Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การอ่านร้อยกรอง

การอ่านร้อยกรอง

Published by วริยาภรณ์, 2018-10-30 00:18:43

Description: หนังสือนี้ใช้ในการเรียนการสอนเรื่องการอ่านร้อยกรอง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

Keywords: การอ่าน

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ แนวคดิ ทั่วไปเกย่ี วกบั บทร้อยกรอง บทประพนั ธ์ของมนุษยท์ ุกชาติทุกภาษาอาจแบ่งไดเ้ ป็น ๒ กลุ่ม ไดแ้ ก่บทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง แต่ท้งั สองกลุ่มมีส่วนท่ีเหมือนกนั คือ ประกอบดว้ ยถอ้ ยคาท่ีเลือกสรรแลว้ และร้อยเรียงตามระเบียบของภาษา สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของผปู้ ระพนั ธ์ใหผ้ อู้ ่านไดร้ ่วมรับรู้ ส่วนท่ีแตกต่างกนั คือ บทร้อยแกว้ อาจแต่งใหจ้ บดว้ ยถอ้ ยคามากนอ้ ยเท่าใดหรือส้นั ยาวอยา่ งไรกส็ ุดแทแ้ ต่ความพอใจของผปู้ ระพนั ธ์ ส่วนบทร้อยกรองตอ้ งแต่งไปตามกฎเกณฑแ์ ละใหไ้ ดค้ วามยาวอยา่ งนอ้ ยหน่ึงบท จะแต่งต่อกนั สกั กี่บทกไ็ ด้ แต่ละบทตอ้ งแต่งตามขอ้ บงั คบั เดียวกนั ในแต่ละบทยงั มีขอ้ บงั คบั วา่จะตอ้ งแบ่งเป็นก่ีวรรค จดั เรียงไวใ้ นแต่ละบรรทดั อยา่ งไร ในแต่ละวรรคน้นั ตอ้ งมีขอ้ บงั คบั ไวแ้ น่นอนวา่ จะตอ้ งประกอบไปดว้ ยคาต่างๆ จะเป็นก่ีพยางคก์ ต็ าม ขอ้ บงั คบัท่ีสาคญั ยงิ่ ของบทร้อยกรองไทยคือ ตอ้ งมีเสียงคลอ้ งจองกนั ระหวา่ งพยางคใ์ นวรรคหน่ึงกบั พยางคใ์ นอีกวรรคหน่ึง ซ่ึงตอ้ งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ กล่าวโดยสรุป บทร้อยกรองจะแต่งโดยอิสระตามดุลพนิ ิจของผแู้ ต่งให้สละสลวยตามระเบียบของภาษาโดยสถานเดียวไม่ได้ แต่ตอ้ งแต่งตามแบบแผนและกฎเกณฑท์ ี่สืบทอดกนั มาอยา่ งยาวนาน

ขอ้ บงั คบั ของบทร้อยกรองของไทยเหล่าน้ี บรรพบุรุษของเราลว้ นแต่เป็นปราชญผ์ ทู้ รงความรู้ทางดา้ นอกั ษรศาสตร์ ไดช้ ่วยกนั สร้างสรรคไ์ วเ้ ป็นแม่บทแบบแผนเขียนเป็นตาราท่ีเรียกวา่ “ ฉนั ทลกั ษณ์” มีววิ ฒั นาการมาโดยลาดบั หลายร้อยปี คู่เคียงกบังานประพนั ธ์แบบร้อยกรองอนั ยง่ิ ใหญ่มามากหลายผลงาน คงปรากฏอยเู่ ท่าทุกวนั น้ีนบั เป็นมรดกทางวฒั นธรรมอนั ล้าค่า จึงเป็นการสมควรยง่ิ ที่พวกเราชาวไทยจะไดร้ ักษาไวด้ ว้ ยการศึกษา ทาความเขา้ ใจ ใหเ้ ห็นเป็นประจกั ษใ์ นคุณค่าของศลิ ปะทางดา้ นภาษา สาหรับบางคนท่ีมีความถนดั หรือมีพรสวรรคใ์ นเชิงร้อยกรองเป็นทุนติดตวั มา บวกกบั ความชื่นชอบโปรดปรานในบทร้อยกรอง สมควรท่ีจะพฒั นาศกั ยภาพของตนเอง โดยการฝึ กทกั ษะการแต่งบทร้อยกรองใหช้ านาญข้ึน เพอื่ จะได้สร้างสรรคผ์ ลงานดา้ นบทกวฝี ากไวใ้ หป้ รากฏอยา่ งแพร่หลาย โดยยงั คงรักษากฎเกณฑ์ฉนั ทลกั ษณ์ท่ีแสดงออกถึงเอกลกั ษณ์ของบทร้อยกรองไทยใหค้ งอยตู่ ราบนานเท่านาน บทร้อยกรองของไทยไดแ้ ทรกซึมไปในทุกวงการ ไม่วา่ จะเป็นการประกาศโฆษณา การต้งั คาขวญั ของจงั หวดั การบนั ทึกขอ้ ความ การเขียนคติเตือนใจ สานวนภาษติ ลว้ นใชบ้ ทร้อยกรองท้งั สิ้น เนื่องจากบทร้อยกรองทาใหผ้ อู้ ่านหรือผฟู้ ังเกิดความซาบซ้ึงประทบั ใจ และสามารถจดจาไดเ้ ร็ว

ความหมายของคาประพนั ธ์ คาประพนั ธ์ หมายถึงถอ้ ยคาท่ีเรียบเรียงใหเ้ ป็นระเบียบตามบญั ญตั ิแห่งฉนั ทลกั ษณ์ โดยมีขอ้ กาหนดบงั คบั ต่างๆ เพอ่ื ใหเ้ กิดความคึกคร้ืนและมีความไพเราะแตกต่างไปจากถอ้ ยคาธรรมดา ความเป็ นมาของคาประพนั ธ์ไทย คาประพนั ธ์ของไทยถือกาเนิดข้ึนเม่ือใด ไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่ถา้ เชื่อตามท่ีเคยกล่าวกนั มาวา่ ไทยเป็นชาตินกั กลอนแลว้ คาประพนั ธ์ของไทยตอ้ งมีมาก่อนท่ีพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชจะทรงประดิษฐอ์ กั ษรไทยในปี พ.ศ. ๑๘๒๖ แต่เป็นคาประพนั ธท์ ี่บนั ทึกไวใ้ นสมองและถ่ายทอดกนั ดว้ ยปากหรือท่ีเราเรียกวา่ “ กลอนสด”นนั่ เอง คาประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง มาปรากฏหลกั ฐานคร้ังแรกในวรรณคดีเร่ือง “ลิลิตโองการแช่งน้า” หรือ “ ประกาศแช่งน้าโคลงหา้ ” ซ่ึงเช่ือกนั วา่ แต่งในรัชสมยัสมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี ๑ ( พระเจา้ อยหู่ วั อู่ทอง พ.ศ. ๑๘๒๙ – ๑๙๑๒ ) เป็นคาประพนั ธ์ประเภทโคลงกบั ร่าย ถา้ สังเกตดูในศิลาจารึกสุโขทยั หลกั ท่ี ๑ จะมีลกั ษณะคาประพนั ธห์ รือบทร้อยกรองเพราะจะเห็นลกั ษณะสมั ผสั ท่ีเกิดจากการใชถ้ อ้ ยคาคลอ้ งจอง เช่น“ในน้ามีปลา ในนามีขา้ ว” “ เพื่อนจูงววั ไปคา้ ขี่มา้ ไปขาย”ไพร่ฟ้าหนา้ ใส” คาประพนั ธไ์ ทยน้ีสานกั วฒั นธรรมทางวรรณกรรม ซ่ึงต้งั ข้ึนเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๕ ใชเ้ รียกวรรณกรรมประเภทที่มีลกั ษณะบงั คบั ในการแต่ง หรือมีการกาหนดคณะวา่ “ ร้อยกรอง”ควบคู่กนั กบั คาวา่ “ ร้อยแกว้ ”อนั เป็นความเรียง

รูปแบบของคาประพนั ธ์ไทย รูปแบบของคาประพนั ธ์ไทย หรือชนิดของคาประพนั ธไ์ ดแ้ ก่ถอ้ ยคาท่ีนามาเรียงกนั โดยมีขอ้ กาหนดเอาไวเ้ ป็นแบบแผน จาแนกออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ๕ประเภทไดแ้ ก่ ๑. กลอน ๒ โคลง ๓. ร่าย ๔. กาพย์ ๕. ฉนั ท์ ลกั ษณะบังคบั ของคาประพนั ธ์ ๑. คณะ คือขอ้ ความที่ผกู ข้ึนเป็นคาประพนั ธ์แต่ละชนิดวา่ ตอ้ งประกอบดว้ ยส่วนยอ่ ยๆอะไรบา้ ง คาท่ีเป็นส่วนยอ่ ยของคณะไดแ้ ก่ บท บาท วรรค และคา ลกั ษณะบงั คบั ขอ้ น้ีสาคญั มาก คาประพนั ธท์ ุกชนิดจะตอ้ งมีคณะ ถา้ไม่มีกไ็ ม่เป็นคาประพนั ธ์ คณะเป็นสิ่งที่ช่วยกาหนดรูปแบบของคาประพนั ธ์แต่ละชนิดใหเ้ ป็นระเบียบ เพื่อใชเ้ ป็นหลกั ในการแต่งต่อไป ๒. พยางค์ คือเสียงที่เปล่งออกมาคร้ังหน่ึงๆ บางทีกม็ ีความหมาย เช่นเมือง ไทย น้ี ดี แต่บางทีกไ็ ม่มีความหมาย แต่เป็นส่วนหน่ึงของคา เช่น อภินิหาร ยุในคา ยวุ ชน กระ ในคาวา่ กระถาง เป็นตน้ เน่ืองจากคาไทยเราแต่เดิมมีพยางคเ์ ดียวโดยมาก ฉะน้นั ในการแต่งคาประพนั ธ์เราถือวา่ มีพยางคก์ ค็ ือคานนั่ เอง ในคาประพนั ธ์แต่ละชนิดมีการกาหนดพยางค์ ( คา ) ไว้แน่นอน ๓. สัมผสั คือลกั ษณะบงั คบั ใหใ้ ชค้ าคลอ้ งจองกนั สัมผสั เป็นลกั ษณะท่ีสาคญั ท่ีสุดในคาประพนั ธ์ของไทย คาประพนั ธ์ทุกชนิดจาเป็นตอ้ งมีสัมผสั

ชนิดของการสัมผสั คาในบทร้อยกรองทค่ี วรรู้ได้แก่ ๓.๑ สัมผสั สระ ไดแ้ ก่คาท่ีมีเสียงสระตรงกนั ถา้ มีตวั สะกดตอ้ งเป็นตวั สะกดในมาตราเดียวกนั เช่น นา สมั ผสั กบั กา ทา อา หา ขนุ สัมผสั กบั ทุน มุน จุน รุ่น ถาด สมั ผสั กบั หาด ทาส วาด เป็นตน้ ๓.๒ สัมผสั อกั ษร ไดแ้ ก่คาที่ใชพ้ ยญั ชนะเดียวกนั อาจเป็นตวั อกั ษรที่เป็นพยญั ชนะเดียวกนั หรือพยญั ชนะที่มีเสียงสูง ต่า คู่กนั กไ็ ด้ หรือพยญั ชนะควบชุดเดียวกนั กไ็ ด้ เช่น กาง สมั ผสั กบั กีด กนั กงุ้ กอด กก คาน สัมผสั กบั คน คดั ขา้ เฆี่ยน ปรุง สมั ผสั กบั ปราง ปรับ เปรียบ เปรย เป็นตน้ ๓.๓ สัมผสั นอก เป็นสัมผสั บงั คบั ท่ีจะตอ้ งมีในบทประพนั ธต์ ่างๆ ไดส้ มั ผสั ท่ีส่ง และรับระหวา่ งวรรค ระหวา่ งบท และระหวา่ งบทและตอ้ งเป็นสมั ผสั สระ เท่าน้นั ๓.๔ สัมผสั ใน เป็นสมั ผสั บงั คบั ไดแ้ ก่คาสัมผสั ท่ีคลอ้ งจองกนั อยภู่ ายในวรรคเดียวกนั อาจเป็นสมั ผสั สระหรือสัมผสั อกั ษรกไ็ ด้ สัมผสั ในน้นั จะช่วยใหค้ าประพนั ธม์ ีความไพเราะยง่ิ ข้ึนทม่ี า : วเิ ชียร เกษประทุม, รศ. ลกั ษณะคาประพนั ธ์ไทย : ( ฉันทลกั ษณ์ ) : กรุงเทพฯ : ธนธชั การพิมพ,์ ๒๕๕๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook