Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore HUSIN-KILL

HUSIN-KILL

Published by Ismail Rao, 2020-06-01 07:44:30

Description: HUSIN-KILL

Search

Read the Text Version

ใครคอื ฆาตกรสังหารหเุ สน อบูอัชบาล ถอดความ คํานํา ดว ยพระนามของอัลลอฮฺ ผูท รงเมตตาและกรณุ าเสมอ แทจ รงิ มวลการสรรเสริญน้ันเปนสิทธิของอัลลอฮฺแตเพียงผูเดียว เราขอสรรเสริญพระองค เราขอความชวยเหลือ จากพระองค เราขออภยั โทษจากพระองค เราขอความคุมครองจากพระองคใ หพ นจากความชวยรายตางๆของตัวเรา และ ความเลวทรามตางๆของการงานของเรา ผูใดที่อัลลอฮฺทรงนําทางเขา แนนอนไมมีใครสามารถทําใหเขาหลงผิดได และ ผใู ดท่ีพระองคท รงปลอยใหเขาหลงผิด แนน อนไมมีใครสามารถนาํ ทางเขาได ฉันของปฏิญาณตนวาไมมีพระเจาอ่ืนใดที่ ควรแกการสักการะนอกจากอัลลอฮฺผูทรงเอกะ ไมมีการต้ังภาคีใดๆกับพระองค และฉันขอปฏิญาณตนวามุหัมมัด เปน บาวและศาสนฑตู ของพระองค ((โอ บรรดาผศู รัทธาท้งั หลาย จงยาํ เกรงตออลั ลอฮฺ อยา งแทจริงเถิด และจงอยาตายนอกจากในสภาพที่ เปนมุสลิมเทาน้นั ))(1). ((โอม นษุ ยท ั้งหลาย จงยําเกรงตอองคอภิบาลของพวกเจา ที่ไดบังเกิดพวกเจามาจากชีวิตหน่ึง(อาดัม) และไดบังเกิดจากชีวิตน้ันซ่ึงคูครองของเขา(นางเหาวาอฺ) และไดทรงแพรขยายออกจากทั้งสองซึ่ง (ลูกหลาน)ชายและหญิงท่ีมากมาย และจงยําเกรงอัลลอฮฺผูซึ่งพวกเจาตางรองขอตอพระองค และจง ระวังเครือญาติ(ดวยการปกปองและรักใครปรองดองกัน) แทจริงอัลลอฮฺ ทรงสอดสองดูแลพวกเจา เสมอ))(2). ((โอบรรดาผูศรัทธาท้ังหลาย จงยําเกรงอัลลอฮฺ และจงพดู แตค วามจรงิ และตรงไปตรงมา แลวพระองคจะ ทรงแกไขการงานของพวกเจา ใหดขี ้ึน และจะทรงใหอภัยแกพวกเจาในความผิดตางๆ(ที่พวกเจาไดกอไว) และผูใ ดยอมเชือ่ ฟงอัลลอฮฺและรสลู ของพระองค แนน อนเขายอมไดรบั ความสาํ เรจ็ อนั ยิง่ ใหญ))(3). แทจ ริงคาํ พดู ที่สจั จริงท่ีสุดคอื คมั ภรี ของอัลลอฮฺ(อัล-กุรอาน) และทางนําที่ดีท่ีสุดคือทางนําของมุหัมมัด และ ส่งิ ที่เลวรายทส่ี ุดคอื ส่งิ ทถ่ี ูกสรา งใหม( ในศาสนา) และทุกๆสิ่งท่ีถูกสรางข้ึนใหมโดยปราศจากแบบอยางจากอัล-กุรอาน และสนุ นะฮฺของทา นรสลู () ลวนเปนการอุตริกรรมในศาสนา และทุกๆอุตริกรรมเปนสิ่งท่ีหลงทาง และทุกๆการหลงทาง บนั้ ปลายของมันคือไฟนรก. (1) ความหมายอัล-กุรอาน สูเราะฮฺ อาลิอิมรอน (3:102) (2) ความหมาย อลั -กุรอาน สูเราะฮฺ อัน-นสิ าอฺ (4:1) (3) ความหมาย อลั -กุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อะหฺซาบ (33:70-71) 1

กรณีการถูกสังหารของหุสัยน เปนส่ิงท่ีชาวชีอะฮฺเรียกรองและกลาวโจมตีอยางมาก และพยายามอาศัย เหตกุ ารณน เี้ พ่ือสรางความขุนมัวแกประวัติศาสตรของประชาชาตินี้ โดยพยายามสรางใหเห็นภาพวาความขัดแยงนั้น เกิดขน้ึ ระหวา งผูท ่ีเปน ตัวแทนของชาวชอี ะฮฺ นัน่ คือ หุสัยน กบั ผูทีเ่ ปนตวั แทนของชาวสุนนยี  นนั่ คอื ยะซดี แนน อนวา หสุ ยั น เปน ผนู าํ ทานหน่ึงของชาวอะฮลฺ สุ สุนนะฮฺ วลั -ญะมาอะฮฺ และความเช่ือของพวกเขาตอการตาย ของหสุ ยั น คือทานตายในสภาพท่ีเปนชะฮีดและมีความสุข อัลลอฮฺทรงยกเกียรติทานดวยการตายแบบชะฮีดและทรง เหยียดหยามดหู มน่ิ ทกุ คนที่มสี ว นรวมในการตายของทาน การท่ีทา นถูกสังหารนับเปนเคราะหรายท่ีใหญยิ่ง ซึ่งคืนสูคํา ตรสั ของอัลลฮทฺ วี่ า                                                         (4)  “และเจา จงแจง ขาวดีแกบรรดาผูอดทน ซ่ึงเมื่อพวกเขาประสบกับเคราะหราย พวกเขาจะกลาว “แทจริง พวกเราเปนกรรมสิทธิ์ของอัลลฮฺ และพวกเราจะกลับคืนสูพระองค พวกเขาเหลาน้ันจะไดรับการขอพร จากองคอภิบาลของพวกเขาและความเมตตา และพวกเขาคอื ผทู ีไ่ ดร ับทางนํา(ทีแ่ ทจ รงิ )”. สวนจดุ ยืนของชาวชีอะฮทฺ ่มี ีตอ หสุ ัยนน ้นั ทานผูอานลองไตรตรองคาํ พูดของหุสยั น ตอ ไปนี้ “...แทจรงิ ไดม ีขาวทนี่ าเศราสลดอยางย่งิ มาถึงฉันวา มุสลมิ บุตร อะกีล ฮานีอฺ บุตร อุรฺวะฮฺ อับดุลลอฮฺ บตุ ร ยักตัรฺ ถูกฆาตาย และแทจริงบรรดาผูท่ีสนับสนุนเรา(ชาวชีอะฮฺ)ไดทอดทิ้งเราไปแลว...” ดังจะได อางตอ ไปจากงานเขยี นของชาวชอี ะฮฺเอง ยิง่ กวาน้นั พวกเขาคนหนึ่งไดกลา วแกหสุ ยั นว า “หุสัยน เอย เจา จงยนิ ดกี ับไฟนรกเถิด !” ดวยเหตนุ ี้ จงึ ทาํ ให นางซัยนับ บุตรี อะลี กลาวหาวาพวกเขาคือผูที่ตองรับผิดชอบตอการถูกทอดท้ิงและถูก สงั หารของหสุ ัยน ดังทา นจะไดเหน็ ในงานเขียนอันรวบรัดเลม น้ี ซงึ่ สาเหตุท่ีทําใหผูเขียนตองเขียนเหี่ยวกบั เรือ่ งน้ี เพราะมี การกลา วถึงกันอยางมาก อีกทั้งพบวาชาวชีอะฮฺไดหยิบฉวยเอาโอกาสอันเอื้ออํานวยน้ีมาเปนประเด็นพูดคุยเพ่ือสราง (4) สูเราะฮฺ อลั -บะเกาะเราะฮฺ (2:155-157) 2

ภาพพจนที่ดีแกมัซฮับหรือแนวคิดของพวกเขา โดยปราศจากความเปนกลางและจิตสํานึกที่เปนธรรม ขณะเดียวกัน บรรดาอะฮลฺ สุ สุนนะฮฺกลบั เพกิ เฉยอยางไมร สู กึ รอ นหนาวแตอ ยา งใดประดุจตอไมทต่ี ายแลว ในงานเขียนชนิ้ น้ี ผูเขยี นจะยึดเอาการวพิ ากษวิจารณชาวชีอะฮฺโดยอาศยั ขอมลู และงานเขียนท่ีนาเชื่อถือของพวก ชีอะฮเฺ องเปนหลัก ท้ังงานเขียนในยุคตนและยุคปจจุบัน นอกจากบทที่หน่ึงเทาน้ันท่ีผูเขียนจะเขียนถึงจุดยืนของอะฮิ ลุสสนุ นะฮทฺ ม่ี ตี อ อะฮลฺ ลุ บัยต และบทวิเคราะหเ กีย่ วกบั ผูท่ีสังหารหุสยั น ขอพระองคอัลลอฮฺทรงทําใหงานเขียนชี้นี้เปนเสบียงสําหรับผูเขียนในวันท่ีเงินทองและลูกหลานไมสามารถนํา ประโยชนใ ดๆมาสเู รายกเวนผทู เ่ี ขาหาพระองคด ว ยจิตใจทบี่ ริสุทธ์แิ ละยอมสิโรราบ. ผเู ขียน 3

บทท่ี 1 อาลลุ บยั ตและอะฮฺลุสสนุ นะฮฺ 1.1 อะฮฺลลุ บยั ตใ นทศั นะของชาวสุนนีย ไมต อ งสงสัยเลยวาครอบครัวของทา นนบี (ศ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสัลลัม) หรือะฮฺลุลบัยตในทัศนะของอะฮฺลุสสุน นะฮนฺ ั้นมสี ถานะทีส่ ูงสงและมเี กยี รตยิ ิง่ ซึ่งพวกเขาไดใหค วามสาํ คญั อยา งลน เปยมตอสิทธิของอะฮฺลุลบัยตตามท่ีอัลลอ ฮฺไดทรงบญั ญตั ิไว อะฮลฺ สุ สุนนะฮฺจะรกั ชอบและคอยปกปอ งใหค วามชว ยเหลอื อยูตลอดเวลา และรักษาม่ันในคําส่ังเสีย ท่ีทา นนบี ไดฝ ากไวใ นวันเฆาะดรี ฺคมุ “ฉันขอเตอื นใหพวกเจา ระลกึ ถงึ อัลลอฮใฺ นเรอื่ งทีเ่ กีย่ วกับอะฮฺลุลบัยตของฉัน”(5) ดังนั้นพวกเขาจึงเปนผูท่ีมีความสุขที่สุดในการรับเอาคําส่ังเสียดังกลาวมาปฏิบัติ และพวกเขาจะหลีกหางจาก แนวทางของชาวชีอะฮฺที่ปฏิบัติเกินเลยตออัฮฺลุลบัยตบางคนจนเลยเถิด และหลีกหางจากแนวทางของชาวนะวาศิบที่ เคยี ดแคนและคอยจองทาํ รา ยอะฮลฺ ลุ บยั ตอยูตลอดเวลา อะฮลฺ ุสสนุ นะฮฺมมี ตเิ ปน เอกฉนั ทว าวาญบิ ตองชมชอบอะฮฺลุลบัยต และไมอนุญาตใหทํารายหรือปฏิบัติไมดีตอ พวกเขา ไมวาจะดวยคําพูดหรือการกระทํา งานเขียนของชาวสุนนียถูกแตมแตมอยางเปยมลนดวยการเชิดชูและ สรรเสรญิ ถึงคุณงามความดีของอะฮลฺ ลุ บยั ต เชนหนังสอื หะดษี อัตตะชีวะ และอืน่ ๆ ตอ ไปนี้ผเู ขียนขอกลาวถึงเฉพาะความประเสริฐบางอยางของอะมีรุลมุมินีน อะลี และลูกหลานของทาน ซ่ึง พวกเขาเหลานถี้ กู ชาวชอี ะฮกฺ ลาวอางวาเปนบรรดาผูที่ปลอดจากบาป และคิดวาชาวสุนนีย<7>เกลียดชังและคอยเปน ปฏปิ กษแ ละเปน ศตั รูกบั พวกเขา...  อะมรี ุลมุมินนี อะลี สะฮฺล บตุ ร สะอดั เลา วา ทานรสลู ( ไดก ลาวในวนั คอยบรั วา ‫َْرر(نَُُِﺳﺳتﲟﻳَُـﺎﻮﻮْاﻌـَُﻟـَللـﻨﱠﻄَِﳚﺎﺎ َﻫُُﺎِﷲﷲِسﺐ‬6َ‫ُــمﺮِﻪْﻢاﻗََـَﻟﻋوَﻓﻳأﺎﱠـََﻨــﻠِﺒَََْﺮﻌْلﺧﱞﻲُِِﺟﻢَﺼْﻓﱪَ(ﻳَﻮـَُﺎﻖﺒﻫَ()أﺎَْﻢ‬.‫أﻳََُﻓ)ـَﻋﻗَُﺪَﻠَﺎﺻَ)ﻘـْﻴﺗﻠﱠِﺎوﻠُُِﻛﻬَﻰُلﻬﻷُْـﻮﻢَْﻢْأَنﻋِْﻳﻣﻟَﷲُِْﻄﻴَـَْﻦﻦﺣﻠَََﺘـﱠَﻋﱠﲔَﱴُﻠﻋَﻬَﺣْﻴﻠِْﻳََِﻢِﻪﻫّـﻖﱡﻲأَُﻜَِﺬﻳﱡـوْﺑِﻩﻮـُﻧﻬَُﺳِﷲُﻦاﻠْﱠﻮاﻢﻟـﻓِأََﻢﱠﻴﻳـﺮِاُِـﻣِﻪْْﻳَﻌﺜِـﰊﻠﺔَََﻓﻨَﰲـﻄَﺎﺎَﻮَﻃَﻏـََﻫﺎﻋَﻓــْﺎًﻟِﻴﺪـَﻘاﷲَِـﻨـﺎَﻓـْﻴٍﻠَََﺐِﻪلرﻷَﱠﻤَُﻓﺟاﺎَْـنوْﻧِـﻘَأدﻴَـُﻳﻔـَﻼًََْْﻞﻋﻬْﺬﻳﺻَﺎـﺒَِﺪْﻔَُﻟَﻫﻋﺘََﺢﻠَﻪََُﻮيُاﺢﻟﻰَﻓﻳَﻨـﱠَﺎﺒﺎـِﷲَرُﺮﷲَأَُـْرُﺳﺑسِﻠُِﺳَﻋَـﺣََﻮﻏﻠَﻚَﱠَﻚَﺪلﱴﻰَْرواََُﻳَﺟﺣﻛـَﺄﱠَِﺪﷲَﻋﻼﻳًْﱴـْﻠَنﻳَِﻪﺗََـﻰواْﻨْﺸَُِْﱂﺘَﺰَِِﳛـﺣرَلﻳًَِﻜُﺳﺪاﱡﺑِﺐُﻮﻜﻲَِْلﺴﻦَﺧﺎَْﻴﻋـْﺑَﻴﷲِــٌﺮََﻨﺣِﻪـِﷲﺘَِْﻴﻟوَـِِﻪﻬََرـوَْﻢََﺻﻗَُﻚﺳﺟﻠﱠﺎﻮٌََُِﻊﻟﻣﰒﱠﻰلﻪَُْاﻓﻦاَﻓﺄََْدﺄوأَﱠـَْْﻋُُـُﻋْرِنﳛـُﺒَﱡﻬﻄﺳََﻋﻳﺎَﻠﻪُُْﻠَﻢُْﻴﻩﻮُﻜاِﻪإِاﻮَِإﻟُﷲََﻟَﱠنﱃوْﺮاﻴـَﻳَِﻪَاﻟﺳوَـﺔَﻠَﱠرِـَﻓﻹََﻢﺄَُﻓُﻚﺳـِْﺳَﻘُﻮﻛﻟَُﰐﺎﻠﱡُﻪﻼَُﲪَُِْﺑِﻬل‬ “แนนอนพรุงฉนั จะมอบธงนีแ้ กค นที่อัลลอฮจฺ ะทรงพิชติ ดวยมือทง้ั สองของเขา ซึ่งเปนผูที่รักอัลลอฮฺและร สูลของพระองค อลั ลอฮแฺ ละรสูลก็รักเขาเชนเดียวกัน ในคืนน้ันทุกคนตางพูดคุยและวิพากษวิจารณวา (5) เศาะหหี ฺมสุ ลมิ พรอ มชรั หฺ อนั -นะวะวีย, กิตาบ ฟะฎออลิ อศั -เศาะหาบะฮ,ฺ บาบ ฟะฎออลิ อะลี (15/188) (6) เศาะหีหฺ,อัล-บคุ อรยี  พรอ มฟตหุลบารีย, กติ าบฟะฎออิลุศเศาะหาบะฮฺ,บาบมะนากบิ อะลี (7/70) หะดษี (1-37), มสุ ลมิ ,กิตาบฟะฎออิล อศั -เศาะหาบะฮ,ฺ บาบมะนากิบอะลี (4/1872) หะดษี (3406) และสาํ นวนนเ้ี ปน ของมุสลิม 4

ใครจะเปน ผทู โ่ี ชคดแี ละไดรบั มอบธงน้นั พอรุงเชาทุกคนกไ็ ปหาทา นรสูล โดยหวังวาตัวเองจะเปนผูท่ี โชคดีคนนนั้ แลว ทา นนบี กก็ ลาวขึ้นวา “อะลี บุตร อบฏู อลิบ อยูไหน?” พวกเขาจึงตอบวา “โอทานร สลู ตาทง้ั สองขางของเขากําลังเจ็บอยู” ดังน้ันพวกเขาจึงสงคนไปรับอะลีมา แลวทานรสูล ก็เปาลง บนตาทั้งสองขางของเขาพรอมกับดุอาใหกับเขา ทันใดตาทั้งสองขางของเขาก็หายเปนปลิดท้ิง เสมือน กบั วาเขาไมเคยเจบ็ มากอน เสร็จแลว ทานรสูล กม็ อบธงใหกับเขา ดังน้ันอะลีจึงถามข้ึนวา “โอทานร สลู ฉันตองตอ สกู บั พวกเขาจนกวาพวกเขาจะเปน(มุสลิม)เหมือนกับเรากระนั้นหรือ?” ทานรสูล จึง กลาวขึ้นวา “เจาจงปฏิบตั ิอยางคอ ยเปนคอยไปจนกระทง่ั เจา เผชิญหนา กบั พวกเขาในสนามรบ หลังจาก น้ันเจาจงเชิญชวนพวกเขาใหเขารับอิสลาม และอธิบายใหพวกเขาทราบถึงสิ่งท่ีพวกเขาตองปฏิบัติ เกี่ยวกับสิทธิของอัลลอฮฺ และฉันขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ หากแมนวาอัลลอฮฺทรงประทาน ทางนาํ แกผ ใู ดโดยผาน(การเชิญชวนของ)เจา เปนการดีสาํ หรับเจากวา อูฐสีแดง” หะดีษนเี้ ปนความประเสริฐและคุณงามความดีท่ีย่ิงใหญของอะมีรุลมุมินีนอะลี บุตร อบูฏอลิบ ซ่ึงทานรสูล ไดเ ปนสกั ขพี ยานแกทา นวาเปน ผูท ่ี “รกั อลั ลอฮแฺ ละรักรสลู ” ขณะที่อัลลอฮฺและรสูลก็รกั ทาน. <8>  ฟาฏมิ ะฮฺ (7)((‫))أََﻣﺎ ﺗَـْﺮ َﺿْ َﲔ أَْن ﺗَ ُﻜﻮِﱐ َﺳﻴَِّﺪَة ﻧِ َﺴﺎِء أَْﻫِﻞ ا ْﳉَﻨﱠِﺔ‬ อาอิชะฮเฺ ลาวา ทา นรสูล กลา วแกฟาฏิมะฮวฺ า “เธอไมพ อใจทจ่ี ะเปน ผนู ําบรรดาสตรีชาวสวรรคหรือ”  หะสนั และหุสยั น อัล-บรั รออฺ บุตร อาซบิ เลา วา ทา นรสูล ( ไดม องเห็นหะสนั กบั หุสัยน ทานจงึ กลาววา (8)((‫))اﻟﻠﱠُﻬ ﱠﻢ إِِّﱐ أُِﺣﱡﺒـُﻬ َﻤﺎ ﻓَﺄَ ِﺣﱠﺒـُﻬ َﻤﺎ‬ “โออ งคอภิบาลของฉนั แทจริงฉนั รกั ท้ังสอง ดังน้ันไดโปรดจงรกั (และเอน็ ด)ู ทัง้ สองดว ยเถดิ ” ในหะดษี นี้บงบอกอยางชัดเจนถึงความประเสริฐของหะสันและหุสัยน โดยใจความที่สงเสริมใหประชาชาติ อสิ ลามทง้ั หลายมใี จรกั ท้ังสองดวย และผทู รี่ ักทัง้ สองกเ็ ทากบั วา เขารักทานรสลู ดวย อบู สะอีด อลั -คดุ รยี  เลา วา ทา นรสลู กลา ววา (9)((‫))ا ْﳊَ َﺴ ُﻦ َوا ْﳊُ َﺴْ ُﲔ َﺳﻴَِّﺪا َﺷﺒَﺎ ِب أَْﻫِﻞ ا ْﳉَﻨﱠِﺔ‬ (7) เศาะหีหฺ,อัล-บคุ อรยี  พรอ มฟตหลุ บารีย, กิตาบอัลมะนากิบ,อะลามาต อนั -นุบวุ ะฮฺ ฟ อัล-อิสลาม (7/105) หะดษี (3353) (8) สนุ ัน อตั -ตริ มซิ ยี , กติ าบอัลมะนากบิ , บาบมะนากิบอลั -หะสนั วะ อลั -หุสยั น (5/661) หะดีษ(3782) และกลาววา “หะดีษหะสันเศาะหีหฺ, อัล-อลั บานียกลา ววา “เศาะหหี ฺ ดงั มรี ะบุในเศาะหหี ฺสนุ นั อัต-ตริ มซิ ยี  (3/226) 5

“หะสันและหสุ ัยนเ ปนผูนาํ บรรดาชาวหนมุ ชาวสวรรค” ในหะดีษน้ีมีคุณงามความดีที่ยิ่งใหญสําหรับหะสันและหุสัยน อยูถึงสองประการดวยกัน น่ันคือ นบี ( เปน พยานวา ทงั้ สองเปนชาวสวรรค และระบวุ าท้ังสองยงั เปนผนู ําบรรดาชายหนุมชาวสวรรคอีกดวย <9>  อะลี บุตร หสุ ยั น ยะหฺยา บุตร สะอีด กลา ววา “เขาเปนคนตระกูลฮาชมิ ท่ีประเสรฐิ ทส่ี ุดท่ฉี นั ไดพบเหน็ ในมหานครมะดนี ะฮฺ”(10) อซั -ซฮุ รฺ ยี  กลา ววา “ฉันไมเ คยพบเหน็ ชาวตระกูลฮาชมิ แมแตค นเดยี วท่ีประเสริฐกวาอะลี บุตร หุสัยน”(11) มหุ ัมมดั บุตร สะอดั กลา ววา “เขาเปน คนทีน่ า เชือ่ ถือและนาไวใจยง่ิ (ษิเกาะฮมฺ ะอฺมูน) รายงานหะดีษมากดวยสายรายงานท่ีสูงและ เปน ผูท่ียําเกรงอัลลอฮฺ(วะรออ)ฺ ”(12)  มุหมั มดั บตุ ร อะลี (อัล-บากิร) อบิ นุ สะอดั กลาววา “ทานเปน คนทม่ี คี วามรทู มี่ ากมายและรายงานหะดษี มากเชนเดียวกนั ”(13) อัศ-เศาะฟะดีย กลา ววา “ทา นเปนอีกคนหนึง่ ที่ชอบรวบรวมวชิ าความรู ฟก ฮแฺ ละความรูเ กยี่ วกับศาสนา”(14) อซั -ซะฮะบยี ร ะบวุ า “นกั ทอ งจําหะดีษตา งมมี ติเปน เอกฉันทว าทานเปนคนทสี่ ามารถนาํ มาอางองิ ได”(15)  ญะอฺฟร บุตร มหุ ัมมัด (อศั -ศอดกิ ) อบู หะนฟี ะฮฺ กลา ววา “ฉนั ไมเ คยพบเห็นคนทมี่ ีความเขาใจในนิตศิ าสตรอสิ ลามมากกวา ญะอฟฺ ร บตุ ร มุหมั มัด”(16) <10> (9) อัลมุสนัด (3/3), สุนัน อตั -ตริ มซิ ีย, กิตาบอัลมะนากิบ, บาบมะนากิบอัล-หะสัน วะ อัล-หุสัยน (5/656) หะดีษ(3768) และกลาววา “หะ ดีษหะสนั เศาะหีหฺ, อัลหากิม ใน อัล-มุสตัดร็อก (3/166-167) และกลาววาเศาะหีหฺ และในอีกรายงานหนึ่งมีสํานวนเพ่ิมเติมวา “และบิดา มารดาของทั้งสองประเสริฐกวาท้งั สอง” และกลาววา เศาะหหี ฺ และอซั -ซะฮะบียก็เห็นดวย, อิบนุ คุซัยมะฮฺ ใน เศาะหีหฺของทาน (2/207) อัล- ฮยั ษะมียกลา วในมจั ญม ะอฺ อัซ-ซะวาอิด (9/184) วา “บันทึกโดย อัฏ-เฏาะบะรอนีย และสายรายงานของมันหะสัน(ดี)” และอัล-อัลบานีย กลาววา ถูกตองใน อลั -อะหาดีษ อศั -เศาะหหี ะฮฺ (2/448) (10) อัล-หิลยะฮฺของ อบู นุอมี (3/138) (11) อัล-หิลยะฮฺ (3/141),ตะฮฺซีบ อตั -ตะฮฺซบี ของ อิบนุ หะญัร (7/305) (12) อฏั -เฏาะบะกอต อลั -กบุ รอ (5/222) (13) อฏั -เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ (5/324) (14) อลั -วาฟ บิ อัล-วะฟะยาต (4/102) (15) สยิ รั อะอลฺ าม อัน-นบุ ะลาอฺ (4/413) 6

อบู หาตมิ กลา ววา “เปนคนที่นา เชือ่ ถือย่งิ (ษเิ กาะฮฺ) และไมต องถามหาคนท่เี สมอเหมือนกบั ทานอีก”(17) อซั -ซะฮะบยี ก ลา ววา “ญะอฺฟร บุตร มุหัมมัด อัศ-ศอดิก เปนผูนําแหงตระกูลอะละวียในสมัยนั้นและเปนอิมาม(ผูนํา) ทา นหนงึ่ ของแควน หญิ าซฺ”(18)  มสู า บตุ ร ญะอฺฟร (อัล-กาซิม) อบู หาตมิ อัร-รอซยี  กลา ววา “เปนคนทนี่ าเชอ่ื ถอื เปน หน่งึ ในบรรดาอิมาม(ผูน ํา)ของชาวมสุ ลมิ (19) อิบนุ ตยั มยิ ะฮฺ กลา ววา “มูสา บุตร ญะอฺฟร เปนท่กี ลาวขานวา เปน คนทีช่ อบทาํ อิบาดะฮแฺ ละทําหจั ญ”(20) อัซ-ซะฮะบยี  กลาววา “ทานเปน หนึง่ ในบรรดาอลุ ะมาอฺทช่ี าญฉลาดและนักปฏิบตั ิอิบาดะอฺทีย่ ําเกรงตออัลลอฮฺ” (21)  อะลี บตุ ร มูสา (อัร-รฎิ อ) อซั -ซะฮะบยี  กลาววา “ทา นเปน ผทู ่ีมีความรูและเครง ครดั ในศาสนาคนหน่ึงและเปน ผนู าํ (22)  มหุ ัมมดั บตุ ร อะลี (อลั -เญาวว าด) อิบนุ ตยั มยิ ะฮฺ ระบวุ า “ทานนบั ไดว า เปนผทู ีอ่ ยแู นวหนาของตระกูลฮาชิมคนหนึ่ง และเปนท่ีรูจักวาชอบเอื้อเฟอและเปน ผนู าํ ”(23) อับดุลกอฮริ อลั -บฆั ดาดยี (24) กลา ววา “ชาวสุนนียตางกลาววาจําเปนตองรักใครบรรดาภริยาของทานรสูล () และถือวาผูที่กลาวหาวาทานหญิง เหลา นนั้ เปนผปู ฏเิ สธศรัทธา(กาฟร ) กลายเปนผูที่ตกศาสนา และพวกเขากลาววาจําเปนตองรักใครอัลหะสันและอัลหุ สยั นตฺ ลอดจนบรรดาลูกหลานของทานรสลู ทกุ ๆคน อาทิเชน อัลหะสัน บุตร อัลหะสัน, อับดุลลอฮฺ บุตร อัลหะสัน, อะลี (16) ตัซกเิ ราะฮฺ อัล-หุฟฟาซฺ (1/166) (17) กติ าบ อัล-ญัรหฺ วะ อัต-ตะอฺดีล (2/487) (18) มุคตะศ็อรฺ อัล-อุลูว (148) (19) อลั -ญรั หฺ วะ อัต-ตะอดฺ ลี (4/139) (20) มนิ ฮาจญ อัส-สนุ นะฮฺ (4/58) (21) มซี าน อัล-ออิ ตฺ ิดาล (4/202) (22) สิยัร อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ (9/387) (23) มนิ ฮาจญ อสั -สุนนะฮฺ (4/68) (24) ทานคือ อับดุลกอฮิรฺ บุตร ฏอฮิร บุตร มุหัมมัด บุตร อับดุลลอฮฺ อัลบัฆดาดีย อัตตะมีมีย อัลอิสฟรอยีนีย เปนนักนิติศาสตร สงั กัดมซั ฮบั ชาฟอ ยี  เสยี ชวี ิตป 429 ฮ.ศ. (ดู วะฟะยาต อัลอะอฺยาน 3/203, อลั อะอฺลาม 4/48 7

บุตร อลัหุสัยนฺ ซัยนุลอาบิดีน, มุหัมมัด บุตร อะลี บุตร อัลหุสัยนฺ อัลบากิรฺ, ญะอฺฟร บุตร มุหัมมัด อัศศอดิก, มูสา บุตร ญะอฟฺ ร , อะลี บุตร มสู า อัรฺรฎิ อ เชนเดียวกบั ทัศนะของพวกเขาตอบรรดาลูกๆของทานอะลีที่ตางมารดากับอัลหะ สนั และอัลหสุ ยั นฺ อาทเิ ชน อลั อบั บาส, อุมรั และมหุ ัมมดั อัลหะนะฟย ะฮฺ และลูกหลานคนอื่นๆที่ไดเจริญรอยตามบิดา ผปู ระเสรฐิ ของพวกเขา”(25) อลั อสิ ฟรออีนยี (26) กลา วชแี้ จงถงึ แนวทางของชาวสุนนยี วา “แทจริงอัลลอฮฺทรงปกปองพวกเขาจากการพูดจาในส่ิงท่ีเลวทรามตอชนรุนกอน หรือกลาวใหรายตอพวกเขา ดังนัน้ พวกเขาจงึ ไมก ลา วไมดใี ดๆนอกจากคําสรรเสริญยกยอ งตอ ชาวมุฮาญิรนี และชาวอนั ศอรฺ และบรรดาผูที่เปนที่รูจัก ในการปกปองศาสนา อาทเิ ชน บรรดาผูเ ขารว มตอสูในสมรภมู บิ ะดัรฺ และอุหดุ และบรรดาผูท่ีรวมจับมือใหคําสัตยาบัญ ในวนั หดุ ัยบยิ ะฮฺ(บยั อะฮฺริฎวาน) และไมกลา วรา ยตอ บรรดาผทู ีท่ า นนบี () ไดรับรองวา เปน ชาวสวรรคไ มวาจะเปนบรรดา ภริยา เศาะหาบะฮฺ และ ลูกหลานของทา น เชน อัลหะสัน, อลั หุสัยนฺ และลูกหลานของทาน เชน อับดุลลอฮฺ บุตร อัลหะ สัน, อะลี บตุ ร อัลหสุ ัยนฺ, มุหัมมัด บตุ ร อะลี, ญะอฺฟร บุตรมหุ ัมมดั , มสู า บตุ ร ญะอฺฟร, อะลี บุตร มูสา อัรฺริฎอ <12> และบรรดาผทู ่เี จรญิ รอยตามทาน รสูลอยางมั่นคงโดยปราศจากการเปลี่ยนแปลงและแกไข และไมอนุญาตใหกลาวราย ตอบรรดาเคาะลีฟะฮฺผูปราดเปร่ืองท้ังสี่แมแตคนเดียว เชนเดียวกับบรรดาแกนนําของตาบิอีน และอัตบาอฺ ตาบิอีน ที่อลั ลอฮฺทรงคมุ ครองพวกเขาจากการแปดเปอนกบั สิง่ อุตริและปฏบิ ตั ิสงิ่ ตางๆที่คานกบั หลักศาสนา” (27) น่คี อื หลกั การศรทั ธาหรอื อะกดี ะฮขฺ องชาวสุนนียที่มีตอบรรดาวงศวานของทานรสูล () หรืออัฮฺลุลบัยตฺ และหาก ผใู ดประสงคจ ะศึกษาอยางลกึ ซงึ้ มากกวาน้ถี งึ จดุ ยนื ของชาวสุนนียต อ พวกเขาเหลาน้ัน ก็สามารถกาศึกษาไดในหนังสือ หะดีษ หนังสือสีเราะฮ(ชีวประวัติของทานนบี) และหนังสือเก่ียวกับประวัติบุคคลตางๆ แลวเขาจะพบวา แทจริงแลว บรรดาชาวสนุ นียเ ปนผทู ่คี าํ้ จุนและปกปองอะฮลฺ ุลบัยตฺทกุ ๆทา น อินชาอัลลอฮฺ(28) <13> 1.2 จุดยืนของชาวสนุ นยี ต อ การถูกฆาตกรรมของหเุ สนฺ สวนจุดยนื ของชาวสนุ นยี ตอการฆาตกรรมของหุสยั นนั้น อบิ นุ ตัยมยิ ะฮฺไดกลาวสรุปดว ยใจความดังน้ี “แทจริงอัลลอฮฺทรงใหเ กียรติทา นดว ยชะฮาดะฮ(ฺ การเสยี ชีวิตแบบชะฮีด) และพระองคทรงเหยยี ดหยามผูที่สังหาร ทานหรือใหความรวมมือในหารสังหารทาน หรือพึงพอใจกับการถูกฆาตกรรมของทาน และทานไดเจริญรอยตาม แบบอยางท่ีดีของบรรดาผูท่ีชะฮีดกอนหนาทาน เพราะแทจริงทานและพี่ชายของทาน(หะสัน)คือผูนําของบรรดาชาย หนมุ ในสวนสวรรค และแทจ ริงทงั้ สองทานไดถูกอบรมสั่งสอนในชวงแหงความรุงโรจนของอิสลาม ซึ่งไมทันไดรับความ ประเสรฐิ แหงการฮิจญเราะฮ,ฺ การญิฮาด(ตอสูในหนทางของอัลลอฮฺ), การอดทน และการถูกทํารายในหนทางเพื่อผดุง ศาสนาของอัลลอฮเฺ ฉกเชนทบี่ รรดาวงศว านของทานรสูล () ไดประสบมากอนหนาท้ังสอง ดังน้ันอัลลอฮฺจึงใหเกียรติท้ัง สองดว ยการเสยี ชวี ติ แบบชะฮีด เพอ่ื เปน การเสรมิ เกียรตแิ ละยกสถานะของท้ังสองใหสูงและมีเกียรติยิ่งข้ึน และแนนอน (25) อัลฟรกฺ บัยนัลฟร ็อก หนา 360 (26) ทา นคือ ฏอฮริ อัลอสิ ฟร ออนี ีย อัชชาฟอ ีย อบู อัลมุซ็อฟฟร เสียชวี ิตป 471 ฮ.ศ. (ดู เฏาะบะกอต อชั ชาฟอียะฮฺ 3/175) (27) อตั ตับศรี ฺ ฟด ดนี หนา 196 (28) อัลอะกีดะฮฺ ฟ อะฮลฺ ลิ บยั ตฺ ของ อัสสหุ ยั มยี  8

วา การถกู ฆาตกรรมของหสุ ยั นนฺ ั้นเปน ภยั พิบตั ทิ ่ีใหญยิ่ง และอัลลอฮไดท รงส่ังกาํ ชบั ใหระลึกถึงอัลลอฮฺทุกครั้งที่ประสบ กบั ภยั พบิ ัติดว ยคาํ ตรสั ท่ีวา                                                (29)       “และจงแจงขาวดีแกบรรดาผูท่ีอดทน คือบรรดาผูซ่ึงเมื่อเคราะหรายมาประสบกับพวกเขา พวกเขาก็กลาวา แทจรงิ พวกเราเปนกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และแทจริงพวกเราตองกลับคืนสูพระองค ชนเหลานี้แหละท่ีจะไดรับคําชมเชย และความเมตตาจากองคอภบิ าลของพวกเขา และชนเหลา น้แี หละคอื ผูที่ไดร บั ทางนาํ ”(30) (29) สูเราะฮฺ อลั บะเกาะเราะฮฺ (155-156) (30) มจั ญมุอฺ อลั ฟะตาวีย 4/511 9

บทท่ี 2 ทานรจู ักอะไรบางเกย่ี วกับเมืองกูฟะฮฺ 2.1 กฟู ะฮฺคอื ศนู ยกลางของชาวชอี ะฮฺ เชคบากิร ชะรฟี อัลกุเราะชีย กลาววา “แทจ ริงเมืองกฟู ะฮเฺ ปนสถานทีพ่ ักพิงของชาวชีอะฮฺ และเปน ทพ่ี าํ นักแหงหนงึ่ ของชาวตระกูลอะละวีย และแทจริง บรรดาผูท่ถี ูกคดั เลอื กในหมูอะฮลฺ ุลบัยตฺไดป ระกาศไวใ นหลายๆสถานท่ดี ว ยกัน” (31) และเชคยังกลา วอกี วา “และแทจ รงิ เมล็ดพันธแหง ความเปน ชีอะฮฺไดถูกบมเพาะ ณ เมืองกูฟะฮฺ ต้ังแตสมัยการปกครองของเคาะลีฟะฮฺ อุมรั เสียอีก”(32) เชคมหุ ัมมดั อตั ตญิ านยี  อัสสะมาวยี  กลา ววา “และอบฮู รุ อ็ ยเราะฮไฺ ดเขาไปยงั เมอื งกฟู ะฮฺ อันเปนใจกลางของหมูบานชาวชีอะฮฺ นั่นคือบานของทานอะลี บุตร อบฏู อลบิ ” (33) 2.2 กูฟะฮเฺ ปนสถานท่ีแหงการทรยศและหลอกลวง เชคเญาวาด มหุ ัดดิษยี  กลาววา “บรรดาชาวกฟู ะฮฺเปนที่รูจักในประวัติศาสตรวาเปนผูท่ีกลับกลอกและไมรักษา<15>สัญญาหรือหลอกลวง จะ อยา งไรกต็ าม ประวตั ิศาสตรอ สิ ลามไมเคยมีทัศนะท่ีดีตอสัญญาและขอผูกมัด(การใหคําสัตยาบัน)ของชาวกูฟะฮฺเลย” (34) และทานยังกลา วอกี วา “และสวนหนึ่งของบุคลิกท่ีเปนเอกลักษณเฉพาะดานจิตใจและอุปนิสัยของชาวกูฟะฮฺ สามารถเห็นไดจากสิ่ง ตอไปน้ี คือ ความขัดแยงดานความประพฤติ, มีจุดยืนที่ปรวนแปรและไมม่ันคง, ชอบกอกบฏตอบรรดาผูนํา, ชอบฉวย โอกาส, มมี ารยาทท่ีตา่ํ ชา, ละโมบและตะกละ, หเู บาและหลงเชื่อขา วโคมลอยโดยปราศจากการไตสวน และเปนพวกนิยม ในขณะท่ีพวกเขาเองประกอบดวยตระกลู ท่หี ลากหลาย สาเหตุตางๆเหลานี้แหละที่พวกเขาทําใหอิมามอะลีตองประสบ กับเหตุการณเลวรายสองประการ, ทําใหอิมามหะสันตองเผชิญกับการหักหลังและหลอกลวง, ทําใหมุสลิม บุตร อะกี ลตองถูกฆาตกรรมอยางโหดเหี้ยมทารุณ และทําใหอิมามอัลหุสัยนฺตองถูกฆาตกรรมในสภาพท่ีกระหายน้ํา ณ เมือง กัรบะละฮฺ ซ่งึ อยูติดกบั เมืองกูฟะฮฺ ทั้งยังถกู ฆาตกรรมดว ยมือของทหารชาวกูฟะฮฺเองอกี ดวย” (35) เชคหุสัยนฺ กรู อนีย กลาววา (31) หะยาต อิมามอัลหสุ ัยนฺ 3/12 (32) หะยาต อิมามอัลหุสัยนฺ 3/13 (33) ออิ รฺ ฟิ อลั หักกฺ หนา 161 (34) เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หนา 59 (35) เมาสอู ะฮฺ อาชรู ออฺ หนา 59 10

“ดังนั้น อะไรหรือท่เี ปน สัญลักษณและลักษณะเฉพาะดา นการศรัทธาของชาวกฟู ะฮฺ ? สามารถสรุปไดดังน้ี คอื 1. เพกิ เฉยตอ การใหความชว ยเหลอื อิสลาม 2. ชอบและหลงใหลทรพั ยส นิ 3. และมจี ุดยนื ท่ปี รวนแปร”(36) เชคเญาวาด มหุ ัดดษิ ยี  กลาววา “จาํ นวนของชาวชอี ะฮทฺ พ่ี ํานกั อยู ณ เมอื งกฟู ะฮมฺ ไี มใชนอ ย เพยี งแตวา ความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีตอบรรดา วงศวานของทานรสูล () น้ัน ขึ้นอยูกับการตามใจ(โอนออน) และการปราศรัยปลูกระดมที่ราวอารมณความรูสึก<16>ที่ ลน เปยมมากกวา การยดึ ม่นั และยนื หยดั ในเสน ทางแหงหลกั การศรัทธาและการปฏิบัติตอบรรดาลูกหลานของอิมามอะลี และการลงสนามไปเผชญิ หนา กบั ศัตรูและการเสียสละ” (37) เชคบากิรฺ ชะรีฟ อัลกเุ ราะชีย กลาววา “แทจริงบรรดาชาวกูฟะฮฺแสรงทําเปนลืมหนังสือตางๆท่ีพวกเขาไดสงไปยังอิมามอัลหุสัยนฺและการใหคํา สตั ยาบนั ของพวกเขาตอตวั แทนของทา น” (38) (36) ฟรหิ าบกัรบะลาอฺ หนา 53 (37) เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หนา 60 (38) หะยาต อัลอมิ าม อลั หุสัยนฺ 2/370 11

บทที่ 3 ชอี ะฮฺ และอะฮลฺ ุลบยั ตฺ 3.1 การหลอกลวงของชอี ะฮฺตออฮั ลลุ บยั ตฺ 1. ชีอะฮฺกบั อะลี เมื่อเราหวนกลบั ไปดชู ีวประวัตอของอะมรี ลุ มอุ มฺ ินีน อะลี บตุ ร อบูฏอลบิ เราจะพบวา ทา นมักจะบนอยางเจ็บปวด ถึงบรรดาชีอะฮฺ(ผสู นบั สนุน)ของทา น(ทเ่ี ปน ชาวกูฟะฮ)ฺ วา “และแทจริงบรรดาประชาชาติตางๆจะเปนผูที่เกรงกลัวตอความอธรรมของบรรดาผูนําของพวกเขา แตฉันกลับ กลายเปนคนท่เี กรงกลัวตอ ความอธรรมของบรรดาผูท่ีอยูภายใตการปกครองของฉันเอง ฉันสั่งใหพวกเจาออกทําการญิ ฮาด แตพ วกเจากลบั นงิ่ เฉย, ฉันไดเทศนใ หพวกเจา ฟง แตพ วกเจากลบั ไมย อมฟง, ฉันไดเ ชญิ ชวนพวกเจาท้ังโจงแจงและ ลับๆ แตพวกเจากลบั ไมต อบรับ, ฉันไดต กั เตือนพวกเจาแตพวกเจา กลบั ไมเ ชื่อฟง ทําไมบรรดาผูที่มีมารวมชุมนุมถึงเปน เสมอื นผทู ่ขี าดหายไป และบรรดาบาวท้ังหลาย ถึงกลายเปน เสมือนเจานายอยางนี้? ฉันอานขอช้ีขาด(หุกม)ดานศาสนา ใหพวกเจา ฟง แตพวกเจา กลบั หนเี ตลดิ จากมนั ฉันไดต กั เตอื นพวกเจา ดว ยคาํ ตกั เตอื นท่ีกินใจแตพวกเจาก็หนีเตลิดจาก มนั อกี เชน กัน และฉันไดปลูกระดมใหพ วกเจาลุกข้นึ ญฮิ าดตอสูกับบรรดาผูละเมิด แตฉันพูดยังไมทันขาดคําก็เห็นพวก เจากระจัดกระจายและแยกยายกันไปคนละทิศละทางแลว พวกเจาก็กลับไปยังการชุมนุมของพวกเจา(เหมือนอยาง เดิม)... โอบรรดาผูท่ีมารวมชุมนุมเพียงแตราง แตสติปญญาของพวกเขากลับลับหาย โอบรรดาผูท่ีมีจิตใจที่กลับไป กลบั มา ผทู ที่ าํ ใหบ รรดาผนู าํ ของพวกเขาตอ งประสบกับความเสียใจ ขณะทีส่ หายของพวกเจาเชื่อฟงอัลลอฮฺ แตพวกเจา กลับทรยศตอ เขา... ฉันขอสาบานตออลั ลอฮวฺ า แทจรงิ ฉนั เคยหวังวา มอุ าวยิ ะฮฺจะขอแลกเปล่ียนพวกเจาตอฉันเสมือนกับ การแลกเปล่ียนเงนิ ดีนารฺ(ท่ีมีคามากกวา)กับเงินดิรฮัม(ท่ีมีคานอยกวา) โดยที่เขาเอาพวกเจาไปจากฉันสิบคนแลกกับ ทหารของเขาเพียงหนง่ึ คน โอชาวกูฟะฮเฺ อย พวกเจา ไดถกู ประทานมาสามแบบกับอีกสองลักษณะ นั่นคือ หูหนวกท้ังๆที่ มีหูอยู, เปนใบท้ังๆที่มีปากอยู, ตาบอดท้ังๆที่มีดวงตาอยู และจะไมมีเสรีภาพที่นาเช่ือถือขณะท่ีพบกัน และไมมีมิตร สหายท่ีแทจริงขณะท่ตี องประสบกับชะตากรรม...” (39) อัชชะรฟี อรั ริฎอว เลา วา อะมรี ุลมุอมฺ ินีน อะลี กลา ววา “โอ ชาวอิรักเอย แทจรงิ พวกเจา เปรียบเสมือนสตรีมคี รรภท่ีกําลังตั้งครรภอยู เมื่อครบกําหนดคลอด มันกลับหด ตัวลง... พึงสงั วรเถิดวา แทจริงฉนั ไมไดมาหาพวกเจาเพราะฉนั สมัครใจท่จี ะมา แตฉันมาหาพวกเจาเพราะถูกลากมา และ แทจรงิ ไดมขี าวมาถึงฉันวา พวกเจากลาววา อะลี ชอบพูดโกหก ขออัลลอฮฺทรงสาปแชงพวกเจาและผูที่เปนจอมโกหก...” (40) <20> ดว ยเหตนุ ีอ้ มิ ามอะลจี งึ ไดกลาวแกช อี ะฮขฺ องทา นวา (39) นะฮฺลุ บะลาเฆาะฮฺ 1/187-189 (40) นะฮฺ ลุ บะลาเฆาะฮฺ 1/118,119 12

“ขออัลลอฮฺจงสาปแชงพวกเจา แทจ รงิ พวกเจาไดใสนํา้ หนองจนเต็มจิตใจฉัน พวกเจาไดบรรจุความโกรธแคนลง บนอกฉนั พวกเจาหยดความระแวงสงสัยใหฉันด่ืมประทังชีวิต และพวกเจาไดสรางความเสียหายตอความเห็นของฉัน ดวยการฝาฝน ทรยศ และตีจาก”(41) น่ีคือจุดยืนของชีอะฮทฺ ่ีมีตอ อิมามผมู ะอฺศมู (ปลอดจากบาปตา งๆ) ทา นแรก(ตามความเชอ่ื )ของพวกเขา 2. ชอี ะฮกฺ ับอัลหะสัน ตอ ไปน้เี ราลองมาดจู ุดยืนของชีอะฮฺทีม่ ีตออัลหะสนั บุตร อะลี บาง และในท่ีน้ีเราขออิงถึงส่ิงที่ ดร. ชาวชีอะฮฺชื่อ อะหมฺ ดั อันนะฟส ไดเขียนไวเกี่ยวกับคําส่ังของของอิมามอัลหะสันท่ีสั่งใหบรรดาชีอะฮฺและผูติดตามทานเตรียมความ พรอมเพ่อื การสูรบ โดยทา นไดกลาวปราศรยั แกพวกเขาวา “แทจ รงิ อลั ลอฮฺไดท รงกําหนดการญิฮาดแกบ าวของพระองคและเรยี กการญฮิ าดวา “กุรฮฺ” หมายถึง “นารังเกียจ” แลว พระองคกท็ รงตรสั แกบรรดามุอฺมินที่รวมญฮิ าดวา ((พวกเจา จงอดทนเถดิ แทจรงิ อัลลอฮนฺ ั้นทรงอยูเคียงขางบรรดาผู ทีอ่ ดทนเสมอ))(42) ดังนน้ั โอม นุษยชาติเอย พวกเจาจะไมไดรับส่ิงที่พวกเจาชมชอบนอกจากดวยการอดทนตอส่ิงที่พวก เจา รงั เกยี จ พวกเจา จงออกไป-ดวยความเมตตาของอลั ลอฮฺ-สูคายทหารดวยความปกติเถิดจนกวาเราและพวกเจาจะได เห็นและประจกั ษ” อะหมฺ ดั อันนะฟส เลา ตอ ไปวา “ในคาํ ปราศรยั นี้ อัลหะสนั กลัววา พวกเขาจะถอนตัวและทอดทิง้ ตน ดังน้ันพวกเขา จงึ ไดแ ตน ิ่งเงียบและไมมใี ครเอยปากหรอื ตอบรบั เลยแมแตคนเดียว เม่ือเหน็ ดังน้นั อะดีย บุตร หาติม จึงกลาวขึ้นวา ฉัน คอื บุตรของหาตมิ มหาบริสุทธิ์พระองค ชางเปนสภาพและจุดยืนทนี่ า ทุเรศท่ีสุด ทําไมพวกเจาถึงไมตอบรับคําเรียกรอง ของผูนาํ ของพวกเจา ทําใพวกเจาถึงไมตอบรับคําเชิญชวนของหลานของนบีของพวกเจา ? ไหนเลาบรรดานักปราศรัย ของชาวมุฎอ็ รฺท่ีล้ินของพวกเจา เปนเสมือนสวา นเจาะในความสงบ ? แตทันทีท่ีเกิดเหตุการณพวกเขากลับว่ิงเตลิดอยาง อดสูเสมอื นสุนขั จ้ิงจอกท่ีกําลงั หวิ โหย ? พวกเจาไมกลัวความกร้ิวของอัลลอฮฺหรือ? พวกเจาไมกลัวความอับอายหรือ ? พวกเจา ไมกลัว<21>ถกู ตาํ หนิหรอื ? (43) และเหตุการณนยี้ งั มรี ะบใุ นหนงั สอื ของอิดรสี อลั หุสัยนฺ ดวย(44) อะหฺมดั รอสิม อันนะฟส ไดข ยายความคาํ ปราศรัยของอะสรี ุลมุอมฺ นิ นี อลั หะสนั วา “แทจ ริงความพายแพดานจิตใจไดครอบงําพวกเขา ดังน้ันพวกเขาจึงไมอยากทําการญิฮาด ไมอยากแมกระท่ัง การทุมเท และเสียสละ และแทจริงพวกเขาไดไขวควาหาประสบการบนโลกน้ีและไดเสาะหารสชาติแหงความสุขสบาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้ังตารอคอยมัน แตพวกเขาก็ยังไมพบเจอสิ่งท่ีทําใหพวกเขาอิ่มเอิบได โดยเฉพาะบรรดาผูนําท่ีอยู ภายใตรมเงาแหง ความยตุ ิธรรม เพียงแตวา จติ ใจของพวกเขายังสามารถเชิดคออยูเพื่อดูทาทีของบะนีอุมัยยะฮฺในฐานะ ผูน ําในวันขางหนา ...”(45) (41) นะฮฺุลบะลาเฆาะฮฺ 1/70 (42) ความหมายของอายัตที่ 46 สูเราะฮฺ อัลอันฟาล (43) อะลาคุฏอ อลั หสุ ยั นฺ หนา 38 (44) ละก็อด ชัยยะอะนี อลั หสุ ัยนฺ หนา 274-275 (45) อะลาคฏุ อ อลั หสุ ัยนฺ หนา 39 13

และอะหมฺ ัด รอสมิ อันนะฟส ยังยกเหตุการณการทรยศของชาวชีอะฮฺตออะมีรุลมุอฺมินีน อัลหะสัน และการลอบ แทงทา น ดวยคาํ กลา วทวี่ า “หลังจากนัน้ อะมีรลุ มอุ มฺ นิ ีน อลั หะสันจงึ ไดประกาสตัวถงึ การเดินทางของทา นสูคายท่ีพักสําหรับเตรียมการสูรบ ดังนัน้ ก็อยสฺ บุตร สะอัด บตุ ร อุบาดะฮฺ และมะอกฺ ลิ บุตร กอ็ ยสฺ อัรร็อยยาหีย ก็กลา วถากถางชาวชีอะฮฺเฉกเชนท่ี อะดีย บตุ ร หาตมิ ไดก ลา วไวก อนหนา นัน้ แลวทั้งสองกเ็ ดินทางไปยังคายท่พี กั ของพวกเขา แลวทุกคนก็เดินตามหลังทั้งสองไป สว นอะลหะสนั ก็จัดเตรยี มความพรอมของทหารแลวกลาวคําปราศรัยแกพวกเขา... แตแลวพวกเขากลับมองหนาซ่ึงกัน และกัน แลวกลา ววา “พวกเจาเห็นไมเห็นหรือวาเขาตองการในสิ่งท่ีเขาพูด ? อีกกลุมหนึ่งพูดขึ้นวา “พวกเราคิดวา เขา ตองการท่ีจะประณีประนอมและคืนดีกับมุอาวิยะฮฺ และมอบอํานาจการปกครองแกเขา ขอสาบานดวยพระนาม ของอลั ลอฮฺ ชายคนนีไ้ ดกลายเปนผูปฏิเสธศรทั ธา(กาฟร )แลว ” หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปยังเต็นทของทาน แลวทําการปลนสะดมทรัพยสินตางๆที่มีอยูแมกระท่ังผาปู ละหมาดท่อี ยูใ ตทาน หลังจากนน้ั อลั ดรุ เราะหฺมาน บุตร อบั ดุลลอฮฺ บุตร อุ าล อลั อัซดีย ก็เขา โจมตที า น ดวยการเขาไป กระชากเอาผาท่ีพาดไวบ นคอทานอยา งแรง สว นทา นกไ็ ดแตน่ังสะพายดาบโดยปราศจากผาสไบ แลวทานก็เดินไปข้ึนมา (เสมอื นกบั ไมมอี ะไรเกิดขน้ึ )...และขณะที่ทานเดินผานยังเขตมัซลัมสาบาต ก็ไดมีชายคนหน่ึงจากเผาอะสัดมาหาทาน แลว จบั บงั เหยี นมาของทา นพรอมกบั กลา วตะคอกทา นวา “อัลลอฮฺ อักบัร โอ หะสัน พอของเจากลายเปนผูที่ต้ังภาคี<22> แลวเจาก็กลายเปนผูท่ีต้ังภาคี (อีกคนกระนั้น หรือ)” แลว ชายคนน้ันก็แทงทานดวยจอบหรือพล่ัวและไปโดนตรงขาออนของทาน ทําใหหนังตรงรองขาถลกออก และ ทา นกไ็ ดรับบาดเจ็บสาหัสจนตองหามทานบนเปลและถูกนาํ กลับไปยังเมอื งมะดาอนิ (46) ชาวชอี ะฮฺทีช่ ่อื อดิ รีส อลั หสุ ยั นีย ไดเ ลาถึงเหตุการณก ารทรยศของชนรนุ แรกของพวกเขาวา “อิมามอัลหะสนั ตองประสบกับเหตุการณการลอบสังหารจากบุคคลที่อยูในกองทหารของทาน ซ่ึงครั้งหนึ่งไดมี ชาวเผา อะสัดคนหน่งึ ช่อื อัลญะรอหฺ บุตร สินาน มาหาทานแลวก็จับบังเหียนมาของทานไว พรอมกับแทงอิมามตรงขา ออ นของทา น ดังนั้นอิมามจึงเขาสวมกอดเขาไว แลว ทั้งสองก็รว งลงบนพ้ืนดิน จนกระท่ังอับดุลลอฮฺ บุตร หันซ็อล อัฏฏอ อีย เขาไปตอสูกบั ทา น แลว หยบิ เอาจอบจากอัลญะรอหฺ แลวเสียบแทงทานอีกครั้งหน่ึง และหลังจากนั้นทานถูกแทงอีก ครง้ั หนง่ึ ขณะท่ีทา นกาํ ลังดํารงละหมาดอยู” (47) มหุ ฺสนิ ุลอะมีน อัลอามลิ ีย ทอ่ี า งองิ ใหญของชาวชอี ะฮฺ กลาววา “หลังจากนั้น อัลหะสัน บุตรชายของทาน(อะลี) จึงไดรับการใหสัตยาบัน(เปนอิมาม) และไดรับคําม่ันสัญญา ตอมาทา นกถ็ ูกทรยศและหกั หลงั และชาวอิรักกไ็ ดจูโ จมทาน จนกระทง่ั พวกเขาไดทิ่มแทงดวยมีดจนไปถูกตรงสีขางของ ทา น”(48) มหุ มั มัด อตั ตญี านีย อสั สะมาวยี  กลาววา (46) อะลาคฏุ อ อลั หุสยั นฺ หนา 39-40 (47) ละกอ็ ด ชัยยะอะนี อลั หุสยั นฺ หนา 279 (48) อะอยฺ าน อัชชอี ะฮฺ 1/26 14

“เชนเดยี วกับบรรดาผูท่ีโงเขลาบางคน ซึ่งกลาวหาอิมามอัลหะสันวา เปนผูท่ีทําใหบรรดาชาวมุอฺมินตองอัปยศ เม่อื ครง้ั ท่ีทานทําการเจรจาสงบศึกกับมอุ าวยิ ะฮฺ และยบั ย้ังการนองเลือดของบรรดาชาวมสุ ลิมทบี่ ริสุทธ์ิใจท้ังหลาย” (49) อายะตุลลอฮฺ อลั อุซมฺ า หสุ ยั นฺ ฟฎ ลลุ ลอฮฺ กลา ววา “แทจรงิ มที หารของทานกลุม หนง่ึ ท่ีเปน พวกเคาะวาริจญซ ่ึงไดออกศึกพรอมกับทานไมใชเพราะรักทาน แตเพราะ พวกเขาตอ งการทีจ่ ะสงั หารมอุ าวิยะฮดฺ ว ยวธิ ีใดกต็ าม<23>และสามารถรวมมือกบั ใครกไ็ ด และในหมูพวกน้ีมีพวกหนึ่งที่ เปนคนที่มีฐิติและยดึ มั่นในชนเผา ของตัวเอง โดยพวกเขาจะคอยปฏิบัติตามคําส่ังของหัวหนาพวกเขาที่มีวัตถุประสงค เพ่อื แสวงหาเงินทองและลาภยศ พวกน้ีตองการทจ่ี ะทําใหท หารของหะสนั เปน ผูทําลายหะสันเอง...” (50) ดังนั้น อัลหะสันจึงกลาววา “ขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันเห็นวามุอาวิยะฮฺดีตอฉันยิ่งกวาชนพวกนี้ พวกเขาอางวาเปนชอี ะฮ(ฺ ผสู นบั สนนุ )ฉนั แตพ วกเขากลบั ตองการจะฆาฉนั ปลน สดมภทรัพยสินของฉัน และเอาเงินทอง ของฉันไป ขอสาบานดวยพระนามของอัลลอฮฺ หากแมนวามุอาวิยะฮฺยอมทําสัญญาสงบศึกกับฉันจนฉันไมตองหล่ัง เลือด และครอบครัวของฉันกป็ ลอดภัย จะเปนการดีกวาทเี่ ขาตอ งมาตอ สูกบั ฉัน...” (51) อะมรี ฺ มุหัมมัด กาซมิ อัลก็อซฺวนี ีย กลาววา “แทจ ริงประวตั ศิ าสตรท ถี่ ูกตอ งไดยืนยันแกเราวาบรรดาผูท่ีรวมอยูกับอิมามอัลหะสันนั้น ถุงแมวาพวกเขาจะมี จาํ นวนมากมาย แตพ วกเขากลับเปนคนท่ไี มซ ื่อสตั ย ชอบบดิ พร้วิ และทรยศ ดังน้ันจาํ นวนมากมายเหลาน้ันจึงไมสามารถ ใชประโยชนใดๆไดเ ลยในการตอสกู บั ศัตรู แทจ ริงการหักหลงั และทรยศของพวกเขาถึงขนาดกลาเขียนจดหมายไปยังมุอา วิยะฮฺดว ยใจความทวี่ า “หากทา นประสงคจะใหเราสงมอบอัลหะสันแกทาน เราก็จะสงมอบใหแกทาน” และหน่ึงในหมู พวกเขาไดเอาจอบและแทงไปยังขาออ นของอมิ ามอัลหะสัน<24>จนเปนบาดแผลลกึ ถึงกระดกู และไดพูดจาในส่ิงที่ระอา ปากท่เี อย ถึงน่ันคอื “แทจ ริงเจา ไดเ ปน ผูที่ตั้งภาคีแลวโอหะสัน เฉกเชนที่บิดาเจาๆไดเคยกลายเปนผูท่ีตั้งภาคีกอนหนา เจา...” (52) อดิ รสี อัลหสุ ยั นยี  ไดอา งถงึ คําพูดของอะมรี ุลมุอฺมินีน อัลหะสันที่ไดกลาวไวแกชาวชีอะฮฺของทาน(ผูสนับสนุน) วา “โอ บรรดาชาวอิรักเอย แทจริงมีอยูสามประการที่ทําใหจิตใจฉันรูสึกเอือมระอา ทอแท และส้ินหวังกับพวกเจา คือ การทพี่ วกเจา สังหารบดิ าของฉัน ท่มิ แทงฉัน และปลนสะดมทรัพยสินของฉันไป” (53) 3. ทัศนะของอะฮลฺ ุลบยั ตฺตอ ชอี ะฮผฺ สู นบั สนนุ ถงึ ตรงน้ีขอทองทายดวยทัศนะตา งๆของบรรดาอะฮลฺ ุลบัยตทฺ ม่ี ีตอบรรดาชอี ะฮฺผูส นับสนุนพวกเขา ซ่ึงไดกลาวหา วาบรรดาชีอะฮฺของพวกเขาเปน ผูท กี่ ลับกลอก(มุนาฟก) ดังตอ ไปน้ี (49) กุลลุลหุลูล อนิ ดะ อาลิ อัรเราะสลู หนา 122-123 (50) อันนดั วะฮฺ 3/208, ฟร หิ าบ อัฮลฺ ิลบยั ตฺ หนา 270 (51) อลั อหิ ตฺ ิญาจญ ของ อบมู ันศูรฺ อัฏฏ็อบรุสีย 2/10 และเนื้อความน้ียังมีระบุในหนังสือ อาดาบ อัลมะนาบิรฺ ของ หะสัน มัฆนิยะฮฺ หนา 20 (52) มุหาวะเราะฮฺ อะกออิดยี ะฮฺ หนา 122-123 (53) ละกอ็ ด ชยั ยะอะนี อัลหสุ ยั นฺ เชงิ อรรถหนา 238 15

อิมามญะอฟฺ ร อัศศอดิก กลา ววา “อัลลอฮไฺ มไดท รงประทานอายตั อัลกุรอานเกี่ยวกับผูกลับกลอก(มุนาฟก)เวนแตสําหรับผูที่อางตนวาเปนชีอะฮฺ (ผูสนบั สนุนเรา)”(54) อมิ ามอัลกาซิมกลา ววา “ถา หากวาฉนั ทาํ การคัดเลือกชีอะฮขฺ องฉัน แนน อนฉันจะไมพบพวกเขาเวน แตเดก็ รบั ใชเ ทานัน้ และถาหากฉันทํา การทดสอบพวกเขาแนนอนฉันจะไมพบพวกเขา เวนแตบรรดาผูที่นอกรีต(มุรตัด)ทั้งนั้น และถาหากวาฉันทําการชําระ ลางพวกเขาใหส ะอาด แนนอนวา ไมม ีใครสามารถผา นอะลฟี แมแตคนเดยี ว” (55) อิมามอรั ริฎอกลาววา “แทจริงในหมูผูท่ีอางตนวารักพวกเราชาวอะฮฺลุลบัยตฺนั้น มีผูที่เปนอันตรายตอบรรดาผูท่ีสนับสนุนเราย่ิงกวา อนั ตรายของดัจญาลเสียอกี ” (56) 3.2 จดหมายชีอะฮถฺ ึงมืออัลหุเสนฺ กาซิม หะมดั อลั อะหสฺ าอยี  อันนจั ญฟย  กลา ววา “จดหมายนับรอยฉบับไดทยอยถึงมืออิมามอัลหุสัยนฺฉบับแลวฉบับเลาจนเต็มสองถุงใหญ และหนังสือฉบับ สุดทายทชี่ าวกฟู ะฮฺสง มายังทา นโดยผา นฮานีอฺ อัสสะบีอีย และสะอีด บุตร อับดุลลอฮฺ อัลหะนะฟย ดังนั้นทานจึงเปด ออกและอานมัน แลวทานก็พบวา ใจความในจดหมายระบวุ า “ดว ยพระนามของอัลลอฮฺ ผูทรงเมตตาและปรานีเสมอ ถึงอัลหุสัยนฺ บุตร อะลี จากชีอะฮฺ(ผูสนับสนุน)ของบิดา ทาน แทจ ริงประชาชนกําลังรอการมาถึงของทา น และพวกเขาไมเ หน็ วามใี ครที่เหมาะสม(สําหรับตําแหนงเคาะลีฟะฮฺ)อื่น จากทา น ดังนั้นทานจงรบี มาหาอยา งเรง ดว นท่สี ดุ ”(57) อะหฺมดั อันนะฟส กลาววา “จดหมายของชาวกฟู ะฮไฺ ดไ ปถึงอัลหุสัยนฺ โดยมีใจความวา “พวกเรากําลังขาดอิมาม ดังน้ันทานจงรีบมาหาเรา เผือ่ วาอัลลอฮจฺ ะทรงรวมเราบนสัจธรรมดวยการมาของทาน และหนังสือมากมายไดทยอยไปถึงทานพรอมกับลงลายมือ ชอื่ เพื่อเรยี กรองใหท านเดนิ ทางไปยงั กฟู ะฮเฺ พือ่ ืทาํ การบัยอะฮฺ(ใหค าํ สตั ยาบัน) แตงตั้งทานข้ึนเปนเคาะลีฟะฮฺ) และเปน ผนู ําประชาชาติในการตอสูเ พอื่ กําราบบรรดาผลู ะเมดิ ในหมูบ นีอมุ ัยยะฮฺ เชน น้ีแหละท่ีองคประกอบหลักของขบวนการที่ พาดพิงถงึ หสุ ัยนฺไดก อ ตวั ข้ึนจนสมบูรณ นน่ั คือ ประชาชนทวั่ ไปเรียกรองใหมีการเปล่ียนแปลงและยุยง สงเสริม และเรง เราใหอมิ ามอัลหุสัยนฺรบี ข้ึนเปน ผนู าํ ของขบวนการ และสถานทแ่ี หงความตองการ ณ เมืองกูฟะฮฺน้ันดําเนินไปในรูปแบบ ของจดหมายใหคาํ สัตยาบนั ตางๆทมี่ าจากชาวเมอื งกฟู ะฮฺ” (58) มุหัมมัด กาซิม อลั กอ็ ซวฺ ีนีย เลา วา (54) ริญาลอลั กัชชยี  หนา 254 (55) อลั กาผีย 8/228, มจั ญมอู ะฮฺ วะรอม 2/152 (56) วะสาอลิ ชุ ชอี ะฮฺ 11/441 (57) อาชูรออฺ หนา 85, ตุซลฺ ะมซุ ซะฮรฺ ออฺ หนา 141 (58) อะลาคุฏออลั หสุ ัยนฺ หนา 94 16

“แทจริงชาวเมอื งอิรกั ไดติดตอกบั อัลหสุ ยั นแฺ ละเขียนจดหมายถึงทา นและเรียกรอ งใหทานเดินทางไปยังเมืองของ พวกเขาเพ่อื พวกเขาจะไดใ หคําสัตยาบนั และแตง ตัง้ ทานข้ึนเปนเคาะลีฟะฮฺ จนกระท่ังจดหมายของพวกเขาไดมาถึงอัลหุ สัยนฺเปนจํานวนถึง 12,000 ฉบับ ทุกฉบับลวนมีความหมายเดียวกัน น่ันคือ “แทจริงผลไมไดสุกงอมแลว แวนแควนก็ เขยี วขจี สว นทา นกเ็ ดนิ ทางมาสมทบกับกองทหารกลุมใหญของทาน แทจรงิ กองทหารของทานที่เมืองกูฟะฮฺมีจํานวนถึง 100,000 นาย หากทานไมมาหาเรา ดงั น้ันเราจะฟอ งรองและเอาผดิ กับทา นตอหนาพระพักตรของอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ” (59) นกั หะดีษช่ือดงั ของชีอะฮชฺ อื่ อับบาส อลั กุมมีย ระบุวา “จดหมายมากมายไดมาถึงมอื ของอัลหุสัยนฺ จนในวันหนึ่งๆจดหมายมาถึงมือทานมากถึง 600 ฉบับ ซึ่งทั้งหมด นน้ั ลว นมาจากบรรดาผทู ีไ่ มม ีสัจจะในสัญญา ถึงกระน้ันทานก็ยังคงน่ิงเฉยและไมไดตอบกลับไปยังพวกเขา จนกระท่ัง จดหมายไดมาถงึ ทา นเปน มากถงึ 12,000 ฉบบั ”(60) อะลี บุตรมสู า บตุ รญะอฟฺ ร บตุ รฏอวูส อลั หสุ ัยนีย เลา วา “ชาวเมืองกูฟะฮฺไดท ราบขาวการไปถึงนครมกั กะฮฺของอลั หสุ ัยนฺ และไมยอมใหสัตยสาบานแสดงความจงรักภักดี ตอยะซดี ดงั นนั้ พวกเขาจงึ รวมตวั กัน ณ บา นของสุลัยมาน บตุ รศุรอ็ ด อลั คซุ าอีย หลังจากที่พวกเขาไดรวมตัวกันจนครบ แลว สลุ ัยมาน บุตร ศรุ ็อด กล็ ุกขึน้ ใหคาํ ปราศรัย และไดก ลาวในตอนทา ยของคําปราศรยั วา “โอ เหลา ชอี ะฮฺ ท้งั หลาย แทจ รงิ พวกเจา ก็ไดร แู ลว วามุอาวิยะฮฺไดเสียชีวิตแลว และไดกลับคืนสูองคอภิบาลของ เขาแลว และลกู ของเขาที่ช่ือยะซีดไดขึ้นดํารงตําแหนง(เคาะลีฟะฮฺ)แทนเขา และน่ีอัลหุสัยนฺ บุตรอะลี ซ่ึงไมยอมรับกับ การข้ึนดํารงตําแหนง(เคาะลีฟะฮฺ)ของเขา และไดเตลิดไปยังมักกะฮฺเพ่ือหนีใหพนเง้ือมมือของบรรดามารรายแหง ตระกูลอบสู ุฟยาน ในขณะที่พวกเจาเปน ชีอะฮ(ฺ ผูส นับสนนุ )ของทานและเคยเปน ชีอะฮฺ(ผสู นับสนนุ )ของบิดาทานมากอน และในวนั นี้ทานกําลังตองการความชวยเหลือจากพวกเจา ดังน้ันถาพวกเจารูตัววาเปนผูชวยเหลือทาน และพรอมจะ ตอสูกับศัตรูของทาน ดงั นน้ั พวกเจา กจ็ งเขยี นจดหมายไปถงึ ทานเสีย และถาพวกเจา กลัววาจะออนแอและลมเหลว พวก เจา ก็จงอยาทอดทิ้งทานเพียงลาํ พัง”<28> ดงั นั้นพวกเขาจงรบี เขียนจดหมายถงึ ทา น(61) อบั บาส อัลกุมมีย เลา วา “ดังน้ันชาวชีอะฮฺแหงเมืองกูฟะฮฺจึงไดรวมตัวกัน ณ บานของ สุลัยมาน บุตรศุร็อด อัลคุซาอีย แลวก็พูดถึงการ เสยี ชวี ิตของมุอาวิยะฮฺและการใหส ัตยาบนั แกยะซดี หลังจากนัน้ สลุ ัยมานกล็ กุ ข้ึนกลาวคาํ ปราศรัยแกพวกเขาวา “แทจ รงิ พวกเจาก็ไดรับรูแลวถึงการเสียชีวิตของมุอาวิยะฮฺและการขึ้นปกครองแทนเขาของยะซีดผูเปนลูก และ แทจ ริงอัลหุสัยนฺไดคัดคาน(และไมเห็นดว ยกบั การขนึ้ เปน เคาะลฟี ะฮฺของยะซีด) และทานก็ไดเดินทางไปยังนครมักกะฮฺ และพวกเจาในฐานะท่ีเปนชีอะฮฺ(ผูสนับสนุน) ของทานและผูสนับสนุนของบิดาทาน ถาหากพวกเจารูตัววาเปนผูชวย เหลือทาน และพรอ มจะตอ สกู ับศัตรูของทา น ดังนั้นพวกเจาก็จงเขียนจดหมายไปถึงทานเสีย และถาพวกเจากลัววาจะ ออ นแอและลมเหลว พวกเจาก็จงอยาทอดท้ิงทา นเพียงลําพัง” ดังนั้นพวกเขาจึงกลาวขึ้น(เปนเสียงเดียว)วา “ไม (เราจะ (59) ฟาญิอะฮฺ อัลฏ็อฟ หนา 6 (60) มนุ ตะฮา อัลอามาล 1/430 (61) อลั ลุฮูฟ ของ อิบนฏุ อวสู หนา 22, อลั มะญาลิส อัลฟาคเิ ราะฮฺ หนา 58,59, มนุ ตะฮา อัลอามาล 1/430, อะลาคุฏอ อลั หสุ ยั นฺ หนา 93 17

ไมทอดทิ้งทานเพียงลําพัง) แตพวกเราจะตอสูกับสัตรูของทาน และเราจะตอสูดวยเรือนรางของเราเพื่อปกปองทาน” หลังจากน้ันพวกเขาก็เขียนจดหมายในนามของสุลัยมาน บุตรศุร็อด, อัลมุสัยยิบ บุตรนัจญบะฮฺ ริฟาอะฮฺ บุตรชิดาด อลั บะญะลีย, หะบีบ บตุ รมุซอฮริ และบรรดาผสู นบั สนุนชาวกูฟะฮคฺ นอน่ื ๆ ไปยงั อัลหุสัยนฺ และสวนหนึ่งของ ใจความในจดหมายดงั กลาวคือ “ขอความสันติจงประสบแดทาน มวลการสรรเสริญเปนเอกสิทธิของอัลลอฮฺที่ทรงทําใหศัตรูผูด้ือดึงและเปน อันธพาลของทานตองแตกหัก แทจริงตอนนี้พวกเราอยูโดยขาดผูนํา ดังน้ันทานจงรีบมาหาเรา เผื่อวาอัลลอฮฺจะทรง บนั ดาลใหพวกเราไดรวมมอื กันดวยการมาของทานเพอ่ื ผดุงสัจธรรม สว นอนั นอุ ฺมาน บตุ รบะชรี ฺ ผูปกครองเมืองกูฟะฮฺอยู แตในคฤหาสนข องเขาตามลําพงั พวกเราไมร วมละหมาดมุ อัตหรอื ละหมาดญะมาอะฮฺ หรือแมแตละหมาดอีดตามหลัง เขา และหากพวกเราทราบขาว(แนใจ)วาทา นจะเดนิ ทางมาหาพวกเราจริง แนนอนพวกเราจะขับไลเขาออกจากเมืองนี้ให กลบั ไปยงั เมืองชาม อินชาอัลลอฮ”ฺ หลังจากนั้น พวกเขากม็ อบจดหมายใหก บั อับดุลลอฮฺ บุตรมัสมะอฺ อลั ฮัมดานีย และอับดุลลอฮฺ บุตรวาลิน พรอม กบั สงั่ ใหท ้งั สองรีบนาํ จดหมายไปใหอลั หสุ ยั นฺ ดังนน้ั ทั้งสองจงึ รบี ออกเดินทางไปพบอลั หสุ ยั นฺ ณ นครมักกะฮฺ ในวันที่ 10 ของเดือนเราะมะฎอน หลงั จากทีช่ าวกฟู ะฮไฺ ดสง จดหมายไปแลว พวกเขากร็ อดเู หตกุ ารณอยูสองวัน หลังจากน้ันพวกเขา กส็ ง ก็อยส บุตรมสั ฮรั อัศศ็อยดาวีย, อบั ดุลลอฮฺ บุตรชิดาด และอัมมาเราะฮฺ บุตรอับดุลลอฮฺ อัสสะลูลียไปหาอัลหุสัยนฺ พรอมกบั จดหมายจาํ นวน 150 ฉบบั หลงั จากนัน้ พวกเขาก็รอดูเหตกุ ารณตออีกสองวัน แลวก็สงฮานีอฺ บุตรฮานีอฺ อัสสะ บีอีย และสะอีด บตุ รอับดุลลอฮฺ อัลหะนะฟยไ ปหาอัลหุสัยนฺอีก โดยในจดหมายมใี จความวา “ดว ยพระนามของอลั ลอฮผฺ ูท รงเมตตาและปรานีเสมอ ถึงอัลหุสัยนฺ บุตรอะลี จากชีอะฮฺ(ผูสนับสนุน)ของทานที่ เปน ชาวมุสลิมและมุอมฺ ินท้งั หลาย ดงั นัน้ ทานจงรบี เรงเดินทางมาหาพวกเรา เพราะขณะนี้ประชาชนกําลังต้ังตารอคอย การมาเยอื นของทา น และเราไมเห็นใครเหมาะสมสาํ หรับพวกเขานอกจากทา น ดังนั้นจงรีบเดินทางมาอยางเรงดวนท่ีสุด ขอจงประสบแตค วามสันติ” หลังจากน้ัน ชะบัษ บุตรริบอีย, หิญาร บุตรอับญัรฺ, ยะซีด บุตรอัลหาริษ บุตรรุวัยยิม บุตรก็อยสฺ, อัมรู บุตรอลั หจั ญาจญ อซั ซะบดี ยี  และมุหมั มัด บตุ รอัมรู อตั ตะมีมยี  ก็ไดเขียนจดหมายไปถงึ ทา นอีกโดยมีใจความวา “แทจรงิ แวนแควน ไดกลายเปน สเี ขยี วขจีไปหมดแลว และผลไมก ก็ ําลงั สกุ งอมอยา งเตม็ ท่ี ดังน้ัน หากทานมีความ ประสงคก็จงมาหาทหารของทานที่กําลังชุมนุมอยู และความสถาพร ความปรานี และความประเสริฐของอัลลอฮฺจง ประสบแดทาน” (62) 3.3 อลั หุสัยนสฺ ง มสุ ลมิ บตุ รอะกีล รฎิ อ หสุ ัยนฺ ศุบหฺ อัลหะสะนยี  เลาวา “ดังนนั้ มสุ ลิม บุตรอะกลิ จึงเดินทางออกจากมกั กะฮฺในกลางเดือนเราะมะฎอน และไปถึงยังกูฟะฮฺในวันที่ 5 ของ เดอื นเชาวาล และชาวชีอะฮฺก็ทยอยกันมาใหสัตยสาบานตนแสดงความจงรักภักดีตอมุสลิม(ในฐานะตัวแทนของอัลหุ (62) มุนตะฮา อลั อามาล 1/430, อลั ลฮุ ฟู หนา 22, อัลมะญาลสิ อลั ฟาคิเราะฮฺ หนา 58 18

สัยนฺ) จนกระทั่งมีจํานวนถึง 18,000 นาย และในรายงานของ อัชชะอฺบีย ระบุวาผูที่ไปใหสัตยสาบานตนกับมุสลิมมี จาํ นวนถงึ 40,000 นาย”(63) ฮาชิม มะอรฺ ูฟ อัลหะสะนีย เลา วา “ในบางกระแสรายงาน ดูเหมือนวา มสุ ลมิ บุตรอะกีล ไดร สู ึกวาลางไมคอยดีนักในการเดินทางของทานในครั้งน้ัน เพราะทานตระหนักดีวา ชาวอริ กั น้นั มนี ิสัยท่พี ลกิ แพลงอยูตลอดเวลา และมจี ุดยนื ที่คดงอและเพิกเฉยตออะมีรุลมุอฺมินีน (อะลี)ผูเปน ลงุ ของทาน ซ่ึงปรารถนาท่จี ะสละท้ิงพวกเขาดวยการตายจากหรือถูกฆาตายเสีย และการทรยศของพวกเขา ตออัลหะสนั ลูกพ่ลี กู นอ งของทานจนทาํ ใหท า นจําตองสละอํานาจการปกครองและมอบใหกับมุอาวิยะฮฺ และแทจริงทาน ไดพยายามอธิบายอยางตรงไปตรงมาเพ่ือใหอัลหุสัยนฺตระหนักในส่ิงดังกลาว แตอัลหุสัยนฺกลับยืนกรานท่ีจะใหทาน ปฏบิ ตั ิภารกิจอันสาํ คญั ใหจ งได และกลา วหาวา ทานเปนคนทข่ี ้ีขลาดและไมฉลาด ดังน้ันทานจึงเดินทางไปในสภาพของ คนท่ีตอ งประสบกับโชครา ยอนั เนื่องจากภารกิจสําคัญในครั้งน้ี และหลังจากที่หนึ่งสองผูนําทางของทานไดเสียชีวิตลง กลางทางเพราะความกระหาย หลังจากท่ีพวกเขาไดหลงทาง ทานจึงเขียนจดหมายไปถึงอัลหุสัยนฺอีกครั้งเพ่ือขอให ลมเลิกภารกิจในคร้ังนี้ แตอัลหุสัยนฺยังคงคะยั้นคะยอใหทานเดินทางไปยังเมืองกูฟะฮฺใหจงได ดังนั้นทานจึงจําตอง เดินทางไปจนถึงเมืองกูฟะฮฺและชาวกูฟะฮฺก็ตอนรับทานดวยความยินดียิ่ง แลวพักอยูบาน อัลมุคตารฺ บุตรอบีอุบัยดฺ อัษษะเกาะฟย แลวทานก็เริ่มออกไปพบปะผูคนเพื่อเชิญชวนใหภักดีตออัลหุสัยนฺ จนกระทั่งผูท่ีใหสัตยสาบานตน เพ่อื ทจ่ี ะรว มเปน รวมตายมจี ํานวน 40,000 นาย และในบางรายงานระบุวามีจํานวนนอยกวานั้น สวนอะมีรเมืองกูฟะฮฺ ของยะซดี ในขณะน้ันคือ อันนอุ ฺมาน บุตรบะชรี ทานเปนคนท่ีชอบสันติไมชอบความแตกแยกและชอบท่ีจะโอนออนและ ใหอ ภัยเสมอ”(64) อับดลุ หุสัยนฺ ชะเราะฟุดดีน อลั มสู ะวยี  เลา วา “ชาวชอี ะฮฺทยอยกนั เดินทางไปหามุสลิม บตุ รอะกีลจนกระทัง่ อนั นอุ มฺ าน บุตรบะชีรทราบเร่ือง (ขณะนั้นทานเปน วะลีของเมอื งกูฟะฮฺซึ่งแตงตั้งโดยมอุ าวิยะฮแฺ ละยะซีรก็เห็นดวย) และทราบถึงสถานท่ีที่มุสลิมพักพิงอยู แตทานก็ไมได สรางความเดอื ดรอนตอมสุ ลมิ แตอยางใด” (65) <31> อับดุรรอ็ ซซฺ าก อลั มูสะวีย อลั มกุ ฺริม เลาวา “และชาวชอี ะฮไฺ ดตอ นรบั มุสลิม ณ บานของ อัลมุคตารฺ ดวยความปติยิ่ง และแสดงออกถึงความจงรักภักดีและ ยอมปฏิบตั ิตามทาํ ใหม สุ ลิมรสู กึ ยนิ ดีและร่ืนเริง และชาวชีอะฮกฺ ็เร่ิมทยอยไปใหสัตยสาบานตนตอทานจนมีระบุในสมุด บันทกึ วามจี าํ นวนถึง 18,000 นาย และบางรายงานระบวุ ามีจํานวนถงึ 25,000 นาย และในรายงานของอัชชะอฺบียระบุวา บรรดาผูท ่ไี ปใหสัตยสาบานมีจํานวนถึง 40,000 นาย ดังนั้นมุสลิมจึงเขียนจดหมายถึงอัลหุสัยนฺโดยผาน อับสฺ บุตรชะ บบี อชั ชากิรยี  เพื่อแจง ขา วใหท ราบถึงการรวมตวั ของชาวกฟู ะฮเฺ พอ่ื จงรักภักดีตอทานกําลังรอทานอยู โดยทานไดกลาว ในหนงั สอื วา (63) อชั ชีอะฮฺ วะอะชรู ออฺ หนา 167 (64) สเี ราะฮฺ อัลอะอมิ มะฮฺ อัลอษิ นัย อะชะเราะ 2/57-58 (65) อัลมะญาลสิ อัลฟาคิเราะฮฺ หนา 61 19

“ผนู ํายอ มไมโ กหกตอ ครอบครวั ของเขา และแทจริงชาวกูฟะฮฺไดใหสัตยสาบานตนตอฉันเปนจํานวนถึง 18,000 นาย...” (66) อบั บาส อัลกุมมีย เลา วา “อัลมุฟด และทานอื่นๆกลาววา “ประชาชนไดใหสัตยสาบานตนตอมุสลิม บุตรอะกีล จนมีจํานวนถึง 18,000 นาย ดังนั้น มุสลิมจึงเขียนจดหมายแจงไปยังอัลหุสัยนฺถึงขาวการใหสัตยสาบานของชาวกูฟะฮิที่มีจํานวนถึง 18,000 นายนัน้ และส่ังใหทานเดินทางไปยังเมอื งกูฟะฮฺ”(67) อบั บาส อัลกมุ มยี  ยังเลา อกี วา “และในรายงานขา งตนยงั ระบุวา ชาวชีอะฮฺไดเ ริม่ ทยอยกันไปยังบาน ฮานีอฺ อยางลับๆและซอนเรน เพ่ือใหสัตย สาบานตนตอมุสลิม และทานก็ส่ังใหทุกคนท่ีมาหาทานสาบานตนวาจะปกปดและไมแพรงพรายเร่ืองดังกลาว ดังน้ัน เหตุการณดงั กลาวจึงดําเนินไปจนกระทั่งผทู ม่ี าใหส ตั ยส าบานตนมีจํานวนถึง 25,000 นาย ในขณะท่ีอิบนุซิยาด ยังไมรู วาพวกเขาใชสถานทีใ่ ดสําหรบั การพบปะ” (68) 3.4 อลั หสุ ัยนฺเดินทางไปกฟู ะฮฺ อับบาส อลั กมุ มยี  และอับดลุ ฮาดี อัศศอลหิ ฺ ระบวุ า เมื่ออลั หสุ ัยนฺตอ งการจะเดินทางออกจากมักกะฮฺน้ัน ทานจึง ทําการเฏาะวาฟ สะแอ ขลิบผม และตะหัลลุลจากอิหฺรอมหัจญ เพราะทานไมสามารถที่จะทําหัจญใหเสร็จสมบูรณได เพราะกลัววาจะถูกจับกุมหรอื ถกู สงั หารทมี่ ักกะฮเฺ สียกอ น และไดรวบรวมพีน่ องของทานในคนื ท่ี 8 ของเดือน ซุลหิจญะฮฺ แลว กลา วปราศรัยแกพ วกเขาวา “มวลการสรรเสริญเปนเอกสิทธิของอัลลอฮฺ ส่ิงที่อัลลอฮฺทรงประสงคยอมตองเกิดขึ้น และไมมีอํานาจใดๆ นอกจากดวยความ ชวยเหลือของอัลลอฮฺเทาน้ัน และความสถาพรจงประสบแดศาสนทูตของพระองค พระองคทรง กําหนดเสน ตายแกล กู หลานอาดมั ... ความรักความหว งใยทีน่ บยี ะอฺกบู มตี อ นบีซู ุฟกอ นหนาเราไมไดทําใหฉันเศราโศก เสยี ใจแตอยา งใด และพระองคทรงใหฉนั เลอื กสถานทฆ่ี าตกรรมที่ฉันจะตองพานพบ เสมือนกับวาเรือนรางของฉันถูกฉีก ขาดโดยจง้ิ จอกทะเลทรายที่อาศัยอยรู ะหวา งนะวาวีสและกัรบะลาอฺ แลวมันก็กัดกินและกลืนชิ้นสวนของรางกายฉันลง ในกระเพาะดว ยความอยากและหวิ โหย ไมมีท่ีท่ีจะหลบหนีจากวันที่พระองคไดทรงกําหนดดวยปากกา เม่ืออัลลอฮฺทรง โปรดปรานเราชาวอะฮฺลุลบัยตฺก็พึงพอใจดวย เราจะอดทนตอการทดสอบของพระองค และหวังวาพระองคจะทรงตอบ แทนเราดวยผลบญุ ของบรรดาผอู ดทนอยางเตม็ เปย ม...” (69) ดร. อะหฺมดั รอสมิ อันนะฟส เลา วา “นกั กวที ชี่ อ่ื ฟะรัซดฺ ักไดพบกับกองคาราวานของอัลหุสัยนฺ ดังนั้นเขาจึงใหสลามทานแลวถามทานวา “โอหลาน ของทา นรสูลลุ ลอฮฺ มอี ะไรถึงทําใหท านตองรีบเสร็จจากการทาํ หัจญ?” ทา นจงึ ตอบวา “ถาฉนั ไมร บี เสร็จจากการทําหัจญ แนนอนฉันตองถูก...” หลังจากนั้นอัลหุสัยนฺก็ไดสอบถามเก่ียวกับประชาชนชาวกูฟะฮฺ ฟะรัซฺดักจึงตอบวา “จิตใจของ (66) มกั ตัล อัลหุสยั นฺ หนา 147, มะอฺสาต อหิ ฺดา วะสติ ตีน หนา 24 (67) มนุ ตะฮา อัลอามาล 1/436 (68) มุนตะฮา อลั อามาล 1/437 (69) มนุ ตะฮา อัลอามาล 1/453, คอ็ ยรลุ อศั หาบ หนา 33 20

พวกเขาอยกู บั ทา น แตคมดาบของพวกเขาจองท่ีจะสงั หารทาน” ดงั นนั้ อัลหะสัยนจฺ งึ กลา ววา “เจาพูดถูก แตกิจการตางๆ เปน กรรมสทิ ธ์ขิ องอลั ลอฮฺ และทุกๆวันจะอยูในความดูแลของพระองค หากแมนวาพระองคทรงลิขิตเราในส่ิงท่ีเราชอบ <33>และเราพอใจเราก็ขอขอบคณุ พระองคใ นความโปรดปรานของพระองค และหากแมนวาพระองคทรงลิขิตในส่ิงท่ีเรา ไมพ งึ ปรารถนา ดงั นัน้ จงึ ไมหางไกลนกั สําหรบั ผทู ีม่ เี จตนาบรสิ ทุ ธ์แิ ละมีวิถีการดาํ เนนิ ชีวติ ทีย่ ําเกรง”(70) อะลี บตุ รมูสา บุตรญะอฺฟร บุตรฏอวูส อลั หสุ ยั นยี  เลา วา “นกั รายงานเลาวา หสุ ัยนฺไดเดินทางไปกอ นถงึ กูฟะฮฺประมาณสองชวงการเดินทาง จๆู ทา นก็พบกับอัลหุรฺ บุตรยะ ซีด พรอมกบั หนว ยทหารอีก 1,000 นาย ดังนั้นอลั หุสัยนฺจึงกลาวแกเขาวา “เจามาเพ่ือใหความชวยเหลือเราหรือมาเพื่อ สังหารเรากันแน?” เขาจงึ ตอบวา “หามไิ ด เรามาเพื่อสังหารทาน โออบูอับดิลลาฮฺ” ดังน้ันอัลหุสัยนฺจึงกลาวขึ้นวา “ไมมี อํานาจและความสามารถใดๆเวนแตดว ยความชวยเหลือของอลั ลอฮผฺ ูทรงยง่ิ ใหญแ ละสูงสง ” หลังจากนั้นก็เกิดการปะทะ คารมกันระหวางทงั้ สอง จนกระทั่งอัลหุสัยนฺไดกลาวแกเขาวา “ถาหากวาทานไมไดเปนอยางท่ีมีระบุไวในจดหมายอัน มากมายของพวกเจาที่เขียนมาถึงฉัน และไมไดเปนไปตามที่บรรดาตัวแทนของพวกเจาไดมาหาฉัน ดังนั้นฉันก็ขอ เดนิ ทางกลับไปยงั ทีท่ ่ีฉนั มา ดงั นนั้ อัลหุรแฺ ละพวกพอ งของเขาจึงรัง้ ทานไว แลว อัลหุรกฺ ลา วกแ็ กทานวา “แตทวา โอหลาน ของทา นรสลู เจา ตองเลือกเอาวิธีการใดกไ็ ดที่ไมใ ชก ลบั ไปยงั มะดีนะฮฺหรือเดนิ ทางเขากูฟะฮฺ แนนอนวาขาจะไดมีเหตุผล บอกแกอิบนุซิยาดไดวาทานไดคลาดเสนทางกับขา” ดังน้ันอัลหุสัยนฺจึงเลียบไปทางซายจนถึงเขตท่ีมีช่ือวาอะซีบอัล ฮะญานาต” (71) อายะตุลลอฮฺ มหุ ัมมดั ตะกีย อาล บหั รฺ ลุ อลุ ูม เลาวา “อลั หุสัยนไฺ ดเ ดินทางออกจากมกั กะฮใฺ นสภาพที่นุงผาถุง ผาสไบและรองเทาแตะอีกคูหนึ่ง จนกระท่ังทานไดพบ กบั ชาวกฟู ะฮฺ ดงั น้ันทานจึงสรรเสริญอัลลอฮฺและชมเชยพระองคแลวกลาวแกพวกเขาวา “แทจริงกิจการน้ีอยูในกํามือ ของอัลลอฮฺแลวกํามือของพวกเจา และแทจริงฉันไมคิดที่จะเดินทางมาหาพวกเจาจนกระท่ังจดหมายของพวกเจาได ทยอยมาถงึ ฉัน ซึง่ ถกู สงไปยังฉนั โดยผา นตัวแทนของพวกเจา วา “กรุณาเดินทางมาหาพวกเรา เพราะพวกเรากําลังขาด ผูนํา และหวังวาอัลลอฮฺจะทรงรวมเราอยูบนบนทางนําดวยการมาของทาน” และหากวาพวกเจายังคงมีจุดยืนเชนนั้น ดังนั้นฉันก็ไดม าหาพวกเจาแลว เพราะฉะนนั้ พวกเจาจงแสดงใหฉันเห็น<34>ถึงคํามั่นสัญญานั้นเพื่อฉันจะไดสบายใจ และหากวา การมาของฉนั ทําใหพวกเจา ตองลําบากใจ ฉันก็จะแยกยายจากพวกเจากลับคืนสูสถานที่ที่ฉันมา ดังน้ันพวก เขาทุกคนจึงน่งิ เงียบ หลังจากนั้นอัลหจั ญาจญ บตุ รมสั รูกก็อะซานเพอ่ื ละหมาดซฮุ รฺ ิ อัลหุสยั นจฺ งึ กลา วแกอ ลั หุรรวฺ า “เจา จะละหมาดพรอมกับพวกพองของเจาใชไหม?” อัลหุรฺตอบวา “ไม แตพวกเราทุกคนจะละหมาดพรอมกับทาน” ดังน้ัน อลั หุสยั นฺจึงละหมาดกบั พวกเขา หลังจากท่ีเสร็จจากการละหมาดแลว อัลหุสัยนฺก็หันหนาไปทางพวกเขา แลวกลาวคํา ปราศรัยวา “โอม นษุ ยเอย แทจรงิ ถา หากวาพวกเจายําเกรงอัลลอฮฺและสํานึกในสิทธิของเจาของมัน พวกเจาก็จะเปนผู ท่ีอลั ลอฮทฺ รงพอใจทสี่ ดุ และเราผูเปนครอบครัวของทานรสูลุลลอฮฺเหมาะสมท่ีจะเปนผูดํารงตําแหนงดังกลาวมากกวา บรรดาผูที่แอบอางในส่ิงท่ีไมใชของพวกเขา และบรรดาผูท่ีดําเนินกิจการดวยความอธรรมและเปนศัตรู และถาหากวา พวกเจาไมย อมรบั เราเพราะไมพอใจตอ พวกเรา และไมร ูถึงสิทธิของเรา และความคิดของพวกเจาขณะน้ีตรงขามกับสิ่งที่ (70) อะลาคุฏออัลหุสยั นฺ หนา 99-100, อชั ชอี ะฮฺ วะอะชรู ออฺ หนา 178 (71) อัลลฮุ ูฟ หนา 47, อลั มะญาลิส อัลฟาคเิ ราะฮฺ หนา 87 21

พวกเจา ไดระบุไวในจดหมายทถ่ี กู สง ไปถึงฉัน ฉนั กจ็ ะจากพวกเจาไป” ดังน้ันอัลหุรฺจึงกลาวข้ึนวา “ฉันไมรูวาทานพูดถึง หนังสืออะไร?” ดังน้ันอัลหุสัยนฺจึงส่ังใหอุกบะฮฺ บุตรสัมอาน นํายามทั้งสองใบที่เต็มไปดวยจดหมายออกมา อัลหุรฺจึง กลาววา “แทจริงฉันไมไดอยูในกลุมพวกน้ัน และแทจริงฉันถูกสั่งไมใหฉันแยกทางจากทานจนกวาฉันจะนําทานไป พบอิบนุซิยาดท่ีเมืองกูฟะฮฺ” ดังน้ันอัลหุสัยนฺจึงกลาววา “ความตายยอมเปนการงายกวาสิ่งนั้นสําหรับเจา” แลวอัลหุ สัยนฺกส็ ง่ั ใหพ รรคพวกทมี่ าดว ยกนั กลับขน้ึ พาหนะ ดังนน้ั อัลหรุ ฺจึงเขาขัดขวางกลมุ ของอัลหุสัยนฺไมใหเดินทางกลับไปยัง มะดีนะฮฺ ดังนนั้ อัลหสุ ยั นฺจึงกลาวแกอลั หรุ ฺวา “ขอใหแมเจา ตาย(ฉิบหาย)ไปจากเจา เจาตองการอะไรจากเรา?” อัลหุรฺจึง กลาววา “ถาเปน ชาวอาหรับอื่นจากเจากลา วแกฉ ันเชนน้ี ฉนั จะไมป ลอยใหเขาสามารถกลาวสาปแชงนี้อีกอยางแนนอน ฉนั ขอสาบานดว ยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันไมเ คยกลาวถงึ แมข องทาน เวนแตในสภาพที่ฉันยกยองท่ีสุด แตทวา ระหวาง เราขอใหพบกันคร่ึงทาง น่ันคือเราจะไมพาทานไปยังกูฟะฮฺและทานตองไมกลับไปยังมะดีนะฮฺ เพ่ือใหเราสามารถหา ขออางแกอบิ นุซยิ าดได เผื่อวาอลั ลอฮฺจะทรงประทานความปลอดภัยแกเราทกุ คน และฉนั ก็จะไดไมถูกลงโทษเพราะเรื่อง ของทา น”(72) และมนี กั เขียนชั้นแนวหนาและนาเช่ือถือของชีอะฮฺจํานวนไมนอยท่ีไดบันทึกและเลาเหตุการณความพยายาม ของอัลหสุ ยั นเฺ พือ่ จะเดนิ ทางกลับไปยังมะดีนะฮหฺ ลงั จากทท่ี า นถูกชีอะฮทฺ รยศและหักหลงั อาทเิ ชนอับบาส อัลกุมมีย(73), อับดรุ รอ็ ซซาก อัลมสู าวยี  อลั มุกรมิ (74), บากิร ชะรีฟ อัลกุเราะชีย(75), อะหฺมัด รอสิม อันนะฟส(76), ฟาฎิล อับบาส อัลหะ ยาวีย( 77), ชะรฟี อัลยะวาฮริ ยี (78), อะสัด หยั ดัร(79), อัรวา เกาะศรี เกาะลีฏ(80), มุหฺสิน อัลหุสัยนีย(81), อับดุลฮาดี อัศศอลิหฺ (อางโดยอบั ดุลหุสยั นฺ ชะรฟิ ุดดีน)(82) และเราะฎีย อลั ก็อซวีนยี (83) อับบาส อัลกมุ มยี  ยังเลา อีกวา “อลั หุสัยนฺไดเดินทางจนถึงคฤหาสถบ นีมกุ อตลิ แลวทานก็พบวามเี ตน็ ทกางอยู มีหอกที่ถูกปกไว และมาที่กําลัง ยืนอยู ดังน้ันอัลหุสัยนฺจึงกลาวขึ้นวา “เต็นทของผูใดกัน?” พวกเขาจึงตอบวา “เปนเต็นทของอุบัยดิลลาฮิ บุตรอัลหุรฺ อลั อุ ฟฺ ย  อัลหสุ ยั นฺจึงสง อัลหัจญาจญ บตุ รมสั รูก อลั อุ ฟฺ ย ใหไปหา หลงั จากทมี่ กี ารโตตอบสลามกันแลว อุบัยดุลลอ ฮฺจึงถามขึ้นวา “มีอะไรอยูหลังทาน” หัจญาจญจึงตอบวา “ขางหลังฉัน <36> โออิบนุลหุรฺ แทจริงอัลลอฮฺไดทรงมอบ (72) วากิอะฮฺ อลั ฏ็อฟฟฺ ของบะหฺรลุ อุลมู หนา 191-192 (73) มุนตะฮา อัลอามาล หนา 464, นัฟสุ อลั มะฮฺมมู หนา 170 (74) มกั ตลั อลั หสุ ยั นฺ หนา 183 (75) ฟ หะยาต อัลอิมาม อลั หสุ ัยนฺ หนา 102 (76) อะลาคฏุ อ อลั หุสัยนฺ หนา 102 (77) มักตัล อลั หุสยั นฺ หนา 11 (78) มุษีรลุ อะหซฺ าน หนา 43 (79) มะอัลหุสยั นฺ ฟ นะฮเฺ ฎาะติฮี หนา 165 (80) คฏุ อ็ บ อลั มะสีเราะฮฺ อัลกรั บะลาอยิ ะฮฺ หนา 49 (81) อลั อมิ าม อัลหุสัยนฺ บะศีเราะฮฺ วะหะฎอเราะฮฺ หนา 82 (82) อัลมะญาลสิ อัลฟาคเิ ราะฮฺ หนา 87 (83) ตซุ ลฺ ะมุ อซั ซะฮรฺ ออฺ หนา 174 และตอ จากนั้น 22

ความประเสริฐใหแกเจาเพื่อใหเจารับไว” อุบัยดุลลอฮฺจึงถามวา “มันคืออะไรหรือ?” ดังนั้นหัจญาจญจึงตอบวา “น่ัน คอื อัลหสุ ัยนฺ บตุ รอะลี ทานจะมาเชญิ ชวนเจาใหช วยเหลือทา น ถา หากเจา ตอสูพรอ มกับทา น เจา กจ็ ะไดรบั การตอบแทน จากอัลลอฮฺ และถาหากเจาถูกฆาตาย เจาจะตายชะฮีด” ดังน้ันอุบัยดุลลอฮฺ จึงกลาววา “ขอสาบานดวยพระนาม ของอัลลอฮฺ โอ หจั ญาจญเอย ฉนั ไมไดอ อกมาจากเมอื งกฟู ะฮฺมาปกหลกั อยู ณ ท่ีนี่ เวนแตเพราะฉันกลัววาอัลหุสัยนฺจะ เดินทางเขากูฟะฮฺขณะท่ีฉันอยูที่น่ัน แตฉันก็ไมสามารถใหความ ชวยเหลือทานได เพราะแทจริงไมมีชีอะฮฺคนใดหรือ ผูช วยคนใดที่เมืองกูฟะฮฺ เวน แตล วนเปน ผูที่ชมชอบทางโลก นอกจากไมก ี่คนเทานั้นที่อัลลอฮฺทรงปกปองพวกเขา ดังน้ัน เจาจงกลับไปและบอกทานเก่ียวกับส่ิงดังกลาว” ดังนั้นอัลหุสัยนฺ จึงลุกข้ึนสวมรองเทาและเดินเขาไปหาอุบัยดิลลาฮฺ พรอมๆกบั พรรคพวกของทานและครอบครัว หลังจากท่ีทานเขาไปในเต็นทและใหสลามแลว อุบัยดิลลาฮฺก็โดดเขากอด จูบมอื งและเทา ของทาน แลวหุสัยนฺก็น่ังลง แลวกลาวแกอุบัยดิลลาฮฺวา “โอ อิบนุลหุรฺ แทจริงชาวเมืองของพวกเจาได เขียนจดหมายไปถงึ ฉนั และไดแจงแกฉ นั วาพวกเขาพรอ มท่จี ะชวยเหลือฉนั และพวกเขาก็ไดเรียกรองใหฉันมาหาพวกเขา ดังน้ันฉันจึงเดินทางมา แตเหตุการณไมไดเปนอยางท่ีพวกเขาคิด ดังน้ันฉันจึงขอเชิญชวนเจาใหชวยเหลือเราอะฮฺ ลุลบยั ตฺ เพราะถาหากวาเราไดส ิทธขิ องเรากลับคืนมาเราก็ขอสรรเสริญอัลลอฮฺและเราขอนอมรับมัน และถาหากเราถูก ขัดขวางจากสทิ ธิท่เี ราพึงไดร บั และเราอธรรมเจาก็จะไดเปน ผูชว ยเหลอื เราอีกคนหนึ่งในการเรียกรองสทิ ธิอันชอบธรรม” อุบัยดิลลาฮฺจึงกลาววา “โอหลานของทานรสูลและครอบครัวของทาน หากแมวาท่ีเมืองกูฟะฮฺมีชีอะฮฺ (ผสู นบั สนนุ )และผูชว ยเหลอื ทีย่ อมตอสเู คยี งบาเคียงไหลกับทาน แนนอนวาฉันน่ีแหละท่ีจะเปนผูท่ีเขมแข็งที่สุดในหมู พวกเขา แตท วา ฉันเห็นบรรดาชีอะฮฺของทา นท่เี มืองกฟู ะฮฺตา งละท้ิงบา นเรอื นของตนเพราะเกรงกลัวตอคมดาบของบนีอุ มัยยะฮฺ” ดงั น้ันอลั หุสยั นจฺ งึ เดินผละจากเขาไป...(84)” 3.5 มสุ ลมิ บตุ รอะกีลถูกหกั หลัง ฮาชมิ มะอรฺ ูฟ กลาววา “แทจริงเจาเมืองคนใหมสามารถใชเลหกลที่แนบเนียนเพ่ือจับกุมฮานีอฺ บุตรอุรวะฮฺผูซ่ึงใหท่ีพักพิงแก(มุสลิม บุตรอะกลี )ตวั แทนของอลั หสุ ยั นฺ และไดใหก ารดูแลเขาเปน อยางดี ท้ังยงั มีสวนรวมในการเสนอความคิดเห็นและวางแผน แตเขากลับถูกจบั และถกู สงั หารในทส่ี ดุ หลงั จากที่ไดมกี ารเจรจากันระหวางทั้งสองเปนเวลานาน และรางของเขาถูกโยน ลงมาจากคฤหาสนต กลงมาตอ หนา ประชาชนท่ีมาหอมลอมรอบๆตัวเขา ดังน้ันความหวาดกลัวและออนแอจึงไดเขามา ครอบงําจิตใจของพวก เขาและทุกคนตางก็กลับไปยังบานของตนเสมือนกับวาเหตุการณดังกลาวไมเกี่ยวของอะไรเลย กบั พวกเขา”(85) มหุ มั มัด กาซมิ อัลก็อซวีนีย เลา วา (84) มุนตะฮา อัลอามาล 1/466 และในเชิงอรรถ หนา 177 ของหนังสอื เลมเดียวกัน (85) สเี ราะฮฺ อัลอะอมิ มะฮฺ อลั อิษนัย อะชะเราะ 2/61 23

“หลงั จากทอ่ี ิบนซุ ยิ าดเขา มายงั กูฟะฮฺ เขากไ็ ดส ง สารไปยังหัวหนาหมูบานและหัวหนาชนเผาตางๆเพ่ือขมขูพวก เขาดวยกองทัพแหงเมืองชาม พรอมกับใหเคร่ืองยังชีพแกพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงคอยๆแยกตัวออกจากมุสลิมจน สดุ ทายเหลอื มุสลิมอยแู ตเ พยี งลําพัง”(86) อบั ดุลหะสัน นูรุดดนี อัลกามลุ ยี  กลา ววา “ดังนนั้ ประชาชนจึงเริม่ ตีตัวออกหางจากเขา สตรแี ตละคนตางก็จะไปหาลูกและพี่นองของนางแลวกลาวแกพวก เขาวา “จงออกหางจากเขาเสีย”... ดังนั้นพวกเขาจึงทยอยกันออกหางจากมุสลิมจนบายวันหน่ึงขณะที่อิบนุอะกีล ละหมาดมฆั ริบเขาพบวามคี นมาละหมาดกบั เขาเพียง 30 คน ดังน้ันเขาจึงเดินออกจากมัสญิด จนในท่ีสุดก็ไมเหลือใคร เลยแมแตค นเดยี ว”(87) นแี่ หละคอื ส่งิ ท่มี สุ ลมิ บตุ รอะกีลเคยสงั หรณมากอน เม่ือครั้งที่ทานขอรองใหอัลหุสัยนฺปลดทานออกจากหนาที่ อันสําคัญนี้ เน่ืองเพราะทานทราบดีถึงความสับปลับและทรยศของชีอะฮฺตออะลีผูเปนลุงของทาน และอัลหะสัน และ วันนส้ี ่ิงท่ที า นเคยคาดคะเนไวเปน ความจริงข้ึนมาแลว และแลวมุสลิมก็ถูกสังหารตอหนาตอตาบรรดาผูที่เช้ือเชิญทาน มาและบรรดาผทู ี่สัตยสาบานตอ ทา นในนามของอลั หสุ ัยนฺ อับดุลหุสัยนฺ ชะเราะฟุดดนี ไดระบถุ ึงเหตกุ ารณการทรยสของชาวชีอะฮรฺ นุ กอน<38>ที่มตี อ มุสลิม บุตรอะกีลวา “แตทวา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไดทําลายคําสัตยสาบาน และลมเลิกสัญญาที่เคยใหไว และไมเคยยืนหยัดบน สัญญา และไมปฏบิ ัติตามขอ ตกลงทีม่ ใี ห ดงั นัน้ ทา นจึงตองประสบกบั เหตุการณที่เลวรายที่สุด...โดยที่สัตรูไดเขามาหา ทา นทง้ั ทางทิศใตแ ละทศิ เหนือ และไดโ อบลอ มทา นทว่ั ทกุ ดาน ในขณะที่ทานมีเพียงทานคนเดียวโดดๆ ไมมีผูชวยเหลือ และไมม ีผสู นับสนุนแมแ ตคนเดยี ว...จนกระท่งั ทา นตกเปน เชลยศกึ อยใู นเงื้อมมอื ของศัตรู” (88) ขาวท่เี ศราสลด อบั บาส อัลกุมมยี  เลา วา “หลังจากน้นั อัลหุสยั นกฺ ไ็ ดแตรอเวลา จนกระทั่งเวลากอนรุงอรุณ ทานจึงสั่งเด็กๆท้ังชายและหญิงมาพรอมกับ ทานใหเตรียมนํ้าไวมากๆ หลังจากน้ันกองคาราวานของทานก็ออกเดินทางตอจนกระทั่งถึงเขตซะบาละฮฺ ก็มีขาคราว เกีย่ วกบั อับดลุ ลอฮฺ บุตรยกั ตริ มาถึงทา น ดังนั้นทา นจงึ เรียกพรรคพวกใหร วมตวั กนั และนําหนังสือฉบับหนึ่งออกมาอาน ใหท ุกคนฟง ทันใดน้ันเนื้อความในหนงั สอื มีวา “ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ผูทรงเมตตาและปรานีเสมอ แทจริงไดมีขาวท่ี นาเศราสลดยง่ิ มาถงึ ฉนั มสุ ลิม บุตรอะกลี , ฮานีอฺ บุตรอุรวะฮฺ และอับดุลลอฮฺ บุตรยักตีร ทุกคนลวนถูกสังหารสิ้น และ แทจรงิ ชอี ะฮผฺ สู นบั สนุนเราไดทรยศตอเรา ดงั น้ันผูใ ดในหมูพวกเจาพอใจที่จะกลับก็อนุญาตใหกลับไดโดยปราศจากขอ (86) ฟาญิอะฮฺ อัลฏ็อฟ หนา 7 และในความหมายเดียวกันน้ีใน ตุซฺละมุ อัซซะฮฺรออฺ หนา 149 และดู สะฟร อัลหุสัยนฺ มุสลิม บุตรอะกีล หนา 50 และตอ จากนัน้ และหนา 113 (87) มะอฺสาต อหิ ดฺ า วะสิตตนี หนา 27 (88) อัลมะญาลิส อัลฟาคเิ ราะฮฺ หนา 62 24

ผูกมัดใดๆ” ดังนั้นบรรดาผูที่ติดตามทานมาตางก็แยกสลายกันไป จนเหลือเพียงครอบครัวของทานและมิตรสหายท่ี ใกลช ิดทา นเทาน้ัน ซ่งึ ยังคงยนื หยดั อยอู ยางเช่ือมน่ั และศรทั ธา”(89) 3.6 อัลหสุ ัยนฺ ณ แผนดนิ กัรบะลาอฺ อับดรุ รอ็ ซซาก อลั มสู าวีย อัลมุกริม เลาวา “หสุ ัยนฺไปเดิน ณ แผนดนิ กรั บะลาอฺ เมอ่ื วนั ที่ 2 ของเดือนมุหัรรอ็ ม ป 61 ฮ.ศ.”(90) สว นอับบาส อลั กมุ มีย เลาวา “มคี วามขดั แยง กนั ในเร่อื งของวนั ที่อลั หุสยั นไฺ ปถงึ ณ แผน ดินกัรบะลาอฺ และทัศนะที่ถูกตองคือ ทานไปถึงกัรบะ ลาอใฺ นวนั ที่ 2 ของเดือนมุหัรร็อม ป 61 ฮ.ศ. หลังจากท่ีทานถึงที่นั่น ทานก็ถามขึ้นวา “ท่ีนี่มีช่ือวาอะไร ?” มีคนตอบวา “กัรบะลาอฺ” ดังนั้นทานจึงกลาววา “โอองคือภิบาลของฉัน ฉันขอความคุมครองตอทานจาก กัรบฺ (ความโศกเศรา) และบะลาอฺ (ความเจ็บปวด)”(91) มหุ มั มดั ตะกยี  อาลบะหฺรุลอลุ ูม เลาวา “บรรดาผูเชย่ี วชาญดานสเี ราะฮฺ(ประวตั ิศาสตรบ ุคคล)และการสงครามกลาววา “หลังจากท่ีอัลหุสัยนฺไดเดินทาง ไปถึงกัรบะลาอฺ ทานกไ็ ดเ รียกสมาชกิ ในครอบและมติ รสหายท่ีมาพรอมกับทานทุกคนใหไปรวมตัวกัน แลวทานก็ลุกข้ึน กลาวคาํ ปราศรยั และกลาววา “แทจรงิ ไดมเี หตกุ ารณ( ที่ไมพงึ ประสงค) เกดิ ข้ึนกบั พวกเราดงั ทพี่ วกเจา ไดประสบเห็น และ แทจ รงิ โลกน้ไี ดเ กดิ การเปลี่ยนแปลงและหลอกลวง และความดีของมันกลบั หันหลังใหเรา และการเผชิญหนายังคงดําเนิน ตอไป และจะไมม ีอะไรหลงเหลือนอกจากความปรารถนา ดังเชนความปรารถนาตอภาชนะ(ท่ีบรรจุน้ําและอาหาร) และ การมีชีวติ ที่ตกต่ํา เฉกเชนทุงหญา ทเ่ี ห่ยี วแหง พวกเจาเคยเห็นสัจธรรมท่ีไมถูกนํามาปฏิบัติไหม และความจอมปลอมที่ ไมเคยสูญส้ิน แทจริงความใฝฝนของผูศรัทธาที่จะพบกับองคอภิบาลของเขานั้นเปนสิ่งที่แนนอนย่ิง ดังน้ันจึงเห็นวา ความตายเปนสิ่งทีส่ ขุ สนั ต และการมชี ีวติ อยูทามกลางผูอ ธรรมน้นั เปน ส่งิ ท่อี ดึ อดั และวุนวาย” (92) <40> ดร.อะหมฺ ัด รอสมิ อันนะฟส ไดเ ลา ถงึ การเรยี กรอง วงิ วอน และตกั เตือนของอัลหุสัยนฺตอชาวชีอะฮฺที่ไดเรียกทาน ใหไ ปหาเพอ่ื จะใหความชวยเหลือแกท า น แตแ ลว กลบั ปลกี ตวั ออกจากทาน วา “พวกน้ันยังคงยืนกรานที่จะสรางความสับสนและกังวลใหแกอบูอับดุลลอฮฺ อัลหุสัยนฺ เพื่อไมใหทานสามารถ เผยแพรหจุ ญะฮ(ฺ หลกั ฐาน)ของทา น ดงั นั้นทา นจึงกลา วแกพวกเขาอยา งโกรธเคืองวา “ทําพวกเจาถึงไมยอมนิ่งเงียบและ ฟง คําตกั เตือนของฉนั ? แทจ ริงฉันกาํ ลงั เชิญชวนพวกเจาสูแนวทางแหงการช้ีนํา ดังนั้นผูใดที่เชื่อฟงฉัน เขาก็จะเปนผูที่ (89) มุนตะฮา อัลอามาล 1/642, นัฟสฺ อัลมะฮฺมูม หนา 167, บิหารุลอันวาร ของ อัลมัจญลิสีย 44/374, ละวาอิุลอัชญาน ของมุหฺสิน อลั อะมนี หนา 67, อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ ของ อับดุลหุสัยนฺ อัลมูสาวีย หนา 85, ค็อยรุลอัศหาบ ของ อัลฮาดี ศอลิหฺ หนา 37, 107, มะอาลมิ อสั สบั ฏนี ของมุหัมมดั มะฮดฺ ี อัลมาซนั ดรานีย 1/267, ละยาลี บชิ าวิร ของมุหัมมัด อัลมูสาวีย อัชชีรอซีย หนา 585, มะอาลิม อัล มดั เราะสะตัยนฺ ของมรุ ตะฎอ อัลอัสกะรีย 3/67, มะอา อัลหุสัยนฺ ฟ นะฮฺเฎาะติฮี ของอะสัด หัยดัร หนา 163, กัรบะลาอฺ อัษเษาเราะฮฺวัล มะอสฺ าต ของอัลมหุ ามยี  อะหฺมัด หุสัยนฺ ยะอกฺ บู และดาอเิ ราะตุลมะอารฟิ อัชชอี ียะฮฺ 8/264 (90) มกั ตัล อลั หุสัยนฺ หนา 193 (91) มนุ ตะฮา อลั อามาล 1/471 (92) มกั ตลั อัลฮุสัยนฺ ของ บะหรฺ ุลอลุ มู หนา 263 25

ไดร ับทางนาํ และผูใ ดทไี่ มเ ชือ่ ฟง และทรยศตอ ฉัน เขาก็จะเปนผูอัปยศและพินาศ และพวกเจาทุกคนตางทรยศตอคําส่ัง ของฉัน และไมเ ช่อื ฟงคําพูดของฉัน แทจริงส่ิงทพ่ี วกเจาไดเ ปรอะเปอนกับสิ่งที่หะรอม และทองของพวกเจาก็เต็มไปดวย ส่งิ ท่ีหะรอม ดังนัน้ อัลลอฮฺจึงทรงทาํ ใหจ ติ ใจของพวกเจาเปน สนิมและดื้อดา น ความวิบตั จิ งประสบกบั พวกเจา ทําไมพวก เจาถงึ ไมยอมนิง่ เงียบ? ทําไมพวกเจาถึงไมยอมฟง ?...” ดงั นนั้ ทกุ คนจึงเงียบ อัลหุสัยนฺจึงกลาวขึ้นวา “ความฉิบหายและ ความเจ็บปวดตองประสบกับพวกเจา โอกลุมชนเอย ขณะท่ีพวกเจารองขอความ ชวยเหลือจากเราดวยความเศราโศก เสยี ใจ ดังนั้นเราจงึ พรอ มท่ีจะใหค วาม ชว ยเหลอื ตอพวกเจา แตแลว พวกเจากลับควงดาบมาจอท่ีคอหอยของเรา ทั้งยัง กอ ไฟแหงอาชญากรรมมาสูเราโดยฝมือของสัตรูของเราและศัตรูของพวกเจา ดังน้ันพวกเจาจึงกลายเปนผูท่ีรุมทําราย บรรดาผนู าํ ของพวกเจา และเปนผชู ว ยซ้าํ เตมิ พวกเขาใหกับศัตรูของพวกเจา โดยปราศจากความเปนธรรมท่ีแผกระจาย ออกจากพวกเจา และปราศจากความหวงั ใดๆอีก ในสายตาของพวกเขาแลว พวกเจาไดกลายเปนผูที่ตองหามในส่ิงที่พวก เจาจะไดรับบนโลกนี้ และกลายเปนเศษเดนอันไรคาของชีวิตท่ีพวกเจากําลังอยากได...พวกเจาชางกระทําในส่ิงที่เลว ทรามสนิ้ ดี แทที่จริงแลว พวกเจาก็คือบรรดาปศาจรายแหงประชาชาติน้ี เปนพวกนอกคอก(แปลกแยก)ของกลุมตางๆ เปนผูที่ทําลายหนังสือสัญญา เปนลมหายใจของมารรายชัยฏอน เปนกลุมชนที่กออาชญากรรมและมีตราบาป เปน อาชญากรนกั เขยี น เปนผทู ี่ทาํ ใหส นุ นะฮตฺ อ งดับมอด และฆาตกรท่ีสงั หารลกู หลานของเหลานบี” (93) น่ีคอื สาํ นวนท่ี ดร.ชอี ะฮฺผนู ี้ไดระบุไว และดัง้ เดิมของคาํ ปราศรัยนี้ไดถูกเลาโดย อะลี บุตรมูสา บุตรฏอวูส(94), อับ ดุรร็อซซาก อัลมุกริม(95), ฟาฎิล<41>อับบาส อัลหะยาวีย(96), ฮาดี อันนัจยฟย(97), หะสัน อัศศ็อฟฟารฺ(98), มุหฺสิน อัลอะมนี (99), อับบาส อัลกมุ มยี (100) และอ่นื ๆอกี มากมาย(101) ดังนั้นจงไตรต รองและพจิ ารณาดเู ถิด โอบรรดาผูที่ใฝหาและ เรยี กรอ งสจั ธรรมวา เพราะเหตใุ ดอมิ ามอัลหสุ ัยนฺถึงไดพ รรณนาถึงลกั ษณะของบรรดาชอี ะฮผฺ ทู อ่ี า งตนวาเปนผูสนับสนุน ทา นดวยลกั ษณะตา งๆที่เปนบุคลกิ ของพวกเขา นัน่ คอื - ส่ิงทพี่ วกเจาไดเปรอะเปอนกับส่ิงที่หะรอม - ทองของพวกเจาก็เตม็ ไปดว ยสง่ิ ที่หะรอม - อลั ลอฮฺจงึ ทรงทําใหจ ิตใจของพวกเจา เปน สนิมและดาน - ปศ าจรา ยแหง ประชาชาตนิ ี้ - เปน พวกนอกคอก(แปลกแยก)ของกลุมตา งๆ - เปนผทู ีท่ ําลายหนังสือสัญญา (93) อะลาคุฏอ อัลหสุ ยั นฺ หนา 130-131 (94) อลั ลุฮฟุ หนา 58 (95) มักตัล อลั หุสัยนฺ หนา 234 (96) มักตลั อัลหุสัยนฺ หนา 16 (97) เยามฺ อัลฏอ็ ฟ หนา 28 (98) อลั หสุ ยั นฺ วะมสั อลู ยิ ัฮ อษั เษาเราะฮฺ หนา 61 (99) ละวาอจิ ญ อัลอัชญาน หนา 91และตอจากน้นั (100) มนุ ตะฮา อัลอามาล 1/487 (101) มะอาลมิ อัลมดั เราะสะตัยนฺ 3/100, กรั บะลาอฺ อษั เษาเราะฮฺ วลั มะอสฺ าต ของอัลมหุ ามี อะหฺมดั หสุ ยั นฺ ยะอกฺ ูบ หนา 283-284 26

- เปน ลมหายใจของชัยฏอนมารราย - เปนกลุมชนทก่ี ออาชญากรรมและมีตราบาป - เปน อาชญากรนักเขยี น - เปนผูท่ีทาํ ใหสุนนะฮฺตอ งดบั มอด - และเปนฆาตกรที่สงั หารลกู หลานของเหลา นบี 3.7 ใครคอื ฆาตกรตวั จรงิ กอนท่ีอลั หสุ ยั นฺจะเดนิ ทางออกจากมักกะฮฺมุง สกู ูฟะฮนฺ ้นั มุหมั มัด อิบนุอัลหะนะฟยะฮฺ นองชายตางมารดาของ ทานไดตกั เตอื นทานวา “โอพ ่ชี ายของฉัน แทจ ริงทา นก็ทราบดถี งึ การทรยศของชาวกูฟะฮฺตอบิดาทานและพ่ีชายของทาน และฉันกลวั เหลอื เกนิ วาทา นจะตกทีน่ งั่ เหมือนกับทานเหลาน้ัน”(102) “นักกวีช่ือฟะรัซฺดักไดกลาวแกอัลหุสัยนฺหลังจากที่ทานไดสอบถามถึงสภาพของชาวชีอะฮฺท่ีเมืองกูฟะฮฺท่ีทาน กาํ ลังจะเดนิ ทางไปหาวา “จิตใจของพวกเขาอยูกับทาน แตคมดาบของพวกเขาจดจออยูท่ีคอหอยของทาน และกิจการนั้นจะลงมาจาก ฟากฟา และอลั ลอฮฺจทรงบนั ดาลใหเ ปนไปตามที่พระองคทรงปรารนา” ดังนนั้ อลั หะสยั นฺจงึ กลา ววา “ทา นพูดถกู กิจการตา งๆเปนกรรมสิทธ์ิของอัลลอฮฺ และทุกๆวันจะอยูในความดูแล ของพระองค หากแมนวาพระองคทรงลิขิตเราในส่ิงที่เราชอบและเราพอใจเราก็ขอขอบคุณพระองคในความโปรดปราน ของพระองค และพระองคคือผูที่พึ่งพิงในการแสดงความขอบคุณ และหากแมนวาพระองคทรงลิขิตในส่ิงที่เราไมพึง ปรารถนา ดังนน้ั จงึ ไมหา งไกลนักสําหรับผูทมี่ ีเจตนาบริสุทธ์ิและมีวิถกี ารดาํ เนนิ ชีวติ ทยี่ าํ เกรง”(103) อิมามอลั หุสัยนฺเม่ือคร้งั ท่ที านไดก ลา วคาํ ปราศรยั แกพ วกเขา ทา นกไ็ ดเ ทาความถึงสภาพการณชาวชีอะฮฺรุนกอน และการกระทําของพวกเขาตอบิดาและพชี่ ายของทา นดวยคาํ ปราศรัยทว่ี า “...และหากวา พวกเจาไมกระทาํ และทาํ ลายคํามัน่ สญั ญาท่ีพวกเจาไดเคยใหไว และพวกเจายกเลิก(นํา)คําสัตย สาบานที่มีตอฉันออกจากบาของพวกเจา ดังน้ันการกระทําดังกลาวก็ไมไดเปนส่ิงท่ีนาแปลกสําหรับพวกเจา เพราะ แทจรงิ พวกเจาไดเ คยกระทํามาแลว ตอบดิ าของเรา ตอ พี่ชายของเรา และตอมุสลิมผูเปนลูกพี่ลูกนองของเรา และผูท่ีถูก หลอกคือผูทีห่ ลงเช่ือในคาํ พูดของพวกเจา...” (104) และอมิ ามอัลหุสยั นฺก็เคยคดิ สงสัยมาแลว ในจดหมายท่ีพวกเขาสง มายงั ทาน และทานไดกลา วไววา (102) อัลลุฮฟู ของอบิ นุฏอวูส หนา 39, อาชูรออฺ ของ อลั อิหสฺ าอีย หนา 115, อลั มะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ ของ อับดุลหุสัยนฺ หนา 75, มาตะ ฮา อลั อามาล 1/454, อะลาคฏุ อ อลั หสุ ัยนฺ หนา 96 (103) อลั มะญาลิส อัลฟาคเิ ราะฮฺ หนา 79, อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หนา 100, ละวาอิจญ อัลอัชญาน หนา 60, มะอาลิม อัลมัดเราะสะตัยนฺ 3/62 (104) มะอาลิม อลั มัดเราะสะตัยนฺ 3/71-72, มะอาลี อัสสับฏ็อยนฺ 1/275, บะหฺรุลอุลูม หนา 194, นัฟสุ อัลมะฮฺมูม หนา 172, ค็อยรุลอัศ หาบ หนา 39, ตซุ ลัม อซั ซะฮฺรออฺ หนา 170 27

“แทจ ริงพวกเขาทําใหฉ ันหวาดกลัว และนค่ี ือจดหมายของชาวกฟู ะฮฺ และพวกเขาคอื ผทู ่ฆี าฉัน”(105) และทานยังไดกลา วในโอกาสอนื่ อกี วา “โอองคอภบิ าลของฉนั ไดโปรดใหค าํ ชี้ขาด(ใหความเปนธรรม)ระหวางเราและพวกนี้ดวย พวกเขาไดเรียกรองให เราชว ยเหลือพวกเขา แตพ วกเขากลบั สงั หารพวกเรา” (106) หุสัยนฺ อลั กรู อนีย กลาววา ชาวกูฟะฮฺไมเพียงแตแ ยกตัวออกจาอมิ ามอัลหุสยั นฺเทานั้น แตพวกเขายังแปรพักตรไปเปนแนวรวมของศัตรู อัน เปน ผลพวงจากความสับสนไมชดั เจนของจุดยืนของพวกเขา โดยทพ่ี วกเขารีบออกเดินทางไปยังกัรบะลาอฺ และตอสูกับอิ มามอลั หสุ ัยนฺ ซึ่งตางคนกพ็ ยายามท่จี ะจารกึ จุดยืนทท่ี ําใหม ารรายชัยฎอนพึงพอใจ และจุดยืนท่ีทําใหอัลลอฮฺทรงโกรธ เคอื ง ตัวอยา งเชน เราพบวา อมั รู บตุ รอัลหัจญาจญทีเ่ มื่อวานเปนผูท่ีโดดเดนท่ีเมืองกูฟะฮฺเสมือนกับวาเขาเปนปกปอง ครอบครวั ของทานรสูล(อะฮฺลุลบัยตฺ) และเปนผูท่ีนําทัพเพ่ือปกปองฮานีอฺ บุตรอุรวะฮฺแกนนําของพวกเขา แตวันน้ีเขา กลับกลืนจุดยืนเหลานั้นสิ้น เพ่ือจะกลาวหาอิมามอัลหุสัยนฺวาเปนคนท่ีนอกรีตและออกจากศาสนา ซึ่งเขาไดกลาว ตะโกนแกบรรดามติ รสหายและลกู สมนุของเขาวา “จงสังหารผูที่ออกนอกศาสนาและแยกตัวออกจากญะมาอะฮฺเสีย...” (107) หสุ ัยนฺ อลั กูรอนีย ยังกลาวอกี วา “และเราไดพบกับอีกจุดยืนหนึ่งที่บงบอกถึงความสับปลับและกลับกลอก(มุนาฟก)ของชาวกูฟะฮฺ นั่นคือ อับ ดลุ ลอฮฺ บตุ รเหาซะฮฺ อตั ตะมีมียไ ดไปยืนอยูตอหนาอิมามอัลหุสัยนฺแลวตะโกนออกมาวา “มีหุสัยนฺอยูในกลุมของพวก เจา ไหม?” น่ีก็เปนชาวกูฟะฮฺอีกคนหน่ึง ซึ่งเมื่อวันวานเคยเปนชีอะฮฺผูสนับสนุนของอะลี และเปนไปไดวาเปนคนหน่ึงใน บรรดาผูท ไ่ี ดเ ขียนจดหมายไปถึงอมิ ามอลั หุสัยนฺ หรือเปนคนของชะบัษและอ่ืนๆที่ไดเขียนจดหมายไปหาทาน...แตแลว เขากลับตะโกนวา “โอ หุสยั นฺ เจา จงยินดีและมีความสุขกับไฟนรกเถิด...” (108) มรุ ตะฎอ มุฏฮิรยี  แสรง เปน ถามอยางไมเขาใจวา “เปนไปไดอยางไรท่ชี าวเมอื งกูฟะฮฺจะออกไปสังหารอัลหุสัยนฺ ดวยมือของพวกเขาเอง ในเมื่อพวกเขาตางก็รักหุ สัยนฺและมีความสัมพนั ท ่ดี ีตอกนั ?” แลวเขากต็ อบช้แี จงใหความกระจางวา “คําตอบก็คอื ความหวาดกลวั ทีเ่ ขา ไปสงิ และครอบงําอยูในจิตใจของชาวกูฟะฮฺนั่นเอง ซึ่งโดยรวมแลว นับตั้งแต สมัยของซิยาด และมุอาวิยะฮฺเสียอีก และยิ่งทวีความรุนแรงมากข้ึนเม่ืออุบัยดิลลาฮฺไดมาถึง โดยทันทีท่ีมาถึงเขาก็ จัดการสงั หารมัยษมั อตั ตมั มารฺ เราะชีด, มสุ ลิม และฮานีอฺ...ผนวกกับความตะกละ โลภมาก และอยากไดทรัพยสินเงิน ทอง และหนาตาในสงั คม ดงั เชนในกรณขี องอมุ ัร บตุ รสะอดั เอง...สว นบรรดาผูนําของเผา ตางๆก็ไดถูกอิบนุซิยาดคุกคาม (105) มักตลั อลั หสุ ัยนฺ ของ อัลมกุ ริม หนา175 (106) มุนตะฮา อัลอามาล 1/535 (107) ฟริหาบ กัรบะลาอฺ หนา 60-61 (108) ฟร หิ าบ กรั บะลาอฺ หนา 61 28

และขมขู พรอมกบั หวา นลอ มดว ยทรัพยส ินเงนิ ทอง ตงั้ แตว ันแรกทเี่ ขาเดนิ ทางเขาเมอื งกูฟะฮฺ โดยเขาไดรองเรียกพวกเขา ทง้ั หมดใหอ อกมาและกลาวขม ขพู วกเขาวา “ใครในหมูพวกเจาที่เปนแนวรวมของผูตอตานขาจะตัดเงินสนับสนุนที่เคย ไดร บั ทันท”ี ดังนนั้ อามริ บตุ รมุญัมมะฮฺ อัลอะบีดยี  หรอื มุญัมมะอฺ บุตรอามีร จึงกลาววา “สวนบรรดาหัวหนาและแกน นําของพวกเขา การรับสินบนกลายเปน เรอื่ งใหญสาํ หรบั พวกเขาและความตองการลนจิตใจของพวกเขา” (109) กาซมิ อลั อหิ สฺ าอีย อนั นจั ญฟ ย เลาวา “แทจ ริงกองทพั ทีอ่ อกไปเพื่อสรู บกบั อิมามอัลหุสยั นมฺ ีจํานวน 300,000 นาย ทุกคนลวนเปนชาวเมืองกูฟะฮฺ ไมมี ในหมพู วกเขาที่เปน ชาวเมอื งชาม หรือหิญาซ หรืออินเดีย หรือปากีสถาน หรือซูดาน หรืออียิปต หรืออัฟริกา เลยแมแต คนเดยี ว แตท กุ คนลว นเปน ชาวกูฟะฮฺ ซึง่ ไดรวมตวั กนั จากชนเผาตา งๆ”(110) หุสยั นฺ บตุ รอะหมฺ ดั อลั บะรอกีย อนั นจั ญฟย  นกั ประวตั ิศาสตรคนสําคญั ของชีอะฮคฺ นหนึง่ เลาวา “อัลก็อซวนี ีย กลาววา “และสาเหตุหนึ่งท่ีชาวกูฟะฮฺตองถูกประณาม น่ันคือ พวกเขาไดแทงอัลหะสัน บุตรอะลี และสงั หารอัลหุสยั นฺ หลังจากท่ีพวกเขาไดเ รียกรอ งใหทา นไปหา” (111) อายะตุลลอฮฺ อลั อซุ มา มุหฺสิน อัลอะมนี กลาววา “หลังจากน้ัน ชาวอิรักจํานวน 20,000 นาย ก็ไดใหคําสัตยสาบานตออัลหุสัยนฺ โดยที่พวกเขาไดหลอกลวงและ ทรยศทา น และปลกี ตัวออกจากทาน ในขณะที่การใหสตั ยส าบานของพวกเขายังคงอยบู นบา ของพวกเขา แตแลวพวกเขา ก็สังหารทาน”(112) เญาวาด มุหดั ดิษีย กลา ววา “สาเหตตุ า งๆเหลานท้ี ําใหอิมามอะลีตองประสบกับสองความเจ็บปวดจากพวกเขา อิมามอัลหะสันก็ตองเผชิญ กับการหลอกลวงของพวกเขา และมุสลิม บุตรอะกีลก็ถูกสังหารอยางไมเปนธรรมตอหนาพวกเขา สวนอัลหุสัยนฺก็ถูก สังหารในสภาพท่ีกระหายนํา้ ณ แผน ดินกัรบะลาอฺ ซงึ่ อยใู กลกบั เมอื งกูฟะฮฺ ดว ยเงื้อมมือของทหารกฟู ะฮเฺ อง” (113) อบูมนั ศรู อัฏฏ็อรุสยี , อบิ นุ ฏอวสู , อัลอะมีน และอ่ืนๆ ไดเลา วา อะลี บุตรอัลหุสัยนฺ บุตรอะลี บุตรอะบีฏอลิบ ซึ่ง เปนท่ีรจู กั ในนามของ “ซัยนุลอาบิดีน” ไดกลาวตําหนชิ าวชีอะฮฺท่ีไดท รยศหัหลงั บิดาของทา นและสงั หารทานวา “โอ ประชาชาติเอย ฉนั ขอดา วาพวกเจา ดว ยพระนามของอลั ลอฮฺ พวกเจาไมรูหรือวาพวกจาไดเขียนจดหมายไป ถึงบิดาของฉัน แตแลว พวกเจากลบั หลอกลวงทาน พวกเจาไดใหคาํ มน่ั สัญญาและคําสัตยสาบานตนแกบิดาฉัน แตแลว พวกเจา กลบั ก็สังหารทานและทรยศตอทาน ดงั น้นั ความพอนาศฉิบหายตองประสบความพวกเจาเพราะส่ิงที่พวกเจาได กระทําไว และความนา รังเกยี จของความคิดของพวกเจา พวกเจา จะมองหนาทา นรสูล ศ็อล (ในวันปรโลก)ไดอยางไร เม่ือ ทานกลาวพวกเจาวา “พวกเจาไดสังหารวงศวานของฉัน และทําลายเกียรติของฉัน ดังน้ันพวกเจาจึงไมใช ประชาชาตขิ องฉนั ” (109) อลั มัลหะมะฮฺ อลั หุสัยนิยะฮฺ 3/47-48 (110) อะอยฺ าน อัชชอี ะฮฺ 1/26 (111) ตารฆี อัลกูฟะฮฺ หนา 113 (112) ฟร ิหาบ กัรบะลาอฺ หนา 61 (113) เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หนา 59 29

ดงั น้นั เสยี งรองไหของบรรดาสตรกี ด็ งั ข้ึนทัว่ ทุกสารทิศ พวกเขาจึงกลาวแกกันวา “พวกเจาฉิบหายแลวโดยท่ีพวก เจาไมท ันรตู วั ” ดงั นนั้ ทา นจงึ กลา ววา “อัลลอฮยฺ งั ทรงปรานีผูท่ียอมรับคําตักเตือนของฉัน และรักษาคําส่ังเสียของฉันไว ในหนทางของอัลลอฮฺ รสูล และวงศวานของทาน เพราะทานรสูลคือแบบอยางที่ดีของเรา” ดังน้ันพวกเขาจึงกลาวเปน เสยี งเดียวกนั วา “พวกเราทุกคนพรอ มที่จะเชื่อฟง ปฏิบัติตาม และปกปองรักษาภารกิจสําคัญของทาน โดยไมยอมผละ หนีและหลีกเล่ียงไปจากทานอีก ดังน้ันทานส่ังมาเถิด เพราะแทจริงเราพรอมท่ีจะรวมทําสงครามกับสงครามของทาน และรว มอยอู ยางสนั ตกิ ับความสนั ติของทา น โดยแนแทเราจะตอบโตยะซีด และเราจะตองรอดพนจากบรรดาผูท่ีอธรรม ตอ ทา นและตอ พวกเรา” ดงั นน้ั ทา นจงึ กลา ววา “ออกไปใหไกลๆเลย ออกไปใหไกลๆเลย โอบรรดาผูที่ชอบหลอกลวงและ มากดวยเลห ระหวา งพวกเจากบั อารมณต ณั หาของพวกเจา ไดแปรสภาพไปแลว พวกเจาประสงคจะมาหาฉันเสมือนกับ ที่พวกเจาไดเ คยไปหาบรรดาบิดาของฉันกอนหนานี้ใชไหม? ไมอยางแนนอน และฉันขอสาบานดวยพระนามของพระผู อภบิ าลของสตรีผูท ่ชี อบเตน ไปมา แทจ รงิ บาดแผล (ของเรา) ยังไมหายสนิท เมื่อวานบิดาของเราถูกสังหารครอบครัวของ ทาน ฉันยงั ไมส ามารถลมื การสูญเสยี ทา นรสูลลุ ลอฮศฺ ็อลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะสัลลมั และครอบครวั ของทาน และการสูญเสีย บิดาของฉันและญาติๆของบิดาฉันได และฉันพบวามันยังอยูในระหวางเพดานของฉัน และความขื่นขมของมันอยู ระหวา งคอหอยกบั หลอดลมของฉัน ความโศกเศรา ของมันกําลงั วนเวยี นอยูตามแผนอกของฉัน...” (114) เม่ือครัง้ ท่อี ิหมา มซัยนุลอาบิดีนเดินทางผาน ชาวกูฟะฮฺและไดเห็นพวกเขากําลังเศราโสกเสียใจและรองไหคร่ํา ครวญ ทานก็ดาวาพวกเขาดวยคําวา “พวกเจาเศราโศกเสียใจ และรองใหครํ่าครวญเพื่อเราหรือ? แลวใครหละท่ีเปนผู สังหารพวกเรา!” (115) ในอีกรายงานหน่ึงระบุวา เมื่อคร้ังท่ีทานเดินทางผานเมืองกูฟะฮฺ ขณะน้ันชาวกูฟะฮฺกําลังรองไหคร่ําครวญ ซ่ึง ตอนนน้ั ทานออนแอมากเพราะความปวย ดงั นัน้ ทานจึงกลาวดวยเสียงท่ีบางเบาวา “พวกเจากําลังคร่ําครวญและรองไห เพื่อพวกเราหรือ แลว ผูใดเลาท่ีสงั หารพวกเรา?” (116) ในอีกรายงานหนึ่งระบุวา ทา นกลา วดวยเสียงท่คี อยเพราะความปวยวา “แทจริงพวกเขาเหลานั้นกําลังรองไหตอ พวกเรา ดงั น้ันผูใ ดอีกเลา ที่สงั หารพวกอ่นื จากพวกเขา?” (117) อมมกุ ัลษูม บินตุ อาลี กลา ววา “โอ ชาวกูฟะฮฺเอย พวกเจาชางนาอับอายยิ่ง ทําไมพวกเจาถึงทอดท้ิงหุเสนและ สังหารเขา พวกเจา ไดปลนสดมภทรัพยสินของเขาและเปน ทายาทครอบครองทรัพยสินของเขา พวกเจาไดจับบรรดาสตรี ของเขามาเปน เชลยและทาํ ใหพวกนางตกอยใู นความทกุ ขย าก ดังน้นั ความฉบิ หายและปนปจ งประสบตอพวกเจา ” (118) (114) อัตเฏาะบะรียไดกลาวคุฏบะฮฺน้ีในอัลอิหฺติญาจญ 2/32, อิบนุฏอวูสในอัลมัลฮูฟ หนา 92, 360, อัลอะมีนในละวาอิจญอัลอัชญาน หนา 158, อบั บาสอัลกมุ มียในมนุ ตะฮาอลั อามาล 1/572, หุเสนกรู านยี ในฟริหาบกัรบะลาอฺ หนา 183, อับดุลร็อซซากอัลมุกริมในมักตัลอัล หุเสน หนา 317, มุรตะฎออยั ยาดในมักตัลอัลหุเสน หนา 87, ริฎออลั กอ็ ซวีนยี ในตุซลมั อัซซะฮฺรออฺ หนา 262 (115) อัลมลั ฮฟู หนา 86, นัฟสุอลั มะฮฺมมู หนา 357, มักตัลอลั หเุ สนของมุรตะฎอ หนา 83, ตซุ ลมั อัซซะฮรฺ ออฺ หนา 257 (116) มุนตะฮา อลั อามาล เลม 1 หนา 570 (117) อลั อิหฺตญิ าจญ เลม 2 หนา 29 (118) อัลมัลฮูฟ หนา 91, นัฟสุอัลมะฮฺมูม หนา 363, มักตัลอัลหุเสนของอัลมุกริม หนา 316, ละวาอิจญอัลอัชญาน หนา 157, มักตัลอัล หเุ สนของมรุ ตะฎอ หนา 86, ตซุ ลัมอซั ซะฮฺรออฺ หนา 261 30

31


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook