แซนโฎนตา ชุมชนวดั ทัพทันโคกสวาย ตำบลทบั ทัน อำเภอสังขะ จังหวัดสุรนิ ทร์ โดย พระถาวร ถริ สทโฺ ธ/บญั ชาเมฆ รหสั 6409501035
สารบญั คำนำ ๑ ๑. สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐานของ อบต.ทับทนั ๒ ๒ ๑.๑ ความเปน็ มา ๒ ๑.๒ ลกั ษณท่ีตั้ง ๒ ๑.๓ อาณาเขตตดิ ต่อ ๒ ๑.๔ ประชากร ๓ ๑.๕ เขตการปกครอง ๓ ๒. ดา้ นโครงสรา้ งพน้ื ฐาน ๓ ๒.๑ การคมนาคม ๓ ๒.๒ การไฟฟ้า ๓ ๒.๓ แหลง่ นำ้ ๓ ๒.๔ แหลง่ ท่องเท่ียว ๔ ๓. สภาพสังคม ๔ ๓.๑ การศกึ ษา ๔ ๓.๒ ด้านศาสนา ๔ ๓.๓ พิธกี รรมประจำทอ้ งถิ่น ๔ ๓.๔ การสาธารณสุข ๔ ๓.๕ กลุ่มองค์กรณต์ ่างๆ ๕ ๔. การแซนโฎนตาของชุมชนวัดทัพทนั โคกสวาย ๕ ๔.๑ ความเปน็ มา ๕ ๔.๒ ข้ันตอนการแซนโฎนตา ๑๑ ๕. อทิ ธพิ ลของพิธีการแซนโฎนตา ๑๑ ๕.๑ ดา้ นความเชอ่ื และจิตใจ ๑๑ ๕.๒ ด้านวฒั นธรรมและประเพณี ๑๒ ๕.๓ ด้านสังคมและการปกครอง ๑๒ ๕.๔ ด้านเศรษฐกจิ ๑๓ ๕.๕ ดา้ นการศกึ ษา ๑๓ ๕.๖ ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ๑๔ ๖. สรุป ๑๔ ๗. เอกสารอา้ งอิงหรอื ท่มี าของขอ้ มลู
๑ คำนำ รายงานเล่มนไ้ี ดจ้ ดั ทำขึ้นเพอื่ ทำการศกึ ษา อทิ ธิพลของเทศกาลและพธิ กี รรมทางพระพุทธศาสนาของ ตำบล ทบั ทนั อำเภอสงั ขะ จงั หวัดสุรินทร์ ซง่ึ ตำบลทับทนั นนั้ มชี ุมชนท้ังหมด ๑๖ ชุมชน หรอื ๑๖ หมบู่ ้าน แตร่ ะหมูบ่ ้าน ตา่ งกม็ คี วามหลากหลายของวัฒนธรรมและประเพณีของตนทแี่ ตกตา่ งกัน และมคี วามหลากหลายของชาติพนั ธ์ุของ คนในชมุ ชนท่แี ตกต่างกันด้วย ไม่วา่ จะเปน็ ไทย เขมร กูย ลาว ซึ่งแต่ระชาตพิ ันธุแ์ ต่ระชุมชนนนั้ ต่างก็มีประเพณี และพิธกี รรมที่แตกต่างกนั ไป ซ่งึ ผเู้ ขยี นไดท้ ำการศึกษาและคน้ ควา้ หาข้อมลู ของชุมชนชุมชนหนงึ่ ของตำบลทับทนั ซงึ่ เห็นว่ามปี ระเพณีและพิธีกรรมและวิธีปฏิบัติทแี่ ต่กตา่ งไปจากชุมชนอื่นในตำบลเดียวกนั น่ันกค็ อื การศึกษาค้นควา้ ประเพณแี ละพิธีกรรมของ ชมุ ชนวดั ทพั ทันโคกสวาย เรือ่ งทศี่ กึ ษาคน้ ควา้ คือ การแซนโฎนตาของชมุ ชนวัดทัพทัน โคกสวาย สว่ นขอ้ มลู ที่ผู้เขยี นได้ศึกษาและคนควา้ จะเปน็ อยา่ งไรนนั้ กข็ อเชิญทุกท่านไดศ้ ึกษาไดใ้ นลำดบั ตอ่ ไป ผ้เู ขยี นหวังเปน็ อย่างยงิ่ ว่าขอ้ มลู ทผี่ ้เู ขยี นไดศ้ กึ ษาและค้นควา้ มานนั้ จะเป็นประโยชนต์ อ่ ผูท้ ่ีศกึ ษาไดไ้ ม่มากก็ นอ้ ย และถา้ หากข้อมูลท่ีผู้ศึกษามีการคลาดเคลือ่ นจากข้อเทจ็ จรงิ บา้ ง ผูเ้ ขยี นต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย ผู้จัดทำ พระถาวร ถิรสฺโธ / บญั ชาเมฆ
๒ ๑.สภาพทั่วไปและข้อมูลพ้ืนฐานขององคก์ ารบริหารสว่ นตำบลทบั ทนั ๑.๑ ความเปน็ มา ประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 19 มกราคม 2539 เร่ืองจัดต้ัง องค์การบริหารส่วนตำบลโดยที่สภาตำบลทีม่ ีรายได้โดยไมร่ วมเงินอุดหนุนใน ปีงบประมาณ 2536 – 2538 เฉลย่ี ไม่ต่ำกวา่ ปีละ 150,000.-บาท โดยยก ฐานะจากสภาตำบลทบั ทนั เป็นองค์การบรหิ ารส่วนตำบลทับทันตามประกาศ ในราชกิจจานเุ บกษา ฉบับประกาศทั่วไปเล่ม 113 ตอนที่ 9ง ลงวันท่ี 30 มกราคม พ.ศ. 2539 ๑.๒ ลักษณะที่ต้งั ตำบลทบั ทัน ต้งั อย่ทู างทิศตะวันตกของอำเภอสังขะ อย่หู ่างจากทวี่ ่าการอำเภอสงั ขะ ประมาณ 9 กโิ ลเมตร มี พนื้ ท่ที ้งั หมดประมาณ 65.58 ตารางกโิ ลเมตร หรอื ประมาณ 40,988.50 ไร่ โดยสภาพพ้นื ทโ่ี ดยทัว่ ไปของตำบลทบั ทัน เปน็ ทีด่ อนสลับกบั ท่ีลมุ่ ตอนกลางของตำบลจะเปน็ ทล่ี มุ่ ซ่ึงมีลำหว้ ยทบั ทนั ไหลผ่านจากทางทิศใตล้ าดลงมาทางเหนอื โดยสามารถเห็นไดจ้ ากภาพตดั ขวางของเส้นระดบั ความสงู ท่ี 165 ลาดทางเหนือที่เสน้ ระดบั สงู ที่ 150 และจากด้าน ตะวันตกจะสูงแลว้ ลาดลงกลางตำบลแล้วสงู ขึน้ ทางด้านตะวันออกของตำบล ถึงความสงู ที่ 160 แต่ภาพโดยรวมของ พื้นทม่ี ีความสูงต่ำไมต่ า่ งกันมากนกั พืน้ ที่ตอนกลางของตำบลส่วนใหญ่ถา้ มปี ริมาณนำ้ ฝนมากจะมีนำ้ ทว่ มขังและมีนำ้ ทว่ มมากในฤดูนำ้ หลาก พนื้ ท่ีของตำบลทบั ทัน ยงั มที รพั ยากรธรรมชาตทิ ่ียังคงมีอยจู่ ำนวนมาก เช่น พ้ืนที่วนอุทยาน ปา่ สนหนองคเู ป็นทีพ่ นื้ ทีป่ า่ สนธรรมชาติ เป็นชนิดป่าสนสองใบ และไม้ป่าธรรมชาตอิ กี จำนวนมากมาย เชน่ ไมย้ างนา ไมก้ ระบาก ไม้ประดู่ และอน่ื ๆ อีกมาก และมีศูนย์อนุรักษพ์ ันธ์ไุ มป้ ่าหนองคทู ีเ่ ปน็ ที่เพาะพันธุ์ไมอ้ นื่ ๆ จำนวนมากเพื่อ ใชใ้ นการปลูก และสนบั สนนุ ให้หนว่ ยงานอนื่ ๆไดน้ ำไปเพาะปลกู พื้นท่ีแหล่งนำ้ ท่สี ำคญั มอี ่างเก็บนำ้ หนองยะช้าง อ่าง เก็บนำ้ บา้ นกลว้ ย อ่างเก็บน้ำบ้านวงั ปลัด อ่างเกบ็ นำ้ หนองสะกุ อา่ งเกบ็ น้ำบ้านเดอื ยไกแ่ กว้ หนองตาเตีย๊ บ และอน่ื ๆ ซึง่ เป็นท่ีกกั เก็บนำ้ ไวไ้ ด้ตลอดปี และเปน็ แหลง่ เพาะขยายพันธส์ุ ตั วน์ ำ้ และเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยว ๑.๓ อาณาเขตติดต่อ - ทิศเหนือ ตดิ ต่อกับตำบลศรีสขุ อำเภอศรณี รงค์ - ทศิ ใต้ ติดตอ่ กับตำบลสะกาด ตำบลบ้านชบ อำเภอสงั ขะ - ทศิ ตะวันออก ติดต่อกับตำบลสังขะ อำเภอสงั ขะ - ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับตำบลตระเปยี งเตีย อำเภอลำดวน ๑.๔ ประชากร จำนวนครวั เรอื นในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทบั ทัน มีจำนวน 2,745 ครัวเรือน มปี ระชากรทัง้ หมด 11,833 คน แยกเป็น ชาย 6,063 คน หญิง 5,770 คน ขอ้ มูล ณ เดอื น ธันวาคม 2560
๓ ๑.๕ เขตการปกครอง องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลทบั ทนั ประกอบด้วยหมู่บ้าน 16 หมู่บา้ นดังนี้ หมู่ 1 บา้ นทพั ทนั หมู่ 2 บา้ นเสรยี ง หมู่ 3 บ้านกระชาย หมู่ 4 บ้านรม่ เย็น หมู่ 5 บ้านโนนเจรญิ หมู่ 6 บา้ นลำหาด หมู่ 7 บ้านเลศิ อรณุ หมู่ 8 บ้านวงั ปลดั หมู่ 9 บา้ นกระทม หมู่ 10 บ้านกลว้ ย หมู่ 11 บ้านเดอื ยไกแ่ ก้ว หมู่ 12 บ้านขาม หมู่ 13 บา้ นโคกยาง หมู่ 14 บ้านสวาท หมู่ 15 บา้ นโคกสวาย หมู่ 16 บ้านดงสวรรค์ ๒.ด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน ๒.๑ การคมนาคม องค์การบริหารส่วนตำบลทบั ทนั มีระบบการขนสง่ ทางบกท่ีสะดวกสบาย โดยมีรถตโู้ ดยสารว่ิงระหว่างสงั ขะ - สุรินทร์และรถโดยสารสายสรุ ินทร์ - บวั เชด องค์การบริหารส่วนตำบลทบั ทันได้พยายามปรับปรงุ ซ่อมแซมและกอ่ สร้างถนนภายในเขตองคก์ ารบริหารสว่ นตำบล และถนนเช่อื มตอ่ ระหวา่ งหมู่บา้ นและตำบลรวมทั้งตดิ ตัง้ หลอดไฟให้ แสงสว่างในเวลากลางคืน เพอื่ ความปลอดภยั ในการสญั จรไป – มาของประชาชน ๒.๒ การไฟฟ้า ในเขตองค์การบริหารสว่ นตำบลทับทนั การใช้ไฟฟา้ อยใู่ นความควบคมุ ของการไฟฟ้าส่วนภมู ภิ าคอำเภอสังขะ ปจั จบุ นั ในเขตองคก์ ารบริหารส่วนตำบลทบั ทนั มีไฟฟ้าใชค้ รบทุกครัวเรือน ๒.๓ แหลง่ นำ้ -ลำหว้ ยทับทัน 1แหง่ - หนอง 33 แหง่ - คลอง 3 แห่ง - ฝาย 5 แหง่ - อา่ งเกบ็ น้ำ 1 แหง่ - สระน้ำ 2 แห่ง - บอ่ น้ำต้ืน 2 แหง่ - บอ่ บาดาล 43 แห่ง - ประปา 14 แห่ง ๒.๔ แหล่งทอ่ งเท่ียว วนอทุ ยานปา่ สนหนองคอู ยู่ในทอ้ งท่ตี ำบลทับทนั อำเภอสงั ขะ จังหวัดสรุ นิ ทร์ อยู่ในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาตปิ ่า สนหนองคู มเี น้อื ทป่ี ระมาณ 6,250ไร่ กรมปา่ ไม้ไดป้ ระกาศจัดตัง้ เม่ือวันที่ 29 ตุลาคม 2524 ปา่ สนหนองคูเปน็ ปา่ บนพ้นื ท่รี าบลุ่มในฤดฝู นมนี ำ้ ขังอยู่เปน็ บางแหง่ สภาพโดยรอบเป็นทุ่งนา มีรอ่ งรอยการเปน็ ปา่ ในอดีตท่สี มบูรณ์มาก สภาพปา่ มไี มส้ นสองใบข้ึนอยทู่ ั่วไปผสมกับป่าเต็งรงั มีไม้เหยี ง พลวงพะยอม กระบก กระบาก เป็นสว่ นใหญส่ ัตวป์ า่ ปจั จบุ นั มเี ฉพาะขนาดเลก็ ไดแ้ กก่ ระรอก บ่าง กระตา่ ยปา่ งู แย้ นกเขา นกกะปดู นกเอี้ยง บางครง้ั กจ็ ะมพี บนกเงอื ก มาอยบู่ ้าง เป็นแหลง่ ศกึ ษาไม้สนสองใบทมี่ แี ห่งเดียวของจงั หวดั สรุ ินทร์ เขตอนรุ กั ษพ์ ันธ์ไุ ม้สนสองใบ อยู่ท่ีบ้านหนอง คู ตำบลโชคเหนือ อำเภอลำดวน เปน็ เขตอนรุ ักษพ์ ันธไุ์ มส้ นสองใบที่ถือวา่ เปน็ พันธ์ุดีท่ีสดุ ท่ขี ึน้ ในที่ราบสงู เปน็ โครง การร่วมระหวา่ งไทย-เดนมารก์ มีเนอื้ ที่ 625 ไร่ มลี ักษณะเด่นคอื เป็นสนสองใบทข่ี ึ้นในท่ีราบแหง่ เดยี วในประเทศ ไทย อยหู่ ่างจากจงั หวัดสุรนิ ทร์ ประมาณ 35 กโิ ลเมตร ตามเสน้ ทางสรุ ินทร์-สงั ขะ เปน็ สถานท่ีพกั ผอ่ นหยอ่ นใจของ ชาวสรุ ินทร์อีกแหง่ หนง่ึ - หนองยะชา้ งตงั้ อยู่ ระหวา่ ง ม. 12 และ ม. 4 - หนองหวา้ ตง้ั อยู่ ม. 10 บ้านกล้วย - หนอง บา้ นลำหาด ต้ังอยู่ ระหว่าง ม. 6 และ ม. 11
๔ ๓.สภาพสงั คม ๓.๑ การศึกษา 1. ในเขตองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลทบั ทัน มีสถานศึกษาสงั กัดสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน จำนวน 7 แห่ง ดงั น้ี 1. โรงเรยี นบา้ นทัพทัน 2. โรงเรียนบ้านเสรยี ง 3. โรงเรยี นบ้านร่มเยน็ 4. โรงเรียนบา้ นโนนเจริญ 5. โรงเรียนบา้ นเลศิ อรณุ 6. โรงเรยี นบ้านลำหาด 7. โรงเรียนบ้านวงั ปลัด 2. ศูนย์พฒั นาเดก็ เลก็ ก่อนวัยเรยี นจำนวน 7 แหง่ ประกอบด้วย 1. ศูนยพ์ ัฒนาเด็กเลก็ บ้านทัพทนั 2. ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ วัดโพธิว์ เิ วกธรรมโสภณ 3. ศูนย์พฒั นาเดก็ เล็กวัดรม่ เยน็ 4. ศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ วัดโนนเจรญิ สุข 5. ศนู ย์พัฒนาเด็กเลก็ บา้ นลำหาด 6. ศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเล็กวัดเลศิ อรณุ วราราม 7. ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ วดั กทั ลีสันตธิ รรม ๓.๒ ด้านศาสนา ประชาชนในเขตองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบลส่วนใหญน่ บั ถอื ศาสนาพทุ ธและมีสถานทปี่ ระกอบพิธีกรรมทาง ศาสนาดังนี้ - วัดทพั ทันโคกสวาย - วัดป่าวเิ วกธรรมโสภณ - วัดบา้ นกระชาย - วดั รม่ เย็น - วดั โนนเจริญสขุ - วดั หาดแก้วชัยมงคล - วัดป่าลำหาด - วัดเดือยไก่แก้ว - วัดเลิศอรุณวราราม - วดั วงั ปลดั สามัคคี - วัดป่ารตั นสุทธิกระทม - วดั กทั ลสี นั ติธรรม - วดั มงคลสนธนาราม - ศนู ยป์ ฏิบตั ิธรรมสติภาวนาภิรตาราม ๓.๓ พิธีกรรมประจำทอ้ งถ่นิ -แซนโฎนตา -แซนปู่ตา -ทำบญุ ขวญั ขา้ ว -รำมะมวด -บุญบงั ไฟ -แหน่ างแมว -ก่อเจดียท์ ราย -แหป่ ราสาทผ้ึง -เทศน์มหาชาติ -ทำบุญร่วมมติ รในช่วงเข้าพรรษา ๓.๔ การสาธารณสุข - โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตำบลทบั ทัน 1 แห่ง ๓.๕ กล่มุ องค์กรต่างๆ - กลุ่มทอผ้าไหม - กลมุ่ ทอเส่อื กก - กล่มุ พรมเชด็ เท้า - กล่มุ สานตะกร้า - กลมุ่ เยบ็ รองเท้า - กลุ่มเยบ็ ผา้ - กลุ่มร้านคา้ ชมุ ชน - กลุม่ ทำวิกผม
๕ ๔. การแซนโฎนตาของชุมชนวัดทพั ทันโคกสวาย ๔.๑ ความเปน็ มา ชมุ ชนวดั ทัพทนั โคกสวายนัน้ เป็นชมุ ชนทมี่ คี วามหลากหลายทางประเพณี วัฒนธรรม และชาตพิ ันธุ์ ซึง่ ประชากรท่ีอาศยั อยู่ในชุมชนนนั้ มีดว้ ยกัน ๒ ชาตพิ ันธุ์คือ ชาวเขมรซึ่งเปน็ ชาตพิ นั ธ์ดุ ้ังเดมิ หรอื ชนพ้ืนเมืองทอี่ าศัยอยู่ ณ หมบู่ า้ นแห่งนีม้ าตง้ั แต่สมยั ปู่ ยา่ ตา ยาย แล้ว และชาวลาวที่อพยพมาจากถ่ินฐานอน่ื มาอาศยั อยู่ในชุมชนนี้ ซึง่ สว่ นมากจะมาจาก อ.รัตนบรุ ี อ.สนม อ.โนนนารายณ์ฯ ซ่งึ ส่วนมากจะเปน็ คู่เขยหรอื สะใภท้ ี่แตง่ งานกบั คนในชมุ ชน แล้วย้ายมาอยู่กบั ผเู้ ปน็ สามีหรือภรรยา จากนัน้ ก็ไดช้ กั ชวนญาติพี่นอ้ งมาอยดู่ ้วย ซ่งึ มอี ยปู่ ระมาณ ๒๐% ของชุมชน ประเพณีแซนโฎนตาของชุมชนวัดทัพทันโคกสวายนน้ั นับวา่ เป็นประเพณีทีม่ ีความสำคญั และปฏบิ ัตสิ บื ทอด กันมาเป็นเวลายาวนาน แต่ไม่สามารถระบไุ ดว้ า่ มีมาก่ปี แี ล้ว จากคำบอกเล่าคนคนในพ้ืนท่ีบอกว่ามมี าต้ังแต่สมยั ปู่ ยา่ ตา ยายแล้ว และมคี วามเช่ือกนั วา่ ในเดอื นนย้ี มบาลจะปลดปล่อยวญิ ญาณของสมั ภเวสีหรอื ภตู ผปี ีศาจ ใหข้ น้ึ มา บนโลกมนษุ ยเ์ พื่อรอรบั สว่ นบุญทลี่ ูกหลาน ญาตพิ ่ีนอ้ งทำบุญอทุ ิศให้ แซนโฎนตาเป็นภาษาเขมร แซน หมายถึง การ เซ่นไหว้ การบวงสรวง โฎนตา หมายถงึ การทำบุญให้ ปู่ ยา่ ตา ยาย หรอื บรรพบรุ ุษท่ลี ว่ งลบั ไปแลว้ ดังนน้ั ประเพณี แซนโฎนตา จึงหมายถึง ประเพณีการเซน่ ไหว้ผบี รรพบุรุษ ทนี่ บั ได้ว่าเป็นประเพณีทีส่ ำคญั ของคนไทยเชอื้ สายเขมร นอกจากประเพณีการแซนโฎนตาจะเป็นการทำบญุ อุทิศใหผ้ บี รรพบุรษุ แล้ว จุดมุ่งหมายรองของการออกกุศโลบาย ของบรรพบุรษุ คอื การแสดงออกถงึ ความกตัญญูรู้คุณตอ่ ผ้มู พี ระคณุ ของลกู หลาน สะทอ้ นใหเ้ หน็ ความรกั ความสมคั ร สมานสามคั คี ความผกู พนั ของสมาชกิ ในครอบครัว เครอื ญาติ และชมุ ชน เปน็ ท่ีพ่ึงพาอาศยั ตอ่ กันและกัน วนั แซนโฎนตานั้นเรมิ่ จดั ต้ังแต่ ขึน้ ๑๔ คำ่ เดอื น ๑๐ เรียกกนั วา่ ไถงเบ็ณฑ์ต๊จู หรือวนั เบ็ณฑเ์ ล็ก หรอื วัน สารทเลก็ หรือวันสารทส่วยสารทลาว ซ่ึงวนั นส้ี ่วนมากจะเปน็ การเซ่นไหว้ของชาวลาวในพนื้ ท่ี สว่ นชาวเขมรมีบา้ ง แตไ่ ม่มาก ในช่วงเวลาน้ีคอื นับตั้งแต่ แรม ๑ ค่ำ เดอื น ๑๐ เป็นตน้ ไปกจ็ ะเรม่ิ มบี างคนมาเซน่ ไหว้บา้ งไปเรอื่ ยๆจนถึง วนั เซน่ ไหว้ใหญ่คอื วันแรม ๑๔ คำ่ เดือน ๑๐ หรอื เรยี กกันวา่ ไถงเบ็ณฑ์ทม หรือวนั เบ็ณฑใ์ หญ่ หรือวันสารทใหญ่ ซ่งึ วนั น้ีสว่ นมากจะเปน็ การไหวข้ องชาวเขมรกันแตช่ าวลาวในชมุ ชนกม็ าร่วมดว้ ยเหมือนกันบางครอบครวั ๔.๒ ขัน้ ตอนการแซนโฎนตา ๔.๒.๑. ไถงเบ็ณฑ์ตู๊จหรือเบณ็ ฑ์เลก็ (สารทเล็ก) คอื วันข้ึน ๑๔ คำ่ เดือน ๑๐ วันน้ีสว่ นมากจะเปน็ วนั แซนหรอื วนั เซน่ ไหวข้ องชาวลาวในชุมชนวดั ทัพทันโคก สวาย โดยมกี ารปฏิบตั ิคอื ตอนเช้าชาวบา้ นจะนำเครื่องแซนหรอื เครือ่ งเซน่ ไหว้มาวดั โดยให้ทางพระสงฆ์สวดอุทิศให้ แลว้ เสร็จแล้วนำไปวางไว้ท่หี น้าโกฏหิ รือเจดยี ์ เพื่อให้วิญญาณของบรรพบรุ ษุ มารบั เครอื่ งแซนหรือเครอื่ งเซ่นไหว้ จากนั้นวนั ต่อมาคือ วนั ขึน้ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ตอนเชา้ ชาวบ้านกจ็ ะมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ถอื วา่ เสรจ็ พธิ ี ของไถง เบ็ณฑต์ ู๊จหรือเบ็ณฑเ์ ลก็ ...
๖ รปู ภาพประกอบการแซนไถงเบณ็ ฑต์ ูจ๊ หรือเบ็ณฑ์เลก็ ๔.๒.๒ โซดดารและส่งกนั ซ็อง โซดดารหรือสวดดาร หมายถงึ การสวดทำบญุ อทุ ศิ ใหแ้ กค่ นตาย กันซ็อง คอื การสง่ จงั หนั สงฆ์ หมายถึงการ สง่ ภัตตาหารพระสงฆ์ในเดอื นวันแซนโฎนตา ซ่งึ การโซดดารหรอื การสวดดารนน้ั ชาวบ้านจะนำ กระเฌอบายดาร หมายถงึ เครือ่ งภาชนะที่ใส่เคร่อื งแซนหรอื เครือ่ งเซน่ ไหว้ หรือข้าวของเครอ่ื งใช้ต่างๆทต่ี นจะทำบญุ ใหแ้ กค่ นตายหรือ ญาตพิ ี่น้องของตนไปใหพ้ ระสงฆ์สวดให้ เมอ่ื พระสงฆ์สวดเสร็จแลว้ กจ็ ะนำเครอื่ งเซน่ ไหว้ตา่ งๆไปวางไว้ทเี่ จดยี ์ของ ญาตขิ องตน การโซดดารหรอื การสวดดารของชุมชนวัดทัพทนั โคกสวายนน้ั จะแตกต่างจากท่ีอ่นื ดงั น้ี คือ ทางชุมชน และทางวดั จะจดั ตารางการโซดดารหรอื การสวดดาร ออกเป็นคมุ้ ๆของแต่ระชุมชนโดยผลัดเปลีย่ นหมุนเวียนกันไปจน ครบทุกคุ้ม เพ่ือเปน็ การกระจายคนไม่ใหแ้ ออัดเกนิ ไปในการทำบญุ โดยจะเริม่ ตั้งแต่ แรม ๙ คำ่ เดอื น ๑๐ - แรม ๑๔ คำ่ เดือน ๑๐ และจะโซดดารหรือสวดดารใหญ่กนั ทงั้ หมดทง้ั ชุมชนอีกครั้งในวัน แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ หรอื ไถง เบ็ณฑท์ มนนั่ เอง และจะเร่ิมสง่ กันซอ็ งหรอื จงั หนั สงฆ์ต้งั แต่ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๐ - แรม ๑๔ คำ่ เดอื น ๑๐ ซง่ึ การ สง่ กันซอ็ งหรือการสง่ จงั หนั สงฆ์นัน้ จะนำอาหารคาวหวาน มาวดั เพอ่ื จดั เตรยี มใหพ้ ระสงฆไ์ ดฉ้ นั โดยทพี่ ระสงฆ์งด บนิ ทบาตรในวันดังกลา่ ว ซง่ึ ความเชอ่ื ของคนในชุมชนนนั้ เชื่อวา่ การส่งกันซ็องหรือการสง่ จังหนั สงฆ์นั้น เปน็ การ ทำบุญอุทศิ ใหแ้ ก่บรรพบุรุษอกี ทางหนึ่งโดยผ่านทางพระสงฆ์ คือ เมอื่ พระสงฆฉ์ ันอาหารท่ตี นเอามาสง่ หรอื เอามา ถวาย ผบี รรพบรุ ษุ ของตนกจ็ ะได้รับเชน่ กัน
๗ ภาพการโซดดารและการส่งกันซอ็ ง ๔.๒.๓ ไถงเบณ็ ฑท์ ม หรือเบ็ณฑใ์ หญ่ หรอื วันแซนโฎนตา(วันสารทใหญ่) วนั แรม ๑๔ คำ่ เดอื น ๑๐ วันน้ีนบั ว่าเป็นวนั ที่สำคัญท่สี ดุ ของชาวเขมรหรอื ถือวา่ เปน็ วนั แซนใหญ่ของชมุ ชน เลยก็วา่ ได้ ทุกคนในชมุ ชนจะมารวมกนั ท่ีวัดเพอ่ื ที่จะทำพิธีแซนโฎนตาให้กับบรรพบุรษุ ท่ีลว่ งลบั ไปแลว้ นั้น โดยจะ เตรียมขา้ วของเครื่องใชต้ ่างๆรวมถึงอาหารหวานคาวทจี่ ะทำบุญอุทศิ ให้แกผ่ ทู้ ี่ล่วงลบั นน้ั ซ่งึ ขา้ วของเครือ่ งใชต้ ่างๆ น้ันบรรดาลูกหลานจะจัดเตรียมหรือจัดหาด้วยสงิ่ ของทีด่ ีทส่ี ดุ หรอื ประณตี ที่สุดกวา่ ทุกๆวนั ที่ผา่ นมา โดยเชอ่ื วา่ ส่งิ เหลา่ น้เี ปน็ สง่ิ ทีบ่ รรดาผบี รรพบุรุษของตนจะได้นำติดตัวไปใช้ทเ่ี มอื งผนี ั้นเอง โดยพระสงฆจ์ ะเป็นผ้ทู ำพิธีสวดให้อทุ ิศ ให้เหมอื นกับทกุ ๆวันท่ีผ่านมา ภาพขา้ วของเครอื่ งใช้ทีน่ ำมาเปน็ เครอ่ื งแซนโฎนตาทีว่ ัด
๘ จากน้ันเม่อื เสร็จพิธีกรรมทางวัดแล้ว ทุกคนก็จะกลับบา้ นไปเตรียมเคร่อื งเซ่นไหว้ที่บา้ นด้วย หรอื เรยี กอย่าง ว่าการอกี จูนโฎนตา หมายถงึ การไหว้ปู่ ย่า ตา ยาย โดยพิธีกรรมนีบ้ รรดาลกู หลานทกุ คนทอ่ี ยู่ตา่ งจังหวดั หรือไป ทำงานต่างถ่ิน ตา่ งจะพากนั กลับบ้านมารว่ มพิธีกรรมนี้อย่างพรอ้ มเพรยี งกัน ถอื ว่าเปน็ วนั รวมญาติหรือวันครอบครัว เลยก็ว่าได้ โดยเครื่องแซนหรอื เคร่ืองเซ่นไหวน้ ัน้ ก็จะมีข้าวของเครอ่ื งใชต้ า่ งๆ อาหารหวานคาว เครอ่ื งด่ืมตา่ งๆ รวมทง้ั เงิน ทอง ดว้ ย ซงึ่ การแซนหรอื การเซน่ ไหว้ที่บ้านน้ีไมเ่ จาะจงวา่ ตอ้ งเซน่ ใหว้แต่คนตายเท่านนั้ แต่จะรวมถงึ การไหว้คนเปน็ ด้วยนนั้ กค็ อื พอ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย และผู้มพี ระคณุ ตา่ งๆ ซึง่ หมายถึงการแสดงออกถงึ ความกตัญญู กตเวทแี ละรวมถึงการขอขมาโทษของบรรดาลูกหลานที่เคยกระทำผดิ ต่อผมู้ ีพระคณุ หรอื ผู้ที่ตนนับถือดว้ ยนั่นเอง ภาพการแซนโฎนตาทีบ่ า้ น
๙ ๔.๒.๔ การจูนบายเบ่ิดตะโบล การจูนบายเบิ่ดตะโบลของชุมชนวัดทพั ทันโคกสวายนนั้ จะเร่มิ ในเช้ามืดของ แรม ๑๕ คำ่ เดอื น ๑๐ คอื ชาว บา้ นจะเรม่ิ ทยอยกนั มาทำพธิ ตี งั้ แต่ ตี ๔ ซ่งึ ความเชือ่ ของพิธีจูนบายเบดิ ตะโบลนนั้ จากการลงพน้ื ท่ีสอบถามคนเถา้ คนแก่ในชมุ ชนนน้ั ไดใ้ จความวา่ เมอ่ื กอ่ น การจูนบายเบิดตะโบล หมายถงึ การเซน่ ไหว้หรือสกั การะหรือขอบคณุ เทพเทวาหรือพญายมทด่ี แู ลหรืออนุญาตใหด้ วงวญิ ญาณของผบี รรพบุรษุ ของตนได้ลงมารบั สว่ นบญุ ในการครัง้ น้ี โดย เคร่ืองเซน่ ไหวน้ ีจ้ ะถูกปรุงเปน็ พิเศษ อาทิเชน่ ส่วนผสมจาก งาขาว งาดำ ถว่ั นำ้ อ้อย นำ้ ตาล เป็นตน้ หรือจะเรยี กอีก นัยหนงึ่ กค็ อื ขา้ วทิพย์หรอื ขา้ วมธุปายาสน่ันเอง จะไม่นำของคาวมาปรงุ อาหารในการน้ี แตท่ กุ วันน้ีความเช่อื เร่ืองของ บายเบิ่ดตะโบล น้ันได้ผิดเพยี้ นไปจากเม่อื กอ่ น คอื เชื่อกนั ว่าเปน็ การเป็นการสง่ อาหารม้อื สุดทา้ ยของพิธกี ารแซนโฎนตา เพื่อทจี่ ะไดใ้ ห้ผบี รรพบรุ ษุ ของตนได้นำไปกนิ ไปใชใ้ นการเดินทางกลบั เมืองผี นัน้ เอง โดยในบายเบดิ่ ตะโบลนนั้ จะเขยี นช่ือของผบี รรพบุรุษของตอนเองไวด้ ว้ ย. ภาพเครอ่ื งจูนบายเบ่ิดตะโบล หลังจากเสรจ็ พธิ กี ารจนู บายเบดิ่ ตะโบลในชว่ งเช้ามดื แลว้ ชาวบ้านก็จะพากันกลับบา้ นเพอ่ื ทจี่ ะเตรยี มขา้ ว ปลาอาหารคาวหวาน เพอื่ จะไดม้ าทำบญุ ตักบาตรทีว่ ัดซง่ึ ถือวา่ เปน็ การทำบุญตักบาตรวันสดุ ทา้ ยของการทำบุญแซน โฎนตาประจำปนี ี้ หลงั จากทำบญุ ตักบาตรที่วัดแลว้ กจ็ ะรว่ มกนั รับประทานอาหารทว่ี ัดร่วมกนั ก็ถือว่าเป็นการเสรจ็ ส้ินพธิ กี ารทำบุญแซนโฎนตาประจำปีนี้...
๑๐ ภาพการทำบุญตักบาตรวนั สดุ ท้ายของการแซนโฎนตา ภาพการรับประทานอาหารรว่ มกันหลงั จากทำบุญตักบาตรเสรจ็
๑๑ ๕. อิทธิพลของพิธีการแซนโฎนตาทีม่ ีต่อดา้ นต่างๆ ๕.๑ ด้านความเชือ่ และจิตใจ การแซนโฎนตาของชมุ ชนวดั ทัพทนั โคกสวายน้นั มมี าต้ังแต่สมยั ปู่ ยา่ ตา ยาย ซึ่งเปน็ พิธีกรรมทป่ี ฏบิ ัตสิ บื ทอดกนั มาจากรุน่ สู่รุ่น เพื่อเปน็ การแสดงออกถงึ ความกตญั ญูกตเวทตี ่อบุคคลอันเปน็ ท่รี ัก ทง้ั ท่ไี ด้ลว่ งลับไปแลว้ และ ยงั มีชีวติ อยู่ เพราะการแซนโฎนตานั้นเชอ่ื กนั วา่ เปน็ การทำบญุ อทุ ศิ ให้แก่ญาติผู้ทีล่ ว่ งลับไปแล้วน้ัน ซึ่งเชอ่ื กันว่าใน เดือนนท้ี างยมบาลหรอื โลกหลังความตายจะปล่อยดวงวิญญาณต่างๆให้มารบั สว่ นบญุ ส่วนกศุ ล ทบี่ รรดาลกู หลาน หรอื ญาตๆิ ของวิญญาณเหลา่ นัน้ ได้ทำบญุ ให้นน้ั เอง... ๕.๒ ด้านวัฒนธรรมและประเพณี การแซนโฏนตาของชมุ ชนวัดทัพทนั โคกสวายนัน้ ไดป้ ฏิบัตกิ นั มากนั มาทกุ ๆปีซงึ่ ถือวา่ เป็นวัฒนธรรมและ ประเพณีของชมุ ชนกว็ ่าได้ เพราะจะทำกนั อย่างน้ีตลอดมาคือ ทางชมุ ชนุ จะจัดตารางการบุญออกเปน็ คมุ้ ๆเพอื่ มา ทำบญุ ที่วัด คอื เริ่มตัง้ แต่ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๐ ไปจนถงึ แรม ๑๓ คำ่ เดอื น ๑๐ และในชว่ งวนั เวลา ดงั ท่กี ล่าวมาน้ี พระสงฆใ์ นวดั จะไมไ่ ด้ออกไปรับบินทบาตรในหมู่บ้านเหมือนท่ีเคยปฏิบตั ิตามปกตขิ องทุกๆวัน เพราะชาวบา้ นจะนำ ภตั ตาหารมาส่งพระหรอื ท่ีชาวบา้ นเรียกว่าสง่ ”จงั หันสงฆ”์ เพราะมคี วามเชือ่ ว่าเป็นการเลี้ยงขา้ ว ปลา อาหาร ใหแ้ ก่ ญาติผทู้ ่ลี ว่ งไปแล้วนน้ั เช่นกนั ...
๑๒ ๕.๓ ดา้ นสังคมและการปกครอง เมื่อถงึ วันแซนโฎนตาบรรดาลูกหลานหรอื ญาตพิ นี่ อ้ งท่อี ยู่ต่างถน่ิ หรือทำงานอยตู่ ่างจงั หวดั ต่างพากันกลับ บ้านเพ่ือมาเซน่ ไหว้บรรพบรุ ุษซง่ึ หมายถงึ การแสดงถึงความกตญั ญตู ่อผมู้ พี ระคณุ ทำใหเ้ กิดการรวมตัวกันของลกู หลานญาตพิ ี่น้องทอ่ี ยทู่ ี่ตา่ งๆด้วยหรอื เรียกวา่ เป็นวันรวมญาติในปีน้นั ๆเลยก็วา่ ได.้ .. ๕.๔ ดา้ นเศรษฐกิจ เม่ือถึงวันไหว้หรือวนั แซนโฎนตาชาวบา้ นก็จะพากันไปตลาด เพื่อจะไปจับจา่ ยใช้สอยซอ้ื ข้าวของเครื่องเซ่น ไหวม้ าประกอบพิธี การคา้ ขายชว่ งน้จี ะคึกคักเปน็ พเิ ศษถือว่าเปน็ การกระตนุ้ เศรฐกิจไดอ้ ยา่ งดีเลยทีเดยี ว...
๑๓ ๕.๕ ด้านการศึกษา สง่ เสริมให้เยาวชนหรอื เดก็ รนุ่ ใหม่ศึกษาและสบื สานประเพณีการแซนโฎนตา คอื การพาลูกหลานหรอื เยาวชน เข้าวดั ทำบุญและอธบิ ายช้ีแจงถึงความเปน็ มาของประเพณแี ซนโฎนตา เพื่อใหเ้ ขาเหลา่ นนั้ ได้ซึมซบั ในพธิ กี รรมต่างๆ เพ่อื จะสืบทอดประเพณอี นั ดีงามนีไ้ ว้จากรนุ่ สรู่ ่นุ ตอ่ ไป... ๕.๖ ดา้ นส่งิ แวดล้อม ดา้ นสง่ิ แวดล้อมนนั้ เมอื่ ใกล้วันแซนโฎนตาบรรดาลกู หลานต่างพากัน มาทำความสะอาดเจดยี ์ที่บรรจอุ ฐั ิต่างๆ ให้สะอาด บางคนกท็ ำการทาสีใหม่ บางคนกซ็ อ้ื เจดีย์ใหมม่ าเปล่ียน แลว้ แต่กำลังทรัพย์ของบรรดาลกู หลานท่ีมี ปัจจัยจะทำให้บรรพบรุ ุษ ซงึ่ ทำให้สงิ่ แวดลอ้ มภายในวดั ดูดีขึน้ เปล่ยี นแปลงไปในทางที่ดีขนึ้ ซึ่งเป็นผลสบื เนอื่ งและ ไดอ้ านิสงคจ์ ากพธิ แี ซนโฎนตานน่ั เอง. ..
๑๔ ๖. สรุป การแซนโฎนตานนั้ ถือไดว้ า่ เป็นประเพณีและพธิ ีกรรม ท่ีปฏิบตั ิและสืบทอดกนั มาเป็นเวลายาวนานนบั แต่ สมยั บรรพบรุ ุษ สมยั ป่ ู ย่า ตา ยาย หรอื อาจจะนบั ไม่ไดว้ า่ ก่ีปีแลว้ แตท่ งั้ นีท้ งั้ นนั้ ทกุ ๆกิจกรรมในประเพณีหรอื พิธี กรรมการแซนโฎนตา ลว้ นแตม่ ีคตธิ รรมทางพระพทุ ธศาสนาแฝงอยู่ เช่น การใหท้ าน การรกั ษาศลี การเจรญิ ภาวนา การมคี วามเมตตา กรุณา มฑุ ิตา อเุ บกขา และการกตญั ญกู ตเวที ความสามคั คี ซงึ่ พิธีกรรมนีย้ งั มี อิทธิพลตอ่ ดา้ นตา่ งๆดว้ ย เชน่ ดา้ นความเช่ือและจิตใจ ดา้ นวฒั นธรรมและประเพณี ดา้ นสงั คมและการปกครอง ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นการศกึ ษา และดา้ นสง่ิ แวด้ ลอ้ ม ซง่ึ ทงั้ หมดนีล้ ว้ นแตเ่ กิดจากอิทธิพลของเทศกาลและพธิ ีกรรม ทางพระพทุ ธศาสนาทงั้ สนิ้ ด่งั ท่ไี ดศ้ กึ ษาจากบทความขา้ งตน้ นนั้ แลว้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเทศกาลหรอื พิธีกรรม ใดๆกต็ ามตา่ งกอ็ ิงพธิ ีกรรมทางศาสนาทงั้ สิน้ ทงั้ ท่เี ป็นทงั้ รุปธรรมและนามธรรม... ๗. เอกสารอา้ งอิงหรอื ทมี่ าของข้อมูล - องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลทบั ทนั http://www.tabthansurin.go.th/ - คณุ แม่แอ๋ว สมานทอง บา้ นทพั ทนั หมู่ ๑ - คณุ แม่ศรนี วล เชือ้ ฉลาด บา้ นทพั ทนั หมู่ ๑ - คณุ แม่ปม ปรกั เจรญิ บา้ นทพั ทนั หมู่ ๑ - คณุ พอ่ คาสร เร่ยี บรอ้ ย บา้ นทพั ทนั หมู่ ๑ - คณุ แม่เหมา ลอยเลอื่ ย บา้ นโคกสวายหมู่ ๑๕ - คณุ พ่อหนอม สธุ รรมา บา้ นโคกสวายหมู่ ๑๕ - คณุ พอ่ นดั ปรกั เจริญ บา้ นโคกสวายหมู่ ๑๕ - คณุ แมแ่ ตว่ สมานทอง บา้ นโคกสวายหมู่ ๑๕ ************************************************************
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: