วสั ดุในชวี ิตประจําวนั
สารบญั 1 ไมธ รรมชาติ 2 ไมป ระกอบ 3 ยางสงั เคราห 4 ยางธรรมชาติ 5 เทอรโ มพลาสตกิ 6 เทอรโมเสพตงิ พลาสตกิ 7 โลหะกลุม 8 โลหะนอกกลุม เหล็ก
ไมธ รรมชาติ ไมเป็นวสั ดุจากธรรมชาตทิ ี่มนษุ ยร ูจักนํา มาใชน านแลว ในสมัยโบราณเม่อื ยงั ไมย งั มีปริมาณมากและมรี าคาถกู มนษุ ยจ ะนํา ไมจากธรรมชาติมาสรา งท่อี ยูอาศยั และ เคร่อื งมือเคร่ืองใชตางๆ ตอมาเม่ือ ประชากรมจี าํ นวนเพ่ิมมากข้ึนกย็ ิ่งมี การนําไมจ ากธรรมชาติมาใชป ระโยชน มากข้นึ สง ผลใหป าไมถ ูกทาํ ลายและ ปริมาณของไมจากธรรมชาตลิ ดลงอยาง ...
ไมประกอบ ไมประกอบ หมายถึง ผลติ ภัณฑจ ากไมท ี่ยอย เป็นชนิ้ ไสเป็นฝอย หรือแยกเป็น เสน ใย แลว นํามาอัดรวมกันเขาเป็น ชนิ้ เป็นแผน ทงั้ นี้ โดยจะมวี ตั ถุ เช่ือมประสานดวยหรอื ไมก ไ็ ด จดั เป็นอตุ สาหกรรมที่ใชไ มขนาดเล็ก ตลอดจนเศษไมปลายไมใ หเ ป็น ประโยชนอยางสาํ คญั ไมประกอบ อาจแบง ออกไดเป็น ๓ พวก คอื แผน ชนิ้ ไมอ ัด แผน ใบไมอดั และแผน ฝอยไมอดั
ยางสงั เคระห ยางสังเคราะห (Synthetic rubber) เป็นผลิตภณั ฑท ่สี ังเคราะหข้นึ เพ่อื เลียนแบบยางธรรมชาติ ซ่ึงจัดวา เป็น อิลาสโทเมอร หรอื วสั ดยุ ดื หยนุ สังเคราะห (artificial elastomer) ชนิดหน่ึงท่มี ีสมบตั พิ ิเศษคือ สามารถ เปลย่ี นรปู ภายใตความเคน ได มากกวา วัสดุชนิดอ่นื และสามารถ กลับคนื รปู ไดเหมือนเดิมโดยไมเกิด การเสียรปู อยางถาวร
ยางธรรมชาติ ยางธรรมชาติ มักอยูก บั ตนไมช นิดตางๆ เริ่มตน ทป่ี ระเทศบราซิลจากตนเฮเวีย เป็นยางที่มี คุณภาพสูง ช่อื พารานัน้ เป็นช่อื ของเมืองทา ของ ประเทสบราซลิ เน่ืองจากเป็นการขนสง ทที่ าเมอื ง พาราเป็นจํานวนมากในตอนนัน้ ยางจะอยรู ะหวา ง แกนลําตน และเปลือกลกั ษณะเป็นสีขาวเขน โดย ตนพาราจะตอ งมีอายพุ อทจ่ี ะใหน้ํายางพาราได โดยจะทําการกรีดเอาเปลอื กออก หาภาชนะรอง ไว พอหยดุ ไหลจะเกบ็ มาเป็นน้ํายางหรือทาํ เป็น แผน
พลาสตกิ พ้นื ท่สี าํ พลาสตกิ เป็นสารประกอบอนิ ทรียท ี่ สังเคราะหข ้นึ ใชแทนวัสดธุ รรมชาตบิ างชนิดเม่ือ เยน็ กแ็ ขง็ ตัว เม่อื ถูกความรอนกอ็ อ นตวั บางชนิด แขง็ ตวั ถาวร มหี ลายชนิด เชน ไนลอน ยางเทยี ม ใชทําส่ิงตา ง ๆ เชน เส้ือผา ฟิลม ภาชนะ สวน ประกอบของยานพาหนะหรบั ขอ ความ
เทอรโ มพลาสติก เทอรโมพลาสตกิ เป็นพลาสติกท่มี จี ุดหลอมเหลว และมีจดุ ออนตวั มโี ครงสรางแบบสายยาวหรอื แบบสาขาสามารถนํากลบั มาใชใหมไ ดอ ีก เทอรโม พลาสติกจะเกิดการออ นตัวและหลอมเหลวเม่ือได รับความรอน และจะเกิดแขง็ ตัวเม่ือทาํ ใหเย็นลง พลาสติกท่ีแขง็ ตวั แลว สามารถนํามาหลอมซ้าํ ได ดวยความรอ นเทอรโ มพลาสติก
เทรโมเสพติงพลาสตกิ เทอรโมเซตตงิ พลาสตกิ (Thermosetting plastic) เป็นพลาสติกทีม่ ีสมบตั พิ เิ ศษ คือทนทาน ตอการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู แิ ละทนปฏกิ ริ ิยาเคมี ไดดี เกดิ คราบและรอยเป้ือนไดยาก คงรูปหลัง การผา นความรอนหรอื แรงดนั เพยี งครัง้ เดียว เม่ือ เยน็ ลงจะแขง็ มาก ทนความรอนและความดัน ไม ออ นตัวและเปลี่ยนรปู รางไมได แตถ า อณุ หภมู ิสงู กจ็ ะแตกและไหมเป็นขเี้ ถา สดี ํา พลาสติกประเภท นี้โมเลกลุ จะเช่ือมโยงกนั เป็นรา งแหจบั กันแนน แรงยึดเหน่ียวระหวางโมเลกุลแขง็ แรงมาก จึงไม สามารถนํามาหลอมเหลวได กลา วคอื เกิดการ เช่ือมตอขา มไปมาระหวางสายโซข องโมเลกลุ ของ โพลิเมอร (cross linking among polymer chains)
โลหะ โลหะ คือ วสั ดุท่ีประกอบดวยธาตโุ ลหะทีม่ ี อิเลก็ ตรอนอสิ ระอยมู ากมาย นัน่ คืออิเลก็ ตรอน เหลา นี้ไมไดเป็นของอะตอมใดอะตอมหน่ึงโดย เฉพาะ ทําใหม คี ุณสมบัติพิเศษหลายประการ เชน เป็นตัวนําไฟฟ าและนําความรอ นไดดีมาก ไมยอม ใหแสงผาน ผิวของโลหะท่ีขดั เรียบจะมลี กั ษณะ เป็นมนั วาว มีจุดเดอื ดและ จุดหลอมเหลวสูง สว น ใหญมีสถานะเป็ นของแข็ง
โลหะนอกกลุม เหล็ก โลหะนอกกลมุ เหล็ก หมายถงึ โลหะทไี่ มม เี หล็ก เป็นองคป ระกอบสว นใหญ เชน ทองแดง, อะลมู ิเนียม, แมกนีเซียม, สงั กะสี ฯลฯ ในทาง วศิ วกรรมและอตุ สาหกรรมจะใชโ ลหะนอกกลมุ เหลก็ ในปรมิ าณทีน่ อยกวา โลหะในกลุมเหล็ก ทงั้ นี้ เน่ืองเพราะราคาทสี่ งู กวาของโลหะนอกกลมุ เหล็ก นัน่ เอง ดังนัน้ จึงมกั ใชง านโลหะนอกกลุมเหลก็ ในกรณีที่จาํ เป็น เชน .
คํานาํ การศึกษาเรอื งวสั ดใุ น ชวี ติ ประจาํ วนั เปนเพยี ง สว่ น1ของงานนเี ท่านนั หากผดิ พลาดประการ ใดขอ้ อภัยดว้ ย
จดั ทาํ โดย ด.ญ. ฉันทนา เอกทนั ม.2/5 เลขที่21
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: