ชวี ประวตั ิ “ท่านมสั รกู บนิ อลั อจั ดะอฺ” เราะหมิ ะฮลุ ลอฮ โดย ชยั คฺ อะหมฺ ดั ฟะรีด หะฟิเซาะฮลุ ลอฮ แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur ชีวประวัติของอุละมาอ์มีจุดมุ่งหมายเพื่อการอบรมเยาวชน ผู้ฟ้ ืนฟู อิสลาม ดังท่ีบรรดาอุละมาอ์ผู้มีช่ือเสียงและบรรดาอิมาม ผู้มีเกียรติได้รับการอบรมมา ทั้งในเรื่องความสมถะ(ซุฮดฺ) ความ สารวมตน(วะเราะอฺ) ความพอเพียง(กะฟาฟ) ความขยันในทา การอิบาดะฮฺ และความรู้สึกกลัวต่ออัลลอฮ(ค็อชยะฮฺ) จนกระทั่ง พวกเขาได้ร่วมยืนอยู่บนเส้นทางท่ีมีเกียรติ ครอบครองตาแหน่ง แห่งคณุ ธรรม และรกั ทจ่ี ะส่งมอบความดงี าม อาลิมท่านแรกนี้คือตาบิอีนคนสาคัญท่านหนึ่ง ท่านคือ อิมามนกั ปฏิบัติ นามว่า มสั รกู บนิ อลั อัจดะอฺ อลั หะมะดานยี ์ ท่าน มีโอกาสเรียนรู้จากบรรดาอุละมาอ์ในหมู่เศาะหาบะฮฺหลายท่าน เช่น ท่านอับดุลลอฮ บินมัสอูด , ท่านอลี และท่านหญิงอาอิชะฮฺ ท่านคือคนท่ีมีความสมถะ สารวมตน และขยันทาอิบาดะฮฺ ขออัลลอฮทรงเมตตาท่าน ท่านคือแบบอย่างที่ดีงาม เราจึง เร่ิมต้นชุดชีวประวัติท่ีมีความจาเริญนี้ด้วยชีวประวัติของท่าน ขออัลลอฮทรงตอบรับความจงรักภักดีของเราทุกคน และรวม พวกเราให้ได้อยู่ร่วมกับบรรดาอุละมาอ์ท่ีมีเกียรติ ณ ตาแหน่งท่ี สูงส่งย่ิง ขอการสถาพร ความศานติ และความจาเริญจงมีแด่ผู้ที่ ถูกส่งมาในฐานะเป็นความเมตตาแก่สากลโลก และแด่ครอบครัว ของท่าน ตลอดจนบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ใบหน้าและมือที่สวา่ งไสว
ของพวกเขา มวลการสรรเสริญทั้งหลายเป็ นของอัลลอฮ พระผู้ อภิบาลแหง่ สากลจกั รวาล ชื่อและการเกดิ ของทา่ นมัสรกู ชอื่ ของท่าน : ช่ือของท่านคือ มัสรูก บินอัลอัจดะอฺ อัลหะมะดานีย์ อัล วาดิอีย์ , อบูอาอิชะฮฺ อัลกูฟีย์ สายตระกูลแบบครบถ้วนของท่าน คือ มัสรูก บินอัลอัจดะอฺ บินมาลิก บินอุมัยยะฮฺ บินอับดุลลอฮ บินมุรรฺ บินสัลมาน(บางรายงานบอกว่า สะละมาน) บินมะอฺมัร บนิ อลั หารษิ บนิ สะอดฺ บินอบั ดลุ ลอฮ บนิ วาดิอะฮฺ [ตะฮซฺ ีบ อลั กะมาล , ญะมาลุดดีน อลั มิซซยี ์ , 27/451 , 452] อัลหาฟิซ อบูบักรฺ อัลเคาะฏีบ กล่าวว่า “เมื่อก่อน ท่าน เคยถูกลักพาตัวขโมยไปสมัยยังเป็นเด็ก ต่อมาก็ถูกพบเจอและ ถูกต้ังชื่อว่า มัสรูก(คนท่ีถูกขโมยไป) และอัลอัจดะอฺ บิดาของทา่ น ก็ได้เข้าอิสลาม” [ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดีย์ , 13/232] การเกิดของท่าน : ไม่มีอุละมาอ์คนใดท่ีได้เขียนชีวประวัติของท่านทาการ ยืนยันเกี่ยวกับวันเกิดของท่าน พวกเขาเพียงยืนยันว่า ท่ าน เสียชวี ติ ในปฮี ิจเราะฮฺท่ี 62 หรอื 63 เทา่ น้ัน
ฮารูน บินหาติม พูดจากอัลฟั ฎลฺ บินอัมรฺ ว่า “เขาเสียชีวิตในช่วง อายุ 63 ป”ี ดังนั้น ท่านจึงเกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 1 หรือ 1 ปีก่อนปี ฮจิ เราะฮฺ วลั ลอฮุอะอลฺ มั คำชนื่ ชมยกยอ่ งของบรรดาอลุ ะมาอ์ต่อทา่ นมสั รูก จากมาลิก บินมิฆวาล กล่าวว่า ฉันได้ยินอบูอัสสะฟั ร พูด ไม่น้อยกว่าหน่ึงครั้งว่า “ไม่มีหญิงชาวหะมะดานีย์คนใดท่ีเคยให้ กาเนิดคนอย่าง(ท่ีแม่ของมัสรูกได้ให้กาเนิด)มัสรูก” [ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟซิ อัลเคาะฏีบ อัลบฆั ดาดีย์ , 13/233] จากอามิร อัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่ามีใครท่ีขยัน ขนั แข็งในการศึกษาเรยี นรใู้ นทั่วทกุ มุมโลกมากไปกว่ามสั รูก” จากมันศูร บินอิบรอฮีม กล่าวว่า “บรรดาลูกศิษย์ของ อับดุลลอฮ(บินมัสอูด)ที่อ่านความรู้และสอนสุนนะฮฺแก่ผู้คนน้ัน ได้แก่ อัลกอมะฮฺ , อัลอัสวัด , อุบัยดะฮฺ , มัสรูก , อัลหาริษ บิน ก็อยสฺ และอัมรฺ บินชุเราะหฺบิล” [ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อลั บัฆดาดยี ์ , 13/233] อัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “เม่ือคร้ันท่ีอับดุลลอฮ บินซิยาด มาถึงกูฟะฮฺ เขาถามว่า ‘ใครคือคนที่มีเกียรติท่ีสุด?’ ชาวกูฟะฮฺ
บอกกบั เขาวา่ ‘มัสรูก’” [สยิ ัร อะอฺลาม อนั นุบะลาอ์ , ชัมสุดดนี อัซซะฮะบยี ์ , 4/66] อิบนุ อัลมะดีนีย์ กล่าวว่า “ฉันไม่ให้ความสาคัญกับใครท่ี เคยละหมาดตามหลังท่านอบูบักรบอกไปกว่ามัสรูก” [สิยัร อะอฺลาม อนั นุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อซั ซะฮะบีย์ , 4/66] อิมามอะหฺมัด บินหัมบัล กล่าวว่า “อิบนุอุยัยนะฮฺพูดว่า ‘มัสรูกยังคงมีชีวิตอยู่หลังจากอัลกอมะฮฺเสียชีวิต และไม่มีใครท่ี ประเสริฐไปกว่าเขา’” [สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/67] จากอิบนุ อับญัร จากอัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “มัสรูกรอบรู้ เกี่ยวกับคาฟั ตวามากกว่าชุร็อยฮฺ และชุร็อยฮฺมักจะขอความเห็น จากมัสรกู เสมอ” [อฏั เฏาะบะก็อต อลั กุบรอ , มหุ ัมมัด บินสะอดฺ , 6/82] ยะหฺยา บินมะอีน กล่าวว่า “มัสรูกคือคนที่น่าเช่ือถือ (ษเิ กาะฮฺ) ไมจ่ าเป็นต้องถามเก่ยี วกบั คนเชน่ น้ีอีกแล้ว” อุษมาน บินสะอีด เคยถามยะหฺยาเกี่ยวกับมัสรูกและ อุรวะฮฺเกี่ยวกับ(รายงานของทั้งสอง)จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ และ เขาก็ไม่ถูกขอให้เลือก(หมายถึง ท้ังสองคือคนท่ีเชื่อถือได้ -ษิเกาะฮฺ) [สยิ ัร อะอลฺ าม อันนบุ ะลาอ์ , ชัมสุดดนี อัซซะฮะบีย์ , 4/67]
อิบนุ สะอดฺ กล่าวว่า “เขาคือนักรายงานที่น่าเช่ือถือ และ เขามหี ะดีษทดี่ ”ี [อัฏเฏาะบะก็อต อลั กุบรอ , มหุ มั มดั บินสะอดฺ , 6/84] อัลอิจลีย์ กล่าวว่า “เขาคือตาบิอีนที่เช่ือถือได้ คือลูกศิษย์ คนหน่ึงของอับดุลลอฮท่ีอ่าน(ความรู้แก่ผู้คน)และให้คาฟั ตวา เสมอ เขาคือคนขยันทาการละหมาด จนกระท่ังฝ่าเท้าบวม” [สิยัร อะอลฺ าม อันนบุ ะลาอ์ , ชัมสุดดนี อัซซะฮะบยี ์ , 4/67] อ บู นุ อั ย มฺ ก ล่ า ว ว่ า “ ใ น บ ร ร ด า ค น ที่ ร อ บ รู ้ เ ก่ีย ว กับ พระเจ้าของพวกเขา หลงใหลอยู่ในการรักพระองค์ ราลึกถึงบาป ของตนเอง เป็ นที่รู้จักในเร่ืองวิชาความรู้ ได้รับความเช่ือถือใน เร่ืองความรับผิดชอบและรักษาสัญญา และขยันขันแข็งในการทา อิบาดะฮฺต่ออัลลอฮน้ัน เขาคือบิดของอาอิชะฮฺ ช่ือว่ามัสรูก” [หลิ ยะฮฺ อัลเอาลยิ าอ์ วะเฏาะบะก็อต อลั อศั ฟยิ าอ์ , อบูนอุ ยั มฺ , 2/95] จากมุญาฮิด จากอัชชะอฺบีย์ จากมัสรูก ท่านหญิง อาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เคยกล่าวว่า “โอ้มัสรูก เธอคือลูก คนหนึ่งของฉัน และเธอคือคนท่ีฉันรักมากท่ีสุดในหมพู่ วกเขา เธอ มีความรู้เก่ียวกับหะดีษอัลมุคดัจญ์(เคาะวาริจญ์คนหนึ่งท่ีมีแขน พิการ)ไหม?” [สยิ รั อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสดุ ดีน อัซซะฮะบยี ์ , 4/67] ความขยันหมั่นเพยี รในการอบิ าดะฮขฺ องท่านมัสรูก จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินมุนตะชิร กล่าวว่า “มัส รูกปล่อยผ้าม่านก้ันระหว่างตัวเขากับครอบครัวของเขา แล้วเขาก็
มุ่งความสนใจไปที่การละหมาด และปล่อยครอบครัวไว้กับเรื่อง ดุนยาของพวกเขา” [หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบู นอุ ัยมฺ , 3/96] อนัส บนิ สริ นี ได้พดู จากภรรยาของทา่ นมัสรกู วา่ “มสั รูก ละหมาดจนกระทั่งฝ่าเท้าทั้งสองบวม บางคร้ังฉันน่ังอยู่ข้างหลัง เขาพร้อมกับร้องไห้ เพราะเห็นส่ิงที่เขากระทาต่อตัวเขาเอง” [ตะฮฺ ซบี อัลกะมาล . ญะมาลดุ ดีน อัลมิซซยี ์ , 27/234] จากฟิฏรฺ บินเคาะลีฟะฮฺ จากอัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “มัสรูก บินอัลอัจดะอฺเคยเป็นลมในวันที่ร้อนจัด ในขณะท่ีเขาถือศีลอด และท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาของท่านนนบีได้ทาให้เขาเป็ น ลูกบุญธรรมของท่าน เขาจึงตั้งช่ือลูกสาวของเขา(มัสรูก)ว่าอาอิ ชะฮฺ เขาไม่เคยปฏิเสธคาขอของลูกสาวเลยแม้แต่คร้ังเดียว แล้ว ลูกสาวก็มาหาเขาพร้อมถามว่า ‘พ่อค่ะ กินเถอะ ด่ืมเถอะ’ เขา ตอบว่า ‘ลูกอยากได้อะไรจากพ่อหรือ ลูกจ๋า?’ ลูกสาวตอบว่า ‘ความรักความเอ็นดู’ เขาพูดตอบไปว่า ‘โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริงพ่อ เสาะหาแต่เพียงความรักความเอ็นดูสาหรับตัวพ่อเอง ในวันท่ี ความนานของวันน้ันเท่ากับ 50,000 ปี(ต่อหนึ่งวันของดุน ยา)’” [ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดยี ์ , 13/234] จากอบูอิสหาก กล่าวว่า “มัสรูกเคยทาฮัจญ์ และเขา ผ่านช่วงค่าคืนในสภาพท่ีสุญูด(ละหมาดสุนนะฮฺ)เสมอ” [หิลยะฮฺ อลั เอาลิยาอ์ วะเฏาะบะกอ็ ต อลั อศั ฟยิ าอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/95]
อิบรอฮีม บินมุหัมมัด อัลมุนตะชิร กล่าวว่า “คอลิด บินอับดุลลอฮ อัลอะสีด ผู้ว่าการเมืองบัศเราะฮฺ เคยมอบของ ขัวญแก่มัสรูกลุงของฉันจานวน 30,000 (ดิรฮัม) และเขาใน ขณะนัน้ มคี วามจาเป็นตอ้ งใช้มันอยา่ งมาก แต่เขากลับไมร่ บั มัน” อบูอิสหาก อัสสะบีอีย์ กล่าวว่า “มัสรูกได้จัดการแต่งงาน ลูกสาวของเขากับอัสสะอิบ บินอัลอักรออ์ ด้วยค่ามะฮัร 10,000 (ดิรฮัม) เขาตัวเขาเอง ด้วยมีประสงค์เพ่ือแจกจ่ายให้แก่บรรดา มุญาฮิดและคนยากจน” [สยิ รั อะอฺลาม อนั นุบะลาอ์ , ชมั สดุ ดนี อซั ซะฮะบยี ์ , 4/66] จากอัลอะอฺมัช บินอะบีอัฎฎุฮา กล่าวว่า “มัสรูกเคยยืน ละหมาด เสมือนเป็นคนนักพรต เขาพูดกับครอบครัวของเขาว่า ‘จงนาความต้องการทุกอย่างของพวกท่านมา แล้วบอกแก่ฉัน ก่อนท่ีฉันจะยืนข้ึนทาการละหมาด’” [หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะ ก็อต อัลอัศฟยิ าอ์ , อบูนอุ ัยมฺ , 2/96] จากสะอีด บินญุบัยรฺ กล่าวว่า “มัสรูกเคยพบฉันและ พูดว่า ‘โอ้สะอีด ไม่มีส่ิงที่ปรารถนาอันใดหลงเหลืออยู่อีก เว้นแต่ ความปรารถนาของเราท่ีจะให้ใบหน้าจมลงไปในผืนดิน(หมายถึง การสุญูดต่ออัลลอฮ)’” [สยิ รั อะอฺลาม อนั นุบะลาอ์ , ชมั สุดดนี อซั ซะฮะบยี ์ , 4/66] [อฏั เฏาะบะกอ็ ต อลั กบุ รอ , มหุ มั มดั บนิ สะอดฺ , 4/67]
ท่าทแี ละจุดยนื ของทา่ นมสั รูกคร้ันเกิดฟติ นะฮคฺ วามวุ่นวาย จากอัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “หากมีคนพูดกับมัสรูกว่า ‘ท่าน ล่ า ช ้ า ใ น ก า ร ป ก ป้ อ ง ท่ า น อ ลี แ ล ะ ล่ า ช ้ า ใ น ก า ร ติ ด ต า ม เ ข ้ า ร่ ว ม สงครามของเขา’ ท่านจึงตอบไปว่า ‘ฉันขอเตือนพวกท่าน ต่ออัลลอฮ พวกท่านรู้หรือไม่ ขณะที่ส่วนหนึ่งของพวกท่านเข้า แถวกันเพื่อเผชิญหน้ากับอีกส่วนหน่ึง และส่วนหน่ึงของพวกเขา หยิบยกอาวุธเพ่ือ(ฆาฟั น)อีกส่วนหนึ่ง แล้วส่วนหนึ่งของพวก ท่านก็สังหารอีกส่วนหนึ่ง ประตูชั้นฟ้าจึงถูกเปิดออก ในขณะท่ี พวกท่านมองเห็น หลังจากน้ันมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งก็ลงมาจากน้ัน จนกระทั่งเม่ือมลาอิกะฮฺท่านน้ันได้อยู่ที่ระหว่างท้ังสองฝ่าย เขา พูดว่า : ي َا َأ ُّيه َا الَّذِي َن آمَن ُوا لَا ت َْأكُل ُوا َأ ْمو َال َكُم ب َيْن َكُم ب ِال ْب َاطِ ِل ِإ َّلا َأن ت َ ُكونَ ِتج َارَة عَن ۚ ِإ َّن ال َّله َ كَا َن ب ِكُ ْم رَ ِحيما وَلَا ت َ ْقت ُل ُوا َأنفُسَكُ ْم ت َرَاض مِنكُ ْم โอ้ผู้ศรัทธาท้งั หลาย จงอย่ากินทรพั ยข์ องพวกเจา้ ในระหวา่ ง พวกเจ้าโดยมิชอบ นอกจากมันจะเป็นการค้าขายท่เี กิดจากความ พอใจในหมู่พวกเจ้า และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้ จรงิ อลั ลอฮเฺ ป็นผู้ทรงเมตตาตอ่ พวกเจ้าเสมอ (อนั นิสาอ์ 4 : 29) น่ันเป็นส่ิงทห่ี กั ห้ามพวกเจ้ามิให้ฆ่าฟั นกันหรอื ไม่?’ พวก เขาตอบว่า “ใช่” เขาพูดต่อไปว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮ แท้ จริงอัลลอฮทรงเปดิ ประตูช้ันฟ้าเพอ่ื การน้นั และแทจ้ รงิ มลาอิกะฮฺ ที่มีเกียรติท่านหนึ่งได้ลงมาพร้อมนาพามันส่งผ่านมาทางล้ินของ
ท่านนบีของพวกท่าน แท้จริงอายะฮฺนี้ถูกจารึกอยู่ในมุศหัฟ อั ล กุ ร อ า น แ ล ะ ไ ม่ มี อ า ย ะ ฮฺ ใ ด ที่ ล บ ล ้ า ง ( มั น ศู ค ) มั น ท้ิ ง ไป” [อฏั เฏาะบะกอ็ ต อลั กบุ รอ , มุหมั มดั บนิ สะอดฺ , 4/67] อัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า “วากิอฺ กล่าวว่า ‘มัสรูก อัลอัสวัด อัรเราะบีอฺ บินคุษัยมฺ และอบูอับดิรเราะหฺมาน อัสสุละมีย์ ไม่ได้ ติดตามร่วมรบกับท่านอลี มีบางคนรายงานวา่ ‘มัสรูกมีโอกาสเขา้ ร่วมในสงครามศิฟฟีน แล้วเขาก็ได้ให้คาตักเตือน แต่มิได้ร่วมรบ ด้วย’ บางคนมีความเห็นว่า ‘เขาเข่าร่วมรบกับท่านอลีในสงคราม ฮารูรียะฮฺ(สู้กับพวกเคาะวาริจญ์)ด้วย และขอการอภัยโทษ ตอ่ อลั ลอฮ เนอื่ งจากมไิ ด้ตดิ ตามรว่ มรบกบั ทา่ นอลี’ และมีบางคน รายงานว่า ‘กุบูรของท่านอยู่ที่อัสสัลสะละฮฺ ท่ีเมืองวาสิฏ’’” [สยิ รั อะอฺลาม อนั นุบะลาอ์ , ชมั สดุ ดนี อซั ซะฮะบยี ์ , 4/67] ความสำรวมตนและสมถะของท่านมัสรกู จากอิบรอฮมี บินมุหัมมัด บินอัลมุนตะชิร จากบิดาของเขา จากท่านมัสรูก ว่าท่านไม่รับค่าตอบแทนสาหรับตาแหน่งการเป็น ผู้พิพากษา เนอ่ื งจากการตีความ(ตฟั สรี )ของท่านต่ออายะฮฺน้ี َ ِإ َّن ال َّله َ ا ْشت َرَى مِ َن الْم ُؤْمِن ِينَ َأنفُس َهُ ْم و َأ ْمو َال َه ُم ب َِأ َّن ل َه ُمُ ا ْلج ّنَة แทจ้ รงิ อัลลอฮนั้นได้ทรงซอื้ แลว้ จากบรรดาผ้ศู รัทธา ซง่ึ ชีวิต ของพวกเขาและทรัพย์สมบัติของพวกเขา โดยพวกเขาจะได้รับ
สวนสวรรค์เป็นการตอบแทน (อัตเตาบะฮฺ 9 : 111) [หิลยะฮฺ อัลเอาลิ ยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอยั มฺ , 2/96] จากอัลอะอฺมัช จากอบูอัฎฎุฮา กล่าวว่า “มัสรูกไปรับ หน้าที่ราชการท่ีอัสสัลสะละฮฺนาน 2 ปี ต่อมาเม่ือเขาเดินทาง กลับมา ครอบครัวของเขามองไปยังสัมภาระของเขา พวกเขาเห็น เพียงขวานด้ามหนึ่งเท่านั้น พวกเขาจึงพูดว่า ‘ท่านจากไปนาน 2 ปี แล้วท่านก็กลับมาหาเราด้วยเพียงขวานหนึ่งท่ีไม่มีด้ามจับ’ เขา ตอบกลับไปว่า ‘อินนาลิลลาฮ เราขอยืมมันมา และเราลืมคืนแก่ เจา้ ของมนั ’” [สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชมั สดุ ดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/66] อบูอัฎฎุฮา กล่าวว่า “มัสรูกเคยถูกถามเก่ียวกลอนบท หน่ึง เขาตอบว่า ‘ฉันไม่ชอบ เม่ือพวกบทกลอนอยู่ในหนังสือของ ฉัน’” [สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/96. หมายถึงว่า ท่านไม่ อยากให้มีกลอนอยู่ในหนังสือของท่าน ท่านต้องการรวบรวมแค่เพียงหะดีษและรายงาน โดยไมไ่ ปปะปันกับบทกอลน คำนะศหี ะฮฺ และคำพูดท่ีมหี ิกมะฮฺ และอืน่ ๆ ดตู ารคี ดิมัชกฺ , อิบนุ อะสากริ , 57/431] จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินอิบรอฮีม บินอัลมุนตะชิร กล่าวว่า “ทุกวันศุกร์ มัสรูกจะขี้ล่อและทุกฉันไว้ข้างหลังเขาด้วย เสมอ ต่อมาเขาก็ไปยังสถานที่ท้ิงขยะเก่าที่อัลฮีเราะฮฺ แล้วเขาก็ ขึ้นข่ีล่อของเขาอีกคร้ังท่ีนั่น(หลังจากลงมา) พร้อมกล่าวว่า ‘ดุน ยาอยู่เบื้องล่างของเรา’” [หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอศั ฟิยาอ์ , อบู นอุ ัยมฺ , 2/96]
จากหัมซะฮฺ บินอบั ดลิ ลาฮ บินอุตบะฮฺ บินมัสอดู กล่าว ว่า “ฉนั รับทราบข่าวว่า มัสรูกเคยจบั มอื หลานชายของเขา แลว้ พา เขาขึ้นไปยงั สถานท่ีท้ิงขยะทก่ี ฟู ะฮฺ แลว้ พดู ว่า ‘พวกเจ้าต้องการให้ ฉันแสดงดนุ ยาใหพ้ วกเจา้ เห็นไหม? นี่แหล่ะดุนยา พวกเขาบริโภค มันแล้วก็หมดไป พวกเขาสวมใส่มันแล้วมันก็ล้าสมัยไป และพวก เขาก็ขับข่ีมันแล้วอ่อนแอ พวกเขาหล่ังเลือดเพ่ือมัน อนุมัติ(การ ทาลาย)เกียรติของพวกเขา(กันเอง)เพราะมัน และตัดขาดสาย สัมพันธ์กับเครือญาติเนื่องจากมัน’” [หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อลั อศั ฟิยาอ์ , อบูนอุ ยั มฺ , 2/96 , 97] จากมุหัมมัด บินอุกบะฮฺ กล่าวว่า “ฉันได้ยินอัลอัศมะ อยี ์ กล่าววา่ มัสรูกเคยทาการเปรยี บเปรยดว้ ยกลอนบทหน่ึงวา่ ُ َوي َ ْكفِيْ َك مَِّما أ ٌغْل ِ َق الب َا ُب دٌ ْون َه وَُّأ ْر ِخيَ ع َل َيْهِ ال ِستْرُ مِل ْ ٌح وَجَ ْردَ ُق وَمَاء ُ ف ُر َات ثَُّم ت َغْت َدِي ت ُعَارِ ُض َأ ْصح َا َب ال َّث ِريْدِ الملُ َّب ِق َتج َ َّش ُّأ ِإذَا مَا ه ُ ْم َتج َ َّشئ ُوْا ِك َأ َّنما غ ُذِيْ َت ب َِألو َا ِن ال َّطع َا ِم الم ُفَ َّتق เพียงพอสาหรับท่านจากอาหารของคนท่ีประตูถูกปิด เบ้อื งหนา้ เขา
และมา่ นหน้าต่างก็ถกู ปดิ ลงสาหรบั เขา คือเกลือและขนมปัง และน้าจากแมน่ ้ายูเฟรตสิ ทเ่ี ยน็ ช่าเพอื่ ให้ทา่ นทานมอื เทีย่ ง ท่านสามารถชวนผู้คนท่ีมีเนื้อนุ่มท่ีทาดว้ ยย่ีหร่า[อัษษารดิ อัลมุ ลบั บกั หมายถึง เนอ้ื ทเี่ คลือบแป้งและทาด้วยนำ้ มันย่ีหรา่ ] แลว้ ทา่ นก็ร้องเรอขณะท่ีพวกเรารอ้ งเรอ ประหนึ่งท่านได้รับอาหารสดทมี่ ากมายหลากหลาย [มุฟัตตกั หมายถงึ อาหารทที่ ั้งสดและมากมาย] ครบู าอาจารยแ์ ละลูกศิษย์ของท่านมัสรูก ครูบาอาจารย์ของท่าน อัลมิซซีย์ กล่าวว่า “เขา(มัสรูก)รายงานจากอุบัย บิน กะอบฺ , คอ็ บบาบ บนิ อลั อะร็อต , ซัยดฺ บนิ ษาบิต , อับดลุ ลอฮ บนิ อุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ , อับดุลลอฮ บินอัมรฺ บินอัลอาศ , อับ ดุลลอฮ บินมัสอูด , อุบัยดฺ บินอุมัยรฺ อัลลัยษ์ (และเขาคือเพ่ือน ร่วมงานของมัสรูก) , อุษมาน บินอัฟฟาน , อลี บินอบีฏอลิบ , อุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ , มุอ๊าซ บินญะบัล , มะอฺกิล บินสินาน อัลอัชญะอีย์ , อัลมุฆีเราะฮฺ บินชุอฺบะฮฺ , อบูบักรฺ อัศศิดดี้ก , สุบัยอะฮฺ อัลอัสละมียะฮฺ , ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาของท่านนบี โดยเขาเรียกว่าอุมมุรุมาน (มักจะรายงานแบบมุ รสัล) และ อุมมสุ ะละมะฮฺ ภรรยาของท่านนบ”ี [ตะฮฺซบี อลั กะมาล , ญะมาลุดดีน อลั มิซ ซยี ์ , 27/452 , 253]
ลกู ศิษยข์ องทา่ น อัลมิซซีย์ กล่าวว่า “ผู้ที่รายงานจากเขาได้แก่ อิบรอฮีม อันนะเคาะอีย์ , อนัส บินสิรีน , อัยยูบ บินฮานีย์ , ฮิบัล บินรุฟั ย ดะฮฺ , อ บู ว า อิล ชะกีก บิ นสะล ะมะฮฺ , อ ะมีร อัชชะอฺบี ย ์ , อับดุลลอฮ บินมุรเราะฮฺ อัลคอริกีย์ , อับดุรเราะหฺมาน บิน อับดุลลอฮ บินมัสอูด , อุบัย บินนัคละฮฺ , อุมาเราะฮฺ บินอุมัยรฺ , อัลกอสิม บินอัลมุนตะชิร บิน อัลอัจดะอฺ , มุหัมมัด บินนัชรฺ อัลหะมะดานีย์ , อบูอัฎฎุฮา มุสลิม บินศุบัยฮฺ , มะคูล อัชชามีย์ , ยะหฺยา บิน อัลญัซซาร , ยะหฺยา บินวัษษาบ , อบูอัลอะหฺวัศ อั ล ญุ ส ย ะ มี ย ์ อ บู อิ ส ห า ก อั ส ส ะ บี อี ย ์ , อ บู อั ช ช ะ อ ์ ช า อ ์ , อัลมุหาริบีย์ และภรรยาของเขาชื่อ กอมิร บินติอัมรฺ” [ตะฮฺซีบ อัลกะ มาล , ญะมาลดุ ดีน อัลมิซซยี ์ , 27/453] คำพูดและการกระทำสว่ นหนึง่ ของท่านมัสรูก จากมุสลิม จากมัสรูก กล่าวว่า “เพียงพอแล้วสาหรับ คนๆหน่ึงท่ีจะเป็นผู้มีความรู้ด้วยการท่ีเขาเกรงกลัวอัลลอฮ และ เพียงพอแล้วสาหรับคนๆหนึ่งที่จะเป็นคนเขลา เมื่อเขาลาพองใจ กับการงานของตวั เอง” [อฏั เฏาะบะก็อต อลั กุบรอ , มหุ มั มดั บิน สะอดฺ , 6/80] มัสรูกเคยกล่าวอีกว่า “คนๆหนึ่งควรจะมีมัจญ์ลิส (สถานที่)ท่ีเม่ือเขาอยู่ที่น่ันแล้วเขาก็ระลึกถึงบาปต่างๆ จนกระท่ัง เขาขออภัยโทษต่ออัลลอฮ” [อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บิน สะอดฺ , 6/80]
จากอบูอัฎฎุฮา เล่าว่า มัสรูกได้ใหค้ วมช่วยเหลือแกค่ นๆ หนงึ่ แล้วมีผมู้ อบของขวญั เป็นทาสคี นหนง่ึ แก่เขา เขาจึงโกรธและ พูดว่า “หากฉันรู้ว่าส่ิงน้ีมีอยู่ในตัวท่าน ฉันย่อมไม่ยินดีพูดคุย เกี่ยวกับเร่ืองน้ัน และฉันจะไม่พูดคุยเก่ียวกับเรื่องนั้นตลอดไปอีก แน่นอน เพราะฉนั ได้ยินทา่ นอับดลุ ลอฮ บินมัสอูด กล่าววา่ ‘ใครก็ ตามท่ีให้ความช่วยเหลือเพ่ือคืนสิทธิหรือเพื่อปฏิเสธความอธรรม แล้วเขาก็ได้รับของขวัญและเขารับมัน น่ันคือสุหตฺ(ส่ิงต้องห้าม)’ พวกเขาพูดวา่ ‘เราไม่มีมองสุหตฺ นอกจากคือการรับ(ของขวญั )ใน เร่ืองหุกุ่ม’ เขา(มัสรูก)กล่าวว่า ‘การรับ(ของขวัญ)ในเร่ืองหุกุ่มน้ัน คือการกฟุ รอฺ ยา่ งหน่ึง’” [อฏั เฏาะบะก็อต อัลกบุ รอ , มุหัมมดั บิน สะอดฺ , 6/82] จากอัชชะอฺบีย์ เล่าว่า มัสรูกกล่าวว่า “แท้จริงการท่ีฉัน ตัดสินเร่ืองหน่ึงแล้วฉันก็ทาให้สอดคล้องถูกต้องกับความจริงนน้ั คือส่ิงท่ีฉันรักมากกว่าเป็นยามเฝ้าระวังศัตรูท่ชี ายแดนนานหนง่ึ ปี ในหนทางของอัลลอฮเสยี อีก” [อัฏเฏาะบะก็อต อัลกบุ รอ , มุหัมมัด บนิ สะอดฺ , 6/82] จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินอัลมุนตะชิร จากมัสรูก กล่าวว่า “ไมม่ ีส่งิ ใดท่ดี ีสาหรับผูศ้ รทั ธามากกวา่ หลมุ ฝั งศพ ซึง่ เขา จะได้รับการปลดปล่อยจากปั ญหาความลาบากของดุนยาและ ปลอดภยั จากการลงโทษของอลั ลอฮ” [หลิ ยะฮฺ อัลเอาลยิ าอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอศั ฟิยาอ์ , อบูนุอยั มฺ , 2/97]
จากมุสลิมหรือคนอื่นจากเขา จากมัสรูก กล่าวว่า “สภาพที่ดีท่ีสุดของฉันสาหรับฉันเองแล้วคือ เม่ือคนใช้บอกกับ ฉันว่า ‘ที่บ้านไม่มีอาหารแม้แต่หนึ่งฆาฟิซ[ประมาณ 496 ลิตร โดยท่ัวไปแล้วใช้วัดตวงข้าวสาลี] และไม่มีดิรฮัมด้วย’”[หิลยะฮฺ อลั เอาลยิ าอ์ วะเฏาะบะกอ็ ต อลั อัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/97] จากหิลาล บินยิสาฟ กล่าวว่า มัสรูกกล่าวว่า “ใครก็ ตามที่ต้องการรู้ความรู้ของคนรุ่นก่อนและคนรุ่นต่อมา เป็ น ความรดู้ ุนยาและอาคเิ ราะฮฺ ก็จงอา่ นสเู ราะฮฺอลั วากอิ ะฮเฺ ถิด” อัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า “นี่คือคาพูดของท่านมัสรูกใน ลักษณะของมุบาละเฆาะฮฺ(การพูดให้เกินจริง) เน่ืองจากความ ย่ิงใหญ่ของเน้ือหาสาระของสูเราะฮฺนี้ ในรูปแบบต่างๆของการ งานดุนยาและอาคิเราะฮฺ คาพูดของท่านที่ว่า ‘ก็จงอ่านสูเราะฮฺ อัลวากิอะฮฺเถิด’ น้ันหมายถึง จงอ่านด้วยความใคร่ครวญ พินิจ พิจารณา และน้อมรับไปปฏิบัติ ไม่ใช่เหมือนลาท่ีแบกตาราเล่ม หนา” [สยิ ัร อะอฺลาม อันนบุ ะลาอ์ , ชมั สุดดนี อัซซะฮะบีย์ , 4/68] ทา่ นมสั รูกเสยี ชีวิต จากชะกีก กล่าวว่า “มัสรูกได้มีโอกาสเป็นผู้ว่าการเมือง อัสสัลสะละฮฺนาน 2 ปี และเขาได้ทาการละหมาด 2 ร็อกอะฮฺ – 2 ร็อกอะฮฺ เพือ่ แสวงหา(ผลบุญ)สุนนะฮฺอย่เู สมอ”
จากอัลอะอฺมัช จากชะกีก กล่าวว่า ฉันเคยถามมัสรูกว่า “อะไรหรือท่ีพาท่านมายังความรู้นี้?” เขาตอบว่า “เพราะฉันไม่ถูก 3 บุคคลถอดท้ิงคือ ซิยาด , ชุร็อยฮฺ และชัยฏอน จนกระท่ังพวก เขานาพาฉันเข้าไปในมัน(ความรู้)” [อัฏเฏาะบะกอ็ ต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บิน สะอดฺ , 6/84] จากอบูวาอิล เล่าวว่า ครั้นเม่ือมัสรูกใกล้จะเสียชีวิต เขา ได้พูดว่า “โอ้อัลลอฮ ฉันไม่ต้องการตายบนส่ิงที่มิได้ถูกทาเป็น แบบอย่างไว้โดยท่านเราะสูลุลลอฮ อบูบักรฺ และอุมัร ขอสาบาน ต่ออัลลอฮ ฉันมิได้ท้ิงทองคาและเงินแก่มนุษย์คนใด นอกจากท่ี มีอยู่ท่ีดาบของฉันน้ีเท่านั้น ดังน้ันจงห่อหุ้มฉันด้วยมันเถิด” [อฏั เฏาะบะกอ็ ต อัลกบุ รอ , มุหัมมดั บนิ สะอดฺ , 6/83] สุฟยาน บินอุยัยนะฮฺ กล่าวว่า “มัสรูกเสียชีวิตในปี ฮิจเราะฮฺที่ 63 เขาคือคนที่น่าเช่ือถือ(ษิเกาะฮฺ) และเขามีรายงาน หะดีษตา่ งๆที่ถกู ตอ้ ง” [อฏั เฏาะบะกอ็ ต อัลกุบรอ , มหุ ัมมดั บินสะอดฺ , 6/84] อบูนุอัยมฺ กล่าวว่า “ท่านเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 62” แต่ สาหรับยะหฺยา บินบุกัยรฺ , อิบนุสะอดฺ และอิบนุนุมัยรฺแล้ว ท่าน เสียชีวิตในปฮี ิจเราะฮฺที่ 63 [หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบนู ุอยั มฺ , 2/68]
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: