Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เชื้อเพลิงฟอสซิลจะหมดไปจากโลกใบนี้เมื่อไหร่

เชื้อเพลิงฟอสซิลจะหมดไปจากโลกใบนี้เมื่อไหร่

Description: เชื้อเพลิงฟอสซิลจะหมดไปจากโลกใบนี้เมื่อไหร่

Search

Read the Text Version

นบั ถอยหลงั เวลา ไปพรอ้ มกบั ปรมิ าณของพลงั งานฟอสซิลสารองคงเหลือท่ีมีแตน่ อ้ ยลง คำถำมที่ตำมมำอนั เน่ืองมำจำกสงั คมแหง่ กำรบรโิ ภคพลงั งำนจำก เช้ ือเพลิงฟอสซิล อยำ่ งหนัก มำสู่ปัจัจจับนั ที่กำรใชพ้ ลงั งำนทำงเลือกกลำยเปัจ็ นวถิ ีที่ทักคนพยำยำมเดินบนเสน้ ทำงน้ ี ควำมกงั วลยงั คงเกดิ ข้ ึนในชว่ งระหวำ่ ง กำรเปัจล่ียนผ่ำน วำ่ จะยงั คงมเี ช้ ือเพลิงจำกฟอสซิลใหเ้ รำใชง้ ำนต่อไปัจอีกไหม? และนวตั กรรมดำ้ นพลงั งำนท่ี เกิดข้ ึนจะทำงำนไดผ้ ลทนั ท่วงทีหรือไม่? อยำ่ งท่ีทรำบกนั ดีวำ่ เช้ ือเพลิงฟอสซิลเกิดจำกกำรทบั ถมของอินทรียสำรใตผ้ ืนโลกมำเปัจ็ นเวลำยำวนำนหลำย พนั ลำ้ นปัจี เพรำะเปัจ็ นทรพั ยำกรธรรมชำติท่ีมปี ัจริมำณจำกดั และไมส่ ำมำรถเกิดข้ นึ ใหมไ่ ดอ้ ีก (Non-renewable Resources) ทักวนั น้ ี มนัษยชำติจึงเหมือนกำลงั นับถอยหลงั วนั ท่ีส้ ินสัดของแหล่งพลงั งำนจำกฟอสซิล ในขณะท่ีควำมตอ้ งกำร ใชพ้ ลงั งำนของท้งั โลกยงั คงเพิ่มมำกข้ ึนทักวนั

ภำพ : David Guttenfelder

- ภาพรวมที่ผา่ นมาของการบรโิ ภค - จำกขอ้ มูลกำรบนั ทึกสถิติกำรบรโิ ภคเช้ ือเพลิงฟอสซิลทวั่ ท้งั โลกของ Fair Planet พบวำ่ ในชว่ งเวลำกวำ่ 200 ปัจี ที่ผ่ำนมำ กำรบริโภคจำกทัว่ โลกเติบโตข้ ึนมำกกว่ำ 1,300 เท่ำ โดยมีถ่ำนหิน คือแหล่งทรัพยำกรชนิดแรกท่ีถูกนำมำใชอ้ ย่ำง กวำ้ งขวำง จนกระทัง่ ปัจี 1860 จึงเริ่มมีกำรใชน้ ้ำมันดิบเปัจ็ นแหล่งพลังงำน ตำมมำดว้ ยกำรเร่ิมตน้ ใชง้ ำนก๊ำซธรรมชำติ ในช่วงปัจลำย 1880 ยำวนำนถึงปัจัจจับันท่ียงั คงใชเ้ ช้ ือเพลิงฟอสซิลท้ัง 3 ปัจระเภทเปัจ็ นแหล่งกำเนิดพลังงำน และควำม ตอ้ งกำรบริโภคพลงั งำนจำกฟอสซิลทวั่ โลกยงั คงเพ่ิมข้ นึ ปัจี ละมำกกวำ่ 1% ปัจัจจยั ท่ีทำใหเ้ ช้ ือเพลิงฟอสซิลหมดลงเปัจ็ นเร่ืองของอตั รำกำรใชง้ ำนและแหล่งสำรองท่ีคงมีอยู่ ซ่ึงจำกงำนวิจยั ในแต่ละยัค สมัยพูดถึงเรื่องปัจริมำณของเช้ ือเพลิงฟอสซิลท่ีเหลืออยู่แตกต่ำงกนั ไปัจตำมนวตั กรรมท่ีเติบโตข้ ึน พรอ้ มกนั กบั รูปัจแบบกำร สำรองพลงั งำนท่ีทำไดด้ ีข้ นึ กวำ่ แต่ก่อน ยกตวั อยำ่ งรำยงำนในปัจี 1977 โดยงำนบรหิ ำรสำรสนเทศดำ้ นพลงั งำนกล่ำววำ่ สหรฐั อเมรกิ ำมีน้ำมนั สำรองคงเหลือเพียง 32 พนั ลำ้ นบำร์เรล และก๊ำซธรรมชำติสำรองเหลือเพียง 207 ลำ้ นคิวบิกฟัต ในขณะท่ีช่วงปัจี 2010 ปัจระมำณกำรว่ำมี น้ำมนั สำรองคงเหลือ 84 พนั ลำ้ นบำรเ์ รล (คิดเปัจ็ น 2.6 เท่ำจำกเดิม) และกำ๊ ซธรรมชำติสำรองท่ี 610 ลำ้ นลำ้ นคิวบิกฟัต (คิดเปัจ็ น 2.9 เท่ำจำกเดิม) อนั เน่ืองมำจำกเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมในกำรขัดเจำะพลงั งำนจำกใตด้ ินที่ทำไดด้ ีข้ นึ ต่อขอ้ ถำมที่วำ่ ถำ้ อยำ่ งน้ันแลว้ จะยงั มเี ช้ อื เพลิงฟอสซิลเหลือใหม้ นัษยชำติใชง้ ำนไปัจอีกนำนแคไ่ หน? ในยคั น้ ีเรำอำจจะตอ้ ง ดูปัจัจจยั ของกำรใชพ้ ลงั งำนทดแทนร่วมดว้ ย รฐั บำลผูป้ ัจระกอบกำรรำยใหญ่ทัว่ โลกมั่งหน้ำเดินทำงในเสน้ ทำ งของพลังงำน สะอำดแทนท่ีกำรใชพ้ ลงั งำนจำกทรพั ยำกรธรรมชำติในแบบเดิม ซึ่งมีขอ้ ดีท้งั เร่อื งกำรคงไวซ้ ่ึงทรพั ยำกรกบั ผืนแผ่นดิน ลด กำรปัจลดปัจล่อยกำ๊ ซเรือนกระจกออกสชู่ น้ั บรรยำกำศ และถนอมรกั ษำโลกของทักคนใหย้ ำวนำนกวำ่ เดิม

ภำพ : George Steinmetz

- เช้ ือเพลิงฟอสซิลมีเหลือใหเ้ ราใชง้ านไดถ้ ึงเม่ือไหร่? - จำกกำรปัจระมำณกำรโดย Fair Planet แพลตฟอรม์ สื่อเพ่ือกำรรกั ษำโลกจำกเบอรล์ ินกล่ำวว่ำ ทักวนั น้ ี น้ำมนั ดิบคอื แหล่ง พลังงำนธรรมชำติที่ถูกใชง้ ำนมำกที่สัดที่ 39% และยงั คงมีควำมตอ้ งกำรอันเนื่องมำจำกกำรใชง้ ำนในชีวิตปัจระจำวนั ของ ผคู้ น โดยอตั รำกำรบริโภคน้ำมนั ดิบทวั่ โลกอยทู่ ี่ 11 ลำ้ นลำ้ นตนั ดว้ ยอตั รำกำรใชง้ ำนเชน่ น้ ีจึงทำใหน้ ้ำมนั ดิบจะยงั คงอยกู่ บั ผคู้ นต่อไปัจไดอ้ ีก 50 ปัจี ส่วนถ่ำนหิน ที่ยงั คงใชง้ ำนกันอยู่ 33% ของทัว่ ท้ังโลก โดยปัจระเทศใหญ่ๆ อย่ำงจีน รสั เซีย สหรัฐอเมริกำ และอินเดีย ครอบครองถ่ำนหินสำรองรวมรำว 1.1 ลำ้ นลำ้ นตนั แต่ก็มีควำมตอ้ งกำรบริโภคท่ีลดน้อยลงอนั เนื่องมำจำกอันตรำยจำก สำรเจือปัจนท้งั ในอำกำศและน้ำ ถ่ำนหินจึงยงั คงอยใู่ หใ้ ชง้ ำนไดอ้ ีกรำว 150 ปัจี และกำ๊ ซธรรมชำติซึ่งนับเปัจ็ นแหล่งพลงั งำนฟอสซิลท่ีหมันเวยี นกลบั มำใชง้ ำนไดง้ ่ำยท่ีสัด จำกกำรกระบวนกำรยอ่ ยสลำยซำก สิ่งมีชีวิตที่ผลิตมีเทน ปัจัจจับนั มีกำรใชง้ ำนอยู่ที่ 28% และดว้ ยควำมยัง่ ยำกในกำรเจำะเอำเช้ ือเพลิงฟอสซิลชนิดน้ ีมำใชง้ ำน กำ๊ ซธรรมชำติจงึ ยงั คงมีใหผ้ ูค้ นบริโภคยำวนำนปัจระมำณ 400 ปัจี

Photograph Courtesy of ENEL

- พลงั งานทางเลือกเพื่อโลกสีเขียว - “ไม่ใช่เรื่องน่ำแปัจลกใจเลยที่ตอนน้ ีเรำอยใู่ นชว่ งอนั ยำกลำบำกที่จะทำใหอ้ ัณหภูมิโลกตำ่ กวำ่ 2 องศำเซลเซียส และลืมเรอ่ื ง กำรจำกดั กำรเพม่ิ ข้ นึ ของอัณหภมู ิโลกที่ไม่ใหส้ ูงเกนิ 1.5 องศำเซลเซียสไปัจไดเ้ ลย” เกล็น ปัจี เตอร์ (Glen Peter) ผูอ้ ำนวยกำร วิจัย ศูนยก์ ำรวิจัยภูมิอำกำศนำนำชำติแห่งปัจระเทศนอร์เวยก์ ล่ำวและเสริมว่ำ “กำรเติบโตอย่ำงรวดเร็วของพลังงำนท่ี ทดแทนได้ ยงั ไม่เพียงพอต่อควำมตอ้ งกำรพลังงำนในแต่ละปัจี ” และเพ่ือท่ีจะใหอ้ ัณหภูมิของโลกตำ่ กว่ำ 1.5 หรือ 2 องศำ เซลเซียส อยำ่ งไรก็ตำม “ดูเหมือนวำ่ เรำตอ้ งปัจลดระวำงโครงสรำ้ งพ้ นื ฐำนท่ีใชพ้ ลงั งำนฟอสซิลใหเ้ ร็วกวำ่ ท่ีวำงแผนเอำไว”้ นอกเหนือไปัจจำกกำรสงวนกำรใชพ้ ลังงำนไฟฟ้ำจำกหินและก๊ำซ ทำงเลือกอ่ืนๆ ในกำรแกป้ ัจัญหำมีท้ังกำรฟ้ ื นฟู พ้ ืนท่ีปัจ่ ำ จำนวนหลำยลำ้ นตำรำงกิโลเมตร ใชเ้ ทคโนโลยีที่สำมำรถดักจับคำร์บอนในปัจริมำณที่มำก และสรำ้ งกำรใชพ้ ลัง งำนที่ ทดแทนไดอ้ อกมำใหเ้ ร็วมำกข้ นึ และดูเหมือนวำ่ ตอ้ งใชว้ ธิ ีเหล่ำน้ ีปัจระสำนไปัจดว้ ยกนั งำนวิจยั ฉบบั น้ ีท่ีเผยแพร่ลงในนิตยสำร Nature ใหแ้ นวทำงวำ่ เพ่ือจำกดั กำรเพิ่มข้ ึนเฉลี่ยของอัณหภูมิโลกไวท้ ี่ 1.5 องศำ เซลเซียส ไม่เพียงแต่โลกของเรำตอ้ งยัติกำรสรำ้ งโครงสรำ้ งพ้ ืนฐำนใดๆ ท่ีมีกำรใชพ้ ลังงำนฟอสซิลเท่ำน้ั น แต่โรงไฟฟ้ำที่ใช้ พลังงำนฟอสซิลที่ดำเนินกำรอยู่ในขณะน้ ีจำเปัจ็ นตอ้ งปัจิ ดลงโดยเร็ว อย่ำงไรก็ตำม ปัจัจจับันยังมีแผนหรือกำรดำเนินกำร กอ่ สรำ้ งโรงไฟฟ้ำพลงั งำนฟอสซิลอยอู่ ีกมำกมำย

องค์กำรสหปัจระชำชำติ และปัจระเทศต่ำงๆ ต่ำงพั่งควำมสนใจไปัจท่ีจำนวนกำรปัจล่อยก๊ำซในแต่ละปัจี เพ่ือพูดในเร่ืองกำร เปัจลี่ยนแปัจลงสภำพภูมิอำกำศ ซ่ึงยงั ไม่เพียงพอ โดยสตีเวน ดำวิส จำกมหำวทิ ยำลยั แคลิฟอรเ์ นีย ไอรว์ ีน ผรู้ ่วมเขยี นงำนวิจยั ฉบบั น้ ีกล่ำววำ่ “มนั เหมือนกบั ขบั รถบนถนนไฮเวยโ์ ดยกำรมองไปัจที่หน้ำต่ำงดำ้ นขำ้ งเท่ำน้ัน” กำรตดั สินใจวำ่ จะมีกำรสรำ้ ง โครงสรำ้ งพ้ นื ฐำนท่ีใชพ้ ลงั งำนฟอสซิลต่อไปัจหรือไม่ จะเปัจ็ นตวั กำหนดอนำคตของกำรปัจล่อยกำ๊ ซคำรบ์ อนไดออกไซด์ และเปัจ็ น กำรกำหนดวำ่ โลกจะควบคัมอัณหภมู ิเฉลี่ยของโลกไมใ่ หส้ ูงเกนิ กวำ่ 2 องศำเซลเซียสน้ัน จะเปัจ็ นไปัจไดไ้ หม แมเ้ วลำนับถอยหลงั กำรส้ ินสัดของเช้ ือเพลิงฟอสซิลยงั คงไม่แน่นอน หรืออำจจะไม่ไดห้ มดลงในช่วงอำยัขยั ของพวกเรำ อัน เน่ืองมำจำกเหตัปัจัจจัยที่แตกต่ำงไปัจตำมยัคสมัยของเทคโนโลยีที่เปัจลี่ยนแปัจลง หำกแต่ผูค้ นยงั คงตอ้ งตระหนักอยู่เสมอว่ำ เช้ อื เพลิงฟอสซิลเปัจ็ นแหลง่ พลงั งำนชนิดท่ีมีแต่ใชแ้ ลว้ หมดไปัจ และกำรเริ่มตน้ อนัรกั ษ์เช้ ือเพลิงฟอสซิล อำจจะดว้ ยกำรลดหรือ ทดแทน เพียงคนละไมล้ ะมือต้งั แต่วนั น้ ี ก็สำมำรถรวมกนั เปัจ็ นพลงั คร้งั ใหญ่ที่ชว่ ยต่ออำยัเช้ ือเพลิงฟอสซิลใหย้ ำวนำนมำกข้ ึน ไดอ้ ีก



เช้ ือเพลิงฟอสซิล (Fossil fuel) คอื อินทรียส์ ำรใตพ้ ้ นื โลกท่ีเกิดจำกกำรทบั ถมกนั ของซำกพชื ซำกสตั วใ์ ตท้ ะเลลึกเมื่อหลำย พนั ลำ้ นปัจี กอ่ นพรอ้ มกบั ไดร้ บั ควำมรอ้ นจำกใตพ้ ้ นื พภิ พ ทำใหซ้ ำกพชื ซำกสตั วท์ ่ีทบั ถมกนั หนำแน่นใตช้ ้นั หินตะกอนเกิดกำรยอ่ ย สลำยกลำยเปัจ็ นแหล่งสะสมของสำรปัจระกอบไฮโดรคำรบ์ อน (Hydrocarbon) ขนำดใหญ่ท่ีมนัษยน์ ำมำใชเ้ ปัจ็ นเช้ อื เพลิงและ แหล่งกำเนิดพลงั งำนต่ำงๆ เช้ อื เพลิงฟอสซิล จำแนกออกเปัจ็ น 3 ปัจระเภท ตำมสถำนะของสำร ไดแ้ ก่

ของแข็ง: ถา่ นหิน (Coal) หินตะกอนสีน้ำตำลดำ หรือถ่ำนหิน เกดิ จำกซำกพชื ในพ้ นื ทชี่ ้ นื แฉะทบั ถม กนั เปัจ็ นเวลำนำน (รำว 300 ถึง 360 ลำ้ นปัจี ) ภำยใตแ้ รงดนั และควำม รอ้ นสงู ที่อยลู่ ึกลงไปัจจำกพ้ ืนผิวโลก สง่ ผลใหเ้ กิดกำรยอ่ ยสลำยและเกดิ เปัจ็ นสำรปัจระกอบไฮโดรคำรบ์ อนในสถำนะของแข็ง ถ่ำนหนิ แบ่งออกเปัจ็ น 5 ปัจระเภทตำมองคป์ ัจระกอบทำงเคมี ไดแ้ ก่ พตี (Peat) ลิกไนต์ (Lignite) ซบั บิทูมินัส (Sub-Bituminous) บิทูมินัส (Bituminous) และแอนทรำไซต์ (Anthracite) การนามาใชป้ ระโยชน:์ เปัจ็ นแหล่งเช้ อื เพลิงท่ีสำคญั ในกำรผลิตพลงั งำน ไฟฟ้ำ พลงั งำนควำมรอ้ น และกำรผลิตขำ้ วของเคร่ืองใชม้ ำกมำย ผผู้ ลิตหลกั : จีน อินเดีย และสหรฐั อเมรกิ ำ ลกั ษณะของถ่ำนหนิ เหมืองถ่ำนหนิ

ของเหลว: น้ามนั ดบิ (Crude oil) น้ำมนั ดิบปัจระกอบดว้ ยคำรบ์ อน (Carbon) และไฮโดรเจน (Hydrogen) เปัจ็ นองคป์ ัจระกอบหลกั มีสถำนะเปัจ็ นของเหลวท่ีมีสีสนั หลำกหลำยและมีอตั รำควำมหนืดข้ นึ อยกู่ บั องคป์ ัจระกอบทำงเคมี น้ำมนั ดิบส่วนใหญ่กอ่ ตวั ข้ นึ ในชว่ งมหำยัคมีโซโซอิก (Mesozoic era) หรอื รำว 66 -252 ลำ้ นปัจี กอ่ นโดยเกิดจำกกำรทบั ถมกนั ของซำกพืชซำกสตั วใ์ ตท้ อ้ งทะเลในอดีต การนามาใชป้ ระโยชน:์ น้ำมนั ดิบไม่สำมำรถนำมำใชป้ ัจระโยชน์ไดโ้ ดยตรง จงึ ตอ้ งนำไปัจผ่ำนกระบวนกำรกลนั่ และกระบวนกำร ผลิตแยกสว่ น กลำยเปัจ็ นผลิตภณั ฑป์ ัจิ โตรเลียม (Petroleum Product) หลำยชนิด เชน่ น้ำมนั เบนซิน น้ำมนั ดีเซล น้ำมนั อำกำศ ยำนและน้ำมนั เตำ ผูผ้ ลติ หลกั : สหรฐั อเมรกิ ำ ซำอัดีอำระเบีย และรสั เซีย

โรงกลนั่ น้ำมนั ดิบในซำอัดิอำระเบีย

กา๊ ซ: กา๊ ซธรรมชาติ (Natural gas) กำ๊ ซธรรมชำติไรส้ ีและไรก้ ลิ่น ปัจระกอบดว้ ยมีเทน (Methane) เปัจ็ นหลกั เกิดจำกกระบวนกำรยอ่ ย สลำยของซำกสิ่งมชี ีวติ ใตพ้ ้ นื ดินเม่ือหลำยลำ้ นปัจี กอ่ นเชน่ เดียวกบั ถ่ำนหินและน้ำมนั ดิบ การนามาใชป้ ระโยชน:์ กำ๊ ซธรรมชำติเปัจ็ น เช้ อื เพลิงสะอำด เนื่องจำกมีกระบวนกำรเผำไหมท้ ี่ สมบรู ณ์ จงึ เปัจ็ นแหลง่ ผลิตพลงั งำนไฟฟ้ำทส่ี ำคญั ผูผ้ ลิตหลกั : สหรฐั อเมรกิ ำ รสั เซีย และอิหรำ่ น นอกจำกน้ ี ผลิตภณั ฑต์ ่ำงๆ ที่ไดจ้ ำกกระบวนกำร แยกสว่ นในกำรกลนั่ น้ำมนั ดิบและเช้ อื เพลิงฟอสซิล ยงั สำมำรถนำไปัจใชป้ ัจระโยชน์เปัจ็ นผลิตภณั ฑต์ ้ังตน้ ในอัตสำหกรรมอ่ืนๆ เชน่ พลำสติก ผงซกั ฟอก ยำง สงั เครำะห์ ปั๋จัยเคมี และกำว เปัจ็ นตน้ แท่นขดั เจำะกำ๊ ซธรรมชำติสญั ชำติรสั เซีย

ผลกระทบและแหลง่ พลงั งานในอนาคต เมื่อเช้ ือเพลิงฟอสซิลถูกเผำไหมผ้ ่ำนกิจกรรมต่ำงๆ ผลผลิตสัดทำ้ ยท่ีปัจล่อยออกมำคือ ก๊ำซคำรบ์ อนไดออกไซ ด์และก๊ำซเรือน กระจก (Greenhouse gases) ซ่ึงคงคำ้ งอยใู่ นช้นั บรรยำกำศโลก กำ๊ ซเหล่ำน้ ีมีควำมสำมำรถในกำรดกั จบั และกกั เกบ็ ควำมรอ้ น ไดด้ ี ส่งผลใหเ้ กิด “ภำวะโลกรอ้ น” (Global warming) และ “กำรเปัจล่ียนแปัจลงสภำพภูมิอำกำศ” (Climate change) ที่ส่งผล กระทบอยำ่ งรันแรงต่อระบบนิเวศของโลกในขณะน้ ี โดยเฉพำะกำรเผำไหมถ้ ่ำนหินและน้ำมันปัจิ โตรเลียม ซ่ึงเปัจ็ นตัวกำรสำคัญที่ปัจล่อยคำรบ์ อนไดออกไซด์สู่ช้ันบรรยำกำศโลก มำกกว่ำรอ้ ยละ 75 ต้ังแต่ยัคปัจฏิวตั ิอัตสำหกรรมเปัจ็ นตน้ มำ แมว้ ่ำกำรเปัจล่ียนมำใชก้ ๊ำซธรรมชำติสำมำรถช่วยลดปัจริมำณกำร ปัจล่อยก๊ำซเรือนกระจกได้ แต่ในกระบวนกำรสำรวจ ขัดเจำะ และขนส่งเช้ ือเพลิงฟอสซิล ยังคงสรำ้ งผลกระทบโดยตรงต่ อ สิ่งแวดลอ้ มของโลก จำกกำรค้นพบน้ ำมันดิบ กำรทำเหมืองถ่ำนหิน และกำรขัดเจำะหำแหล่งก๊ำซธรรมชำติ เม่ือหลำยพันปัจี ก่อน เปัจ็ นผลใหเ้ กิดยัคสมัยแห่งควำมรั่งโรจน์ทำงอัตสำหกรรมและเศรษฐกิจ ก่อใหเ้ กิดควำมเปัจลี่ยนแปัจลงที่นำสังค มมนัษย์ สคู่ วำมกำ้ วหนำ้ ทำงนวตั กรรมและเทคโนโลยจี วบจนปัจัจจับนั น้ ี น้ำมนั ดิบและผลิตผลจำกเช้ ือเพลิงฟอสซิลไดก้ ลำยมำเปัจ็ น “ทรพั ยำกรธรรมชำติ” ที่มนัษยพ์ ึ่งพำในทักๆกิจกรรมของชีวิต จำก กำรเผำผลำญเช้ อื เพลิงเหล่ำน้ ีในปัจริมำณมหำศำลทักวนั ทำใหเ้ รำอำจหลงลืมไปัจวำ่ เช้ ือเพลิงฟอสซิลเปัจ็ นทรพั ยำกรธรรมชำติท่ีใช้ แลว้ หมดไปัจ (Non-renewable resource) และมนัษยอ์ ำจไม่มีโอกำสนำเช้ อื เพลิงฟอสซิลมำใชไ้ ดอ้ ีกในอนำคต

ภำพของครำบน้ำมนั ดิบท่ีปัจนเปั้จื อนในอำ่ วเม็กซิโก เม่ือปัจี 2015