Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best practice ตำบลหลักแก้ว

Best practice ตำบลหลักแก้ว

Published by กศน.ตำบลท่าช้าง, 2021-04-28 11:28:24

Description: Best practice ตำบลหลักแก้ว

Keywords: Best practice ตำบลหลักแก้ว

Search

Read the Text Version

1.ช่อื กจิ กรรมการศึกษาตอ่ เนอื่ ง การทำชะลอมจกุ พจมาน 2.ผรู้ ับผิดชอบ นางโสภิตา ทองระย้า 3.ความเปน็ มา สืบเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ. 2561-2580 และไดก้ ำหนด บทบาทหน้าทข่ี องสำนกั งาน กศน. ตามนโยบายและจดุ เน้นการดำเนนิ งานสำนักงาน กศน.ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 ดา้ นการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์ 3.1 เรง่ รดั การดำเนนิ การจดั การศึกษาอาชีพเพ่ือ ยกระดบั ทักษะอาชีพของประชาชนสู่ฝีมือแรงงาน 1) จัดการศึกษาเพอื่ การมงี านทำที่สอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพ ของชมุ ชน และความตอ้ งการของตลาด ให้ประชาชนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ 2) บูรณาการความ ร่วมมอื ในการพฒั นาฝมี ือแรงงานกับสำนกั งานคณะกรรมการอาชวี ศึกษา ผ่าน ศูนยผ์ สานงานผลิตและพฒั นา กำลังคนอาชีวศกึ ษาภาคทว่ั ประเทศ เพื่อมงุ่ พัฒนาทกั ษะของประชาชนโดยใช้ประโยชนจ์ ากศักยภาพและภูมิ สงั คมเฉพาะของพืน้ ที่ ยทุ ศาสตร์ท่ี 4 การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา 4.5 พัฒนา หลักสูตรการจัดการศกึ ษาอาชีพระยะสั้น ให้มีความหลายหลาย ทันสมัย เหมาะสมกบั บริบทของพ้นื ที่ และ ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนผรู้ บั บรกิ าร เพอ่ื ใหก้ ารดำเนนิ งานแผนยทุ ธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพคนให้มีคณุ ภาพ บรรลผุ ลสำเร็จสู่ วิสยั ทัศน์ กระทรวงศึกษาธิการจงึ กำหนดวสิ ยั ทศั นข์ องประเทศ คอื ประเทศไทยมีความมน่ั คง ม่งั คั่ง ยัง่ ยืน เปน็ ประเทศทีพ่ ัฒนาแล้วดว้ ยการพัฒนาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และกำหนด เปา้ หมายการพัฒนาประเทศ คอื ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมคี วามสุข เศรษฐกจิ พัฒนาอย่างตอ่ เน่อื ง สงั คมเป็นธรรมฐานทรัพยากรธรรมชาติ ยง่ั ยืน โดยยกระดับศกั ยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ พัฒนาคน ในทกุ มิติ และในทกุ ช่วงวยั ให้เป็นคนดี คนเกง่ และมีคุณภาพ สรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมสร้าง การเตบิ โตบนคุณภาพชีวติ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอวิเศษชัยชาญ เห็นว่าเปน็ การสง่ เสริม สนับสนนุ การ ดำเนนิ งานของศูนยฝ์ กึ อาชีพชุมชนใหส้ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ และ แนวทางการขบั เคล่ือน การศกึ ษาของสำนักงาน กศน. โดยเฉพาะใน ๕ กลมุ่ อาชีพใหม่ ซ่ึงเป็นบทบาทของ สถานศึกษา ในการดำเนินการ จัดการศกึ ษาเพอื่ พฒั นาอาชีพและการมงี านทำใหส้ อดคล้องตามความต้องการ ของกลุ่มเปา้ หมายและศักยภาพของ พน้ื ท่ี กศน.ตำบลหลักแกว้ จึงได้จัดทำ หลกั สตู รการทำชะลอมจกุ พจมาน 4. วตั ถุประสงค์ 1. เพอื่ ใหป้ ระชาชนผูร้ บั บรกิ ารมีความรู้ความเขา้ ใจการทำชะลอมจกุ พจมาน 2. เพอ่ื ให้ประชาชนผูร้ บั บรกิ ารมที ักษะและมองเห็นชอ่ งทางการทำชะลอมจกุ พจมาน 5. กจิ กรรม/วธิ กี าร/ขนั้ ตอนท่สี ำคัญ วทิ ยากรบรรยายความร้เู กยี่ วกับการจัดกิจกรรมใหป้ ระชาชนกลมุ่ เป้าหมายในตำบลหลกั แกว้ ไดแ้ ก่ 1.วทิ ยากรบรรยายใหค้ วามรู้ในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 ความปลอดภยั ในการทำงาน 1.2 การใช้เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ 1.3 วสั ด-ุ อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการทำชะลอมจกุ พจมาน 1.4 ความรเู้ บ้ืองตน้ ในการทำชะลอมจุกพจมาน 1.5 เทคนิคการทำชะลอมจกุ พจมาน

2. วทิ ยากรและผู้เรยี นรว่ มกนั แลกเปลย่ี นเรียนรูร้ ่วมกันการทำชะลอมจกุ พจมาน 3. วทิ ยากรบรรยายให้ความรแู้ ละสาธติ การทำชะลอมจกุ พจมาน 4. ผเู้ รียนเรียนรู้และฝกึ การทำชะลอมจุกพจมาน 6. ผลสำเร็จ 6.1 กลมุ่ เป้าหมายไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 มีความรแู้ ละทกั ษะการมองเห็นชอ่ งทางในการประกอบ อาชีพ 6.2 กลมุ่ เปา้ หมายไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 เกดิ กระบวนการเรียนรู้ มกี ารรวมกลุ่มเพ่อื พฒั นาอาชีพ 6.3 กลมุ่ เปา้ หมายไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 เกิดกระบวนการคิดเป็น แกป้ ญั หาเปน็ ในการหาช่องทาง การขยายอาชีพ 7. สมั ฤทธ์ผล/การได้รบั การยอมรับ 7.1 ผเู้ รียนมีความรแู้ ละทกั ษะมองเหน็ ช่องทางทำใหเ้ กดิ รายได้เสรมิ สร้างอาชพี ใหมเ่ กดิ ข้ึน ภายใน ตำบล 7.2 ผเู้ รยี นเกิดกระบวนการเรียนรู้ มกี ารรวมกลมุ่ เพอื่ พฒั นาอาชพี 7.3 ผ้เู รยี นเกิดกระบวนการคดิ เปน็ แกป้ ญั หาเปน็ ในการหาช่องงทางการขยายอาชพี

คำนำ เอกสารรายงานผลการดำเนินงาน การจดั และสง่ เสริมกระบวนการเรยี นรู้ การศึกษาต่อเนอ่ื ง หลกั สตู รไมเ่ กนิ 30 ชั่วโมง (กลมุ่ สนใจ) หลักสูตรการทำชะลอมจกุ พจมานน้ี จัดทำขนึ้ เพอื่ รายงานผลการ ดำเนินงานดา้ นการจัด การศึกษาต่อเนอ่ื งของ กศน.ตำบลหลักแกว้ ภายใตก้ ารดูแลของศนู ยก์ ารศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย อำเภอวเิ ศษชยั ชาญ โดยมวี ัตถุประสงค์เพอื่ ตรวจสอบขน้ั ตอนการดำเนิน กิจกรรม ประเมนิ ผลและพัฒนาการดำเนนิ กิจกรรมของ กศน.ตำบลหลกั แกว้ จดั ทำหวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่า เอกสารรายงานผลการดำเนนิ งาน การจดั และสง่ เสริมกระบวนการเรียนรู้ (กลมุ่ สนใจ) หลักสูตรการทำชะลอม จกุ พจมานน้ี จะเป็นแนวทางในการพฒั นางาน และการจัดกิจกรรมการศึกษาต่อเนอ่ื งของ กศน.ตำบลหลักแก้ว ในโอกาสต่อไป นางโสภติ า ทองระยา้ ครู กศน.ตำบล

สารบญั หน้า คำนำ 1 สารบญั บทที่ 1 บทนำ 2 เหตุผลและความจำเป็น 4 ประโยชน์ท่คี าดว่าจะไดร้ บั 6 บทที่ 2 เอกสารท่ีเกี่ยวข้อง 10 ความสำคญั ของการจดั และสง่ เสริมกระบวนการเรียนรู้ ทีม่ าและความสำคัญของหลักสตู ร หลกั สตู รการทำชะลอมจุกพจมาน บทที่ 3 วิธกี ารดำเนนิ งาน บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน บทที่ 5 สรุป อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ วัตถปุ ระสงค์การดำเนินงาน วิธีดำเนนิ การ อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ และแนวทางการพัฒนากิจกรรม ภาคผนวก แบบประเมินความพึงพอใจ ภาพถา่ ยผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรม

~๑~ บทท่ี 1 เหตผุ ลและความจำเปน็ สืบเนอื่ งจากกระทรวงศึกษาธกิ ารไดจ้ ัดทำแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ. 2561-2580 และได้ กำหนดบทบาทหน้าที่ของสำนกั งาน กศน. ตามนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงานสำนกั งาน กศน.ยทุ ธศาสตร์ ที่ 3ดา้ นการพฒั นาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 3.1 เร่งรัดการดำเนนิ การจดั การศกึ ษาอาชีพเพือ่ ยกระดบั ทักษะอาชพี ของประชาชนสฝู่ ีมือแรงงาน 1) จดั การศึกษาเพื่อการมงี านทำที่สอดคล้องกบั ศักยภาพ ของชุมชน และความตอ้ งการของตลาด ใหป้ ระชาชนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ 2) บูรณาการความ ร่วมมือในการพัฒนาฝมี อื แรงงานกบั สำนักงานคณะกรรมการอาชวี ศึกษา ผ่าน ศูนยผ์ สานงานผลิตและพัฒนา กำลงั คนอาชวี ศกึ ษาภาคท่ัวประเทศ เพือ่ มงุ่ พัฒนาทกั ษะของประชาชนโดยใชป้ ระโยชน์จากศกั ยภาพและภูมิ สงั คมเฉพาะของพ้นื ท่ี ยุทศาสตร์ที่ 4 การสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา 4.5 พัฒนา หลักสตู รการจัดการศกึ ษาอาชีพระยะสัน้ ใหม้ คี วามหลายหลาย ทนั สมยั เหมาะสมกับบริบทของพน้ื ที่ และ ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนผู้รับบรกิ าร เพือ่ ใหก้ ารดำเนนิ งานแผนยทุ ธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพคนให้มี คุณภาพบรรลุผลสำเรจ็ สู่ วิสัยทัศน์ กระทรวงศึกษาธกิ ารจงึ กำหนดวสิ ยั ทศั นข์ องประเทศ คอื ประเทศไทยมี ความมั่นคง มั่งค่งั ยั่งยืน เปน็ ประเทศท่ีพฒั นาแล้วด้วยการพฒั นาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และ กำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ ประเทศชาติมน่ั คง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพฒั นาอย่าง ต่อเนื่อง สังคมเปน็ ธรรมฐานทรัพยากรธรรมชาติ ย่ังยนื โดยยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมติ ิ พัฒนาคนในทกุ มิติ และในทกุ ช่วงวัยให้เป็นคนดี คนเกง่ และมีคุณภาพ สรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทาง สงั คมสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวติ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอวเิ ศษชัยชาญ เหน็ วา่ เป็นการ ส่งเสริมสนบั สนนุ การ ดำเนนิ งานของศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนใหส้ อดคลอ้ งกบั ยุทธศาสตรข์ องกระทรวงศึกษาธิการ และแนวทางการขับเคลื่อน การศึกษาของสำนักงาน กศน. โดยเฉพาะใน ๕ กลุ่มอาชีพใหม่ ซึ่งเป็นบทบาทของ สถานศกึ ษา ในการดำเนินการ จัดการศกึ ษาเพอื่ พฒั นาอาชีพและการมีงานทำให้สอดคล้องตามความตอ้ งการ ของกลุ่มเปา้ หมายและศักยภาพของ พ้ืนท่ี กศน.ตำบลหลกั แกว้ จึงได้จัดทำ หลักสตู รการทำชะลอมจกุ พจมานข้นึ วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือใหป้ ระชาชนผูร้ ับบริการมคี วามร้คู วามเขา้ ใจการทำชะลอมจกุ พจมาน 2. เพือ่ ให้ประชาชนผรู้ บั บริการมที กั ษะและมองเห็นชอ่ งทางการทำชะลอมจุกพจมาน ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ ๑. เพื่อใหป้ ระชาชนผูร้ ับบรกิ ารมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจการทำชะลอมจุกพจมาน 2. เพอ่ื ให้ประชาชนผรู้ บั บรกิ ารมีทกั ษะและมองเหน็ ช่องทางการทำชะลอมจุกพจมาน

~๒~ บทที่ 2 เอกสารทเี่ กีย่ วขอ้ ง ศนู ยฝ์ ึกอาชีพชุมชน หลกั สูตรการทำชะลอมจกุ พจมาน ไดเ้ สนอแนวคิด หลักการ และเอกสารท่ี เกย่ี วขอ้ ง ตามลำดับดังต่อไปนี้ 1. ความสำคญั ของการจัดและสง่ เสรมิ กระบวนการเรียนรู้ศูนย์ฝึกอาชีพชมุ ชน 2. ที่มาและความสำคัญของ หลกั สูตรการทำชะลอมจุกพจมาน 1. ความสำคญั ของการจดั และส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรศู้ ูนย์ฝกึ อาชีพชุมชน กจิ กรรมการจัดและสง่ เสริมกระบวนการเรยี นรู้ศูนยฝ์ กึ อาชีพชุมชนตามนโยบายของสำนกั งาน กศน. มี ลกั ษณะสำคญั ดังน้ี - จัดให้มีศูนยฝ์ ึกอาชพี อาชพี ชมุ ชนในทุกอำเภอ/เขต อย่างนอ้ ยอำเภอ/เขตละ 3 แห่ง เพื่อเปน็ ศนู ยก์ ลางในการฝกึ พัฒนา สาธติ และสร้างอาชพี ของผเู้ รยี นและชมุ ชน รวมทงั้ เปน็ ที่จัดเกบ็ แสดง จำหน่าย และ กระจายสนิ ค้าและบรกิ ารของชมุ ชนอย่างเป็นระบบครบวงจร - พัฒนาและจัดทาหลกั สูตรการศึกษาอาชีพเพือ่ การมงี านทำสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผเู้ รียน ความต้องการของตลาด และศกั ยภาพของพืน้ ที่ โดยมีเป้าหมายเพอื่ ให้การจัดการศึกษาอาชีพแนวใหม่ เปน็ การจัด การศึกษาท่ีสามารถสรา้ งอาชพี หลัก ทม่ี น่ั คงใหก้ ับผู้เรียน โดยสามารถสร้างรายได้ได้จรงิ ทง้ั ในระหวา่ ง เรียนและสำเรจ็ การศกึ ษาไปแลว้ และสามารถใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยใี นการสร้างมูลค่าเพิม่ ให้กบั อาชพี เพอื่ พัฒนาให้เป็น ผปู้ ระกอบการที่มีความสามารถเชงิ การแข่งขน้ั อย่างย่ังยืน - ประสานการดำเนนิ งานกบั ศูนย์ฝึกอาชพี ชมุ ชนของหน่วยงานและสถานศกึ ษาต่างๆ ในพ้ืนท่ีเพ่อื เชื่อมโยงเป็นเครอื ขา่ ยการฝึก และสร้างอาชีพของประชาชนและชุมชนในจังหวัดกลุ่มจงั หวดั และระหวา่ ง จงั หวัด - จดั ใหม้ ีระบบการประสานงานเพ่อื สนบั สนนุ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถเขา้ ถึงแหล่งทุนต่างๆ สาหรบั เปน็ ชอ่ งทางในการเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ และการพัฒนาขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ด้านอาชพี อย่างตอ่ เน่ือง ใหก้ ับผูเ้ รียน - จัดให้มีการกากับ ติดตาม และรายงานผลการจัดการศกึ ษาอาชีพเพือ่ การมีงานทำอย่างเป็นระบบ และต่อเนอื่ งทงั้ นำผลท่ีไดม้ าใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพการดาเนนิ งานใหเ้ ปน็ ไปตามความต้องการดา้ นการศึกษา อาชีพเพ่อื การมงี านทำของประชาชนและความต้องการของตลาด

~๓~ 2. ทม่ี าและความสำคัญของ หลกั สูตรการทำชะลอมจกุ พจมาน สบื เนอื่ งจากกระทรวงศกึ ษาธิการได้ จัดทาแผนยุทธศาสตรช์ าติ พ.ศ.2561 - 2580 และไดก้ ำหนดบทบาท หนา้ ท่ีของสำนกั งาน กศน. ตาม นโยบายและจุดเนน้ การดำเนนิ งานของสำนกั งาน กศน. ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 ดา้ นการ พฒั นาและเสรมิ สร้าง ศักยภาพคนใหม้ ีคุณภาพ 3.1 เรง่ รัดดำเนนิ การจดั การศึกษาอาชพี เพ่ือยกระดับทกั ษะอาชีพของประชาชนสู่ ฝมี อื แรงงาน 1) จัดการศึกษาอาชพี เพอื่ การมีงานทาที่สอดคลอ้ งกบั ศักยภาพของชุมชน และความ ตอ้ งการ ของตลาดใหป้ ระชาชนสามารถนาไปประกอบอาชีพได้ (2) บรู ณาการความร่วมมอื ในการพฒั นาฝมี อื แรงงาน กบั สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ผ่านศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากาลังคนอาชีวศกึ ษาภาค ทวั่ ประเทศ เพือ่ มงุ่ พัฒนาทกั ษะของประชาชนโดยใชป้ ระโยชนจ์ ากศักยภาพและภูมิสังคมเฉพาะของพนื้ ที่ ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 ดา้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา 4.5 พัฒนาหลักสตู รการจัดการศกึ ษา อาชีพระยะสนั้ ให้มี ความหลากหลาย ทันสมยั เหมาะสมกับบรบิ ทของพ้นื ท่ี และตอบสนองความต้องการของ ประชาชนผู้รับบริการ เพ่ือใหก้ ารดำเนินงานแผนยุทธศาสตร์ดา้ นการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนใหม้ คี ุณภาพบรรลุผล สำเรจ็ สู่วสิ ัยทัศน์ กระทรวงศกึ ษาธิการจึงกำหนดวสิ ยั ทัศน์ของประเทศ คือ ประเทศไทยมีความม่นั คง ม่ังคง่ั ยั่งยืน เป็น ประเทศที่พฒั นาแล้วดว้ ยการพฒั นาตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และกำหนดเปา้ หมาย การพฒั นาประเทศ คือ ประเทศชาติมน่ั คง ประชาชนมคี วามสุข เศรษฐกิจพฒั นาอย่างต่อเนอื่ ง สงั คมเปน็ ธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติ ยัง่ ยืน โดยยกระดบั ศกั ยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ พฒั นาคนในทุกมติ ิ และ ในทุกช่วงวัยใหเ้ ปน็ คนดี คนเกง่ และมคี ณุ ภาพ สรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คมสรา้ งการเติบ โตบน คุณภาพชีวติ ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอวิเศษชัยชาญ เห็นวา่ เป็นการส่งเสริม สนบั สนนุ การ ดำเนนิ งานของศนู ย์ฝกึ อาชพี ชุมชนให้สอดคล้องกับยทุ ธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ และ แนวทางการขับเคลอ่ื น การศกึ ษาของสำนักงาน กศน. โดยเฉพาะใน ๕ กลุ่มอาชพี ใหม่ ซึง่ เป็นบทบาทของ สถานศกึ ษา ในการดำเนนิ การ จัดการศึกษาเพ่ือพฒั นาอาชีพและการมีงานทำใหส้ อดคล้องตามความตอ้ งการ ของกลุม่ เปา้ หมายและศักยภาพของ พืน้ ที่ กศน.ตำบลหลกั แก้ว จงึ ไดจ้ ัดทำ หลกั สูตรารการทำชะลอมจกุ พจมานข้ึน

~๔~ บทท่ี 3 วิธดี ำเนนิ งาน ด้วย กศน.ตำบลหลกั แกว้ ได้จัดโครงการจัดและสง่ เสรมิ กระบวนการเรียนรู้ โดยยดึ กลมุ่ เป้าหมาย เป็นสำคญั ทำให้เน้ือหาตามหลักสูตรระยะเวลาการจัดกิจกรรม สถานท่ี และลักษณะกจิ กรรมการ เรียนรู้ ที่ อยกู่ ับ ศักยภาพและความพร้อมของกลุม่ เป้าหมาย ซึ่งเปน็ การตอบสนองนโยบายขอสำนักงานสง่ เสริม การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ซงึ่ ไดด้ ำเนินการดงั น้ี หลักสูตรการทำชะลอมจกุ พจมาน สาระสำคัญ การทำชะลอมจกุ พจมาน วัสดทุ ใ่ี ช้ในการทำ -ไมต้ อกไม้ไผก่ ว้างประมาณ 0.4 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร จำนวน 15 เสน้ -ไมต้ อกขนาดเสน้ เลก็ กวา้ ง 0.2 เซนติเมตร ยาว 50เซนตเิ มตร 1 เส้น -สียอ้ มผ้าทีต่ อ้ งการ ขน้ั ตอนวธิ ีการผลติ - จำนำไมท้ ่จี ะเอามาสานนน้ั ไปยอ้ มสี ใหเ้ ป็นสีตา่ งๆ ตามท่เี ราต้องการ อาจจะเป็นสี เขยี ว เหลือง แดง หรอื ว่าสอี ะไรกแ็ ล้วแต่ทีเ่ ราชอบ -นำไมท้ เ่ี รายอ้ มสเี สร็จ มาสานโดยใช้ไมต้ อก 2 เส้น วางไขวเ้ ป็นตวั X -นำไม้ตอกอกี 2 เสน้ สานขดั ด้านบนและดา้ นลา่ ง -นำไม้ตอกสานขดั 3 ทิศทางใหไ้ ด้ด้านละ 4 เสน้ รวมเปน็ ไม้ตอกท้ังหมด 12 เสน้ -จะเห็นวา่ ไมต้ อกทุกเส้น จะขัดกันธรรมดา ยก 1 ข้าม 1 จะไดร้ ูปหกเหลีย่ มเป็นจดุ ศนู ยก์ ลาง 1 รูปและมรี ูป-หกเหลยี่ มล้อมรอบ จำนวน 6 รูป -การขึ้นเปน็ ตวั ชะลอม ให้เลอื กจับมมุ ใดมมุ หนงึ่ นำไมต้ อกสานขวางจนรอบเป็นวงกลม ปลาย ไมต้ อกทรี่ อบให้ทับซอ้ นกับจุดเริม่ ต้นวนจนหมดความยาวของไมต้ อกใชไ้ มต้ อกสานลักษณะ เดยี วกันอีก 2 เสน้ โดยรอบจะไดช้ ะลอมขนาดยอ่ ม -นำไมต้ อกเสน้ เล็กสานขัดรอบบนสุดกันหลุด เท่าน้ีกเ็ สรจ็ สมบูรณ์ วตั ถุประสงค์ 1. เพือ่ ให้ประชาชนผู้รับบริการมคี วามรคู้ วามเข้าใจการทำชะลอมจุกพจมาน 2. เพอ่ื ใหป้ ระชาชนผู้รบั บรกิ ารมีทักษะและมองเห็นช่องทางการทำชะลอมจกุ พจมาน กิจกรรมการดำเนินการ จัดกจิ กรรมใหป้ ระชาชนกลมุ่ เปา้ หมายในตำบลทา่ ช้าง ได้แก่ 1. วิทยากรบรรยายใหค้ วามรู้ในเร่อื งต่อไปนี้ 1.1 ความปลอดภัยในการทำงาน 1.2 การใช้เครอื่ งมอื และอุปกรณ์ 1.3 วสั ด-ุ อปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการทำชะลอมจกุ พจมาน

~๕~ 1.4 ความรเู้ บ้ืองตน้ ในการทำชะลอมจุกพจมาน 1.5 เทคนิคการทำชะลอมจกุ พจมาน 2. วทิ ยากรและผ้เู รียนร่วมกนั แลกเปลีย่ นเรียนรู้การทำชะลอมจกุ พจมาน 3. วทิ ยากรบรรยายใหค้ วามรู้และสาธิตการทำชะลอมจุกพจมาน 4. ผูเ้ รียนเรยี นรูแ้ ละฝกึ การทำชะลอมจกุ พจมาน ผลที่ได้รับจากการดำเนินกจิ กรรม 1. กลมุ่ ผู้เรียนร้อยละ 80 มีความรแู้ ละทักษะ มองเห็นชอ่ งทางทำใหเ้ กิดรายไดเ้ สริมสรา้ งอาชีพให้ เกดิ ขึ้นภายในตำบล 2. กลมุ่ ผ้เู รียนร้อยละ 80 เกดิ กระบวนการเรียนร้มู ีการรวมกลมุ่ เพ่ือพัฒนาอาชพี 3. กลุ่มผูเ้ รยี นร้อยละ 80 เกดิ กระบวนการคดิ เป็น แก้ปญั หาเปน็ ในการหาชอ่ งทางการขยาย อาชีพ

~๖~ บทท่ี 4 ผลการดำเนนิ งาน จากการสำรวจความพงึ พอใจ การจดั การศึกษาต่อเนื่อง หลกั สูตรไม่เกนิ 30 ช่วั โมง หลักสูตรการทำ ชะลอมจุกพจมาน กศน.ตำบลหลักแกว้ มีผู้เข้ารว่ มโครงการ โดยใชแ้ บบประเมนิ ความพงึ พอใจ จำนวน 14 ฉบบั และ ได้รบั กลบั คนื มา จำนวน 14 ฉบับ วเิ คราะห์ข้อมูล โดยใชโ้ ปรแกรม Excel ตามข้นั ตอนต่าง ๆ ดัง ต่อ ไปน้ี 1. วเิ คราะหข์ ้อมลู จากแบบสอบถามตอนที่ 1 โดยแจกแจงความถ่ีและคา่ รอ้ ยละ 2. วเิ คราะห์ขอ้ มูลจากแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 โดยหาคา่ เฉลย่ี ( ������̅ )แปลความหมายขอ้ มลู เชิง ปริมาณ ใหร้ ะดับคะแนนในแบบสอบถามเปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดับ ตามเกณฑ์ประเมินความ คดิ เหน็ ของเบสท์ (Best. 1981 : 182 )ดังนี้ 4.51–5.00 หมายถงึ ความพึง พอใจอย่ใู นระดับระดับดีมาก 3.51–4.50 หมายถงึ ความพึง พอใจอยู่ในระดบั ระดับดี 2.51–3.50 หมายถึงความพึง พอใจอยู่ในระดับปานกลาง 1.51–2.50 หมายถึงความพึง พอใจอยใู่ นระดบั พอใช้ 1.00–1.50 หมายถึงความพึง พอใจอยใู่ นระดบั ปรับปรงุ 3. วเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแบบสอบถามตอนท่ี 3 ขอ้ มลู ท่ีเป็นมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) โดยหาคา่ เฉลี่ย ( ������̅ ) แปลความหมายข้อมลู แปลความหมายขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ โดยใช้เกณฑ์ขอ้ 2 ข้อมูลทเ่ี ปน็ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ ใชว้ ธิ ีการวิเคราะหเ์ นอ้ื หา (Content Analysis) จัดกลมุ่ คาตอบ และหา คา่ ความถ่ี สรุป ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจ หลกั สูตรการสานตะกร้า จากเชือกมัดฟาง ไดด้ ังน้ี

~๗~ ตอนที่ 1 ข้อมูลสว่ นตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม ข้อมลู ทัว่ ไป จำนวน รอ้ ยละ 00 เพศ ชาย 14 100 00 หญิง 1 7.14 4 28.57 อายุ 15 – 29 ปี 3 21.42 6 42.85 30 – 39 ปี 00 00 40 – 49 ปี 00 3 21.42 50 – 59 ปี 7 50.00 2 14.28 60 ปีข้นึ ไป 2 14.28 00 การศกึ ษา ตำ่ กวา่ ป.4 4 28.57 4 28.57 ป.4 4 28.57 2 14.28 ประถมศกึ ษา 00 มธั ยมศึกษาตอนตน้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย อนปุ รญิ ญา ปรญิ ญาตรี อ่ืนๆ อาชพี รบั จ้าง คา้ ขาย เกษตรกร รับราชการ อน่ื ๆ/แม่บ้าน/นกั เรยี น จากตารางท่ี 1 แสดงจำนวนผตู้ อบแบบสอบถามทง้ั หมด14คนเป็นเพศหญิงทั้งหมด14คน(คิดเป็นร้อยละ 100.00) ด้านอายุ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถาม สว่ นใหญม่ อี ายอุ ยูใ่ นชว่ ง 60 ปีขนึ้ ไป จำนวน ๖ คน คิดเป็นรอ้ ยละ 42.85 ลองลงมาอยใู่ นช่วง 40 – 49 ปี จำนวน 4 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 28.57 ลองลงมาอยใู่ นช่วง 50 – 59 ปี จำนวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 21.42 และชว่ ง 30 – 39 ปี จำนวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 7.14 ด้านการศึกษา พบวา่ ผูต้ อบแบบสอบถาม สว่ นใหญ่มกี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 7 คิดเป็นร้อยละ 50.00 ลองลงมาการศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น จำนวน 3 คน คิดเปน็ ร้อย ละ 21.42 และการศกึ ษาระดับอนุปริญญา จำนวน 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 14.28 และการศึกษาระดับ ปริญญา จำนวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 14.28 ดา้ นอาชพี พบว่าผตู้ อบแบบสอบถาม สว่ นใหญ่มีอาชีพรบั จ้าง จำนวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 28.57 ลองลงมาอาชพี คา้ ขาย จำนวน 4 คน คดิ เปน็ ร้อยละ28.57 และอาชพี เกษตรกร จำนวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ28.57 และอาชพี รบั ราชการ จำนวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 14.28

~๘~ แบบประเมนิ ความพึงพอใจ มีท้ังหมด 4 ดา้ น ผลการประเมนิ ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจด้านเนอ้ื หา ค่าเฉล่ยี ( ������̅) ความหมาย รายการประเมนิ 4.44 ดี 4.44 ดี เนื้อหาตรงตอ่ ความต้องการ 4.44 ดี เนื้อหาเพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ 4.45 ดี เนือ้ หาปจั จบุ นั ทนั สมยั 4.44 ดี เน้อื หามีประโยชน์สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวม จากตารางตอนท่ี 2 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจทีม่ ตี อ่ กิจกรรม ความพงึ พอใจด้านเนอ้ื หา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดบั ดี เมือ่ พจิ ารณาเป็นรายข้อ พบวา่ อนั ดับหน่ึงคอื เนือ้ หามปี ระโยชน์สามารถ นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ รองลงมาอับดับสองสามส่ี เท่ากนั คือ เนอื้ หาตรงตอ่ ความต้องการ/เนอ้ื หา เพียงพอตอ่ ความต้องการ และเนอ้ื หาปัจจุบันทันสมยั ตามลำดับ ตอนที่ 3 ความพงึ พอใจด้านกระบวนการดา้ นการจัดกิจกรรม ผลการประเมนิ รายการประเมนิ คา่ เฉล่ยี ( ������̅) ความหมาย 4.45 ดี การเตรียมความพรอ้ มก่อนจัดกจิ กรรม 4.44 ดี การออกแบบกจิ กรรมเหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ 4.46 ดี การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกับเวลา 4.45 ดี การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ 4.45 ดี วิธกี ารวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ 4.45 ดี รวม จากตารางตอนท่ี 3 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจทมี่ ีตอ่ กจิ กรรม ความพงึ พอใจด้าน กระบวนการด้านการจดั กิจกรรมและรายดา้ นอยู่ในระดบั ดี เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายขอ้ พบวา่ อนั ดับหนงึ่ คือ การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา รองลงมาอบั ดบั สองสามสี่ เทา่ กนั คอื การเตรยี มความพร้อมก่อนจัด กิจกรรม/การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ และวธิ กี ารวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และอนั ดบั สุดท้าย การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์ตามลำดับ

~๙~ ตอนที่ 4 ความพึงพอใจด้านวิทยากร ผลการประเมิน รายการประเมนิ ค่าเฉลี่ย ( ������̅) ความหมาย 4.47 วิทยากรมคี วามร้คู วามสามารถในเรอื่ งทถี่ า่ ยทอด 4.47 ดี วทิ ยากรมีเทคนคิ การถ่ายทอดและสอื่ ที่เหมาะสม 4.47 ดี วทิ ยากรเปดิ โอกาสใหม้ สี ว่ นรว่ มและซกั ถาม 4.47 ดี ดี รวม จากตารางตอนท่ี 4 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามมีความพึงพอใจทีม่ ีตอ่ กจิ กรรม ความพงึ พอใจด้านวิทยากร และรายดา้ นอยูใ่ นระดับ ดี เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่า อันดับหนง่ึ สองและสาม เทา่ กนั คือ วทิ ยากรมี ความร้คู วามสามารถในเร่อื งที่ถ่ายทอด/วิทยากรมีเทคนคิ การถ่ายทอดและสือ่ ที่เหมาะสม และวทิ ยากรเปดิ โอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม ตามลำดบั ตอนท่ี 5 ความพงึ พอใจด้านการอำนวยความสะดวก ผลการประเมิน รายการประเมนิ คา่ เฉลย่ี ( ������̅) ความหมาย 4.48 ดี สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก 4.47 ดี การส่ือสาร การสร้างบรรยากาศในเกดิ การเรียนรู้ 4.49 ดี การบรกิ าร การชว่ ยเหลอื และการแกป้ ญั หา 4.48 ดี รวม จากตารางตอนท่ี 5 พบว่าผตู้ อบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจที่มตี ่อกจิ กรรม ความพงึ พอใจด้านวิทยากร และรายดา้ นอยใู่ นระดบั ดี เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายขอ้ พบว่า อันดับหนง่ึ คือ การบรกิ าร การชว่ ยเหลือและ การแก้ปญั หา ลำดับท่ี สอง คือ สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์และสิง่ อำนวยความสะดวก และที่ลำดบั สาม คอื การ สอื่ สาร การสร้างบรรยากาศในเกิดการเรียนรู้ ตามลำดบั

~ ๑๐ ~ บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ผลการดำเนนิ การกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง หลักสตู รไม่เกนิ 30 ชว่ั โมง หลักสูตรการทำชะลอมจุก พจมาน กศน.ตำบลหลักแกว้ คร้งั น้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อประเมินผลความพงึ พอใจของผู้เรยี น/ผ้รู ับบรกิ ารทม่ี ตี อ่ กจิ กรรมโดยรวมและแยก เปน็ รายด้าน โดยใช้แบบสอบถามจำนวน 14 ฉบบั เครอ่ื งมอื ที่ใชเ้ ปน็ แบบสอบถาม ทเ่ี ปน็ แบบมาตราส่วนประมาณ คา่ 5 ระดบั ตามเกณฑ์ประเมินความคิดเห็นของเบสท์ (Best. 1981 : 182) วเิ คราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ( ������̅) แปลความหมายข้อมูล แปลความหมายขอ้ มูลเชิงปรมิ าณ โดยใช้เกณฑข์ อ้ 2 ขอ้ มูลท่ีเป็นความคิดเห็น และ ขอ้ เสนอแนะ ใช้วธิ ีการวเิ คราะหเ์ น้ือหา (Content Analysis) จัดกล่มุ คำตอบ และหาค่า ความถี่ สรปุ ผลการประเมินความพึงพอใจของผูเ้ รยี น/ผู้รบั บรกิ าร จากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจสรุปผลได้ ดังน้ี 1. ดา้ นหลกั สตู ร พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจอยู่ในระดบั ดี เมือ่ พจิ ารณา เปน็ รายขอ้ พบวา่ อันดบั หนึ่งคือ เนื้อหามีประโยชน์สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพชีวติ รองลงมาอบั ดบั สองสามส่ี เท่ากนั คอื เนื้อหาตรงตอ่ ความตอ้ งการ/เน้ือหาเพียงพอต่อความตอ้ งการ และเนอ้ื หาปัจจุบัน ทันสมัย ตามลำดับ 2. ความพึงพอใจด้านกระบวนการด้านการจดั กิจกรรมและรายดา้ นอยูใ่ นระดับ ดี เมือ่ พจิ ารณาเป็นรายขอ้ พบว่า อันดบั หนงึ่ คอื การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา รองลงมาอบั ดบั สองสามสี่ เท่ากนั คือ การเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นจัดกิจกรรม/การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ และวิธีการวัดผล/ ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์ และอนั ดบั สดุ ท้าย การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ ตามลำดบั 3. ความพงึ พอใจดา้ นวทิ ยากรและรายด้านอย่ใู นระดบั ดี เมือ่ พิจารณาเป็นรายขอ้ พบว่า อนั ดับหนึ่งสองและสาม เท่ากนั คอื วทิ ยากรมคี วามรู้ความสามารถในเรอ่ื งที่ถ่ายทอด/วทิ ยากรมีเทคนิคการ ถ่ายทอดและสอ่ื ท่ีเหมาะสม และวทิ ยากรเปดิ โอกาสใหม้ ีสว่ นร่วมและซกั ถาม ตามลำดบั 4. ความพงึ พอใจดา้ นวทิ ยากรและรายดา้ นอยู่ในระดับ ดี เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายขอ้ พบว่า อนั ดบั หนึ่ง คอื การบริการ การช่วยเหลอื และการแก้ปัญหา ลำดับท่ี สอง คือ สถานท่ี วสั ดุ อปุ กรณ์และสิง่ อำนวยความสะดวก และท่ีลำดับสาม คือ การสือ่ สาร การสร้างบรรยากาศในเกิดการเรียนรู้ ตามลำดบั ผลการดาเนนิ งาน 1. จำนวนผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมการศึกษาต่อเน่ือง หลักสูตร สานหูหิว้ แก้วเยจิจากเชือกมัดฟาง กศน.ตำบลท่าช้าง จำนวน 14 คน คอื กล่มุ เป้าหมายร้อยละ 85 มีความรูท้ กั ษะ มองเห็นชอ่ งทางในการ ประกอบอาชีพ กลุ่มเปา้ หมายเกดิ กระบวนการเรียนรู้ มีการรวมกลมุ่ เพ่อื พัฒนาอาชีพกลมุ่ เป้าหมายมกี าร บรหิ ารจดั การกล่มุ ท่ีดี สามารถพัฒนาอาชพี ของกล่มุ ได้ 2. ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมการศกึ ษาตอ่ เนอ่ื ง หลักสูตร สานหูหิ้วแก้วเยจิจากเชอื กมดั ฟาง ไดใ้ ห้ความรว่ มมอื ร่วมใจและลงมือทำเปน็ อย่างดี 3. ผู้เขา้ ร่วมกิจกรรมการศึกษาตอ่ เนื่อง มีความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรม ในระดบั ดี ตาม แบบประเมินความพงึ พอใจในการ จัดกิจกรรม ที่แนบมานี้ ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัตงิ าน

ภาคผนวก












Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook