Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบตวามรู้ เรื่อง การถนอมอาหาร

ใบตวามรู้ เรื่อง การถนอมอาหาร

Published by saputsanun4569, 2018-05-03 00:53:47

Description: ใบความรู้ เรื่อง การถนอมอาหาร

Keywords: การถนอม

Search

Read the Text Version

การถนอมอาหารดว ยวธิ กี ารตา ง ๆ

การถนอมอาหารและการเกบ็ รกั ษา„ ทาํ ไมจงึ ตอ งมีการถนอมอาหาร 1. เพอื่ เกบ็ รกั ษาไวน อกฤดกู าล 2. เพอ่ื กระจายอาหารไปสทู ่ีตางๆ 3. บรรเทาสถานการณท ่ที าํ ใหข าดแคลนอาหาร 4. เพอื่ เกบ็ รกั ษาผลติ ผลทผ่ี ลติ ไดม ากเกนิ กวา ทใี่ ชบ ริโภค 5. เพอ่ื เพมิ่ ความสะดวก 6. เพอ่ื มผี ลิตภณั ฑอ าหารทหี่ ลากหลาย

หลกั การแปรรปู และการถนอมรกั ษาอาหารสาเหตขุ องการเสอ่ื มเสยี ของอาหารแบง เปน 2 แบบใหญ 1. Autolysis สาเหตุ – เอนไซม (enzyme) ในอาหาร Enzyme ในอาหาร ขอ ดี เชน ทําใหเ น้อื สัตวนุม ขอ เสีย เชน ทําใหเ กดิ กล่นิ หนื ทาํ ใหส ีของผกั ผลไมเ ปลย่ี นไป การยบั ยง้ั การทํางานของเอน็ ไซม ลดอณุ หภมู ิ ความรอ น ความเปน กรด-ดา ง

2. การเนา เสยี โดยจุลนิ ทรยี  จลุ ินทรยี ใ นอาหารแบง ออกเปน 3 ประเภทหลกั คือ 2.1 เชอื้ รา (Molds) ลกั ษณะท่ีสําคัญของเชอื้ รา - เสนใยฝอย – ไฮฟ (Hyphae) - ลกั ษณะทม่ี กี งิ่ กา นสานกัน เรยี ก “ไมซเี ลยี ม” สภาวะทเี่ หมาะสมในการเจรญิ เตบิ โต - เจรญิ ไดด ใี นสภาพทมี่ ี ออกซเิ จน - พบมากทีผ่ ิวหนา อาหาร - ไมเ จริญในสภาวะทเี่ ปนดา งหรือกรดเขม ขน - อณุ หภมู ทิ เี่ หมาะสม คอื 30 oC - สามารถผลติ สปอร - ทนความรอ น ไดม ากกวา 100 oC และ ทนความดนั สูง

2.2 ยสี ต (yeast) - สบื พนั ธุ โดยการแตกหนอ - สปอรท นความรอ น นอยกวา แบคทเี รีย - พบในดิน และ ตามผวิ ผลไม - ยสี ต สามารถยอ ยน้าํ ตาลไดน้าํ ตาล คารบ อนไดออกไซด + แอลกอฮอล - สามารถเจรญิ ไดท่ี pH ตาํ่ - ทนสภาวะทม่ี เี กลอื ได

2.3 แบคทเี รยี (Bacteria) - มขี นาดเลก็ ที่สดุ ชนิดหน่ึง - มรี ปู รา งหลายรปู แบบ - Bacilli รปู รา งแทง - Cocci รูปรา งกลม - Spiral รปู รางเกลยี ว - ดดู ซมึ อาหารจากสงิ่ แวดลอ ม – แบง ตัว - เจรญิ เติบโตไดดใี นสภาวะทเ่ี ปน กลาง - บางชนิดทนสภาวะทเี่ ปนกรดได เชน lactobacillus - เจรญิ ในสภาวะทไ่ี มม อี ากาศ – anaerobic bacteria - บางชนิดทนอณุ หภมู สิ งู – bacteria + spore

… แบคทเี รียบางชนิดสราง สารพษิ (toxin) ในอาหาร „ Clostridium Botulinum „ Staphylococcus „ Salmonella… การปอ งกนั การเจริญของ แบคทเี รยี „ Bacteriostatic „ Bacteriocidal

หลกั การถนอมอาหาร1. การทาํ ใหอ าหารปลอดภยั จากเชอื้ จุลนิ ทรียท ีท่ าํ ใหอ าหารเปน พิษ2. ยืดอายกุ ารเกบ็ รกั ษาอาหาร

หลกั การถนอมอาหาร1. การใชค วามรอ น2. การทาํ แหง3. การใชค วามเย็น4. การฉายรงั สี5. การหมกั6. การใชส ารเคมีในการถนอมรกั ษาอาหาร

การใชค วามรอ นในอตุ สาหกรรมอาหาร (Thermal Processing) “การทาํ ใหอ าหารทบ่ี รรจุอยใู นภาชนะปด สนิทไดร ับความรอ น” ผลของความรอ น 1. ทาํ ลายเชอ้ื จลุ นิ ทรียท ใ่ี หโ ทษ 2. ทาํ ลายเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ท ท่ี าํ ใหอ าหารเสีย 3. ทําลายเอ็นไซม, สารพษิ , แมลง, พยาธิความรอ นที่ใชใ นการแปรรูป การลวก (Blanching) การพาสเจอรไ รส (Pasteurization) การสเตอรร ไิ ลส (Sterilization)

การพาสเจอรไ รส (Pasteurization)„ การถนอมอาหารโดยใชค วามรอนทอี่ ุณหภมู ไิ มส งู มาก (ไมเ กนิ 100 oC)„ ทาํ ลายแบคทเี รียทกี่ อ ใหเ กดิ โรคกบั มนุษย„ ทําลายแบคทเี รยี ทไ่ี มส รางสปอร„ ความเปนกรด-ดาง (pH) ของอาหาร มผี ลตอ การเกบ็ รกั ษาขอ เสีย … แบคทเี รยี บางชนิดทนความรอ น ทนอุณหภมู ิ พาสเจอรไ รส มผี ลทาํ ให อาหารเสยี เร็ว -- ตอ งใชความเยน็

„ อณุ หภูมแิ ละเวลาทใี่ ชใ นการพาสเจอรไ รส ตางกันตามชนดิ อาหาร เชน นา้ํ ผลไม (pH < 4.5) อณุ หภมู พิ าสเจอรไ รสค วรเปน อณุ หภมู ไิ มต าํ่ กวา 65 oซ เวลาไมน อยกวา 30 นาทีหรอื อณุ หภมู ิไมต า่ํ กวา 77 oซ เวลาไมน อ ยกวา 1 นาทีหรอื อณุ หภมู ไิ มต า่ํ กวา 88 oซ เวลาไมน อ ยกวา 1 วินาที ในขณะท่นี มโคสด อณุ หภมู ไิ มต า่ํ กวา 63 oซ เวลาไมน อ ยกวา 30 นาทีหรอื อณุ หภมู ไิ มต า่ํ กวา 71.5 oซ เวลาไมนอ ยกวา 15 วนิ าที - ทอ งตลาดนิยม 85 oซ เพอื่ ยดื อายกุ ารเกบ็ รกั ษา

การสเตอรร ิไรส (Sterilization)„ การถนอมอาหารโดยใชอ ณุ หภมู ิสงู (> 100 oC ) และเวลาเพยี งพอทจ่ี ะ ทาํ ลายจลุ ินทรียรวมทง้ั สปอร„ มอี ายกุ ารเกบ็ ไมต าํ่ กวา 6 เดอื นที่อณุ หภมู หิ อง„ สะดวกในการขนสงและเกบ็ รักษากรรมวธิ กี ารสเตอรไิ รส … อาหารกระปอ ง … นมโคสดยเู อชที

นมโคสดยเู อชที„ U.H.T – Ultra High Temperature„ ใชอ ณุ หภูมิ 135 – 150 oซ นาน 1 ถงึ 4 วนิ าที„ นมเกบ็ ไดท อ่ี ณุ หภมู หิ อ งนาน ประมาณ 6 เดอื น„ กลนิ่ รสของนมตา งนมพาสเจอรไ รสอาหารกระปอ ง (Canned food)

การจาํ แนกชนิดของอาหารตามลกั ษณะการถา ยโอนความรอ น1. ผลติ ภณั ฑทม่ี กี ารถา ยโอนความรอนแบบพาความรอ นอยา งรวดเร็ว ตลอดกระบวนการ

2. ผลติ ภณั ฑท ม่ี กี ารถา ยโอนความรอ นชา แบบการพาความรอนตลอดกระบวนการ

3. ผลติ ภณั ฑท ม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงลกั ษณะการถา ยโอนความรอ นจากพาความรอ นไปเปนแบบนําความรอน ในภายหลงั อาหารกลมุ นม้ี กั จะเปน อาหารทม่ี แี ปง สตารชตัวอยา งเชน ซุปทม่ี กี ารเตมิ สตารช กะทกิ ระปอ ง มนั เทศในนํา้ เช่อื ม

4. ผลติ ภณั ฑท ม่ี กี ารถา ยโอนความรอ นแบบการนําความรอนโดยตลอดƒ ผักทม่ี คี วามช้ืนสงู ๆ บรรจุโดยไมม ขี องเหลวอยู หรือมนี อ ยมาก เชน ครมี ขา วโพดƒ แยมƒ เน้อื ผัก ปลาในครมี ซอสƒ ครมี ซปุ ซปุ ขนƒ เนื้อและผักผสมในซอสขน เชน สตเู น้ือƒ ผลิตภัณฑจากเน้อื และปลา เชน คอรน บฟี แซนวิช สเปรด เปนตน

5. ผลติ ภณั ฑท เ่ี รม่ิ ตน ดวยการนาํ ความรอ นแลวเปลยี่ นเปนการพาความรอ นในภายหลงั เกดิ ขนึ้ ไดก บั ผลติ ภณั ฑทเี่ ปนเจล และเจลไดสลายไปเมอ่ื ถกู ความรอนเชน พดุ ดงิ และนํา้ มะเขอื เทศบางชนดิ

การทาํ แหง (Dehydration)„ การลดปรมิ าณน้ําในอาหารเพอ่ื ลดคา “วอเทอร แอกทิวิต”ี (Water Activity) หรอื Aw ใหอ ยใู นระดับตาํ่ พอทจ่ี ะสามารถหยดุ ยง้ั การ เจรญิ เตบิ โตของจลุ ินทรยี ทเี่ ปน สาเหตขุ องการเส่อื มเสีย„ ชว ยชะลอการเสื่อมเสยี ของอาหารจากปฏกิ ริ ยิ าเคมแี ละเอนไซม„ ทาํ ใหเ กบ็ อาหารไดน านขึ้น„ สะดวกตอการขนสง เน่อื งจากปรมิ าตรและนาํ้ หนักลดลง

ปจ จยั ที่มผี ลตอ อตั ราการทาํ แหง1. ธรรมชาติของอาหาร - อาหารทม่ี รี พู รนุ มาก อตั ราการทาํ แหง เร็วกวา อาหารทม่ี เี นือ้ แนน - อาหารทน่ี ้าํ อิสระมาก อัตราการทาํ แหง เร็วกวา2. ขนาด, รปู รา ง และ การเตรียม - อาหารทมี่ ีรูปรา งสมา่ํ เสมอ และ เลก็ มพี นื้ ทีผ่ วิ ตอ หนวยน้ําหนัก มากกวา อาหารทม่ี ีขนาดใหญก วา ทาํ ให อตั ราการทําแหง เร็วกวา - การเตรียมอาหาร สามารถชว ยเพม่ิ อัตราการทาํ แหง เชน การลวก (ทาํ ลายเอน็ ไซม, ทาํ ลายเซลล) , การคลงึ (ทําลายเซลล)

3. อณุ หภมู ิ และ ความชนื้ สมั พทั ธของอากาศรอ น - อากาศรอน ทอ่ี ณุ หภมู ิสงู – อตั ราการทาํ แหง สูง - ตองควบคมุ อณุ หภมู ขิ ณะทาํ แหงใหเ หมาะสม มฉิ ะน้ันจะกอ ใหเ กดิ ขา ง นอกแขง็ ขา งในช้นื - อากาศรอน ทค่ี วามชนื้ สมั พทั ธสงู – อัตราการทาํ แหง ชา ลง - การเคลือ่ นทขี่ องน้ําและการระเหยชา4. ความเรว็ ลม - การเคล่ือนทอี่ ากาศรอ น ทําใหเ กดิ การเคลือ่ นที่ของนา้ํ จากภายในช้นิ อาหารมา ทผี่ วิ และทาํ ใหห ยดนาํ้ ทผี่ ิวอาหารระเหยเปน ไอไดดีขน้ึ อาหารจงึ แหง เร็ว

กรรมวธิ กี ารทาํ แหง„ การทาํ แหงโดยวิธธี รรมชาติ … ใชค วามรอ นจากแสงอาทติ ย – ลดปรมิ าณนาํ้ ในอาหาร „ขอ เสยี ข้ึนกับ ดินฟา อากาศ, การปนเปอ น (ฝุนละออง, จลุ นิ ทรยี ) „แกไ ข: การใช ตูอบพลงั แสงอาทติ ย (กลอ งปด , ภายในมวี สั ดดุ ดู ความ รอน)„ การทาํ แหงโดยใชพ ลงั งานจากแหลง อ่นื … ใชห ลกั วศิ วกรรมศาสตรและวทิ ยาศาสตร ออกแบบเคร่ืองอบใหเ หมาะสม กบั ชนิดอาหาร

หลกั การเครอ่ื งทาํ แหง… การสง ผา นความรอนไปยงั อาหารโดยใชลมรอ น „ ตูอบแบบถาด Tray Dryer: ใชก บั อาหารเปนชน้ิ หรอื ของเหลว „ เครื่องอบแหง แบบอโุ มงค Tunnel Dryer „ เครอื่ งอบแหง แบบพน ฝอย Spray Dryer- การสงผา นความรอ นผานแผน โลหะ - เครอื่ งทําแหง แบบลกู กลงิ้ Drum Dryer- การทาํ แหงแบบระเหดิ (Freeze Drying) - แชเ ยอื กแขง็ แลวใชความรอนในสภาพสญุ ญากาศ - อาหารคณุ ภาพสูง

การเปลยี่ นแปลงของอาหารเนอ่ื งจากการอบแหง • การหดตวั • การเปลย่ี นสี • การเกดิ เปลอื กแขง็ • การเสยี ความสามารถในการคืนสภาพ • การเสยี คณุ คา อาหารและสารระเหย

การเกบ็ รกั ษาอาหารแหง„ เกบ็ ในภาชนะบรรจปุ ด สนทิ„ ภาชนะตอ งปอ งกนั ความชนื้„ ภาชนะทป่ี อ งกนั แสงแดดผา น … แสงแดดมผี ลตอ คณุ ภาพสี

การใชค วามเยน็จุดประสงคข องการใชค วามเยน็ ความเยน็ มผี ลทาํ ใหเ ชอื้ จลุ นิ ทรยี เ จรญิ เตบิ โตชา ลงจนถงึ หยดุ การเจรญิ เตบิ โต1. การใชค วามเยน็ ระดบั เหนอื จดุ เยอื กแขง็ (Chilling, Refrigerate) - ทําใหอ าหารเกดิ การเปลย่ี นแปลงนอ ยทส่ี ดุ - -2 – 16 oC - การเกบ็ อาหารทอี่ ณุ หภมู ติ า่ํ มีผลทาํ ใหอ าหารเสอ่ื มเสยี ได เชน การเกิดสี นํ้าตาล, เนอื้ สมั ผสั อาหารเปลย่ี นไป - การแชอ าหารในตเู ยน็

2. การแชเยอื กแข็ง (Freezing)„ สามารถรกั ษาอาหารใหม สี ภาพใกลเ คยี งกบั อาหารสดได„ ยับยง้ั การเจริญเตบิ โตของเชอื้ จุลินทรยี  จาํ นวนเชอ้ื ลดลงแตไ มไ ดฆา„ ปญหา thawing การนําอาหารแชเ ยือกแขง็ มาละลาย Æ เชอ้ื จุลนิ ทรีย สามารถกลบั มาเจรญิ ได„ ข้นั ตอนในการแชแ ขง็ ข้นึ กับ ชนิดอาหาร … เชน ผัก ควรมกี ารลวก เพอ่ื ยบั ยงั้ เอนไซม ทท่ี าํ ใหเ กดิ การ เปลยี่ นแปลงระหวางการเกบ็ รกั ษา เชน สี

วิธกี ารแชเ ยอื กแขง็„ การแชเ ยือกแขง็ แบบชา (Slow freezing) … การแชเ ยือกแขง็ โดยใชตเู ยน็ „ ขอเสยี ใชเ วลานาน , คณุ ภาพเนอ้ื สมั ผสั ต่ํา„ การแชเ ยือกแขง็ แบบรวดเรว็ (Rapid freezing) … การแชแ ขง็ แบบอุตสาหกรรม „ ใชเ วลาสน้ั ลดอุณหภมู ิ -20 oC ประมาณ 30 นาที „ คณุ ภาพเนอื้ สมั ผสั ดี

การเกดิ ผลึกน้าํ แขง็ ในเซลลเนอ้ื เย่อื Slow freezing Rapid freezing http://coursewares.mju.ac.th/section2/ft446/images/5-5.jpg

การเกบ็ รกั ษาอาหารแชเ ยอื กแขง็„ เกบ็ รกั ษาในหอ งทมี่ อี ณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสม ประมาณ - 18oC„ รักษารกั ษาอณุ หภมู ใิ หคงทตี่ ลอดเวลา„ การใชภ าชนะบรรจุทถ่ี กู ตอง„ ขอ เสยี คา ใชจา ยคอนขา งสูงปญหาทเี่ กดิ ขนึ้ กบั อาหารแชเ ยอื กแขง็ เกดิ ทผี่ วิ ผลติ ภณั ฑ: ผวิ หนาแหง และ มีสนี ํ้าตาล เกดิ จากการระเหดิ ของน้ําแขง็

กรรมวิธกี ารแชเ ยอื กแขง็1. การใชอ ากาศเยน็2. ใชแ ผน โลหะเยน็3. การจมุ ในของเหลวเยน็ จัด – นา้ํ ตาล, กลเี ซอรอล4. แบบไครโอจีนกิ (Cryogenic freezing) - ไนโตรเจนเหลว - คารบอนไดออกไซดแ ข็ง/เหลว

การฉายรงั สี (Irradiation)„ การถนอมอาหารโดยไมใ ชค วามรอ น„ ไมก อ ใหเ กิดความรอ นมากในอาหาร“Cold Sterilization or แหลง กาํ เนิด โคบอลต- 60 Cold Pasteurization” แหลง กาํ เนิด อนุภาคอเิ ลคตรอนชนิดของรงั สที ใ่ี ช แหลง กาํ เนิด อนุภาคอเิ ลคตรอน… γ-rays… X-rays… Electron beam

ประโยชนข องการฉายรังสี1. ควบคมุ จลุ นิ ทรียท ที่ าํ ใหอ าหารเสอื่ มเสยี :ทปี่ นเปอ น, เกิดโรค2. ควบคมุ การทาํ ลายแมลงในผลติ ภัณฑต า งๆ3. ชว ยยืดอายกุ ารสกุ งอมของผลไม4. ควบคมุ การงอกของพืชบางชนดิ5. การใชร งั สี เพอื่ พฒั นาผลิตภณั ฑ และวธิ กี ารขอ เสียของการฉายรงั สี การฉายรงั สีในระดบั ทสี่ งู มาก ทาํ ใหอ าหารมกี ลน่ิ ที่เปลย่ี นแปลง ซงึ่ มผี ลมากกบั อาหารทมี่ ไี ขมนั ไมอ มิ่ ตวั

การฉายรงั สเี พอื่ ทาํ ลายจลุ นิ ทรยี ม ี 3 ระดบั1. Radappertization - 30-40 kGy (kilogray) - ลดจาํ นวนจุลินทรียทาํ ใหเ กดิ โรค และ อาหารเสื่อมเสยี2. Radicidation - 2.50 – 10 kGy - ลดจาํ นวนจุลินทรียท ที่ ําใหเ กดิ โรค และ ยดื อายกุ ารเกบ็ - เคร่อื งเทศ3. Raduriation - 0.75 – 2.5 kGy - ยืดอายกุ ารเกบ็ รกั ษาผลไม เนื้อวัว ปลา ไก

การหมกั (Fermentation)„ เปนกระบวนการแปรรูปทม่ี กี ารใชเ ชอ้ื จุลินทรีย เพอ่ื เปลย่ี นแปลงสารอนิ ทรยี  พวก คารโบไฮเดรต และ สารประกอบทคี่ ลายคลงึ ใหเ กดิ สารเคมอี ่ืนประโยชนของการหมกั1. อายกุ ารเกบ็ รกั ษานานข้นึ2. เพม่ิ กลนิ่ รส ในผลิตภณั ฑ3. เพมิ่ มลู คาใหก บั วัตถดุ บิ ราคาถกู4. ทําใหม ผี ลิตภณั ฑเ พม่ิ ข้ึน

ชนดิ ของการหมกั1. การหมกั เพอ่ื ใหเ กดิ แอลกอฮอล - ใชใ นการทาํ เบียร , ไวน, ขนมปง - ใชย ีสต - สภาวะไมม อี ากาศ น้ําตาล Æ เอธิลแอลกอฮอล + คารบอนไดออกไซด

2 การหมกั เพอ่ื ใหเ กดิ กรดนํ้าสม (Acetic acid fermentation)- กระบวนการหมกั นีก้ อ ใหเ กดิ กรดน้ําสม- เปน กระบวนการทใี่ ชใ นการผลติ นาํ้ สม สายชู- สารเริม่ ตนเอธลิ แอลกอฮอล Acetobacterเอธลิ แอลกอฮอล ออกซเิ จน กรดแอซติ กิ- ใชจ ลุ ินทรยี  Acetobacter เปลยี่ นสารเรมิ่ ตน เปน กรดน้าํ สม ในสภาวะมีออกซเิ จน- นํา้ สม สายชจู ากกระบวนการนเ้ี รยี ก “น้ําสม สายชกู ลนั่ ”- นาํ้ สม สายชทู เี่ รม่ิ ตน จากนาํ้ ผลไมห รือแปง เรยี ก “นา้ํ สม สายชหู มกั ”

3 การหมกั เพอื่ ใหเ กดิ กรดแลกตกิ (Lactic acid fermentation)- กระบวนการหมกั นกี้ อ ใหเ กดิ กรดแลกตกิ และเกดิ ผลติ ภณั ฑห ลายชนิด- จลุ ินทรยี ก ลมุ ชนดิ ผลติ กรดแลกตกิ เปลยี่ นนํา้ ตาล กรดแลกตกิ (ไมต อ งการอากาศ)- อาหารทใ่ี ชก ระบวนการน้ีแยกตามชนิดวตั ถดุ ิบ- ผกั pickles, sauerkraut, กมิ จิ- นม นมเปรยี้ ว, เนยแขง็- เนอื้ สัตว แหนม, ไสก รอกอีสาน- ปลา ปลาจอ ม, ปลาเจา , ปลารา

ปจจัยทีม่ คี วามสําคญั ตอการหมกั 1. จลุ นิ ทรยี – เจรญิ ในวตั ถุดิบทใี่ ช , สรางเอนไซมท จ่ี ําเปน 2. วตั ถดุ ิบ 3. ควบคมุ สภาวะการหมกั - การผลติ ไวน – ไมใ ชอ ากาศ - น้ําสมสายชู – ใชอ ากาศ - การฆา เช้อื ในวัตถุดิบ - ความเปน กรด-เบสของวตั ถุดบิ

การใชส ารเคมใี นการถนอมรกั ษาอาหาร„ เปน การใชสารเคมใี นกระบวนการแปรรูปเพอื่ ยืดอายกุ ารเกบ็ รกั ษาอาหาร „ ชว ยยบั ยง้ั การเจรญิ ของจลุ ินทรียที่ทาํ ใหอ าหารเนาเสยี „ ชะลอ/ยบั ยง้ั การเปลยี่ นแปลงทางปฏกิ ริ ยิ าเคมี ทมี่ ผี ลทาํ ใหคณุ ภาพ อาหารเปลย่ี นสารเคมที ใี่ ช1. สารกนั เสยี (Preservatives/ Antimicrobial additives) เชน กรดเบนโซ อกิ , ไนเทรตและไนไทรท, เกลอื และ นา้ํ ตาล2. สารกันหนื (Antioxidants)3. สารปองกนั การเกดิ สนี ้าํ ตาล (Antibrowning additives)

เกลอื- โซเดยี มคลอไรด- เกลอื สมทุ ร เกลอื สินเธาว- เกลอื ทผ่ี า นกระบวนการผลิต - มปี รมิ าณแรธ าตนุ อ ย และ ดดู ความชื้นไมค อยดี- เกลอื เสริมไอโอดนี- อาหารพื้นบา นทใ่ี ชเ กลอื เพอ่ื ถนอมอาหาร- อาหารประจําชาติ เชน อาหารอนิ โดนีเซยี (เทมเป) , เกาหลี (กมิ จ)ิ

หนา ทข่ี องเกลอื ในอาหาร1. แตง รสชาตขิ องอาหาร2. ถนอมอาหาร - จลุ นิ ทรยี ถ กู ยบั ยงั้ การเจรญิ เติบโตทคี่ วามเขม ขน เกลือ 20% - เกลอื ใชค ไู ปกบั การทาํ แหง3. ใชเ ปนตวั คัดเลอื กเชอื้ จลุ นิ ทรยี  เพอื่ ชวยในการถนอมอาหาร ตวั อยา ง ผกั ดอง – แชผกั ในนาํ้ เกลอื ความเขม ขน 4-6 % หรือ หมกั แบบแหง คลกุ ผกั + เกลอื (2.5-3% ของนาํ้ หนกั ผกั ) SauerKraut – กะหลาํ่ ปลี + เกลอื 1.5-2.5% ท่ี 20oC4. เกดิ โครงสรางเฉพาะของอาหาร – ไสก รอก, โด (dough)

น้าํ ตาล- ถนอมอาหารโดยการลดปรมิ าณนาํ้ ในอาหารทจี่ ลุ ินทรยี จ ะนาํ ไปใช- น้าํ ตาลทรายทค่ี วามเขม ขน 60% ยบั ยงั้ การเจรญิ ของจลุ ินทรยี - ยสี ต + รา ถกู ยบั ยงั้ โดยสารละลายนาํ้ ตาล 75% โดยไมม กี ารตกผลกึ - กลโู คสไซรปั ไดจาก เอนไซม + กรดยอ ยแปง - กลโู คสไซรปั นา้ํ ตาลทราย 4:6 – ไดนํา้ ตาลทไี่ มต กผลกึ- ปองกนั การเกดิ สนี าํ้ ตาล- ถนอมกลนิ่ ของผลไมแ ชแขง็ ท่ีอณุ หภมู ิ -18-(-20) oC และความเขม ขน นา้ํ ตาล 30-50% เกบ็ ไดน าน 2-4 ป

กรด - ใหรสเปรย้ี ว - ยับยง้ั การเจริญของเช้อื จุลนิ ทรยี  - กรดในอาหาร เชน กรดซิตริก - กรดทน่ี ยิ มใชใ นอตุ สาหกรรมอาหาร - กรดซติ รกิ , กรดแอซติ กิ และกรดแลกตกิ - มกั เจอในอาหารพวก หมกั ดอง

สารกนั เสยี (Preservatives)- ยบั ยงั้ การเจริญของเชอื้ จลุ นิ ทรยี - มกั ใชร ว มกบั การถนอมอาหารวธิ ีอื่นซลั เฟอรไ ดออกไซดแ ละซลั ไฟท- เกลอื โซเดยี ม , โพแทสเซยี ม เมตาไบซลั ไฟท / ซลั ไฟท / ไบซลั ไฟท- กา ซซลั เฟอรไ ดออกไซด- ยับยงั้ การเจริญของยสี ต, รา- จาํ กดั 500 ppm โดยกลไกการยบั ยงั้ คือ กาํ จดั ออกซเิ จน และ สรา งสภาวะ กรด- ไมใ ชใ นอาหารสด (ผกั และผลไม) มไี มเ กนิ 10 ppm- ยับยงั้ การเกดิ สนี ้ําตาล จากเอนไซม และ จาก กระบวนการแปรรปู- ยับยง้ั การเกดิ ออกซเิ ดชนั และ ใชใ นการฟอกสี (แปง และนาํ้ ตาล)

ไนไทรทแ ละไนเทรต- เกลอื โพแทสเซยี ม และโซเดยี ม- ใชใ นการหมกั (Curing) ผลิตภณั ฑเ นอ้ื สัตว- จดุ ประสงคของการหมกั - เพอื่ ใหไ ดก ลน่ิ รส, รกั ษาสีของผลติ ภณั ฑ - ยบั ยง้ั การเจริญของเช้อื- ไนเทรต สามารถเปลี่ยนเปน ไนไทรท- ไนไทรท ยบั ยงั้ การเจรญิ ของเซลล, การงอกของสปอร และจะมปี ระสทิ ธภิ าพ ดเี มอ่ื อยใู นอาหารทม่ี ี pH 5.0-5.5- ขอเสยี เปน สารกอมะเรง็ ใชไ ดไ มเ กนิ 120 มก/กก.- ถา ผสมรวมกบั พรกิ ไทย จะกอ ใหเ กดิ สารพวกไนโตรซามนี เพมิ่ ขนึ้

กรดอนิ ทรยี แ ละเอสเทอร- Propionic acid, sorbic acid, benzoic acid- พาราเบนเปน เอสเทอรของ p-hydroxybenzoic acid- ชนดิ ตาง ประสิทธิภาพตา งกนัPropionic acid- ยบั ยง้ั เชื้อราในขนมอบ และ เนยแขง็- ปองการเจริญของแบคทเี รยี ทกี่ อใหเ กดิ โรพ ในขนมปงBenzoic acid และ เกลือเบนโซเอต- ปอ งกันการเส่ือมเสยี จาก ยสี ต,รา- ใชก บั อาหารทเี่ ปน กรดสูงSorbic acid และ เกลือซอรเ บต- ยับยง้ั เช้ือราในเนยแข็ง, ผลติ ภณั ฑเ บเกอรี , ปลารมควนัพาราเบน- ใหผ ลดีตอ ยสี ตแ ละ เชือ้ รา

สารปฏชิ วี นะ (Antiobiotics)- สารทเ่ี ชอ้ื จลุ นิ ทรียส รา งขน้ึ และ เปน ยารักษาโรคทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ- Tetracyclines สามารถใชใ นอาหารสด- Tylosin, Subtilin, Nisin ใชใ นอาหารแปรรปูTetracyclines ยบั ยง้ั แบคทเี รยี โดยยบั ยงั้ การสรางโปรตนีNisin- สรางโดยแบคทีเรยี ทผ่ี ลติ กรดแลกตกิ- เปน โปรตนี และ เปน bacteriocin- ควบคมุ การเสอื่ มเสยี จาก Clostridium และ ใชก บั อาหารทม่ี คี วามเปน กรดตา่ํ- สารปฏชิ วี นะตกคาง มผี ลตอ การแปรรูปอาหาร และ ผทู ม่ี อี าหารแพ

สารกนั หนื (Antioxidant)- ปองกนั การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าออกซเิ ดชนั ของไขมนั และผลติ ภณั ฑท ม่ี ไี ขมนั- ออกซเิ ดชันเปน ปฏกิ ริ ยิ าระหวางออกซเิ จน และ กรดไขมันไมอ มิ่ ตัว- เกดิ การเปลยี่ นแปลงทางดา นกลิ่นรส, คณุ คาทางอาหารหนา ทีข่ องสารกนั หืน ยบั ยงั้ ปฏกิ ิรยิ าการเกดิ อนมุ ลู อสิ ระสารทีน่ ิยมใช TBHQ (Tertiary butylhydroquinone) เตมิ ในนา้ํ มนั พชื BHA (Butylated hydroxyanisole), BHT (Butylated hydroxytoluene) PG (Propyl gallate), วติ ามนิ อี (Tocopherol)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook