Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้สู่สมรรถนะผู้เรียน

การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้สู่สมรรถนะผู้เรียน

Published by jt2554, 2021-11-30 09:59:29

Description: การประชุมสัมมนาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/ 2564 โดย ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ.

Keywords: การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้สู่สมรรถนะผู้เรียน

Search

Read the Text Version

การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ ไ ป สู่ ส ม ร ร ถ น ะ ผู้ เ รี ย น ก า ร ป ร ะ ชุ ม สั ม ม น า ผู้ อา น ว ย ก า ร สา นั ก ง า น เ ข ต พ้ื น ที่ ก า ร ศึ ก ษ า ท่ั ว ป ร ะ เ ท ศ ค รั้ ง ท่ี 1 / 2 5 6 4 วั น ท่ี 1 1 พ ฤ ศ จิ ก า ย น 2 5 6 4 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ.

ภาพ 01 นโยบายและจุดเนน้ กับการขับเคลื่อน สะทอ้ น คณุ ภาพการศกึ ษา 02 ตัวอยา่ ง ผลงานเด่น รร.วทิ ยาศาสตร์จฬุ าภรณราชวทิ ยาลัย 03 ตวั อย่าง พน้ื ทนี่ วัตกรรมการศึกษา : จชต. 04 หลกั สูตรสู่การพัฒนาสมรรถนะผู้เรยี น 05 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 Ketthip

06 การขบั เคลื่อน การจัดการเรียนการสอน Active Learning 07 ภาพสะทอ้ น ACTIVE LEARNING & PLC : จชต. 08 (รา่ ง) หลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ..... (หลกั สูตรฐานสมรรถนะ) 09 การเชือ่ มโยงสมรรถนะ 10 สมรรถนะที่ครูมี Ketthip

11 การจัดการเรยี นรู้ ในสถานการณ์โควดิ -19 12 การบรู ณาการตวั ชีว้ ัดเป็นหน่วยการเรยี นรู้ รร.บ้านคาโต จ.ปัตตานี 13 การบรู ณาการคละชนั้ เรยี น บางรายวิชา +DLTV วชิ าหลัก รร.บา้ นแม่พรา้ ว 14 การจัดการเรยี นการสอนแนวทาง มอนเตสเซอร่สี าหรบั เด็กปฐมวยั รร.อบุ ลวิทยาคมและรร.มูลนิธวิ ดั ศรีอุบลรัตนารามฯ 15 “โรงเรยี นเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ” ดว้ ยนวตั กรรม จติ ศึกษา PBL และ PLC รร.บ้านกระถุน Ketthip

01 นโยบายและจุดเน้นกบั การขับเคลอ่ื นคุณภาพการศกึ ษา Ketthip





ภาพ 02 ตวั อยา่ ง ผลงานเด่น สะท้อน รร.วิทยาศาสตร์จฬุ าภรณราชวิทยาลยั 03 ตัวอยา่ ง พื้นทนี่ วตั กรรมการศึกษา : จชต. Ketthip

Ketthip 33

Ketthip

04 หลกั สูตร สู่การพฒั นาสมรรถนะผเู้ รียน Ketthip

เหตผุ ลและความจาเป็น สภาพปัจจบุ นั Education Issues ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี นโยบายของคณะรัฐมนตรี เติบโตเชงิ คุณภาพสูเ่ ปา้ หมาย SDGs โลกในศตวรรษที่ 21 : VUCA World Personalized ประเทศไทย 4.0 V ความผนั ผวน บัณฑิตพันธใุ์ หม่ ❑ หลักสูตร U ความไม่แน่นอน ❑ เรียนตามความสนใจ ม่นั คง สมรรถนะทงั ระบบ C ความซับซ้อน ❑ เรียนรูต้ ลอดชวี ติ - สรา้ งสมรรถนะ ปรับการสอน A ความคลุมเครือ Competency “อย่ดู ี กนิ ดี มีความสขุ ” เครือข่ายเช่ือมโยง เพอ่ื พฒั นาทักษะและอาชีพ ทุกภาคสว่ น แผนปฏริ ูป ❑ เน้นสมรรถนะ พฤติกรรม ม่ังคง่ั ❑ครู- ประเมนิ พฤตกิ รรม ลดการทอ่ งจา ประเทศ ❑ เน้นการทางานได้จรงิ - ผลิตและพฒั นาครสู มรรถนะสูง ฉบับปรับปรุง “คนดี เกง่ เศรษฐกิจโต” แพลตฟอร์มดิจิทลั - ลดงานฝาก ลดเอกสาร คนื ครู Education for All เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง เพื่อพัฒนาทกั ษะและอาชพี Ketthip ย่งั ยืน ❑ ลดความเหลอ่ื มลา ❑ เครือ่ งมอื ❑ ลดกฎ/ กระจายอานาจ “ชมุ ชน ส่ิงแวดลอ้ ม” ปริญญาชมุ ชน - นวตั กรรม ห้องเรยี น โรงเรียน ตามบริบทพนื ที่ - ข้อมูล ตารา สารสนเทศ สอ่ื สรา้ งสรรค์ ❑ แนะแนว หลกั ประกัน - วดั แววความชอบ ความถนดั การศึกษา/ งาน - ตังเปา้ หมายชีวิต การงาน การเรยี นรู้ ❑ การบรหิ าร - การกระจายอานาจ พัฒนาศกั ยภาพ - สรา้ งความสอดคลอ้ งทุกระดับ สือ่ สาร สรา้ งการมีสว่ นรว่ มทกุ ภาคสว่ น ผปู้ ระกอบการ ผู้ปกครอง ผเู้ รียน ผสู้ อน ผ้บู รหิ าร ประชาชน ชมุ ชน NGO รัฐบาล นานาชาติ

Ketthip



การพฒั นาการจดั การเรยี นการสอนส่กู ารเรียนรู้ฐาน สมรรถนะ เพือ่ ตอบสนองการเปลย่ี นแปลงในศตวรรษท่ี 21 ผูเ้ รียน ครอู าจารย์ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาและ ผู้บรหิ ารการศกึ ษา ทุกระดับเปน็ ผู้มคี วามรู้ ทักษะและ มีสมรรถนะด้านการจัดการ ใฝ่เรียนรู้ มีทกั ษะในการดารงชวี ติ เรียนรู้ประกอบด้วย มีสมรรถนะในการบริหารงานวิชาการและการ ในโลกยุคใหม่ การออกแบบการเรยี นรู้ นิเทศการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วยด้าน รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม การจดั การกจิ กรรมการเรยี นรู้ หลักสูตรการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และสื่อ และโลกเป็นพลเมอื งท่ีตน่ื รู้ มคี วาม มจี ติ วทิ ยาการเรียนรู้ สื่อและ เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้การวัดและประเมินผล รับผดิ ชอบ และมีจติ สาธารณะ การใชส้ ือ่ เทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ตามสภาพจริงนิเทศการจัดการเรียนรู้ การศึกษา และการเรยี นรู้ มีภาวะผู้นาทางวชิ าการ มจี ติ วิทยาในการส่งเสริม การวัดและประเมินผล และสร้างขวัญก าลังใจในการจัดการเรียนรู้ การเรียนร้ตู ามสภาพจรงิ และมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการร่วมมือกับบุคคล มีความศรัทธาในวชิ าชพี และ หน่วยงานและชุมชนในการส่งเสริม ความเปน็ ครู และสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่ปลอดภัยสาหรับ ผูเ้ รยี น Ketthip

การพฒั นาการจดั การเรียนการสอนสู่การเรยี นรู้ฐานสมรรถนะ เพอ่ื ตอบสนองการเปลยี่ นแปลงในศตวรรษท่ี 21 ผู้เรียน ครอู าจารย์ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาและผบู้ รหิ ารการศึกษา มสี มรรถนะในการบรหิ ารงานวิชาการและ ทกุ ระดับเป็นผมู้ ีความรู้ทักษะและ มีสมรรถนะดา้ นการจดั การ การนเิ ทศการจดั การเรียนรปู้ ระกอบด้วย ใฝ่เรียนรู้มีทักษะในการดารงชวี ติ เรียนรู้ประกอบด้วยการ ด้านหลกั สตู รการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้และ ในโลกยคุ ใหมร่ ู้เท่าทันการ ออกแบบการเรียนรู้การจดั การ สอ่ื เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นรูก้ ารวดั และ เปลี่ยนแปลงของสงั คมและโลก กิจกรรมการเรียนรู้มีจิตวทิ ยา ประเมินผลการเรยี นรู้ตามสภาพจริงนเิ ทศ เป็นพลเมืองทต่ี ืน่ รู้ มีความ การเรยี นรู้สอ่ื และการใช้ส่อื การจดั การเรยี นรู้มภี าวะผนู้ าทางวชิ าการ รบั ผิดชอบและมีจติ สาธารณะ เทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษาและ มจี ิตวทิ ยาในการส่งเสริมและสรา้ งขวญั การเรยี นรู้การวัดและ กาลงั ใจในการจดั การเรยี นรู้และมีมนุษย์ ประเมินผลการเรียนรู้ตาม สัมพันธท์ ดี่ ีในการร่วมมอื กบั บุคคล สภาพจรงิ มคี วามศรัทธาใน หน่วยงานและชมุ ชนในการสง่ เสริมและ วิชาชพี และความเป็นครู สรา้ งระบบนิเวศการเรยี นรทู้ ีป่ ลอดภยั สาหรบั ผู้เรยี น Ketthip

Ketthip

Ketthip

Ketthip

ทฤษฎีการเรียนรู้ ของ บลูม สมรรถนะหลัก ระดับความสามารถ (Core 4 ระดบั Ketthip Competency) สมรรถนะเฉพาะ (Specific Competency)

05 หลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 Ketthip

Ketthip

Ketthip

Ketthip

06 การขบั เคลือ่ น การจดั การเรียนการสอน Active Learning Ketthip

Active Learning : การจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ Active ❑ การจดั การเรยี นรทู้ ผี่ เู้ รยี นตอ้ งศกึ ษา จัดกระทาขอ้ มลู และสร้างความเขา้ ใจในขอ้ มลู หรือความรนู้ นั้ ๆ ให้แกต่ นเอง เพ่ือทาใหส้ ง่ิ ทเ่ี รยี นรู้มคี วามหมายตอ่ ตนเอง อนั จะส่งผลให้สามารถนาความรู้นนั้ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ในการสร้างความ เข้าใจใหแ้ กต่ นเองนนั้ จะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรยี นร้อู ยา่ งตน่ื ตวั ท้งั ทางกาย (Physically Active) สตปิ ัญญา (Intellectually Active) สงั คม (Socially Active) และอารมณ์ (Emotionally Active) (สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา : 2563) ❑ การจดั การเรยี นรูเ้ ชงิ รุก (Active Learning) คือ การเรยี นทเี่ น้นใหผ้ เู้ รียนมีปฏสิ มั พันธก์ บั การเรยี นการสอน กระตนุ้ ให้ผู้เรียนเกดิ กระบวนการคิดขนั้ สูง ด้วยการวิเคราะหแ์ ละประเมนิ คา่ ไมเ่ พียงแต่เปน็ ผูฟ้ ัง ผู้เรียนต้องอ่าน เขยี น ตงั้ คาถาม และถาม อภปิ รายรว่ มกัน ผเู้ รียนลงมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ โดยคานงึ ถึงความรเู้ ดมิ และความตอ้ งการของผุ้เรยี นเปน็ สาคญั ท้งั น้ี ผเู้ รยี นจะถูกเปลยี่ นบทบาทจากผรู้ ับความรู้ไปสกู่ ารมีสว่ นร่วมในการสรา้ งความรู้ (หน่วยศกึ ษานิเทศก์ สพฐ.) ❑ แนวคดิ /กระบวนการจดั การเรียนรทู้ ่เี นน้ ใหผ้ เู้ รยี นเปน็ ผทู้ ี่สรา้ งองคค์ วามร้ไู ดด้ ว้ ยตัวเองจากการเชอื่ มโยงความรู้ เดมิ ผา่ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ เี่ กดิ จากการปฏิบัตจิ รงิ สู่การสรา้ งองคค์ วามรูใ้ หม่ และการเรียนร้เู ป็นไปอยา่ งมี ความหมาย ด้วยกระบวนการเชงิ รกุ ทงั้ ทางกาย (Physically Active) สติปัญญา (Intellectually Active) สังคม (Socially Active) และอารมณ์ (Emotionally Active) Ketthip

Active Learning : การจดั การเรยี นรูเ้ ชิงรกุ Active ❑ กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน และการทา กิจกรรมต่างๆ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพื่อนในชั้นเรียน โดย การเขียน การพูด การฟังและการอ่าน และนามาอภิปรายเพื่อสะท้อนความคิด (ณริ ดา เวชญาลกั ษณ,์ 2562) ❑ กิจกรรมการพูด เชื่อมโยงกับการคิด และการกระทาของนักเรียน ภายใต้การชี้แนะ และสนบั สนุนของครู (วิจารณ์ พานิช, 2564) ❑ กจิ กรรมทผ่ี ูเ้ รียนมีสว่ นร่วมในการเรียน โดยผู้เรียนเป็นผูก้ ระทาและในขณะเดยี วกนั ก็คดิ ในส่งิ ท่ที าดว้ ย (doing things and thinking about what they are doing) ทงั้ อา่ น เขียน อภปิ ราย หรือมสี ่วนรว่ มในการแกป้ ญั หา (Bonwell; & Eison, 1991) Ketthip

The Cone of Learning : พีระมดิ แหง่ การเรยี นรู้ การอา่ น เรยี นร้ไู ด้ 10% จากสงิ่ ท่ี อ่าน Passive การไดฟ้ งั เรยี นรูไ้ ด้ 20% จากการไดฟ้ งั Active การได้เหน็ เรยี นรู้ได้ 30% จากสิง่ ท่ีได้เห็น การชมภาพยนตร์/นทิ รรศการ/ ดูการสาธติ เรยี นรู้ได้ 50% จากส่งิ ท่ไี ดเ้ หน็ ได้ฟงั ไปเหน็ ดว้ ยตา ณ ทีน่ ัน้ ๆ เรยี นรูไ้ ด้ 70% จากสิง่ ทไ่ี ดพ้ ดู คยุ การมสี ว่ นรว่ มในการอภปิ ราย/พดู คยุ เรียนรไู้ ด้ 90% จากส่ิงที่ได้ การแสดงละคร /นาเสนอจาก ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ประสบการณแ์ ละการปฏบิ ตั ิจริง ท่ีมา : Edgar Dale Ketthip

12 ตัวอยา่ ง : แนวทาง / เทคนิค การจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รุก (Active Learning) 1 การเรยี นรแู้ บบแลกเปล่ยี นความคดิ 2 การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ 3 การเรยี นรู้แบบทบทวนโดยผเู้ รยี น (Think-Pair-Share) (Student-led review sessions) (Collaborative Learning Group) 4 5 การเรียนรแู้ บบวเิ คราะหว์ ีดีโอ 6 การเรยี นร้แู บบโตว้ าที การเรยี นรแู้ บบใชเ้ กม (Games) (Analysis or Reactions to Videos) (Student Debates) Ketthip

12 ตวั อยา่ ง : แนวทาง / เทคนิค การจดั การเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) การเรียนรู้แบบผเู้ รยี นสรา้ งแบบทดสอบ 7 8 9(Student generate exam questions) การเรยี นรู้แบบกระบวนการวิจยั การเรียนร้กู รณศี กึ ษา (Mini-Research Proposals or Project) (Analyze case Studies) 10 การเรียนรู้แบบการเขียนบันทกึ 11 การเรยี นรู้แบบการเขยี นจดหมายขา่ ว 12การเรยี นรแู้ บบแผนผงั ความคิด (Keeping Journals or logs) (Writing and Produce a newsletter) (Concept Mapping) Ketthip

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ AL ของโรงเรียนในสังกัด สพฐ. แลกเปลย่ี นความคิด มกี ระบวนการ คดิ วิเคราะห์ 28,820 แบ่งกลมุ่ เล็ก กล่มุ ใหญ่ โดยใชก้ ระบวนการวจิ ัย มีทักษะการปฏบิ ตั ิ โรงเรยี น การทดลองการศกึ ษาจากแหล่งเรียนรู้ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ มคี วามสขุ กระบวนการสอนแบบ 5E กับผู้เรยี น ในการเรยี น Active Learning การเรยี นรู้ STEM ศึกษา ใช้เกมเป็นฐาน ปงี บประมาณ 2564 ใช้แผนผังความคิด ท่ีมา : สตผ.สพฐ. 30 กันยายน 2564 โครงงานเป็นฐาน (PBL) การตัง้ คาถาม เนน้ ทักษะกระบวนการคดิ สรา้ งความรไู้ ด้ สนใจเรียน ทางานร่วมกัน ด้วยตนเอง มากขึน้ ได้ดี เน้นประสบการณ์ ฯลฯ Ketthip



https://forms. gle/N3biYEjXT TEfzfoY9

07 ภาพสะทอ้ น ACTIVE LEARNING & PLC : จชต. Ketthip

https://www.matichon.co.th/ columnists/news_438460 https://www.nationtv.tv/news/378585132 Ketthip

https://www.obec.go.th/archives/160850 Ketthip

08 (รา่ ง) หลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ..... (หลกั สูตรฐานสมรรถนะ) Ketthip

Ketthip

265 โรงเรียน Ketthip

สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ความสาคญั ของสาระ การเรยี นรภู้ าษาไทย ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาติ ของ สาระการเรียนรู้ จดุ เนน้ การพัฒนา Ketthip

การนาไปใช้ ในชีวิตจริง การบูรณาการ กบั สาระการเรยี นรู้ ต่างๆ • คณิตศาสตร์ • ภาษาอังกฤษ • ศิลปะ • สุขศึกษาและพลศกึ ษา • สงั คมศึกษา ประวัติศาสตร์ หนา้ ท่พี ลเมอื ง และศีลธรรม • วทิ ยาศาสตร์และ ระบบธรรมชาติ Ketthip

(รา่ ง) กรอบหลกั สูตรการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช …. สมรรถนะผูเ้ รียน Ketthip (อยู่ระหว่างการดาเนนิ การพัฒนา) สามารถอ่านไดจ้ าก https://cbethailand.com/

1. การจดั การตนเอง สมรรถนะหลกั 6 ด้าน 3. การส่ือสาร การรจู้ กั รกั เห็นคณุ ค่าในตนเองและผอู้ น่ื การพัฒนา 2. การคิดข้นั สงู มีความสามารถรบั รู้ รบั ฟงั ตคี วาม และส่งสารดว้ ยภาษา ปัญญาภายในตั้งเป้าหมายในชวี ติ และกากบั ตนเอง ตา่ ง ๆ ท้ังวจั นภาษาและอวจั นภาษา โดยใชก้ ระบวนการ สามารถคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และตดั สินใจ คิด ซง่ึ จะนาไปสกู่ ารเรยี นรู้ ความเขา้ ใจ ในระบบคุณคา่ ในการเรียนร้แู ละใชช้ ีวิต การจัดการอารมณ์และ อยา่ งมีวจิ ารญาณบนหลักเหตผุ ลอยา่ งรอบด้าน โดยใช้ การแกป้ ัญหารว่ มกนั ผ่านกลวธิ ีการส่อื สาร อยา่ งฉลาดรู้ ความเครียด รวมถึงการจดั การปญั หาและภาวะวิกฤต สรา้ งสรรค์ มีพลงั โดยคานงึ ถึงความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม สามารถฟนื้ คืนสู่สภาวะสมดลุ (Resilience) เพือ่ ไปสู่ คุณธรรมกากับการตัดสนิ ใจไดอ้ ยา่ ง ความสาเร็จของเปา้ หมายในชีวติ มสี ุขภาวะท่ดี ีและมี มีวิจารณญาณ มีความสามารถคดิ อยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล สมั พันธภาพกบั ผู้อื่นไดด้ ี ด้วยความเข้าใจถงึ ความเช่ือมโยงของ สรรพสิ่งทอ่ี ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งเป็นระบบ ใช้จนิ ตนาการและ ความรู้สร้างทางเลือกใหม่ เพือ่ แก้ปัญหา ที่ซบั ซ้อนได้อย่างมีเป้าหมาย 4. การรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี 5. การเป็นพลเมอื งทเ่ี ขม้ แขง็ 6. การอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งยง่ั ยนื สามารถจดั ระบบและกระบวนการทางาน กจิ การ และการ การปฏบิ ตั ติ นอยา่ งรับผิดชอบในฐานะพลเมอื งไทยและ ประกอบการใด ๆ ทัง้ ของตนเอง และร่วมกบั ผอู้ นื่ โดย พลโลก ร้เู คารพสิทธเิ สรภี าพของตนเองและผอู้ ื่น เคารพใน มคี วามเข้าใจพ้ืนฐานเก่ียวกับปรากฏการณข์ องโลกและ เอกภพและความสมั พันธ์ของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ใช้การรวมพลังทางานเปน็ ทมี กฎกติกาและกฎหมาย มสี ่วนรว่ มทางสงั คมอยา่ งมี มแี ผน ขัน้ ตอน ใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ตามเป้าหมาย วจิ ารณญาณ อยรู่ ่วมกับผ้อู ื่นท่ามกลาง และธรรมชาติ ในชวี ิตประจาวนั มีภาวะผู้นา มีความโปรง่ ใสตรวจสอบได้ มีการประสาน ใช้และรู้เทา่ ทนั วทิ ยาการเทคโนโลยี มีความอยากรู้ ความหลากหลาย เห็นคุณค่าของศกั ด์ศิ รีความเปน็ มนุษย์ อยากเห็น ช่างสงั เกต เหน็ คุณค่า สามารถแก้ปัญหา ความคดิ เห็นที่แตกตา่ งสกู่ ารตดั สนิ ใจ มบี ทบาทในการตัดสนิ ใจและสรา้ งการเปล่ยี นแปลงทาง และแกป้ ญั หาเปน็ ทมี อย่างรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั สงั คม โดยยึดม่ันในความเท่าเทยี มเปน็ ธรรม ค่านิยม หรอื สร้างสรรคน์ วัตกรรมได้ สรา้ งความสมั พนั ธ์ท่ดี ีและจัดการความขดั แย้งภายใต้ เพ่ือการดารงชีวติ และอยู่รว่ มกบั ธรรมชาติ ประชาธปิ ไตย และสันติวธิ ี Ketthip สถานการณท์ ี่ยุ่งยาก อย่างยง่ั ยืน

ตวั อยา่ ง Ketthip

2. ระดับสมรรถนะการคิดข้ันสูง Ketthip ระดบั การพฒั นา ระดบั ความสามารถ ระดบั คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6 ตังคาถามหรอื ระบปุ ัญหาอยา่ งง่ายจากการสงั เกตสิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั สถานการณ์ หรือปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจาวัน สงั เกต จาแนก สารวจ วางแผน รวบรวมขอ้ มลู 1 หรือทรัพยากร สรปุ ข้อมูล และเสนอแนวทางแก้ปญั หาอย่างงา่ ยได้ สามารถจนิ ตนาการและเสนอความคดิ ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ ตลอดจนสามารถผลิตผลงานอย่างงา่ ย เรม่ิ ต้น โดยอาศยั ต้นแบบ ตงั คาถามหรอื ระบุปัญหาอย่างง่ายจากการสังเกตสิ่งตา่ ง ๆ รอบตัว สถานการณ์ หรอื ปรากฏการณใ์ นชวี ติ ประจาวนั สงั เกต จาแนก หรอื ระบความสมั พนั ธ์ของสง่ิ ที่ เก่ียวข้องกบั ปรากฏการณห์ รือสถานการณน์ ัน ๆ ได้ สามารถสารวจ วางแผน รวบรวมข้อมลู หรือทรพั ยากร สรุปขอ้ มลู และเสนอแนวทางแก้ปญั หาอย่างง่ายได้ กาลัง 2 พร้อมแสดงเหตผุ ลและประเมินความเหมาะสมของคาตอบ สามารถจนิ ตนาการและเสนอความคิดได้อย่างคล่องแคลว่ หลายประเภทและหลายทิศทาง ตลอดจน พัฒนา สามารถผลติ ผลงานอย่างงา่ ยโดยอาศัยตน้ แบบ ตังคาถามหรือระบปุ ัญหาอย่างงา่ ยจากการสงั เกตสิ่งตา่ ง ๆ รอบตัว สถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ในชีวิตประจาวัน สงั เกต จาแนก หรอื ระบคุ วามสัมพนั ธข์ องส่ิงที่ เก่ยี วข้องกับปรากฏการณ์หรอื สถานการณ์นนั ๆ ได้ สามารถสารวจ วางแผน รวบรวมข้อมูลหรอื ทรัพยากร แปลความหมายขอ้ มูลด้วยหลักฐานเชิงประจกั ษ์ และ 3 สรุปข้อมลู เพือ่ เปรียบเทียบ ประเมิน ตดั สนิ ใจ หรือเสนอแนวทางแกป้ ัญหาอย่างงา่ ยได้ พร้อมแสดงเหตผุ ล โดยคานึงถงึ ความเหมาะสมของการออกแบบวิธีการ สามารถ เรม่ิ ต้น แก้ปญั หา สามารถจินตนาการและเสนอความคิดไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ หลากหลาย โดยใช้ความคดิ ที่แปลกใหม่ทไ่ี มซ่ าใคร ตลอดจนสามารถผลติ ผลงานตาม จินตนาการโดยอาศัยตน้ แบบ ตงั คาถามหรือระบุปัญหาอยา่ งงา่ ยจากการสังเกตสิ่งตา่ ง ๆ รอบตวั สถานการณ์ หรอื ปรากฏการณใ์ นชีวิตประจาวนั โดยละเอียดหรือจากผลท่ีไม่คาดคดิ มาก่อน สามารถวางแผนและดาเนินการสารวจตรวจสอบโดยใช้เครอ่ื งมอื หรอื เทคโนโลยพี ืนฐาน เพ่อื ให้ได้มาซึ่งขอ้ มลู พนื ฐานทใ่ี ช้เป็นหลกั ฐาน เลือกวธิ ีการเก็บรวบรวม 4 ข้อมูล พร้อมทังประเมนิ ความถูกต้องและขอ้ จากัดของข้อมลู วิเคราะห์และจัดลาดบั สาเหตุของปัญหา โดยสามารถรวบรวมปัจจยั อนื่ ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา เหนอื ความ กาลัง หรอื สถานการณ์ และวิเคราะห์ความสัมพนั ธเ์ ชิงเหตุและผลของปจั จัยตา่ ง ๆ สามารถจนิ ตนาการและเสนอความคดิ ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ หลากหลาย โดยใช้ความคดิ คาดหวงั พัฒนา ที่แปลกใหม่ที่ไม่ซาใคร หรือพัฒนาตอ่ ยอดจากของเดิม พรอ้ มแสดงการแปลความหมายขอ้ มลู และหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ตงั คาถามหรือระบุปญั หาทซ่ี บั ซอ้ น จากการสังเกตส่งิ ตา่ ง ๆ สถานการณ์ หรอื ปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจาวนั โดยละเอยี ด สามารถวางแผนและดาเนินการสารวจ ตรวจสอบโดยใชเ้ ครอื่ งมอื หรอื เทคโนโลยพี นื ฐาน เพ่อื ให้ได้มาซ่งึ ข้อมูลพนื ฐานท่ีใช้เป็นหลกั ฐาน เลือกวธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช้เครือ่ งมอื 5 ตา่ ง ๆ เพ่อื สรา้ งข้อสรุปท่แี มน่ ยาและน่าเช่อื ถอื สามารถพฒั นาชนิ งานหรอื วธิ กี าร โดยใชค้ วามคิดท่แี ปลกใหม่ ท่ไี มซ่ าใคร หรอื พฒั นาต่อยอดจากของเดิม ระบุ สามารถ เรม่ิ ตน้ แบบแผนของพฤตกิ รรมและองค์รวมขององคป์ ระกอบต่าง ๆ ในปัญหาหรือสถานการณน์ นั เพอื่ สร้างแบบจาลองอยา่ งง่าย พรอ้ มแสดงการแปลความหมายขอ้ มลู และหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ลงขอ้ สรุปได้อยา่ งถกู ต้อง และนาเสนอและเปรยี บเทยี บข้อสรปุ ท่เี หมือน หรอื แตกตา่ งกบั ขอ้ สรปุ ของตน ตังคาถามหรอื ระบปุ ัญหาหรอื สถานการณท์ ีซ่ บั ซ้อน จากการสังเกตส่ิงต่าง ๆ สถานการณห์ รือปรากฏการณ์ในชีวติ ประจาวนั โดยละเอียด ระบุสาเหตขุ องปัญหา แยกปัญหาเปน็ ปญั หายอ่ ย ๆ สามารถวางแผนและดาเนนิ การการสารวจตรวจสอบโดยใช้เคร่ืองมอื หรือเทคโนโลยเี พอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงขอ้ มลู พนื ฐานท่ีใชเ้ ป็นหลักฐาน เลอื กวิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เปรยี บเทียบแหล่งข้อมลู และข้อเท็จจริงได้ วิเคราะหแ์ นวโน้มของการเปลย่ี นแปลงในปญั หาหรอื สถานการณ์และสร้างแบบจาลอง เหนอื ความ กาลัง 6 เพอ่ื แสดงโครงสร้างของปัญหาหรอื สถานการณ์ได้ พฒั นาชนิ งาน วธิ ีการหรือนวัตกรรม โดยใชค้ วามคดิ ท่ีแปลกใหม่ทไี่ มซ่ าใคร หรอื พัฒนาต่อยอดจากของเดิม คาดหวัง พฒั นา ให้เหมาะสมต่อการใช้งานจรงิ พร้อมแสดงการแปลความหมายขอ้ มูลและหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ลงขอ้ สรปุ ได้อย่างถกู ต้อง นาเสนอข้อสรุปรวมทังเปรยี บเทียบ และประเมินข้อสรปุ ทีแ่ ตกต่างหรอื ตรงกนั ขา้ มกบั ขอ้ สรุปของตน และสามารถปรบั ปรงุ ข้อสรปุ ของตนตามขอ้ มลู และหลกั ฐานใหม่

3. ระดบั สมรรถนะการสือ่ สาร Ketthip ระดับการพัฒนา ระดับความสามารถ ระดบั คาบรรยายระดับ ป.1 - 3 ป.4 - 6 ม.1 - 3 ม.4 - 6 ใช้ประสาทสมั ผัสในการรับและส่งสารอยา่ งตังใจ เขา้ ใจความแตกต่างทางกายภาพท่ีมผี ลต่อการส่ือสาร ใชส้ ่ือ ภาพ เสยี ง คาพดู ทา่ ทาง สัญลักษณ์ใกลต้ วั และ 1 ผลงานอย่างง่าย ๆ ในการสอื่ สารแบบตรงไปตรงมา เริ่มต้น รบั และสง่ สารอย่างตังใจโดยใชป้ ระสาทสัมผัส เขา้ ใจนยั ตรง บอกขอ้ มลู และความรสู้ กึ ทีม่ ีต่อสารในสถานการณใ์ กล้ตัวแบบตรงไปตรงมา โดยเลือกและผลติ สือ่ ท่ี กาลงั 2 เหมาะสมกับบคุ คลผา่ นการเคล่อื นไหว ทา่ ทาง เสียง ภาษา ภาพ สัญลกั ษณ์ และผลงานแบบง่าย ๆ พรอ้ มทังคานงึ ถงึ ประโยชน์และโทษของการสอ่ื สารทม่ี ี พฒั นา ผลกระทบต่อตนเอง รบั และสง่ สารท่ีเปน็ ข้อมูล ข้อเท็จจริง และความรู้สกึ ทมี่ รี ายละเอียดมากขนึ ในสถานการณ์ใกลต้ ัว มีความอดทนในการรับสารแลกเปล่ียนประสบการณแ์ ละส่ือสาร โดย 3 ตระหนักถึงความแตกต่างระหวา่ งตนเองกับบคุ คลใกล้ตัว คานึงถงึ ประโยชนแ์ ละโทษของสื่อท่มี ีต่อตนเอง สามารถสอ่ื สารเรอื่ งราวใกล้ตัวทงั ทีเ่ ปน็ ภาษา ภาพ เสียง สามารถ เรม่ิ ต้น สัญลักษณ์ ทา่ ทาง การแสดงออกทางศิลปะอยา่ งงา่ ย โดยเลือกและผลิตส่ือให้เหมาะกบั บุคคล และกาลเทศะ รบั และสง่ สารทเี่ กย่ี วข้องกับสถานการณท์ ใ่ี กลต้ ัว จับประเดน็ สาคญั หรอื วัตถุประสงค์ของผสู้ ง่ สารได้ อธบิ ายความรู้สึกทเ่ี กดิ ขนึ จากการรบั สารประเภทต่าง ๆ ท่ีมี 4 ความซบั ซอ้ นมากขนึ มีความอดทนในการรบั และส่งสาร ใช้ส่อื ที่มีความหลากหลายขนึ เขา้ ใจผลกระทบของสอ่ื ท่ีมีต่อตนเอง มจี ุดม่งุ หมาย และกลวิธีในการส่อื สาร เหนอื ความ กาลงั และการผลติ สอ่ื เพอ่ื สอื่ สาระท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม คาดหวงั พัฒนา รับและส่งสารท่เี ก่ยี วข้องกบั สถานการณใ์ นชมุ ชน สงั คม อยา่ งมีสติ จบั ประเดน็ สาคัญ ขอ้ คดิ ทังเชงิ บวกและลบทไี่ ดร้ ับตามวัตถปุ ระสงคข์ องผสู้ ่งสาร แลกเปลยี่ น 5 ประสบการณ์อย่างมีสติกบั บุคคลทหี่ ลากหลายขึน ในสถานการณท์ ี่มีความซับซอ้ น ทงั โลกจริงและโลกเสมือน มมี ารยาทและจริยธรรมในการสื่อสาร เลอื กใชก้ ลวธิ ี สามารถ เรมิ่ ตน้ ในการผลิตส่ือและส่อื สารทเ่ี หมาะสม และเกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและต่อกลุม่ ตามจดุ มุ่งหมายทีก่ าหนดไว้ รบั และสง่ สารผา่ นสื่อที่หลากหลาย โดยปราศจากอคติ สรุปประเด็น ตีความ และประเมินคณุ ค่า ในมิติความจริง (ข้อมูลข่าวสาร) ความดี (แก่นแนวคดิ ) และความงาม 6 (อารมณ์ สนุ ทรยี ะ) แบบง่ายได้ สอื่ สารอยา่ งสร้างสรรค์เพอ่ื การอยรู่ ว่ มกันในสังคม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบของการส่ือสาร รู้ผลกระทบของสือ่ ประเมินคณุ คา่ และ เหนอื ความ กาลัง คาดหวัง พัฒนา จริยธรรมในการสื่อสาร ผ่านสอื่ ประเภทต่าง ๆ มีจุดมุ่งหมายในการส่ือสาร การผลิตส่อื และออกแบบการส่อื สาร เพ่ือให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ตอ่ กลมุ่ และต่อสงั คม รบั และสง่ สารผา่ นส่ือท่ีหลากหลาย โดยปราศจากอคติ สรปุ ประเดน็ ตคี วาม วิเคราะห์ และประเมนิ คณุ ค่า ในมิติความจรงิ ความดี ความงาม ที่มคี วามซับซอ้ นมาก 7 ขึน และเขา้ ใจกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการสื่อสาร สามารถออกแบบการสือ่ สารท่ีซับซอ้ นไดอ้ ยา่ งมีศลิ ปะ และสรา้ งสรรคใ์ นการสอื่ สารมากขึน โดยคานึงถึง สามารถ เรม่ิ ต้น ประโยชนท์ งั ต่อตนเอง กลุม่ และสังคมของตนเอง ตามจุดมงุ่ หมายทีก่ าหนดไว้ รับและสง่ สารท่มี คี วามซบั ซอ้ นผา่ นสอื่ ที่หลากหลาย โดยปราศจากอคติ ตีความ วเิ คราะห์ วิพากษจ์ ดุ เด่น จุดดอ้ ย ประเมินคณุ ค่าของสารท่ีเกิดประโยชน์กับคน หมมู่ าก หรอื ท่ที ดสอบไดว้ า่ เปน็ ประโยชนจ์ รงิ หรือทีเ่ ป็นไปตามอุดมการณ์ สอื่ สารทางบวก ผลิตส่อื ท่ใี ชเ้ ทคโนโลยีการสอ่ื สารท่ซี ับซอ้ นได้ โดยคานงึ ถงึ กฎหมาย เหนอื ความ กาลงั 8 ทเ่ี ก่ยี วข้อง และสามารถออกแบบการสือ่ สารผ่านสอ่ื หลากหลายประเภทได้อย่างเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมายทต่ี อ้ งการ คานงึ ถงึ สิทธแิ ละประโยชนข์ องสว่ นรวม คาดหวงั พัฒนา และมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม 9 รับและสง่ สารทีม่ ีความซบั ซ้อนและมนี ัยแฝงผ่านสื่อท่ีหลากหลาย โดยปราศจากอคติ ตีความ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ จุดเด่น จดุ ดอ้ ย ประเมินคณุ คา่ ของสารนันไดล้ กึ ขนึ มีพฤติกรรมทางกาย วาจาและใจในการสื่อสารกบั บคุ คลที่มีความต่างอย่างเหน็ อกเห็นใจไดอ้ ยา่ งเหมาะสม รู้สกึ ร่วมและเขา้ ใจความรู้สกึ ต่อบคุ คลทม่ี ีความต่างจาก สามารถ ตนเอง มกี ลยุทธใ์ นการผลติ สอื่ และส่อื สารผา่ นสอื่ หลากหลายประเภทได้อยา่ งมีศิลปะและมีพลงั ด้วยความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม (Social Responsibility) รับและสง่ สารผ่านส่อื ทห่ี ลากหลายรปู แบบและมคี วามซบั ซ้อนหรือมนี ัยมากขึน เขา้ ใจ วิเคราะห์ วิพากษ์ และนาสารทไ่ี ด้รบั ไปใชป้ ระโยชน์เพอื่ การพัฒนาตนเอง 10 ชุมชน หรอื สังคมได้ ใชก้ ลยุทธ์ในการผลิตส่อื และสอื่ สารได้อย่างมสี ตแิ ละวจิ ารณญาณ และรู้สึกรว่ มและเขา้ ใจความรู้สึก (Empathy) เหนือความ คาดหวงั เพื่อสร้างความเข้าใจ โดยคานึงถงึ ความแตกต่างในทกุ มติ ิด้วยความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมและการสร้างสงั คมท่พี ฒั นาอยา่ งยง่ั ยืน

4. ระดับสมรรถนะการรวมพลงั ทางานเปน็ ทมี Ketthip ระดับการพฒั นา ระดับความสามารถ ระดับ คาบรรยายระดบั ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6 1 รับรบู้ ทบาทหน้าทีข่ องตนเอง มุ่งมน่ั ทางานและทากจิ กรรมของตนเองและรว่ มกบั ผู้อื่นได้สาเรจ็ ตามข้อตกลง กฎ กติกา และแสดงออกอย่าง เรม่ิ ตน้ เหมาะสมในสถานการณต์ ่าง ๆ ตามคาชีแนะ 2 รู้และรับผิดชอบในบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเอง มคี วามมนั่ ใจในการทางานตามขนั ตอนต่าง ๆ ให้สาเรจ็ ตามคาแนะนา และปฏบิ ตั ิตามกฎ กติกา กาลงั ของทมี เมอ่ื ไดร้ บั การชแี นะเพ่อื สนบั สนุนการทากิจกรรมรว่ มกบั ผอู้ นื่ ใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จ สามารถรบั รคู้ วามรสู้ ึกของผอู้ ื่นและตอบสนองต่อสถานการณ์ พัฒนา ต่าง ๆ ตามคาแนะนา 3 มคี วามรบั ผดิ ชอบและใช้จดุ เดน่ ในการทางานใหส้ าเรจ็ รกั การทางาน เปน็ สมาชกิ ทมี ที่มีสว่ นร่วมในการตดั สนิ ใจ การกาหนดเปา้ หมาย การสรา้ ง สามารถ เริม่ ตน้ ข้อตกลงและการทางานของทีม แสดงออกถงึ ความเข้าใจตอ่ เพอ่ื นในทมี ด้วยความเป็นมิตรตามคาแนะนา 4 เปน็ สมาชกิ ทีมท่รี ับผิดชอบตอ่ บทบาทและงานตามท่ีได้รบั มอบหมาย จัดระบบความคิดก่อนลงมอื ทางานอย่างเปน็ ลาดับขันและปฏิบตั งิ านจนสาเร็จ เหนอื ความ กาลัง รวมทงั การชว่ ยเหลือเพ่ือนในทีม โดยปฏิบัตติ ่อผูอ้ ืน่ อย่างเป็นมิตร คาดหวงั พฒั นา 5 เป็นสมาชกิ ท่ีริเริม่ กาหนดเปา้ หมาย วธิ กี ารทางานทงั ของตนเองและทมี ใชค้ วามคิดสร้างสรรค์ในการวางแผนการทางานอยา่ งเป็นลาดับขัน สามารถ เรม่ิ ต้น และปฏบิ ัตงิ านจนสาเรจ็ วิเคราะหแ์ ละสะท้อนการทางาน แสดงความคดิ เห็นและสนบั สนุนการทางานของสมาชกิ ในทมี ใหบ้ รรลุเป้าหมาย 6 เป็นผนู้ าตนเองมสี ว่ นร่วมในการตัดสนิ ใจและการทางานเพือ่ ให้บรรลุเปา้ หมายของตนเองและทีม จัดระบบความคดิ และการทางาน สะทอ้ นผล เหนอื ความ กาลัง การทางานโดยตระหนักถงึ เปา้ หมายและสมั พันธภาพเชงิ บวกของทมี คาดหวัง พัฒนา เปน็ ผู้นาตนเอง สร้างการมสี ว่ นร่วมในการตัดสินใจและกระบวนการทางาน ตรวจสอบและพัฒนางานร่วมกับผูอ้ ื่นอยา่ งเป็นระบบ มวี ิธกี ารทางาน 7 ทโ่ี ปร่งใสตรวจสอบได้ สร้างสมั พนั ธภาพเชงิ บวก และจัดการความขดั แยง้ ดว้ ยความเขา้ ใจและยอมรบั ความแตกต่าง ความเสมอภาคและเท่าเทยี ม สามารถ เรม่ิ ตน้ กันโดยไม่เลอื กปฏบิ ัติ เห็นคุณคา่ ของทกุ คนในทมี อยา่ งเทา่ เทยี มกนั 8 มีภาวะผู้นา ใชท้ กั ษะการคิดขนั สูง เพอื่ มองเห็นภาพความสาเร็จ ตดั สินใจและทางานอยา่ งมีสว่ นร่วม เพ่ือขับเคล่ือนทมี ให้บรรลุเปา้ หมาย ดว้ ย เหนือความ กาลงั กระบวนการทางานทโ่ี ปรง่ ใส ตรวจสอบได้ อีกทังรักษาสัมพันธภาพเชิงบวกในทีม คาดหวัง พัฒนา 9 มภี าวะผู้นา เสริมสรา้ งความสัมพันธ์ เชงิ บวกและคณุ ค่าของการรวมพลงั ทางานเปน็ ทีม มีความสามารถในการประสานความคิดเห็นทแี่ ตกต่าง และ สามารถ ทางานดว้ ยความโปรง่ ใส ตรวจสอบไดแ้ ละสามารถจดั การความขดั แย้งได้ 10 มีคณุ ลกั ษณะของผูท้ ี่สร้างการเปลย่ี นแปลง สร้างแรงบันดาลใจ เห็นคุณค่าของทกุ คนอย่างเทา่ เทียมกัน สร้างพลวัตรของการทางานเป็นทีม เหนือความ เพอ่ื ขับเคลอ่ื นสูเ่ ปา้ หมายความสาเรจ็ ของงานและของทีม คาดหวัง

5. ระดับสมรรถนะการเป็นพลเมอื งทีเ่ ข้มแข็ง Ketthip ระดับการพัฒนา ระดบั ความสามารถ ป.1-3 ป.4-6 ม.1-3 ม.4-6 ระดับ คาบรรยายระดับ เร่ิมตน้ 1 เข้าใจผลกระทบของการกระทาอะไรท่ีตามใจตนเอง รบั ผิดชอบและปฏิบตั ิตนตามคาแนะนาอย่างเหมาะสม มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมส่วนรวมและแจง้ ผู้เก่ียวข้อง เมื่อพบปญั หาในชนั เรียน กาลัง พฒั นา มีความสามารถในการยบั ยังชัง่ ใจ เคารพสทิ ธิเสรีภาพของผ้อู น่ื รู้จกั ปฏิเสธ ชว่ ยเหลือผูอ้ ืน่ เมอื่ ได้รับการรอ้ งขอ รับผดิ ชอบและปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม 2 ตามบทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมสว่ นรวมต่าง ๆ ที่โรงเรยี นจดั ขนึ หรือครมู อบหมายและแจ้งผเู้ กย่ี วขอ้ งเม่อื พบปัญหาหรอื ความขดั แยง้ ในชนั เรยี น อสิ ระที่จะคิดและแสดงออกท่รี ับผิดชอบและไม่ทาใหผ้ ูอ้ ื่นเดือดร้อน เคารพสิทธเิ สรีภาพของผูอ้ ่นื ช่วยเหลือผอู้ ่ืน รบั ผิดชอบและปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม 3 ตามบทบาทหน้าท่ขี องตนเอง เคารพต่อสถาบันหลกั ของชาติ ตดิ ตามขอ้ มูลข่าวสารท่ีเกยี่ วข้องกบั ตนเอง ครอบครวั เพอื่ นร่วมชนั เรียน มสี ว่ นร่วมในกิจกรรม สามารถ เริ่มต้น สว่ นรวมต่าง ๆ ในระดับชนั เรียนหรือโรงเรยี น แก้ไขปญั หาความขดั แยง้ ในชันเรียนอย่างมีเหตุผล 4 อดทนอดกลันในความคดิ เห็นและการแสดงออกท่แี ตกตา่ ง ยอมรบั ความแตกตา่ งหลากหลาย ชว่ ยเหลือและแบง่ ปันกับผู้อื่น รบั ผดิ ชอบและปฏิบัตติ นอย่าง เหนอื กาลงั เหมาะสมตามบทบาทหน้าทใ่ี นฐานะพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ เคารพต่อสถาบันหลักของชาติ ติดตามและตรวจสอบข้อมูล ความ พัฒนา ข่าวสาร เข้าร่วมกจิ กรรมและร่วมเป็นอาสาสมัครในกจิ กรรมสาธารณะประโยชนร์ ะดบั โรงเรยี นและชุมชน หาทางออกรว่ มกนั กบั ผู้เกย่ี วขอ้ งในการแกป้ ัญหา คาดหวงั หรอื ความขัดแยง้ อยา่ งมีเหตผุ ล รจู้ ักและปกปอ้ งสิทธิเสรีภาพของตนเอง และผอู้ ืน่ ยอมรบั และเคารพความแตกต่างหลากหลาย พยายามที่จะเห็นอกเหน็ ใจ ช่วยเหลอื และแบ่งปนั กบั ผอู้ ่ืน 5 รบั ผดิ ชอบและปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมตามบทบาทหน้าทีใ่ นฐานะพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ เคารพตอ่ สถาบนั หลกั สามารถ เรมิ่ ตน้ ของชาติ ตดิ ตามและตรวจสอบขอ้ มูลข่าวสาร เข้ารว่ มกิจกรรมและร่วมเป็นอาสาสมัครในกจิ กรรมสาธารณะประโยชนร์ ะดบั โรงเรยี นและชมุ ชน หาทางออกร่วมกนั กบั ผู้เก่ียวขอ้ งในการแกป้ ญั หา โดยใชก้ ระบวนการปรึกษาหารือตามวิถปี ระชาธปิ ไตย รูจ้ ักและปกปอ้ งสทิ ธเิ สรภี าพของตนเอง และผู้อ่นื พยายามที่จะเหน็ อกเหน็ ใจและชว่ ยเหลือผูอ้ ่ืน เคารพและปฏบิ ัติตนตามกฎ กติกาทางสงั คม มีความรับผิดชอบ เหนอื ความ 6 ต่อผลการกระทาตามบทบาทหน้าท่ีพลเมอื งประชาธปิ ไตย ติดตามและประเมินความถูกตอ้ งและน่าเชื่อถือของข้อมลู ริเรม่ิ และมสี ่วนรว่ มทางสงั คมในประเด็น คาดหวงั กาลัง ที่สนใจระดับท้องถน่ิ และประเทศ ดว้ ยจติ สาธารณะ กระตือรอื รน้ ในการหาทางออกและรว่ มสรา้ งการเปลี่ยนแปลงรว่ มกนั เกยี่ วกบั ประเด็นปญั หา โดยคานงึ ถึง พฒั นา ความเทา่ เทยี มเปน็ ธรรมดว้ ยสันติวธิ แี ละวถิ ปี ระชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข

6. ระดบั สมรรถนะการอย่รู ว่ มกบั ธรรมชาตแิ ละวิทยาการอย่างย่งั ยนื Ketthip

Ketthip


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook