั คงเดมิ เสน้ อุปทานเปลี่ยนเน่ืองจากปัจจยั กาหนดอปุ ทานเปลี่ยน ซ่ึงเกิดไดจ้ ากหลายสาเหตุ ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี - เทคโนโลยใี นการผลติ เปลย่ี น ในยคุ เริ่มตน้ ของโทรศพั ทม์ ือถือ ผทู้ ี่ใชโ้ ทรศพั ทช์ นิดน้ีไดต้ อ้ งเป็นผทู้ ี่มีรายไดส้ ูงเท่าน้นั เพราะราคาแต่ละเคร่ืองสูงกวา่ หน่ึงแสนบาท และมีผผู้ ลิตเพยี งไมก่ ี่ยห่ี อ้ เน่ืองจากเทคโนโลยกี ารผลติ ยงั เป็นสิ่งท่ีซบั ซอ้ น แต่ ในปัจจุบนั เทคโนโลยนี ้ีไดก้ ลายเป็ นเร่ืองง่ายที่ใครกส็ ามารถผลิตได้ เราจึงเห็นโทรศพั ทม์ ือถือวางขายอยทู่ วั่ ไปแมก้ ระทงั่ ริม ถนน โดยราคาเริ่มตน้ ต่ากวา่ หน่ึงพนั บาท (อปุ ทานเพ่มิ : เสน้ อุปทานเคล่ือนไปทางขวา ทาใหร้ าคาดุลยภาพลดลงแต่ปริมาณ ดุลยภาพเพ่มิ ข้ึน) -ราคาของปัจจยั การผลติ (ต้นทุนการผลติ ) เปลยี่ น จากการที่ราคาน้ามนั เพม่ิ ข้ึนสูงมาก เราเห็นไดจ้ ากสื่อต่างๆวา่ สายการ บินทวั่ โลกไมเ่ พียงแตล่ ดเที่ยวบินลงรวมท้งั ปิ ดใหบ้ ริการในบางเสน้ ทางการบิน แต่ยงั ข้ึนราคาคา่ บริการ ซ่ึงเหตุการณ์น้ี เกิดข้ึนจากตน้ ทุนของสายการบินตา่ งๆเพ่ิมข้นึ อยา่ งมากเนื่องจากราคาน้ามนั ที่เพม่ิ ข้ึน (อปุ ทานลด: เสน้ อุปทานเคล่ือนไป ทางซา้ ย ทาใหร้ าคาดุลยภาพเพ่มิ ข้ึนแตป่ ริมาณดุลยภาพลดลง) - สภาวะดนิ ฟ้ าอากาศ เห็นไดช้ ดั จากสินคา้ เกษตรซ่ึงข้ึนอยกู่ บั สภาวะดินฟ้ าอากาศ เช่น ในบางปี ที่ฝนไมด่ ี ขา้ วสารจะมีราคา แพง เนื่องจากผลผลิตตกต่า ชาวนาไม่มีน้าทานา จึงทาใหม้ ีขา้ วสารที่ออกขายสู่ตลาดจานวนนอ้ ยกวา่ ความตอ้ งการ (อปุ ทาน ลด: เสน้ อุปทานเคล่ือนไปทางซา้ ย ทาใหร้ าคาดุลยภาพเพ่มิ ข้ึนแตป่ ริมาณดุลยภาพลดลง)

ราคา(P) ดลุ ยภาพใหม่ของตลาด (Market Equilibrium) Shift ลง S/ 240 E/ S 200 Move ขนึ้ E ดุลยภาพเดมิ ของตลาด อปุ สงค์ส่วนเกนิ (Market Equilibrium) (Excess Demand) D ปริมาณ (Q) 0 600 800 1,000 ราคา(P) ดุลยภาพเดมิ ของตลาด 200 (Market Equilibrium) Shift ขนึ้ 180 อุปทานส่วนเกนิ S 0 (Excess Supply) S/ E Move ลง E/ ดลุ ยภาพใหม่ของตลาด (Market Equilibrium) D 1,0001,2001,500 ปริมาณ (Q) การเปลี่ยนแปลงจุดดุลยภาพที่อธิบายขา้ งตน้ จะเป็ นจริงถา้ เสน้ อปุ สงคค์ งท่ี (3) เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานเปลยี่ นแปลงท้งั คู่ ในกรณีท่ีท้งั เสน้ อุปสงคแ์ ละเสน้ อุปทานเปลี่ยนแปลงท้งั คู่ เราไมส่ ามารถท่ีจะคาดการณ์ผลท่ีจะเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งแน่นอน อยา่ งเช่นในสองกรณีแรก อยา่ งไรก็ตาม เราสามารถคาดการณ์บางอยา่ งไดจ้ ากการแบ่งลกั ษณะการเปล่ียนแปลงออกเป็ น 4 ลกั ษณะ คือ เสน้ อปุ สงคแ์ ละเสน้ อปุ ทานเพม่ิ ข้ึนท้งั คู่ เสน้ อุปสงคเ์ พิม่ ข้ึนแต่เสน้ อปุ ทานลดลง เสน้ อปุ สงคล์ ดลงแตเ่ สน้ อปุ ทานเพิ่มข้ึน และเสน้ อุปสงคแ์ ละเสน้ อุปทานลดลงท้งั คู่ โดยการเพ่ิมข้ึนหรือลดลงของเสน้ ท้งั สองเนื่องจากปัจจยั ต่างๆที่

กาหนดอุปสงคแ์ ละอปุ ทานดงั ท่ีไดอ้ ธิบายไวใ้ นขา้ งตน้ (การเพิม่ ข้ึนหรือลดลงของอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน เป็ นการเปรียบเทียบ กบั จุดดุลยภาพเดิม) - เส้นอุปสงค์และเส้นอปุ ทานเพมิ่ ขนึ้ ท้งั คู่ การเพ่ิมกาลงั การผลิตน้ามนั ของ OPEC ทาใหร้ าคาน้ามนั ในตลาดโลกลดลง (เสน้ อุปทานน้ามนั เพมิ่ ข้ึน โดยเคล่ือนไปทางขวา) ในขณะเดียวกนั ประเทศเกาหลีไดส้ ่งรถยนตร์ าคาถูกออกตีตลาดโลก ทาให้ ปริมาณรถยนตท์ ว่ั โลกรวมท้งั ในเมืองไทยเพิม่ ข้ึนอยา่ งมาก เป็ นผลใหค้ วามตอ้ งการใชบ้ ริโภคน้ามนั เพิม่ ตามไปดว้ ย (เสน้ อปุ สงคน์ ้ามนั เพ่ิมข้ึน โดยเคล่ือนไปทางขวา) ดงั น้นั ปริมาณการใชน้ ้ามนั ตอ้ งเพิ่มข้ึนอยา่ งแน่นอน แต่ระดบั ราคาของน้ามนั อาจเพิม่ ข้ึนหรือลดลงก็ได้ ข้ึนอยกู่ บั วา่ อปุ สงคห์ รืออปุ ทาน ใครจะเพม่ิ มากกวา่ กนั (ถา้ ความตอ้ งการใชน้ ้ามนั เพ่ิมมากกวา่ ราคาจะแพงข้ึน แตถ่ า้ กาลงั การผลิตน้ามนั เพิม่ ข้นึ มากกวา่ ราคาจะลดลง) - เส้นอปุ สงค์เพม่ิ ขนึ้ แต่เส้นอุปทานลดลง ในฤดูกาลท่องเท่ียวหลงั จากภยั ธรรมชาติ “ซูนามิ” นกั ท่องเท่ียวท้งั ชาวไทยและ ชาวตา่ งประเทศเดินทางไปที่ชายทะเลภาคใตก้ นั มากกวา่ ฤดูกาลอื่นๆ (อปุ สงคท์ ี่พกั เพ่มิ ข้ึน โดยเคลอ่ื นไปทางขวา) แต่แหลง่ ที่พกั ตา่ งๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ ยงั ปิ ดใหบ้ ริการเนื่องจากความเสียหายท่ีเกิดข้ึน (เสน้ อปุ ทานหอ้ งพกั ลดลง โดยเคลื่อน ไปทางซา้ ย) ทาใหร้ าคาที่พกั สูงข้ึนอยา่ งมาก แต่ดว้ ยราคาที่พกั ท่ีสูงข้ึน จึงไดม้ ีผปู้ ระกอบการบางส่วนท่ีพยายามจะเปิ ด ใหบ้ ริการที่พกั เพ่มิ ข้ึน ดงั น้นั ราคาหอ้ งพกั ตอ้ งสูงข้ึนแน่นอน แตป่ ริมาณท่ีพกั อาจจะเพ่ิมมากกวา่ เดิมหรือลดลง ข้ึนอยกู่ บั วา่ จานวนนกั ท่องเท่ียวท่ีเพิม่ ข้ึนมากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ จานวนท่ีพกั ท่ีเปิ ดใหบ้ ริการใหม่ - เส้นอุปสงค์ลดลงแต่เส้นอุปทานเพม่ิ ขนึ้ หลงั วกิ ฤติเศรษฐกิจของไทย (ตม้ ยากงุ้ ) ในขณะน้นั สถาบนั ระดบั อุดมศึกษาของ ไทยท้งั ของรัฐและเอกชนไดเ้ ร่งผลิตนกั ศึกษาวศิ วะเขา้ สู่ตลาดแรงงานอยา่ งมาก (เสน้ อปุ ทานนกั ศึกษาวศิ วะท่ีจะเริ่มทางาน เพิม่ ข้ึน โดยเคลื่อนไปทางขวา) แต่เน่ืองจากการปิ ดกิจการของอุตสาหกรรมก่อสร้างและโรงงานต่างๆ ความตอ้ งการ พนกั งานใหมท่ ่ีจบวศิ วะจึงลดลง (เสน้ อปุ สงคพ์ นกั งานใหมท่ ี่จบวศิ วะลดลง โดยเคล่ือนไปทางซา้ ย) ส่งผลใหเ้ งินเดือนของ นกั ศึกษาวศิ วะที่เพ่ิงจบใหม่ซ่ึงปกติจะเริ่มตน้ ท่ี 20,000 ถึง 30,000 บาท ลดลงเหลือเพยี ง 8,000 บาท แตเ่ นื่องจากค่าจา้ ง นกั ศึกษาวศิ วะมีราคาถูกกวา่ ปกติ จึงทาใหบ้ างบริษทั ท่ียงั อยรู่ อดมคี วามตอ้ งการคนท่ีมีความรู้ดา้ นน้ีมากข้ึน ดงั น้นั ค่าจา้ ง นกั ศึกษาวศิ วะท่ีเพิง่ จบใหมใ่ นช่วงน้นั ตอ้ งลดลงอยา่ งแน่นอน แต่อตั ราการจา้ งงานอาจจะเพมิ่ ข้ึนหรือลดลง ข้ึนอยกู่ บั จานวนนกั ศึกษาวศิ วะที่เพงิ่ เขา้ สู่ตลาดแรงงานกบั จานวนความตอ้ งการจา้ งของบริษทั วา่ อะไรจะมีมากกวา่ กนั - เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทานลดลงท้งั คู่ ในกรณีของน้ามนั ในช่วงที่ OPEC ลดกาลงั การผลิตน้ามนั เพ่อื กดดนั ระดบั ราคาให้ สูงข้ึน (เสน้ อปุ ทานน้ามนั ลดลง โดยเคล่ือนไปทางซา้ ย) ทวั่ โลกไดห้ นั ไปใชพ้ ลงั งานทดแทนท้งั ก๊าซชนิดตา่ งๆ (เช่น LGV และ NPG) รวมท้งั ไดม้ ีเทคโนโลยใี หมๆ่ ที่ช่วยลดการใชน้ ้ามนั เช่น NGT ของเมอร์ซีเดสเบนซ์ Hybrid ของโตโยตา้ และ Hydrogen ของ BMW เป็ นตน้ ทาใหก้ ารใชน้ ้ามนั ทวั่ โลกเร่ิมลดลงเช่นเดียวกนั (เสน้ อุปสงคน์ ้ามนั ลดลง โดยเคล่ือนไป ทางซา้ ย) ดงั น้นั ปริมาณการใชน้ ้ามนั ตอ้ งลดลงแน่นอน แตร่ ะดบั ราคาน้ามนั อาจจะเพมิ่ ข้ึนหรือลดลงกไ็ ด้ ข้ึนอยกู่ บั วา่ การ ลดกาลงั การผลิตน้ามนั ของ OPEC กบั การลดการใชน้ ้ามนั ของชาวโลก ใครจะลดมากกวา่ กนั ถา้ OPEC ลดมากกวา่ ราคา น้ามนั จะสูงข้ึน แต่ถา้ ชาวโลกลดการใชน้ ้ามนั มากกวา่ ราคาน้ามนั ควรจะถูกลง

ราคา(P) Shift ลง ดลุ ยภาพใหม่ของตลาด 250 E/ (Market Equilibrium) Move ขนึ้ S/ S 200 E ดลุ ยภาพเดมิ ของตลาด อปุ สงค์ส่วนเกนิ (Market Equilibrium) (Excess Demand) Shift ขนึ้ 0 600 1,000 1,500 D/ D ปริมาณ (Q)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook