หน้า 51 ตน้ ไม้ต้นหนง่ึ ได้เอียงมาเหนือทางเดิน และก่ิงไมก้ ่ิงหนง่ึ อยู่เหนอื พ้ืนดิน 5 ฟตุ พอดี ในขณะท่ีผ่านต้นไม้น้ี หลงั ไม้ได้ถกู กิ่งไมแ้ ละมีขน 2-3 เส้น ติดอย่ทู ี่กิง่ ไมน้ ้นั ฉนั จงึ เห็นวา่ เปน็ สเี ทา สงู 15 แฮน ในขณะที่มา้ ว่งิ อยูน่ นั้ ฉนั จงึ เห็นวา่ เป็นสีเทา สูง 15 แฮน ในขณะทม่ี ้าวิง่ อย่นู น้ั เท้าของม้าขา้ งหน่ึงไปโดนหิน และ ทาใหเ้ ศษเงนิ เล็กๆช้ินหนงึ่ กระเดน็ ออกจากเกอื กมา้ ในทานองเดียวกัน มา้ ได้หยดุ กินหญา้ อยู่ตดิ กบั ก้อน หิน และได้เอาปากของมันถูกบั ก้อนหิน ซง่ึ ปรากฏว่ามคี ราบทองติดอยู่ จึงคิดว่าเหลก็ ขวางปากม้าต้องมี ลายดนุ เป็นทอง ตัวอยา่ งการฝึกหัดในการอา่ นรอ่ งรอย นารอ่ งรอยบนพ้ืนดนิ ที่อ่อนเพื่อแสดงถึงเหตุการณบ์ างอย่าง มีคนขร่ี ถจักรยานคนหนง่ึ มาพบเด็กคน หนงึ่ ทีก่ าลงั เดนิ มา จงึ ลงจากรถจักรยานมาสนทนากบั เพอื่ นของเขา แลว้ กข็ ึ้นขรี่ ถจกั รยานต่อไป ในเรื่องน้ี ให้เดก็ ดูรอยต่างๆแล้วพยายามหาความหมายจากรอยเหล่านัน้ การหล่อรอยเท้าสตั วด์ ้วยปนู ปลาสเตอร์ . เม่ือลูกเสอื เดินทางไกล อปุ กรณ์อกี อย่างหนง่ึ ซ่งึ นาติดตัวไปดว้ ยสงิ่ นน้ั คอื ปนู ปลาสเตอร์ ซึง่ ใช้หล่อ รอยเทา้ สตั วห์ รือรอยต่างๆท่ีพบมา เพื่อเปน็ หลกั ฐานในการเรียนรู้ ซง่ึ วิธีใชป้ นู ปลาสเตอร์กส็ ะดวกและ ง่ายสาหรับลกู เสือดังน้ี คอื 1. ผสมปูนปลาสเตอรโ์ ดยตกั นา้ ใสข่ ันนา้ หรือภาชนะทส่ี าหรับผสมปนู ปลาสเตอรไ์ ม่ให้น้ามากเกินไป แลว้ เทปูนลงไปจนบบุ เสมอน้า ผสมปูนปลาสเตอร์กบั น้า 2. หยอดลงไปในรอยเทา้ สัตว์ หรือส่ิงอื่นๆเท่าทีต่ ้องการ 3. ท้ิงไว้พอปูนแหง้ กย็ กขึ้น เมื่อปูนแห้งดแี ล้วก็แกะ ออกจากรอยนัน้ ๆ ก็จะได้รอยทนี่ นู จากรอยเดิมออกมา และเพอ่ื ให้ไดร้ อยเทา้ จรงิ กม็ าหลอ่ อกี ครัง้ หน่งึ โดยใชป้ ูนปลาสเตอรผ์ สมแบบเดมิ ดังกลา่ ว ไม่เหลวหรือขน้ จนเกนิ ไป เทใส่ ในเบา้ ท่ีเตรียมไว้ แล้วเอารอยเท้าทห่ี ล่อมาจากป่า หรือท่ีอืน่ กดลงในปนู ท่ีเทใหม่ กอ่ นกดลงใชน้ า้ มัน ทาเสียก่อน เพ่ือสะดวกในการแกะออกจากเบ้า กจ็ ะไดร้ อยอันแท้จริง หรืออกี นยั หนึ่ง ในกรณีท่หี ล่อรอยอาจใชว้ ธิ ีเพือ่ ใหไ้ ด้รอยเท้าที่แท้จรงิ จากการหล่อเป็นเพยี งรอยท่ี นนู ก็ทาได้อกี วิธีหนึง่ คือ วางรอยนูนท่ีไดจ้ ากขั้นแรกให้หงายขึ้นจากพ้นื ใชด้ ินเหนยี วหรอื ดนิ น้ามนั คลงึ เปน็ แทง่ ยาวแลว้ ทาให้แบนวางตงั้ สนั ขดเส้นดนิ ขดล้อมรอบรอยนูนเม่ือกั้นปูนปลาสเตอร์ใหไ้ หลไป ขณะท่กี าลงั เทปูน ใช้น้ามนั ทาแบบรอยนูนและพนื้ บริเวณท่แี ผ่นดนิ ก้ัน ตอ่ จากน้ันกผ็ สมปนู ให้ความ เขม้ ข้นพอดี คอื ไมเ่ หลวหรอื ขน้ เกนิ ไป เทลงบนเบา้ เตม็ บริเวณท่ีกน้ั นั้น ทิ้งไว้สกั ครจู่ นปูนแข็งตวั แกะ ออกจากเบา้ รอยนูน กจ็ ะไดร้ อยอันแท้จริงเช่นเดียวกนั งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
หนา้ 52 วิธเี ก็บรอยหลอ่ ที่ได้ แผน่ รอยปนู ปลาสเตอรจ์ ะเก็บไว้นาน สามารถจะเกบ็ ไว้เพอ่ื การศึกษาหรือพิจารณาประกอบการ เรียนรูอ้ ย่างมรี ะบบ ซึ่งมวี ธิ ีเก็บอย่างงา่ ยคอื 1. เขยี นฉลาก วนั เดือน ปี ท่หี ลอ่ รอยน้ันปดิ ไว้ 2. เขียนชอ่ื สัตวว์ ่าสัตวอ์ ะไร 3. เขยี นสถานท่หี ล่อว่าหลอ่ มาจากท่ไี หน อนงึ่ วิธีการดงั กลา่ วนเ้ี ป็นแต่เพียงการหล่อรอยเท้าสัตว์อย่างเดียวดว้ ยปนู ปลาสเตอร์แต่เพียง สังเขปเท่านนั้ เพ่ือให้ลูกเสอื ไดเ้ รยี นรู้และปฏบิ ตั พิ อเพยี งเป็นแนวทาง การทาทางสะกดรอย การสะกดรอยนัน้ จะตอ้ งเรยี นด้วยการปฏบิ ัตจิ รงิ โดยการฝกึ ตนเอง มเี พ่ือนเปน็ ผชู้ ่วย ต่อจากน้นั ก็เป็นการศกึ ษาข้ันตน้ ที่เก่ียวข้องกบั การเดนิ ทางและการสะกดรอยเป็นตน้ วา่ ในเรื่องเคร่ืองหมายการสะกดรอย ตามความรใู้ นวชิ าเชงิ พราน และลกู เสือมีความจาเป็นจะต้องผ่านหรือควรฝึกให้สงู ขึ้นไปอีก เชน่ การสงั เกตและ จารอยเทา้ คน รอยเทา้ สตั วท์ ้ังสตั ว์เล็กและสัตว์ใหญ่ รอยรถยนต์ รอยเกวียน ฯลฯ เปน็ ผูท้ ี่หูไว ตาไว เครอ่ื งหมายสะกดรอยตามความรู้ในเชงิ พราน คาวา่ เครื่องหมายน้นั เป็นคาทใ่ี ชใ้ นการลูกเสือ หรือหมายถึงรายละเอยี ดเล็กๆนอ้ ยๆ เช่น รอยเท้า ก่ิงไม้ หกั หญ้าทถ่ี ูกเหยียบ เลอื ดหนึ่งหยด ผมหนึ่งเส้น ฯลฯ กลา่ วคือ สงิ่ หนง่ึ หรอื สงิ่ ใดทอี่ าจจะชว่ ยเป็นเงอ่ื นใน การเดนิ ทางตามถนนหรือตามปา่ ถา้ ไปเป็นจานวนมากๆ และแยกยา้ ยกันเดนิ กย็ อ่ มจะเกิดพลัดหลงไดง้ า่ ย แตถ่ ้า ผู้ไปข้างหนา้ ได้สรา้ งเคร่ืองหมายไวใ้ ห้เปน็ ที่สงั เกตเป็นระยะๆ ก็จะชว่ ยการเดนิ ทางของผู้ที่มาทหี ลังไปสยู่ ัง จุดหมาย ไดถ้ ูกต้อง เครื่องหมายตา่ งๆ นั้นให้ใช้จากวัสดุธรรมชาตทิ จี่ ะหาไดใ้ นทีน่ นั้ อาจจะเอาก้อนหนิ กอ้ นเล็ก วางลงบนก้อนใหญ่หรือรวบกองหญ้าแลว้ มัดปลายไว้ หรอื เอาก่งิ ไมเ้ ล็กปักบนดนิ เครือ่ งหมายเหล่าน้ี หมายความว่า ตรงไป หรอื ใหไ้ ปทางน้ี อนึ่ง เคร่ืองหมายเลยี้ วขวาหรอื ให้ไปทางขวา เอากอ้ นหนิ ก้อนเลก็ วางทางขวาของก้อนใหญว่ างกิ่งไทเ้ ล็กๆ ลงบนดินใหป้ ลาย 1 อนั หนั ไปทางขวา หกั กิ่งไมใ้ หไ้ ปทางขวามือและวางก่ิงไมเ้ ล็กๆ ทาเปน็ มุม โดนในทานอง เดยี วกนั ถ้าตอ้ งการใหเ้ ดินเลี้ยวซ้ายหรอื ไปทางซ้ายกใ็ หเ้ ครอื่ งหมายต่างๆ อยู่ทางซ้ายหรือเอนไปทางซา้ ย นอกจากเรอ่ื งเครือ่ งหมายดังกลา่ วแลว้ ยงั มเี ครอื่ งหมายสะกดรอยของลูกเสอื ที่ทาบนดนิ หรอื ถนน แต่ ไมค่ วรเขียนดว้ ยชอล์กหรอื ถ่านบนกาแพง หรอื ทาให้ทรพั ย์สนิ ของผู้อ่นื เสยี หาย หรือเป็นการทาลายความ สวยงาม การสงั เกตและจา การจาสิง่ ของนน้ั เปน็ การฝึกให้ลูกเสือเป็นผทู้ ม่ี ีความสังเกตและจาดี ทัง้ โดยการฝึกประสาท ท้ัง 5 คอื ประสารตา หู ลนิ้ จมกู ประสาททางรา่ งกาย เช่น มอื เมอ่ื ประสาทน้ันๆสมั ผัสกบั สางใดๆแล้ว ลูกเสอื จะต้องรวู้ า่ สง่ิ นนั้ คืออะไร ตลอดจนรู้รายละเอียดต่างๆ เก่ียวกับส่ิงนั้นใหม้ ากทีส่ ุด เชน่ เห็นด้วยตา กอ็ าจบอกได้ว่า สง่ิ น้นั เล็กหรือใหญ่แคไ่ หน ใกล้ไกลเพยี งใด สงู หรอื ต่าเท่าใด เป็นตน้ จาส่ิงของอาจฝึก ประสาทโดยการแบ่งออกเปน็ ข้อๆ คือ ฝึกพจิ ารณาสังเกตและจดจาตามลาดับ การฝึกขั้นแรกอาจฝึกดว้ ย ตัวเองและเริ่มง่ายๆก่อน ครน้ั เม่อื มีความชานาญและความจาดีแลว้ จงึ คอ่ ยดยู ากขึ้นตามลาดับ เช่นขาไปใน หอ้ งเรยี นวา่ มอี ะไรบา้ งใหด้ ู 1 นาที กก็ ลบั มาเขียนรายงานช่ือสิง่ ของนั้นๆทเ่ี ป็นหม่พู วกเดียวกัน เช่น งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1/ 2558
หน้า 53 เครือ่ งแตง่ กาย (เสอ้ื กางเกง รองเทา้ ถงุ เท้า หมวก เคร่ืองเขียน หมึก ปากกาดินสอ ฯลฯ) การฝึกนี้ ใหฝ้ ึกแต่ละอยา่ งกอ่ น เมื่อชานาญดแี ลว้ จึงคละกันไปหลายๆอย่าง การทาทาง การสะกดรอยนัน้ จะต้องเรียนรดู้ ว้ ยการปฏิบัติจริง โดยการฝกึ ตวั เราเองมีเพ่ือนเป็นผูช้ ว่ ย ต่อ จากน้นั กเ็ ปน็ การศึกษาขนั้ ต้น 1. เลือกเสน้ ทางท่ีมรี ะยะทางพอสมควรแลว้ ใหเ้ พอื่ นเปน็ ผู้ทาเครือ่ งหมายไว้ เมอ่ื เริ่มต้น เราก็สงั เกตไป ตลอด ถ้าหากเรามกี ารสงั เกตดกี ็จะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ถูกต้อง 2. ให้ลกู เสือคนหน่งึ ไปทาเคร่ืองหมายไว้ทางขวาของเส้นทาง เคร่อื งหมายควรอยใู่ กล้ดนิ ไม่ควรอยสู่ ูง กว่าหัวเขา จานวนเคร่อื งหมายตามกาหนด และอาจเพมิ่ เติมรปู เครือ่ งหมายอน่ื ก็ได้ 3. เม่ือทาเครื่องหมายเสร็จแล้วก็ใหอ้ ีกคนหนึ่งเดินทางเส้นทางน้ัน เม่ือพบเครอ่ื งหมายใดก็จดรปู เครือ่ งหมายนน้ั ไว้ และบอกด้วยว่าอยทู่ ี่ใด 4. สาหรบั คนตอ่ ไปก็ปฏบิ ัติเชน่ เดยี วกนั ข้อสาคัญอยา่ ทาลายเคร่ืองหมาย เพราะเปน็ การแกลง้ ผ้มู าทีหลัง จะไมเ่ หน็ เครอื่ งหมายน้นั เวน้ แต่คนสุดทา้ ยจงึ ทาลายเครื่องหมายน้ันได้ เมื่อมีความชานาญข้นตามลาดับ การวางเครอ่ื งหมายในที่ตา่ งๆกใ็ ห้อยากข้นึ เช่น ถา้ ไมส่ งั เกตก็จะ มองไมเ่ หน็ เวลาก็ลดน้อยลงทาการฝึกเช่นนี้หลายๆครง้ั จนเกดิ ความชานาญและสามารถทาทางสะกด รอยประกอบเครอื่ งหมายมรี ะยะทางยาวอยา่ งน้อย 1 ก.ม. โดยใหม้ เี คร่ืองหมายทาด้วยวสั ดุธรรมชาติ ทแี่ ตกตา่ งกนั อย่างน้อย 4 ชนิด จานวนไมน่ ้อยกว่า 20 เครอ่ื งหมาย การทาทางสะกดรอยดังกลา่ วใหท้ าบนเส้นทางท่ีลูกเสือไม่ค้นุ ซึง่ อาจจะเปน็ ทางเกวียนทางเท้า เล็ก ทางเก่า หรือเส้นทางท่ีกาหนดขึ้นใหม่ บางช่วงของระยะทางอาจตดั ขา้ มถนนก็ได้ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
หน้า 54 หวั หนา้ คนครวั ในการอยู่คา่ ยพักแรมของลกู เสือจาเปน็ ต้องมกี ารประกอบอาหารเพื่อรับประทานในหมู่ซึ่งมี จานวนหลายคน ความจาเป็นในการเตรยี มอาหาร จัดทาอาหารและสารองอาหารเพอื่ การกอบอาหารคร้ัง ต่อไปมีความจาเปน็ อย่างย่ิง ลกู เสอื ทุกคนจะตอ้ งฝึกหัดให้มีความรูแ้ ละความในการเตรียมและประกอบ อาหารใหเ้ พียงหอ ดังน้นั เม่ือไม่ให้เกดิ ปัญหาหรืออุปสรรคในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ จงึ ได้กาหนดใหผ้ ทู้ ี่ รบั ผดิ ชอบเร่ืองอาหารมหี น้าที่เปน็ หัวหนา้ คนครัว หัวหนา้ คนครวั คอื ผู้ทม่ี ีความรับผดิ ชอบในการจดั เตรียมอาหาร วสั ดุทใ่ี ช้ในการประกอบอาหาร ตลอดจนการควบคมุ การประกอบอาหาร ใหถ้ ูกต้องตามวิธีการของลูกเสอื โดยมีคนครัวเป็นผูช้ ว่ ยในการ ประกอบอาหารให้มปี ริมาณเพียงพอสาหรบั สมาชิกภายในหมู่ของตน เมอื่ มีการอยคู่ ่ายพกั แรมตามจานวน วนั ที่กาหนด ความสาคัญของอาหาร อาหารเป็นสง่ิ จาเป็น สาหรบั มนุษยใ์ นการเสรมิ สร้างความเจรญิ เติบโตของรา่ งกายให้แข็งแรง มสี ขุ ภาพ อนามยั ที่ดี สามารถประกอบกจิ การตา่ งๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ฉะนั้นการรับประทานอาหารที่มีคณุ ค่า และเหมาะสมกับวยั จงึ เปน็ สิง่ สาคญั อยา่ งยิ่ง อาหารที่จาเป็นและสาคัญสาหรับชีวติ แบง่ ออกเป็นประเภทใหญๆ่ ได้ 5 ประเภท คือ 1. คารโ์ บไฮเดรต 2. โปรตีน 3. ไขมนั 4. วติ ามินและเกลือแร่ 5. น้า การประกอบอาหาร ในการไปอยคู่ ่ายพักแรมนั้น ลูกเสือจะต้องประกอบอาหารเอง ลกู เสอื แต่ละหมจู่ ึงควรคดิ รายการอาหาร เสยี กอ่ นวา่ มื้อใดจะรับประทานอะไร และต้องเตรยี มอาหารลว่ งหนา้ ด้วยอาหารท่จี ัดเตรียมควรมปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกายและเหมาะสมแก่วยั ของตนเอง การประกอบอาหารลูกเสือควรคานงึ ถงึ สงิ่ ต่อไปน้ี คือ 1. เปน็ อาหารชนิดงา่ ยๆ แต่ให้คุณคา่ ทางโภชนาการและใช้เวลาในการประกอบอาหารไม่นานนัก 2. ควรมีราคาพอสมควร 3. ควรมปี ริมาณที่เพียงพอแกส่ มาชกิ ในหมทู่ ุกคน วิธปี รุงอาหารมีหลายรูปแบบ ท่คี วรทราบมดี งั น้ี 1. ตม้ คอื การทาให้สุกโดยโดยน้าเดอื ด ทาได้โดย 2 วธิ ีคอื 1.1 ใส่เมื่อน้าเดือด เชน่ ต้มปลา 1.2 ใส่พร้อมกนั ตั้งแต่แรกต้ังนา้ เชน่ ตม้ ไข่ 2. น่งึ คือ การทาให้น้าสุกจากไอน้าเดือด โดยใชห้ ม้อหรือภาชนะสาหรบั น่งึ วางบนกระทะหรือภาชนะสาหรับ น่งึ วางบนกระทะหรือใสใ่ นหม้อน้าเดือด งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรนี นทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสอื โลก มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 55 3. อบ โดยการใช้เตาอบ หรอื ภาชนะอื่นตามความเหมาะสม เป็นการทาให้สุกโดยอาศัยความร้อน 4. ปง้ิ คือ การทาให้ผวิ นอกของอาหารทีต่ ้องการป้งิ เช่น ปลา เนือ้ เนอ้ื ในใหส้ ุก การป้งิ ต้องใชไ้ ฟออ่ น 5. ยา่ ง คอื การทาให้ผิวนอกนมุ่ ขา้ งในสกุ การยา่ งถ้าตอ้ งการใหห้ อมควันไฟควรใชก้ าบมะพร้าวใสเ่ พือ่ ให้ได้ ควนั 6. เผา คอื การทาใหส้ ุกโดยใช้ไฟแรง วางของทจี่ ะเผาลงในไฟ เชน่ เผาไข่ เผาพรกิ หอม กระเทยี ม เปน็ ตน้ การเผาจะทาใหม้ ีกล่ินหอมและรสอร่อย 7. ลวก เป็นวิธกี ารต้มอยา่ งครง่ึ ดิบ ครง่ึ สกุ หรือดิบๆ สกุ ๆ คอื ต้มน้าใหเ้ ดือดแลว้ ใส่ส่งิ ท่ีจะลวกลงไป รบี ตักขึน้ 8. ตุ๋น คอื การอบดว้ ยไอนา้ เดือด โดยใชห้ มอสองช้ันซ้อนกัน ใบนอกใส่นา้ ใบในใส่ของท่จี ะตุ๋น 9. ทอด คือ การทาให้อาหารสกุ หรอื การอบดว้ ยน้ามนั ร้อนๆ 10. จี่ คอื คล้ายทอด แตใ่ ชน้ ้ามนั น้อยๆพอไมใ่ หต้ ิดกระทะ 11. เจียว คล้ายทอด แต่ใช้นา้ มนั มากกว่าเล็กนอ้ ย 12. รวน คือ การทาให้อาหารสุกด้วยนา้ มันหรอื นา้ 13. ผัด คอื การทาอาหารโดยใช้น้ามนั หรอื กะทลิ งในกระทะ แลว้ นาส่วนประกอบต่างๆทีต่ ้องการผดั ใสค่ นใหส้ ุก ท่วั และปรุงรสตามชอบ การหุงข้าว การหงุ ขา้ ว คือการทาให้ขา้ วสุกด้วยความรอ้ น มี 2 วิธคี ือ 1. การหุงข้าวแบบเชด็ นา้ เปน็ การหงุ ข้าวโดยการรนิ นา้ ทิ้งเมอื่ ข้าวสุกได้ท่ีแล้วการหุงข้าววิธีน้ีจะทาใหแ้ ร่ธาตุ วติ ามนิ และส่งิ ท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อรา่ งกาย สูญเสียไปกับน้าทีร่ ินทิ้ง วธิ ีหงุ ข้าวแบบเช็ดนา้ ใชข้ ้าว 1 สว่ น นา้ 3 สว่ น เม่อื ข้าวเดือด สงั เกตดหู อเมด็ ข้าวเร่มิ บานยกลงจากเตาปิดฝาหมอ้ ใช้ไม้ขัด ข้าวเพ่ือกันเมล็ดขา้ วหก รนิ น้าข้าวท้ิง จากนน้ั ยกขึ้นดงบนเตาหมนุ ไปรอบๆให้ข้าวสกุ ทัว่ หม้อ 2. การหุงแบบไมเ่ ช็ดนา้ เปน็ การหงุ ข้าวแบบไม่รนิ น้าทิง้ ใหน้ ้าแหง้ พร้อมกับข้าวสุก การหุงขา้ ววิธีน้ที าใหไ้ ม่ สญู เสยี วิตามินและคุณค่าของสารอาหาร วธิ ีหุงขา้ วแบบไมเ่ ช็ดนา้ ใชข้ ้าว 1 สว่ น นา้ สองสว่ น หรอื ข้นึ อยกู่ ับประเภทและชนิดของข้าว เมื่อขา้ วเร่มิ เดอื ดให้สงั เกตเมลด็ ข้าว มีไตสขี าวเหลืองเล็กน้อย ½ พอนา้ จวนแห้งปิดฝาหม้อให้สนทิ เอาถ่านหรือฟนื ออก เรยี กว่าราไฟ เมื่อ นา้ ขา้ วแหง้ ใหเ้ หลอื ถ่านหรือฟืนเล็กน้อย ดงข้าวจนกวา่ จะสกุ ได้ท่ี การน่งึ ขา้ ว การน่ึงข้าวคือ การทาใหข้ ้าวสุกจากไอนา้ โดยการใชห้ ม้อนึ่งหรือลงั ถงึ ตัง้ บนกระทะหรอื หม้อน้าเดือด วิธีการนงึ่ ขา้ ว ใชข้ า้ ว 1 ส่วน ใส่ในชามหรือภาชนะสาหรบั นึ่ง นาไปต้งั ในหมอ้ น่ึงหรือลงั ถึงทีว่ างบนกระทะหรือหม้อน้า เดอื ด ตง้ั ไฟจนกวา่ ข้าวสกุ การสงั เกต ข้าวสุกจะไมเ่ ปน็ ไตขาว เมลด็ บานเต็มท่ีและไมแ่ ฉะนา้ ในกรณที ่ีข้าวน่ึงดิบให้เพ่ิมน้าลงไปใน ข้าวเลก็ นอ้ ยแลว้ นึ่งต่อไปอีกระยะหนึ่ง งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลกู เสือโลก มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หน้า 56 การหลามข้าว การหลามขา้ วคอื การทาใหข้ ้าวสุก โดยการใชก้ ระบอกไม้ไผต่ ดั เป็นท่อนๆแทนภาชนะหุงตม้ อน่ื ๆ ล้าง กระบอกไม้ไผ่ใหส้ ะอาด ใสข่ า้ วและน้าพอประมาณ ไม้ไผ่ทใี่ สข่ ้าวให้เอยี งเข้าหากองไฟ หรอื ขุดเป็นหลุม ต้ัง กระบอกขา้ งหรือสุมไฟรอบๆ1/2 กระบอกข้าวความร้อนจากกองไฟ จะทาใหข้ า้ วในกระบอกสุกได้ การเลือกซ้ืออาหาร การเลอื กซื้ออาหาร ควรแบ่งประเภทเปน็ ของสกุ ของแห้ง และเบ็ดเตลด็ การเลือกซ้อื อาหารจาพวกผกั เน้ือปลา เนอ้ื สตั ว์และไข่ เพ่ือให้ได้ของสดนั้น มีวธิ กี ารเลอื กซื้อดังต่อไปน้ี คอื 1. ประเภทเนื้อสัตว์ 1. เนอ้ื หมูทดี่ ีตอ้ งมีสชี มพู มนั สีขาว ถ้าเป็นสเี หลอื งเป็นหมูแก่ และถา้ เป็นหมูคา้ งคืน หนังจะมยี าง เหนยี ว เนอื้ เรม่ิ มสี ีเขยี วคลา้ 2. เนือ้ ววั ท่ดี ี ต้องมสี ีแดงสด เนอื้ แน่นมันสเี หลือง ถา้ ไมส่ ดจะมีสเี ขยี วคล้า 3. เน้ือควายที่ดี ต้องมสี ีแดงคล้า มันสขี าว ถา้ ไมส่ ดจะมสี ีดาคลา้ 4. เนือ้ ไกท่ ด่ี ีและสด จะต้องมหี นังบาง เตม็ ไม่ยน่ สไี มซ่ ีด ใต้หนังมนั สีเหลือง ไกส่ ดตาจะใส ตรง รอยเชอื ดที่คอไม่เขียวช้า ไม่มกี ล่นิ เหม็น ไกแ่ กเ่ นื้อจะเหนียว รขู นปมุ่ ใหญ่ ไก่ออ่ นเน้ือไมเ่ หนียว รู ขนป่มุ เล็ก ปลายจมูกอ่อนนุ่ม กดกระดหู นา้ อกจะงอได้ 5. เนื้อปลาที่ดีและสด ผิวเป็นมัน มเี มอื กใสๆบางๆหุ้มทัง้ ตวั เกลด็ แนบกับหนัง ไสไ้ ม่ทะลกั หรือบวม ออกมา ตาใส เหงือกแดง เนอ้ื แน่น ไม่มกี ล่นิ ปลาสดจะจมนา้ ปลาเน่าจะลอยนา้ 2. ประเภทผกั 1. ควรซอื้ ผกั ตามฤดูกาล จะได้ผักสด มรี สชาตแิ ละราคาถูก 2. ผกั ทม่ี ดี นิ ติดอยูเ่ ปน็ ผักท่ีสด 3. ผกั บางชนิดมวี ติ ามนิ และเกลือแร่ทีเ่ ปลือก ไม่ควรปลอกทงิ้ 3. ประเภทไข่ 1. ไขท่ ด่ี ีเปลอื กจะบาง และสากมือบา้ งเล็กนอ้ ย 2. ไขส่ ดเม่ือสอ่ งดู โพรงอากาศเลก็ ไข่ไมส่ ดโพรงอากาศใหญ่ 3. เลอื กตามขนาดและนา้ หนัก ควรเลือกฟองใหญจ่ ะมคี ณุ ภาพดกี ว่า 4. เปลือกไขต่ ้องไมบ่ ุบหรอื ร้าว และตอ้ งสะอาด 5. ไขใ่ หม่ถ้าส่องดจู ะเห็นเงาไขแ่ ดงภายในไดร้ างๆ 4. ประเภทปู 1. ปูทะเลควรเลอื กซื้อปูทยี่ ังไมต่ าย โดยสงั เกตตาของปกู ระดิกได้ ปูตายเน้ือจะน้อย ไม่มีรส ควรเลอื ก ตัวท่หี นกั ๆ เน้อื จะแนน่ 2. ปูมา้ ควรเลือกปูทสี่ ด โดยสงั เกตจากขาและก้ามไมต่ ก 5. ประเภทหอย หอยสดฝาจะปิดสนิท 6. เคร่ืองกระป๋อง 1. ไมค่ วรเลือกซ้ือกระปอ๋ งทเ่ี ปน็ สนมิ หรือบุบมากๆ งานเนตรนารี โรงเรยี นสตรีนนทบรุ ี หลกั สูตรลูกเสอื โลก มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1/ 2558
หนา้ 57 2. ทดลองโดยเอาน้าหยดลงบนกระปอ๋ ง 2-3 หยด และเอาเหล็กแหลมหรือตะปเู จาะลงตรงนนั้ ใหท้ ะลุ ถ้าลมในกระป๋องดูดนา้ ลงไปกระป๋องน้นั รบั ประทานได้ ถา้ มอี ากาศดันน้าปูดขน้ึ มา เป็นของเสยี ไม่ ควรรบั ประทาน หลกั ในการจดั รายการอาหารประจาในหนง่ึ วัน ม้อื เช้า จัดเป็นม้ือทีส่ าคญั มาก อาหารม้ือน้ีควรจัดเปน็ อาหารท่ีทาง่าย รบั ประทานสะดวก แต่มี คุณภาพและปริมาณมากพอ มือ้ กลางวัน มคี วามสาคัญพอๆกบั ม้ือเชา้ ควรรับประทานให้อิม่ ฉะนั้นอาหารม้ือกลางวัน ควรเปน็ อาหารที่หนกั กว่าม้ือเชา้ มื้อเย็น ถึงแมจ้ ะเป็นม้ือท่ีมีเวลาการจดั เตรยี มอาหารมากกว่ามอื้ อ่ืน แตไ่ มค่ วรมีปริมาณมากนัก เพราะ ช่วงกลางคืน การใช้พลงั งานมีน้อยกว่ากลางวัน ดังรน้ั อาหารม้อื เย็นควรรบั ประทานพออ่ิม และได้คณุ คา่ ทางอาหารสมบรู ณเ์ พียงพอ กจิ กรรมเสรมิ ตัวอยา่ งการจดั ทากับข้าว 4 อย่าง สาหรบั ลูกเสือหนึ่งหมู่ (ม้ือเยน็ ) รายการอาหาร 1. ข้าวสวย (หุง น่ึง หรอื หลาม อย่างใดอยา่ งหนง่ึ ) 2. แกงไก่มะเขือเปาะ 3. ผดั ผักคะนา้ น้ามนั หอย 4. ยากุนเชยี ง 5. ไข่เจียว ตัวอยา่ งรายการอาหารสาหรบั ลกู เสือ 2 หมู่ หมู่ละ 5 คน ทีไ่ ปอยู่คา่ ยพักแรมเปน็ เวลา 1 สัปดาห์ อาหารเชา้ อาหารกลางวนั อาหารเย็น วันที่ 1 – ขา้ วต้ม - ขา้ ว - ข้าว - ไขเ่ ค็มยา - ต้มจืดผักกาดดอง - แกงไก่หน่อไม้ลวก - ถัว่ ลิสงคว่ั - ผัดกระเพราปลาขดู - ผัดผกั กาดขาว – ก้งุ - ผดั ผักบงุ้ - ไขเ่ จียว - ปลากระตกั เคม็ ทอดหวาน - ส้ม - วุน้ นา้ เชือ่ ม - สับปะรด วนั ที่ 2 - ขา้ วต้มเคร่ือง - ก๋วยเตย๋ี วราดหน้า - ข้าว - มะละกอ - เฉากว๊ ยนา้ เชื่อม - ต้มจดื ผกั กาดขาวกับหมู - ผดั พริกอ่อนกบั ไก่ - ยากุนเชียง - ผลไม้ วันที่ 3 - ข้าว - ข้าวผดั - ข้าว - ผัดฟกั ทองกับไข่ - ไข่ดาว - ผดั พรกิ ขิงถัว่ กบั หมู - แกงส้มกงุ้ ผักรวม - ต้มจดื วุ้นเสน้ หมูสับ - ต้มจดื ตาลงึ - ปลาเคม็ ทอด - สบั ปะรด - หอยแมลงภู่แห้งทอดหวาน - สม้ - กล้วยไข่ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลกั สตู รลูกเสือโลก มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
วันที่ 4 - ข้าวต้ม - ก๋วยเตีย๋ วหมสู ับ หน้า 58 - ผกั กระป๋องยา - กลว้ ยบวชชี - ขา้ ว - ปลากะตกั ทอด - แกงเขยี วหวานหมู - ไขเ่ ค็ม - ข้าว - มะละกอสุก - ต้มจดื ฟักกับไก่ - ผัดผกั กาดดองกับไข่ - ยาไส้กรอก - เนือ้ เค็มทอด วันที่ 5 - ข้าวต้มกงุ้ - ผัดเผ็ดเนื้อ - พุทรา - ส้ม - ลกู ชดิ น้าเชือ่ ม - ขา้ ว วันท่ี 6 - ข้าวตม้ ปลา - ข้าว - แกงป่าปลาลูกช้นิ - ไข่ลวก - ต้มยาปลา - ไข่ลกู เขย - ผัดผกั บงุ้ ไฟแดง - ผัดผกั รวมมติ ร - ปลาหมึกเค็มทอด - ขนมหวาน - มนั ต้มนา้ ตาล - ขา้ ว - ผัดถั่วลนั เตากับกุ้ง - นา้ พริกผักจม้ิ - ตม้ จดื ผักรวมลูกชนิ้ ปลา - ผลไม้ วันที่ 7 - ข้าว - ขา้ วผัด - ข้าว - ผัดเนอื้ กับพริกชี้ฟา้ - ต้มจืดแตงกวาหมูสับ - ตม้ พะโล้ - ไขเ่ จียว - ปลากระป๋อง - ไข่ดาว - ผัดเผ็ดหมู - ผลไม้ - ขนมหวาน - ผดั ผักกาดขาวกับกุ้ง - ผลไม้ ตัวอย่างการประกอบอาหารและเครือ่ งดมื่ ร้อน การประกอบอาหารร้อน (สาหรับสมาชกิ 5 คน) 1. ขา้ วต้มกงุ้ เครือ่ งปรงุ - ข้าวสาร 2 ถ้วยตวง ● กุง้ สดปลอกเปลอื ก 2 ถ้วยตวง (ประมาณ 3 ขดี ) ● กระเทยี ม 10 กลีบ ( 2 หัว ) ● ตน้ หอมผักชี 1 ถ้วย ● ตงั้ ฉ่าย ½ ถ้วย ● นา้ ปลา เกลอื ● นา้ ส้มสายชู 1 ถว้ ย ● พรกิ ช้ีฟา้ เขยี ว – แดงซอย ½ ถ้วย ● พรกิ ไทย ● นา้ มนั ½ ถ้วย งานเนตรนารี โรงเรียนสตรีนนทบรุ ี หลักสูตรลกู เสอื โลก มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1/ 2558
หน้า 59 วธิ ที า 1. ตวงข้าวสารใส่หม้อนาไปลา้ งนา้ แล้วตม้ บนไฟจนเมล็ดบาน (อยา่ ใหเ้ ละ) (ขณะตม้ ให้ใสเ่ กลือพอ เค็มเลก็ น้อย ข้าวตม้ จะมีรสอรอ่ ย) พักไว้ 2. ตั้งหม้อสนามอกี ใบบนเตา ใสน่ า้ มันให้ร้อนจัด ใส่กระเทียมลงเจยี วพอเหลืองให้แบง่ กระเทยี มเจยี วครง่ึ หนึ่ง ตกั ใสถ่ ้วยไว้สว่ นทเ่ี หลอื ในหม้อให้ใส่กงุ้ สดลงผดั พอสุก ใสน่ า้ ปลาพอออกรสเค็ม ยกลง จากเตาพักไว้ 3. เวลารบั ประทานใหต้ ักขา้ วใสช่ าม แล้วตักกุ้งผัดในหมอ้ ใส่ชามข้าวตม้ ปรุงดว้ ยเครอื่ งปรุงรส รบั ประทานร้อนๆ เคร่ืองปรงุ 1. นา้ ส้มพริกดอง (น้าสม้ พรกิ ช้ีฟ้า เกลือ ใส่รวนในถว้ ยเดียวกัน ) 2. ต้นหอม ผกั ชี ต้ังฉา่ ย และพรกิ ไทยใสใ่ นชามข้าวตม้ หมายเหตุ - การแยกเนื้อขา้ วต้มกับกุ้ง จะทาใหข้ า้ วต้มมีสีขาวสวย ไม่เหมน็ คาวกุง้ และแยกทาให้เนื้อกุ้งไม่ เละ ● กุ้งที่เหลือสามารถใช้ประกอบอาหารอยา่ งอ่ืนได้อีก การประกอบเครือ่ งดมื่ ร้อน น้ากระเจีย๊ บ เครอื่ งปรุง - กระเจย๊ี บแหง้ 2 ถ้วยตวง (ประมาณ 2 ขีด) ● นา้ ตาลทราย ½ ถ้วยตวง ● เกลอื เล็กน้อย วิธีทา 1. ใช้หมอ้ หุงต้มสนามใสน่ ้าตั้งไฟ โดยใชน้ ้า ½ ของหมอ้ พอนา้ เดอื ดใส่กระเจย๊ี บแห้งลงต้ม จนมรี สเปร้ียว 2. ใส่น้าตาลลงเคีย่ วจนได้ท่ี ใสเ่ กลือพอเคม็ เลก็ น้อย 3. ตักกากกระเจ๊ยี บข้นึ เกบ็ ไวเ้ วลารบั ประทานเสริ ์ฟรอ้ นๆ หรือจะใส่นา้ แข็งเปน็ น้ากระเจ๊ยี บเย็นก็ได้ หมายเหตุ กากกระเจี๊ยบที่เก็บไว้นามาเค่ยี วต่อในนา้ ตาลจนเละจะได้แยมกระเจี๊ยบทาขนมปังได้ งานเนตรนารี โรงเรียนสตรนี นทบรุ ี หลักสูตรลกู เสือโลก มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1/ 2558
Search