Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชาวมนุษสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีม1

ชาวมนุษสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีม1

Published by ddd32157, 2022-01-20 01:39:36

Description: ชาวมนุษสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีม1

Keywords: วิชามนุษยสัมพันธ

Search

Read the Text Version

ชาวมนษุ ยสัมพันธ์ และ การทางานเป็นทมี นางสาวธนพร เตม็ ศรี ปวส.๒/๓ นางสาวสวติ า คาปาน ปวส. ๒/๓

มนุษยสั มพันธ์ หมายถึง ศิลปศาสตร์ ในการเสรมิ สรา้ ง ความสัมพันธอ์ นั ดรี ะหว่าง บุคคลหรอื กลมุ่ บคุ คลเพ่ือจะให้ไดม้ า ซง่ึ ความรกั ใคร่ นั บถอื

มนุษยสั มพันธ์ในการทางาน หมายถึง ศิลปศาสตร์ ในการจงู ใจให้ คนทางานในลกั ษณะที่มุ่งให้เกิดความรว่ มมอื และ ประสานงาน เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามวตุ ถุ ประสงค์อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

พฤติกรรมของมนษุ ย์ หลกั จติ วทิ ยาและทฤษฎี ท่เี ก่ียวข้องกับมนษุ ยสัมพันธ์ พฤติกรรมถือเป็นประเด็นใกล้ตัวมนษุ ยท์ ุกคน เนื่ องด้วยเป็นส่ิงทเ่ี กิด ข้ึนกบั เราทกุ คนทั้งท่ีบคุ คล อน่ื สามารสังเกตไดโ้ ดยตรงผา่ นประสาทสัมผัสหรอื เครอื่ งมอื ทางวิทยาศาสตร์ หรอื ไมส่ ามารถสังเกต ได้โดยตรง หากเจ้าตวั ไมบ่ อก กไ็ มส่ ามารถทราบได้ ซง่ึ เป็นส่วนสาคัญของศาสตรท์ มี่ ีชอ่ื ว่าจิตวิทยา ที่ทา การศึกษาพฤตกิ รรมมนษุ ยท์ ั้งส่วนท่ีเป็นพฤติกรรมและกระบวนการทางจิต ท้ังน้ี ข้ึนอยกู่ ับ ความสนใจและแนวคิดพ้ืนฐานท่ีใชใ้ นการศึกษา แต่ทงั้ นี้ วตั ถุประสงค์หลักเพื่อการเข้าใจตนเอง การเข้าใจผ้อู นื่ และการปรบั ตวั เข้าหากนั

พฤตกิ รรมของมนษุ ย์ หลักจติ วิทยาและทฤษฎี ท่เี ก่ียวข้องกับมนษุ ยสัมพันธ์ (ตอ่ ) โดยประวัตศิ าสตรข์ องการศึกษาพฤตกิ รรมเรม่ิ ศึกษากนั มา ตงั้ แต่ สมัยบรรพกาล แต่ทมี่ หี ลักฐานยืนยนั ชดั เจนกเ็ ม่อื ยคุ กรกี และพัฒนาอย่าง ตอ่ เน่ื องจนจิตวิทยา สามารถแยกออกจากปรชั ญาและศาสตรอ์ ื่นๆ แตย่ ังคงมี องค์ความรูจ้ ากศาสตรเ์ หลา่ น้ั นเพื่อใชเ้ ป็น พื้นฐานของการศึกษาจนเกดิ แนวคิดต่างๆ มากมาย ซง่ึ แต่ละแนวคิดตอ้ งพัฒนาทฤษฎีและการศึกษา เพื่อ ปรบั ตัวให้ทนั กับความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม

แรงจงู ใจสาหรับมนุษยสัมพันธ์ในสานั กงาน แรงจงู ใจ(Motives) คือ แรงผลักดนั ท่ีเกิดจากความตอ้ งการมา กระตนุ้ ให้บุคคลแสดงพฤตกิ รรมเพื่อไปยงั จุดหมายปลายทางหรอื เป้าหมาย แรงจูงใจ มีลกั ษณะสาคัญ ดงั ต่อไปน้ี 1. เป็นพลังงานท่กี ระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรม 2. เป็นตวั กาหนดทศิ ทางและเป้าหมายของพฤตกิ รรม 3. เป็นตัวกาหนดระดบั ของความพยายามในการแสดงพฤตกิ รรม

องค์ประกอบและหลักการสรา้ งมนุษยสัมพันธ์ การสื่อความหมายเป็นปัจจัยเบือ้ งตน้ ทชี่ ว่ ยให้การดาเนิ นงานราบรนื่ หากว่าการสื่อความหมายระหว่างผู้บรหิ ารส่ทู ีมหรอื จากสมาชกิ ของทีม ไปยงั ผู้บรหิ ารผิดเพี้ยน กจ็ ะเป็นอุปสรรคต่อการทางาน ฉะนั้ นทัง้ สอง ฝ่ายควรสื่อสารให้ชดั เจนและตรงไปตรงมาจากนั้ นทบทวนเพ่ือ ตรวจสอบความเข้าใจตรงกันของท้งั สองฝ่าย

องค์ประกอบและหลักการสร้างมนุษยสัมพันธ์(ตอ่ ) การบรหิ ารความสัมพันธ์ ข้ึนกบั \"ความไวว้ างใจกัน\" ในการทางาน หากผู้บรหิ ารไม่ไว้ใจสมาชกิ ในทีม หรอื สมาชกิ ไมไ่ วใ้ จกนั เองกอ็ าจกอ่ ให้เกิด ความลังเลไม่เชอ่ื ม่ันในความสามารถซง่ึ กันและกันความสัมพันธใ์ นทีมจะแย่ ลงและจะส่งผลกระทบตอ่ ประสิทธภิ าพในการทางาน การจะสรา้ งความ ไวว้ างใจในงานให้เกดิ ข้ึน เพียงแค่มคี วามตงั้ ใจและทมุ่ เทกับการทางานเพื่อ แสดงให้ทุกคนรูว้ ่าเราสามารถปฎบิ ัติงานไดล้ ุล่วงส่ิงนี้ จะชว่ ยสรา้ งความ น่ าเชอื่ ถือและความมนั่ ใจ แก่ทมี งานเมือ่ สมาชกิ ทีมเชอื่ มั่นในความสามารถ ของกนั และกัน มคี วามสามคั คีแลว้ การประสานงาน

การสรา้ งภาวะผู้นาท่มี ผี ลตอ่ การพัฒนาทีม ้ ปัจจุบันน้ี สภาพการทางานของทกุ องค์กร ท้ังภาคราชการ รฐั วิสาหกิจ และองค์กรธุรกจิ เอกชน กาลังพัฒนารูปแบบการดาเนิ นงานให้ทนั และ เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มและกระแสการเปลีย่ นแปลงท่ีเปลีย่ นไป การ เปล่ียนแปลงเป็นเรอ่ื งของข้อเท็จจรงิ ที่เกดิ ข้ึนอย่างตอ่ เนื่ องและตลอดเวลา ที่ สาคัญสามารถส่งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบตอ่ การดาเนิ นธุรกิจ ตอ่ ความม่ันคงของพนั กงานในองค์กร ฉะนั้ น ผูบ้ รหิ ารขององค์กรในทกุ ระดับ จาเป็นตอ้ งปรบั เปล่ยี น ตนเองให้ทันกับความเปล่ียนแปลงท่เี กิดข้ึน โดยเฉพาะ อยา่ งย่ิง ความคิด พฤติกรรมและทักษะความสามารถในบทบาทการเป็น ผบู้ รหิ าร

การสรา้ งภาวะผู้นาท่ีมีผลต่อการพัฒนาทีม(ตอ่ ) จากน้ี ไปองค์กรจะสรา้ งและพัฒนาผู้บรหิ ารให้มีความเก่งความ เชย่ี วชาญด้านเทคนิ คการบรหิ ารจัดการอยา่ งเดียวไม่เพียงพอ ทส่ี าคัญ จะต้องสรา้ งความเป็นผ้นู า สรา้ งทมี งาน ให้เกิดข้ึนเพ่ือท่จี ะสามารถนา ทีมงานให้ปฏิบัตภิ ารกจิ จนเกิดผลสาเรจ็ ตามเป้าหมายท่กี าหนดไวใ้ น หลกั สูตรนี้ จึงเน้ นการทาความเข้าใจและเสรมิ สรา้ งประสบการณ์ในเรอ่ื ง การเสรมิ สรา้ งภาวะผูน้ า และ การพัฒนาทมี งาน

การสรา้ งภาวะผู้นาท่ีมผี ลตอ่ การพัฒนาทีม(ต่อ) เพ่อื ให้ผูเ้ ขา้ สัมมนา มีความรู้ ความเขา้ ใจและทัศนคติที่ถูกต้อง เพอ่ื ให้ผู้เข้าสัมมนา เกิดประสบการณ์รว่ มกันจากการทากิจกรรมการเรยี นรู ้ เพอื่ พฒั นาภาวะความเปน็ ผู้นา และพฒั นาทีมงาน โดยสามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นการดาเนินงาน ในเรอื่ งของบทบาทภาวะความเปน็ ผู้นาซ่ึงมคี วามสาคัญและส่งผลต่อการสรา้ งความสาเรจ็ ของทีมงาน

การทางานเป็นทีม โดยใช้เทคนิ ค การส่ื อสารการประสานงาน การประสานงาน(Coordinating) หมายถงึ การจัดให้บคุ คลในองคก์ ารทางานสัมพันธ์ และสอดคล้องโดยตระหนั กถงึ ภาระหน้ าที่ความรบั ผิดชอบเป้าหมาย และมาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน ขององค์การวตั ถุประสงคท์ ส่ี าคัญของ การประสานงานคอื

การทางานเป็นทมี โดยใช้เทคนิ ค การสื่อสารการประสานงาน (ต่อ) เพอ่ื ให้เกิดความเขา้ ใจอันดีแก่พนักงานและผูเ้ กี่ยวขอ้ งทุกฝา่ ย เพอ่ื ให้การปฏิบตั ิงานขององคก์ารสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย เพอื่ ให้งานมคี ุณภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว้ ประหยดั เวลาและทรพั ยากรในการปฏิบตั ิงาน

การทางานเป็นทีม โดยใช้เทคนิ ค การส่ือสารการประสานงาน (ตอ่ ) การประสานงานท่ีดีของบุคลากรในทุกระดับงานขององค์การจะชว่ ยให้การ ปฏิบตั ิงานงานและ การเพม่ิ ผลผลิตขององค์การมปี ระสิทธภิ าพเพมิ่ มากข้นึ โดยเฉพาะ เม่ือองค์การได้มกี ารปฏิบตั ิดังน้ี ● กาหนดโครงสรา้ งของการบรหิ ารไวอ้ ยา่ งเปน็ ระเบยี บมีแบบแผนชดั เจน ● มีแผนภมู แิ สดงสายการบงั คบั บญั ชา และการติดต่อส่ือสารที่ชัดเจนเขา้ ใจง่าย ● มกี ารกาหนดนโยบาย กฎเกณฑ์ และระเบยี บขอ้ บงั คับต่าง ๆ ไวเ้ ปน็ ลายลักษณ์ อักษรให้ผูม้ ีหน้าที่เก่ียวข้องได้ทราบทั่วกัน

การทางานเป็นทมี โดยใช้เทคนิ ค การสื่อสารการประสานงาน (ตอ่ ) ● มีการกาหนดระบบการเสนองานตามสายการบังคับบัญชาซ่งึ ยดึ ถือเป็นหลักปฏิบัติ ● มีการกาหนดบุคลากรที่มีจิตสานึกในการให้บรกิ าร รูจ้ กั แก้ปญั หาและมีมนุษยสัมพนั ธท์ ี่ ดี ● มีคณะกรรมการประกอบด้วยตตัวแทนของบุคลากรระดับต่าง ๆ มีการประชุมเป็น ประจาเพื่อเปดิ โอกาสให้ได้ทาความเข้า ใจในท่ีประชุมคณะกรรมการน้ัน ● มีการเขยี นโครงงานแผนงานและวิธีการทางานจดั ไวอ้ ย่างเปน็ ระบบ ● เปิดโอกาสให้ผูร้ ว่ มงานได้พบปะสังสรรค์กัน เพ่ือสรา้ งสัมพันธด์ ีนอกเวลาปฏิบัติงาน ● จดั ให้มีการพัฒนาบุคลากรระดับต่าง ๆ ให้เข้า ใจและมีความรูเ้ ก่ียวกับงาน โดยการจดั ให้ มีการสัมมนา การอบรม และการประชุมเชิงปฏิบัติการ เป็นต้น

การวเิ คราะห์กรณีศึ กษา ทัง้ ท่ีประสบผลสาเรจ็ และล้มเหลวในการทางาน ความสัมพันธร์ ะหวา่ งการจดั การสารสนเทศและการจัดการความรูโ้ ดยเชอื่ มโยง กบั กรณีของ The National Aeronautics and Space Administration (NASA) และ บรษิ ัท Xerox Corporation โดยเฉพาะการแบง่ ปันความรูซ้ ง่ึ ครอบคลุมการจัดหาหรอื รวบรวม ความรูก้ ารส่ือสาร การแบง่ ปันความรู้ และการเรยี นรู้ รวมถงึ ชมุ ชนนักปฏบิ ัตแิ ละวัฒนธรรม องคก์ ร อาจกลา่ วได้วา่ องคก์ รส่วนใหญพ่ ยายามจัดการสารสนเทศและความรูท้ งั้ ภายใน และภายนอกองคก์ รเพื่อกาหนดกลยทุ ธแ์ ละเพ่ิมประสิทธภิ าพในการตดั สินใจ การจดั การ สารสนเทศและการจดั การความรูม้ หี ลายประเด็นทแี่ ตกต่างกนั

การวเิ คราะห์กรณีศึ กษาทง้ั ท่ี ประสบผลสาเรจ็ และล้มเหลวในการทางาน(ต่อ) เชน่ วัตถปุ ระสงค์ วงจรชวี ติ (Life cycle) และความทา้ ทาย ยกตัวอยา่ งประเด็น ความทา้ ทาย การจดั การความรูม้ คี วามทา้ ทายทยี่ งุ่ ยาก และซบั ซอ้ นกวา่ การจดั การ สารสนเทศ ซง่ึ ประกอบด้วยความทา้ ทายใน 4 ประเด็นหลักเกย่ี วกบั คน เทคนิค/ เทคโนโลยี สังคม และการจดั การ เพ่ือให้ความรูท้ ตี่ อ้ งการสามารถเข้าถึงและใชง้ านไดท้ นั ที ทต่ี ้องการ ขณะทก่ี ารจัดการสารสนเทศ ประกอบด้วยความทา้ ทาย 2 ประเดน็ หลัก คอื เทคนิค/เทคโนโลยี และการจัดการ เพ่ือให้สารสนเทศทถ่ี กู ต้องและต้องการสามารถเข้าถงึ ได้ในเวลาและสถานทท่ี ตี่ อ้ งการ(Alvesson and Karreman, 2002) อยา่ งไรก็ตาม ประสิทธภิ าพของการจดั การความรูแ้ ละสารสนเทศต่างต้องพ่ึงพาอาศัยกนั และกัน

การวิเคราะห์กรณีศึ กษาทั้งท่ี ประสบผลสาเร็จและล้มเหลวในการทางาน(ตอ่ ) ทงั้ น้ีสามารถเห็นไดจ้ ากบคุ ลากรหลายคนในองคก์ รไดพ้ ยายามถา่ ยโอน ความรูท้ ม่ี ใี นตวั เอง (Tacit knowledge) ออกมาเป็นสารสนเทศหลากหลายรูปแบบ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการสารสนเทศเพ่ือเพ่ิมพนู ความรู้ นอกจากน้ีความรูท้ ี่ สาคญั ทส่ี ดุ คอื ความรูท้ มี่ ีในตวั เอง ซง่ึ ต้องการการจัดการสารสนเทศทม่ี ี ประสิทธภิ าพเพื่อเข้าถึงความรูป้ ระเภทดงั กล่าว (Davenport and Marchand, 2001) เชน่ ฐานข้อมูลผเู้ ชย่ี วชาญ ทร่ี วบรวมรายชอ่ื และขอ้ มูลความเชย่ี วชาญของบคุ ลากร ภายในองคก์ ร เพื่อให้สามารถเข้าถงึ หรอื ตดิ ตอ่ เพื่อนาไปส่กู ารแบ่งปันความรู้

การวเิ คราะห์กรณีศึ กษาทง้ั ท่ี ประสบผลสาเร็จและล้มเหลวในการทางาน(ตอ่ ) ในยคุ เศรษฐกจิ ฐานความรู้ ความรูค้ อื ทรพั ยากรทมี่ คี า่ อยา่ งหน่ึง (Earl, 2001) มี หลายเหตุผลทงั้ ภายในและภายนอกองคก์ รทที่ าให้องคก์ รส่วนใหญ่ให้ความสนใจและ ความสาคญั ต่อการจดั การความรู้ เชน่ การเพ่ิมข้ึนของการแข่งขนั ทงั้ ในระดับชาตแิ ละ นานาชาติ การเคลือ่ นยา้ ยอานาจทางการตลาดจากผขู้ ายสู่ผซู้ อ้ื การสญู เสียความรูข้ ององคก์ ร เม่อื พนักงานลาออก การหลีกเล่ยี งความล้มเหลวหรอื การเดนิ ตามรอยความสาเรจ็ ในอดตี เพ่ือ การดาเนินการทมี่ ปี ระสิทธภิ าพในปัจจบุ นั โดยเฉพาะการเพ่ิมความสามารถในการแข่งขนั ผา่ นทางนวตั กรรม (Bouthillier and Shearer, 2002) เชน่ เดยี วกบั บรษิ ัท Xerox ทต่ี ้องเผชญิ กับคแู่ ข่งสาคญั ในยโุ รป สหรฐั อเมรกิ า โดยเฉพาะญ่ปี ่นุ ในชว่ งกลางปี 1970 ส่งผลให้ Xerox สูญเสียส่วนแบง่ การตลาด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook