นายวาคีย์ บุญกาวิน รหัสนักศึกษา 64031390125
สรุปความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ “นวัตกรรมการศึกษา” ความหมายของ นวัตกรรม การนําเอาวิธีการใหม่ มาปฏิบัติหลังจากที่ได้ผ่านการทดลองและ ได้รับการพัฒนาแล้ว ความหมายจาก นักวิชาการ Schneider สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ การทําความเข้าใจผลของการ การประยุกต์ใช้แนวคิด วิธีการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบของ หรือกระบวนการใหม่ๆ ที่ส่งผลให้ กระบวนการ หรือ กระบวนการ กระบวนการผลิต และ การทํางาน ของตัวเอง ด้วยสินค้าที่ถูกผลิต โดยรวมมีประสิทธิภาพอย่าง ขึ้นจากสิ่งที่ไม่มีตัวตน เห็นได้ชัด รักษ์ วรกิจโภคาทร นวัตกรรมกระบวนการ เป็นเรื่อง ของ การเปลี่ยน แปลงในองค์การ โดยมีเป้าหมายที่จะนําไปสู่การ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ให้ไป ถึงมือ ผู้บริโภคได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
ความหมาย : สิ่งที่เกิดจากการใช้ความรู้ในศาสตร์สาขาต่างๆอย่างบูรณาการ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจ ความหมายจาก นักวิชาการ สมบูรณ์ สงวนญาติ กิดานันท์ มลิทอง วิธีการปฏิบัติใหม่ๆ ในทางการ นวัตกรรม ที่ช่วยให้การศึกษาและ ศึกษา อาจได้มาจากการค้นพบวิธี การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพดี ใหม่ๆ หรือ ปรับปรุงของเก่าให้ ยิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถเกิดการ เหมาะสม โดยมีการทดลอง เรียนรู้ได้อย่าง รวดเร็ว พัฒนา จนเป็นที่น่าเชื่อถือ มีประสิทธิผลสูงกว่าเดิม เกิดแรงจูงใจในการเรียน ด้วยนวัตกรรมเหล่านั้น บุญเกื้อ ควรหาเวช ทัศนา แขมมณี นวัตกรรมทางการศึกษา คือความ กระบวนการ แนวคิด หรือวิธี คิด และการกระทําใหม่ๆ ในระบบ การใหม่ๆ ทางการศึกษาซึ่ง การศึกษาที่ได้รับการพิสูจน์ว่าดี อยู่ในระหว่างการทดลองที่ ที่สุดใน สภาพปัจจุบันเพื่อส่งเสริม จะจัดขึ้นมาอย่างมีระบบ เพื่อ ให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ พิสูจน์ประสิทธิภาพ อันจะนํา มากขึ้น ไปสู่การยอมรับนําไปใช้ใน ระบบการศึกษา
ความหมายจาก นักวิชาการ วรวิทย์ นิเทศศิลป์ วรวุฒิ รามจันทร์ การนําเอาความคิดหรือวิธีปฏิบัติ มีความสําคัญใน การพัฒนา ทางการศึกษาใหม่ๆมาใช้กับการ คุณภาพของมนุษย์ที่มีคุณค่า ศึกษา มหาศาล สุคนธ์ สินธพานนท์ คณาจารย์ภาควิชา เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทางการศึกษา สิ่ง ใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมา เพื่อช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับ การจัดการเรียนการสอน แนวความคิดหรือวิธีการหรือ หรือพัฒนาให้ผู้เรียนเกิด เครื่องมือ ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่ได้ ถูกนํามาทดลองใช้เพื่อดูผลว่าได้ การเรียนรู้อย่างมี ผลดีเพียงใด ถ้าได้ผลดีก็จะ ได้รับ ประสิทธิภาพ การยอมรับและเผยแพร่ แนวคิดในการเพิ่มคุณค่าของเทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้ • การใช้เทคโนโลยีพัฒนากระบวนการทางปัญญา • การใช้เทคโนโลยีพัฒนาความสามารถในการแก้ ปัญหาการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
ความสําคัญ ความก้าวหน้าทั้งด้านเทคโนโลยีและ สารสนเทศ การศึกษาจําเป็นต้องมีการ พัฒนาเปลี่ยนแปลงจากระบบการศึกษาที่มีอยู่เดิม และสภาพสังคมที่ เปลี่ยนแปลงไป มีรายละเอียดดังนี้ ชัชพล ทรงสุนทรวงศ์ ผู้กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมการศึกษา พัฒนาการศึกษาให้ทันสมัยต่อการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสภาพสังคม พัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย ควรศึกษาเพื่อมาแก้ไขปัญหา ผลิตสื่อใหม่ๆ
ความสําคัญ ดวงกมล โพธิ์นาค ผู้กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมการศึกษา ทำให้เกิดทักษะด้านสารสนเทศสื่อ ออกแบบกิจกรรมในการจัด กระบวนการเรียนรู้ ค้นหาข่าวสาร เพื่อนำความรู้ ผู้เรียน เป็นเครื่องมือไป มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้สอน เป็นผู้อำนวยความ สะดวก เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีอยู่รอบตัว
องค์ประกอบ 4 ประการ แนวความคิดพื้นฐาน • จัดการศึกษาตามความถนัด ความสนใจ เรื่องความแตกต่าง และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ระหว่างบุคคล ความแตกต่างระหว่างครูอาจารย์ • การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น • แบบเรียนสําเร็จรูป • เครื่องสอน • การสอนเป็นคณะ • การจัดโรงเรียนในโรงเรียน • เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • ความพร้อมในการเรียนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ แนวความคิดพื้นฐาน ถ้าหากสามารถจัดบทเรียนให้พอเหมาะกับระดับ ความสามารถของเด็ก ในเรื่องความพร้อม แนวความคิดพื้นฐานด้านความพร้อม • ศูนย์การเรียน • การจัดโรงเรียนในโรงเรียน • การปรับปรุงการสอนสามชั้น
องค์ประกอบ 4 ประการ แนวความคิดพื้นฐาน • ปัจจุบันได้มีความคิด ในการจัดเป็นหน่วยเวลา เรื่องการใช้เวลา สอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของแต่ละวิชา เพื่อการศึกษา นวัตกรรมที่สนองแนวความคิด • การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น • มหาวิทยาลัยเปิด • แบบเรียนสําเร็จรูป • การเรียนทางไปรษณีย์ • การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่ แนวความคิดพื้นฐาน สามารถสนองตอบได้เพียงพอ จึงทําให้เกิด ในเรื่องการขยายตัว นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น ทางวิชาการและอัตรา นวัตกรรมที่เกิดขึ้น การเพิ่มประชากร • มหาวิทยาลัยเปิด • การเรียนทางวิทยุ • การเรียนทางโทรทัศน์ • การเรียนทางไปรษณีย์ • แบบเรียนสําเร็จรูป • ชุดการเรียน
ประเภท ประเภทผลิตภัณฑ์ หรือสิ่งประดิษฐ์ Ex :ชุดเกมส์การเรียนการสอน ช่วยผู้เรียนมีความเข้าใจกระจ่างชัดเจนในเรื่องที่เรียน ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนาการเรียนรู้ในทักษะด้านต่างๆได้เร็วยิ่งขึ้น ประเภทรูปแบบ เทคนิค และวิธีการสอน Ex :วัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT ใช้วิธีสอนในรูปแบบต่างๆ ที่นักศึกษาคิดค้น พัฒนาการด้านการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนทั้งในด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และเจตคติ
เทคโนโลยีสารสนเทศ การนำเทคโนโลยีมา ใช้ในการจัดกระทำข้อมูล ประมวลผล ข้อมูลอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ประเภท ลยีด้านการสื่อสารค คโนโลยีคอมพิวเตอ เท เทคโนโ มนาคม ร์ สามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ และ การติดต่อสื่อสารรับ/ส่งข้อมูลจาก ปฏิบัติตามคำสั่งที่บอก ประกอบ ที่ไกล ๆ เป็นการส่งของข้อมูล ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อเชื่อมกัน ระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือ เรียกว่า ฮาร์ดแวร์ ที่อยู่ห่างไกลกัน คโนโลยีระบบสื่อสา เท ร ระบบการสื่อสาร และเครือข่ายที่เป็น ส่วนเชื่อมในการแลกเปลี่ยนข้อมูล อิเล็คทรอนิคส์ในรูปแบบข้อมูลดิจิตอล
ประโยชน์ ติดต่อสื่อสาร ช่วยจัดระบบ ช่วยให้เก็บข้อมูลไว้ ระหว่างกันอย่าง ข่าวสารจำนวน แบบที่เรียกใช้ได้ สะดวกรวดเร็ว มหาศาล เพิ่มประสิทธิภาพ สามารถจัดระบบ สามารถจำลอง การผลิตข้อมูล อัตโนมัติเพื่อเก็บ แบบระบบการ วางแผนและทำนาย เรียกใช้ สะดวกในการเข้า ลดค่าใช้จ่ายซึ่งเป็น เพิ่มโอกาสให้ ถึงข้อมูลดีกว่าสมัย ผลมาจากการใช้ นักศึกษาสามารถ สืบค้นข้อมูลได้จาก ก่อน เทคโนโลยีที่ทันสมัย สถานที่อื่น
ucation บทที่ 2 แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา ครูผู้สอนจำเป็นที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพื้นฐาน แนวคิดนี้ ทางฟิสิกส์ และเคมี และทางด้านการแพทย์ที่ ประยุกต์พื้นฐานหลักการเกี่ยวกับการเรียนรู้ ตลอดจนการ ประเมินผล และสะท้อนผลของซอร์ฟแวร์นั้นว่าเหมาะสม และส่งผลต่อการเรียนรู้เพียงใด current ปัจจุบันนักการศึกษาได้เสนอโครงการซึ่งเป็น หลักการเฉพาะที่แข็งแกร่ง ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เป็นวิธีการที่ผสมผสานซึ่งประกอบจากทฤษฎี ต่างๆ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ed มุ่งเน้นการอธิบายอย่างสมบูรณ์ลึกซึ้ง เกี่ยวกับการเรียนรู้ของมนุษย์ที่รวมถึงสิ่งที่ สร้างจากกระบวนการที่ไม่สามารถสังเกต เห็นได้ กระบวนทัศน์ใหม่ทางการเรียนรู้ คือ คอนสตรัคติวิสต์ ได้เข้ามามีอิทธิพล ต่อการศึกษา และการออกแบบการสอน
ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบลงมือกระทำ เป็นแนวคิดธอร์นไดค์ Connectionismที่เชื่อว่า การ เรียนรู้จะเกิดขึ้นได้จากการเชื่อม โยง ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบ สนอง ที่เรียกว่า S-RModel ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบลงมือกระทำ ทฤษฎีนี้เสนอว่า การเรียนรู้หรือการ 1. กระบวนการความสนใจ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลเกิดจาก 2. กระบวนการความจำ การสังเกตและการเลียนแบบจากต้นแบบ 3. กระบวนการการแสดงออก สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ และสถานการณ์ที่ 4. กระบวนการเสริมแรง บุคคลมีความสนใจ โดยกระบวนการเลียน แบบ ประกอบด้วย 4 กระบวนการสำคัญ
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธิปัญญา โรจน์รวี พจน์พัมนพล และคณะ เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่มากกว่าผลของ การเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าการ ตอบสนอง โดยให้ความสนใจใน กระบวนการภายในที่เรียกว่าความรู้ความเข้าใจ หรือการรู้คิดของมนุษย์ การเรียนรู้ตามแนวคิดของนี้ มีรากฐานอยู่บน แนวคิดนักจิตวิทยากลุ่มเกสตัลท์ ซึ่งแนวคิดพื้นฐานของกลุ่มเกสตัลท์ พุ่งไปที่เรื่องการรับรู้ โดยเห็นว่าการรับรู้ เป็นกระบวนการของการเรียบเรียงประสบการณ์และข้อสารสนเทศ
ส่วนมากมนุษย์เราจะรับรู้ในลักษณะอัตวิสัยและมักจะ เรียบเรียงให้เห็นความสัมพันธ์ของส่วนย่อย และส่วนรวม นักจิตวิทยากลุ่มเกสตัลท์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเกี่ยวกับ การศึกษาวิจัยทางด้านพุทธิปัญญา คือ แวร์ไทมเมอร์ (Wertheimer) และลูกศิษย์ โคทฺเลอร์(Kohler)และคอฟคา (K of fka) ที่ เน้นเกี่ยวกับการคิดและการแก้ปัญหาการเรียนรู้ ตามแนวพุทธิปัญญา แวร์ไทมเทอร์ human หมายถึง การเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้ เรียนทั้งทางด้านปริมาณและด้านคุณภาพ
ผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆมีปริมาณเพิ่มขึ้นที่ แล้ว ผู้เรียนยังสามารถจัดหมวดหมู่ หรือจัดระเบียบ เรียบเรียง รวบรวม เพื่อให้สามารถเรียกความรู้เหล่า นั้นมาใช้ได้ในเวลาที่ต้องการ ฤษฎีนี้มีความคิดเห็นที่แตกต่างกับแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนา ตามลำดับขั้นทางสติปัญญาของเพียเจต์ (Piaget) แต่เชื่อว่า กระบวนการรู้คิด (Cognitive Process) และความสามารถ (Abilities) จะมีแนวโน้มที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เด็กสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้นจำได้มากขึ้น และสามารถ ปฏิบัติงานที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นได้ในขณะที่เจริญเติบโตขึ้น
บันทึกผัสสะ (Sensory Register) นักจิตวิทยาพุทธิปัญญานิยม ได้อธิบายว่าสิ่งเร้าจาก สิ่งแวดล้อมนานาชนิดได้เข้ามากระทบกับประสาท สัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ คือ หู ตา จมูก ทางสัมผัส ผิวหนัง และทางปากหรือลิ้น ในลักษณะเดียวกันกับสิ่งเร้า กระบวนการผัสสะซึ่งมีหน้าที่เก็บข้อมูล ต่างๆเพียงระยะสั้นๆประมาณ 1- 3วินาที เพียงเพื่อให้ได้ตัดสินใจว่าเรา จะให้ความสนใจและบันทึกไว้ในความ จำระยะสั้นต่อไป
ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบลงมือกระทำ สิ่งเร้าในสิ่งแวดล้อมจะผ่านกระบวนการผัสสะทุกอย่างก็ตาม จะมีเพียงแต่สิ่งเร้าที่ ผู้เรียนใส่ใจที่จะรับรู้เท่านั้น จะคงอยู่ นานพอที่จะนำไปบันทึกหรือแปรรูปเก็บไว้ในความจำระยะสั้น และความจำระยะยาวต่อไป การรู้จัก ในการบันทึกผัสสะนั้น ถ้าข้อมูลที่ จะบันทึกนั้นถูกเลือกมาจากสิ่งแวดล้อม เรียกว่า และอีกกระบวนกาหนึ่งซึ่งเกิดจาก การสังเกตลักษณะของสิ่งเร้า การใส่ใจ (Attention) ความใส่ใจ เป็น ลักษณะความเลือกให้ความสนใจเฉพาะ ข้อมูลบางส่วนที่อยู่ในความสนใจ
ความจำระยะสั้น ความจำระยะสั้นเป็นแหล่งที่สองของการบันทึก ความจำหลังจากประสบการณ์ต่างๆที่รับเข้ามา จะบันทึกอยู่ในการบันทึกผัสสะ ซึ่งเป็นแหล่ง แรกของการบันทึกความจำ เป็นระยะความจำที่จำกัด จึงถูกเรียกว่า ความจำ ระยะสั้น หรือเรียกว่าความจำขณะทำงาน เพราะ เป็นความจำเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะต้องใช้ในขณะ หนึ่หรือในขณะที่ประมวลสารสนเทศ
ในการจัดการเรียนการสอนนั้น ควรตระหนักถึงสิ่งที่ผู้ เรียนต้องเรียนรู้มาก่อนที่ถูกบันทึก เก็บไว้ในความจำ ระยะยาวซึ่งมีอิทธิพลกับการเรียนรู้ใหม่ ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเก็บบันทึกความรู้ ต่างๆที่ได้เรียนรู้ไว้ในความจำระยะยาวและสามารถ เรียกกลับมาใช้ได้นั้น โดยมีวิธีต่างๆ เช่น •การทบทวน •การทำซ้ำๆ •การเรียบเรียงและรวบรวมหรือจัด ระเบียบหรือจัดหมวดหมู่ •การขยายความ หรือขยายความคิด
แนวคิดทฤษฏีเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา หลักจิตวิทยาการเรียนรู้หรือทฤษฎีการเรียนรู้นั้นเป็น สิ่งที่ เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ควรมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและ ตระหนักเกี่ยวกับหลักการทฤษฎีที่เป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง สำหรับครูผู้สอนจำเป็นที่ต้องมีความรู้ ดังนั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการสร้างมากกว่าการรับความรู้ คอนสตรัคติวิสต์ จะมุ่งเน้นการสร้างความรู้ใหม่อย่าง เหมาะสมของแต่ละบุคคล และสิ่งแวดล้อมมี
บทที่ 3 สื่อประสมเพื่อการศึกษา
สื่อประสมเพื่อการศึกษา (Multi Media Learning) สื่อประสม เรียกวา มัลติมีเดีย (Multimedia) มาจากคําวา มัลติ (Multi) ซึ่งแปลวา ความหลากหลายและมีเดีย (Media) ซึ่งแปลวา สื่อ โดยมีผูใหความหมายของสื่อประสมไวด ังนี้ ประหยัด จิระวรพงศ์ (2527 : 256) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2537 : 111) สื่อประสม หมายถึง การนําเอาสื่อการสอนหลายๆ อยาง มาสัมพันธกัน ซึ่งมีคุณคาที่สง เสริมซึ่งกันและกัน สื่อประสม หมายถึง การนําเอาสื่อการ สอนหลาย ๆ อยาง สื่อการสอนอยา งหนึ่งอาจใชเพื่อเราความสนใจ มาสัมพันธก ันและมีคุณคา ที่สง เสริมซึ่งกันและกันสื่อการสอน อยา งหนึ่งอาจใช เพื่อเราความสนใจ ในขณะที่อีกอยางหนึ่ง ในขณะที่อีกอยางหนึ่งใชเ พื่ออธิบายขอ เท็จจริงของเนื้อหา และอีกชนิดหนึ่งอาจใชเพื่อ กอ ใหเกิดความเขา ใจที่ลึกซึ้ง ใชเ พื่ออธิบายขอเท็จจริงของเนื้อหา และปองกันการเขาใจความหมายผิด กิดานันท มลิทอง (2543 : 267) สรุปความหมายของสื่อประสม การนําสื่อหลายๆ ประเภทมาใช รว มกันทั้งวัสดุ อุปกรณ สื่อประสม หมายถึง การนําสื่อหลาย ๆ ประเภทมาใชรว มกัน และวิธีการ เพื่อใหเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดใน ทั้งวัสดุ อุปกรณ และวิธีการ เพื่อใหเ กิดประสิทธิภาพและ การเรียน การสอน โดยการใชส ื่อแตละอยา ง ประสิทธิผลสูงสุดในการเรียนการสอน โดยการใชส ื่อแตละอยาง ตามลําดับขั้นตอนของเนื้อหา ตามลําดับขั้นตอนของเนื้อหา และในปจ จุบันมีการนํา คอมพิวเตอรมาใชรวมดวย เพื่อการผลิตหรือการควบคุมการทํางาน ของอุปกรณตาง ๆ ในการเสนอขอ มูลทั้งตัวอักษร ภาพกราฟก ภาพถายภาพเคลื่อนไหว และเสียง เปนตน
วิวัฒนาการ สื่อประสม ครั้งแรก สื่อประสม เริ่มมีขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ.2493-2502 เพื่อระบุถึงการใชรวมกันของสื่อใน ลักษณะที่นิ่งและเคลื่อนไหวเพื่อเปนการสรางเสริมประสิทธิภาพทางการศึกษาซึ่ง ไดสะทอนถึงวิธีการ ที่เรียกวา “วิธีการสื่อประสม” ( Multimedia approach ) หรือ “ วิธีการใชสื่อขามกัน” ( Cross- media approach ) ( Ely, 1963 อางอิงใน Heinich, 1999 : 198) สมัยก่อน สื่อประสมจะเปนการนําสื่อหลากหลายประเภทมาใชรวมกัน เชน รูปภาพ เครื่องฉาย แผนโปรงใส เทปบันทึกเสียง วีดิทัศน ฯลฯ เพื่อใหการเสนอผลงานหรือการเรียนการ สอนสามารถ ดําเนินไปไดอยางมีประสิทธิภาพโดยการเสนอเนื้อหาในรูปแบบตางๆ นอกจากการบรรยายเพียงอยางเดียว โดยผูฟงหรือผูเรียนไมไดมีปฏิสัมพันธตอสื่อ ปัจจุบัน ปจจุบันดวยบทบาทของเทคโนโลยีคอมพิวเตอรที่มีจํานวนเพิ่มมากขึ้นในการทํางาน จึงทําใหความหมายของสื่อประสมมีจํานวนเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยในปจจุบันจะหมายถึง “สื่อประสมเชิง โตตอบ” (Interactive Multimedia ) โดยการเพิ่มปฏิสัมพันธระหวางสื่อและผูใช
รูปแบบสื่อประสม สื่อประสม (Multimedia) เปนสื่อประสมที่ใชโดยการนําสื่อหลายประเภท มาใชร วมกันใน การเรียนการ สอน เชน นําวีดิทัศน มาสอนประกอบการบรรยายของผูส อน โดยมีสื่อสิ่งพิมพ ประกอบดวยสื่อประสมในชุดการเรียน หรือชุดการสอน 1 วาสนา ชาวหา (2525 : 15) สื่อประสม คือการใชค อมพิวเตอรสื่อความหมายโดยการ ผสมผสานสื่อหลายชนิด เชน ขอความ กราฟก ภาพศิลป (graphic art) เสียง ภาพเคลื่อนไหว (animation) และวีดิทัศน พิมพวรรณ เทพสุมาธานนท (2531 : 29) สื่อประสม คือ โปรแกรมประยุกตท ี่อาศัย คอมพิวเตอรเปน สื่อในการนําเสนอซึ่งเปน การนําเสนอขอความ สีสัน ภาพ 2กราฟก ภาพเคลื่อนไหว เสียง และภาพยนตรวีดิทัศน สวนสื่อประสมเชิงโตต อบจะเปนโปรแกรมประยุกตท ี่ยอมรับการ ตอบสนองจากผูใ ชด ว ยแผงแปนอักขระ(keyboard) เมาส (mouse) หรือตัวชี้ (pointer) เปนตน 3 ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2533 : 80) สื่อประสม คือระบบสื่อสารขอมูลขา วสารหลายชนิดโดย ผา นสื่อทางคอมพิวเตอร ซึ่งประ กอบดว ยขอ ความ ฐานขอมูล ตัวเลข กราฟก ภาพ เสียง และวีดิทัศน หรือวีดิโอ (video) ฉลองชัย สุรวัฒนบูรณ (2548 : 12-15) 4 ไดจ ําแนกของประเภทสื่อประสมไวด ังนี้ สื่อประสมที่ไมสามารถโตต อบกับผูใ ชไ ด (Multimedia) การนําสื่อหลายชนิดมา ผสมผสานเขา ดว ยกัน โดยใชโปรแกรมคอมพิวเตอรเ ปนตัวจัดการ และควบคุมใหส ื่อตา งๆ แสดงผล ออกมาทางหนา จอ และลําโพงของคอมพิวเตอร์ สื่อประสม I (Multimedia I) เปนสื่อประสมที่ใชโดยการนําสื่อหลาย ประเภท มาใช รวมกันในการเรียนการสอน เชน นําวีดิทัศน มาสอนประกอบการบรรยายของผูสอน สื่อประสมที่สามารถโตตอบกับผูใ ชได (Interactivity Multimedia) กลา วคือ โปรแกรม คอมพิว เตอรส ามารถจัดการกับขอ มูลภาพและเสียง ใหแ สดงผลบนจอในลักษณะที่โตต อบกับผูใ ชได ไมใชก ารแสดงผลรวดเดียวจบ (run through) แบบวีดิทัศน หรือภาพยนตรและไมใชก ารสื่อสารทาง เดียว (one-way communication) คือ ผูชมเปน ผูดูฝายเดียวอีกตอไป สื่อประสม II( Multimedia II ) เปนสื่อประสมที่ใชคอมพิวเตอรเปน ฐานในการเสนอ สารสนเทศ หรือการผลิตเพื่อเสนอขอมูล ประเภทตา ง ๆ เชน ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ตัวอักษร และ เสียง ในลักษณะของสื่อหลายมิติ โดยที่ ผูใชม ีการโตต อบกับสื่อโดยตรง โดยการใชคอมพิวเตอร ในสื่อ
รูปแบบสื่อประสม (ต่อ) ฉลองชัย สุรวัฒนบูรณ (2548 : 12-15) สื่อ ประสม II ใชไ ดใน 3 ลักษณะ คือ 01 การใชคอมพิวเตอรเปนฐานในการเสนอสารสนเทศโดยการควบคุมอุปกรณร วม ตา ง ๆ ในการทํางาน เชน ควบคุมการทํางานของอุปกรณใ นสถานีงานสื่อประสม ควบคุมการเสนอ ภาพสไลดม ัลติวิชั่น และการเสนอในรูปแบบของแผนวีดิทัศนเ ชิง โตตอบ (INTERACTIVE VIDEO) 02 การใชคอมพิวเตอรเ ปนฐานในการผลิตแฟม สื่อประสมโดยการใชโ ปรแกรมสําเร็จรูปตา ง ๆ เชน TOOL BOOK และ AUTHOR WARE และนําเสนอแฟม บทเรียนที่ผลิตแลว แกผ ูเ รียน โปรแกรม สําเร็จรูปเหลานี้จะชว ยในการผลิตแฟม บทเรียน ฝกอบรม หรือการเสนองานในลักษณะของสื่อหลายมิติ 03 สื่อประสมสื่อที่เปนวัสดุ อุปกรณแ ละกระบวนการเขา รวมกัน นํามาใชสําหรับการเรียน การสอนปกติทั่ว ๆ ไปเชน ชุดอุปกรณ ชุดการเรียนการสอน บทเรียนแบบโปรแกรม โปรแกรมสไลด ศูนยก ารเรียน เปนตน สื่อประสมแตละชนิดที่จัดอยูใ นประเภทนี้มีหลักการ และลักษณะเดน แตกตา งกันออกไป คือ 1 สามารถใหผูเรียนไดป ระสบการณด วยตนเอง คือ 2 สามารถใหผูเ รียนไดเ รียนรูตามความรูค วามสามารถ มีสวนรวมในการกระทําหรือ ปฏิบัติกิจกรรมเปน การเรา และความแตกตา งของแตละ บุคคล เชน บทเรียน โปรแกรม ชุดการสอน ใจแกผูเ รียน 4 สามารถใหผูเรียนไดรับผลตอบกลับทันที และไดร ับ 3 สามารถใหผูเ รียนใชเรียนดว ยตนเองหรือใชเมื่อขาดครู ความรูสึกภาคภูมิใจใน ความสําเร็จ เชน ศูนยการเรียน ได เชน บทเรียนแบบ โปรแกรม ชุดการสอนรายบุคคล การสอนแบบจุลภาค 5 สามารถใชป ระกอบการศึกษาทางไกลใหดําเนินไปอยา งมีประสิทธิภาพ เชน ชุดการ สอนทางไกลสําหรับการ 6 สามารถใชสงเสริมสมรรถภาพของครู เชน ชุดการสอน ประกอบคําบรรยาย ศึกษาเพื่อมวลชน 7 สามารถใหผูเรียนไดฝ กความรับผิดชอบและการทํางาน เปน กลุม เชน ศูนยการเรียน กลุม สัมพันธ
รูปแบบสื่อประสม (ต่อ) 04 สื่อประสมประเภทฉาย เปน การประสมโดยมีขอจํากัดที่ความสามารถ และคุณสมบัติ เฉพาะตัวของอุปกรณเครื่องฉายเปน สําคัญ เชน สไลดป ระกอบ เสียงและวีดิทัศนป ระกอบเสียง สไลด และแผนโปรงใส วีดิโออิมเมจ และฉายบนจอตั้งแต 2 จอขึ้นไป สื่อประสมประเภทนี้มีคุณสมบัติเหมาะแก การนํามาใชใ นการเรียนการสอน ไดแก 1. เมื่อสื่อมีการเปรียบเทียบความคลา ยคลึงกัน เปนกา 6. ใชเนน จุดใดจุดหนึ่งโดยตรงได โดยการกําหนดจุดสน รงายสําหรับผูเรียน ในการ สังเกตและเรียนรูสิ่งที่คลาย ใจที่ตองการใหอ ยูใ นตําแหนง คลึงกันจากสื่อตา ง ๆ 7. ใชย ืดเวลาการเสนอจุดหรือสวนที่สําคัญของเนื้อหา 2.สอนใหเ ห็นความแตกตาง และการตัดกันเมื่อ 8. ใชแสดงการเคลื่อนไหว โดยใชห ลักการฉายภาพนิ่ง ภาพหลาย ๆ ภาพปรากฏพรอ มๆ กัน หลาย ๆ ภาพตอเนื่องกันอยาง รวดเร็วหรือใชค วาม 3. มองสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากมุมที่ตา งกัน เชน ภาพสถานที่ สามารถของวีดิทัศน หรืออาคารสถานที่โดยภาพ 9. ใชรวมสื่อภาพนิ่ง สไลด และวีดิทัศน ในขณะที่แสดง ปรากฏพรอมกันจากการมองในแงมุมที่ตางกัน ภาพนิ่งอาจจะมีการฉายวีดิ ทัศนประกอบบนจอถัดไป 4. ใชแ สดงภาพซึ่งดําเนินเปนขั้นตอน และสามารถเลียน แบบการเคลื่อนไหวได้ 5. ใชแ สดงสิ่งที่เกิดขึ้นตามลําดับกอนหลัง 10. ใชแสดงภาพที่เห็นไดกวา ง (Panorama) บนจอที่ติดกัน 05 สื่อประสมระบบการสื่อสารกับเทคโนโลยีสารสนเทศโดยการใชคอมพิวเตอรร ว มกับ อุปกรณอื่น เชน คอมพิวเตอรชว ยสอนบทเรียนเว็บชว ยสอน สภาพแวดลอ มทางการเรียนรู ออนไลน การจําลองหองเรียนเสมือน เพื่อใหค อมพิวเตอรส ามารถทํางานคํานวณคน หา ขอมูล แสดงภาพวีดิทัศนแ ละมีเสียงตาง ๆ
องค์ประกอบของสื่อผสม ทวีศักดิ์ กาญจนสุวรรณ (2546 : 20 - 22) ไดนําเสนอองคป ระกอบของสื่อประสม ไว้ว่า สื่อ ประสมในปจจุบันจะใชค อมพิวเตอรเปน อุปกรณห ลักในการเสนอสารสนเทศใน รูปแบบรวมของ ขอ ความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพกราฟก เคลื่อนไหว และภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน เพื่อรวมเปน องคประกอบของ สื่อประสมในลักษณะของ \" สื่อหลายมิติ \" โดยแบง เปน ลักษณะดังนี้ 01 ภาพนิ่ง ภาพบิตแมพ (Bitmap) เปน ภาพที่มีการเก็บขอมูลแบบพิกเซล หรือจุด เล็กๆ ที่แสดง คา สี ดังนั้นภาพหนึ่งๆ จึงเกิดจากจุดเล็กๆ หลายๆ จุด ประกอบกัน ภาพเวกเตอร (Vector) เปนภาพที่สรางดวยสว นประกอบของเสนลักษณะ ตางๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเสนนั้นๆ ซึ่งสรา งจากการคํานวณทางคณิตศาสตร์ คลิปอารต (Clipart) เปนรูปแบบของการจัดเก็บภาพจํานวนมากๆ ในลักษณะของ ตารางภาพ หรือหอ งสมุดภาพ หรือคลังภาพ HyperPicture มักจะเปนภาพชนิดพิเศษ ที่พบไดบนสื่อมัลติมีเดีย มีความสามารถ เชื่อมโยงไปยังเนื้อหา หรือรายละเอียดอื่นๆ มีการกระทํา เชน คลิก (Click) 02 ภาพเคลื่อนไหว หมายถึง ภาพกราฟก เคลื่อนไหว หรือที่เรียกกันวาภาพ \"แอนิเมชัน \" (animation) ซึ่งนําภาพกราฟกที่วาดหรือถา ยเปน ภาพนิ่งไวม า สรางใหแ ลดูเคลื่อนไหว ดวยโปรแกรมสรางภาพเคลื่อนไหว 03 ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์ การบรรจุภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศนล งในคอมพิวเตอร จําเปน ตอ งใชโ ปรแกรมและอุปกรณเ ฉพาะในการจัดทํา
องค์ประกอบของสื่อผสม (ต่อ) 04 เสียง เสียงที่ทํางานผา นคอมพิวเตอร เปนสัญญาณดิจิทัล มี 2 รูปแบบคือ Synthesize Sound เปนเสียงที่เกิดจากตัววิเคราะหเ สียง ที่เรียกวา MIDI โดยเมื่อ ตัวโนต ทํางาน คําสั่ง MIDI จะถูกสง ไปยัง Synthesize Chip เพื่อ ทําการแยกสียงวาเปนเสียงดนตรี ชนิดใด ขนาดไฟล MIDI จะมีขนาดเล็ก เนื่องจากเก็บคําสั่งในรูปแบบงาย ๆ Sound Data เปนเสียงจากที่มีการแปลงจากสัญญาณ analog เปน สัญญาณ digital โดยจะมีการบันทึกตัวอยางคลื่น (Sample) ใหอยูที่ใด ที่หนึ่งในชว งของเสียงนั้นๆ และการ บันทึกตัวอยา งคลื่นเรียงกันเปน จํานวนมาก เพื่อใหม ีคุณภาพที่ดี ก็จะทําใหขนาดของไฟลโตตามไปดวย 05 การเชื่อมโยงหลายมิติ การเชื่อมโยงนี้จะสรางการเชื่อมตอ ระหวา งขอมูลตัวอักษรภาพ และเสียง โดยการใช สี ขอความขีดเสนใต หรือสัญลักษณรูป ที่ใชแทนสัญลัก ษณตาง ๆ เชน รูปลําโพง รูปฟล ม ฯลฯ เพื่อใหผ ูใ ชคลิกที่จุดเชื่อมโยง เหลา นั้นไปยังขอมูลที่ตองการ 06 ข้อความ เปน สวนที่เกี่ยวกับเนื้อหาของมัลติมีเดีย ใชแสดงรายละเอียด หรือเนื้อหาของเรื่องที่นําเสนอ ซึ่งปจจุบัน มีหลายรูปแบบ ไดแก ขอความที่ไดจ ากการพิมพ เปน ขอ ความปกติที่พบไดทั่วไป ไดจากการ พิมพดวย โปรแกรมประมวลผลงาน (Word Processor) เชน Notepad, Text Editor, Microsoft Word โดย ตัวอักษรแตละตัวเก็บในรหัส เชน ASCII ขอความจากการสแกน เปนขอความในลักษณะภาพ หรือ Image ไดจ ากการนํา เอกสารที่พิมพไวแ ลว (เอกสารตน ฉบับ) มาทําการสแกน ดว ยเครื่องสแกนเนอร (Scanner)
สื่อประสมในปัจจุบัน สื่อประสมในปจ จุบันจะใชคอมพิวเตอรเปนอุปกรณ หลักในการเสนอสารสนเทศในรูปแบบรวมของขอ ความ เสียง ภาพนิ่ง ภาพกราฟก เคลื่อนไหว และ ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน เพื่อรวมเปนองคป ระกอบของสื่อ ประสมในลักษณะของ \"สื่อหลายมิติ\" โดยกอ นที่จะมีการประมวลเปน สารสนเทศนั้น ขอ มูลเหลา นี้จะตองไดรับการปรับรูปแบบโดยแบงเปน ลักษณะดังนี้ 01 ภาพนิ่ง ภาพนิ่งกอนที่ภาพถาย ภาพวาด หรือภาพตา ง ๆ ที่เปน ภาพนิ่งจะ เสนอบน จอคอมพิวเตอร์ ภาพเหลานี้จะตอ งถูกเปลี่ยนรูปแบบกอ น สใื่นอปัปจรจุะบสัมน 02 ภาพเคลื่อนไหว ภาพกราฟกเคลื่อนไหว หรือที่เรียกกันวา ภาพ \"แอนิเมชัน\" (animation) 03 ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน การบรรจุดภาพเคลื่อนไหวลงในคอมพิวเตอร จําเปน ตองใชโปรแกรมและอุปกรณเ ฉพาะใน การจัดทํา ซึ่งจะตองลดขนาดแฟมภาพลงดว ยการใชเทคนิคการบีบอัดภาพ (compressin) 04 เสียง เสียงที่ใชใ นสื่อประสมจําเปน ตอ งบันทึกและจัดรูปแบบ เฉพาะเพื่อ ใหค อมพิวเตอรส ามารถเขาใจและใชได 05 การเชื่อมโยงหลายมิติ การเชื่อมโยงนี้จะสรางการเชื่อมตอระหวา งขอ มูลตัวอักษรภาพ และเสียงโดยการใช สี ขอ ความขีดเสน ใต หรือสัญลักษณร ูป เชน รูปลําโพง รูปฟล ม ฯลฯ เพื่อใหผูใชคลิกที่จุดเชื่อมโยงเหลานั้นไปยังขอมูลที่ตอ งการ
ประโยชน์ในการใช้ สื่อประสมในการศึกษา 01 ดึงดูดความสนใจบทเรียนสื่อประสมในลักษณะสื่อหลายมิติที่ประ กอบดว ยภาพกราฟก ภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน และเสียง 02 การสืบคน เชื่อมโยงฉับไว ดว ยสมรรถนะของการเชื่อมโยงหลายมิ ติทําใหผูเรียนสามารถ เรียนรูใ นสิ่งตา ง ๆ ไดกวางขวางและหลากหลาย ไดอ ยางรวดเร็ว 03 การโตตอบระหวางสื่อและผูเ รียน โดยจุดเชื่อมโยงหลายมิติเพื่อให ผูเ รียนและสื่อมีปฏิสัมพันธก ันไดใ นลักษณะสื่อประสมเชิงโตตอบ 04 ใหสารสนเทศหลากหลาย ดวยการใชซ ีดีและดีวีดีในการใหข อมูลและ สารสนเทศใน ปริมาณที่มากมายและหลากหลายรูปแบบเกี่ยวกับเนื้อหา บทเรียนที่สอน 05 ทดสอบความเขาใจ การใชส ื่อประสมจะชว ยแกป ญหาในสิ่งนี้ได โดยการใชใ นลักษณะการศึกษารายบุคคล 06 สนับสนุนความคิดรวบยอด โดยการเสนอสิ่งที่ใหต รวจสอบยอ น หลังและแกไ ขจุดออนในการเรียน สามารถใชสื่อประสมเพื่อการ ศึกษาไดในลักษณะตาง ๆ
ประโยชน์ของสื่อประสม สามารถแยกแยะประโยชนที่จะไดร ับจากการนําสื่อประสมมา ประยุกตใ ช ไดด ังนี้ 01 งายตอ การใชงาน นําสื่อประสมมาประยุกตใ ชง านรวมกับโปรแกรม คอมพิวเตอรเพื่อเพิ่มผลผลิต ผูพ ัฒนาจึง จําเปนตอ งมีการจัดทําใหมีรูปลักษณท ี่เหมาะสม และ งา ยตอการใชงานตามกลุม เปา หมาย เพื่อประโยชนใ นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน 02 สัมผัสไดถึงความรูสึก สิ่งสําคัญของการนําสื่อประสมมาประยุกตใ ชง านคือเพื่อใหผ ูใช สามารถรับรูไดถึงความรูส ึกจาก การสัมผัสกับสิ่งตา งๆ ที่ปรากฏอยูบ นจอภาพ ทําใหผ ูใชส ามารถควบคุมและเขาถึงขอมูลตา งๆ 03 สรางเสริมประสบการณ์ การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอรด านสื่อประสม แมวา จะมีคุณลักษณะที่แตกตางกันตามแตล ะวิธีการ 04 เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้ ระดับขีดความสามารถของผูใชแตละคน มีความแตกตา งกัน ทั้งนี้อยูก ับระดับความรู และประสบการณท ี่ไดรับและสั่งสมมา 05 เขา ใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น ดวยคุณลักษณะขององคประกอบของสื่อประสม ทั้งขอความ หรือตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงและวีดิทัศน สามารถที่จะสื่อความหมายและเรื่องราว ตางๆ ไดแ ตกตา งกัน 06 คุม คา ในการลงทุน การใชโ ปรแกรมดานสื่อประสมจะชว ยลดระยะเวลา ไมว าจะเปน เรื่อง ของการเดินทาง การจัดหาวิทยากร การจัดหาสถานที่ การบริหารตารางเวลา และการเผยแพร ชองทางเพื่อนําเสนอสื่อ 07 เพิ่มประสิทธิผลในการเรียนรู้ ช่วยนำเสนอสิ่งเร้าให้กับผู้เรียน ไดแก เนื้อหา ภาพนิ่ง คําถาม ภาพเคลื่อนไหว นําเสนอขาวสารในรูปแบบที่ไมจําเปนตอ งเรียงลําดับ เชน บทเรียนมัลติมีเดีย สรางสื่อเพื่อความบันเทิง สรา งสื่อโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: