1 การแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพอื่ การพัฒนาท่ยี ง่ั ยืน (Shading: The King's Science for Sustainability.) นางสาวจรยิ า ทองหอม ตาแหน่ง ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1
2 การแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพอื่ การพัฒนาท่ยี ง่ั ยืน (Shading: The King's Science for Sustainability.) นางสาวจรยิ า ทองหอม ตาแหน่ง ศึกษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1
3ก คำนำ ตามที่สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ขอเรียนเชิญสง่ ผลงานวิจยั เพ่อื คดั เลอื กใหน้ าเสนอ ในการประชุมทางวชิ าการการวจิ ัยทางการศกึ ษา ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ ๑๖ \"นวัตกรรมการศกึ ษา : กลา้ เปลี่ยน สร้างสรรค์ ยกระดบั คุณภาพการศึกษาไทย\" ในวนั ท่ี ๑๖ - ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ โรงแรมเซน็ ทรา แจง้ วฒั นะ กรุงเทพฯ น้ัน ผู้วิจัยได้นาส่งผลงานวิจัยเพ่ือคัดเลือกให้นาเสนอในการจัดประชุมทางวิชาการ การวิจัย ทางการศึกษาระดับชาติ ครัง้ ที่ 16 เพ่ือเผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานวิจยั องค์ความรู้ นวัตกรรม ซ่ึง เป็นแบบอย่างท่ีดีทางการศึกษาเพ่ือจะนาไปสู่การปฏิบัติ เพ่ือสร้างกลไกการมีส่วนร่วมของนักวิจัย ในการรว่ มกันออกแบบและพฒั นาการวจิ ยั ให้มีความเข้มแข็ง สามารถผลติ งานวิจยั ที่ใชป้ ระโยชนไ์ ด้จริง ขอขอบคุณทุกหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องท่ีมีส่วนร่วมในการขับเคล่ือนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยใชก้ ารวิจยั เป็นฐาน เพื่อการพฒั นาประเทศให้มคี วามมั่นคง มงั่ คั่งและยัง่ ยนื (นางสาวจริยา ทองหอม) ศึกษานิเทศก์ชานาญการพเิ ศษ สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 15 พฤษภาคม 2564
ข4 หนา้ สารบญั ก ข เรอ่ื ง 5 6 คานา 6 สารบญั 6 ส่วนท่ี 1 ชือ่ ผลงานและประวัตผิ วู้ จิ ัย 6 ส่วนที่ 2 บทคดั ย่อผลงานวิจัย 8 2.1 ชอื่ ผลงานวจิ ัย 8 2.2 ระบแุ หล่งทุนสนับสนุน 9 2.3 ระบคุ วามสอดคล้องของผลงานวิจัยกับประเด็นของการจดั ประชมุ คร้ังน้ี 9 2.4 การเผยแพร่ และรางวัลทีไ่ ด้รบั 10 2.5 บทคัดย่อ 10 2.6 คาสาคญั ของงานวิจัย (Keywords) 11 2.7 ทีม่ าความสาคัญและปญั หาการวจิ ยั 12 2.8 วตั ถุประสงค์การวจิ ยั 14 2.9 หลักการหรอื แนวคดิ เชิงทฤษฎีทสี่ นับสนุน 17 2.10 ระเบยี บวิธีการวิจยั และแผนการวจิ ยั 17 2.11 ผลการวจิ ยั 18 2.12 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ 2.13 บรรณานกุ รม การรับรองผลงานและจริยธรรมการวิจัย ภาคผนวก
5 แบบฟอร์มการสง่ ผลงานวจิ ัยเพอื่ คดั เลือกใหน้ าเสนอ ในการจัดประชมุ ทางวิชาการ การวิจยั ทางการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 16 สว่ นท่ี 1 ช่อื ผลงานและประวัติผวู้ จิ ัย ช่ือผลงาน (ภาษาไทย) การแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ียง่ั ยนื (ภาษาองั กฤษ) Shading: The King's Science for Sustainability. ช่ือ - นามสกุล ผสู้ ง่ ผลงาน นางสาวจรยิ า ทองหอม (พรอ้ มระบุ ยศ หรอื ตาแหนง่ ศกึ ษานิเทศกช์ านาญการพเิ ศษ ตาแหนง่ ทางวิชาการ หรือ คานาหนา้ ชื่อ) อายุ (ปี) 56 ปี - ปรญิ ญาตรี (สาขา/ สถาบันการศกึ ษา/ปี พ.ศ. ทส่ี าเร็จการศึกษา) : ศษ.บ. (เทคโนโลยีการศกึ ษา) มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ ปี พ.ศ. 2531 - ปรญิ ญาโท (สาขา/ สถาบันการศึกษา/ปี พ.ศ. ทส่ี าเรจ็ การศกึ ษา) : ศษ.ม. (หลกั สตู รและการสอน) มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช ปี พ.ศ. 2555 - ปริญญาเอก (สาขา/ สถาบันการศกึ ษา/ปี พ.ศ. ท่ีสาเร็จการศกึ ษา) : ปร.ด. (การวจิ ัยและพัฒนาหลักสตู ร) มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ ปี พ.ศ. 2560 อาชพี ศกึ ษานเิ ทศก์ สถานท่ีทางาน สถานท่ที างาน : กลุ่มนิเทศตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 1 อ.เมอื ง จ.นครศรีธรรมราช 80000 ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 183/21 หม่ทู ี่ 1 ต.โพธเ์ิ สดจ็ ถนน กะโรม อ.เมอื ง จ.นครศรีธรรมราช 80000 ทอ่ี ยู่ที่สามารถตดิ ต่อได้ กลมุ่ นเิ ทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 1 อ.เมอื ง จ.นครศรธี รรมราช 80000 โทรศพั ท์ 080-532-2618 โทรศัพท์มอื ถือ 080-532-2618 Email address [email protected] ชอ่ื - นามสกลุ ผ้รู ่วมวิจัย -
6 สว่ นที่ 2 บทคดั ยอ่ ผลงานวิจัย (ตั้งแต่ขอ้ 2.5 – 2.13 ความยาวรวมกันไมเ่ กนิ 10 หนา้ ) 2.1 ช่อื ผลงานวิจัย (ภาษาไทย) การแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพฒั นาทยี่ งั่ ยืน (ภาษาอังกฤษ) Shading: The King's Science for Sustainability ปีทท่ี าผลงานวิจยั เสร็จ 2559 2560 2561 2562 2563 2.2 ระบุแหล่งทุนสนับสนนุ (ถ้ามี) .- 2.3 ระบคุ วามสอดคล้องของผลงานวจิ ัยกับประเด็นของการจัดประชุมครั้งนี้ (1) การจดั การศึกษาปฐมวยั 1) นโยบาย/กฎหมายทเี่ กี่ยวข้องกับการศึกษาปฐมวยั และแนวโน้มทางการศึกษาปฐมวยั 2) หลักสูตรและการจดั การเรยี นการสอนสาหรับเด็กปฐมวยั 3) การจัดโปรแกรมทางการศกึ ษาปฐมวัยสาหรบั เด็กเฉพาะกล่มุ 4) การปฏริ ูปการศกึ ษาปฐมวยั ให้เท่าทนั การเปลย่ี นแปลง 5) การปฏิบตั กิ ารท่ีเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กปฐมวยั 6) การประสานพลงั ความมอื ของโรงเรยี น บา้ น และชุมชน 7) การดแู ลเด็กปฐมวัย โภชนาการ สขุ ภาวะ และความปลอดภยั 8) การบริหารจดั การการศกึ ษาปฐมวยั เพอ่ื ความเท่าทนั และเทา่ เทียม 9) งานวจิ ัยนวัตกรรมในประเดน็ ทีเ่ กี่ยวข้อง/สอดคลอ้ งกบั ประเด็นการศกึ ษาปฐมวยั (2) การจดั การศึกษาข้ันพื้นฐาน เพือ่ ตอบสนองการเรียนรแู้ ละการเปลย่ี นแปลงในศตวรรษที่ 21 1) การพฒั นาหลกั สูตร/หลกั สตู รฐานสมรรถนะ 2) การจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะเพ่ือตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 3) การจดั การเรยี นการสอนเพ่ือพัฒนาคุณธรรมและจรยิ ธรรมของผ้เู รยี น 4) การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาขอ งชาติ พ.ศ. 2561 5) การจดั การศกึ ษาตามแนวทางพหุปญั ญา/การพฒั นาผูเ้ รยี นเตม็ ศักยภาพ 6) การพฒั นาส่ือการเรียนรู้ 7) การจดั กจิ กรรมเสริมหลกั สูตรเพ่ือพฒั นาศกั ยภาพผู้เรียน 8) การจัดการเรียนการสอนสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล 9) การวัดและประเมินผลการศึกษา 10) การจัดการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั 11) งานวิจัยในประเด็นทเี่ กีย่ วข้อง/สอดคล้องกับประเดน็ การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานฯ (3) การพฒั นากาลงั คนในระดบั อาชีวศึกษาและอุดมศกึ ษา/ผูเ้ รยี นในวยั แรงงาน 1) การจัดอาชวี ศึกษาระบบทวิภาคแี ละระบบอน่ื ๆ ทเ่ี นน้ การฝึกปฏิบตั อิ ย่างเต็มรูปแบบ 2) การจดั การเรียนการสอนในระดับอุดมศกึ ษาที่มงุ่ พฒั นาผ้เู รียนเตม็ ตามศกั ยภาพ
7 3) การผลิตนวัตกร และนักวจิ ยั เพอ่ื ขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Thailand 4.0 4) การพฒั นาทักษะ และสมรรถนะที่จาเป็นสาหรับอาชีพใหม่ 5) การเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาชีพในปัจจบุ นั และอนาคต 6) การจัดการศึกษาเพ่อื รับใช้สังคม ชมุ ชน ทอ้ งถ่ิน 7) การสร้างทักษะใหม่ท่ีจาเป็นในการทางานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการพัฒนาเพอ่ื ยกระดับทักษะเดิมให้ดีขึน้ (UpSkill) เพื่อรองรบั การเตบิ โตในอนาคต 8) งานวิจยั ในประเดน็ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง/สอดคลอ้ งกบั ประเด็นการจดั การศึกษาเพือ่ พัฒนากาลังคนฯ (4) การส่งเสริมการศึกษา/เรียนรสู้ าหรับผู้สงู อายุ 1) การจดั การศกึ ษาสาหรบั ผสู้ ูงอายุเพือ่ เตรียมความพร้อมสสู่ ังคมผู้สงู อายุอยา่ งเต็มรูปแบบ 2) การผลติ และพัฒนาสอ่ื การเรยี นรู้ และแหลง่ การเรียนรสู้ มัยใหมม่ นยุคดจิ ิทลั สาหรับผู้สูงอายุ 3) การเรียนรู้และพัฒนาทกั ษะเพ่ือสรา้ งเสริมรายไดส้ าหรับผ้สู งู อายุ 4) งานวิจัยในประเด็นที่เก่ียวข้อง/สอดคล้องกับประเด็นการส่งเสริมการศึกษา/เรียนรู้สาหรับ ผสู้ งู อายุ (5) การจัดการศกึ ษาสาหรับผทู้ ี่มีความต้องการจาเป็นพิเศษ ได้แก่ ผทู้ ่ีมีความสามารถพิเศษ ผู้ที่มี ความตอ้ งการดแู ลเป็นพเิ ศษ และผพู้ กิ าร 1) การส่งเสริมการศึกษาสาหรบั ผู้ทีม่ คี วามตอ้ งการจาเปน็ พเิ ศษ 2) การจดั การเรยี นการสอนสาหรบั ผู้ทม่ี คี วามต้องการจาเป็นพิเศษ 3) การจัดการศึกษาแบบเรยี นรวม (Inclusive Education) 4) การคัดกรองและวินิจฉยั ผู้ที่มคี วามตอ้ งการจาเป็นพิเศษ 5) การผลิตและพัฒนาส่ือการเรียนรู้ และแหล่งการเรียนรู้สมัยใหม่ในยุคดิจิทัลสาหรับผู้ท่ีมี ความต้องการจาเป็นพิเศษ 6) งานวิจัยในประเด็นที่เกี่ยวข้อง/สอดคล้องกับประเด็นการจัดการศึกษาสาหรับผู้ท่ีมีความ ต้องการจาเปน็ พเิ ศษ (6) การผลิตและพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีมคี ุณภาพ 1) การผลิต และพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาเพ่ือตอบสนองการ เปลยี่ นแปลงในศตวรรษท่ี ๒๑ 2) การพัฒนาขีดความสามารถของอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา และอุดมศกึ ษาให้มีความรแู้ ละทักษะทีส่ อดคล้องกบั การเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ของประเทศ 3) การพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณของครู คณาจารย์ 4) การผลติ และพฒั นาครู และบคุ ลากรท่เี กยี่ วขอ้ งกับการศกึ ษาปฐมวัย 5) การพัฒนาสมรรถนะครู อาจารย์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การวิจัย และการสร้างสรรค์ นวัตกรรม 6) การสง่ เสริมความก้าวหน้าทางวิชาชีพของครูและบุคลากรทางการศึกษา 7) การพฒั นาทักษะและสมรรถนะทีจ่ าเปน็ ของครยู ุคใหม่ 8) งานวจิ ยั ในประเด็นที่เก่ียวข้อง/สอดคลอ้ งกบั ประเดน็ การผลิตและพฒั นาครฯู (7) การพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี งานสร้างสรรค์หรือสิ่งประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมคุณภาพ การเรียนรูข้ องผเู้ รยี น
8 1) การพัฒนาระบบการเรียนรู้ดจิ ทิ ัล 2) การส่งเสริมการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อการศึกษาอย่าง สรา้ งสรรค์ 3) การผลติ และพฒั นาสือ่ การเรียนรู้ และแหลง่ การเรียนรสู้ มยั ใหม่ในยุคดิจทิ ลั 4) งานวิจัยสรา้ งคณุ คา่ ใหมท่ างนวตั กรรมทางการศึกษา 5) งานวจิ ัยในประเด็นทีเ่ ก่ียวข้อง/สอดคลอ้ งกับประเดน็ การพฒั นานวัตกรรม เทคโนโลยีฯ (8) การจัดการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้า การสร้างโอกาส ความเสมอภาค สิทธิทางการศึกษา ทุกช่วงวัย และการมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาของทกุ ภาคสว่ น 1) การสง่ เสริมการศึกษาตลอดช่วงชวี ติ 2) กฎหมายและสิทธทิ างการศึกษาของผเู้ รียนทกุ ช่วงวยั 3) การพัฒนารูปแบบสมชั ชาการศกึ ษาเพ่อื สง่ เสรมิ การมีส่วนร่วมของประชาชน 4) การจัดการศกึ ษาแบบมีส่วนร่วมของภาคสว่ นต่างๆ 5) การสร้างเครือข่ายการจดั การศกึ ษา /เครอื ขา่ ยการเรยี นรู้ 6) งานวิจัยในประเด็นที่เก่ียวข้อง/สอดคล้องกับประเด็นกฎหมายและสิทธิทางการศึกษา และ การมสี ว่ นร่วมฯ 2.4 การเผยแพร่ และรางวัลท่ีไดร้ บั ผลงานวจิ ยั เคยไดร้ ับการเผยแพร่ และตีพมิ พ์ (ระบุชื่อหนว่ ยงานและปี พ.ศ. ท่เี ผยแพร)่ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศิลปากร วารสารวชิ าการ Veridian E-Journal, Silpakorn University ปที ่ี/ฉบับท/่ี เดือน/หนา้ ท่ี 10/02/พ.ค.-ส.ค.2560/138-156 ฉบบั ภาษาไทย สาขามนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศลิ ปะ วารสารวิชาการ ผลงานวจิ ยั เคยไดร้ บั การนาเสนอในเวทีวิชาการ (ระบุ) - ผลงานวิจยั เคยได้รับรางวลั (ระบ)ุ - 2.5 บทคัดยอ่ การวจิ ยั และพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพอื่ การพฒั นาที่ยง่ั ยืน (Shading: The King's Science for Sustainability) มีความมุ่งหมายเพ่ือ 1) เพ่ือวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืน และ 2) เพ่ือศึกษาประสิทธิผลของหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพื่อการพัฒนาท่ียั่งยืน โดยใช้ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา 4 ข้ันตอน ได้แก่ 1) การสังเคราะห์ข้อมูล พน้ื ฐาน 2) การพัฒนาหลกั สูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ียง่ั ยืน 3) การทดลองใช้หลักสูตร และ 4) การประเมินผล ปรับปรุงหลักสูตร วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ค่าสถิติ พื้นฐาน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากข้อมูลพื้นฐาน เน้ือหา พฤติกรรม และการตรวจผลงานนักเรียน นาเสนอในรูปความเรียงประกอบการอธิบายเสริมข้อมูลเชิงปริมาณตั้งแต่ก่อนการใช้ ระหวา่ งการใช้ และหลัง การใช้หลักสตู รการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพือ่ การพฒั นาทยี่ งั่ ยืน ผลการวิจัยทาให้ได้หลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืน และแนวทางการ พัฒนาทักษะการแรเงาของผู้เรียน ตรวจสอบประสิทธิผลของหลักสูตรโดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ One- Group Pretest-Posttest Design ทาการทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 2 ห้องเรียน โดย ใช้วธิ ีการเลือกแบบเจาะจง ผลการวิจัยพบว่านักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะการแรเงาหลังเรียน สูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 ผลการประเมินหลักสูตรมีประสิทธิภาพตาม
9 เกณฑ์ทีก่ าหนด และผวู้ ิจัยไดด้ าเนินการปรับปรงุ หลักสตู รเพือ่ ให้มคี วามเหมาะสมและสมบรู ณ์มากขึ้น 2.6 คาสาคญั ของงานวจิ ัย (Keywords) คาสาคัญ: การแรเงา ศาสตร์พระราชา การศึกษาเพ่ือการพฒั นาท่ีย่ังยืน 2.7 ที่มาความสาคัญและปัญหาการวิจยั สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ าร.ี (2554) ได้มีพระราชดารัสเกี่ยวกับ เป้าหมายในการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชว่า \"คือ ‘การพัฒนาที่ยั่งยืน’ เพ่ือ ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของคน โดยไม่ทาลายส่ิงแวดล้อม ให้คนมีความสุข โดยต้องคานึงเรื่องสภาพ ภูมิศาสตร์ ความเช่ือทางศาสนา เชื้อชาติ และภูมิหลังทางเศรษฐกิจ สังคม แม้ว่าวิธีการพัฒนามีหลากหลาย แต่ที่สาคัญคือนักพัฒนาจะต้องมคี วามรัก ความห่วงใย ความรับผิดชอบ และการเคารพในเพือ่ นมนษุ ย์ จะเห็น ไดว้ ่าการพัฒนาเกีย่ วข้องกบั มนุษยชาติ และเปน็ เรื่องของจติ ใจ” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (กรกฎาคม 2520,22) ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ความหมายของการศึกษาเพ่ือการพฒั นาอยา่ งย่ังยนื ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงการศึกษาท่ี สมบูรณ์มีความครบถ้วนในตัวเองท้ังองค์ความร้แู ละการใช้ความร้เู พอื่ ประโยชน์ต่อสว่ นรวมซ่ึงเป็นการศึกษาท่ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมุ่งหวังให้เกิดข้ึนในพสกนิกรและประเทศชาติของพระองค์ (กระทรวงศึกษาธิการ. 2554) ความตอนหนึ่งว่า \"...การศึกษาเป็นเครื่องมืออันสาคัญในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ ทัศนคติ ค่านิยม และคุณธรรมของบุคคลเพ่ือให้เป็นพลเมืองดีมีคุณภาพและ ประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศก็ย่อมทาได้สะดวก ราบร่ืน ได้ผลท่ีแน่นอนและรวดเร็ว...\" ดังท่ี ยูเนสโก (2549) ไดอ้ ธบิ ายว่า การศึกษาเพือ่ การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการศกึ ษาทนี่ ักเรียนจะตอ้ งเรียนรู้ทักษะสมรรถนะ ค่านิยมและสรรพวิทยาการที่ต้องการ เป็นการศึกษาทุกระดับช้ัน ในทุกบริบทของสังคม เช่น การศึกษา ในครอบครัว โรงเรียน สถานท่ีทางาน ชุมชน รวมท้ังการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการศึกษาที่ช่วยสร้างสมดุลย์ ในการพัฒนาปจั เจคบคุ คล เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น ผู้วิจัยจึงได้นาศาสตร์พระราชามาสู่การปฏิบัติ จริง ด้วยนิยาม “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” อย่างเป็นรูปธรรมในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระ การเรียนรู้ทัศนศิลป์ โดยดาเนินการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ ย่ังยืน เพ่ือศึกษาผลการสอนอย่างเป็นระบบ เป็นการพัฒนาทักษะการเขียนภาพแรเงาที่ส่งผลให้ผู้เรียนต้อง ศึกษาเรียนรู้เก่ียวกับการจัดนา้ หนักออ่ นแก่ให้ได้ใกล้เคยี งกบั น้าหนักของแสงท่ีตกกระทบผิววัตถเุ ป็นการสร้าง เงาในภาพ เปล่ียนค่าของรูปร่างที่มีเพียง 2 มิติให้เป็น 3 มิติ ทาให้เกิดระยะใกล้-ไกล ในการมองเห็น ตลอดจนความรสู้ ึกด้านความงามในทางศลิ ปะใหแ้ กผ่ ู้เรียน 2.8 วตั ถุประสงคก์ ารวิจัย การวจิ ยั ครงั้ นผี้ ู้วิจัยได้ตง้ั ความมุ่งหมาย ดงั นี้ 1. เพ่ือวจิ ยั และพฒั นาหลกั สูตรการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพือ่ การพัฒนาท่ยี งั่ ยนื 2. เพือ่ ศกึ ษาประสิทธิผลของหลกั สตู รการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพือ่ การพัฒนาทยี่ ง่ั ยนื 2.9 หลกั การหรอื แนวคิดเชิงทฤษฎีที่สนับสนุน การวจิ ัยครั้งนผ้ี ้วู จิ ัยได้กาหนดกรอบแนวคิดการวิจัย ดงั แสดงในภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิด การวิจัย
10 ภาพประกอบ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย 2.10 ระเบียบวธิ กี ารวจิ ัยและแผนการวจิ ัย ผ้วู ิจัยไดด้ าเนนิ การในลักษณะของการวิจัยและพฒั นา (Research and development) มวี ิธกี าร ดาเนนิ การวิจยั 4 ข้นั ตอน ดงั นี้ ขัน้ ตอนท่ี 1 การสังเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐาน (R1) ขน้ั ตอนที่ 2 การพฒั นาหลักสตู รการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพือ่ การพฒั นาทยี่ งั่ ยนื (ฉบับรา่ ง) (D1) ข้ันตอนท่ี 3 การทดลองใช้หลกั สูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพฒั นาทย่ี ั่งยนื (R2) ขั้นตอนท่ี 4 การประเมนิ ผลและปรับปรงุ หลักสตู รการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพอื่ การพฒั นา ทีย่ ่งั ยนื (D2) ผู้วิจยั ได้ดาเนินการวิจยั ในแต่ละขนั้ ตอน ดงั นี้ ขนั้ ตอนที่ 1 การสงั เคราะห์ขอ้ มูลพ้ืนฐาน (R1) การสังเคราะห์ข้อมลู พื้นฐานเปน็ ส่งิ ทม่ี ีความสาคญั และจาเปน็ ซึ่งผ้วู ิจยั ไดใ้ ชร้ ะเบียบวธิ วี ิจยั แบบ ผสมผสานในการศกึ ษาวเิ คราะหส์ ังเคราะหเ์ นื้อหาจากเอกสารงานวิจยั การสังเกต และข้อมลู พน้ื ฐานในบรบิ ท ของสถานการณ์ปัจจุบนั เพ่ือนามาสรปุ เป็นต้นแบบใหมเ่ พื่อนาไปทดลอง ซึ่งในการพฒั นาการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพ่อื การพัฒนาที่ยั่งยืนคร้งั นผี้ ู้วิจัยไดก้ าหนดวิธศี ึกษาและสงั เคราะหเ์ อกสารงานวจิ ยั ขอ้ มูลพื้นฐาน ออกเป็น 4 หมวด ดังน้ี หมวดท่ี 1 การแรเงา หมวดที่ 2 ศาสตร์พระราชา หมวดท่ี 3 การศึกษาเพ่ือการ พฒั นาทยี่ ั่งยืน หมวดท่ี 4 การศึกษาวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ขอ้ มลู พนื้ ฐาน เกย่ี วกับเหตุการณ์ สถานการณ์ใน ปัจจบุ นั สภาพความพร้อมของผู้เรียนและสถานศึกษา ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพือ่ การพัฒนาท่ียั่งยืน (D1) ผวู้ ิจัยได้จัดทาแนวทางการวิจยั และพัฒนาการแรเงา : ศาสตรพ์ ระราชาเพื่อการพัฒนาที่ย่งั ยืน
11 ในระดับช้ัน ม.1 เกย่ี วกบั ปรชั ญาโรงเรยี นวัดพระมหาธาตุ วิสัยทัศน์ โครงสรา้ งการเรียนรู้ ศาสตร์พระราชา เพื่อการพฒั นาท่ยี ัง่ ยืน ขน้ั ตอนท่ี 3 การทดลองใช้หลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพฒั นาท่ียงั่ ยืน (R2) ผู้วจิ ัยนาการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพ่ือการพฒั นาที่ย่งั ยืนไปทดลองใชก้ บั กลุ่มตัวอยา่ ง เพอื่ ตรวจสอบประสทิ ธผิ ลของหลักสูตร ดังนี้ แบบแผนการทดลองใชห้ ลกั สตู ร One-Group Pretest-Posttest Design ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากร คือ นักเรยี นท่ีกาลังเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ของโรงเรยี นในจงั หวดั นครศรีธรรมราช กลมุ่ ตวั อย่าง คือ นักเรียนที่กาลังเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ของ โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ อาเภอเมือง จงั หวัดนครศรีธรรมราช จานวน 2 หอ้ ง มีนกั เรยี น 66 คน การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ขน้ั ท่ี 1 ดาเนนิ การศึกษาวเิ คราะหส์ ภาพปจั จุบันปัญหา เหตกุ ารณ์ สถานการณ์ในบรบิ ทของ โลก ประเทศ สถานศกึ ษาและผู้เรียน ขัน้ ท่ี 2 ศึกษาวเิ คราะหส์ ังเคราะห์เอกสารงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การแรเงา ศาสตรพ์ ระราชา และการจดั การศึกษาเพ่ือการพฒั นาทยี่ ่งั ยนื ขั้นท่ี 3 จัดทาโครงสร้างหลกั สตู รการจัดการเรยี นรู้การแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่อื การพัฒนาท่ียง่ั ยืน ข้นั ที่ 4 ตรวจทาน และทาการปรบั ปรงุ แกไ้ ขหลักสูตรการจดั การเรยี นรู้การแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพ่อื การพัฒนาทย่ี ง่ั ยืน พรอ้ มทัง้ จัดทาใบความรแู้ ละใบงานเพอ่ื นาไปทดลองใช้ในสถานการณ์การ จดั การเรียนการสอนจริง จากนัน้ ผู้วิจัยไดน้ าข้อมลู ทีว่ เิ คราะห์ไดจ้ ากข้นั ที่ 2 มาเปน็ เกณฑ์ในการปรับปรุง โครงสรา้ งหลักสตู รการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพื่อการพฒั นาที่ย่ังยนื โดยพจิ ารณาผลการวเิ คราะหค์ วาม เหมาะสมหลักสูตร ให้มคี ่าเฉลี่ยคา่ เฉล่ียต้ังแต่ 3.51 ขน้ึ ไปซงึ่ ถอื วา่ หลกั สตู รมีความเหมาะสมมาก ข้ันท่ี 5 จัดทาแบบบันทกึ ข้อมูลสาหรบั เกบ็ รวมรวมขอ้ มลู เพ่ือนาไปใชใ้ นการประเมิน ประสิทธผิ ลของการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพือ่ การพฒั นาที่ย่งั ยืน ไดแ้ ก่ แบบบนั ทึกคะแนนตามจดุ ประสงค์ การเรียนรู้ แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินช้นิ งานของผู้เรียน ขน้ั ท่ี 6 นาหลักสตู รการจดั การเรียนร้กู ารแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืนไป ทาการทดลองกับนักเรยี นกลุ่มตัวอยา่ ง เพ่อื ทาการทดสอบประสทิ ธภิ าพ นามาใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูลและ สรุปผลการทดลอง การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผูว้ ิจยั ได้ดาเนนิ การวิเคราะห์ข้อมลู ตามลาดับขนั้ ตอน ดังน้ี 1. ขอ้ มูลเชิงปริมาณ ดาเนินการวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั น้ี การวเิ คราะห์ข้อมลู ทีเ่ ปน็ สถิติและตวั เลขเพื่อหาประสิทธิผลของหลกั สตู รโดยใช้โปรแกรม การวิเคราะห์ทางสถิติ (ปกรณ์ ประจญั บาน. 2557) 2. ขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ วเิ คราะห์เนอื้ หาจากการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน การตรวจผลงานนกั เรียน การบันทึก ผลในขณะทาการสอน แล้วนาเสนอในรปู ความเรยี งประกอบการอธบิ ายเสริมข้อมลู เชงิ ปริมาณตั้งแต่ก่อนการ ใช้ ระหวา่ งการใช้ และหลังการใช้หลกั สูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่อื การพฒั นาทีย่ ง่ั ยนื
12 เกณฑป์ ระสทิ ธิผลของหลักสูตร กาหนดให้นกั เรยี นมที ักษะการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพ่ือการพัฒนาทีย่ ่งั ยืนหลังการใช้ หลกั สตู รสูงกวา่ ก่อนการใช้หลักสูตร ขน้ั ตอนท่ี 4 การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพอ่ื การพฒั นาท่ยี ่งั ยนื (D2) ดาเนินการตรวจสอบประสิทธิผลเพอื่ ปรับปรุงหลักสตู รการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อ การพัฒนาที่ย่ังยนื ดังนี้ 1. กาหนดเกณฑ์ประสทิ ธผิ ลของหลักสตู รการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพื่อการพฒั นาท่ยี ั่งยืน 2. นาผลการวเิ คราะห์มาเปรยี บเทียบกับเกณฑ์ประสิทธผิ ลของหลักสตู รการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพอื่ การพัฒนาที่ยั่งยนื 3. นาขอ้ มูลและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ท่ีไดจ้ ากการทดลองใช้หลักสูตรมาประเมินผลตามเกณฑ์ ทก่ี าหนดและนามาปรับปรุงแก้ไขหลักสตู รทัง้ ในด้านโครงสรา้ งหลักสูตรและรายละเอียดทเี่ ปน็ องค์ประกอบ ของหลกั สูตร เพือ่ ให้หลกั สูตรมคี วามถูกตอ้ ง และเหมาะสม และสามารถนาไปใช้ในการเสริมสร้างทักษะการ แรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพฒั นาที่ยงั่ ยืน สาหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ในโอกาสต่อไปได้อยา่ งมี ประสิทธิภาพอีกท้ังไดห้ ลกั สูตรฉบบั สมบรู ณ์ที่พรอ้ มสาหรับการนาไปใช้จรงิ ในการพัฒนาผู้เรียน 2.11 ผลการวจิ ัย การนาเสนอผลการพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาที่ย่ังยืนคร้ังน้ี ผู้วิจัยได้ ดาเนินการในลักษณะของการวิจัยและพัฒนาใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ วิธีวิจัย เชิงปริมาณ วิธีวิจัยเชิงประจักษ์ ใช้แบบแผนการวิจัยแบบ One-Group Pretest-Posttest Design โดยเร่ิม จากการใช้วธิ กี ารวิจัยเชิงประจักษ์ วธิ ีการวิจยั เชิงคุณภาพ และวิธีการวิจยั เชงิ ปริมาณ ผ้วู จิ ัยขอนาเสนอผลการ วเิ คราะหข์ อ้ มูลตามจดุ ประสงค์ของการวจิ ยั และพัฒนา ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ผลการสังเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานหลักสตู รการแรเงาศาสตรพ์ ระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยนื ตอนท่ี 2 ประสทิ ธิผลของหลักสตู รการแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพอื่ การพฒั นาทยี่ ง่ั ยืน ตอนท่ี 1 ผลการสงั เคราะหข์ ้อมลู พน้ื ฐานหลักสูตรการแรเงาศาสตร์พระราชาเพือ่ การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื จากการศึกษาวิเคราะห์แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรการแรเงาศาสตร์พระราชาเพ่ือการ พัฒนาท่ีย่ังยืนจากเอกสาร ตารา และงานวิจัยที่เก่ียวข้องทาให้ได้ข้อมูลพ้ืนฐานท่ีนามาใช้ในการพัฒนาตาม จุดประสงคข์ ้อท่ี 1 เพ่ือการพัฒนา สามารถสรุปผลการศึกษาแต่ละประเดน็ ได้ดังน้ี 1. ผลการศกึ ษาวเิ คราะหส์ งั เคราะห์ข้อมลู พ้นื ฐาน 1.1 ผลการศึกษาวิเคราะห์แนวคิดของการแรเงา ความหมายของการแรเงา ค่าน้าหนัก แสง และเงา เทคนคิ การแรเงา วัสดอุ ุปกรณ์ และขนั้ ตอนการวาดภาพแรเงา สามารถสรุปไดว้ ่า ทกั ษะการแรเงา เป็นการวาดรูปให้มีแสงสว่างหรือมีเงามืดในรูปทรงอยู่ในภาพเดียวกัน โดยปกติท่ัวไปเราจะเห็นที่หุ่นมีแสง สว่างดา้ นหน่ึงและมีเงามดื อีกด้านหน่งึ การแรเงาเป็นการสรา้ งค่าน้าหนักให้พื้นผิวมีความสวา่ ง เลอื นราง และ มืด เกิดมิติที่ 3 เป็นมิติลวงตาซ่ึงสามารถแบ่งแสงสว่างกับเงามืดออกได้ไม่น้อยกว่า 7 ระยะ ซ่ึงจะต้องเข้าใจ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างค่าน้าหนักกับค่าแสงสว่าง-เงามือ หรือการเพ่ิมเงาและสร้างเงาทาบซ้อน ลักษณะของ แสงเงาประกอบดว้ ยส่วนสว่าง น้าหนักเทา นา้ หนักมือ สว่ นเป็นเงาทาบซอ้ น และสว่ นเปน็ แสงสะท้อน 1.2 ผลการศกึ ษาวเิ คราะห์แนวคิดทฤษฎีทเี่ กี่ยวขอ้ งกับศาสตรพ์ ระราชาในมติ ทิ เ่ี ก่ยี วขอ้ งกับ ศาสตร์พระราชเพื่อการพฒั นาทีย่ ั่งยืน ไดแ้ ก่ แนวคดิ หลักการของศาสตรพ์ ระราชา องค์ประกอบของศาสตร์ พระราชา ข้ันตอนการพัฒนาศาสตร์พระราชา และการวัดและประเมินผลศาสตร์พระราชา สรุปได้ว่า องค์ประกอบของศาสตร์พระราชา คือ การนาหลัก“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”ของพระบาทสมเด็จพระ
13 เจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ในวงกว้าง ท้ังน้ีเพ่ือส่งเสริมการพัฒนาที่สมดุลและย่ังยืนของประเทศไทยในมิติต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมี 3 ข้อ คือ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน บวก 2 เง่ือนไข คือ ความรู้คู่คุณธรรม อีกทั้งเป็นการศึกษาพระราชกรณีย กจิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชท่ที รงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า“เราจะครองแผ่นดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์แห่งมหาชนชาวสยาม” พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อ ประชาชนของพระองค์อย่างต่อเนื่อง ทรงบาเพ็ญพระองค์อยู่ในทศพิศราชธรรมอย่างเคร่งครัด ทรงครอง แผ่นดินโดยธรรมอย่างแท้จริง และธรรมแห่งราชาน้ีเองท่ีคุ้มครองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคง แข็งแรงเป็นม่ิงขวัญและศูนย์รวมจิตใจของคนไทยท้ังชาติ ขั้นตอนการพัฒนาศาสตร์พระราชา แนวปฏิบัติที่มี กระบวนการที่มีเอกลักษณ์ คานึงถึงบริบททางภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และสังคมของแต่ละพ้ืนท่ี แก้ปัญหาแบบ องค์รวม ให้ความสาคัญกับความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการของคนในพื้นท่ี ตามหลักการทรงงานข้อที่ว่าการ พัฒนาต้อง ‘ระเบิดจากภายใน’ ตัวอย่างเรื่องเอกลักษณ์การทางานตามแนวศาสตร์พระราชา คือ การแบ่ง เป้าหมายเป็น ๓ ขั้นตอน ได้แก่ เพ่ืออยู่รอด (Survival) พ่ึงตนเอง (Self-reliance) และย่ังยืน (Sustainable) โดยในการวิจัยครง้ั นผี้ วู้ ิจยั ไดด้ าเนินการในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา 1.3 ผลการศึกษาวิเคราะห์แนวคิดทฤษฎีที่เก่ียวข้องกับการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สรุปได้ว่า การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของศาสตร์พระราชาสามารถประยุกต์ใช้หลักการวัดและประเมิน เชิงปริมาณควบคู่เชิงคุณภาพ ได้แก่ การทดสอบ สังเกต ตรวจผลงาน ลงมือปฏิบัติการ ปฏิบัติการใช้ ICT ใน รูปแบบต่างๆ ประเมินตามสภาพจริง (authentic assessment) โดยใช้ Rubrics Scores ซึ่งในการวิจัยคร้ัง น้ีได้กาหนดเกณฑ์ในการประเมินผลงาน ได้แก่ ทักษะการแรเงา ความสอดคล้องของภาพกับหัวข้อท่ีกาหนด การจัดองค์ประกอบภาพ ความสวยงามประณีต และความคิดสร้างสรรค์ การประเมินทักษะสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการประเมิน หลักสูตรออนไลน์ ซึ่งใช้ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่ 1) แบบประเมิน ทกั ษะการแรเงากอ่ นและหลังเรยี น และการประเมนิ ผลงานผเู้ รยี น 1.2 ผลการพัฒนาหลักสตู รการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพอ่ื การพฒั นาทีย่ ั่งยนื การทดลองใช้หลักสูตรการแรเงาศาสตรพ์ ระราชาเพอ่ื การพัฒนาทย่ี ั่งยืนผวู้ จิ ัยได้นา (ร่าง)หลักสูตรท่ี ได้จัดทาขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ เมืองนครศรีธรรมราช จานวน 2 ห้องเรียน 2 เพ่ือเป็นโรงเรียนนาร่อง และเพื่อเป็นโรงเรียนกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งผลการทดลองใช้ หลกั สตู รท่ีพฒั นาขนึ้ สามารถสรุปได้ ดังนี้ 1. ผลการประเมินทักษะการแรเงาก่อนและหลังการใช้หลักสูตรการแรเงาศาสตร์พระราชาเพื่อ การพัฒนาท่ยี ัง่ ยืน ดงั นี้ การทดสอบ X (S.D.) d Sd (t-test) ชัน้ ม.1/1 5.55 2.94 10.84 ก่อนเรียน 9.73 3.44 d Sd (t-test) หลังเรียน 15.27 1.97 การทดสอบ X (S.D.) ชน้ั ม.1/2 ก่อนเรยี น 11.15 2.56 4.09 2.27 10.36 หลังเรียน 15.24 2.75 * P < 0.05
14 จากตาราง 2 พบว่า หลังการทดลองใช้หลักสูตรการแรเงาศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืน นักเรียนมีทักษะการแรเงาสูงกว่าก่อนการใช้หลักสูตร ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ประสิทธิผลของหลักสูตรที่ได้ กาหนดไว้ จากการประเมินผลงานของผู้เรียนหลังเรียนโดยใชห้ ลกั สตู รการแรเงาศาสตรพ์ ระราชาเพื่อการพฒั นา ที่ยั่งยืนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1/1 จานวน 33 คน โดยภาพรวมในทุกมิติมีคะแนนเฉลย่ี ก่อนเรียน X = เท่ากับ 79.70 คะแนน และ หลังเรียนเท่ากับ 76.36 คะแนน ผลการประเมินตนเองของนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 จานวน 33 คน โดยภาพรวมในทุกมิติมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน X = เท่ากับ 81.97 คะแนน และ หลังเรียนเท่ากับ 76.21 คะแนน ตามลาดับ และเม่ือเปรียบเทียบคะแนนก่อนและ หลังเรียน พบว่า คะแนนการประเมินตนเองหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์ประสทิ ธผิ ลของหลกั สูตรทไ่ี ด้กาหนดไว้ 1.3 ผลจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ และการตรวจผลงานของผู้เรียน จาแนก ผลการประเมินโดย ภาพรวมสรปุ ได้ดงั น้ี ขั้นที่ 1 ข้นั นา โดยการกาหนดใหผ้ ้เู รียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สบื ค้นขอ้ มลู เก่ียวกับการแรเงาศาสตร์ พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จากน้ันให้ผู้เรียนฝึกออกแบบภาพผลงานจากประสบการณ์ทาให้ผู้เรียน สามารถออกแบบผลงานที่สอดคลอ้ งกบั โจทยป์ ญั หา ข้ันท่ี 2 ขน้ั สอนเปน็ ขั้นตอนของการสร้างสรรค์ผลงานการแรเงาศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนา ทยี่ งั่ ยืนตามหวั ข้อที่กาหนดซง่ึ เปน็ ขนั้ ของการพัฒนาทกั ษะสรา้ งสรรค์นวัตกรรมตามแนวคดิ หลักการออกแบบ ท่สี อดคล้องกับลักษณะพัฒนาการ วิธีการเรยี นรู้ และวัยของผเู้ รียน ถูกต้องตามหลักวิชาการได้มีการปรับปรุง แก้ไขทีส่ อดคลอ้ งกับผลการทดสอบ ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ สรปุ เปน็ ขน้ั ตอนของการตรวจผลงานโดยกาหนดให้ผเู้ รยี นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในประเดน็ ความเหมาะสมของเน้อื หาสาระทน่ี าเสนอ เน้นรูปแบบการจัดวางภาพประกอบ ความคิดสร้างสรรค์ ละเอียด ประณีต สวยงาม และเสร็จสมบูรณ์ ทาให้ผู้เรียนมีโอกาสในการพัฒนาทักษะการนาเสนอ การปรับปรุงแก้ไข ผลงาน และการประเมินผลอย่างเป็นระบบ ชัดเจนซ่ึงผลจากการทดลองใช้หลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพ่ือการพัฒนาทย่ี ่งั ยนื มปี ระสทิ ธิผลตามสมมุติฐานอยา่ งมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.05 ตอนที่ 2 ประสทิ ธผิ ลของหลกั สูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาทย่ี ั่งยืน ประสิทธิผลของหลกั สูตร สรปุ ไดด้ งั นี้ 1. ทกั ษะการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยนื ของกลุ่มตัวอยา่ งหลังจากการใช้หลักสูตร การแรเงาสูงกว่ากอ่ นการใชห้ ลกั สูตรการแรเงาซ่ึงวัดไดจ้ ากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยผเู้ รยี นเป็น ผู้ประเมนิ ตนเองเปน็ ไปตามสมมตุ ิฐานอย่างมีนยั สาคัญทางสถติ ิทรี่ ะดบั 0.05 2. พฒั นาการของพฤตกิ รรมทักษะการแรเงาศาสตร์พระราชาเพ่ือการพฒั นาทยี่ ง่ั ยืนของผู้เรียนซ่ึง ประเมินจากผลงานและการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในมิติของความตั้งใจ การให้ความร่วมมือ และมีความ รบั ผดิ ชอบในการทางานเปน็ ไปตามสมมตุ ิฐานอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. ข้อมูลเชิงคณุ ภาพจากการสะท้อนผลการเรยี นรู้และค่าเฉลี่ยของคะแนนหลงั การใชห้ ลักสูตร การแรเงาศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืนของกลุ่มตัวอย่างท้ังโดยภาพรวม และรายมิติเป็นเกณฑ์ ในการพจิ ารณาประสิทธิผลของหลกั สตู รเป็นไปตามสมมุตฐิ านอย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.05 2.12 การอภิปรายและข้อเสนอแนะ การอภปิ ราย จากผลการวิจัย และพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาที่ยั่งยืน สาหรับ
15 นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีประเด็นท่ีน่าสนใจนามาอภิปรายผลได้ว่า หลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพ่ือการพัฒนาที่ย่ังยืน สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ที่พัฒนาข้ึนในครั้งน้ี มีเป้าหมายเพื่อ เสริมสร้างทักษะการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืน ของนักเรียนใน 5 มิติ คือ ทักษะ การแรเงา ความสอดคล้องของภาพกับหัวข้อท่ีกาหนด การจัดองค์ประกอบภาพ ความสวยงามประณีต และ ความคิดสร้างสรรค์ สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนในระดับช้ันอ่ืน ๆ ได้ โดยการวิจัย คร้ังน้ีได้ใช้เน้ือหาของสาระกลุ่มสาระการเรยี นรู้ทัศนศิลป์โดยใช้วิธีจัดการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน ได้แก่ ข้ันนา ข้ัน สอน และข้ันสรุปมาใชใ้ นการวิจัยและพัฒนาซง่ึ ส่งผลให้การศึกษาประสทิ ธิผลของหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยงั่ ยืนมีประสิทธิผลตามสมมุติฐานท่ีกาหนดอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยมปี จั จยั เสริมท่ีสาคญั ๆ ดังนี้ การจัดการเรียนรู้ของครูไทยอันประกอบด้วยข้ันตอนการจัดการเรียนรู้ที่สาคัญ 3 ขั้นตอน ได้แก่ ขนั้ นา ขั้นสอน และขัน้ สรุป ที่ผ้วู ิจยั นามาใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนเป็นการผสมผสานวิธที ี่ใช้กิจกรรมการ เรียนรู้แบบ Active Learning การเรียนรู้สร้างสรรค์นวัตกรรม การเรียนรู้ออนไลน์ และการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพ่ือพัฒนาทักษะแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน ที่ส่งผลให้นักเรียนได้เรียนรู้เร่ืองการจัด น้าหนักอ่อนแก่ให้ได้ใกล้เคียงกับน้าหนักของแสงที่ตกกระทบผิววัตถุเป็นการสร้างเงาในภาพ เพราะความ แตกต่างของน้าหนักทาให้เกิดความรู้สึกท่ีต่างกัน ทาให้ดูมีความลึกมีระยะใกล้ไกลและดูมีปริมาตร เปลี่ยนค่า ของรูปร่างท่ีมีเพียง 2 มิติให้เป็น 3 มิติ ทาให้รูปร่างที่มีเพียงความกว้าง-ยาวเปลี่ยนค่าเป็นรูปทรงมีความตื้น ลึกหนา บางเกิดขึ้น ซ่ึงเป็นเทคนิคในการสร้างภาพลวงตา เช่น น้าหนักสีที่อ่อนให้ความรู้สึกเบา น้าหนักสีท่ี แก่ทาให้ดูแล้วรู้สึกหนัก นอกจากนี้ยังทาให้เกิดระยะใกล้-ไกล ในการมองเห็น ตลอดจนความรู้สึกด้านความ งามในทางศิลปะ (จักรี โสสะ. 2555; กชกร บุญศรี. 2 5 5 6 ; วิเชียร บุญช่วยสุข. 2558) สอดคล้องกับ ผลการศึกษาของครรชิต มนูญผล (2560 ตุลาคม 24) ที่พบว่า ห้องเรียน \"ศาสตร์พระราชา\" ต้อง เปล่ียนแปลงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู โดยนาหลัก \"ศาสตร์พระราชา\" หรือ Active Learning มาใช้ อย่างจริงจังทุกครั้งทุกวิชาที่ทาการสอน ดังน้ี 1. เน้นใหเ้ ด็กพ่ึงตนเองตั้งแต่เร่มิ คิด วางแผน ลงมือทา มุ่งมั่นทา ด้วยตนเอง ไม่ต้อนรอคาส่ัง ไม่ต้องรอให้ใครมาป้อนให้ทา 2. กิจกรรมการเรียนรู้ใด ๆ ต้องมีความเหมาะสม กับสภาพ บริบทของตนเอง คานึงถึงสภาพความเป็นอยู่ ชีวิตจริง สังคมจริงเป็นสาคัญ ไม่นาวิธีการจากสังคม ซ่ึงแตกตา่ งกนั มาใช้ 3. ข้ันตอนของกิจกรรมการเรียนรู้ ส่ืออุปกรณ์ใด ๆ ที่นามาใช้เน้นที่สามารถทาเองได้ หา ได้ในท้องถิ่น และประยุกต์ใช้ส่ิงท่ีมีอยู่มาแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องลงทุนสูง เน้นความเรียบง่าย ประหยัด ค่าใช้จ่าย 4. กิจกรรมการเรียนรู้ต้องมีข้ันตอนท่ีชัดเจนสามารถตรวจสอบได้ 5. การปฏิบัติกิจกรรมการ เรียนรู้ต้องเน้นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก 6. เน้นการมีส่วนร่วม ไม่ติดตารา เช่นเดียวกับท่ีประยุทธ์ จันทร์ โอชา (มิถุนายน 9, 2560) ได้กล่าวถึงศาสตร์พระราชาว่าเป็นศาสตร์ท่ีปวงชนชาวไทยทุกคนได้น้อมนาไป ประยุกต์ใช้ เป็น “เข็มทิศนาทาง” สาหรับเป็นแนวทางในการทางานร่วมกันท้ังในปัจจุบัน และใน อนาคต โดยเฉพาะในช่วงของประเทศไทย ในการเปล่ียนผ่านทุกวันนี้ ควรถือเป็นภาระหน้าที่ท่ีจะต้องใช้ ปัญญา ความรู้ ความสามารถของตน รับใช้สังคมและพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่าท่ีจะทา ได้ ผลการเปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างคา่ เฉลย่ี คะแนนหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพอ่ื การพัฒนาที่ย่ังยืน พบว่า ค่าเฉล่ียของคะแนนการแรเงา โดยภาพรวมของกลุ่มตัวอย่างหลังการเรียนสูงกว่า ก่อนการเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 ซ่ึงเป็นไปตามสมมติฐานท่ีกาหนด ทั้งน้ีเน่ืองจาก กิจกรรมที่หลากหลายในการจัดการเรียนรู้ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการแรเงาท่ีสูงข้ึน สอดคล้องกับ ผลการวิจัยของวุทธิศักดิ์ โภชนุกูล (2556) พบว่า รูปแบบการเรียนรู้ท่ีอยู่บนความแตกต่างระหว่างผู้เรียน
16 ซึ่งแต่ละบุคคลรวมถึงระยะเวลาโอกาสและสถานท่ีผู้เรียนสามารถแสวงหาความรใู้ นเรื่องที่สนใจไดอ้ ย่างอิสระ โดยผู้สอนได้แนะนารายละเอียดและเตรียมอุปกรณ์ในการเรียนไว้อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นลักษณะของ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ศตวรรษที่ 21 ดังที่ วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล (2558: 6-7) ได้กล่าวว่า การจัดการศึกษาเพ่ือการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการศึกษาท่ีมุ่งพัฒนาจิตสานึกความเป็นพลโลก มุ่งเน้นให้ผู้เรียน แนวคิดท่ีดีต่อการอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติ ความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยน การพ่ึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน มี ความสามารถในการคิดและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สามารถทางานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้ความร่วมมือ และการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือความเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคมซ่ึงทาให้เกิดสันติสุขของโลก เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ (Knowledge worker) ที่มีลักษณะแสวงหาความรู้อยู่เสมอ รู้เท่าทันสถานการณ์ การเปล่ียนแปลงของโลก เพ่ือให้สามารถปรับตัวได้ดี ต้องใช้กระบวนการมีส่วนร่วมเพ่ือนาไปสู่การพัฒนาที่ ยั่งยืนเป็นการพัฒนาทักษะผู้เรียนให้มีความชานาญหรือความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นการใช้ กระบวนการคิดสร้างสรรค์ โดยใช้จินตนาการและการถ่ายทอด ใช้ทักษะในการสร้างส่ิงที่มีเอกลักษณ์ของตน จนทาให้เกิดสิง่ ใหม่หรือนวัตกรรม มอี งค์ประกอบ 3 ประการ คอื การคดิ สร้างสรรค์ การทางานร่วมกับบุคคล อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกิดความสาเร็จ ซ่ึงการพัฒนาทักษะการแรเงา: ศาสตร์ พระราชาเพ่ือการพฒั นาท่ีย่ังยนื เป็นการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเพ่อื เสรมิ สร้างความสามารถในการสร้าง นวตั กรรมให้กบั ผ้เู รียนด้วยการเสริมสร้างประสบการณ์ท่ผี ูเ้ รียนยังมไี ม่มากพอด้วยการมอบหมายงานให้ผู้เรยี น ไดล้ งมอื ปฏิบตั ิ เช่น การแสวงหาข้อมูลความรู้เพื่อนามาแก้ปัญหา การแลกเปล่ียนความคิดเห็นเก่ยี วกับการนา ศาสตร์พระราชามาใช้ในชีวติ ประจาวัน การฝึกทักษะการคิดนอกกรอบเพื่อฝึกให้ผเู้ รียนได้รับประสบการณ์ท่ี มีความหมายอันเป็นกิจกรรมที่เอื้อต่อการส่งเสริมให้นักเรียนมีความมั่นใจและมีอิสระในการแสดงออก มีอิสระในการสร้างจินตนาการ เม่ือผู้เรียนได้ฝึกทากิจกรรมบ่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งจึงส่งผลให้ค่าเฉลี่ยคะแนน ทักษะการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืนของ ผู้เรียนกลุ่มตัวอย่างหลังการทดลองสูงขึ้นอย่าง มีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ่รี ะดับ 0.05 ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการนาหลักสตู รไปใช้ 1.1 หลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒ นาที่ยั่งยืน สาห รับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ใช้เพ่ือพัฒนาทักษะการแรเงา กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ไปทดลองใช้ กับนักเรยี นกลุม่ ตวั อยา่ ง ผลการทดลอง พบว่า มปี ระสทิ ธิผล หากผู้สอนจะนาหลกั สตู รนไ้ี ปใชใ้ นกลุ่มสาระ การเรียนรู้อน่ื หรอื กลมุ่ ตัวอย่างอนื่ ๆ กค็ วรปรบั เนอ้ื หาสาระใหเ้ หมาะกับระดับชั้น และสถานการณ์ 1.2 การจัดสภาพแวดล้อม และบรรยากาศการเรียนรู้ในขณะดาเนินการสอนตามหลักสูตร การแรเงา: ศาสตรพ์ ระราชาเพ่อื การพฒั นาที่ย่ังยนื ผู้สอนควรสรา้ งบรรยากาศแห่งความเป็นกลั ยาณมติ ร ให้ความสาคญั กบั นกั เรียนทุกคน ส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนไดค้ ดิ อยา่ งอิสระ ยอมรับความคิดท่แี ตกต่าง และให้ การเสริมแรงทางบวกเพอ่ื ใหน้ กั เรียนมคี วามกระหายใครร่ ู้ และมคี วามม่นั ใจในตนเอง 2. ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั ครั้งต่อไป 2.1 การวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาท่ีย่ังยืนคร้ังน้ี เป็น ความจาเป็นอันดับแรกเนื่องจากนักเรียนในระดับนี้ควรได้รับการพัฒนาทักษะการแรเงา หากได้มีการส่งเสริม ให้นาไปใช้ในระดับอื่น ๆ ท้ังการศึกษาในระบบ และนอกระบบจะช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพ ทางทักษะการแรเงาท่ีสูงขึ้น จึงควรมีการวิจัยเพ่ือพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนา ท่ยี งั่ ยนื สาหรับกลุ่มตวั อยา่ งอืน่ ๆ ตอ่ ไป 2.2 ผลการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ย่ังยืนครั้งน้ีใช้
17 ได้ผลกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ซ่ึงสามารถใช้เป็นแนวทางของการวิจัยและพัฒนา หลกั สตู ร รูปแบบการจัดการเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาทกั ษะการแรเงาได้ท้งั สองมติ ิ 2.3 ผลจากการวิจัยคร้ังนี้ พบว่า การพัฒนาหลักสูตรการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนา ทยี่ ่ังยนื ยังมจี านวนน้อย ดงั นนั้ จึงควรส่งเสรมิ ใหม้ กี ารวิจัยเพอ่ื พัฒนาหลกั สตู รการแรเงา: ศาสตร์พระราชาเพื่อ การพฒั นาทย่ี ัง่ ยนื ใหม้ ากข้นึ ในทุกระดบั 2.13 บรรณานุกรม กชกร บญุ ศร.ี ( 2 5 5 6 กุ ม ภ า พั น ธ์ , 1 9 ) . เทคนคิ การแรเงา. สืบคน้ เม่อื 19 กันยายน 2560 จาก http://kotchakorn2556.blogspot.com กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2554 มถิ ุนายน 15). พระราชดาริด้านการศกึ ษาของรัชกาลที่ 9. สืบคน้ เมอ่ื 27 พฤศจกิ ายน 2559. จาก http://www.moe.go.th/5DEC/index.php ครรชิต มนญู ผล. (2560 ตุลาคม 11-24). จดหมายถึงนายกรัฐมนตรี ฉบบั ท่ี 115-1166. จาก https://www.facebook.com/kanchit.manoonphol จกั รี โสสะ. (2555). ผลการใชว้ ธิ สี อนตามแนวคดิ การสแกฟโฟลด์ งิ รว่ มกบั ชุดฝกึ ทม่ี ตี อ่ ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี น ทกั ษะการวาดและการแรเงา ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1. ปรญิ ญาครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชา หลักสตู รและการสอน ปกรณ์ ประจญั บาน. (2557 กรกฎาคม, 18). โปรแกรมการวิเคราะห์ทางสถติ ิ. สืบคน้ เม่อื 19 กนั ยายน 2560 จาก https://www.spm38.go.th/home/index.php/news/526-13.html ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา. (มิถุนายน 9, 2560). “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างย่ังยืน” สถานโี ทรทัศนร์ วมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ยูเนสโก. (2549). ยูเนสโกกับการศึกษาเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน. ข่าวสานักงานคณะผู้แทนถาวรไทย ประจายแู นสโก. (13 มิถนุ ายน 2549) วชิ ัย วงษใ์ หญ่ และมารุต พฒั ผล. (2556 มิถุนายน 17). ปรบั พืน้ ฐานกระบวนทัศน์ การพัฒนา หลกั สตู รและการเรียนร.ู้ (Powerpoint) ปริญญาเอกสาขาการวจิ ยั และพัฒนาหลักสูตร มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ. วเิ ชียร บญุ ช่วยสขุ . (2558). เทคนิคการแรเงา. สบื คน้ เมือ่ 19 กนั ยายน 2560 จาก http://boonwi2515.blogspot.com/p/blog-page_5.html สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี. (2554). พระมหากษัตริย์นักพฒั นาเพอื่ ประโยชน์ สุขสปู่ วงประชา. การรับรองผลงานและจริยธรรมการวจิ ัย ข้าพเจ้าขอรับรองว่าผลงานวิจัยท่ีส่งเข้าร่วมคัดเลือกเพื่อนาเสนอในการจัดประชุมทางวิชาการ การวิจัยทางการศกึ ษาระดับชาติ ครงั้ ที่ 16 เป็นผลงานวจิ ัยท่ีดาเนินการด้วยตนเอง โดยไม่ได้คัดลอกหรือ ดดั แปลงมาจากผลงานวิจัยของผูอ้ ่นื ไม่มกี ารละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ และไม่ละเมดิ จริยธรรมทางวิชาการใดๆ ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวจริยา ทองหอม) ผู้ส่งผลงานวจิ ยั
18 ภาคผนวก
19
20
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: