Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูง

คู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูง

Description: คู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูง

Search

Read the Text Version

ปกชั่วคราว คู่มอื การยับยง้ั การตกจากทสี่ งู (Manual for Fall Arrest) จดั ทำโดย สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน (องค์การมหาชน) กระทรวงแรงงาน สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)

ค่มู ือการยบั ย้ังการตกจากทสี่ งู ชื่อหนังสือ : คู่มือการยบั ย้ังการตกจากทส่ี ูง (Manual for Fall Arrest) (สสปท. 2-5-02-03-00-2564) ชอื่ ผู้แตง่ : คณะทำงานจัดทำคู่มอื การยับย้งั การตกจากทีส่ งู ปที ่ีพมิ พ์ : พ.ศ.2564 จัดทำโดย : สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ISBN (E-book) : 978-616-8026-26-7 สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

ค่มู อื การยบั ยัง้ การตกจากที่สูง ก คณะอนกุ รรมการวชิ าการ 1. นายกฤษฎา ชัยกุล ประธานคณะอนกุ รรมการ 2. นางสาวสุดธิดา กรุงไกรวงศ์ อนกุ รรมการ 3. รศ.สราวุธ สุธรรมาสา อนกุ รรมการ 4. ดร.เด่นศักดิ์ ยกยอน อนุกรรมการ 5. นางสาวปรียานันท์ ลิขิตศานต์ อนกุ รรมการ 6. นางสาวบุษกร แสนสุข อนกุ รรมการ 7. นายพงษส์ ทิ ธิ์ ศริ ฤิ กษอ์ ุดมพร อนกุ รรมการ 8. นายชลาธปิ อนิ ทรมารุต อนกุ รรมการ 9. นายบญั ชา ศรีธนาอทุ ยั กร อนุกรรมการ 10. นายพฤทธ์ฤทธ์ิ เลิศลลี ากิจจา อนุกรรมการและเลขานกุ าร 11. ผศ.ดร.ชลฤทธิ์ เหลอื งจินดา อนกุ รรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร 12. นายประเสรฐิ เหล่าบุศณ์อนนั ต์ อนุกรรมการและผชู้ ่วยเลขานุการ 13. ดร.พรรณทิวา นวะมะรัตน์ อนกุ รรมการและผู้ช่วยเลขานกุ าร สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู อื การยบั ยั้งการตกจากท่ีสงู ข คณะทำงานจดั ทำค่มู ือการยบั ยั้งการตกจากทส่ี ูง 1. นายวิเลศิ เจติยานวุ ัตร ประธานคณะทำงาน ผทู้ รงคุณวุฒิ 2. นายเกียรติศักดิ์ บุญสนอง คณะทำงาน ผทู้ รงคณุ วุฒิ 3. นายธวัชชยั ชนิ วเิ ศษวงศ์ คณะทำงาน บรษิ ัท 3เอม็ ประเทศไทย จำกดั 4. นายฉานฉลาด บนุ นาค คณะทำงาน บรษิ ัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด 5. นายสุรชยั สงั ขะพงศ์ คณะทำงาน บริษัท เอ็นพซี ี เซฟต้ี แอนด์ เอน็ ไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด 6. นายอภิชา ครธุ าโรจน์ คณะทำงาน บรษิ ทั เอน็ เอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด 7. นางจิรภาพร ปานะชาติ คณะทำงาน กรมสวสั ดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน 8. ผศ.ดร.ชลฤทธ์ิ เหลอื งจินดา คณะทำงานและเลขานุการ สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) 9. ดร.ธนวรรณ ฤทธชิ ัย คณะทำงานและผู้ชว่ ยเลขานุการ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) 10. นายพฤทธิพงศ์ สามสังข์ คณะทำงานและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร สถาบันสง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) สถาบันส่งเสริมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มอื การยับยั้งการตกจากที่สงู ค คำนำ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท. เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อ สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน และมอี ำนาจหนา้ ทห่ี นงึ่ คือ การพัฒนา และสนับสนุนการจัดทำมาตรฐาน คู่มือ และแนวปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน สสปท. ได้จัดทำคู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูง (Manual for Fall Arrest) ขึ้น โดยคู่มือฉบับนี้อธิบาย องค์ประกอบและอุปกรณ์การยับยั้งการตกจากที่สูง รวมถึงการคำนวณระยะตกที่ปลอดภัย เพื่อให้สถาน ประกอบกิจการพิจารณานำไปจัดทำเป็นข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งเป็นวิธีการหน่งึ ที่จะ นำไปสู่การบริหารจัดการความเส่ียงของการปฏบิ ัติงานที่มีโอกาสได้รับอันตรายจากการทำงานบนที่สูง สสปท. หวังเป็นอย่างย่ิงวา่ คู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูงฉบบั นี้จะเป็นแนวทางใหบ้ ุคลากรด้านความปลอดภัยและผูท้ ี่ เกี่ยวข้องของสถานประกอบกิจการได้นำไปปฏิบัติและประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมเพื่อป้องกนั การประสบ อันตรายในการทำงานและการฝึกอบรมให้ลูกจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติอย่างถูกต้องปลอดภัย และมี ประสทิ ธิภาพ คู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูงฉบับนี้ได้จัดทำตามกระบวนการจัดทำคู่มือของสสปท. ดำเนินการร่าง โดยคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผ่านการกลั่นกรองโดยคณะอนุกรรมการวิชาการ รวมถึงได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถาบัน สง่ เสรมิ ความปลอดภัยฯ เรยี บร้อยแล้ว ประกาศ ณ วันท่ี 7 กนั ยายน 2564 (นายวรานนท์ ปตี วิ รรณ) ผอู้ ำนวยการสถาบันสง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คูม่ ือการยบั ยง้ั การตกจากที่สูง ง สารบัญ เร่ือง หนา้ คณะอนุกรรมการวิชาการ ก คณะทำงานจดั ทำคู่มอื การยับยัง้ การตกจากทีส่ งู ข คำนำ ค สารบัญ ง บทที่ 1 บทนำ 1 3 1.1 วัตถปุ ระสงค์ 1.2 ขอบเขต 4 4 1.3 คำจำกัดความ 6 บทที่ 2 การยับยงั้ การตกจากท่สี ูง 6 2.1 ระบบยบั ย้งั การตกสว่ นบุคคล (Personal Fall Arrest System) 7 2.2 อนั ตรายจากการใช้งานระบบยบั ยั้งการตกส่วนบุคคล 8 2.3 อปุ กรณค์ ุ้มครองความปลอดภัยจากการตกจากทีส่ ูง (Fall Protection Equipment) 8 2.3.1 จุดยึดเกีย่ ว (Anchorage Point; A) 12 2.3.2 สายรดั นริ ภยั (Body Harness; B) 22 2.3.3 อปุ กรณเ์ ชื่อมต่อ (Connectors; C) 34 2.3.4 สายช่วยชวี ิต (Lifeline) 39 2.3.5 การคำนวณระยะตก (Fall Clearance Distance Calculation) 45 2.3.6 ข้อควรระวงั ในการตดิ ตง้ั ระบบยับย้งั การตก 45 2.3.6.1 การตกอสิ ระ (Free Fall) 45 2.3.6.2. ระยะตกอสิ ระ (Free Fall Distance) 47 2.3.6.3 อัตราการตกท่ปี ลอดภัย (Fall Factor) 48 2.3.6.4 การแกว่ง/เหวย่ี ง (Swing Fall) 49 49 บทท่ี 3 กรณศี ึกษา การยบั ย้งั การตกจากทสี่ ูง 51 3.1 กรณศี ึกษาท่ี 1 54 3.2 กรณศี ึกษาท่ี 2 เอกสารอา้ งองิ สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยบั ยั้งการตกจากทสี่ งู 1 บทที่ 1 บทนำ การดำเนินการเพ่อื ป้องกันและยับย้งั การตกจากที่สูงนน้ั จำเป็นตอ้ งมีการจดั การความเสี่ยงในการ ทำงานจากการตกจากที่สูง ซึ่งประกอบด้วย การชี้บ่งอันตรายด้วยวิธีต่าง ๆ ประเมินความเสี่ยง และการ ควบคุมความเสี่ยง โดยเมื่อทำการชี้บ่งอันตรายและประเมินความเสี่ยงและได้ระดับความเสี่ยงแล้ว ก็จะ ดำเนินการ ควบคุมความเสี่ยงในการปฏิบัติงานบนท่ีสูงซึ่งอาศัยหลักการควบคุมความเสีย่ งตามลำดับของ มาตรการควบคุมป้องกันการตกจากที่สูง (Hierarchy of Control) ดังภาพที่ 1-1 มาใช้ปฏิบัติเพื่อควบคมุ ความเส่ยี งทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพมากท่ีสดุ ตามลำดบั จนถงึ นอ้ ยท่สี ุด ได้แก่ ลำดับที่ 1 การขจดั อันตราย (Elimination) ลำดับท่ี 2 การทดแทน (Substitution) ลำดับท่ี 3 การควบคุมทางวิศวกรรม (Engineering Controls) ลำดับที่ 4 การควบคมุ เชงิ บรหิ ารจดั การ (Administrative Controls) ลำดับที่ 5 การใช้อุปกรณค์ ุ้มครองความปลอดภัยจากการตกจากทสี่ ูง (Fall Protection Equipment; FPE) FPE ภาพท่ี 1-1 ลำดับของมาตรการในการควบคมุ ปอ้ งกันการตกจากทส่ี งู การป้องกันการตกจากที่สูงเป็นการควบคุมความเสี่ยงในลำดับที่ 1 ได้แก่ การขจัดอันตราย ซ่ึง เป็นการเลือกวิธีการหรอื ขั้นตอนการทำงานเพื่อลดและหลีกเลี่ยงการทำงานบนที่สูง เช่น การทำงานบนพนื้ การทำงานบนโครงสร้างท่แี ข็งแรง เป็นต้น ลำดบั ที่ 2 การทดแทนเป็นการลดความเส่ยี งจากการตกจากที่สูง โดยมีมาตรการควบคุมความเสี่ยงร่วมกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกจากที่สูง เช่น ราวกันตก ตาข่าย นิรภัย เป็นต้น หรือพ้ืนทำงานที่มัน่ คงและปลอดภยั เช่น แพลตฟอร์มยกระดับ รถกระเช้า นั่งรา้ น เป็นต้น ลำดับท่ี 3 การควบคมุ ทางวิศวกรรม เป็นการปอ้ งกนั การตกจากท่ีสงู เชิงวศิ วกรรม โดยใช้ระบบกำหนด สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มือการยบั ยัง้ การตกจากทีส่ งู 2 ตำแหน่งการทำงานบนที่สูง (Work Positioning System) ซึ่งประกอบด้วย ระบบจำกัดระยะเคลื่อนที่ (Fall Restraint System) ระบบการทำงานด้วยเชือก (Rope Access System) และระบบการลดความ รุนแรงจากการตกจากท่สี ูง เช่น ราวกันตก ทข่ี วางกั้นการเขา้ -ออก ตาขา่ ยนิรภัย และการปอ้ งกนั ท่ีขอบและ ช่องเปิด เป็นต้น หากไม่สามารถดำเนินการตามลำดับที่ 1-3 ข้างต้นได้จำเป็นต้องดำเนินการควบคุมเชิง บริหารจัดการ ซึ่งจัดอยู่ในลำดับที่ 4 และหากการดำเนินการไม่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องพิจารณาใช้ มาตรการควบคุมป้องกนั ในลำดบั ที่ 5 คอื การยบั ยัง้ การตกจากท่ีสูงซึ่งเป็นมาตรการลดความรนุ แรงจากการ ตกจากที่สูง ด้วยการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยจากการตกจากที่สูงเพ่ือยับยัง้ การตกจากท่ีสูง เพ่ือ ลดความรุนแรงทีจ่ ะเกิดข้ึนกบั ผู้ปฏิบัตงิ านอันมีสาเหตุมาจากการปฏิบตั ิงานบนที่สงู ได้แก่ ระบบยับยั้งการ ตกส่วนบุคคล ประกอบด้วย จุดยึดเกี่ยว (Anchorage Point) สายรัดนิรภัยชนิดเต็มตัว (Full Body Harness) และอปุ กรณเ์ ชื่อมต่อ (Connectors) เช่น เชอื กนริ ภัย (Lanyard) สายช่วยชีวติ (Lifeline) เปน็ ตน้ การบริหารจัดการในการทำงานบนที่สงู ใช้แนวทางในการปฏิบัติงานที่สอดคลอ้ งกบั กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร การจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกยี่ วข้อง เพือ่ ให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานแก่ผ้ปู ฏิบัติงานบนที่สูง โดยใช้แนวทางตามมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับมาจัดทำเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อให้นายจ้าง และผู้ปฏิบตั ิงานทราบถงึ อันตรายและปัจจัยท่ีก่อให้เกดิ ความเส่ียงในการทำงานบนทีส่ ูง การตรวจสุขภาพ ตามปัจจัยเสี่ยง และให้มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานบนที่สูง เช่น ผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ช่วยเหลือ เป็นต้น พร้อมทั้งให้บุคลากรเหล่านี้ร่วมวางแผนและกำหนด มาตรการด้านความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับการปฏิบตั ิงานบนที่สูง โดยใช้แนวคิดการป้องกนั และยับยั้งการตกจากท่ีสูงตามลำดับของมาตรการควบคมุ ป้องกนั การตกจากที่สูง ตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ในการกำหนดระเบียบปฏิบตั งิ านเพื่อจัดการ ความเสีย่ ง และควบคมุ อนั ตรายตามมาตรฐานการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามยั และ สภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมไปถงึ การพิจารณาเลอื กใช้ระบบป้องกนั การตกจากทีส่ ูง การตดิ ต้ังอุปกรณ์ ป้องกัน การตรวจสอบ การบำรุงรักษา และการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ การควบคุมเชิง บรหิ ารจัดการเปน็ การนำการบริหารจัดการมาใช้ในการควบคุมรว่ มกับมาตรการอื่น ๆ เชน่ ระเบียบปฏิบัติ ด้านความปลอดภัย การฝึกอบรม การกำหนดพืน้ ทีค่ วบคุม ระบบการขออนุญาตทำงาน การจัดระบบและ ลำดบั ของงาน ขน้ั ตอนและวิธีปฏบิ ัติงานอยา่ งปลอดภยั การบันทึก และควบคุมเอกสาร เป็นตน้ สสปท. ได้จัดทำมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ( Safety Management on Working at Height Standard) คู่มือการดำเนินงานตามข้อกำหนดการจัดการความ ปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง (Safety Management Specification of Working at Height Manual) และคู่มือการป้องกันการตกจากที่สูง (Manual for Passive Fall Protection) ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการ ปฏบิ ัติงานบนทส่ี งู ไว้แลว้ ในเบือ้ งต้น ดังภาพท่ี 1-2 และคู่มือฉบับนี้จะกล่าวถงึ เฉพาะการยับย้ังการตกจาก ทีส่ ูง ซงึ่ เป็นมาตรการลดความรนุ แรงท่ีจะเกิดขน้ึ กับผูป้ ฏบิ ตั งิ านจากการตกจากทีส่ ูง สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มอื การยับย้งั การตกจากทีส่ งู 3 มาตรฐานการจดั การความปลอดภยั ในการทำงานบนที่สูง (2561) คูม่ อื การดำเนินงานตาม คูม่ ือการดำเนนิ งานตาม คมู่ ือการยับยง้ั การตก คู่มือการชว่ ยเหลอื ข้อกำหนดการจัดการ ขอ้ กำหนดการจดั การ จากท่ีสงู (2564) การตกจากที่สงู (2565) ความปลอดภยั ในการ ความปลอดภัยในการ ทำงานบนทส่ี ูง (2562) ทำงานบนทีส่ ูง (2563) ภาพท่ี 1-2 มาตรฐานการจัดการความปลอดภัยในการทำงานบนท่สี ูงและคมู่ ือของสสปท. 1.1 วตั ถุประสงค์ คู่มือการยับยัง้ การตกจากท่ีสงู ฉบบั นีจ้ ัดทำขนึ้ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ สง่ เสริมให้ผูป้ ฏิบัติงานมี แนวทางในการปฏิบัติงาน การเลือกใช้อุปกรณ์ และแนวทางการปฏิบัติในการยับยั้งการตกจากที่สูงใน รูปแบบ Active Fall Protection เพือ่ ลดความรนุ แรงของอุบัติเหตุจากการตกจากที่สงู ซ่งึ อาจจะเกิดข้ึนกับ ผู้ปฏิบัติงานบนที่สูงน้นั ๆ อยา่ งเป็นรปู ธรรม สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยับยงั้ การตกจากที่สูง 4 1.2 ขอบเขต คูม่ ือการยบั ยั้งการตกจากท่ีสงู ฉบับนจ้ี ะกล่าวถงึ มาตรการควบคมุ ป้องกนั ในลำดับที่ 5 การ ยับยง้ั การตกจากท่ีสูงซ่งึ เป็นมาตรการลดความรนุ แรงทจ่ี ะเกดิ ข้นึ กับผู้ปฏิบตั ิงานจากการตกจากที่สูง โดยใช้ อปุ กรณค์ ุ้มครองความปลอดภัยจากการตกจากท่ีสงู ในระบบ Active Fall Protection มีสาระสำคัญ กลา่ วถึง ระบบยับยั้งการตกสว่ นบคุ คล (Personal Fall Arrest System) อนั ตรายจากการใชง้ านระบบ ยบั ยงั้ การตกส่วนบุคคล อปุ กรณ์คุม้ ครองความปลอดภัยจากการตกจากที่สงู (Fall Protection Equipment ประกอบด้วย จุดยดึ เกีย่ ว (Anchorage Point; A) สายรัดนิรภัยชนดิ เต็มตัว (Full Body Harness; B) อปุ กรณเ์ ช่ือมตอ่ (Connectors; C) ได้แก่ ห่วงเก่ยี วนริ ภัย และเชอื กนิรภัย (Lanyard) และสายชว่ ยชวี ติ (Lifeline) ซ่ึงแต่ละอุปกรณ์ประกอบด้วยชนิด คุณลกั ษณะ อนั ตรายจากการใช้งาน ข้อกำหนดการใช้งาน อยา่ งปลอดภัย และการบำรุงรกั ษา ระยะตกและการคำนวณระยะตก การตรวจสอบและบำรุงรกั ษาระบบ ยบั ย้งั การตกจากทีส่ งู และกรณศี ึกษา 1.3 คำจำกดั ความ ความหมายของคำที่ใช้ในคู่มือการยับยั้งการตกจากที่สูงเป็นไปตามมาตรฐานการจัดการ ความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง (Safety Management on Working at Height Standard) มี รายละเอียดดังตอ่ ไปนี้ 1) การทำงานบนที่สูง หมายถึง การปฏิบัติงานใด ๆ ก็ตามในบริเวณที่มีความต่าง ระดับของพื้นที่ทำงานและมีโอกาสที่บุคคลหรือวัสดุจะตกจากที่สูง จากระดับหนึ่งสู่ระดับที่ต่ำกว่า เช่น บอ่ หลุม ชอ่ งเปดิ หลงั คา บริเวณท่ีมที างขนึ้ - ลงหรือบันได บริเวณลาดชนั พืน้ ท่สี งู ทีม่ ีพนื้ ผิวไม่แข็งแรงม่นั คงหรือ ล่นื เป็นตน้ 2) การตกจากท่ีสูง หมายถึง การตกของบุคคล หรือการตกของวัสดุจากระดับหน่ึง สู่ระดับที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำงาน จำเป็นต้องมี การป้องกันและยบั ยง้ั การตกจากที่สงู เพือ่ ปอ้ งกันและลดการเกดิ อุบัตเิ หตุที่จะเกดิ กับผ้ปู ฏิบัติงานบนทสี่ ูงนัน้ 3) ระบบยับยั้งการตกส่วนบุคคล (Personal Fall Arrest System) หมายถึง ระบบที่ออกแบบเพื่อควบคุมยับยั้งไม่ให้ตกถึงพื้นด้านล่าง อย่างน้อยต้องประกอบด้วยจุดยึดเกี่ยว (Anchorage Point) สายรัดนิรภัยชนิดเต็มตวั (Full Body Harness) และอุปกรณ์เชื่อมต่อ (Connector) ได้แก่ สายช่วยชีวิต (Lifeline) และเชือกนริ ภัย (Lanyard) 4) จุดยึดเกี่ยว (Anchorage Point) หมายถึง จุดยึดที่มั่นคงสำหรับยึดเกี่ยวเชือก นริ ภยั (Lanyard) สายช่วยชีวติ (Lifeline) หรอื อุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ ของระบบจำกดั ระยะเคล่อื นท่ี (Fall Restraint System) หรือระบบการยับยั้งการตกส่วนบุคคล (Personal Fall Arrest System) โดยจุดยึด เกย่ี วตอ้ งสามารถรบั แรงตกกระชากไดต้ ามจดุ ประสงค์ในการใช้งาน สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู ือการยบั ยั้งการตกจากทีส่ งู 5 5) สายรัดตัวนิรภัยชนิดเต็มตัว (Full Body Harness) หมายถึง เข็มขัดนิรภัยที่ ประกอบดว้ ย สายรัดลำตวั และตน้ ขาท่ีมีหรือไม่มีเขม็ ขดั รัดเอวกไ็ ด้ โดยออกแบบใหก้ ระจายแรงตกกระชาก เพื่อลดโอกาสการบาดเจ็บ และป้องกันผู้สวมใส่หลุดออกจากเข็มขัดนิรภัย สายรัดตัวนิรภัยชนิดเต็มตัว สามารถใช้ร่วมกับอปุ กรณป์ ระกอบทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เช่น เชือกนริ ภยั และอุปกรณด์ ดู ซบั แรงตกกระชากเป็นต้น 6) เชือกนิรภัย (Lanyard) หมายถึง เชือกลวด เชือก หรือวัสดุอื่นที่มีความแข็งแรง ใกล้เคียงกัน ยดึ กับจดุ ยดึ เก่ยี ว สำหรับยดึ เกยี่ วหรือคลอ้ งกบั สายรดั ตวั นิรภยั ชนดิ เต็มตวั เพอ่ื ยับยั้งการตก 7) สายช่วยชีวิต (Lifeline) หมายถึง เชือกลวด เชือก หรือวัสดุอื่นที่มีความแข็งแรง ใกล้เคยี งกนั ยึดกบั จุดยึดเก่ยี วทั้งในแนวราบหรือแนวนอน สำหรบั ยึดเกีย่ วหรอื คลอ้ งกับเชือกนิรภัยและสาย รัดนิรภัยชนดิ เต็มตัว เพ่อื ให้ผปู้ ฏบิ ตั ิงานสามารถเคลอื่ นท่ไี ด้ตามแนวความยาวของเชือก เชือกลวด หรอื วสั ดุ อ่ืนดังกลา่ ว โดยท่ไี มต่ ้องปลดเชอื กนริ ภัย 8) ระยะตก (Fall Clearance Distance) หมายถึง ระยะทั้งหมดที่ประกอบด้วย ระยะการตกอสิ ระ ระยะยับย้งั ของอปุ กรณย์ บั ย้ังการตก และระยะการยืดตวั ของอุปกรณท์ ่ใี ชร้ บั แรงจากการ ตก 9) อุปกรณ์ดูดซับแรง (Shock Absorber) หมายถึง อุปกรณ์ที่ประกอบกับเชือก นิรภยั เพือ่ ยับยง้ั การตก อปุ กรณด์ ูดซบั แรงควรจะสั้นทีส่ ุดเทา่ ทจ่ี ะเป็นไปได้ 10) การตกอิสระ (Free Fall) หมายถึง การตกของผู้ปฏิบัติงานบนที่สูงในแนวด่ิง เนื่องจากแรงโนม้ ถว่ งของโลกโดยไมม่ ีแรงอืน่ มากระทำ 11) ระยะตกอิสระ (Free Fall Distance) หมายถึง ระยะทางการตกจากพื้นท่ี ปฏบิ ตั งิ านอย่างอิสระกอ่ นทอ่ี ปุ กรณ์ยบั ยัง้ การตกจะทำงาน 12) แรงตกกระชากสงู สดุ (Maximum Arresting Force; MAF) คือ ค่าแรงกระทำ จากการตกและการถูกกระชากสงู สุด 13) การแกว่ง/เหวี่ยงที่เกิดจากที่ตกจากที่สูง (Swing Fall) หมายถึง การแกว่ง/ เหวี่ยงเนือ่ งจากการตกจากท่ีสงู สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มือการยับยงั้ การตกจากที่สงู 6 บทที่ 2 การยับยั้งการตกจากท่ีสูง การยับยั้งการตกจากที่สูงเปน็ มาตรการลดความรุนแรงที่จะเกดิ ขึน้ กบั ผู้ปฏิบตั ิงานจากการตกจากที่ สงู โดยใชอ้ ุปกรณ์คมุ้ ครองความปลอดภัยจากการตกจากท่ีสูงในระบบ Active Fall Protection ในบทนี้มี สาระสำคัญกล่าวถงึ ระบบยบั ย้งั การตกส่วนบุคคล (Personal Fall Arrest System) การใชง้ านระบบยับยั้ง การตกสว่ นบุคคล อุปกรณ์ค้มุ ครองความปลอดภยั จากการตกจากทสี่ งู พรอ้ มอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ 2.1 ระบบยบั ย้งั การตกส่วนบคุ คล (Personal Fall Arrest System) ระบบยับยัง้ การตกสว่ นบคุ คล เปน็ ระบบทีป่ ระกอบดว้ ยอปุ กรณค์ ุม้ ครองความปลอดภัยจาก การตกจากท่ีสงู (Fall Protection Equipment; FPE) หลายส่วนทำงานร่วมกันเพ่ือยับยั้งผู้ปฏิบัติงานที่ตกจาก ที่สูงแล้วมใิ หก้ ระแทกพื้นด้านล่างซึ่งเป็นการลดความรนุ แรงของอนั ตรายหรือการบาดเจ็บเนื่องจากการตก โดยอุปกรณ์เหล่านี้จำเปน็ ตอ้ งออกแบบมาสำหรับใชง้ านรว่ มกนั อย่างเหมาะสมตามลักษณะงาน เพื่อให้เกิด ความปลอดภัย ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 องค์ประกอบ คือ จุดยึดเกี่ยว (Anchorage Point) สายรัดตวั นริ ภยั ชนดิ เต็มตวั (Full Body Harness) และอุปกรณ์เชอื่ มต่อ (Connectors) ดังภาพที่ 2-1 จดุ ยึดเกีย่ ว (Anchorage Point) ระบบยบั ย้ังการตก สว่ นบุคคล ภาพท่ี 2-1 องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของระบบยบั ยัง้ การตกส่วนบคุ คล ทม่ี า Ellis, J. N. (2001). Introduction to Fall Protection 3rd Edition: American Society of Safety Engineers. สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยบั ยัง้ การตกจากที่สงู 7 2.2 อันตรายจากการใช้งานระบบยับยงั้ การตกส่วนบุคคล อนั ตรายจากการใช้งานระบบยับยง้ั การตกส่วนบุคคล สาเหตุสว่ นใหญ่มกั จะเกิดจาก 1) การใช้งานอุปกรณ์ไม่ครบองค์ประกอบ ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของการออกแบบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย การบาดเจ็บ และเสียชีวิตได้ เช่น การไม่ใช้ อุปกรณ์ดูดซับแรง (Shock Absorber) หรือการใช้อุปกรณ์ดูดซับแรงไม่ถูกต้องจะทำให้ผู้ปฏิบัติงานได้รบั อนั ตรายจากแรงตกกระชาก (Fall Arresting Force) ดังภาพที่ 2-2 ตวั อยา่ งการใชง้ านอุปกรณ์ 2) การตดิ ตง้ั อปุ กรณย์ ับย้ังการตกจากท่ีสูงไม่เป็นไปตามค่มู ือ ข้อกำหนด หรอื มาตรฐาน ของอุปกรณน์ นั้ ๆ การขาดการตรวจสอบการตดิ ตง้ั การขาดการซ่อมบำรุงรกั ษา หรอื มกี ารใชอ้ ปุ กรณ์ร่วมที่ ไมเ่ หมาะสมหรอื ใชอ้ ุปกรณท์ ดแทนทไี่ ม่ถกู ต้อง 3) กรณีที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องหรือใกล้กับไฟฟ้าแรงดันสูง ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน กระแสไฟฟ้าหรือมาตรการการป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ขาดมาตรการควบคุมและเฝ้าระวังการ ปฏิบัติงาน ทำให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้าได้ กรณีต้องทำงานในบริเวณที่มีความร้อนและประกายไฟ เช่น งานเชอื่ ม งานตัด งานเจยี เปน็ ตน้ อาจก่อให้เกดิ การชำรดุ ของอปุ กรณ์ยับยัง้ การตกจากทสี่ ูงได้ (ก) การใช้อุปกรณ์ที่ถกู ต้อง ก า ร เ ก ี ่ ย ว เ ช ื อ กน ิ ร ภ ั ย ต ่ อ ก ั บจุ ด คล้องเกี่ยว (D-ring) ด้านหลังสายรัดนิรภัยชนิด เต็มตัว ซึ่งจุดคล้องเกี่ยวเชื่อมต่อกับตะขอเกี่ยว ขนาดเล็ก (Snap Hook) หรือสลักนิรภัยที่ เชื่อมต่อกับเชือกนิรภัย (Lanyard) ท่ีมีอุปกรณ์ ดดู ซับ แรง เป็นการใช้อปุ กรณ์ดดู ซบั แรงทถ่ี กู ต้อง อุปกรณด์ ูดซับแรง (ข) การใช้อปุ กรณท์ ี่ไม่ถกู ตอ้ ง อยู่ในตำแหนง่ ท่ี อุปกรณ์ดูดซับแรงอยู่ในตำแหน่ง ไมถ่ กู ต้อง ท่ี ไ ม ่ ถ ู ก ต ้ อ ง โ ด ย ไ ม ่ ผ ่ า น อ ุ ป ก ร ณ ์ ด ู ด ซ ั บ แ ร ง (Bypass Shock Absorber) เมื่อเกิดการตกจะ เกิดแรงตกกระชาก ทำให้อุปกรณ์ดูดซับแรง ไม่ทำงาน มีผลให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับอันตรายจาก แรงตกกระชากโดยตรง ภาพท่ี 2-2 ตวั อย่างการใชง้ านอุปกรณ์ (ก) การใชอ้ ปุ กรณท์ ่ีถูกต้อง (ข) การใช้อุปกรณ์ทไี่ ม่ถกู ต้อง สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยับยัง้ การตกจากท่ีสงู 8 4) กรณีทีต่ ้องทำงานในพ้ืนผิวหรือขอบคม อาจกอ่ ให้เกิดอนั ตรายจากการครดู บาดและมี แรงกดทบั ทำใหเ้ กดิ การชำรดุ ของอปุ กรณย์ ับยั้งการตกจากท่สี ูงได้ 5) การเส่อื มสภาพของอปุ กรณ์ยบั ยัง้ การตกจากที่สูง ทเ่ี กดิ จากหมดอายกุ ารใชง้ าน หรือ เสื่อมสภาพจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น การกัดกร่อนของสารเคมี ความร้อน เป็นต้น ทำให้เกิด การชำรดุ ของอุปกรณย์ ับย้ังการตกจากทีส่ งู ได้ 6) ไม่มกี ารคำนวณระยะการตกหรอื มีการคำนวณแต่ไม่ถูกต้อง 7) การเลือกหรือใช้จุดยึดที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้ปฏิบัติงานตกแล้วเหวี่ยงกระแทกกับ โครงสรา้ งหรืออุปกรณ์ 8) ผู้ปฏิบัตงิ านไมป่ ฏบิ ตั ิตามคู่มอื ขอ้ กำหนด และมาตรฐานด้านความปลอดภัยเก่ียวกับ การใชอ้ ปุ กรณย์ ับยั้งการตกจากทีส่ ูง 2.3 อุปกรณค์ ุ้มครองความปลอดภยั จากการตกจากที่สงู (Fall Protection Equipment) อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยจากการตกจากที่สูง และอุปกรณ์ประกอบที่ใช้ในระบบยับย้ัง การตกตอ้ งได้รับการรับรองตามมาตรฐานท่ยี อมรับ มีการติดตั้งและตรวจสอบตามข้อกำหนดของผูผ้ ลิต ซ่ึง ผู้ปฏิบัติงานที่ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวต้องผ่านการอบรมและฝึกปฏิบัติการใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัย รวมทั้งต้องทำเครือ่ งหมายหรือติดฉลากอย่างถาวรเพื่อบอกวตั ถุประสงค์การใช้งาน ข้อจำกัด และข้อมูลที่ เก่ยี วขอ้ งอนื่ ๆ เพ่ือใหใ้ ช้อุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง ระบบยบั ยง้ั การตกสว่ นบคุ คล ประกอบดว้ ยอุปกรณ์ ดังนี้ 2.3.1 จุดยึดเก่ยี ว (Anchorage Point; A) จุดยึดเกี่ยว คือ จุดยึดที่โครงสร้างที่มีความแข็งแรง ซึ่งจุดยึดนี้อาจเป็นโครงสร้างที่ ออกแบบมาโดยเฉพาะ หรอื ใช้อุปกรณ์ประกอบยึดเข้ากับโครงสร้าง โดยจุดยึดเกย่ี วน้ีอาจติดตั้งอย่างถาวร หรือชัว่ คราว ซ่ึงจะอย่ใู นตำแหนง่ ตัง้ แต่เหนือศรี ษะถึงระดับเท้า ทง้ั นี้ตอ้ งสมั พนั ธ์กับคุณสมบัติของอุปกรณ์ เชื่อมต่อทีใ่ ช้ร่วมกัน เพอื่ ลดแรงกระชากหรือการเหวีย่ ง และป้องกนั อันตรายจากการกระแทกกับโครงสร้าง โดยปกติจุดยึดเกี่ยวที่เหมาะสมจะอยู่เหนือตำแหน่งระดับจุดคล้องเกี่ยว ซึ่งติดตัวกับผูป้ ฏิบตั ิงานด้านหลงั หรอื ด้านหนา้ ข้นึ ไป หากจำเปน็ ต้องใชจ้ ุดยึดเก่ยี วทีต่ ำ่ กว่าระดบั จุดคล้องเก่ียวดังกล่าวต้องเลอื กใช้อุปกรณ์ที่ ออกแบบมาเป็นการเฉพาะ จุดยึดเกี่ยวที่ติดกับโครงสร้างต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับ หรือคำนวณ ออกแบบโดยวศิ วกร 2.3.1.1 ชนิดของจดุ ยดึ เก่ยี วทใ่ี ชโ้ ดยทวั่ ไป มดี งั นี้ 1) จุดยึดเกี่ยวชนิดแคสอิน (Cast-In) จุดยึดเกี่ยวชนดิ นี้จะหล่อไปพร้อมกบั โครงสรา้ งอาคารคอนกรตี ดังภาพที่ 2-3 สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คมู่ อื การยบั ยั้งการตกจากที่สูง 9 ภาพท่ี 2-3 ตวั อยา่ งจดุ ยึดเกี่ยวชนิดแคสอิน 2) จุดยึดเกี่ยวชนิดเอ็กแปนดิ้ง ซ็อกเก็ต(Expanding Socket) การติดตั้งจุด ยดึ เกย่ี วชนิดนี้ตอ้ งเจาะยึดกับโครงสร้างอาคาร ดังภาพที่ 2-4 ภาพท่ี 2-4 ตวั อย่างจุดยึดเกย่ี วชนดิ เอก็ แปนดิง้ ซ็อกเก็ต 3) จุดยดึ เกี่ยวชนิดทรูไทป์ (Through-Type) จดุ ยึดเกย่ี วชนิดนเี้ ป็นการเจาะ ทะลโุ ครงสรา้ งอาคารเพือ่ ยดึ น็อต ดังภาพที่ 2-5 ภาพท่ี 2-5 ตวั อย่างจุดยึดเกี่ยวชนิดจุดยึดเกยี่ วชนิดทรูไทป์ 4) จุดยึดเกี่ยวชนิดเคมีคัลลี่ บอนด์ (Chemically Bonded) จุดยึดเกี่ยว ชนดิ น้ีเปน็ การเจาะยดึ ดว้ ยกาวเคมเี ข้ากบั โครงสร้างอาคาร ดังภาพที่ 2-6 สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยบั ยง้ั การตกจากที่สูง 10 ภาพท่ี 2-6 ตวั อยา่ งจุดยดึ เก่ยี วเคมคี ัลลี่ บอนด์ 5) จุดยึดเกี่ยวชนิดแอนคอร์ สลิง (Anchor Sling) เป็นจุดยึดเกี่ยวชนิดใช้ คลอ้ งหรือพันกับโครงสร้างที่แข็งแรง สามารถรับแรงกระชากได้ ทำจากวสั ดุท่ีมีความแขง็ แรง ไดแ้ ก่ เส้นใย สังเคราะห์ หรอื เชอื กลวด ดังภาพท่ี 2-7 ภาพท่ี 2-7 ตัวอย่างจดุ ยดึ เกีย่ วชนิดแอนคอร์ สลิง 6) จดุ ยดึ เกยี่ วชนิดอายโบลต์ (Eye-Bolt) ดังภาพท่ี 2-8 ภาพท่ี 2-8 ตัวอยา่ งจุดยดึ เก่ยี วแบบอายโบลต์ สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มือการยบั ยง้ั การตกจากท่ีสงู 11 2.3.1.2 คณุ ลักษณะของจุดยดึ เกย่ี ว จุดยึดเก่ียวต้องยดึ กับโครงสรา้ งท่ีมีความแขง็ แรง โดยที่อุปกรณ์ยึดเกี่ยวต้อง มีความแขง็ แรงดว้ ย สามารถรับแรงดงึ และแรงกระชากท่ีเกดิ ขน้ึ ซ่งึ จดุ ยดึ เกี่ยวต้องสามารถรับแรงได้ไม่น้อย กว่า 12 กิโลนวิ ตนั และมีคา่ ความปลอดภัย (Safety Factors) ที่ 2.0 ดังแสดงในตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 ตวั อย่างคา่ แรงกระทำทรี่ ับนำ้ หนักได้ตามมาตรฐานต่าง ๆ มาตรฐาน แรงกระทำ (กโิ ลนิวตัน EN 795 : 2012 12 OSHA 1926.502(d)(15) 22.2 2.3.1.3 อันตรายจากการใช้งานจุดยึดเก่ยี ว 1) จุดยึดเกี่ยวที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่เหมาะกับตะขอเกี่ยวของอุปกรณ์เชื่อมต่อ ทำใหจ้ ุดยดึ เก่ียวชำรุด 2) โครงสรา้ งทีร่ องรบั จดุ ยึดเก่ียวมคี วามแขง็ แรงไมเ่ พยี งพอ โดยเฉพาะอยา่ ง ยิ่งโครงสร้างชัว่ คราวหากเกิดอบุ ัติเหตุตกจากที่สูง จุดยึดเกี่ยวอาจหลุดจากโครงสร้างหรือทำให้โครงสรา้ ง วบิ ัติ 3) น้ำหนกั ตัวของผปู้ ฏิบัติงานมนี ้ำหนกั มากกว่าข้อกำหนดของอุปกรณ์น้ัน ๆ เมื่อผู้ปฏิบัติงานเกิดอุบัติเหตุตกลงมาจากที่สูงอาจทำให้จุดยึดเกี่ยวไม่สามารถรับแรงได้ เกิดการแตกหัก และเสยี หาย สง่ ผลใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ิงานได้รบั อนั ตราย บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสยี ชวี ติ ได้ 4) ตะขอเกี่ยวมีขนาดไมเ่ หมาะสมกบั จุดยึดเกี่ยวทำให้ตะขอเกี่ยวอาจหลุด ออกจากจุดยดึ เก่ยี วไดง้ า่ ย หรือทำใหจ้ ุดยึดเก่ียวชำรุด 5) ขาดการตรวจสอบ บำรงุ รกั ษา ทำใหเ้ กดิ การชำรุดของจุดยึดเกยี่ ว 2.3.1.4 ขอ้ กำหนดการใช้งานจุดยดึ เกย่ี ว ในการตดิ ต้งั ตอ้ งคำนงึ ถงึ ความเหมาะสมต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี้ 1) ความสงู ตำแหนง่ และพ้นื ท่ีท่ตี ิดต้ัง 2) ความแข็งแรงของโครงสรา้ งและจุดยึดเกีย่ ว 3) ลักษณะการใช้งาน 4) การติดตง้ั แยกเปน็ อิสระจากระบบอน่ื 5) ในการตดิ ตง้ั ตอ้ งคำนงึ ถงึ มาตรการปอ้ งกันขณะเคลอ่ื นท่ี 6) จุดยึดเกี่ยวต้องมีฉลากระบุคุณสมบัติและรายละเอียดจากผู้ผลิต ประกอบดว้ ย สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มอื การยับยั้งการตกจากทสี่ ูง 12 - ชื่อผู้ผลิต - มาตรฐานการผลิต มีคุณสมบัตเิ ปน็ ไปตามมาตรฐานใด - ความสามารถในการรบั แรงกระทำที่จุดยึดเกย่ี ว (Working Load Limit) - เคร่อื งหมายการค้าของผู้ผลติ - หมายเลขประจำอปุ กรณ์ (Serial Number) - เดือน ปี ที่ผลิต - จำนวนผูใ้ ช้งานสงู สดุ ตอ่ จุดยดึ เก่ยี ว 2.3.1.5 การตรวจสอบและบำรุงรกั ษาจดุ ยดึ เกย่ี ว การใช้งานจุดยึดเกี่ยวต้องทำการตรวจสอบก่อนและหลังการใช้งานทุกครั้ง จุดยึดเกี่ยวแต่ละจุดจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามที่ผู้ผลิตกำหนด และต้องมีการ ตรวจสอบโดยผมู้ คี วามรคู้ วามสามารถอยา่ งน้อยปลี ะครงั้ 2.3.2 สายรัดนิรภัย (Body Harness; B) สายรัดนิรภัย เป็นส่วนหนึ่งของระบบยับยั้งการตกส่วนบุคคล ขณะทำงานผู้สวมใส่ สายรดั นิรภัยจะถกู เช่ือมตอ่ กับอุปกรณอ์ ่ืนของระบบยับยงั้ การตกอน่ื ได้แก่ จดุ ยดึ เก่ียว (Anchorage Point) และอุปกรณ์เชื่อมต่อ (Connectors) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานตกลงกระแทกพื้นด้านล่าง ตัวอย่าง อปุ กรณ์สายรดั นริ ภัย เชน่ เข็มขดั นริ ภยั (Body Belts) และสายรดั นิรภัยชนิดเตม็ ตัว (Full Body Harness) เปน็ ต้น เข็มขัดนิรภัย (Body Belts) เป็นอุปกรณ์ที่สวมใส่บริเวณเอวของผูป้ ฏิบัติงาน อาจมี ห่วงคล้องอุปกรณ์เชื่อมต่อทีส่ ะโพกหรือท่ีกลางหลงั มักใช้กับลักษณะงานยดึ รั้งตำแหน่งปฏิบัติงาน (Work Positioning) หรือการจำกัดระยะการเคล่ือนที่ (Fall Restraint) ไม่แนะนำให้ใชก้ ับการยับยั้งการตกจากท่ี สูง (Fall Arrest) สำหรับมาตรฐานฉบับนี้จะกล่าวถึงเฉพาะสายรัดนิรภัยชนิดเต็มตัว (Full Body Harness) เท่านั้น ซ่ึงต่อไปน้ีจะใชค้ ำว่าสายรดั นิรภยั 2.3.2.1 องค์ประกอบของสายรัดนิรภัย สายรัดนริ ภยั มอี งคป์ ระกอบที่สำคญั ดงั ภาพท่ี 2-9 ดงั น้ี 1) สายรดั คลอ้ งบา่ (Shoulder Straps) 2) สายรดั อก (Shoulder Straps Restrainer) 3) หวั เขม็ ขัด (Buckles) สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มือการยับยงั้ การตกจากทส่ี ูง 13 4) ห่วงคล้องอุปกรณ์เชื่อมตอ่ (Fall Arrest Attachment; D-ring) 5) สายรดั รองรับใต้กระดกู เชิงกราน (Sub-Pelvic Strap) 6) สายรดั กระชบั ต้นขา (Thigh Straps) 1 4 2 3 5 6 ภาพท่ี 2-9 องค์ประกอบท่ีสำคญั ของสายรดั นริ ภยั 2.3.2.2 ชนิดของสายรัดนริ ภัย สายรัดนิรภัยแบ่งตามลักษณะการทำงานทั่วไปได้ 4 ชนิด คือ ชนิดยับยั้ง การตกทั่วไป (Fall Arrest) ชนิดเคลื่อนที่ขึ้น-ลงในแนวดิ่ง (Control Ascent/Descent) ชนิดทำงานในที่ อับอากาศ (Confined Space Access) และ ชนิดยึดรั้งตำแหน่งปฏิบัติงาน (Work Positioning) นอกจากนี้ยังมีสายรัดนริ ภยั อกี หลายชนิดที่ใช้สำหรับปฏิบัติงานในลักษณะต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลอื ใน เหตฉุ กุ เฉนิ โดยสายรัดนิรภยั ต้องมคี ณุ สมบัติพื้นฐานอยา่ งนอ้ ยเป็นไปตามตารางที่ 2 ดังน้ี สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ อื การยับย้ังการตกจากทีส่ ูง 14 ตารางท่ี 2 ข้อกำหนดด้านคุณสมบตั ิของสายรัดนิรภัย ชนดิ ข้อกำหนดด้านคุณสมบตั ิ ยับยง้ั การตกทั่วไป 1) ต้องมีห่วงคล้องอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่างน้อย 1 จุด อยู่บริเวณ (Fall Arrest) ด้านหลัง ก่งึ กลางระหวา่ งหวั ไหล่ 2 ขา้ งเรียกว่าหว่ งคล้องอุปกรณ์ เชื่อมต่อด้านหลัง (Dorsal Attachment) และสามารถปรับเลื่อน ตำแหนง่ ใหเ้ หมาะสมกบั ขนาดรปู รา่ งของผปู้ ฏิบัติงานได้ 2) ต้องมีสายรดั รองรับใต้กระดูกเชิงกราน เคลื่อนทีข่ ้ึน-ลงในแนวดิ่ง 1) ต้องมีข้อกำหนดด้านคุณสมบัติอย่างน้อยเป็นไปตามสายรัดนิรภยั (Control ชนดิ ยบั ย้งั การตกท่ัวไป Ascent/Descent) 2) ต้องมหี ่วงคล้องอุปกรณ์เช่ือมตอ่ บริเวณกลางทรวงอกเพ่ือเชื่อมต่อ กับระบบควบคุมการเคลื่อนที่ขึ้น-ลงในแนวดิ่ง (Controlled Ascent/Descent System) ยึดรงั้ ตำแหนง่ ปฏบิ ัตงิ าน 1) ต้องมีข้อกำหนดดา้ นคุณสมบัติอย่างน้อยเป็นไปตามสายรัดนิรภยั (Work Positioning) ชนิดยบั ย้งั การตกทวั่ ไป 2) ตอ้ งมหี ว่ งคล้องอุปกรณ์เชอื่ มต่อบรเิ วณเอวทง้ั 2 ขา้ ง สมมาตรกัน ใช้เชื่อมต่อกับระบบยึดรั้งตำแหน่งการปฏิบัติงาน เพื่อปฏิบัติงาน ในลกั ษณะที่สามารถปล่อยมือทำงานได้อยา่ งอิสระ สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ อื การยบั ยั้งการตกจากทีส่ ูง 15 ตารางท่ี 2 (ตอ่ ) ข้อกำหนดด้านคุณสมบตั ขิ องสายรดั นิรภยั ชนดิ ขอ้ กำหนดด้านคณุ สมบตั ิ ทำงานในที่อบั อากาศ 1) ต้องมีขอ้ กำหนดด้านคุณสมบตั อิ ย่างนอ้ ยเป็นไปตามสายรัดนริ ภยั (Confined Space ชนดิ ยับยง้ั การตกท่วั ไป Access) 2) ต้องมีหว่ งคล้องอปุ กรณเ์ ช่ือมต่อบริเวณสายรัดคล้องบ่าทั้ง 2 ข้าง สำหรบั เชือ่ มตอ่ กับระบบความปลอดภัยสำหรับการทำงานในที่อับ อากาศ เพื่อปฏิบัติงานในแนวดิ่งและมีทางเข้าออกคับแคบ หรือ การชว่ ยเหลือในกรณีฉกุ เฉนิ 2.3.2.3 คุณลกั ษณะของสายรัดนริ ภยั 1) สายรดั นริ ภยั ต้องมีความแข็งแรง และ สามารถรับแรงที่กระทำต่อสายรัด นิรภัยโดยไม่ฉีกขาดได้อย่างน้อย 12 กิโลนิวตัน และสามารถรองรับน้ำหนักของผู้ปฏิบัติงานได้อย่างน้อย 100 กิโลกรมั หรอื ตามมาตรฐานสากล 2) สายรดั (Strap) ต้องทำจากเส้นใยสังเคราะห์ 3) ห่วงคล้องอุปกรณ์เช่ือมต่อต้องมีความแข็งแรง สามารถทนแรงดึงสูงสุด (Tensile Strength) ได้อยา่ งนอ้ ย 22.2 กโิ ลนวิ ตัน และมีผวิ เรยี บ ไมม่ ีคม 4) สายรัดนิรภัยต้องได้การรับรองคุณภาพเปน็ ไปตามมาตรฐานสากลที่ยอมรับ ได้ 2.3.2.4 อนั ตรายจากการใชง้ านสายรดั นิรภัย อันตรายจากการใช้สายรัดนิรภัยท่ที ำให้เกิดการบาดเจ็บรนุ แรงและเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ไม่ถูกต้องและเหมาะสม การขาดการตรวจสภาพและบำรุงรักษา ตลอดจนการใช้ สายรดั นิรภยั ที่ชำรุดหรือเสอื่ มสภาพ เช่น 1) เกดิ การฉกี ขาดขณะใช้งานเน่ืองจากวัสดเุ ส่ือมสภาพ หรือชำรุด 2) การสวมใส่สายรัดนิรภัยที่ไม่กระชับ หรือไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ การออกแบบ ทำใหส้ ายรดั นริ ภัยรัดลำคอของผู้ปฏิบัติงานเมือ่ ตกจากทีส่ ูง ขณะเกิดแรงกระชากจากการตกจากที่สูง ทำให้สายรัดนิรภัยกระแทกส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและอวัยวะ ต่าง ๆ ได้รับบาดเจ็บ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

ค่มู อื การยบั ยัง้ การตกจากทสี่ งู 16 3) เมื่อตกจากที่สูงและแขวนค้างอยู่กลางอากาศเป็นเวลานาน ทำให้เส้นเลือด บรเิ วณขาหนีบทงั้ สองขา้ งถกู บบี รัด และเลอื ดไหลเวยี นไมส่ ะดวก (Suspension Trauma) ผูป้ ฏิบตั งิ านจะหมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นหรือไม่มีอุปกรณ์ช่วยคลายแรงบีบรัดที่เพียงพอ และเหมาะสม 4) หากมีวัสดุอุปกรณ์ ในกระเป๋าเสื้อ หรือกางเกงของผู้ปฏิบัติงาน เช่น ปากกา ไขควง กุญแจรถ โทรศัพทม์ ือถือ เม่อื ตกจากที่สูงสายรัดนิรภยั จะกดทับอุปกรณ์ ทำให้ผู้ปฏิบัติงาน ได้รบั บาดเจบ็ จากอปุ กรณด์ ังกล่าว การใชง้ านสายรัดนิรภยั ชนิดเตม็ ตัวอยา่ งไมเ่ หมาะสม ได้แก่ 1) ไม่ตรวจสอบสภาพหรือตรวจสอบอย่างไม่ถูกต้อง การตรวจสอบสภาพ สายรัดนิรภัยเป็นเรื่องสำคัญ การตรวจสอบอย่างลวก ๆ อาจทำใหม้ องขา้ มร่องรอยชำรุด ความเสยี หายของ สายรดั ไปได้ ควรตรวจฉลากของสายรัดอยา่ งละเอียด ดวู นั ท่ตี รวจครัง้ ล่าสดุ อา่ นข้อมูลของสายรัดท่ีบันทึก ไว้ หากไมม่ ีฉลาก หรือมีแตข่ ้อมลู ลบเลอื นหมดแล้ว ห้ามใช้สายรดั นั้นและควรทำลายสายรัดนั้นท้งิ โดยทนั ที 2) การสวมใส่อย่างไม่ถูกต้อง การสวมใส่สายรัดนิรภัยชนิดเต็มตัวอย่างไม่ ถูกตอ้ งเป็นสาเหตุหลกั ประการหนึ่งท่ีทำให้ผสู้ วมใสไ่ ดร้ บั ความบาดเจ็บรนุ แรงและเสยี ชวี ติ การสวมใส่อย่าง ไม่ถกู ต้องทีพ่ บได้บ่อย ไดแ้ ก่ - หว่ งคล้องอุปกรณ์เชื่อมตอ่ ด้านหลังไม่อยใู่ นตำแหน่งทถี่ ูกต้อง - แถบต่าง ๆ ของสายรดั นิรภยั ม้วนพนั กัน หรอื ขมวดเปน็ ปม - การสวมใส่หลวมหรือคับแน่นเกินไป หรือสายรัดนิรภัยมีขนาดไม่ เหมาะสมกับผ้สู วมใส่ - หวั ปรับความกระชับไมม่ ่นั คง แถบของสายรดั นิรภัยเลื่อนไปมาได้ - นำ้ หนักตวั และสงิ่ ของบนร่างกายของผู้ปฏิบัติงานเกินกวา่ ขีดจำกัดใน การรับน้ำหนักของสายรดั นริ ภัย - การใช้สายรัดนิรภัยที่เสื่อมสภาพแล้ว ควรตรวจสอบอายุการใช้งาน จากผู้ผลิตและไม่ใช้สายรัดท่ีหมดอายุแล้วแม้จะไมพ่ บสิง่ ผดิ ปกติใด ๆ ก็ตาม 2.3.2.5 ข้อกำหนดการใช้งานสายรัดนิรภัย การใช้งานสายรัดนิรภัยให้ปลอดภัยและไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน ตอ้ งคำนงึ ถึงข้อกำหนดตา่ ง ๆ ดังนี้ สถาบันสง่ เสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คมู่ ือการยับย้งั การตกจากทส่ี ูง 17 1) ห่วงคล้องอุปกรณ์เชื่อมต่อด้านหลัง ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างไหล่ทั้ง 2 ขา้ ง ในตำแหน่งท่มี อื สามารถเอือ้ มจับได้ 2) แผ่นรองห่วงคล้องอุปกรณ์เชื่อมต่อ (Dorsal Plate) ต้องอยู่ในสภาพท่ีดี พร้อมใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้ห่วงคล้องอุปกรณ์ตีศีรษะของผู้ปฏิบัติงาน และป้องกันไม่ให้สายรัดนิรภัย ขมวดพนั กัน ขณะตกจากท่สี ูง 3) สายรัดอกที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับห่วงคล้องอุปกรณ์เชื่อมต่อด้านหน้า ต้อง ปรับให้กระชับกับผู้ปฏิบตั ิงานตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพ่ือป้องกันผสู้ วมใส่หลดุ ออกจากสายรัดนิรภัยเมื่อ เกดิ การตกจากทส่ี ูง 4) ผู้ปฏิบัติงานต้องเลือกชนิดของสายรดั นิรภัยให้เหมาะสมกับลักษณะงาน รวมทง้ั จำนวนและตำแหนง่ ของหว่ งคลอ้ งอปุ กรณ์เชื่อมตอ่ ตอ้ งเหมาะสมกับลกั ษณะงาน 5) ตอ้ งเลอื กสายรดั นริ ภยั ใหม้ ีขนาดพอดีตัวของผปู้ ฏบิ ัตงิ าน 6) การใส่สายรัดนิรภัยต้องกระชับ ไม่หลวมจนเกินไป ทดสอบโดยการสอดน้ิว มอื เข้าไประหว่างร่างกายและสายรัดนิรภัย หากสามารถเลื่อนนิ้วเขา้ -ออกได้สะดวกพอดี แสดงว่าการสวม ใส่สายรัดนิรภยั นน้ั กระชับและเหมาะสม 7) ผู้ปฏิบัติงานต้องตรวจสอบสภาพของสายรัดนิรภัยทั้งก่อนและหลัง การใช้งาน รวมถงึ การเกบ็ รักษาตามวิธกี ารทแี่ นะนำโดยผูผ้ ลติ อย่างเคร่งครดั 8) เมื่อตกจากที่สูงและแขวนค้างอยู่กลางอากาศเป็นเวลานาน ทำให้เส้น เลือดบริเวณขาหนีบทั้งสองข้างถูกบีบรัด และเลือดไหลเวียนไม่สะดวก (Suspension Trauma) ผู้ปฏิบัติงานจะ หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือไม่มีอุปกรณ์ช่วยคลายแรงบีบรัดที่เหมาะสม จงึ ควรมอี ปุ กรณช์ ่วยเหลือตนเองในเบ้อื งตน้ ทีเ่ หมาะสม เพื่อผอ่ นคลายการบีบรัดขณะรอคอยการช่วยเหลือ เช่น อุปกรณช์ ่วยพยุงตวั ลดการบบี รดั ขณะรอการช่วยเหลอื (Suspension Trauma Safety Straps) เปน็ ตน้ 9) หา้ มใชส้ ายรัดนิรภยั ทีผ่ า่ นการตกจากท่ีสูงมาแล้ว 10) ห้ามนำสายรัดนิรภัยไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น การใช้ผูกรัดของใน งานยก สำหรับรอกและป้นั จ่นั เปน็ ต้น หรอื พนั กัน 2.3.2.6 วธิ ีการการสวมใส่สายรดั นริ ภัย ซง่ึ ข้นั ตอนดงั ภาพท่ี 2-10 1) จบั ห่วงคล้องอุปกรณ์เชือ่ มตอ่ ดา้ นหลัง ตรวจสอบสายรดั นริ ภัยไม่ให้บดิ 2) สอดแขนเข้าสายคลอ้ งบ่าทีละข้าง 3) ปรบั สายรัดอกให้อยู่ในระดบั อกและกระชับพอดลี ำตวั สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คูม่ ือการยับย้งั การตกจากท่ีสงู 18 4) 5) และ 6) ปรบั สายรดั กระชับตน้ ขา ให้พอดีขาท้ังสองข้าง 7) ตรวจสอบตำแหน่งหว่ งคลอ้ งอปุ กรณ์เชอื่ มต่อดา้ นหลังให้อยตู่ รงกลาง ระหว่างบ่าทง้ั สองและสามารถเออ้ื มมือจบั หว่ งคล้องอุปกรณ์เช่อื มตอ่ ดา้ นหลังได้ โดยยนื ลำตวั ตรง 8) ทดสอบความกระชับของชดุ โดยสามารถสอดนิว้ มือเขา้ ไปไดพ้ อดี 9) ทดสอบความกระชบั ของชุด โดยลองน่งั สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

ค่มู ือการยับย้งั การตกจากที่สูง 19 ภาพท่ี 2-10 การสวมใส่สายรดั นิรภัยชนดิ เตม็ ตวั สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู อื การยบั ยง้ั การตกจากทส่ี งู 20 2.3.2.7 การตรวจสอบและบำรงุ รกั ษาสายรัดนริ ภัย การใช้งานสายรัดนิรภัยต้องทำการตรวจสอบก่อนและหลังการใช้งาน ให้มี สภาพพร้อมใชง้ านทกุ ครงั้ พร้อมทง้ั จำเป็นตอ้ งได้รบั การตรวจสอบและบำรงุ รักษาตามท่ผี ู้ผลิตกำหนด และ ตรวจสอบโดยผู้มคี วามร้คู วามสามารถอยา่ งน้อยปีละครัง้ ขอ้ แนะนำการตรวจสอบและบำรุงรกั ษาสายรัดนิรภยั อย่างนอ้ ยมีดังตอ่ ไปนี้ 1) ผู้ปฏิบัติงานต้องตรวจสอบสภาพสายรัดนิรภัยด้วยตาเปล่าทั้งก่อนและ หลังการใช้งาน ตามขั้นตอนและวิธีการที่ผู้ผลิตกำหนด เมื่อพบว่าชำรุดหรือมีความผิดปกติ ให้รายงาน หัวหนา้ งานเพื่อการปรับปรุงแกไ้ ข 2) ผูป้ ฏบิ ตั งิ านตอ้ งตรวจสอบสายรดั นริ ภัยกรณใี ช้งานครง้ั แรก หรอื นำมาใช้ งานหลังจากเกบ็ เปน็ เวลานาน 3) สายรัดนิรภัยที่ผ่านการตกจากที่สูงมาแล้ว ให้คัดแยกออกและทำลายท้ิง ทันที 4) ต้องเก็บรักษาสายรัดนิรภัยในสถานที่ที่มอี ากาศถ่ายเทสะดวก ห่างจาก แหล่งกำเนิดความรอ้ นหรอื แสงแดด รวมท้งั ไมเ่ กบ็ ร่วมกับสารเคมี ในการตรวจสอบสายรัดนิรภัยก่อนและหลังการใช้งาน มีข้อแนะนำในการ ตรวจสอบความผดิ ปกติดังแสดงในตารางที่ 3 ตารางที่ 3 รายการความผิดปกติท่ีตรวจพบไดข้ องสายรดั นริ ภยั ชนดิ เต็มตัว ส่วนประกอบ ความผิดปกติ สายรัด (Straps) รอยตดั ขาด ขยุ เปือ่ ยยยุ่ รอยถลอก ความเสยี หายจากความรอ้ น ประกายไฟ ความเสยี หายจากสารเคมี สถาบันสง่ เสริมความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ อื การยับย้ังการตกจากทส่ี ูง 21 ตารางท่ี 3 (ต่อ) รายการความผิดปกติท่ีตรวจพบไดข้ องสายรดั นิรภยั ชนดิ เตม็ ตวั ส่วนประกอบ ความผิดปกติ ห ่ ว ง ค ล ้ อ ง อ ุ ป ก ร ณ์ การเสอ่ื มสภาพจากรงั สยี วู ี เชื่อมตอ่ ถกู ผิด และแผ่นรองห่วงคล้อง อุปกรณเ์ ชอ่ื มต่อ อุปกรณ์เสยี รูปทรง สนิม เกดิ การกดั กร่อนอยา่ งเหน็ ได้ชดั พื้นผวิ หยาบ มขี อบคม หรอื หัก แตก ร้าว เสยี รูปทรง หัวเขม็ ขัด สนิม เกดิ การกดั กร่อนอยา่ งเหน็ ไดช้ ัด หรือ บิดงอ เสียรูปทรง รอยเยบ็ ปริ ขาด ถลอก เปอ่ื ยร่ยุ สถาบันสง่ เสริมความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มือการยบั ย้งั การตกจากท่ีสงู 22 2.3.3 อุปกรณเ์ ช่ือมต่อ (Connectors; C) อุปกรณ์เชื่อมต่อ เป็นองค์ประกอบหลักที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างจุดยึดเกี่ยวกับ สายรัดนิรภัยของระบบยับยงั้ การตกส่วนบุคคลเขา้ ดว้ ยกัน เชน่ ห่วงเก่ยี วนิรภัยกับเชือกนิรภัย เชือกนิรภัย กับจุดยึดเกี่ยว เป็นต้น ทั้งนี้อุปกรณ์เชื่อมต่อประกอบด้วย ห่วงเกี่ยวนิรภัย และเชือกนิรภัย (Lanyard) ดงั ภาพที่ 2-11 เชอื กนริ ภัย ภาพท่ี 2-11 การใชอ้ ปุ กรณเ์ ชื่อมต่อ (เชอื กนริ ภยั ) 2.3.3.1 หว่ งเกีย่ วนิรภัย ห่วงเกี่ยวนิรภัยต้องมีคุณสมบัติในการทำงานที่มีลักษณะสามารถปิด ล็อก ด้วยตวั เองได้ตลอดเวลาเพ่ือปอ้ งกนั ไม่ให้ขอเกี่ยวอุปกรณเ์ ปิดออกโดยไม่ไดต้ ัง้ ใจ ทง้ั นี้อาจเป็นอุปกรณ์ล็อก ด้วยประตูขอเกี่ยวหรือปลอกสกรู ห่วงเกี่ยวนิรภัย มีองค์ประกอบหลัก 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) ตัวโครง อุปกรณ์ (Body) 2) ประตูขอเกี่ยว (Gate) และ 3) เฟืองล็อก (Locking Gear) หรือ สลักนิรภัย (Safety Latch) 1) ชนดิ ของหว่ งเก่ยี วนิรภยั ชนิดของหว่ งเกี่ยวนิรภยั แบง่ ไดต้ ามลกั ษณะการใช้งาน โครงสรา้ ง และ ความกว้างของประตูขอเก่ียว ดังนี้ 1.1) คาราไบเนอร์ (Carabiner) เป็นห่วงสำหรับเชื่อมต่อกับจุดยึด เกี่ยวต่าง ๆ ซึ่งปกติอุปกรณ์ต่าง ๆ นี้ประกอบด้วยประตู (Gate) เปิดเพื่อเกี่ยวกับอุปกรณ์อ่ืน ๆ และเมื่อเกีย่ ว เสร็จแล้ว ประตูจะปิด และจะมีระบบล็อก ซึ่งระบบล็อกนี้จะมีหลายแบบ เช่น เป็นแบบเกลียวหมุน หรือ แบบปดิ ล็อกอตั โนมตั ิ ดังภาพท่ี 2-12 และ 2-13 สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มอื การยบั ยง้ั การตกจากท่สี ูง 23 3 2 1 ภาพท่ี 2-12 ตวั อย่างหว่ งเกย่ี วนิรภยั ชนดิ คาราไบเนอร์ แบบ 2 จงั หวะ ก) คาราไบเนอร์แบบเกลียวหมนุ แบบ 3 จังหวะ ข) คาราไบเนอร์แบบอัตโนมัติ ภาพท่ี 2-13 หว่ งเก่ียวนิรภยั ชนดิ คาราไบเนอร์ ก) แบบเกลยี วหมนุ ข) แบบอัตโนมัติแบบ 2 จงั หวะ และ 3 จังหวะ 1.2) ตะขอเกย่ี วขนาดเลก็ (Snap Hook) ตะขอเกย่ี วขนาดเลก็ ต้อง มคี ณุ สมบัติในการทำงานที่ปิดล็อกดว้ ยตัวเองไดต้ ลอดเวลา และการเปดิ ประตูขอเกีย่ วจะตอ้ งเปิด 2 จงั หวะ เพอ่ื ป้องกนั ไมใ่ หข้ อเกี่ยวอปุ กรณเ์ ปิดออกได้โดยไม่ได้ตง้ั ใจเพอ่ื ความปลอดภัยในการใชง้ าน ทง้ั นค้ี วามกว้าง ของประตูขอเกี่ยวมีขนาดท่ีจำกัด จึงเหมาะทจี่ ะใช้คล้องเก่ียวกับหว่ งคล้องอุปกรณ์ที่ติดตั้งกับสายรัดนิรภัย หรือห่วงคล้องอุปกรณ์ทโ่ี ครงสร้างโดยใช้ร่วมกบั เชือกนริ ภยั ดังภาพท่ี 2-14 ภาพท่ี 2-14 ตวั อย่างตะขอเก่ยี วขนาดเล็ก (Snap Hook) สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มือการยบั ย้งั การตกจากทสี่ งู 24 1.3) ตะขอเกี่ยวขนาดใหญ่ (Rebar Hook) ตะขอเกี่ยวขนาดใหญ่ ต้องมีคุณสมบัติในการทำงานท่ีปิดล็อกด้วยตัวเองได้ตลอดเวลา และการเปิดประตูขอเกี่ยวจะต้องเปิด 2 จังหวะ เพื่อป้องกันไม่ให้ขอเกี่ยวอุปกรณ์เปิดออกได้โดยไม่ได้ตั้งใจเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ทั้งนี้ ความกว้างของประตูขอเกี่ยวมีขนาดใหญ่ เหมาะที่จะใช้คล้องกับโครงสร้างที่มีความมั่นคงแข็งแรงโดยใช้ รว่ มกับเชือกนิรภัย ดังภาพที่ 2-15 และ 2-16 ภาพท่ี 2-15 ตวั อย่างตะขอเกี่ยวขนาดใหญ่ (Rebar Hook) ภาพท่ี 2-16 ตวั อยา่ งตะขอเกยี่ วขนาดเล็กและขนาดใหญ่ 2) คณุ ลกั ษณะของห่วงเกีย่ วนิรภัย ห่วงเกี่ยวนิรภัย ตัวโครงอุปกรณ์ต้องทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงและ เหมาะสมกับการใช้งาน สามารถรบั แรงขณะประตูขอเกย่ี วปดิ ได้ไมน่ ้อยกวา่ 20 กิโลนิวตัน ดังภาพท่ี 2-17 ภาพท่ี 2-17 ตวั อย่างห่วงเกย่ี วนริ ภัย สถาบันส่งเสริมความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มือการยับยัง้ การตกจากทส่ี งู 25 3) อนั ตรายจากการใชง้ านหว่ งเกย่ี วนริ ภัย อันตรายที่ทำให้เกดิ การบาดเจ็บรุนแรงและเสยี ชีวิต เพราะอุปกรณ์ไมม่ ี มาตรฐาน ไม่มีคุณสมบัติเป็นไปตามมาตรฐาน การใช้งานห่วงเกี่ยวนิรภัยและอุปกรณ์ประกอบที่แตกหัก ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ การนำไปใช้งานไม่ถูกต้องตามการออกแบบ การใช้งานผิดวัตถุประสงค์ หรือเกิด การคลายลอ็ กหรือเปิดออกของประตขู อเกย่ี วโดยไมต่ ัง้ ใจของอปุ กรณ์ขณะใช้งานเน่ืองจากความสน่ั สะเทือน การเสียดสีหรอื ครูดกับโครงสร้าง 4) ข้อกำหนดการใชง้ านหว่ งเกีย่ วนริ ภัยอยา่ งปลอดภัย - ห่วงเกี่ยวนิรภัยควรมีขนาดเหมาะสมกับจุดยึดเกี่ยวโดยใช้งานอย่าง ถูกตอ้ งเหมาะสมหรือตามการออกแบบ - ติดตั้งห่วงเกี่ยวนิรภัยให้อยู่ในทิศทางเดียวกันกับการเคลื่อนที่ เพ่ือ ป้องกันไมใ่ ห้ห่วงคล้องอปุ กรณ์เชือ่ มต่อขดั กันและเกิดความเสียหาย - ควรติดตง้ั หว่ งเก่ยี วนริ ภัย 1 หว่ ง ต่อ 1 จดุ ยึดเกี่ยว - ไมค่ วรติดตัง้ ห่วงเก่ียวนริ ภัยกับจุดยึดเกี่ยวที่อยู่ในตำแหน่งท่ีอาจเสียดสี กับโครงสร้าง ขอบทม่ี ีคม หรือพน้ื ผิวหยาบ - หว่ งเกยี่ วนริ ภัยและจุดยึดเกยี่ วควรทำจากวัสดุท่ีมีความแขง็ แรง และ ไม่กอ่ ให้เกดิ ความเสียหายตอ่ พ้ืนผวิ ของหว่ งเกยี่ วนริ ภยั และจดุ ยดึ เกีย่ ว - ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งห่วงเกี่ยวนิรภัยที่ทำให้ประตูขอเกี่ยวนิรภัย เปน็ จุดรับแรง ซ่งึ ทำใหห้ ว่ งเก่ียวนริ ภัยชำรุดเสยี หาย - ห้ามใช้หว่ งเกี่ยวนริ ภยั เก่ียวกันเอง ยกเวน้ ในกรณฉี กุ เฉนิ - ประตหู ว่ งเก่ียวนิรภยั ตอ้ งปิดล็อกสนิทตลอดเวลาขณะใชง้ าน 5) การตรวจสอบและบำรุงรักษาห่วงเกยี่ วนิรภัย - ให้มีการตรวจสอบห่วงเกี่ยวนิรภัยให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน ทุกครั้งก่อนใช้งาน และหลังใช้งานต้องมีการตรวจสภาพของห่วงเกี่ยวนิรภัย หากพบว่ามีการชำรุด หา้ มนำกลบั ไปใชง้ าน - ตรวจสอบหว่ งเกย่ี วนิรภยั โดยผมู้ ีความรู้ความสามารถอยา่ งน้อยปลี ะ 1 คร้งั - ต้องเก็บรักษาห่วงเกี่ยวนิรภัยในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ห่างจากแหลง่ กำเนิดความร้อนหรอื แสงแดด รวมท้งั ไม่เกบ็ รว่ มกับสารเคมี 2.3.3.2 เชือกนริ ภยั (Lanyard) เชือกนิรภยั เป็นองคป์ ระกอบหลักท่ีใช้สำหรบั เชื่อมต่อระหว่างจุดยึดเกี่ยวกับ สายรัดนิรภยั ของระบบยับยั้งการตกสว่ นบุคคลเขา้ ดว้ ยกัน เชอื กนิรภยั ทำจากเชือก (Rope) หรอื แถบใยผ้า สงั เคราะห์ (Webbing) หรอื เชือกลวด (Cable) โดยตอ้ งมีความแขง็ แรง สามารถรองรับแรงกระชากทเ่ี กิด สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู ือการยบั ยั้งการตกจากท่ีสงู 26 ขึ้นได้ ส่วนใหญ่มกั ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ดูดซับแรงกระชาก (Energy Absorber) ความยาวของเชือกนิรภัย ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานหรือตามมาตรฐานที่ยอมรับ และต้องมีการคำนวณระยะตกที่ปลอดภัย ดงั ภาพท่ี 2-18 เชอื กนิรภยั ประกอบดว้ ย 1) สายเชือกนิรภยั 2) อุปกรณด์ ูดซบั แรงกระชาก 3) หว่ งเกย่ี วนิรภัย อุปกรณ์ดดู ซบั 2 1 สายเชอื กนิรภัย แรงกระชาก หว่ งเก่ยี วนริ ภัย 3 ภาพท่ี 2-18 เชือกนริ ภยั 1) ชนิดของเชือกนิรภยั เชอื กนริ ภัย แบ่งออกเปน็ ชนิดตา่ งๆ ดังนี้ 1.1) เชือกนิรภัยชนิดไม่มีอุปกรณ์ดูดซับแรงกระชาก (Non-Shock Absorber Lanyard) เป็นชนิดที่ออกแบบมาเพื่อใช้รั้งตัวผู้ปฏิบัติงานในการทำงานบนที่สูง (Work Positioning Lanyard) หรอื จำกดั ระยะการเคลอ่ื นที่ (Fall Restraint Lanyard) ขนาดความยาวของเชือก นิรภยั ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยปฏบิ ตั ิตามข้อแนะนำจากคู่มอื และคณุ ลักษณะของเชือกนริ ภยั ดงั ภาพท่ี 2-19 สายเชือกนริ ภยั 11 ห่วงเกี่ยวนริ ภัย 1 1 1 2 ภาพท่ี 2-19 เชอื กนิรภัยชนิดไม่มีอปุ กรณด์ ูดซบั แรงกระชาก สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คมู่ ือการยบั ยง้ั การตกจากทสี่ งู 27 1.2) เชอื กนริ ภยั ชนิดมอี ปุ กรณด์ ูดซบั แรงกระชาก (Shock Absorber Lanyard) เปน็ ชนิดที่ออกแบบมาเพอ่ื ยับยัง้ การตกกระแทกพ้นื และรองรับแรงกระชากจากการตก เพอ่ื ลดความ รุนแรงของการบาดเจ็บที่เกดิ ขึ้นจากการตก โดยใช้ร่วมกับสายรัดนิรภัยชนิดเต็มตัว และก่อนนำมาใช้งาน ต้องมีการคำนวณระยะการตกที่ปลอดภัย (Fall Clearance Distance) ทุกครั้ง พร้อมทั้งต้องปฏิบัติตาม ข้อแนะนำจากคมู่ อื และคุณลกั ษณะของเชือกนริ ภัย เชอื กนริ ภัยชนิดมอี ปุ กรณ์ดดู ซบั แรงกระชาก มี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1.2.1) เชือกนิรภัยชนิดเส้นเดี่ยว (Single Energy Absorber Lanyard) ออกแบบมาให้ใช้กบั จุดยึดเก่ียวจุดเดยี วหรือจุดยึดเก่ียวหลายจดุ ที่ต่อเชือ่ มกนั ด้วยสายช่วยชีวิต ซึ่งทำให้ในขณะปฏบิ ัติงานสามารถเคลื่อนที่ไป-มาในแนวราบได้โดยไม่ตอ้ งถอดเชือกนิรภัยออกจากจุดยดึ เกี่ยว ดงั ภาพท่ี 2-20 ภาพท่ี 2-20 เชือกนิรภยั ชนิดเส้นเดีย่ ว 1.2.2) เชือกนริ ภยั ชนิดเส้นคู่ (Double Energy Absorber Lanyard) ออกแบบมาให้ใช้สำหรับการเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ ได้ ทั้งในแนบราบและแนวดิ่ง ซึ่งขณะปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติงานสามารถเปลี่ยนจุดยึดเกี่ยวจากตำแหน่งหนึ่งไปอีกตำแหน่งหนึ่งได้ โดยที่ยังคงมีการคล้อง เกี่ยวกับจุดยึดเกี่ยวอยู่อย่างน้อย 1 ตำแหน่ง ซึ่งการใช้งานต้องมีการเกาะยึดกับจุดยึดเกี่ยวตลอดเวลา (100% Tie-off) โดยการคล้องเกี่ยวเชือกนิรภัยต้องปฏิบัติตามขอ้ กำหนดการใช้งานเชือกนริ ภัย ดังภาพท่ี 2-21 สายเชอื กนริ ภัยแบบเส้นคู่ ห่วงเก่ยี วนริ ภยั ภาพท่ี 2-21 เชือกนริ ภัยชนดิ เส้นคู่ สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยับย้ังการตกจากท่สี ูง 28 1.3) เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติ (Self-Retractable Device; SRD) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ยับยั้งการตกจากที่สูงสำหรับติดตั้งรว่ มกับจุดยึดเกี่ยวที่โครงสร้างและสายรัดนิรภยั ชนิดเต็มตัว เชือกนิรภยั ชนิดน้ีมีเชือกหรือวัสดุอื่น ๆ ม้วนอยู่ภายในกลอ่ งเก็บ (Housing) เมื่อใช้งานความ ยาวเชือกจะถูกปรบั ให้เหมาะสมกับการเคลื่อนท่ีของผู้ปฏบิ ัตงิ านด้วยกลไกภายใน และเมือ่ เกิดการพลดั ตกมี แรงกระชากถึงจุดที่กำหนดไว้กลไกภายในจะล็อกเชือกไว้ทันที เป็นการช่วยลดระยะตกอิสระให้น้อยลง เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติถูกออกแบบมาเพื่อใช้ยับยั้งการตกทั้งแนวดิ่งและแนวราบ สำหรับการ ทำงานที่สูงบนโครงสรา้ งขนาดความยาวของเชือกนิรภัยข้ึนอยู่กับระยะการปฏิบัติงาน ท้งั น้ีก่อนการใช้งานต้อง ตรวจสอบความพร้อมใช้งาน และมกี ารคำนวณระยะการตกท่ีปลอดภัย (Fall Clearance Distance) พร้อม ทงั้ ปฏิบตั ิตามคู่มือและคุณลกั ษณะของเชอื กนริ ภัย โดยปกตเิ ชอื กนริ ภยั ชนดิ นจี้ ะใชต้ ิดตั้งตอ่ จากจุดยึดเก่ียว โดยตรง ดังภาพที่ 2-22 ภาพท่ี 2-22 เชือกนริ ภัยชนิดดงึ กลบั อตั โนมัติ 1.4) เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติส่วนบุคคล (Personal Self- Retractable Lanyard; pSRL) ถูกออกแบบมาเพื่อลดระยะการตกที่ปลอดภัย (Fall Clearance Distance) ใชต้ ิดตั้งรว่ มกับจดุ ยึดเก่ียวท่โี ครงสร้างและสายรัดนริ ภัยชนิดเต็มตวั โดยติดต้งั ต่อกับเชือกนิรภัย โดยตรง ซึ่งขนาดความยาวเชือกขึ้นอยู่กับมาตรฐานการออกแบบ ทั้งนี้ก่อนการใช้งานต้องมีการทดสอบ ความพร้อมใช้งาน และต้องคำนวณระยะการตกที่ปลอดภัย พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อแนะนำจากคู่มือและ คณุ ลักษณะของเชือกนิรภยั โดยปกตเิ ชือกนริ ภัยชนดิ น้ีจะถูกออกแบบใหม้ ขี นาดเลก็ ว่าชนดิ ดึงกลับอัตโนมตั ิ เชือกนริ ภัยชนิดดึงกลบั อตั โนมตั สิ ่วนบคุ คลมี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1.4.1) เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติส่วนบุคคลเดี่ยว (Single personal Self-Retractable Lanyard; Single pSRL) ออกแบบมาใหใ้ ช้กับจดุ ยดึ เก่ยี วจุดเดยี วหรือจุด ยึดเกี่ยวหลายจุดที่ต่อเชื่อมกันด้วยสายช่วยชีวิต ซึ่งทำให้ในขณะปฏิบัติงานสามารถเคลื่อนที่ไป-มาใน แนวราบไดโ้ ดยไม่ต้องถอดเชอื กนิรภยั ออกจากจุดยึดเก่ยี ว ดงั ภาพที่ 2-23 สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มอื การยบั ยงั้ การตกจากท่ีสูง 29 ภาพท่ี 2-23 เชือกนริ ภัยชนิดดงึ กลับอัตโนมตั ิสว่ นบุคคลเดย่ี ว 1.4.2) เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติส่วนบุคคลคู่ (Twin personal Self-Retractable Lanyard; Twin pSRL) ออกแบบมาให้ใช้สำหรับการเคลื่อนที่ไปยังจุด ต่าง ๆ ได้ ทงั้ ในแนบราบและแนวดิง่ ซึง่ ขณะปฏิบัติงานผู้ปฏบิ ตั งิ านสามารถเปลีย่ นจุดยึดเกย่ี วจากตำแหน่ง หนึ่งไปอีกตำแหน่งหนงึ่ ได้ โดยท่ียงั คงมกี ารคล้องเกี่ยวกบั จดุ ยดึ เกย่ี วอยอู่ ยา่ งนอ้ ย 1 ตำแหน่ง ซึ่งการใช้งาน ตอ้ งมีการเกาะยดึ กับจุดยึดเก่ียวตลอดเวลา (100% Tie-off) ดังภาพที่ 2-24 ภาพท่ี 2-24 เชือกนริ ภัยชนิดดงึ กลับอตั โนมตั ิสว่ นบคุ คลคู่ 2) คุณลกั ษณะของเชือกนิรภยั เชือกนริ ภยั ตอ้ งมีโครงสร้างทม่ี ีความแข็งแรง และสามารถรับแรงดึงและ แรงกระชากที่เกิดขึ้นตามชนิดและวัสดุของเชือกนิรภัย เป็นไปตามตามมาตรฐานสากลหรือข้อกำหนดท่ี ไดร้ ับการยอมรับ ตัวอยา่ งดงั รายละเอยี ดแสดงในตารางท่ี 4 สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ อื การยับยัง้ การตกจากทส่ี ูง 30 ตารางท่ี 4 ตัวอย่างความแข็งแรงของเชือกนริ ภัยชนดิ ต่าง ๆ ชนิดของเชอื กนิรภัย มาตรฐานหรอื ขอ้ กำหนด แรงกระชาก (กโิ ลนวิ ตนั ) 22 เชือก (Fiber rope) OSHA 1910.66 22 15 แถบใยผ้าสงั เคราะห์ (Webbing) OSHA 1926.502(d)(8) เชอื กลวด (Wire rope) EN 795 : 2012 3) อันตรายจากการใชง้ านเชือกนริ ภยั อันตรายจากการใช้เชือกนิรภัยที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงและ เสียชีวติ ข้ึนอยู่กบั การใชง้ านทีไ่ ม่ถกู ตอ้ งและเหมาะสม การขาดการตรวจสภาพและบำรงุ รกั ษา ตลอดจนการ ใชเ้ ชือกนริ ภยั ท่ีชำรุดหรือเสอื่ มสภาพ เช่น - ขาดการตรวจสอบอปุ กรณก์ อ่ นการใชง้ าน - ใชเ้ ชือกนริ ภยั ที่มีสภาพไม่ปลอดภัย เสื่อมสภาพ หรอื ชำรุด - ขาดการตรวจสอบอุปกรณ์เช่ือมต่อทัง้ ระบบ เช่น เชือกนิรภยั จุดยึด เกี่ยว เปน็ ตน้ - ขณะปฏิบัตงิ านเชือกนิรภยั ครูดหรือสัมผัสกับขอบหรอื โครงสร้างที่มีคม - จัดเก็บเชือกนิรภัยในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น สถานที่ที่มีอากาศ ถา่ ยเทไม่สะดวก ใกลก้ ับแหลง่ ความร้อนหรอื แสงแดด สารเคมี เป็นตน้ - ใช้เชือกนิรภัยท่มี ีเงอื่ นหรอื ปม - ใชเ้ ชือกนิรภยั เกินขีดจำกัดหรอื ข้อกำหนด - การใช้เชือกนิรภัยต่อพ่วงหรือต่อแยกหลายเส้น อาจทำให้ ประสิทธภิ าพในการทำงานของอุปกรณล์ ดลงและเกดิ อันตรายตอ่ ผปู้ ฏิบัตงิ านได้ - การใช้เชือกนิรภัยในขณะที่เครื่องจักรเคลื่อนที่หรือกำลังทำงานอยู่ อาจมีผลกระทบตอ่ เชอื กนริ ภยั ใหไ้ ดร้ บั ความเสยี หาย - การคล้องเก่ียวเชอื กนริ ภยั อยา่ งไม่ปลอดภัย ตวั อย่างดังภาพที่ 2-25 สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คู่มอื การยบั ย้ังการตกจากท่สี ูง 31 (ก) เกยี่ วตะขอเขา้ ดว้ ยกนั (ข) เกีย่ วตะขอกับเชอื กนริ ภัย ภาพท่ี 2-25 การคล้องเก่ียวเชอื กนริ ภัยอยา่ งไม่ปลอดภัย (ก) เกี่ยวตะขอเขา้ ดว้ ยกัน (ข) เกีย่ วตะขอกับเชือกนิรภยั - การดดั แปลงเชือกนริ ภัยหรืออุปกรณป์ ระกอบ ดังภาพที่ 2-26 กข ภาพท่ี 2-26 การคล้องเกีย่ วเชอื กนิรภัยทไ่ี มป่ ลอดภัย ก) การใชจ้ ดุ คล้องเกยี่ ว 2 ชุด คล้องเกยี่ วกบั จดุ ยึด เกี่ยวเดียวกนั ข) การดัดแปลงเชือกนริ ภยั หรอื อปุ กรณ์ประกอบ 4) ขอ้ กำหนดการใชง้ านเชอื กนริ ภัยอยา่ งปลอดภยั การใช้งานเชือกนิรภยั ให้ปลอดภยั และไม่เป็นอปุ สรรคต่อการปฏิบตั ิงาน ต้องคำนงึ ถึงข้อกำหนดตา่ ง ๆ ดังน้ี สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คูม่ อื การยับย้ังการตกจากทสี่ ูง 32 - เชือกนิรภัยต้องมีมาตรฐานหรือได้รับการรับรองจากผู้มีความรู้ ความสามารถ - เลือกใช้เชือกนิรภัยให้เหมาะสมกบั ลักษณะงาน เช่น การปฏิบัติงาน กบั สารเคมี การปฏบิ ัตงิ านทีม่ คี วามร้อนสงู เป็นตน้ - ต้องคำนวณระยะตกสูงสุดให้เหมาะสมกับความยาวของเชือกนิรภัย และลักษณะงาน - ตรวจสอบสภาพเชือกนิรภัยก่อนใช้งานให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ บริษัทผผู้ ลติ - ควรใชเ้ ชอื กนิรภัยท่ผี า่ นการตรวจสอบตามข้อกำหนดของบรษิ ัทผูผ้ ลิต - เชือกนิรภัยที่ไม่ได้ใช้งานมาเป็นระยะเวลานานต้องได้รับการ ตรวจสอบโดยผูม้ ีความรคู้ วามสามารถกอ่ นนำมาใชง้ านเสมอ - กรณีทำงานกับเครื่องจักรเคลื่อนที่หรือกำลังทำงาน ต้องมีการ ประเมินอันตรายและจัดทำแผนควบคุม - ห้ามดัดแปลงเชอื กนิรภัยหรืออุปกรณ์ประกอบ หากจำเป็นต้องไดร้ บั อนญุ าตเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรจากผู้ผลติ - ก่อนที่จะใช้อุปกรณ์ยับยั้งการตก ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้จัดทำ แผนการชว่ ยเหลอื ไวแ้ ลว้ - หา้ มใชเ้ ข็มขัดนิรภัย เพือ่ ยบั ย้งั การตก - จุดยึดเกี่ยวกับโครงสร้างบริเวณเหนือศีรษะและจุดยึดเกี่ยวของ ผปู้ ฏิบตั งิ านต้องใหอ้ ยู่ในแนวเดยี วกันมากใหท้ ส่ี ดุ เพ่อื ลดการแกวง่ จากการตกให้นอ้ ยทสี่ ุด - ควรตรวจสขุ ภาพของผู้ปฏิบตั ิงาน เพื่อให้มีความพร้อมในการทำงาน บนทสี่ ูง กรณีมขี ้อสงสัยหรือผิดปกติควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์อาชวี เวชศาสตร์ - การใช้เชือกนิรภัยแบบเส้นคู่ ในการเคลื่อนตัวไปยังจุดยึดเกี่ยว ตำแหน่งถัดไปอย่างปลอดภัย โดยที่ยังมีเชือกนิรภัยคล้องเกี่ยวอยู่ อีก 1 เส้น (100% Tie off) ดงั แสดงในตารางที่ 5 สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู อื การยบั ยงั้ การตกจากทสี่ ูง 33 ตารางท่ี 5 การสลับการเก่ยี วจุดยึดเก่ียวของเชอื กนริ ภัยเสน้ คู่ขณะเคลือ่ นตัวอยา่ งปลอดภัย ข้นั ตอน ภาพประกอบ ถอดเชือกนริ ภยั จากจุดยึดเก่ียวตำแหน่งท่ีหนึง่ เพือ่ เคล่ือนตวั ไปคล้องจุดยึดเกยี่ วตำแหน่งที่ 1 2 3 สอง โดยท่ีจุดยดึ เกยี่ วตำแหนง่ ท่หี น่งึ ยงั มีเชอื ก นริ ภัยคล้องเกยี่ วอย่อู ีก 1 เส้น (100% Tie off) คล้องเชอื กนิรภยั เข้ากับจุดยดึ เก่ยี วตำแหน่งท่ี 1 23 สอง เคล่อื นตวั กลบั มาปลดเชือกนริ ภยั ออกจาก 1 23 ตำแหน่งท่หี น่ึง จากน้นั จึงเคลื่อนตวั ไปยงั จุดยึดเกย่ี วตำแหน่ง 1 23 ถดั ไป โดยที่จดุ ยึดเก่ยี วตำแหนง่ ที่สองยังมี เชือกนริ ภัยคล้องเกีย่ วอยู่ 1 เสน้ (100% Tie off) สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มอื การยับย้งั การตกจากทีส่ ูง 34 5) การตรวจสอบและบำรุงรกั ษาเชือกนริ ภยั - ตรวจสภาพเชือกนิรภัยก่อนใช้งานและหลังใช้งานให้อยู่ในสภาพ สมบูรณ์พร้อมใชง้ าน เช่น ไม่มีสภาพฉีก ขาด แตก การกัดกรอ่ นของสารเคมี รอยไหม้ หรือสกปรกมากจน ไม่สามารถทำความสะอาดได้ เปน็ ต้น หากพบว่ามกี ารชำรดุ หา้ มนำกลับมาใช้งาน ดงั ภาพท่ี 2-27 - ตรวจสอบสภาพเชือกนิรภัยอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง โดยผู้มีความรู้ ความสามารถ พร้อมทั้งมีการตรวจสอบส่วนประกอบเชือกนิรภัย หรืออุปกรณ์ดูดซับแรงอย่างละเอียด หลังจากเกบ็ ไว้เป็นเวลานาน - การทำความสะอาดเชือกนิรภัยให้ใช้น้ำหรือน้ำยาซักผ้าชนิดอ่อน ๆ แล้วแขวนไวใ้ ห้แหง้ อย่าให้สมั ผัสกับความรอ้ นหรอื แสงแดดโดยตรง ในกรณีท่เี ชอื กนริ ภยั สกปรกเล็กน้อยให้ ทำความสะอาดดว้ ยผ้าแหง้ หรอื ผา้ หมาด - เก็บเชือกนิรภัยในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ห่างจากแหล่ง ความรอ้ นหรอื แสงแดด รวมทั้งไมเ่ ก็บรว่ มกบั สารเคมี ภาพท่ี 2-27 การตรวจสอบเชอื กนิรภยั 2.3.4 สายช่วยชีวิต (Lifeline) สายช่วยชีวิตเป็นองค์ประกอบหลักที่ใช้สำหรับเป็นจุดยึดเกี่ยวและการเชื่อมต่อ ระหว่างจดุ ยดึ เก่ียวของเชือกนริ ภยั และสายนริ ภัยชนิดเต็มตัวของระบบยบั ยั้งการตกสว่ นบุคคลเขา้ ด้วยกนั สายช่วยชีวิตเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเคลื่อนที่ไป-มา ตามทิศทาง และระยะทางทีไ่ ด้ออกแบบไว้ท้ังแนวดิง่ และแนวราบ โดยที่ไม่จำเป็นต้องปลดห่วงเกีย่ วนิรภัย ในขณะเคลื่อนท่ี เพือ่ ใหเ้ กดิ ความปลอดภัยในระหวา่ งปฏิบตั งิ านบนทส่ี ูง เช่น บนหลังคา โครงสรา้ ง ชอ่ งเปิด เป็นตน้ สถาบันส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คูม่ ือการยบั ย้งั การตกจากท่สี ูง 35 การใช้สายชว่ ยชีวิตในการยับยั้งการตกจากที่สูงจะต้องใช้สายช่วยชีวิตท่ีออกแบบมา เป็นโครงข่ายที่ใช้งานอย่างเป็นระบบโดยใช้ร่วมกับอุปกรณ์ยับยั้งการตกจากที่สูง เรียกว่า ระบบสาย ชว่ ยชวี ติ (Lifeline System) อย่างน้อยประกอบดว้ ย 1) จดุ ยดึ เกย่ี วกบั โครงสรา้ ง 2) เชอื ก หรอื เชือกลวด 3) อุปกรณ์ดูดซับแรง 2.3.4.1 ชนดิ ของสายชว่ ยชีวิต สายชว่ ยชวี ติ แบ่งออกตามลักษณะการใชง้ านได้ ดังน้ี 1) สายช่วยชีวิตที่ออกแบบติดตั้งในแนวระนาบ (Horizontal Lifelines: HLL) ซงึ่ จะมีการติดตัง้ ทัง้ แบบช่ัวคราว และแบบถาวร ท่ปี ระกอบดว้ ยจดุ ยดึ เกี่ยวอยา่ งน้อย 2 จุด เชือกลวด หรอื เชือกสำหรับเช่ือมต่อระหว่างจดุ ยดึ เกีย่ ว อปุ กรณด์ ดู ซบั แรง (Shock Absorber Device) อุปกรณ์ช้ีบ่ง ความตึงของระบบ (Tension Indicator) และอุปกรณ์ขันเร่งความตึง (Turn Buckle) โดยมีการติดตั้ง ดงั ภาพท่ี 2-28 ภาพท่ี 2-28 สายช่วยชวี ิต ที่ออกแบบติดตงั้ ในแนวระนาบ สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ อื การยบั ย้งั การตกจากท่สี งู 36 2) สายชว่ ยชีวติ ที่ออกแบบติดตั้งในแนวดง่ิ (Vertical Lifelines: VLL) ซึง่ จะ มีการออกแบบเพื่อติดตั้งทั้งแบบชั่วคราว และแบบถาวร โดยการติดตั้งแบบชั่วคราวต้องมีจุดยึดเกี่ยว ด้านบนบรเิ วณเหนอื พน้ื ทีเ่ คลือ่ นที่อยา่ งนอ้ ย 1 จดุ สว่ นการตดิ ต้งั แบบถาวรจะประกอบดว้ ยจุดยดึ เกยี่ ว 2 จดุ คอื ดา้ นบนบรเิ วณเหนอื พ้ืนทเ่ี คล่ือนที่ และบรเิ วณด้านล่างใกล้ฐาน ซ่งึ การตดิ ต้งั แบบชัว่ คราวและแบบถาวร อาจมีความแตกต่างกันขึน้ กับการออกแบบของบริษัทผู้ผลิต ซึ่งระบบสายช่วยชีวิตแนวด่ิงต้องมีอุปกรณ์ดูด ซับแรงตกกระชากด้วยเช่นกนั ดงั ภาพท่ี 2-29 อุปกรณจ์ บั ยึดเชอื กหรือเชือกลวด และอุปกรณด์ ดู ซบั แรง ภาพท่ี 2-29 สายชว่ ยชีวิตท่อี อกแบบตดิ ตง้ั แบบถาวรในแนวดงิ่ 2.3.4.2 คณุ ลกั ษณะของสายชว่ ยชีวติ สายช่วยชีวิตต้องมีความแข็งแรงได้รับการรบั รองตามมาตรฐานที่ยอมรับได้ และคำนวณออกแบบตามลกั ษณะการใช้งาน โดยมีค่าความปลอดภยั อยา่ งนอ้ ย ดังนี้ 1) เชือกหรือเชือกลวด มีความแข็งแรงรับแรงดึงและแรงกระชากได้ไม่น้อย กว่า 15 กโิ ลนวิ ตนั 2) จุดยดึ เกย่ี วสามารถรับแรงดึงและแรงกระชากได้ไมน่ ้อยกว่า 12 กโิ ลนวิ ตนั 3) ความสามารถในการรับแรงดงึ และแรงกระชากทัง้ ระบบได้อย่างน้อย 12 กโิ ลนิวตัน สถาบันสง่ เสริมความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มอื การยบั ยัง้ การตกจากทีส่ ูง 37 2.3.4.3 อนั ตรายจากการใช้สายชว่ ยชวี ิต อนั ตรายจากการใช้สายช่วยชวี ิตทที่ ำใหเ้ กิดการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิต ข้นึ อยกู่ บั การใชง้ านทไ่ี มถ่ ูกตอ้ งและเหมาะสม เชน่ 1) สายชว่ ยชวี ิตไมไ่ ดม้ าตรฐานและไม่เหมาะสม 2) การติดตั้งสายชว่ ยชวี ิตไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของผผู้ ลิตหรือผอู้ อกแบบ 3) สายช่วยชวี ิตทนี่ ำมาใช้ไม่เหมาะสมกับลักษณะงานหรอื ไม่ถูกประเภทการใช้งาน 4) สายช่วยชีวิตมสี ภาพไม่ปลอดภัย เช่น ฉีกขาด เสอ่ื มสภาพ หรือชำรุด 5) สายช่วยชวี ิตทีใ่ ช้ปฏิบัติงานมีเงือ่ นหรอื ปม 6) จุดยึดเกี่ยวที่ติดกับโครงสร้างไม่แขง็ แรง เมื่อปฏิบัติงานอาจทำให้จุดยดึ เก่ียวหลดุ ออกจากโครงสร้าง ส่งผลให้สายชว่ ยชวี ติ หลุดจากระบบ 7) ขาดการตรวจสอบอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งระบบ เช่น สายช่วยชีวิต เชอื กนิรภยั จดุ ยดึ เกย่ี ว เป็นตน้ 8) จดั เกบ็ สายช่วยชีวติ ในสถานท่ีที่ไมเ่ หมาะสม เชน่ ใกล้กับแหล่งความร้อน หรอื สารเคมี เป็นต้น 2.3.4.4 ข้อกำหนดการใช้งานสายชว่ ยชวี ิต การใช้งานสายช่วยชีวิตให้ปลอดภัยและไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน ตอ้ งคำนึงถึงข้อกำหนดตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1) สายช่วยชีวิตต้องมีมาตรฐานหรือได้รับการรับรองจากผู้มีความรู้ ความสามารถ 2) เลอื กใชส้ ายชว่ ยชีวติ ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะงาน เช่น 2.1) งานที่ก่อให้เกิดความร้อนหรือความเย็นสูง จะทำให้สายช่วยชีวิต ถูกทำลาย สูญเสียสภาพ และสมบตั ิเชงิ กล ทำใหเ้ กดิ ความเปราะ จงึ ควรเลือกใช้วัสดุทนสภาพร้อนจัดหรือ เย็นจัดได้ 2.2) งานที่ก่อให้เกิดประกายไฟ เช่น งานเชื่อม หรืองานตัด หลอมด้วย ความร้อน ซึ่งสามารถทำให้สายช่วยชีวิตเกดิ การไหม้ การหลอม การขาด หรือถูกทำลาย จึงควรพิจารณา เลอื กใชส้ ายชว่ ยชีวติ แบบทนทานตอ่ เปลวไฟ สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ อื การยับยัง้ การตกจากท่สี งู 38 2.3) สายช่วยชีวิตที่ใช้ในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับสารเคมี ต้องเลือก สายช่วยชีวิตที่ทนทานต่อสารเคมีเนื่องจากสารเคมีจะกัดกร่อน ทำให้เกิดการไหม้ หรือการสลายตัวของ สายช่วยชวี ิตได้ 3) ติดตั้งสายช่วยชีวิตให้ครอบคลุมพื้นที่ในการปฏิบัติงานและมีความ เหมาะสมกับความสูงของระยะตกอสิ ระ 4) ติดตง้ั จุดยดึ เกี่ยวให้มรี ะยะที่เหมาะสม ตามการออกแบบการใช้งานหรือ ตามมาตรฐานของอุปกรณ์นน้ั ๆ 5) การเสียดสี การเคลื่อนตัวในขณะการปฏิบัติงานมกั จะทำให้เกิดการฉีกขาด เนื่องจากแรงเสียดทานและการเสียดสีของสายช่วยชีวิตกับพื้นที่ที่คมหรือขรุขระ การป้องกันทำได้โดยใช้ ผ้าใบหรอื ยางรองที่จดุ สมั ผัสเพือ่ ลดการขาดของสายชว่ ยชวี ิต 6) การทำเครือ่ งหมาย กำหนดตำแหน่งหรือการยอ้ มสี (Marking or Dying) ต้องใช้สีย้อมหรือสารเคมีที่ได้รับอนุญาตจากบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากสีย้อมจะมีสารที่เป็นกรดทำให้ สายชว่ ยชวี ติ ไดร้ บั ความเสยี หาย 2.3.4.5 การตรวจสอบและบำรงุ รกั ษาสายชว่ ยชีวิต 1) ตรวจสภาพสายช่วยชีวิต ทั้งก่อนใช้งานและหลังใช้งานให้อยู่ในสภาพ สมบูรณ์ พร้อมใชง้ านทุกครัง้ เชน่ ไม่มีสภาพฉกี ขาด แตก การกดั กรอ่ นของสารเคมี รอยไหม้ หรือสกปรก มากจนไมส่ ามารถทำความสะอาดได้ เป็นต้น หากพบว่ามกี ารชำรุดห้ามนำกลับมาใช้งาน 2) ตรวจสอบสภาพสายช่วยชีวิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งโดยผู้มีความรู้ ความสามารถ พร้อมทั้งมีการตรวจสอบส่วนประกอบสายช่วยชีวิต หรืออุปกรณ์ดูดซับแรงอย่างละเอียด หลังจากเก็บไว้เปน็ เวลานาน 3) การทำความสะอาดสายช่วยชีวิต ให้ใช้น้ำหรือน้ำยาซักผ้าชนิดอ่อน ๆ แล้ว แขวนไว้ให้แหง้ อยา่ ใหส้ ัมผัสกับความร้อนหรอื แสงแดดโดยตรง ในกรณที ี่สายชว่ ยชวี ิตสกปรกเล็กน้อยให้ทำ ความสะอาดด้วยผา้ แหง้ หรือผา้ หมาด 4) ควรเกบ็ และดแู ลรกั ษาสายชว่ ยชีวิตท่ีทำจากเสน้ ใยสงั เคราะห์ไม่ให้สัมผัส กับแสงแดดโดยตรง เนื่องจากหากถูกรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นเวลานาน สายช่วยชีวิตอาจถูก ทำลายหรือมีระยะเวลาการใชง้ านลดลง 5) สายช่วยชีวิตควรเก็บแยกในพื้นที่เก็บซึ่งมีอุณหภูมิปกติ แยกเก็บในช้ัน ไม่ควรนำสายช่วยชวี ติ เก็บรวมกบั วัสดุทม่ี ีอนั ตราย เชน่ วัสดมุ ีคม สารเคมี หรอื น้ำมนั เป็นต้น สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู ือการยับยงั้ การตกจากทีส่ ูง 39 2.3.5 การคำนวณระยะตก (Fall Clearance Distance Calculation) ในการปฏิบัติงานบนที่สูงจำเป็นต้องคำนึงถึงระยะตกที่ปลอดภัย ซึ่งประกอบด้วย ระยะตกอสิ ระ ระยะยับยงั้ ของอุปกรณย์ ับยงั้ การตก และระยะการยืดสูงสุดของอุปกรณ์ดูดซับแรง ดังนน้ั ในการ ออกแบบเพื่อใชง้ านร่วมกนั หรือการคำนวณระยะตกจึงควรคำนึงถึงปจั จัย ต่อไปนี้ 1) ความสงู ของผู้ปฏิบตั ิงาน 2) ความสูงและตำแหนง่ ของจุดยดึ เกย่ี ว 3) ความยาวของเชือกนิรภัย 4) การหยอ่ นตัวและการยืดของสายช่วยชวี ติ แนวนอน 5) การยืดตวั ของเชือกนิรภยั เนอื่ งจากการตก 6) ความยาวของอุปกรณ์ดดู ซับแรงและระยะยดื ตวั ของอุปกรณ์เมอ่ื เกดิ การตก การตกจะตอ้ งมีระยะระหว่างพื้นที่ปฏิบตั ิงานกับพื้นด้านล่างอย่างเพียงพอ ดังนัน้ ใน การคำนวณหาระยะการตกของผปู้ ฏิบัตงิ านในกรณีใชเ้ ชือกนิรภัยและอปุ กรณ์ดูดซบั แรง ตวั แปรท่ีใช้ในการ คำนวณ ประกอบด้วย ความยาวของเชือกนิรภัย การยืดตัวสูงสุดของอุปกรณ์ดูดซับแรง ความสูงของ ผู้ปฏิบัติงาน และระยะปลอดภัย ซึ่งการคำนวณระยะตก (Fall Clearance Distance) สามารถแบ่งตาม ประเภทอปุ กรณ์ได้ ดงั นี้ 2.3.5.1 การคำนวณระยะการตกทปี่ ลอดภัย (Fall Clearance Distance) ของ เชอื กนริ ภยั ชนดิ มอี ุปกรณ์ดูดซับแรงกระชาก (Shock Absorber Lanyard) เชือกนิรภัยและอุปกรณ์ดูดซับแรงมีความยาวที่แตกต่างกันหลายขนาด ดงั นนั้ จึงตอ้ งมกี ารคำนวณระยะทีป่ ลอดภัยในการใช้งานของแต่ละอปุ กรณ์ ระยะการตก = ความยาวของเชือกนิรภัย + การยืดตัวสูงสุดของอุปกรณ์ดูดซับแรง + ความสูงของ ผปู้ ฏิบตั งิ าน + ระยะปลอดภยั ตัวอย่าง การคำนวณระยะการตกที่ปลอดภัยของเชือกนิรภัยชนิดมี อุปกรณ์ดูดซบั แรงกระชาก จากตวั อยา่ งดงั ภาพท่ี 2-30 สามารถคำนวณระยะการตกได้ดังน้ี ระยะการตก = 2.0 + 1.7 + 1.8 + 1.0 = 6.5 เมตร สถาบันสง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)

คมู่ ือการยบั ย้งั การตกจากที่สูง 40 ภาพท่ี 2-30 การคำนวณระยะการตกท่ปี ลอดภยั ของเชือกนิรภัยชนดิ มีอุปกรณด์ ดู ซับแรงกระชาก 2.3.5.2. การคำนวณระยะการตกทีป่ ลอดภัยของเชือกนริ ภัยชนิดดึงกลบั อตั โนมัติ (Self-Retractable Device; SRD) 1) การคำนวณระยะการตกทป่ี ลอดภยั ของเชือกนริ ภัยชนิดดึงกลับ อตั โนมตั ิแนวดง่ิ (Vertical SRD) ระยะการตก = 1 + 2 โดยที่ 1 คือ คุณลักษณะเฉพาะของเชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติที่นำมาใช้* + ระยะตกอิสระ + ระยะยดื ของสายรดั นิรภัย 2 คอื ระยะปลอดภยั หมายเหตุ* คุณลักษณะจำเพาะของเชอื กนริ ภยั ชนิดดึงกลับอตั โนมัติที่นำมาใช้ สามารถหาได้จากคมู่ ือการใช้งาน ของอุปกรณท์ ี่จดั ทำโดยบรษิ ัทผู้ผลิต สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องค์การมหาชน)

ค่มู ือการยับยง้ั การตกจากท่สี งู 41 หรอื ระยะการตก = ข้อกำหนดตามคู่มอื การใช้งานของอปุ กรณท์ บ่ี ริษัทผู้ผลติ กำหนด + ระยะปลอดภัย ตวั อยา่ งดงั ภาพที่ 2-31 ภาพท่ี 2-31 การคำนวณระยะการตกทีป่ ลอดภยั ของเชอื กนริ ภยั ชนิดดึงกลบั อัตโนมตั แิ นวดิ่ง 2) การคำนวนระยะการตกที่ปลอดภยั ของเชือกนิรภัยชนดิ ดึงกลับ อตั โนมัติแนวราบ (Horizontal SRD) ระยะการตก = ความสูงจากเทา้ ของผู้ปฏบิ ัติงานถึงห่วงคล้องอปุ กรณ์เชอ่ื มต่อด้านหลงั ผู้ปฏิบัติงาน + ความสูงของผ้ปู ฏิบตั ิงาน + การยืดตวั สงู สดุ ของอปุ กรณ์ดูดซับแรง + ระยะปลอดภัย ตัวอยา่ ง การคำนวนระยะทางการตกท่ีปลอดภยั ของเชือกนิรภยั ชนิดดงึ กลบั อัตโนมตั ิแนวราบ (Horizontal SRD) จากตัวอย่างดังภาพท่ี 2-32 สามารถคำนวณระยะการตกได้ ดังนี้ ระยะการตก = 1.5 + 1.8 + 1.2+ 1.0 = 5.5 เมตร ตัวอย่างดงั ภาพที่ 2-32 สถาบนั สง่ เสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

ค่มู ือการยบั ยัง้ การตกจากท่สี งู 42 ภาพท่ี 2-32 การคำนวณระยะการตกทีป่ ลอดภัยของเชือกนริ ภยั ชนิดดึงกลับอตั โนมัติแนวราบ สถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คู่มอื การยบั ยงั้ การตกจากทีส่ ูง 43 3) การคำนวนระยะการตกที่ปลอดภัยของเชือกนิรภยั ชนิดดึงกลบั อัตโนมตั ิสว่ นบคุ คล (Personal Self-Retractable Lanyard; pSRL) 3.1) เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติส่วนบุคคลเดี่ยว (Single Personal Self-Retractable Lanyard; Single pSRL) ใช้สำหรับการทำงานบนที่สูงที่ออกแบบมาให้ เคลื่อนที่ไดใ้ นพ้นื ทีจ่ ำกัด ไมเ่ กนิ 8 เมตร 3.2) เชือกนิรภัย ชนิดดึงกลับอัตโนมัติส่วนบุคคลคู่ ( Twin Personal Self-Retractable Lanyard; Twin pSRL) ใช้สำหรับการทำงานบนที่สูง ที่ออกแบบมาให้ เคล่อื นที่ไปยังจุดต่าง ๆ ได้ โดยการใช้งานน้ี ทำให้มีการเกาะกบั จดุ ยึดเก่ียวตลอดเวลา (100% Tie-off) ในการการคำนวนระยะการตกทีป่ ลอดภัยของเชือกนริ ภัยชนิดดึงกลับ อัตโนมัติส่วนบุคคลแนวดิ่ง (Vertical pSRL) สามารถคำนวณได้โดยหาจากคู่มือการใช้งานของอุปกรณ์ ตามทบี่ ริษทั ผผู้ ลิตกำหนด 4) การคำนวนระยะการตกทีป่ ลอดภัยของการใช้สายช่วยชีวิต (Lifeline) 4.1) การคำนวนระยะการตกที่ปลอดภัยของการใช้สายช่วยชีวิต แนวด่งิ (Vertical Lifeline) ระยะการตก = 1 + 2 โดยที่ 1 คือ ระยะตกอิสระ + ระยะยืดของอุปกรณ์ดูดซับแรง + คุณลักษณะเฉพาะของตัวล็อกที่ใช้กับ สายช่วยชวี ติ 2 คือ ระยะปลอดภยั หมายเหต*ุ คุณลักษณะเฉพาะของตัวล็อกทใ่ี ชก้ ับสายช่วยชีวิตสามารถหาได้จากคูม่ ือการใชง้ านของอุปกรณ์ ท่จี ดั ทำโดยบริษัทผู้ผลติ ตัวอย่างดังภาพท่ี 2-33 ภาพท่ี 2-33 การคำนวนระยะการตกท่ปี ลอดภัยของการใชส้ ายช่วยชวี ติ แนวด่งิ (Vertical Lifeline) สถาบนั ส่งเสริมความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทำงาน (องคก์ ารมหาชน)

คูม่ อื การยบั ยงั้ การตกจากที่สงู 44 (Horizontal Lifeline) 4.2) การคำนวนระยะการตกทปี่ ลอดภยั ของสายช่วยชีวิตแนวราบ ระยะการตก = 1 + 2 โดยท่ี 1 คอื ระยะยดื ของสายช่วยชวี ติ แนวราบ (รวมระยะยดื สูงสุดของอปุ กรณด์ ดู ซับแรงในระบบ) 2 คือ ระยะยดื ของอุปกรณ์ตามคณุ สมบตั ขิ องอปุ กรณ์น้ัน ๆ รวมถงึ ระยะตกท่ีปลอดภัยของอุปกรณ์ท่ี ใช้งานร่วมในระบบ เช่น เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติ เชือกนิรภัยชนิดดึงกลับอัตโนมัติ สว่ นบุคคล หรือ เชอื กนิรภยั เปน็ ต้น ตัวอย่างดงั ภาพท่ี 2-34 ภาพท่ี 2-34 การคำนวนระยะการตกที่ปลอดภยั ของสายชว่ ยชวี ติ แนวราบ (Horizontal Lifeline) สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook