Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาสัปบุรุษด้วยกระบวนการหัลเกาะฮ์-ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต-อิสมาอีล ราโอ

การพัฒนาสัปบุรุษด้วยกระบวนการหัลเกาะฮ์-ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต-อิสมาอีล ราโอ

Published by Ismail Rao, 2021-07-17 16:46:59

Description: การพัฒนาสัปบุรุษด้วยกระบวนการหัลเกาะฮ์
ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
อิสมาอีล ราโอ

Search

Read the Text Version

42 “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงช่วยตัวสูเจ้าและครอบครัวของสูเจ้าให้รอดพ้นจากไฟนรก .... ” (อัลกรุ อา่ น, อตั ตะหฺรีม: 6) ดังนั้น จะเห็นได้ว่า บิดามารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าที่สาคัญในการปกป้องดูแลบุตร หลานให้ห่างไกลจากการลงโทษของพระองค์อัลลอฮฺ โดยการตระหนักในเรื่องการอบรมสั่งสอนให้บุตร หลานอย่ใู นแนวทางศาสนา 4. กำรปรกึ ษำหำรือ การปรึกษาหารือภายในครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการครอบครัวท่ีดี เป็นการให้สมาชิกในครอบครัวได้มีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ เช่น การตัดสินใจ หรือการแก้ไข้ ปัญหาความขดั แย้ง เปน็ ตน้ ในคมั ภีร์อลั กรุ อานไดร้ ะบถุ งึ ความสาคญั ของเรือ่ งนี้ไวอ้ ย่างชดั เจนวา่ ‫َوالم ِذي َن ا ْستَ َجابُوا لَِرِبِْم َوأَقَاُموا ال مصلَاةَ َوأَْمُرُه ْم ُشوَر َٰى بَْينَ ُه ْم َوِِما َرَزقْنَا ُه ْم يُنِفُقوَن‬ “บรรดาผู้ตอบรับต่อพระเจ้าของพวกเขาและดารงละหมาดและกิจการของพวกเขามี การปรึกษาหารอื ระหว่างพวกเขาและบรจิ าคส่ิงทเ่ี ราไดใ้ หเ้ ครือ่ งปัจจยั ยงั ชีพแกพ่ วกเขา” (อชั ชูรอ: 38) ในอีกอายะฮฺหนึ่ง อัลลอฮ ได้มีคาสั่งให้ท่านเราะสูลุลอฮฺ ใช้หลักการปรึกษาหารือหรือ ท่ีเรียกว่า “ชูรอ” ในการดาเนินงานกิจการตา่ งๆ ดังทก่ี ล่าววา่ ‫ََِمووافَََبِنشْساَتمَاِاوّْغْلمرِلِفَُهرْرْلمِْْنحََِةلَُفْتمِماَََْلونُلَْمَْشاماِّرملِوِلَْورلَُلِهفَْْونِإْمذَُاكَِتْنفَعَلََاُزتْْْمملَفَْمَتّظًَِروالَفَْوتَفََغَِإلِوُمكيكَذْناْلَظَتَعاَعَلْزلَْفَمَقْلّىظًَاتاِبّلمفََغِلَتَلِيلَونْإمِكََظفمنْلاُاّضْلََّعقلموالَْللَ ِمىَُِِبيْانَُّلمِّلبلَنحْاَْلْوفإِلُِممُنتَّضَكَاوواِّكلملِلَِفَماََيُْنْعِي َُُّحفبْوالِلَْعْنُمَكتَُهَْموِكفَلَِاويانَْعَْسفتَبُِفَْغماِفَْعرَْنرَُْهلحَُْْمةم‬ “เน่ืองด้วยความเมตตาจากอัลลอฮฺนั่นเอง เจ้า(มุฮัมมัด) จึงได้สุภาพอ่อนโยนแก่พวก เขา และถ้าหากเจา้ เปน็ ผปู้ ระพฤติหยาบช้า และมใี จแขง็ กระดา้ งแล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็ย่อมแยกตัว ออกไปจากรอบๆเจ้า กันแล้ว ดังน้ันจงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด และจงขออภัยให้แก่พวกเขาด้วย และจง ปรกึ ษาหารือกับพวกเขาในกิจการท้ังหลาย คร้ันเมอ่ื เจ้าไดต้ ัดสนิ ใจแล้วก็จงมอบหมายแด่อัลลอฮฺเถิด แท้ จรงิ อัลลอฮทฺ รงรักใคร่ผมู้ อบหมายทงั้ หลาย” (อลั กุรอา่ น, อลั อิมรอน : 159) ดังน้ัน กล่าวได้ว่าการชูรอมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการยอมรับในข้อสรุปร่วมกันโดย มาจากความเห็นของคนหมมู่ าก ซ่ึงมติดังกล่าวก็จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ วิธีการชูรอน้ีใช้ในการ ตัดสินใจ หรือเม่ือไม่สามารถหาข้อตกลงของบางประเด็นได้ก็จาเป็นต้องลงมติร่วมกันด้วย วิธีการน้ี เพราะความเหน็ ท่ไี ด้รบั จากคนหมูม่ ากยอ่ มมคี วามแมน่ ยามากกว่า การให้บุคคลท่ีเก่ียวข้องได้มีส่วนร่วม ในการดาเนินงานต่างๆ จะช่วยให้ทุกฝ่ายเกิดความพึงพอใจและให้ความร่วมมือได้อย่างง่ายดายมาก ยง่ิ ขนึ้ (Naceur Jabnoun, 1994: น.55-58)

43 ตอนที่ 3 วจิ ยั ทีเ่ กีย่ วข้อง ได้มีวิจัยมากมายที่ทาการวิจัยเก่ียวกับเรื่องกิจกรรมหรือกลุ่มศึกษา(คุณธรรม จริยธรรม)เพื่อพฒั นาในชุมชน ท้งั นคี้ ณะผู้วจิ ัยขอนาเสนอเพ่ือเปน็ แนวทางในการศึกษาคน้ ควา้ ดงั นี้ วจิ ัยท่ีเกีย่ วข้องกบั คุณธรรม จริยธรรม ทองพูลภูสิม (2553) ได้ทาการศึกษาระดับพฤติกรรมและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพ.ศ. 2551 กรณีศึกษาโรงเรียนแกดาวิทยาคารสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามหาสารคามเขต 1 พบว่าสภาพก่อน การดาเนินการพฤติกรรมโดยรวมของนกั เรยี นจากการประเมนิ ของครูผู้ปกครองนักเรียนและตัวนักเรียน เองอยู่ในระดับปฏิบัติการปานกลางจากการสอบถามการสัมภาษณ์คณะครูผู้ปกครองนักเรียนและ นักเรียนเกี่ยวกับเร่ืองคุณธรรมจริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพ.ศ. 2551 ของนักเรียนพบว่าระดับพฤติกรรมยังไม่เป็นไปตามความ ต้องการของคณะครูและผู้ปกครองหลังจากท่ีได้พัฒนาโดยใช้กระบวนการวงจรคุณภาพของเดมม่ิง (PDCA) และการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) ระดับพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรมและ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ท้ัง 8 ประการตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพ.ศ. 2551 เพิ่มข้ึนจากก่อนการพัฒนาในทุกด้านนั่นคือโดยรวมมีค่าเฉล่ียระดับพฤติกรรมในแต่ละด้านก่อนการ พฒั นามีค่าเฉล่ยี จากครู 3.50 ผปู้ กครอง 3.49 และนักเรียน 3.69 หลักจากพัฒนาแล้ว พบว่าพฤติกรรม ของนกั เรียนมีการพัฒนาขึ้นในทกุ ดา้ น โดยมีคา่ เฉลีย่ จากครู 4.49 ผูป้ กครอง 4.48 และนักเรียน 4.49 สภุ าพร สุขสวัสด์ิ (2552) ได้ทาการศกึ ษาการพฒั นา และแนวทางการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมของนักเรียนโรงเรียนสตรีนนทบุรี โดยนาแนวคิดการพัฒนานักเรียนดานคุณธรรมจริยธรรม ของเจือจันทร์ จงสถิตอยู่ ศูนย์แนะแนวการศึกษาและอาชีพ กรมวิชาการ สมพงษ์ จิตระดับ สานัก เลขาธิการสภาการศึกษา และอมรา เล็กเริงสินธุ์ มาเป็นกรอบในการวิจัย ผลการวิจัยพบวา่ 1. การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียนโรงเรียนสตรีนนทบุรี ตามความเห็นของ ผูบ้ ริหาร ครู กรรมการนักเรียน และคณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากทุก ด้าน เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านการจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนอยู่ในระดับมากเป็นอันดับแรก รองลงมาคือด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการปฏิบัติตนเป็น แบบอยา่ งของครูและบุคลากรในโรงเรียน ด้านการประเมินผลเพื่อพัฒนา ด้านการกาหนดนโยบายการ พัฒนา และการมสี ่วนรว่ มของผู้ปกครองและชุมชน 2. แนวทางการพัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของนักเรียนโรงเรียนสตรนี นทบุรี

44 2.1 ด้านการกาหนดนโยบายการพัฒนา ควรมีการวิเคราะห์สภาพปัญหา และ ความต้องการในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ปรับวิสัยทัศน์พันธกิจ กาหนดนโยบายการวางแผนการ ดาเนนิ งาน รายงานผลต่อผบู้ ริหารโรงเรียน 2.2 ดา้ นการเรยี นการสอน การสอนควรสอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมในทกุ ราย วิชา มีการวดั ผลด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมควบคูก่ บั เนื้อหาสาระการเรยี นการสอน ครูเปน็ กลไกสาคัญใน การขดั เกลานักเรียน 2.3 ด้านการจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียน จัดที่ประดิษฐานพลับพลาสัญลักษณ์ ของโรงเรียนให้เหมาะสม ปลูกดอกไม้ประจาโรงเรียนและต้นไม้ใหญ่ให้ร่มร่ืน จัดภูมิทัศน์ให้เหมาะสม เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ พัฒนาสง่ิ แวดลอ้ มใหส้ ะอาด มีระบบสขุ าภิบาลทีด่ ีจากการมีสว่ นรว่ มของนกั เรยี น 2.4 ด้านการปฏิบัติเป็นแบบอย่างของครูและบุคลากรในโรงเรียน ผู้บริหาร ครู และบุคลากร ควรเป็นแบบอย่างของความศรัทธา ความเคารพนับถือและรับฟังความคิดเห็นของ นักเรยี น มีความสภุ าพ รู้จกั ควบคุมอารมณ์ มคี วามรกั และปรารถนาดตี อ่ ศิษย์ 2.5 ด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ต้องส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักการทาความดี ด้วยตนอง มกี ิจกรรมสร้างแรงบนั ดาลใจในการทาความดี และสง่ เสริมความสามัคคี 2.6 ด้านการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน ผู้ปกครองต้องเป็นแบบอย่างที่ดี โรงเรียนควรจดั ทาคมู่ อื การอบรมคณุ ธรรมจริยธรรมมอบให้ผู้ปกครอง จัดสัปดาห์การเยี่ยมบ้านนักเรียน ผูป้ กครองควรมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมของโรงเรยี น รบั ทราบพฤติกรรม อบรมคณุ ธรรมจริยธรรมนักเรยี น 2.7 ด้านการประเมนิ ผลเพอ่ื พฒั นา ควรแต่งต้ังผู้รับผิดชอบโครงการกากับติดตาม ประเมินผลการพฒั นา มีการประกาศเกยี รติคณุ นักเรียนที่มีคุณงามความดี เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง และ วางแผนการพฒั นาคุณธรรมจริยธรรมให้มีประสทิ ธิภาพ มุมีน๊ะห์ บุงอตาหยง (2556) ทาการกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพ่ือปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมอิสลามแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เขตพื้นที่ การศึกษายะลา เขต 1 เพ่ือศึกษารูปแบบการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และศึกษาปัญหา อุปสรรคและ ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพ่ือปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมอิสลาม แก่นักเรียนระดับ มธั ยมศกึ ษา ในโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนาอสิ ลาม เขตพื้นทก่ี ารศึกษายะลา เขต 1 ผลการวจิ ัยพบวา่ 1. ระดับการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมอิสลามแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ใน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เขตพื้นที่การศึกษายะลา เขต 1 ตามความเห็นของครู พบว่า โดย ภาพรวมมีการดาเนินการอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายข้อพบว่า อยู่ในระดับมากทุกรายการ เหมือนกันทุกด้าน ทัง้ นร้ี ปู แบบในการดาเนนิ การจัดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนเพ่อื ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม อิสลามแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เขตพ้ืนที่การศึกษายะลา เขต 1 ตามความเหน็ ของผบู้ รหิ ารและฝ่ายกิจกรรมหรือเจ้าหน้าท่ีรับผิดชอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซ่ึงมี

45 ความเห็นตรงกันพบว่า มีการใช้ทุกโรงเรียน ท้ังหมด 6 รูปแบบ คือ กิจกรรมหัลเกาะฮฺ (กลุ่มศึกษา อสิ ลาม) กจิ กรรมละหมาดกิยามุลลัยลญฺ ะมาอะฮฺ กจิ กรรมถอื ศลี อดร่วมกันเดือนละ 1-2 ครั้ง กิจกรรมพี่ เตอื นนอ้ งเพ่ือนเตือนเพ่ือน กจิ กรรมบรรยายให้ความรู้เก่ียวกับความประเสริฐของคุณธรรมจริยธรรมใน แตล่ ะดา้ น และค่ายอบรมจริยธรรมอิสลาม 2. ปัญหาและอุปสรรคในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม อิสลามแก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เขตพื้นท่ีการศึกษายะลา เขต 1 พบวา่ ครูผู้บริหารและฝ่ายกจิ กรรมหรือเจา้ หน้าที่รับผิดชอบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีความเห็นท่ี สอดคล้องกัน คือ ปัญหาด้านเวลาไม่เพียงพอและงบประมาณท่ีมีจากัด บุคลากรบางส่วนขาดความ รับผิดชอบต่อหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมายและไม่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นักเรียนขาดจิตสานึกและไม่ เห็นคุณค่าของคุณธรรมจริยธรรม ความแตกต่างทางด้านฐานะครอบครัว ขาดความร่วมมือจาก ผปู้ กครอง พอ่ แมไ่ ม่คอ่ ยเอาใจใส่เร่ืองการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมแกบ่ ตุ รหลานและไม่มีกิจกรรมที่เน้น เฉพาะด้าน ส่วนข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คือ ผู้บริหาร บุคลากรและนักเรียนควร สร้างจิตสานึกที่ดีในการปฏิบัติคุณธรรมจริยธรรมเพ่ือเป็นแบบอย่างที่ดี ควรมีการปรับปรุงเวลาเรียน และให้มีความพร้อมด้านส่ือวัสดุอุปกรณ์ ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความสามารถในการ นาเสนอรูปแบบกิจกรรมและมีบทบาทในการดาเนินกิจกรรม ควรมีกิจกรรมประชุมพบปะผู้ปกครอง เป็นประจา ควรจัดกิจกรรมพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะกิจกรรมการทาหัล เกาะฮปฺ ระจาโรงเรียน และจดั ใหม้ กี ารประชุมหัลเกาะฮฺทุกสัปดาห์ และกิจกรรมการเยี่ยมบ้าน กาแหง จิตตะมาก (2548) ได้ทาการศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพงึ ประสงค์แกผ่ ้เู รยี นในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาอ่างทอง ผลการวจิ ัยพบวา่ 1. การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ ด้วย การสังเคราะห์แนวคดิ จากเอกสาร และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องได้ 5 แนวทาง คือการพัฒนาด้วยการจัดการ เรียนการสอน ด้วยการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้วยการใช้ตัวแบบที่ดี ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมใน โรงเรียน และด้วยการนาผู้ปกครองและผนู้ าชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วม 2. การศึกษาความเหมาะสมของแนวทางการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ผลการ วิเคราะห์พบว่า แนวทางการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมแก่ผู้เรียนในสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานสังกัด สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาอา่ งทอง ตามแนวทางทั้ง 5 มีความเหมาะสมตามเกณฑท์ ี่กาหนด 3. การศึกษาความเป็นไปได้ของแนวทางการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ผลการ วิเคราะห์พบว่า แนวทางการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมแก่ผู้เรียนในสถานศึกษาข้ันพื้นฐานสังกัด สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาอา่ งทองตามแนวทางทงั้ 5 มีความเป็นไปได้ คือ การพัฒนาด้วยการจัดการ

46 เรียนการสอน ด้วยการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ด้วยการใช้ตัวแบบที่ดี ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมใน โรงเรียน และด้วยการนาผู้ปกครองและผู้นาชุมชนเขา้ มามีสว่ นร่วม กัญจน์คหัฐ ปิยะกาญจน์ (2553) ได้ทาการศึกษาวิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมแก่ เยาวชน เพื่อศึกษาวิธีการที่ผู้ปกครองใช้ในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชน ปัญหาอุปสรรค รวมถึงแนวทางที่เหมาะสมและเป็นไปได้ในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชนในครอบครัว ผลการวิจัยพบว่านักเรียนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความประพฤติดี มีเกณฑ์คุณธรรมจริยธรรมที่ครู ประเมินว่าอยู่ในระดับพอใช้ถึงดีมาก ผู้ปกครองมีวิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม โดยเลือกใช้วิธีการ ต่างๆ ผสมผสานกันดังนี้ 1. ส่ังสอนอบรมโดยตรงบอกให้กระทา หรือหา้ มกระทาสิง่ ใดๆ ใชก้ ารให้รางวัลและ การลงโทษเปน็ สว่ นหนึ่งในการสง่ั สอนอบรม 2. เปน็ ต้นแบบ 3 ลักษณะ คือ ตัวแบบจรงิ ตวั แบบสญั ลกั ษณ์ และตวั แบบคาบอกเล่า 3. สอดแทรกเนื้อหาเพ่อื ปลูกฝังคณุ ธรรมจริยธรรมระหว่างทากจิ กรรมรว่ มกนั ใน วนั หยุด 4. ใชห้ ลกั การศาสนาด้วยการพาบุตรหลานเข้าวัดทาบุญในวันหยุดสวดมนต์ก่อนนอน ช้แี จงให้รับรู้บาปอันเกดิ จากการผิดศีล 5 และช้ีแจงให้เห็นผลของการกระทาปัญหาและอุปสรรคในการ การปลกู ฝงั คุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชนคือสภาพสังคมอิทธิพลของเพ่ือนและส่ือแขนงต่างๆผู้ปกครอง และบุตรหลานมีเวลาทากิจกรรมร่วมกันน้อยเด็กอยู่ไกลหูไกลตาพ่อแม่ และช่องว่างระหว่างวัยทาให้มี ปัญหาการส่ือสารแนวทางท่ีเหมาะสมและเป็นไปได้ในการการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมคือผู้ปกครอง ควรใช้วิธีการหลายวิธีการร่วมกันเพ่ือปลูกฝังให้บุตรหลานเป็นคนดีมีคุณธรรมจริยธรรมและปรับใช้ให้ ตรงกบั สภาพครอบครวั ของแตล่ ะบคุ คลผู้ปกครองควรยึดหลักเหตผุ ลในการให้รางวัลและลงโทษเยาวชน ต้องมีเหตุผลและใช้วิจารณญาณในการเลือกรับส่ือต่างๆและไม่คล้อยตามตัวอย่างที่ไม่ดีและสื่อแขนง ต่างๆควรตระหนักถงึ บทบาทและนาเสนอแต่สิง่ ทชี่ ่วยสรา้ งคณุ ธรรมจริยธรรมท่ดี ีให้แกเ่ ยาวชน มนูศักด์ิ โต๊ะเถื่อน (2553) ได้ทาการศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการปลูกฝังอัค ลากฺแก่นักเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสังกัดสานักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดปัตตานี ผลการวจิ ยั พบว่า 1. การปลูกฝังอัคลากฺในอิสลามมีเป้าหมายเพ่ือสร้างมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังในด้านการ ศรัทธาและการปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนาผู้ทาหน้าท่ีปลูกฝังต้องมีความบริสุทธิ์ใจความยาเกรง ความรอบรู้ความสุภาพและมีความตระหนักว่าเป็นงานที่จะถูกสอบสวนและมีผลตอบแทนในโลกน้ีและ โลกหน้าลักษณะพิเศษของการปลูกฝังอัคลากฺในอิสลามคือการปลูกฝังหลักการศรัทธาการปลูกฝังแบบ เปน็ องค์รวมการปลกู ฝงั แบบต่อเน่ืองและการปลกู ฝงั แบบมีส่วนร่วมส่วนวิธีการปลูกฝังอัคลากฺในอิสลาม มี 6 วิธีการได้แก่ 1) วิธีการสร้างแบบอย่างที่ดี 2) วิธีการสร้างแรงจูงใจ 3) วิธีการตัดเตือน 4) วิธีการ

47 นาเสนอประวัติศาสตร์อิสลาม 5) วิธีการจัดกิจกรรมปลูกฝังอัคลากฺอย่างสม่าเสมอและ 6) วิธีการจัด สภาพแวดลอ้ มทดี่ ี 2. สภาพการปลูกฝังอัคลากฺแก่นักเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสังกัด สานักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดปัตตานีในภาพรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า โรงเรยี นใชว้ ิธีการตักเตือนมสี ภาพการปฏิบัติจริงมากท่ีสุดรองลงมาคือวิธีการจัดกิจกรรมปลูกฝังอัคลากฺ อย่างสม่าเสมอวธิ ีการสรา้ งแบบอยา่ งทด่ี ีวธิ กี ารนาเสนอประวตั ิศาสตร์อิสลามวิธีการจัดสภาพแวดล้อมท่ี ดีและวิธีการสร้างแรงจูงใจน้อยที่สุดส่วนปัญหาการปลูกฝังอัคลากฺแก่นักเรียนในโรงเรียนเอกชนสอน ศาสนาอิสลามสังกัดสานักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดปัตตานีในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางเมื่อ พจิ ารณารายด้านพบวา่ วธิ กี ารสรา้ งแรงจูงใจและวธิ ีการจดั การสภาพแวดล้อมที่ดีมีปัญหาการดาเนินการ มากทีส่ ุดรองลงมาคือวิธีการตักเตือนวธิ กี ารสร้างแบบอย่างท่ีดีวิธีการนาเสนอประวัติศาสตร์อิสลามและ วิธีการจดั กิจกรรมปลกู ฝังอคั ลากฺอย่างสมา่ เสมอนอ้ ยที่สดุ 3. แนวทางการปลูกฝังอัคลากฺแก่นักเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามสังกัด สานกั งานการศึกษาเอกชนจังหวัดปตั ตานปี รากฏผลดังนี้ 3.1 แนวทางการสรา้ งแบบอยา่ งที่ดไี ดแ้ ก่โรงเรียนกาหนดวสิ ัยทศั น์และนโยบายมุง่ พัฒนาให้บุคลากรทุกคนประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีจัดให้มีการคัดสรรและการนิเทศครูผู้ สอนการ ติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดการกาหนดแหล่งเรียนรู้แบบอย่างและการจัดสรรงบประมาณสาหรับ จดั โครงการสนับสนุนการสร้างแบบอยา่ งท่ีดี 3.2 แนวทางการสร้างแรงจูงใจไดแ้ ก่การเร่มิ ตน้ การสอนดว้ ยการกลา่ วพระนาม ของอัลลอฮฺ (ซบ.) การจัดโครงการสร้างแรงจูงใจการมอบรางวัลนักเรียนที่มีอัคลากฺดีการให้โอกาส นักเรียนท่ีทาความผิดปรับปรุงตัวการรายงานผู้ปกครองทราบความประพฤติของนักเรียนและการ ส่งเสริมการใชส้ ่ือการสอนท่ีหลากหลาย 3.3 แนวทางการตักเตือนได้แก่การสร้างคมู่ อื การปฏิบตั ิตนสาหรับครผู ้สู อนและ นักเรียนการสนับสนุนให้กรรมการนักเรียนดูแลเพ่ือนและรุ่นน้องการกาหนดให้นักเรียนมีครูท่ีปรึกษา สร้างความใกล้ชิดและให้คาแนะนาแก่นักเรียนการกาหนดข้ันตอนการตักเตือนและการจัดสรร งบประมาณสาหรับการจัดโครงการอบรมอัคลากแฺ ก่นักเรยี น 3.4 แนวทางการนาเสนอประวัติศาสตร์อิสลามได้แก่การสอนและการบูรณาการ ในรายวิชาเรียนการจัดแหล่งเรียนรู้การเชิญผู้มีความรู้บรรยายประวัติศาสตร์อิสลามและการจัดสรร งบประมาณสาหรบั การจดั ทาสือ่ การสอนประวัติศาสตรอ์ ิสลาม 3.5 แนวทางการจัดกิจกรรมปลูกฝังอัคลากฺอย่างสม่าเสมอได้แก่การจัดกิจกรรม อย่างต่อเนื่องระหว่างภาคการศึกษาเช่นกิจกรรมปลูกฝังการศรัทธากิจกรรมประจาวันและกิจกรรมวัน

48 สาคัญทางศาสนาการติดตามประเมินผลการแนะนาผู้ปกครองให้เห็นความสาคัญของกิจกรรมและการ จัดสรรงบประมาณสาหรบั การจดั กจิ กรรม 3.6 แนวทางการจัดสภาพแวดล้อมท่ีดีได้แก่การสร้างสานึกรักษ์ส่ิงแวดล้อม การ รณรงค์รกั ษาความสะอาด การสรา้ งบรรยากาศทีเ่ ออื้ ตอ่ การปลูกฝงั อคั ลากฺ การรว่ มมือกับชุมชน สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์และศศิกาญจน์ ทวิสุวรรณ (2552) ได้ทาการศึกษาการ ส่งเสริมคุณธรรมท่ีมีประสิทธิภาพ : กรณีศึกษากลุ่มเด็ก/เยาวชนและข้าราชการภาครัฐเพื่อ 1) ศึกษา ปัจจัยและเง่ือนไขที่ส่งผลต่อการส่งเสริมคุณธรรมในกลุ่มเด็กเยาวชนและข้าราชการภาครัฐ 2) ศึกษา กระบวนการปลกู ฝังคุณธรรมในกลุม่ เด็กเยาวชนและข้าราชการภาครัฐ 3) ศกึ ษาการสง่ เสริมคุณธรรมใน กลุ่มเด็กเยาวชนและข้าราชการภาครัฐ 4) ศึกษาการดาเนินงานส่งเสริมคุณธรรม ในกลุ่มเด็ก เยาวชน และข้าราชการ ภาครัฐ 5) สร้างและพัฒนารูปแบบการส่งเสริมคุณธรรมในกลุ่มเด็ก เยาวชนและ ขา้ ราชการภาครัฐ ผลการวิจัยพบว่า 1. ปัจจัยและเง่ือนไขท่ีส่งผลต่อการส่งเสริมคุณธรรมพบว่าปัจจัยด้านครอบครัวมี ค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา ได้แก่ ปัจจัยด้านภาครัฐ เอกชน ด้านชุมชนและสิ่งแวดล้อม และปัจจัยด้าน องค์กรทางศาสนา มคี า่ เฉลย่ี ตา่ สุด 2. กระบวนการปลูกฝังคุณธรรมพบว่าการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนามีค่าเฉล่ียสูงสุด รองลงมา ได้แก่ การอบรมส่ังสอนจากครอบครัว การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การเสริมสร้างประสบการณ์ และการสร้างเครอื ข่ายมีค่าเฉล่ียต่าสดุ 3. การส่งเสริมคุณธรรมพบว่า การเป็นแบบอย่างที่ดี มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา ได้แก่ การกาหนดกฎระเบียบท่ีส่งเสริมคุณธรรม การจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม การมีส่วนร่วมส่งเสริม คณุ ธรรม และการสรา้ งสอ่ื ส่งเสรมิ คุณธรรม มีคา่ เฉลย่ี ต่าสุด 4. การดาเนินงานส่งเสริมคุณธรรม พบว่า ด้านการจัดกิจกรรม มีค่าเฉล่ียสูงสุด รองลงมา ได้แก่ ด้านการประเมินผล การวางแผน การประสานงาน การจัดองค์กร และด้านการจัด งบประมาณมีค่าเฉล่ยี ตา่ สุด 5. ลักษณะคุณธรรมของนักเรียนก่อนการพัฒนาโดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า การประหยัด มีค่าเฉล่ียสูงสุด รองลงมาได้แก่ ความสามัคคี ความ รับผิดชอบ ความพอเพียง ความซื่อสัตย์ การเสียสละ ความอดทน ความกตัญญูกตเวที ความมี สติสมั ปชัญญะ การข่มใจ ความขยนั หมั่นเพียร และความมีวินยั มคี ่าเฉลีย่ ตา่ สดุ 6. ลักษณะคุณธรรมของนักเรียนหลังการพัฒนาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและเมื่อ พิจารณารายด้านพบว่าความกตัญญูกตเวทีมีค่าเฉล่ียสูงสุด รองลงมาได้แก่ ความสามัคคี การประหยัด ความซ่ือสตั ย์ ความรับผิดชอบ ความมีสติสัมปชัญญะ การเสียสละ ความขยันหมั่นเพียร ความพอเพียง การข่มใจ ความอดทน และความมวี ินยั มคี า่ เฉลี่ยตา่ สดุ

49 7. การเปรียบเทียบลักษณะคุณธรรมของนักเรียนก่อนการพัฒนาและหลังการพัฒนา โดยภาพรวมและรายดา้ นแตกต่างกันอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดับ .05 8. ลักษณะคุณธรรมของผู้บริหารครูก่อนการพัฒนาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและ เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ความกตัญญูกตเวที มีค่าเฉล่ียสูงสุด รองลงมาได้แก่ความสามัคคี ความ ซ่ือสัตย์ ความพอเพียง ความรับผิดชอบ การประหยัด การเสียสละ ความขยันหมั่นเพียร ความอดทน ความมวี ินัย ความมีสตสิ มั ปชญั ญะ และการข่มใจ มีคา่ เฉล่ียตา่ สดุ 9. ลักษณะคุณธรรมของผู้บริหารครูหลังการพัฒนาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากและ เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าความกตัญญูกตเวที มีค่าเฉล่ียสูงสุดรองลงมาได้แก่ ความซ่ือสัตย์ ความ สามัคคี ความพอเพียง ความรับผิดชอบ ความมีสติสัมปชัญญะ การข่มใจ การประหยัด ความ ขยนั หมัน่ เพียร การเสียสละ ความมวี นิ ยั และความอดทน มคี า่ เฉลี่ยต่าสดุ 10. ลักษณะคุณธรรมของผู้บริหารครูก่อนการพัฒนาและหลังการพัฒนาแตกต่างกัน อย่างมีนยั สาคัญทางสถติ ทิ ่ีระดบั .05 11. รูปแบบการส่งเสริมคุณธรรมผู้บริหาร ครูนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบรุ ี มีดังต่อไปนี้ 11.1 การกาหนดนโยบายแห่งชาติในการส่งเสริมคุณธรรมเยาวชน โดยรัฐบาลจัด ประชุมบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน เยาวชน และทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้องพิจารณานาหลักธรรม ของทุกศาสนา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักการศึกษา มาร่วมกันกาหนดเป็นนโยบายวาระ แห่งชาติในการส่งเสริมคุณธรรมของเยาวชน โรงเรียนนานโยบายแห่งชาติมากาหนดเป็นนโยบายการ ส่งเสรมิ คณุ ธรรมในโรงเรียน 11.2 การกาหนดวสิ ยั ทศั น์ พนั ธกิจและเปา้ ประสงค์เกยี่ วกบั การส่งเสริมคุณธรรม แห่งชาติ โรงเรียนกาหนดมาตรฐานคุณธรรมของผู้บริหาร ครู นักเรียนโดยองค์กรหลักที่เก่ียวข้อง รับผิดชอบมีคณะกรรมการสถานศึกษา ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผแู้ ทนองคก์ รเอกชน ผแู้ ทนองค์กรศาสนา ผ้แู ทนผู้ปกครอง ผแู้ ทนชมุ ชน ครูและผู้บรหิ าร 11.3 การกาหนดยุทธศาสตร์ ในโรงเรียนเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมเยาวชน ดงั นี้ ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 การเปน็ แบบอย่างท่ีดี ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 การกาหนดกฎระเบยี บทสี่ ่งเสรมิ คุณธรรม ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 การจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรม ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 การใช้สื่อปลกุ กระแสคณุ ธรรม ยุทธศาสตรท์ ี่ 5 การสรา้ งเครือขา่ ยคณุ ธรรม

50 วรินทรา ปั้นงาม (2549) ได้ทาการศึกษารูปแบบการพัฒนาคุณธรรมของนักเรียน โรงเรียนวิถีพุทธ : การศึกษาการปฏิบัติดีแบบข้ามกรณีในจังหวัดอ่างทอง เพื่อศึกษารูปแบบการพัฒนา คณุ ธรรมของนักเรียนของโรงเรียนวิถีพุทธท่ีมีการปฏิบัติดี และวิเคราะห์ความแตกต่างของ รูปแบบการ พัฒนาคุณธรรมของนักเรียนระหว่างโรงเรียนวิถีพุทธท่ีมีการปฏิบัติดี โดยใช้วิธีการศึกษาแบบข้ามกรณี ในโรงเรยี นกรณศี กึ ษาท่ีมกี ารปฏิบัตดิ ีในจงั หวดั อา่ งทอง จานวน 3 โรงเรียน ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. การพัฒนาคุณธรรมของนักเรียนในโรงเรียนกรณีศึกษาท้ังสามกรณี มีรูปแบบการ จัดกิจกรรมที่คล้ายคลึงกัน คือ การจัดบรรยากาศสิ่งแวดล้อมท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ธรรมะ การปฏิบัติกิจ ทางศาสนา การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการเพ่ือส่งเสริมคุณธรรม การใช้ธรรมะในการปฏิบัติ หน้าทีใ่ นชีวติ จริง การฝกึ สมาธิ โดยใชห้ ลักการเสริมแรงในการพัฒนาคุณธรรม 2. รปู แบบการพฒั นาคุณธรรมของนักเรียนในโรงเรียนกรณีศึกษาท้ังมีความคล้ายคลึง กัน แต่จุดเน้นและวิธีการแตกต่างกัน รูปแบบที่ 1 การสร้างบรรยากาศท่ี สะอาด สงบ เน้นการสร้าง บรรยากาศทางกายภาพทสี่ ะอาด เพือ่ นาไปสคู่ วามสงบทางจิต ด้วยการจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้นักเรียน มีศีล 5 เป็นพื้นฐานในการดารงชีวิต รูปแบบท่ี 2 การพัฒนาแบบมุ่งเน้นพฤติกรรมทางสังคม โดยมี ครู เป็นแกนหลกั เนน้ การเสริมสร้างคณุ ลักษณะพฤติกรรมทางสังคมที่ดี โดยใช้แนวคิดการจัดการเรียนการ สอนแบบบูรณาการ และรูปแบบที่ 3 การพัฒนาจิตโดยใช้การปฏิบัติตามกิจของพุทธศาสนาเป็นหลัก เนน้ การจัดกจิ กรรมให้นักเรียนเกิดการพฒั นาจติ ด้วยการฝกึ ปฏิบัติตามกิจของพระพทุ ธศาสนาเปน็ หลัก รตั นากร วงคศ์ รี นันทกา โกมลเสน และร่งุ ฤดี พรหมแก้วงาม (2551) ได้ทาการศึกษา สภาพการดาเนินงานพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน นักศึกษา และแนวทางพัฒนาการดาเนินงาน พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนนักศึกษา ของโรงเรียนลาปางพาณิชยการและเทคโนโลยี จังหวัดลา ปาง ผลการวิจัยพบวา่ ครแู ละนักเรียนมีความเห็นตรงกนั ว่าวิธที ดี่ าเนินงานพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน นักศึกษาในวิธีแรกคือการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนควบคู่กับกิจกรรมการเรียนการสอนมีการ ปฏิบัติอยู่ในระดับมากการจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนมีการ ปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั ปานกลาง กิจกรรมของโรงเรียนที่จัดข้ึนเพ่ือพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมมีการปฏิบัติอยู่ ในระดบั มาก และการกาหนดระเบยี บปฏบิ ัติของนักเรยี นนกั ศกึ ษาและการควบคุมการปฏิบัติเพ่ือพัฒนา คณุ ธรรมจรยิ ธรรม มกี ารปฏบิ ตั ิอย่ใู นระดับมาก แนวทางพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนนักศึกษาตามความคิดเห็นของครูคือ ครู ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในเร่ืองคุณธรรมจริยธรรมแก่นักเรียน ควรมีการปรับปรุงห้องน้าให้สะอาด และ ควรจัดกิจกรรมนอกสถานท่ีทท่ี ี่มุ่งเน้นกจิ กรรมสร้างประโยชนเ์ พ่อื ส่วนรวม

51 แนวทางพัฒนาคุณธรรมจรยิ ธรรมนักเรยี น นักศกึ ษาตามความคิดเห็นของนักเรียน คือ ครูควรเพ่ิมความเอาใจใส่ต่อความประพฤติของนักเรียนนักศึกษาในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่อง และให้ทุก คนมสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ัติ และควรมคี วามเข้มงวดใหม้ ากขน้ึ มกี ารรณรงค์ใหช้ ว่ ยกันรกั ษาความสะอาด ฐาปนยี ์ พสิษฐเ์ นาวกลุ และพรสวรรค์ สุวณั ณศรีย์ (2551) ไดท้ าการศึกษาสภาพปัญหา และรูปแบบการพัฒนาคณุ ธรรมจริยธรรมนกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภัฎเลย ผลการวจิ ยั พบว่า 1. ปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรมได้แก่การแต่งกายผิดระเบียบชู้สาวไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนไม่ ซ่ือสัตย์ขาดวินัยขาดความรับผิดชอบด่ืมสุราเล่นการพนันยาเสพติดเที่ยวกลางคืนส่งเสียงดังรบกวนคน อ่นื ทะเลาะววิ าทไมม่ สี ัมมาคารวะพูดจาไมเ่ หมาะสม 2. การเรยี นลาดบั ความสาคัญของปญั หาปัญหาทีส่ าคญั ทสี่ ุดและต้องรีบแก้ไขคือ ปญั หาดา้ นการไม่ใฝ่รู้ใฝเ่ รียน 3. รูปแบบการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมด้านการไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนของนักศึกษาเป็น รูปแบบที่ต้องม่ีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัยได้แก่ด้านหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ระบบ การเรียนรู้ระบบการดูแลช่วยเหลือกิจกรรมเสริมหลักสูตรการสนับสนุนความร่วมมือเครือข่ายแหล่ง เรียนรู้ทรัพยากรภูมิทัศน์และบรรยากาศซ่ึงควรเป็นรูปแบบที่ต้องมีการจัดการตั้งแต่นโยบายของ มหาวทิ ยาลยั ซึง่ ไดม้ าจากคณะกรรมการที่ปรึกษาอธิการบดีและคณะกรรมการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม เพ่ือเป็นแนวทางให้หน่วยงานย่อยต่างๆเช่นคณะสานักภาควิชาสาขาวิชาเสนอโครงการและแผนงานให้ สอดรบั กบั นโยบาย ข้อเสนอแนะควรมีการแตง่ ตั้งคณะกรรมการพฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรมระดับ มหาวิทยาลยั ใหค้ วามสาคัญในการพฒั นาบรรยากาศท่สี ง่ เสรมิ การเรียนร้พู ัฒนาระบบอาจารย์ทปี่ รึกษา ประกาศเกียรติคณุ นักศึกษาที่เรยี นดปี ระพฤตดิ แี ละกาหนดนโยบายการพฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรมระดบั คณะและมีการติดตามประเมินผลอยา่ งต่อเน่ือง นภดล เทียนเพิ่มพูน (2546) ได้ทาการศึกษาการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมสาหรับ นกั เรียนนายรอ้ ยตารวจเพอื่ ศึกษาคณุ ธรรมจริยธรรมที่ควรปลูกฝังให้แก่นักเรียนนายร้อยตารวจรูปแบบ วิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมตามความคิดเห็นของนักเรียนนายร้อยตารวจและนายตารวจฝ่าย ปกครองเพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของนักเรียนนายร้อยตารวจเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมที่ควร ปลูกฝังให้แก่นักเรียนนายร้อยตารวจและรูปแบบวิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเม่ือจาแนกตาม สถานภาพและเหตุผลของการมาเปน็ ตารวจผลการวิจยั พบวา่ ความคิดเห็นของนักเรียนนายร้อยตารวจเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมที่ควรปลูกฝัง ให้แก่นักเรียนนายตารวจและรูปแบบวิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมโดยภาพรวมอยู่ในระดั บมาก คุณธรรมที่ควรปลูกฝังอยู่ในระดับสูงสุดคือเป็นผู้ท่ีมีสัจจะและความจริงใจและระดับต่าสุดคือเป็นผู้ท่ีมี

52 ระเบียบวินัยจริยธรรมที่ควรปลูกฝังอยู่ในระดับสูงสุดคือต้ังใจปฏิบัติหน้าท่ีและระดับต่าสุดคือให้ความ ช่วยเหลอื ผูอ้ ื่นมีความเออ้ื เฟือ้ เผื่อแผร่ จู้ ักเสียสละเห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกว่าสว่ นตน รปู แบบวธิ กี ารปลกู ฝังคณุ ธรรมจริยธรรมทอี่ ยู่ในระดับสูงสุดคือครูอาจารย์ประพฤติตน เป็นแบบอย่างท่ดี ีแกน่ ักเรยี นนายรอ้ ยตารวจและระดบั ต่าสดุ คอื การให้นกั เรยี นท่องจา ความคิดเห็นของนายตารวจฝ่ายปกครองเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมท่ีค วรปลูกฝัง ให้แก่นักเรียนนายร้อยตารวจคุณธรรมได้แก่ความยุติธรรมความไม่ประมาทความอดทนและอดกล้ัน การมีระเบยี บวนิ ัย จริยธรรม ไดแ้ ก่ ความเมตตากรุณา ความขยันหมั่นเพียร การเสียสละ ความสามัคคี และรูปแบบและวธิ ีการปลกู ฝงั คณุ ธรรมจริยธรรม ไดแ้ ก่ การให้ครู อาจารย์ นายตารวจฝ่ายปกครอง ทา ตัวเป็นแบบอย่างท่ีดี การอบรมโดยวิทยากรพิเศษที่มีประสบการณ์ การใช้ละครสมมติ ตัวอย่างของ ตารวจที่ได้จากส่ือมวลชน ภาพยนตร์ ประสบการณ์จริง ใช้กิจกรรมนอกหลักสูตรต่างๆ เช่น ค่ายอาสา พัฒนาชนบท โครงการฝึกรับใช้ประชาชนในชนบทและการเขียนบนั ทึกประจาวันการทาความดี วิไลวรรณ สาลาสุตา (2552) ได้ทาการศึกษาการเสริมสร้าง คุณธรรมจริยธรรมของ นักเรียนช่วงชั้นท่ี 3 โรงเรียนพระกุมารร้อยเอ็ด สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาร้อยเอ็ดเขต 1 ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียนช่วงช้ันที่ 3 โรงเรียน กุมารร้อยเอ็ด มีนักเรียนจานวนหน่ึงสมควรได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้อยู่ในระดับท่ีดีขึ้น โดยเฉพาะ อย่างย่ิงด้านความมีระเบียบวินัย ด้านความเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ ด้านความประหยัด ด้านความซ่ือสัตย์ และ ด้านความรับผิดชอบ และได้ดาเนินการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนในด้านต่างๆ ด้วยการ วางแผนดาเนินการ การจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การจัด กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม และการนิเทศติดตามผล ส่งผลให้การดาเนินงาน ผลการ พัฒนาประสบผลสาเร็จเปน็ ท่ีนา่ พอใจ โดยนักเรียนมพี ฤติกรรมด้านคณุ ธรรมจริยธรรมอยใู่ นระดับท่ดี ีขนึ้ เสาวนี เรวัตโต (2547) ได้ทาการศึกษาปัญหาการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของครู ให้แก่นักเรียน ระดับประถมศึกษา สานักงานเขตธนบุรี สังกัดกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า ครู ประถมศึกษา สานักงานเขตธนบุรี สังกัดกรุงเทพมหานคร มีปัญหาการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่ นักเรียนอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านสภาพแวดล้อมทางบ้านของนักเรียน และด้านอิทธิพลของ ส่ือมวลชนส่วนด้านการเรียนการสอน ด้านการประพฤติปฏิบัติของครู และด้านอิทธิพลของกลุ่มเพ่ือน นักเรียน มีปัญหาการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่นักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง และได้เสนอแนะ เกี่ยวกับการปลูกฝังคณุ ธรรมจรยิ ธรรมให้แกน่ ักเรียนในแต่ละด้านดังนี้ 1. ด้านการเรียนการสอน คือ ครู จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้มากขึ้น 2. ด้านการประพฤติปฏิบัติของครู คือ ครูควรเป็น แบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน 3. ด้านอิทธิพลของกลุ่มเพื่อนนักเรียน คือ ครูควรแนะนาในการคบเพื่อน ให้แก่นักเรียน 4. ด้านสภาพแวดล้อมทางบ้านของนักเรียนคือผู้ปกครองควรสละเวลาอบรมนักเรียน 5. ด้านอิทธิพลของส่ือมวลชนคอื เพ่มิ มาตรการในการควบคุมสือ่ ตา่ งๆให้มากข้นึ

53 ฟารีดาห์ ยงกจิ (2550) ได้ทาการศึกษาวิธีการปลูกฝังความศรัทธาในการอบรมเลี้ยงดู บุตรของครอบครัวไทยมุสลิมในอาเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบ่ี เพ่ือศึกษาระดับความรู้เกี่ยวกับความ ศรัทธาและวิธีการปลูกฝังศรัทธาแก่บุตร ศึกษาวิธีการปลูกฝังความศรัทธาในการอบรมเล้ียงดูบุตรของ ครอบครัวมุสลิม ศึกษาความแตกต่างระหว่างความรู้เกี่ยวกับความศรัทธาและวิธีการปลูกฝังความ ศรัทธาในการอบรมเลย้ี งดบู ตุ ร ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ครอบครัวไทยมสุ ลมิ อาเภอเกาะลันตาจังหวัดกระบี่ สว่ นใหญ่มคี วามรเู้ ก่ียวกับความศรัทธา และวิธีการปลูกฝังความศรัทธาในการอบรมเลี้ยงดูบุตรในระดับ ปานกลาง 2) ครอบครัวไทยมุสลิมอาเภอเกาะลันตาจังหวัดกระบ่ีที่มีช่วงอายุ อาชีพ รายได้ สถานภาพ ครอบครวั ระดบั การศึกษาสามัญและศาสนาที่แตกต่างกัน มีความรู้เก่ียวกับความศรัทธาไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ครอบครัวไทยมุสลิมอาเภอเกาะลันตาจังหวัดกระบี่ที่มีรายได้ สถานภาพครอบครวั และระดบั การศกึ ษาศาสนาทแ่ี ตกตา่ งกัน มคี วามรเู้ กี่ยวกับความศรัทธาไม่แตกต่าง กันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 แต่ผู้ที่มีอาชีพที่แตกต่างกันมีความรู้เก่ียวกับวิธีการปลูกฝัง ศรัทธาแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนผู้ที่มีช่วงอายุท่ีแตกต่างกัน มีความรู้ เกี่ยวกับวิธีการปลูกฝังศรัทธาในการเล้ียงดูบุตรแตกต่างกัน และผู้ที่มีระดับการศึกษาสามัญท่ีแตกต่าง กัน มีความรู้เก่ียวกับวิธีการปลูกฝังศรัทธาในการเล้ียงดูบุตรแตกต่างกัน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดบั .001 มาเรียม มะแซ (2553) ได้ทาการศึกษาการปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอิสลาม ของนกั เรยี นโรงเรยี นตาดกี าตามทัศนะของผู้ปกครองในอาเภอเมืองจังหวัดปัตตานี เพ่ือศึกษาระดับการ ปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของนักเรียนโรงเรียนตาดีกาตามทัศนะของผู้ปกครองใน อาเภอเมืองจังหวัดปัตตานี และประมวลข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอิสลาม ของนักเรียนโรงเรียนตาดีกาตามทัศนะของผู้ปกครองในอาเภอเมืองจังหวัดปัตตานี ผลการวิจัยพบว่า ระดับการปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของนักเรียนโรงเรียนตาดีกาตามทัศนะของ ผู้ปกครองในอาเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยรวมและรายด้าน ท้ัง 9 ด้าน คือ ด้านความสะอาด ด้าน ความสุภาพ ด้านความกตัญญู ด้านความขยัน ด้านความประหยัด ด้านความซื่อสัตย์ ด้านความสามัคคี ด้านความมีน้าใจ และด้านความมีวินัย อยู่ในระดับมาก และด้านความซ่ือสัตย์มากท่ีสุด และเม่ือ ประมวลขอ้ เสนอแนะในการปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของนักเรียนโรงเรียนตาดีกาตาม ทัศนะของผู้ปกครองในด้านต่างๆ คือดานความสะอาด ด้านความขยัน ด้านความประหยัด และด้าน ความมีน้าใจ บุญฤทธ์ิ ปิ่นทับทิม (2550) ได้ทาการศึกษาคุณธรรมจริยธรรมและแนวทางพัฒนา คุณธรรมจริยธรรมอิสลามนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพ้ืนท่ีภาค กลาง ผลการวจิ ยั พบว่า

54 1. คุณธรรมจริยธรรมอิสลามนักเรียนระดับมัธยมศึกษาโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณารายด้านพบว่าอยใู่ นระดบั มากและปานกลางเรยี งลาดับคะแนนเฉลี่ยคือความสุภาพถ่อมตน ความเมตตาความบรสิ ทุ ธใ์ิ จความอดทนและการให้อภยั 2. คุณธรรมจรยิ ธรรมอิสลามนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา อิสลามในพ้ืนที่ภาคกลางจาแนกตามจังหวัดที่ต้ังในภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติและ เม่อื พจิ ารณาเป็นรายด้านพบวา่ คณุ ธรรมจริยธรรมด้านความบริสุทธิ์ใจและความสุภาพถ่อมตน แตกต่าง กันอย่างมีนัยทางสถิติส่วนคุณธรรมจริยธรรมด้านความอดทนความเมตตาและการให้อภัยแตกต่างกัน อย่างไมม่ นี ยั ทางสถิติ 3. คุณธรรมจริยธรรมอิสลามนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา อิสลามในพื้นที่ภาคกลางแยกตามประเภทโรงเรียนที่มีการจัดตั้งมูลนิธิและโรงเรียนที่ไม่มีการจัดตั้ง มลู นธิ ิพบวา่ ท้ังโดยรวมและรายดา้ นแตกต่างกนั อย่างไม่มีนัยทางสถติ ิ 4. แนวทางการพฒั นาคุณธรรมจริยธรรมดา้ นความอดทนให้ดูตัวอย่างท่านศาสดามูฮัม มดั ด้านความเมตตาให้ชว่ ยเหลอื เด็กกาพรา้ ดา้ นการให้อภัยไม่ให้โกรธกันเกิน 3 วัน ด้านความบริสุทธิ์ใจ ให้ทาใจใหบ้ ริสุทธด์ิ ้านความสุภาพถ่อมตนจดั สิง่ แวดลอ้ มดา้ นมารยาททัง้ โรงเรยี นและในห้องเรยี น ซูเฟียร์ ดาสาราญ (2549) ได้ทาการศึกษาคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัตตานี ยะลานราธิวาสผลการวจิ ยั พบว่า 1. ระดับคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียน เอกชนสอนศาสนาอสิ ลามในพน้ื ท่ี 3 จงั หวัดชายแดนภาคใตป้ ตั ตานียะลานราธิวาสด้านความอดทนด้าน ความเมตตาดา้ นการให้อภัยและโดยรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ส่วนคุณธรรมจริยธรรมด้านความบริสุทธิ์ ใจและดา้ นความสุภาพถอ่ มตนอยู่ในระดบั มาก 2. การเปรียบเทียบคุณธรรมจริยธรรมอิสลามของนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาใน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในพ้ืนท่ี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จาแนกตามจังหวัดที่ตั้งและขนาด ของโรงเรียนพบว่าด้านความเมตตาความบริสุทธ์ิใจและด้านการให้อภัยแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสา คัญ ทางสถิติส่วนคุณธรรมจริยธรรมด้านความอดทนและโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดับ.05 และพบวา่ จงั หวัดทต่ี ั้งและขนาดของโรงเรียนร่วมส่งผลต่อคุณธรรมจริยธรรมด้านความอดทน และคณุ ธรรมจรยิ ธรรมโดยรวม สรียา นีอาบู (2549) ได้ทาการศึกษาการส่งเสริมจริยธรรมอิสลามในโรงเรียนเอกชน อาเภอเมืองจงั หวดั ยะลาโดยมงุ่ ศึกษาในประเด็นการจัดอบรมจริยธรรมโดยตรงการสอดแทรกจริยธรรม ในการสอนการจัดกิจกรรมเก่ียวกับจริยธรรมและการจัดการส่ิงแวดล้อมผลการวิจัยพบว่าการส่งเสริม จริยธรรมอสิ ลามในโรงเรียนเอกชนอาเภอเมือง จังหวดั ยะลา แบ่งออกเป็น 4 ประเด็น คือ การจัดอบรม

55 จรยิ ธรรมโดยตรง ประกอบด้วยการ อบรมหน้าเสาธง อบรมเก่ียวกับกฎระเบียบของโรงเรียน การกล่าว คาปฏิญาณตนหนา้ เสาธง กลา่ วเกยี่ วกับการปฏิญาณตนต่ออลั ลอฮฺ การขอพรต่อบิดามารดา เป็นต้น การละหมาด เน้นผู้เรียนได้ปฏิบัติศาสนกิจครบทุก เวลา การสอนรายวิชาทางศาสนา เช่น อัลกรุอาน อัลหะดีษ เป็นต้น การฝึกมารยาทมีโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเสรมิ สร้างวินัยผู้เรยี น เป็นต้น ท้ังน้ีเพื่อปลูกฝังให้ผู้เรียนเป็นคนดีมีศีลธรรมและบรรลุตาม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน การสอดแทรกจริยธรรมในการสอน ประกอบด้วย การใช้เพลง จริยธรรม เช่น เพลงเก่ียวกับความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ เป็นต้น การใช้หลักคาสอนเก่ียวกับความ รบั ผิดชอบ การอยูร่ ว่ มกนั เปน็ ต้น ทัง้ นเี้ พอื่ ให้ปฏิบัตติ ามจริยวตั รของท่านศาสดามูฮัมมัด อีกท้ังซึมซับรับรู้ในความเป็นอิสลาม การจัดกิจกรรมเก่ียวกับจริยธรรม ประกอบด้วย การจัดกิจกรรม จาลองฮารีรายอ ได้แก่ การจัดกิจกรรมจาลองฮารีรายออีฎิลฟิตรีและอีฎิลัฎฮา การถือ ศีลอดในเดือนรอมฎอน ให้ถอื ศีลอดทกุ วนั การสลามและการตอบรบั สลาม ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนกล่าวสลาม ทกุ ครง้ั เม่อื พบปะพน่ี อ้ งมุสลมิ การจดั กจิ กรรมชุมนมุ หรอื ชมรมต่าง ๆ การจดั โครงการที่เหมาะสม ได้แก่ โครงการกีฬาสี โครงการปัจฉิมนิเทศ เป็นต้น ท้ังน้ีเพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตาม หลักปฏิบัตทิ ีศ่ าสนาอสิ ลามไดก้ าหนดไว้ การจัดการส่ิงแวดล้อม ประกอบด้วย การส่งเสริมความสะอาด ในชั้นเรียนและในบริเวณโรงเรียน การจัดสถานท่ีละหมาด ได้แก่ มัสยิด การจัดป้ายคติธรรมภายใน โรงเรียน ได้แก่ ป้ายคติธรรมเก่ียวกับปรัชญาโรงเรียน การเรียน เป็นต้น เพ่ือให้ผู้เรียนได้นาข้อคิดจาก ป้ายคติธรรมไปใช้ในการดาเนินชีวิต การปลูกต้นไม้ ได้แก่ ไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้น เพ่ือให้เกิด ความรม่ รื่นและรักษาความสมดุลในโรงเรียน ท้ังนี้เพ่ือให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นแหล่ง เรยี นรูส้ าหรับผู้เรียน ไลลา หร่ิมเพ็ง (2551) ได้ทาการศึกษาองค์ประกอบทางจริยธรรมของนักศึกษามุสลิม ในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันทางจริยธรรม ระดับจริยธรรมของนักศึกษา มุสลิมในสถาบันอุดมศึกษา และความแตกต่างของระดับจริยธรรมของนักศึกษามุสลิมใน สถาบันอุดมศึกษา ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบทางจริยธรรมของนักศึกษามุสลิมใน สถาบันอุดมศึกษา ประกอบด้วย องค์ประกอบด้านการปฏิสัมพันธ์กับชนต่างศาสนิก องค์ประกอบด้าน การเขา้ สงั คม องค์ประกอบดา้ นคณุ ธรรมในตน และองค์ประกอบด้านการยึดม่ันศรัทธา การตรวจความ สอดคล้องกลมกลืนของโมเดลองค์ประกอบทางจริยธรรมของนักศึกษามุสลิมในสถาบันอุดม ศึกษากับ ข้อมูลเชิงประจักษ์ พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วน ระดบั จรยิ ธรรมของนักศกึ ษามุสลิมภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และผลการเปรียบเทียบระดับ จริยธรรมของนักศึกษามุสลิมในสถาบันอุดมศึกษาที่มีเพศและการสังกัดคณะต่างกันมีระดับจริยธรรมท่ี ต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ส่วนนักศึกษามุสลิมที่มีช้ันปีต่างกัน มีระดับจริยธรรมไม่แตกต่างกัน จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่าคุณธรรมจริยธรรมเป็นเรื่องสาคัญ และมีความจาเป็นในการจัด

56 การศึกษา เพราะจะชว่ ยพัฒนานักเรียนให้เป็นคนท่ีสมบูรณ์ เสริมสร้างให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีการพัฒนาบุคลิกภาพ สร้างให้มีคุณธรรมจริยธรรม ทาให้เป็นผู้ท่ีมี ความสามารถท่ีจะออกไปรับใช้สังคมได้อย่างเหมาะสม เป็นส่วนสาคัญท่ีจะทาให้เป็นพลเมืองท่ีดีมี ประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในอนาคต ทั้งน้ี สถาบันการศึกษาจึงจาเป็นต้องรับผิดชอบในเร่ืองดังกล่าว คือ การให้ความรู้ และการปลูกฝังหลักคุณธรรมจริยธรรมแก่เด็กและเยาวชน ดังนั้น การส่งเสริม สนับสนุนให้เยาวชนของชาติมีความรู้คู่คุณธรรม จาเป็นอย่างย่ิงท่ีครูจะต้องทาเป็นตัวอย่าง โดย ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม และต้องทาการปลูกฝังให้นักเรียนมีหลัก คุณธรรมจรยิ ธรรมทดี่ ีงามด้วย วิรัช วจิ ารณ์ (2537) ได้ทาการวิจัยเรื่อง กิจกรรมเพ่ือพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียน ประชาธิปไตยดีเดน่ ในภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาสถานภาพของครูผู้เป็นหัวหน้าโครงการ และข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน 2. ศึกษากิจกรรมและวิธีการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยใน โรงเรียนประชาธิปไตยดีเด่น ในภาคใต้จานวน 87 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลกระทาโดยการใช้ แบบสอบถาม และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู กระทาโดยการหาคา่ ร้อยละ ผลการวิจยั สรปุ ไดด้ งั น้ี 1. สถานภาพ ของครูผเู้ ปน็ หวั หนา้ โครงการและขอ้ มลู พืน้ ฐานของโรงเรียน 1.1 ครูผู้เป็นหัวหน้าโครงการส่วนใหญ่เป็น เพศชาย มวี ฒุ ิการศึกษาระดับปริญญาตรี มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีประสบการณ์ในการจัดกิกรรมมาก ว่า 8 ปี เคยผ่านการอบรมประชุมสัมมนา และมีตาแหน่งหน้าที่เป็นครูปฏิบัติการสอน 1.2 โรงเรียน ประชาธิปไตยดีเด่น ในภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดกลางมีครูในโรงเรียนจานวน 7-12 คน และ ตั้งอยู่นอกพ้นื ทก่ี นั ดารและเสีย่ งภัย 2. กจิ กรรมเพ่ือพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียนประชาธิปไตยดีเด่น ในภาคใต้ 2.1 จานวนกิจกรรมเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียนส่วนใหญ่จัด 18-19 กิจกรรม 2.2 กิจกรรมเพ่ือพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียนที่โรงเรียนส่วนใหญ่จัดเรียงตามลาดับมากน้อย ดังนี้ คือ 1. กิจกรรมคณะกรรมการนกั เรยี น 2. กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการกลุ่มกิจกรรมวันสาคัญ และกิกรรมอาหารกลางวัน 3. กิจกรรมสหกรณ์ในโรงเรียน 4. กิจกรรมตรวจสุขภาพ 5. กิจกรรมทา ความสะอาดอาคารสถานทแ่ี ละกิจกรรมสร้างเสริมวินัยนักเรียน 6. กิจกรรมการสอนข่าวและเหตุการณ์ และกิจกรรมการใช้ห้องสมุด 7. กิจกรรมประชุมผู้ปกครองนักเรียน 8. กิจกรรมการอยู่ค่ายพักแรม 9. กิจกรรมการแข่งขันกีฬาสี 10. กิจกรรมประชาสัมพันธ์เพ่ือระบบประชาธิปไตย 11. กิจกรรมตู้รับความ คิดเห็น 12.กิจกรรมนิทรรศการ 13. กิจกรรมการศึกษานอกสถานที 3.ลักษณะกิจกรรมท่ีจัดโรงเรียน ประชาธิปไตยดีเด่นในภาคใต้ ส่วนใหญ่ดาเนินการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียนตาม คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยในโรงเรียนประถมศึกษาของสานักงาน คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และเอกสารตา่ งๆ ท่ีสานักงานกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ เผยแพร่ โดยมีวิธีการดาเนินการ ดังนี้ 3.1 ด้านการเตรียมการมีการเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครอื่ งใช้ เตรียมครูท่ปี รึกษาและเตรยี มนกั เรยี น 3.2 ดา้ นการดาเนินการนักเรียนเป็นผู้ดาเนินการโดยมี

57 ข้ันตอน ดังน้ี คือ แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆจากนั้น ในแต่ละกลุ่มดาเนินการเลือกและเลขานุการ กลุ่ม ประชุมกลุ่มเพื่อวางแผนการปฏิบัติงานสร้างข้อตกลงในการปฏิบัติงาน มอบหมายงานให้สมาชิก ทุกคนในกลุ่ม ครูที่ปรึกษาคอยแนะนาช่วยเหลือขณะปฏิบัติงานและมีรายงานผลการปฏิบัติงาน 3.3 ด้านการประเมินผล ครูท่ีปรึกษาและคณะกรรมการนักเรียนท่ีรับผิดชอบร่วมกันประเมินผลการ ปฏิบัตงิ าน อัดดายิล คอลดิ อบั ดรุ รอ็ ซซาก (ad-Dayil, 2000) ได้ทาการศึกษาเกี่ยวกับ “กิจกรรม นักศึกษาและบทบาทต่อการแสวงหาความชานาญทางสังคม” โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1. เพ่ือศึกษาถึง กิจกรรมนักศึกษาและบทบาทต่อแสวงหาความชานาญทางสังคมของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา 2. ศึกษาระดับความต้องการของนักศึกษาต่อกิจกรรมประเภท ดังกล่าว 3. ศึกษาอุปสรรค์ท่ีนักศึกษาได้ ประสบในการแสวงหาความชานาญทางสังคมในชว่ งการจดั กจิ กรรมนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิมาม มุหัม มัด อิบนุ สะอูด อัลอิสลามียะฮฺ(al- Imam Muhammad Ibn Saud Islamic University) ริยาด ซาอุดอี าระเบยี กลมุ่ ตัวอย่างคือ นกั ศกึ ษาจากคณะตา่ งๆ จานวน 200คน การเก็บรวบรวมข้อมูลกระทา โดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ และได้สรุปผลการวิจัยว่า 1. การจัดกิจกรรมนักศึกษาทาให้ นักศึกษาได้รับความชานาญในด้านต่างๆในระดับปานกลาง 2. ความต้องการที่จะเข้าร่วมกิจกรรมของ นักศึกษาอยู่ในระดับที่สูง 3. กิจกรรมที่นักศึกษาประสงค์จะเข้าร่วมอยุ่ในระดับปานกลาง 4.ปัญหาและ อุปสรรค์ท่ีนักนักศึกษาต้องเผชิญในการแสวงหาความชานาญทางสังคมขณะท่ีจัดกิจกรรมนักศึกษาอยู่ ในระดบั ทปี่ านกลาง ดฮู าน (Doohan, 1969: 2146-A) ได้ศึกษาการจัดกิจกรรมนักเรียนในด้านปัญหาและ การประเมินผลในโรงเรยี นมัธยม 4 แหง่ ของรัฐเมน (Maine State) สหรฐั อเมรกิ า ผลการวิจัยปรากฏว่า อาจารย์ท่ีปรึกษามีจานวนน้อยไม่พอเพียงกับความต้องการของนักเรียน การประสานงานขอ ง สถาบันการศึกษากับหนว่ ยงานของชมุ ชนมีนอ้ ยเกินไป การเปล่ียนแปลงทางสังคมท่ีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทาให้มีช่องว่างระหว่างผู้ใหญ่กับวัยรุ่น เวลาในการจัดกิจกรรม มักใช้เวลาเรียนจึงมีนักเรียนบางส่วนไม่ สามารถเขา้ ร่วมกจิ กรรมได้ ผู้บริหารสถาบันตระหนักถึงปัญหาน้ี และได้พยายามปรับปรุงการดาเนินให้ นกั เรยี นมโี อกาสเข้ากจิ กรรมอยา่ งทวั่ ถงึ ขอ้ ตกลงเบ้อื งต้น การวจิ ยั ครง้ั น้ีผู้วจิ ัยได้กาหนดข้อตกลงเบื้องตน้ ไว้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การปริวรรตอักษรอาหรับเป็นอักษรไทยใช้กฎเกณฑ์ท่ีกาหนดโดยวิทยาลัยอิสลาม ศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และการปริวรรตอักษรอาหรับเป็นอักษรอังกฤษ ใชก้ ฎเกณฑท์ ี่กาหนดโดยหอ้ งสมุดรัฐสภาประเทศสหรัฐอเมรกิ า

58 2. การแปลความหมายอายะฮฺอัลกุรอานผวู้ จิ ัยจะยดึ พระมหาคมั ภีร์อัลกุรอานพร้อมคา แปลเป็นภาษาไทยของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับประเทศไทย ซ่ึงพิมพ์เผยแผ่โดยศูนย์กษัตริย์ฟะฮัด เพอ่ื การพมิ พอ์ ลั กุรอานเป็นหลกั ในการแปล กรอบแนวคิดกำรวจิ ัย กระบวนการหัลเกาะฮ์ ลกั ษณะของกระบวน ของชุมชนมสั ยดิ การหลั เกาะฮ์ สภาพปัญหาครอบครวั ดา้ น ตลาดเมอื งใหม่ ตลาดเมอื งใหม่ คุณธรรมจรยิ ธรรม ของ สปั บุรุษ ผ้นู าศาสนา ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ มรุ ็อบบีย์ และมตุ ะร็อบบีย์

59 บทที่ 3 วิธดี ำเนินกำรวิจยั การดาเนินงานวิจัยคร้ังนี้ เป็นการวิจัยเพ่ือศึกษาการพัฒนาสัปบุรุษด้วย กระบวนการหัลเกาะฮ์ เพ่ือส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จงั หวดั ยะลา ในการวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพ่ือศึกษาสภาพปัญหา คุณธรรมจริยธรรมสปั บุรษุ ในชมุ ชนมสั ยดิ ดารุลมฮุ าญิรีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดยะลา 2 ) เพ่ือศึกษาลักษณะกระบวนการหัลเกาะฮ์ ในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีนตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยใช้มัสยิดเป็นฐานเก็บข้อมูล ซ่ึงผู้วิจัยได้ดาเนินการวิจัยออกเป็น 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย กลุ่มตัวอย่างศึกษา ขอบเขตของการศึกษา การพัฒนาเครื่องมือวิจัย การเก็บรวบรวม ข้อมลู และการวิเคราะหข์ อ้ มูล มีรายละเอยี ดของการดาเนนิ การในแต่ละขน้ั ตอนดังน้ี 1. ผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key Informants) การวิจัยครั้งน้ี เป็นการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ในรูปแบบ กรณีศึกษา (Case Studies) โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) รวม 15 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มจัดกระบวนการ ประกอบด้วยอิหม่าม คอเต็บ บิหล่ัน 3 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน มุร็อบบีย์ (พ่ีเลี้ยงดาเนินการ) จานวน 2 คน 2. กลุ่มครอบครัว คือ มูตะร็อบบีย์ (สมาชกิ กลมุ่ ศึกษาอสิ ลาม) จานวน 7 คน 2. ขอบเขตของกำรศึกษำ ขอบเขตด้านเน้ือหา เพื่อสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรม ในชมุ ชนมสั ยิดดารลุ มุฮาญริ ีน ตลาดเมอื งใหม่ อาเภอเมือง จังหวดั ยะลา ขอบเขตด้านพน้ื ท่ี ชมุ ชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมอื ง จังหวัด ยะลา ขอบเขตด้านเวลา ในการวิจัยคร้ังน้ีทาการวิจัย และเก็บข้อมูลในช่วงระหว่าง เดือน มีนาคม พ.ศ. 2560 ถึง เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2560 3. กำรพัฒนำเคร่ืองมือวิจัย การวิจัยในครั้งน้ีอาศัยวิธีการสาคัญ 3 วิธี ได้แก่ ด้วยวิธีสัมภาษณ์ แบบสนทนากลุ่ม (Focused Group) ในการหาข้อสรุปหรือแนวทางการปฏิบัติร่วมกันของกลุ่มผู้ให้ข้อมูล และการร่วม

60 สังเกตโดยตรง (Participant’s Observation) และการปฏิสัมพนั ธ์กบั กลุม่ ตัวอย่างศึกษา ในการสังเกต โดยตรงนั้น ใช้วิธีการสังเกตเฉพาะคนและกลุ่มคนการเข้าไปในมัสยิดที่ทาการศึกษาแบบหัลเกาะฮฺทา เป็นระยะๆโดยเว้นชว่ งไว้ตามแตโ่ อกาสกิจกรรมเร่ิมตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ตลอดจนเสร็จงาน เพราะ ต้งั ใจจะไดข้ อ้ มูลทหี่ ลากหลาย และมคี วามถกู ต้องมากทีส่ ุด 3.1 แบบสัมภาษณ์ เพื่อศึกษาสภาพปัญหาครอบครัว ในด้านคุณธรรมจริยธรรม ของสัปบุรุษในชมุ ชนมสั ยิดดารุลมุฮาญิรนี ตลาดเมอื งใหม่ อาเภอเมอื ง จังหวดั ยะลา แนวการสมั ภาษณเ์ ก่ยี วกับสภาพปัญหาครอบครวั เช่น ก) คาถามเกย่ี วกับปจั จัยดา้ นการวางแผนชีวติ ครอบครวั ข) คาถามเกี่ยวกบั ปจั จัยด้านการอบรมเล้ยี งดูบุตร 3.2 แบบสนทนากลุ่ม เพื่อศึกษาการพัฒนาสัปบุรุษด้วยกระบวนการหัลเกาะฮ์ ใน ชุมชนมัสยดิ ดารุลมุฮาญิรีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จงั หวัดยะลา ในการหาข้อสรุปหรอื แนวทางการ ปฏิบตั ิรว่ มกนั ของกลมุ่ ผู้ใหข้ ้อมลู 3.3 แบบสังเกต เพ่ือศึกษากระบวนการหัลเกาะห์ในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีนตลาด เมืองใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดยะลา ใช้วิธีสังเกตการณ์ โดยใช้แบบสังเกตชนิดเข้าไปมีส่วนร่วม (Participant Observation) ในกจิ กรรมหัลเกาะฮ์ เพ่ือเกบ็ ข้อมลู พน้ื ฐาน และสภาพแวดลอ้ มท่วั ไป 4. เกบ็ รวบรวมข้อมลู ขั้นตอนน้ีเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ได้แก่ การสร้างเครื่องมือ ด้วยวิธีสัมภาษณ์ แบบสนทนากลุ่มและแบบสังเกต การตรวจทานโดยผู้ทรงคุณวุฒิการปรับปรุง เครื่องมือตลอดจนการกาหนดกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่าง การออกภาคสนามเพ่ือใช้เคร่ืองมือเก็บ ขอ้ มูล โดยมีประชากรในการวจิ ัยครง้ั น้ีคือสัปบรุ ุษในชุมชนมัสยิดดารุลมฮุ าญริ ีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอ เมอื งจังหวดั ยะลา 5. กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยคร้ังนี้ ได้ดาเนินแบบอุปนัย (Inductive Research) คือ สรา้ งข้อสรุปจากส่ิงท่ีปรากฏข้ึนในขณะท่ีดาเนินกิจกรรมตามกระบวนการวิจัย และนาเสนอผลการ วิเคราะห์ในรูปแบบรายงานเชิงพรรณนาวิเคราะห์ (Descriptive Research) ของข้อค้นพบในการวิจัย ในการรายงานผลการวิจยั ไดร้ ายงานเปน็ เรยี งความเชงิ บรรยาย ประกอบกับข้อความสาคัญที่ได้จากการ สมั ภาษณ์ และสังเกต

61 บทท่ี 4 ผลกำรวิเครำะห์ข้อมลู การนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือการพัฒนาสัปบุรุษด้วยกระบวนการหัลเกาะฮ์ ด้านจริยธรรม ตามวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาคุณธรรมจริยธรรมสัปบุรุษในชุมชนมัสยิด ดารุลมฮุ าญิรีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดยะลา 2) เพื่อศึกษาลักษณะกระบวนการหัลเกาะฮ์ ในชุมชนมสั ยดิ ดารลุ มุฮาญริ ีนตลาดเมอื งใหม่ อาเภอเมอื ง จงั หวดั ยะลา รายละเอยี ดแต่ละตอนมีดงั นี้ สภำพปัญหำคุณธรรมจรยิ ธรรมครอบครัว สปั บุรุษในชุมชนมัสยดิ ดำรุลมฮุ ำญิรีน ตลำดเมืองใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลำ ผวู้ ิจยั ได้ศกึ ษาสภาพปัญหาคุณธรรมจรยิ ธรรมครอบครวั สปั บรุ ุษในชุมชนมัสยดิ ดารลุ มุฮาญิรีน ตลาดเมอื งใหม่ อาเภอเมือง จังหวดั ยะลา ผ้วู ิจัยนาเสนอดงั ต่อไปนี้ 1. สภำพปญั หำสัปบรุ ุษเกีย่ วกับกำรวำงแผนชีวติ ครอบครัว ผู้วจิ ัยได้ศกึ ษาจากกลุ่มตวั อย่างศึกษาเกี่ยวกับการวางแผนชวี ิตครอบครวั ดังคาพดู ของกลุ่มศึกษาดังต่อไปนี้ “...แล้วเราต้องขยันทามาหากินไหม เพ่ือให้มีฐานะที่ดีขึ้น เม่ือพระเจ้าเท่าน้ันเป็นผู้กาหนดทุกสิ่ง... เคยรู้มาบ้างไหม ในอัลกุรอานมีกล่าว...\"อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงชะตาของ ผใู้ ดจนกวา่ ผ้นู ้ันจะทาการเปลยี่ นแปลงชะตาของเขาเอง...\" (มุร็อบบยี ์ 2 / 21 กนั ยายน 2560) “...วางแผนและตะวักกัลไป อัลลอฮฺมีความสามารถอัลลอฮฺ ให้สอบผ่าน หรือสอบตก อัลลอฮฺให้เรียนจบ หรือไม่จบ อัลลอฮฺให้เรามีเงินกินเดือนน้ีหรือจะอด อัลลอฮฺให้เราได้ แต่งงานปีหน้า หรืออดแต่ง อัลลอฮฺให้สิงใดที่เราหวังก็เป็น ความเมตตาของพระองค์ และสิ่งท่ีพระองค์ไม่ให้เรา แท้จริง

62 แล้วมันคือส่ิงท่ีดีสาหรับเราพยายามและทาให้ดีที่สุด พร้อม กับยึดม่ันว่า การงานทั้งหมดน้ันมาจากอัลลอฮฺ ฉันศรัทธา แลว้ ในกาหนดสภาวะวา่ มาจากพระองค.์ ..” (ผูน้ าศาสนา 2 /21 กันยายน 2560) “...วางแผนชีวิตสาคัญสาหรับชีวิตมุสลิมมากน้อยขนาดใหน ในเมื่อเราตอ้ งตะวกั กลั ต่อพระผ้อู ภิบาล แล้วเราต้องคาดหวัง กับแผนการณ์เราอย่างไร ผมอยากจะอธิบายสั้นๆ ดังนี้ การ วางแผนระเบียบในการดาเนินชีวิต น่ันคือความสาเร็จ ครงึ่ หน่ึงของชวี ติ สว่ นการวางแผนว่าผลลัพธ์จะต้องได้อย่าง น้ัน จะต้องได้อย่างน้ี หรือจะจะได้ผลกาไรเท่านั้นต้องได้ เท่าน้ี การงานต้องได้รับผลสาเร็จอย่างน้ัน ต้องได้รับ ผลสาเร็จอย่างนี้ ซึ่งการวางแผนดังกล่าวไม่ใช่อยู่ในการ วางแผนของเราแต่เป็นการวางแผนของอัลเลาะฮ์ หรือพูด อีกนัยหน่ึงก็คือเป็นการกาหนดของอัลเลาะฮ์ตะอาลานั่นเอง ดังน้ันแผนการท่ีให้ได้มาซ่ึงผลลัพธ์ ย่อมอยู่ในแผนการ ของอัลเลาะฮ์ เราจึงต้องมอบหมายต่อพระองค์ หากถามว่า ทาไมเราต้องตะวักกัลมอบหมายต่ออัลเลาะฮ์ คาตอบคือ \"เพราะเราเปน็ บา่ วทต่ี า่ ตอ้ ยของพระองค\"์ วัลลอฮุอะลัม...” (มุร็อบบยี ์ 1 / 21 กันยายน 2560) “...ปกติชิลไปหน่อย ไม่ค่อยวางแผนอะไรกะชีวิต ไม่ค่อย วางแผน แสดงว่ามีการวางแผนอยู่บ้างแต่ส่วนมากปล่อยให้ อยู่ในการวางแผนของอัลเลาะฮ์ อย่างนี้ถือว่าถูกต้อง คนท่ี ลืมอัลเลาะฮน์ ัน้ เมอ่ื เขาตนื่ ข้ึนมาและออกไปทางาน เขาจะ คิดว่าวันนี้จะได้ริสกีมาสักเท่าไหร่ แต่คนที่มีสติปัญญานั้น เมื่อเขาต่ืนขึ้นมาและออกไปทางาน เขาจะคิดว่าวันนี้อัล เลาะฮ์จะทรงทาอย่างไรกับเขา ประโยคดังกล่าว อธิบายได้

63 หลายหนา้ กระดาษเลยทีเดยี วสาหรับผู้ที่มีความเป็นบ่าวที่ต่า ต้อยของอัลเลาะฮต์ ะอาลาอย่างแทจ้ ริง วลั ลอฮอุ ะลัม...” (มูตะร็อบบยี ์ 1 /21 กนั ยายน 2560) “...ทุกวันน้ีทาธุรกิจส่วนตัว ไม่เคยคิดว่าจะได้ริสกีเท่าน้ัน เทา่ น้ี เพราะริสกนี ้ันมาจากอลั ลอฮ์ หากวันใดพระองค์จะเอา กลับคืน ก็เป็นสิทธ์ิของพระองค์ และนั่นก็คือบททดสอบ เราเป็นบ่าวผู้ต่าต้อย ไม่มีความสามารถท่ีจะหาริสกีได้เอง หากพระองค์ไม่ประสงค์ แต่สิ่งที่เราต้องคิดอยู่ทุกวันเมื่อต่ืน นอน ก็คือ จะทาตัวเองอย่างไรในวันนี้ให้เพิ่มพูนอิหม่าน แสวงหาริสกีด้วยกับสิ่งฮะลาลทาบาปให้น้อยที่สุด และ ราลึกอัลลอฮ์ให้มากที่สุด เพียงเท่าน้ี การวางแผนชีวิตก็ สาเรจ็ ไปแล้วสว่ นหนึง่ อินชาอลั ลอฮ์...” (มูตะร็อบบีย์ 3 /21 กนั ยายน 2560) “...ทาอะไรก็ต้องมีแผนครับ... อย่างน้อยการเดินทางก็ต้องมี แผนท่ี แผนที่ก็คือแผนอย่างนึงเพื่อกาหนดว่าเราจะเดินทาง ไปในทศิ ทางใด มสุ ลิมกาลงั เดินทางไปสู่วันปรโลก โดยมีอัลกุ รอ่านและอัลฮาดิษเป็นแผนท่ีครับ การต้ังเจตนา ก็อาจเรียก ได้ว่าเป็นแผนอย่างนึงครับ สรุปว่า ทาอะไรก็ต้องมีแผนครับ ส่วนจะบรรลุไปตามแผนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของ พระผู้เป็นเจ้าครบั ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองอะไร ในฐานะมุสลิม เรา ต้องทาให้ดีที่สุดไปพร้อมๆ กับการมอบหมายต่อพระองค์ อลั ลอฮ์ การมีแผนการในชีวิต ก็ถือเป็นจุดเร่ิมต้นของการทา ใหด้ ที ส่ี ุดครับ ยงั ไงก็ดีกวา่ การไม่มแี ผนเปน็ แน่...” (มูตะร็อบบีย์ 5 /21 กันยายน 2560)

64 “...อัลฮัมดุลิลลาฮ์ เร่ิมเข้าใจแล้ว การวางแผนให้เป็นไปตาม ระเบียบ แต่ผลลัพธ์นั้นเป็นการวางแผนของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา (วัลลอฮุอะอฺลัม) อ่านให้รู้และเข้าใจมันง่าย แต่จะ ใหเ้ ข้าใจแบบลกึ ซง้ึ นย่ี ากกว่า...” (มตู ะรอ็ บบีย์ 4 /21 กันยายน 2560) “...เหมือนกับเราปลูกต้นมะม่วง แค่ปลูกที่เหลือตะวักกั้ล แลว้ อะรัยจะเกดิ ลองพิจารณาดู...” (ผ้นู าศาสนา 1 /21 กันยายน 2560) “...ผมขอลองยกตัวอย่างแผนชีวิตอย่างง่ายๆ แผนระยะยาว (แผนระดับนโยบาย) เป้าหมาย การได้พานักในสวนสวรรค์ อันสถาพร ทาความดีไห้มากท่ีสุดเท่าที่จะทาได้ ละเว้นการ ทาความชว่ั และการฝ่าฝืน แผนระยะสั้น 1 ปี เป็นแผนระดับ การจัดการ เป้าหมาย ทาความดีให้ได้มากที่สุดเม่ือมีโอกาส จัดหาท่ีละหมาดในแต่ละวัน เพ่ือให้ละหมาดครบ 5 เวลาใน ทุกวนั ตลอดปี (มตู ะร็อบบยี ์ 6/21 กนั ยายน 2560) “...เตรียมพร้อมในการถือศีลอดให้ครบในเดือนรอมฎอนปีนี้ จัดสรรการเงินเพื่อออมเงินไปทาฮัจย์ปีน้ีให้ได้สัก 50,000 บาท จัดเวลา/วันหยุด เพื่อไปเยี่ยมเยียนญาติพ่ีน้องและให้ ความช่วยเหลือตามโอกาส จ่ายซะกาตจากเงินออม ส่วน แผนระยะส้ัน 1 วัน แผนระดับปฏิบัติการ เป้าหมาย ละหมาดให้ครบ ทาความดีละเว้นความช่ัว ต่ืนนอนตี 5 อาบน้าและละหมาดซุบฮิ ละหมาดสุนัต แล้วอ่านอัลกุรอ่าน รับประทานอาหารให้มีคุณค่าและปริมาณตามแบบอย่างซุน นะห์นบี เดินทางไปทางาน และทางานด้วยความซื่อสัตย์

65 สุจริต พักเท่ียง รับประทานอาหาร ละหมาดดุฮ์ริ่ ถ้าเป็นวัน ศกุ รจ์ ะตอ้ งไปละหมาดท่ีสุเหร่า ทางานช่วงบ่าย ละหมาดอัซ ริ เดินทางกลับบ้านให้ทันละหมาดมักริบ ละหมาดมักริบ และอ่านอัลกุรอ่าน ทางานบ้าน และละหมาดอีซาเม่ือได้ เวลา เอาเงินหยอดกระปุกวันละ 50-60 บาท เก็บไว้เป็นทุน ไปทาฮัจย์ กรณีท่ีไปทาธุระข้างนอกหลังจากเลิกงาน ต้อง วางแผนหาที่ละหมาดไว้ จากตัวอย่าง เป็นแผนที่เราตั้งใจจะ ให้เป็นไปตามน้ีและเราก็จะต้องพยายามทาให้สาเร็จตาม แผนที่เราได้วางไว้ ส่วนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ตลอดถึง ปัจจัยต่างๆ ที่จะทาให้แผนนี้จะเป็นผลบรรลุตามเป้าหมาย หรือไม่อย่างไรน้ัน เราต้องมอบหมายต่ออัลลอฮ์ท้ังหมดครับ นอกจากนี้ หลงั จากท่ีเราปฏึบิ ัติตามแผนการของเราแล้ว เรา จะทราบถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆเรายังสามารถนาแผน มาปรบั ปรงุ เพอื่ ใหบ้ รรลุถึงเปา้ หมายสงู สุดได้ตลอดเวลาซึ่งจะ ทาใหเ้ กิดเปน็ การพัฒนาคณุ ภาพอหี มา่ นให้กบั ชวี ติ ของเราอยู่ เรื่อยๆ ครับ หวังว่าจะเป็นตัวอย่างท่ีมีประโยชน์ได้สัก เลก็ น้อย...” (มูตะร็อบบีย์ 6/21 กันยายน 2560) “...เราวางแผนได้ แตผ่ ลลัพธท์ ไี่ ด้ก็แล้วแต่พระองค์...” (มูตะร็อบบยี ์ 5/21 กันยายน 2560) สรปุ สภำพปญั หำสปั บรุ ุษเกี่ยวกับกำรวำงแผนชีวติ ครอบครวั มดี ังน้ี 1.1 ดา้ นปัญหาปัจจยั ยังชีพในการวางแผนชวี ติ ครอบครวั สัปบรุ ุษมอบหมาย ต่ออลั ลอฮ หลังจากทไ่ี ด้ทาหน้าที่อยา่ งเตม็ ท่ีแลว้

66 1.2 ด้านการเลอื กคูส่ มรส สปั บุรุษมคี วามศรทั ธาต่อกฎสภาวะของอลั ลอฮ หวังความเมตตาของพระองค์ 1.3 ดา้ นละเลยการละหมาด ศิยามและบทบญั ญัติอ่นื ๆในอิสลาม การวางแผนครอบครวั ให้ดี หนา้ ที่นี้มิเพียงจะตง้ั หนา้ ตั้งตาหาเงนิ ดูแลครอบครัวเท่าน้ัน แต่จะต้องเป็นพอ่ บ้านท่ีรอบคอบ รู้จักวางแผนอนาคตครอบครัวและมองการณ์ไกล โดยใช้ความรู้ความ เข้าใจในเรื่องศาสนา เป็นปากกาขีดเขียนออกแบบแผนผังครอบครัว โดยมีองค์ประกอบท่ีสาคัญ คือ ภรรยา และลูกๆ ที่คอยเช่ือฟังและปฏิบัติตามในเรื่องท่ีไม่ผิดต่อหลักการศาสนา แผนผังแรกท่ี เฟ้นหา หลักท่ีจะทาให้แผนดาเนินได้ราบร่ืน ท้ังทางด้านศาสนา กิริยามารยาท เพื่ออนาคตที่ดี เป้าหมายการ วางแผนชวี ติ โดยการไดพ้ านักในสวนสวรรคอ์ นั สถาพร ทาความดีไห้มากท่ีสุดเท่าที่จะทาได้ ละเว้นการ ทาความชั่วและการฝ่าฝนื การจัดการ เป้าหมาย ทาความดีให้ได้มากที่สุดเมื่อมีโอกาส จัดหาท่ีละหมาด ในแต่ละวัน เพื่อให้ละหมาดครบ 5 เวลาในทุกวันตลอดปี เตรียมพร้อมในการถือศีลอดให้ครบในเดือน รอมฎอน จัดสรรการเงินเพ่ือออมเงินไปทาฮัจย์ จัดเวลา/วันหยุด เพ่ือไปเย่ียมเยียนญาติพ่ีน้องและให้ ความช่วยเหลือตามโอกาส จ่ายซะกาตจากเงินออม ส่วนแผนระยะส้ัน 1 วัน แผนระดับปฏิบัติการ เป้าหมาย ละหมาดให้ครบ ทาความดีละเว้นความช่ัว ตื่นนอนตี 5 อาบน้าและละหมาดซุบฮิ ละหมาด สนุ ตั แลว้ อ่านอลั กุรอ่าน รับประทานอาหารให้มีคุณค่าและปริมาณตามแบบอย่างซุนนะห์นบี เดินทาง ไปทางาน และทางานดว้ ยความซอื่ สัตยส์ ุจรติ พักเที่ยง รับประทานอาหาร ละหมาดดุฮ์ร่ิ ถ้าเป็นวันศุกร์ จะต้องไปละหมาดที่สุเหร่า ทางานช่วงบ่าย ละหมาดอัซริ เดินทางกลับบ้านให้ทันละหมาดมักริบ ละหมาดมักริบ และอ่านอัลกุรอ่าน ทางานบ้าน และละหมาดอีซาเม่ือได้เวลา ออมเงินไว้เป็นทุนไปทา ฮัจย์ ผู้ท่ีทาธุระข้างนอกหลังจากเลิกงาน ต้องวางแผนหาท่ีละหมาดไว้ เป็นแผนท่ีเราต้ังใจจะให้เป็นไป ตามนแ้ี ละเรากจ็ ะตอ้ งพยายามทาให้สาเร็จตามแผนท่ีเราได้วางไว้ ส่วนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ตลอด ถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะทาให้แผนน้ีจะเป็นผลบรรลุตามเป้าหมายหรือไม่อย่างไรน้ัน เราต้องมอบหมาย ต่ออัลลอฮ์ทั้งหมด นอกจากนี้ หลังจากท่ีเราปึฏิบัติตามแผนการของเราแล้ว เราจะทราบถึงปัญหาและ อุปสรรคตา่ งๆเรายังสามารถนาแผนมาปรับปรุงเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุดได้ตลอดเวลาซ่ึงจะทาให้ เกิดเปน็ การพฒั นาคณุ ภาพอีหมา่ นใหก้ ับชีวติ ของเรา

67 2. สภำพปัญหำสัปบุรษุ เกยี่ วกบั กำรอบรมเล้ยี งดูบุตร ผวู้ ิจัยไดศ้ กึ ษาจากกลมุ่ ตัวอย่างศึกษาเก่ยี วกบั การอบรมเลีย้ งดูบตุ ร ดังคาพูดของ กลมุ่ ศึกษาดงั ต่อไปน้ี “...การศึกษาในยุคปัจจุบัน ไม่ได้มุ่งให้เด็กจดจาตามคาครู สอนอีกแล้ว แหล่งเรียนรู้ไม่ได้จาเพาะเจาะจงต้องเป็น โรงเรียนอีกต่อไป และพ่อแม่ก็สามารถเป็นครูได้ โดยวิถี ธรรมชาติ พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูกมาแต่ไหนแต่ไร เม่ือ ลืมตาข้ึนมาดูโลก พ่อแม่น่ีเองท่ีเป็นครูสอนการดารงชีวิต อย่างมนุษย์ เป็นผู้สอนให้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ แต่เมื่อยุคหนึ่ง ยุคที่การศึกษาเข้ามามีบทบาทกับชีวิต โรงเรียนได้รับหน้าที่อบรมส่ังสอนพ่อแม่ทาหน้าที่น้อยลง แลว้ ฝากความหวังทง้ั หมดไว้กบั โรงเรียนทั้งที่โรงเรียนก็มิอาจ ทาหน้าท่ีน้ันได้ทั้งหมด ทั้งยับพบว่าพ่อแม่ก็สามารถจัดการ เรียนรู้ให้กับลูกไม่แพ้ครูท่ีโรงเรียน Home school จึงเป็น ทางเลือกหน่ึงให้กับพ่อแม่ได้มีสิทธ์ิในการจัดการศึกษาให้ลูก ด้วยตนเอง และได้รับการยอมรับอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่ง Home school เป็นการจัดการศึกษาที่นิยมมากใน ตะวันตก เพราะเป็นจุดเร่ิมต้นและแพร่ขยายไปยังประเทศ อ่ืนๆ มีรานงานว่าปัจจุบันน้ี มีเด็กทั่วโลกที่เรียนอยู่กับบ้าน เกือบสามล้านคน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามีไม่น้อยกว่า หน่ึง ล้านคน และในอนาคตข้างหน้าสหรัฐอเมริกา อาจจะมีเด็ก เรยี นอยกู่ บั บา้ น หกล้านคน...\" (มูตะร็อบบีย์ 4/21 กนั ยายน 2560) “...แม้ว่าจะต้องไปๆ มาๆ ชนิดท่ีว่าไม่สามารถอยู่กับลูกได้ ตลอดเดือน ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับเขาก็เป็นช่วง ท่ีสนุกอย่างยิ่ง ... ผมอยากจะบอกการเลี้ยงลูกให้มีความ

68 ศรทั ธาครับ ลูกผมนะ่ ถามเยอะ ถามโนน่ ถามน่ี ชอบชวนคุณ พ่อเล่น และมีความจาพร้อมๆ กับความคิดความอ่านตาม ประสาเด็กๆ ท่ีแจ๋วมากๆ การได้อยู่ด้วยกับเขาทาให้ สงั เกตเห็นพัฒนาการท่คี อ่ ยๆ เติบโตไปพร้อมกับวัยได้อย่างดี ครับ ได้มีโอกาสแสดงความรักกับเขาอย่างเต็มที่ ท่ีสาคัญ ทาให้เราแน่ใจว่าเขาซึมซับสิ่งท่ีเราสอนและปลูกฝังเขาได้ จริงๆ อย่าเอาเร่ืองยากๆ เลยครับ เรื่องง่ายๆ แค่ฝึกให้ใช้มือ ขวาในการทานน่ีเด็กเขาก็เผลอบ่อย ต้องย้าทุกทีที่เห็นครับ ถ้าไม่อยู่กับเราไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะทักเขาไหม เวลาย่ืน มอื รบั ของจากเราถา้ ย่นื มือซา้ ยมาเราก็ดึงของกลับ ทีน้ีเขาก็รู้ โดยอัตโิ นมัติวา่ ทาพลาดตรงไหน .. เรื่องสุดท้ายที่ประทับใจ ลูกคนนี้คือหนังสือ ความท่ีเราฝึกมาแต่ตอนท่ีเขาเพ่ิงจะจับ ของได้ให้ชอบดูหนังสือ ตอนน้ีเขาอยู่กับหนังสือได้นาน ดู รูปภาพ ให้เราอ่านให้ฟัง และใช้เนื้อหาในหนังสือเป็น บทเรียนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเขา ไม่ว่าเร่ืองไม่ชอบกินผัก ชอบกินแต่ไอศกรีม ฯลฯ (จาเรื่องช้างข้ีโมโหได้ไหมครับ ? ปญั หาทผ่ี มพบวา่ แก้ยากนึดนึงคือเร่ืองนอน .. กว่าจะหลับได้ .. นึกไปนึกมากข็ า เพราะไม่ร้ไู ปไดพ้ ันธกุ รรมมาจากใคร...” (มรุ ็อบบีย์ 2/21 กันยายน 2560) “...ผมว่าการอบรมเลี้ยงดูบุตร เริ่มจากการครองชีวิต การ เลือกคู่ตามแนวทางอสิ ลามนะ่ ครบั ส่วนความคาดหวังในการ สร้างครอบครัวอิสลามที่ดีนั้น ผมมีความเห็นว่า ควรการ สร้างชนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ที่สามารถเติบโตมาเป็นคนดีที่มี ความศรัทธา และยาเกรง...” (มุรอ็ บบีย์ 2/21 กันยายน 2560)

69 “...เร่อื งการศึกษาของบตุ ร ตอนน้ีพรรคพวกเปิดโรงเรียนไป แลว้ กเ็ อาลกู ๆ ของตวั เองนั่นแหละไปรวมไว้ แต่ยังอยู่ในช่วง เริ่มต้น คงต้องค่อยๆ ทาให้ดีขึ้นเรื่อยๆเพื่อจะอบรมลูกๆ มี ความศรัทธา และอีกทั้งมีความยาเกรง เห็นว่ามีเด็กอยู่สอง สามคนก็เลยทาเป็นประมาณว่าเนอเซอร่ีไปก่อน ...ส่วนเจ้า ตัวโต ตอนน้ีเข้าเรียนปฐมวัย(ก่อนอนุบาล)แล้ว ให้เรียนท่ี โรงเรียนด้วย แล้วก็เรียนที่บ้านผสมกันไปด้วย สอนที่บ้าน อย่างเดียวไม่ไหว เพราะอุมมีเขาไม่ค่อยทันซะแล้ว ดีอยู่ อย่างนึงเรื่องอ่านหนังสือความศรัทธา และความยาเกรง ตอ่ อัลลอฮ ทกุ วันเขาจะตอ้ งเปดิ หนังสือดแู ละให้อุมมีเขาอ่าน ให้ฟัง บางเล่มก็จาได้ไปเลย ... พัฒนาการเป็นชิ้นเป็นอันก็ น่าจะมีบ้างเช่น อ่านฟาติหะฮฺได้แล้ว อ่านดุอาอ์บางดุอาอ์ได้ เช่นเวลานอน เวลาขน้ึ รถ รู้จักดูว่าขนมไหนมีเครื่องหมายหะ ลาลหรือเปล่า (คุณพ่อเคยหน้าแตกเพราะซื้อขนมปังที่ไม่มี หะลาลใหล้ ูกแล้วด้วยครั้งนึง โดนทักว่า \"อบี ซื้อมาทาไม ฟัย รูซไม่กนิ หรอก ไมม่ หี ะลาล\" ... ฯลฯ” (มุร็อบบีย์ 1/21 กันยายน 2560) “...แน่นอนครับ..ที่แต่ละครอบครัวอาจมีลักษณะการเลี้ยงดู ท่ีผสมปนเปกัน เช่น แม่อาจเลี้ยงดูแบบเสริมสร้างความ ไว้วางใจ ในขณะที่พ่อค่อนข้างยอมตามลูก ส่ิงสาคัญคือการ เรียนรู้ที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์ลักษณะการเลี้ยงดูท่ีดีท่ีสุด สาหรบั ครอบครวั ของเรา นัน่ เอง..” (มรุ อ็ บบีย์ 2 / 21 กันยายน 2560) ควำมคดิ เหน็ สภำพปัญหำสัปบุรุษเก่ยี วกับกำรวำงแผนชีวิตครอบครัว มดี ังน้ี 1 สภาพปัญหาการอบรมเล้ียงดูบุตร ด้านพฤติกรรมของบุตร เสริมสร้างความ ไว้วางใจ ในขณะท่ีพอ่ คอ่ นขา้ งยอมตามลูก การเรียนรู้ที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์ ปัญหาเร่ืองบุคลิกหรือ

70 พฤติกรรมส่วนตัวบางอย่างท่ียังไม่สอดคล้องกับคาสอนของอิสลาม การแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเน้น การศึกษาอัลกุรอานเป็นหลัก ศึกษาต้ังแต่สูเราะฮฺที่ง่าย ซ่ึงทุกคนคุ้นเคยดี ในเน้ือหาของอัลกุรอานจะมี แง่มุมหรือบทเรียนให้เราได้นาเสนอ ซ่ึงจะเป็นการแก้ปัญหาท่ีมีอยู่ในตัวของสมาชิกโดยปริยาย ตัวอย่างเช่น สมาชิกบางคนในกลุ่มมีนิสัยขี้อิจฉา เมื่อเราศึกษาสูเราะฮฺอัลฟะลัก การนาเสนอคาสอน เก่ียวกบั อันตรายของการอจิ ฉารษิ ยากจ็ ะเปน็ การตกั เตือนและให้ทางออกแก่สมาชิกไปในตัว อีกตัวอย่าง คือ ในกรณีท่ีสมาชิกยังเคยชินกับรูปแบบการทางานแบบนักกิจกรรม ที่ทาเพ่ือความสนุก ทาเพื่อแสดง ความสามารถ ไม่ได้ทาด้วยจิตสานึกของนักดาอี เม่ือเราศึกษาไปถึงสูเราะฮฺอันนัศรฺ สมาชิกจะได้เรียนรู้ ว่าอัลลอฮทฺ รงมีบญั ชาให้ท่านนบี ศอ็ ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลมั 2 สภาพปัญหาการอบรมเลยี้ งดูบตุ ร ด้านการศกึ ษาของบุตร โรงเรียนได้รับหน้าที่ อบรมส่ังสอนพ่อแม่ทาหน้าท่ีน้อยลง แล้วฝากความหวังทั้งหมดไว้กับโรงเรียนทั้งที่โรงเรียนก็มิอาจทา หน้าท่ีได้ท้ังหมด การศึกษาของบุตร ขอบคุณอัลลอฮฺโดยการทาให้บุตรทาอิบาดะฮฺมากขึ้น ด้วยการ สรรเสริญสดุดีอัลลอฮฺและขออภัยโทษต่อพระองค์หลังจากที่พระองค์ประทานชัยชนะและความสาเร็จ มาให้ เป็นการสอนโดยปรยิ ายว่า เมอ่ื เราทากิจกรรมหรือโครงการหนึ่ง ๆ เสร็จส้ินแล้ว เราไม่ควรเฉลิม ฉลองความสาเรจ็ แบบท่ีผู้ปฏิเสธศรัทธาเขาฉลองกันอย่างฟุ่มเฟือย ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ตัวเองมี ความสามารถ แต่เราควรเฉลิมฉลองด้วยการทาอิบาดะฮฺที่เพ่ิมขึ้น ขอบคุณอัลลอฮฺท่ีช่วยเหลือเราให้ ประสบความสาเร็จ นอบน้อมถอ่ มตนตอ่ อัลลอฮฺให้มากขึ้น และขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺในความผิดพลาด ที่เกดิ ขนึ้ ในกจิ กรรมหรอื โครงการทเี่ ราทา 2) ศกึ ษำลกั ษณะกระบวนกำรหัลเกำะฮ์ ในชุมชนมัสยดิ ดำรุลมฮุ ำญิรีนตลำดเมือง ใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลำ ผวู้ ิจยั ไดเ้ ตรียมคาถามลกั ษณะในรูปแบบหลั เกาะฮต์ า่ งๆ ท่ีต้องการเป็นตัวอย่างในการ จดั หาแนวทาง ในการส่งเสรมิ จรยิ ธรรม เช่น รูปแบบของกลุ่มดะวะฮ์ตับลีฆ รูปแบบการจัดกลุ่มศึกษา แบบเยาชนฟิตยะตุลฮัก รูปแบบการจัดกลุ่มศึกษาแบบหัลเกาะฮ์ รูปแบบการผลิตตารา ส่ิงตีพิมพ์ รูปแบบบรรยายตามมัสยิด รูปแบบดะวะฮ์เป็นรายบุคคล รูปแบบการจัดอบรม รูปแบบทบทวน บทเรียนร่วมกัน รูปแบบเปิดสอนโรงเรียนศาสนา เกี่ยวกับปัญหา อุปสรรคในการทากิจกรรมด้วย กระบวนการหลั เกาะฮ์ ผูว้ จิ ยั ได้ ขอ้ เสนอแนะจากผทู้ รงคุณวุฒิ ในสว่ นมีข้อเสนอแนะท่ีดี สามารถใช้ใน การตีความเกี่ยวกับปัญหา คือ เนื่องจากการเลือกคณะกรรมการมัสยิดไม่ถูกเลือกด้วยความเหมาะสม ดังตัวอย่าง บางคนมีความรู้ทางศาสนาดี แต่ไม่มีศักยภาพในการเป็นผู้นาท่ีดี บางคนมีศักยภาพในการ

71 เป็นผู้นา แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านศาสนา และบางคนมีความรู้ท้ังศาสนา และสามัญ แต่มีความ บกพรอ่ งในเร่อื งจริยธรรม ด้วยเหตุดังกล่าวทาให้การดาเนินการไม่ราบรื่น การเลือกบุคคลในสังคมน้ันๆที่มีครบ คุณสมบัติตามความต้องการของสังคมอาจจะลาบากมาก เพราะมีบางคนไม่ยอมแสดงตัว ในการ จดั การกิจกรรมหัลเกาะฮ์ สัปบุรุษบางคนลาบากมาก ในด้านความคิด ความเช่ือ ค่านิยม ต่างๆทาให้ บางครั้งเกิดความไม่ตกลงในการดาเนินงานกิจกรรม ส่วนบุคคลที่มีแนวคิด และความเชื่อเดียวกัน สามารถดาเนินกิจกรรมได้ดีกว่า แต่หากมีการจัดกลุ่มการศึกษาแบบหัลเกาะฮ์ท่ีมีกิจกรรมประกอบที่ หลากหลาย ทาให้บางทีสามารถแก้ปัญหาในบางส่วนได้ การจัดหัลเกาะฮ์อ่านกุรอานในมัสยิด แต่ ส่วนมากไม่สามารถตกลงในเรื่องเวลา เพราะต่างคนมีงานการเพ่ือเลี้ยงชีพ นอกจากการจัดหัลเกาะฮ์ โดยเวลาประมาณแค่ 10-15 นาทีหลังละหมาด แต่ไม่สามารถอธิบายเกี่ยวปัญหาอย่างสมบูรณ์และ ตอ่ เน่ือง เนอื่ งจากเวลาไม่อานวย การจัดกลุ่มศึกษาหัลเกาะฮ์เป็นรูปแบบท่ีดีท่ีสามารถรวบรวมสมาชิก มาลงทะเบยี นเป็นทางการได้ และกฎเกณฑใ์ นการรวมตวั สามารถตกลงได้ตามความสะดวกของสมาชกิ ควำมคดิ เหน็ กำรลักษณะกระบวนกำรจดั กลุ่มศกึ ษำหลั เกำะฮ์ หน่วยนี้ผู้วิจัยได้เตรียมคาถาม 5 ข้อด้วยกัน กระบวนการหัลเกาะฮฺ เพื่อส่งเสริม คุณธรรม จริยธรรมในครอบครัว ดอี ยา่ งไร มแี นวทาง ขั้นตอน และวธิ ดี าเนินการอย่างไรเพื่อจะประสบ ความสาเร็จ การใชแ้ นวทางกระบวนการหัลเกาะฮฺ์ ในการแกป้ ัญหา คาถามอุปสรรคในการทากิจกรรม ดว้ ยกระบวนการหลั เกาะฮ์ และอนาคตกระบวนการหัลเกาะฮ์ควรเป็นอยา่ งไร? ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เพื่อหารูปแบบแนวการพัฒนาสัปบุรุษด้วยกระบวนการหัล เกาะฮ์ ดา้ นจริยธรรม ผู้วจิ ัยนาเสนอขอ้ มูลดังต่อไปน้ี แนวทำง ขั้นตอน และวิธีดำเนินกำรกระบวนกำรหัลเกำะฮฺ เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมใน ครอบครวั เพอ่ื จะประสบควำมสำเร็จ “...กอ่ นท่ีจะตอบคาถามนี้ ต้องขออนุญาตนิยามหัลเกาะฮฺกัน เสียกอ่ นเพื่อใหเ้ ขา้ ใจตรงกันน่ะครับ คาว่า “หัลเกาะฮฺ” นั้น เราอาจนิยามกว้าง ๆ ได้ว่าเป็น “กระบวนการท่ีคนต้ังแต่ สองคนข้ึนไปแลกเปล่ียนความรู้ท่ีมีประโยชน์แก่กัน”จาก นยิ ามนี้ การสนทนาทางโทรศัพท์หรือส่ือสังคมออนไลน์ หรือ แม้แต่การเขียนจดหมายโต้ตอบกันก็ถือว่าเป็นหัลเกาะฮฺ การพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อนก็ ถือว่าเป็นหัลเกาะฮฺเช่นกัน การประชุมปรึกษาหารือ การ

72 สานเสวนา หรือการชุมนุมทางวิชาการก็ย่อมถือว่าเป็นหัล เกาะฮฺด้วย จากท่ีกล่าวมาท้ังหมดจะเห็นว่าหัลเกาะฮฺมี ลักษณะเป็น “กระบวนการ” มากกว่าท่ีจะเป็น “รูปแบบ” อยา่ งใดอย่างหนึ่งท่ีตายตัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีการทาหัล เกาะฮฺซง่ึ เปน็ ทน่ี ยิ มจนเกือบเป็นหลักสากลคือการน่ังสนทนา กันเปน็ วงกลม อันเป็นรูปแบบการน่ังท่ีเสมอภาคและช่วยให้ การส่อื สารเปน็ ไปอย่างทว่ั ถึงทสี่ ุด...” (นายอาคีรัฐ มะยูโซ๊ะ ประธานกล่มุ ฟิตยะตลุ ฮัก 20 พฤษภาคม 2560) “...อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปดูแนวทางที่ ท่านนบีใช้สอน อบรมและพัฒนาบรรดาเศาะหาบะฮฺท่ี ประสบความสาเร็จมาแล้ว นั่นคือด้วยวิธีการรวมตัวกัน ณ บ้านหลังหน่ึงของเศาะหาบะฮฺที่ชื่อว่า อัรกอม บิน อบีอัร กอม ซ่ึงกล่าวได้ว่า รูปแบบและวิธีการดังกล่าวคือ ‘หัล เกาะฮฺ’ น่ันเอง ฉะน้ันแลว้ กระบวนหัลเกาะฮฺจึงสามารถตอบ โจทย์และเป็นวิธีการที่ดีท่ีสุดในการนามาใช้อบรมปลูกฝัง และส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมในครอบครัว เพราะเป็น กระบวนการที่ได้รับการันตีถึงความสาเร็จในการพัฒนาและ อบรมมิใช่แต่ด้านคุณธรรม จริยธรรม แต่กล่าวได้ว่าในทุกๆ มติ ิของการดาเนินชีวติ เพราะกระบวนการหัลเกาะฮฺจะทาให้ สมาชิกในครอบครัว ได้มานั่งล้อมวงรวมตัวกัน ได้พูดคุย ถามไถ่ทกุ ข์สุข ปรึกษาปัญหาและหาทางออกร่วมกัน ซึ่งตาม หลักจิตวิทยาคือการทา Group Counseling (การปรึกษา แบบกลุ่ม) และถือเป็นการใช้เวลาท่ีมีคุณภาพร่วมกันของ สมาชิกในครอบครัว (Quality Time) ซ่ึงหากองค์กรได้นา กระบวนการหัลเกาะฮฺไปใช้ในหน่วยงานก็จะทาให้บุคลากร สามารถพฒั นาทกั ษะและศักยภาพ ตลอดจนการร่วมมือร่วม

73 ใจทางานอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยความเข้าอกเข้าใจและ ช่วยเหลือกนั เริม่ ตน้ อาจจะจดั ใหม้ ีสักช่วงหนึง่ ทบี่ ุคลากรได้มี โอกาสมานั่งพูดคุยเพ่ือแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนนาหลักคุณธรรม จริยธรรมมาเป็นเน้ือหาในการ พูดคุย หรืออาจจะเริ่มต้นด้วยการนาเน้ือหาคุณธรรม จริยธรรม สอดแทรกเข้าไประหว่างการประชุมสัมมนา ก็ถือ เป็นการเริ่มต้นนากระบวนการหัลเกาะฮฺไปใช้ภายในองค์กร ...” (นายโองการ หรนั เต๊ะ ทีป่ รึกษากลุ่มฟิตยะตลุ ฮัก สาขาปัตตานี 20 พฤษภาคม 2560) “... ผมเช่ือว่า หัลเกาะฮ์ในครอบครวั ทดี่ าเนินการระหว่างพ่อ แม่ ลูก และบุคคลในครอบครัวน้ันเป็นสิ่งท่ีดีมากน่ะครับ เป็นการปฏิบัติตามหลักศาสนา ที่ส่งเสริมให้ดูแลคนใน ครอบครวั ใหด้ ีทส่ี ุดนะ่ ครับ ด่งั ทหี่ ะดีษของท่านนบี ท่ีได้เตือน ไว้ว่า ‫َسانِِه‬،‫أاَلْْوِف يُمطََْرِِةج‬ ‫َيمَُْوهلُِووَددانِإِِهلمأَْيوُوليَُنَُد ِصَعَرالَنِِهى‬ ‫َما ِم ْن‬ ُ‫فَأَبََواه‬ “ไม่มีเด็กคนใดที่ถูกคลอดออกมานอกจากอยู่บนหลักศรัทธา ที่ถูกต้อง แล้วบิดามารดาของเขาท่ีจะทาให้เขาเป็นยิว เป็น คริสต์หรือเป็นมะยูซีย์” หะดีษน้ีส่งเสริมให้ผู้ปกครองนั้น ให้ ดูแลลูกให้มีให้อยู่ในกรอบศาสนา รวมถึงอัลกุรอ่าน ที่อลั ลอฮทรงสงั่ ไว้ ‫َي أَُيَّها الم ِذي َن آَمنُوا‬ ً‫قُوا أَنُف َس ُك ْم َوأَْهلِي ُك ْم َنرا‬ “...โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าทั้งหลายจงคุ้มครองตัว ของพวกเจ้า และครอบครัวของพวกเจ้า ให้พ้นจากไฟนรก” [อัตตะหฺรีม 66:6] ฉะนั้นการนา หัลเกาะฮ์ในครอบครัว ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม น้ัน ถือว่าเป็นการตอบโจทย์

74 เปน็ สง่ิ ท่ีดีมากครบั สอดคลอ้ งกับหลักการศาสนาอิสลาม ท่ีมี แนวทางปฏิบัติ ให้แต่ละครอบครัว ดูแลให้ดีที่สุดน่ะครับ ไมใ่ ชไ่ ปมอบให้กับครู พี่เล้ียง หรือมอบให้กับโต๊ะๆ แชร์ๆ ส่ิง เหลา่ นนั้ ไมไ่ ด้ตอบโจทย์ในเร่อื งของหะดษี ท่กี ลา่ วมา...” (ดร.ฆอซาลี เบ็ญหมดั คณบดีคณะอิสลามศกึ ษาและนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยฟาฎอนี 20 พฤษภาคม 2560) แนวทำงกระบวนกำรหัลเกำะฮ์ฺ ในกำรแก้ปญั หำ “...ปกติผมทาหลั เกาะฮฺเพื่อขดั เกลาทมี งานที่ทากิจกรรมหรือ ทางานศาสนาด้วยกัน เชน่ หลั เกาะฮฺศึกษาอัลกุรอานท่ีมัสญิด ในชุมชนที่ผมอาศัยอยู่ตอนที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ หัลเกาะฮฺ ชมรมมุสลิมจุฬาฯ และล่าสุดคือหัลเกาะฮฺกับวัยรุ่นในชุมชน ทผ่ี มย้ายมาอยู่ เปน็ ตน้ ปญั หาท่ีผมเจอบ่อยก็คือ สมาชิกของ กลุ่มนักกิจกรรมหรือกลุ่มทางานศาสนาน้ันมีความตั้งใจที่จะ ทางาน แต่ขาดความรู้ความเข้าใจในหลักการศาสนาที่ เก่ยี วขอ้ งกับงานท่ที า...” (นายอาครี ฐั มะยโู ซ๊ะ ประธานกล่มุ ฟติ ยะตลุ ฮัก 20 พฤษภาคม 2560) “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ คงไม่เป็นการกล่าวเกินความเป็นจริง หาก จะกล่าวว่า ชีวิตของผมดารงอยู่ในหลักการศาสนาจนมาถึง วันนไ้ี ด้ ก็ด้วยกระบวนการหัลเกาะฮฺ บิอิซนิลลาฮฺ กระท่ังทุก วันนี้ผมก็ยังใช้กระบวนการน้ีในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านจิตใจ กระบวนการหัลเกาะฮฺสามารถ ต อ บ โ จ ท ย์ แ ล ะ เ ป็ น แ น ว ท า ง ที่ ดี ที่ สุ ด ใ น ก า ร ยื น ห ยั ด บ น แนวทางที่ถูกต้อง ดังท่ีได้กล่าวข้างต้นว่า กระบวนการหัล เกาะฮฺเป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้

75 ประสบการณ์ ตลอดจนการตักเตือนซ่ึงกันและกัน ตรงน้ีถือ เปน็ จดุ เด่นของกระบวนการหัลเกาะฮฺ” (นายโองการ หรนั เต๊ะ ทปี่ รึกษากลมุ่ ฟติ ยะตลุ ฮัก สาขาปตั ตานี 20 พฤษภาคม 2560) ปัญหำ อุปสรรคในกำรทำกจิ กรรมดว้ ยกระบวนกำรหลั เกำะฮ์ “หัลเกาะฮฺทั่วไปมักประสบปัญหาเวลาท่ีไม่ตรงกันของ สมาชิก เรื่องระยะทาง เรื่องสถานที่จัด เรื่องการเตรียม เนื้อหา ซ่ึงเป็นเร่ืองปลีกย่อย แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดในความคิด ของผมก็คือความเข้าใจที่มีต่อหัลเกาะฮฺของผู้จัดหัลเกาะฮฺ เอง กล่าวคือ ผู้จัดหัลเกาะฮฺมักมองว่าหัลเกาะฮฺเป็น “รูปแบบ” แทนที่ที่จะมองว่าเป็น “กระบวนการ” ทาให้ผู้ จัดยึดติดกับรูปแบบอย่างใดอย่างหน่ึง ขาดความยืดหยุ่น ไม่ ปรับเปลี่ยนรูปแบบ วิธีการ หรือหัวข้อให้เหมาะสมกับ สถานการณ์ชีวิตของสมาชิกหัลเกาะฮฺ ผลท่ีตามมาคือความ เบ่ือหน่ายของสมาชิก เม่ือสมาชิกมีความเบ่ือหน่ายก็จะเริ่ม ขาดหลั เกาะฮฺ พอมีสมาชิกขาดหัลเกาะฮฺบ่อยเข้า ผู้จัดก็เร่ิม ท้อจนยุติการจัดหัลเกาะฮฺไปชั่วคราว หรือที่แย่กว่าน้ันก็คือ ยุติอย่างถาวรไปเลย ทาให้การจัดหัลเกาะฮฺต้องประสบกับ ความล้มเหลว” (เชค รฎิ อ อาห์มัด สมะดี ที่ปรกึ ษากล่มุ ฟติ ยะตลุ ฮกั 20 พฤษภาคม 2560) “...เนือ่ งจากกระบวนการหัลเกาะฮฺเป็นการรวมกลุ่มกันของ คนต้ังแต่ 2 คนข้ึนไป และย่ิงมีจานวนสมาชิกมากเท่าไหร่ เร่อื งวัน เวลาในการรวมกลุ่มกัน จึงอาจจะเป็นปัญหาในการ ทาหัลเกาะฮฺ เพราะสมาชิกแต่ละคนมีเวลาว่างท่ีอาจจะไม่ ตรงกัน ตรงน้ีจึงควรยึดเวลาที่สมาชิกส่วนใหญ่สะดวกมาก

76 ท่ีสุด และอีกเรื่องหนึ่งท่ีอยากให้ระมัดระวังในการทาหัล เกาะฮฺ คือการรับฟังและให้เกียรติซ่ึงกันและกัน เพราะเมื่อ คนจานวนมากมารวมกลุ่มกัน อาจจะมีคาพูดหรือการแสดง ความคิดเห็นทีไ่ มต่ รงกัน ฉะนนั้ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การ ให้เกียรติและยอมรับความเห็นต่างจึงเป็นส่ิงสาคัญที่สมาชิก ตอ้ งตระหนกั และใหค้ วามสาคญั ...” (มรุ ็อบบยี ์ 1 5สิงหาคม 2560) ควำมเป็นมำของกระบวนกำรหลั เกำะฮ์และอนำคตกระบวนกำรหลั เกำะฮ์ “...โดยอาศัยนิยามหัลเกาะฮฺแบบกว้าง ๆ ตามที่ได้เสนอไป ข้างต้น ผมเช่ือว่าหัลเกาะฮฺเป็นกระบวนการสื่อสารตาม ธรรมชาติของมนุษย์เรา ส่วนการจัดหัลเกาะฮฺที่มีรูปแบบ ตายตัวและมีการเตรียมเนื้อหามาก่อนน้ันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อ มนุษย์มีการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แบบเป็น กิจลักษณะ ซึ่งก็น่าจะอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ดึกดาบรรพ์ เชน่ กัน...” (ผู้นาศาสนา 1 5สิงหาคม 2560) “กระบวนการหัลเกาะฮฺนับว่าเป็นกระบวนการท่ีมีมาตั้งแต่ สมัยท่านนบี ซ่ึงเป็นกระบวนการท่ีท่านนบีใช้อบรมบ่มเพาะ บรรดาเศาะหาบะฮใฺ หเ้ ป็นกลมุ่ ชนแนวหน้าท่ีเป็นกาลังสาคัญ ในการขับเคล่ือนเผยแพร่อิสลามจนมาถึงพวกเราในวันน้ี บิอิซนิลลาฮฺ และมีการสืบสานกระบวนการนี้เร่ือยมาจนถึง ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นกระบวนการท่ียังคงสอดรับเข้ากับบริบท ในยุคปัจจุบัน ดังที่กระบวนการให้คาปรึกษาตามหลัก จิตวิทยาท่ีเรียกว่า Group Counseling (การให้คาปรึกษา แบบกลุ่ม) กม็ ีรปู แบบและวธิ ีการที่สอดคล้องกบั กระบวนการ หัลเกาะฮฺ ฉะน้ันผมคิดว่า ในอนาคตกระบวนการหัลเกาะฮฺ จะมีการพัฒนาและบรู ณาการให้มีความทันสมัยและสามารถ

77 น า ไ ป ใ ช้ ไ ด้ กั บ ทุ ก บ ริ บ ท เ ร่ิ ม ตั้ ง แ ต่ ใ น ค ร อ บ ค รั ว สถาบนั การศกึ ษา หน่วยงานและองค์กรต่างๆ” (เชค รฎิ อ อาหม์ ัด สมะดี ท่ีปรึกษากลุ่มฟิตยะตลุ ฮัก 20 พฤษภาคม 2560) เสนอแนะ \"กำรพัฒนำสัปบุรุษด้วยกระบวนกำรหัลเกำะฮ์ เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมใน ครอบครวั \" “อยากให้มีการนาเสนอหลักสูตรหรือชุดความรู้ท่ีจะใช้ใน การทาหลั เกาะฮเฺ พื่อส่งเสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมในครอบครัว ครับ อาจออกมาในรูปแบบคู่มือ หรือเป็นการรวบรวม เนื้อหาคาสอนของอสิ ลามเก่ยี วกับครอบครวั ก็ได้” (นายอาคีรัฐ มะยูโซ๊ะ ประธานกลุ่มฟติ ยะตุลฮัก 20 พฤษภาคม 2560) “...กระบวนการหัลเกาะฮฺได้รับกา รการันตีว่าเป็น กระบวนการพัฒนาและสร้างคน จากบุรุษท่ีดีท่ีสุดบนหน้า แผ่นดิน ‘ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม’ ซึ่งหากเรามีความ เชื่อม่ันว่าเป็นแนวทางที่ท่านนบีประสบความสาเร็จมาแล้ว ในการแกไ้ ขปัญหาตา่ งๆทเ่ี กิดขึ้นในสังคมสมัยน้ัน การนาเอา กระบวนการหัลเกาะฮฺมาส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้ เกิดข้ึนในครอบครัว ถือเป็นการเลือกแนวทางและวิธีการที่ดี ท่ีสุดในการแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนในสังคม จึงใคร่อยากให้ ผวู้ ิจยั ได้มคี วามม่งุ ม่นั อดทนในการนากระบวนการน้ีไปใช้ให้ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม อันจะเป็นหลักฐานอีกชิ้นหน่ึงท่ี สามารถยืนยนั ประสิทธิภาพของการนากระบวนนี้ไปใช้แก้ไข ปญั หาในสงั คม...” (ผู้นาศาสนา 2 5สงิ หาคม 2560) “...หัลเกาะฮฺเป็นเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้น เท่าท่ีผมทราบ คือไม่มีตัวบทวะหฺยูกาหนดตายตัวว่าต้องมีรูปแบบอย่างใด

78 อย่างหนึ่งเป็นการเฉพาะ เม่ือหัลเกาะฮฺเป็นเคร่ืองมือที่ มนุษย์สร้างขึ้น ความสาเร็จของหัลเกาะฮฺจึงขึ้นอยู่กับการ ปรบั ประยุกต์และการพฒั นาตอ่ ยอด...” (มรุ อ็ บบยี ์ 2 5สงิ หาคม 2560) “...กระบวนการหัลเกาะฮฺยังคงเป็นกระบวนการท่ีดีที่สุดใน การนามาใช้แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดข้ึนในยุคปัจจุบัน และจะ ยังคงเป็นกระบวนการหรือแนวทางท่ีดีท่ีสุดในการนามาใช้ ปลูกฝัง สร้างภูมิคุ้มกันและเกราะป้องกันอันตรายต่างๆใน อนาคต อนิ ชาอลั ลอฮฺ...” (ผ้นู าศาสนา 3 5 สิงหาคม 2560) กระบวนกำรหลั เกำะฮฺกลุ่มฟิตยะตลุ ฮักสำมำรถนำมำประยกุ ต์ใช้ กระบวนการหัลเกาะฮฺฟิตยะตุลฮักยังเป็นที่สนใจในแวดวงวิชาการว่าด้วยการบริหาร องคก์ ร โดยเรยี กกระบวนการหัลเกาะฮวฺ ่า “ไดอะล็อก” ซ่ึงถูกแปลเป็นภาษาไทยว่า “สุนทรียสนทนา” มีการศึกษาคน้ คว้าถึงวิธกี ารนาไปใชใ้ นองคก์ รเพื่อให้การบรหิ ารองค์กรประสบผลสาเร็จ ในส่วนของการ นามาใช้เพื่อส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมในครอบครัวนั้น เพราะนิยามหัลเกาะฮฺถือเป็นวิธีการสื่อสาร แบบกลุ่มท่ีเรียบง่าย พลิกแพลงได้หลากหลายรูปแบบ สามารถปรับเปล่ียนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการหัลเกาะฮฺเพ่ือส่ิงเสริมคุณธรรม จริยธรรมในครอครัว หรือเพื่อวัตถุประสงค์ ใดก็ตาม ปัจจัยความสาเร็จก็มีไม่ต่างกัน คือ 1. ต้องมีการสื่อสารสองทาง ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกคนมี บทบาทเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ 2. สมาชิกทุกคนเปิดใจที่จะรับรู้ทุกส่ิงทุกอย่างท่ีถูกถ่ายทอดหรือพูดคุยกัน ในหัลเกาะฮฺ 3. สมาชิกทกุ คนพร้อมทีจ่ ะนาส่งิ ท่ไี ดเ้ รียนรใู นหลั เกาะฮฺไปปฏิบัติ 4. ผู้จดั การหัลเกาะฮฺต้อง มีความยืดหยุ่นและคานึงถึงสภาพความพร้อมของสมาชิกอยู่เสมอ เช่น อาจปรับความถี่ของการทาหัล เกาะฮฺให้มากขึ้นหรือน้อยลงตามจังหวะชีวิตและหน้าที่การงานของสมาชิก ปรับเปลี่ยนหัวข้อให้ เหมาะสมกับสถานการณ์ชีวิตท่ีสมาชิกกาลังประสบ เป็นต้น 5. มีการเตรียมการมาอย่างดีท้ังหัวข้อ เน้อื หา การจดั บรรยากาศ เปน็ ตน้

79 บทที่ 5 สรปุ อภิปรำยผลและข้อเสนอแนะ ประชากรตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ กลุ่มจัดกระบวนการ ประกอบด้วยอิหม่าม คอเต็บ บิหล่ัน 3 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน มุร็อบบีย์ (พี่เลี้ยงดาเนินการ) จานวน 2 คน กลุ่มครอบครัว คอื มตู ะรอ็ บบีย์ (สมาชกิ กล่มุ ศกึ ษาอสิ ลาม) จานวน 7 คน สว่ นการสนทนากลุ่ม (Focus group) โดย มีกลุ่มตัวอย่าง มุร็อบบีย์และมูตะร็อบบีย์ จานวน 7 คน ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะของสัปบุรุษที่มีต่อการจัดกิจกรรมหัลเกาะฮ์ เกี่ยวกับสภาพปัญหาคุณธรรมจริยธรรมของ ครอบครัว ซึ่งผู้วิจัยทาการวิเคราะห์ข้อมูลในการหาข้อสรุปหรือแนวทางการปฏิบัติร่วมกันของกลุ่มผู้ให้ ข้อมูล มานาเสนอในเวทีสนทนากลุ่ม (Focus group) เพื่อหาแนวทางการจัดกิจกรรมหัลเกาะฮ์เพื่อ พัฒนาสปั บุรษุ ดว้ ยกระบวนการหัลเกาะฮ์ ด้านคุณธรรม จริยธรรมในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีน ตลาด เมอื งใหม่ อาเภอเมอื ง จังหวดั ยะลา สรปุ ผลกำรวจิ ัย สรุปในวัตถุประสงค์ ที่ 1 เพื่อศึกษาสภาพปัญหาคุณธรรมจริยธรรมครอบครัว สัปบุรุษในชมุ ชนมัสยิดดารุลมฮุ าญิรนี ตลาดเมอื งใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดยะลา พบวา่ ดังนี้ 1. สภำพปญั หำสปั บรุ ษุ เกีย่ วกับกำรวำงแผนชีวติ ครอบครัว การวางแผนครอบครัว ให้ดี หน้าที่นี้มิเพียงจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินดูแลครอบครัวเท่านั้น แต่จะต้องเป็นพ่อบ้านท่ีรอบคอบ รู้จัก วางแผนอนาคตครอบครัวและมองการณ์ไกล โดยใช้ความรู้ความเข้าใจในเร่ืองศาสนา เป็นปากกาขีด เขียนออกแบบแผนผังครอบครัว โดยมีองค์ประกอบที่สาคัญ คือ ภรรยา และลูกๆ ที่คอยเชื่อฟังและ ปฏิบัตติ ามในเรื่องท่ีไม่ผิดต่อหลักการศาสนา แผนผังแรกท่ี เฟ้นหาหลักที่จะทาให้แผนดาเนินได้ราบร่ืน ท้ังทางด้านศาสนา กิริยามารยาท เพ่ืออนาคตที่ดี เป้าหมายการวางแผนชีวิต โดยการได้พานักในสวน สวรรคอ์ ันสถาพร ทาความดไี ห้มากทสี่ ดุ เทา่ ทีจ่ ะทาได้ ละเว้นการทาความช่ัวและการฝ่าฝืน การจัดการ เป้าหมาย ทาความดีให้ได้มากท่ีสุดเม่ือมีโอกาส จัดหาท่ีละหมาดในแต่ละวัน เพื่อให้ละหมาดครบ 5 เวลาในทกุ วนั ตลอดปี เตรยี มพรอ้ มในการถอื ศีลอดใหค้ รบในเดือนรอมฎอน จัดสรรการเงินเพื่อออมเงิน ไปทาฮัจย์ จัดเวลา/วันหยุด เพื่อไปเย่ียมเยียนญาติพี่น้องและให้ความช่วยเหลือตามโอกาส จ่ายซะกา ตจากเงินออม สว่ นแผนระยะส้นั 1 วัน แผนระดับปฏิบัติการ เป้าหมาย ละหมาดให้ครบ ทาความดีละ เว้นความชั่ว ต่ืนนอนตี 5 อาบน้าและละหมาดซุบฮิ ละหมาดสุนัต แล้วอ่านอัลกุรอ่าน รับประทาน อาหารให้มีคุณค่าและปริมาณตามแบบอย่างซุนนะห์นบี เดินทางไปทางาน และทางานด้วยความ ซ่ือสัตย์สุจริต พักเที่ยง รับประทานอาหาร ละหมาดดุฮ์ริ่ ถ้าเป็นวันศุกร์จะต้องไปละหมาดที่สุเหร่า ทางานช่วงบ่าย ละหมาดอัซริ เดินทางกลับบ้านให้ทันละหมาดมักริบ ละหมาดมักริบ และอ่านอัลกุ

80 รอ่าน ทางานบ้าน และละหมาดอีซาเม่ือได้เวลา ออมเงินไว้เป็นทุนไปทาฮัจย์ ผู้ท่ีทาธุระข้างนอก หลังจากเลิกงาน ต้องวางแผนหาที่ละหมาดไว้ เป็นแผนท่ีเราต้ังใจจะให้เป็นไปตามน้ีและเราก็จะต้อง พยายามทาให้สาเร็จตามแผนที่เราไดว้ างไว้ ส่วนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ตลอดถึงปัจจัยต่างๆ ท่ีจะทา ให้แผนน้ีจะเป็นผลบรรลุตามเป้าหมายหรือไม่อย่างไรนั้น เราต้องมอบหมายต่ออัลลอฮ์ทั้งหมด นอกจากน้ี หลังจากท่เี ราปึฏบิ ตั ิตามแผนการของเราแล้ว เราจะทราบถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆเรายัง สามารถนาแผนมาปรับปรุงเพ่ือให้บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุดได้ตลอดเวลาซ่ึงจะทาให้เกิดเป็นการพัฒนา คณุ ภาพอีหมา่ นใหก้ ับชวี ิตของเรา พีเ่ ลี้ยง (มูร็อบบีย์) เป็นผู้ท่ีดาเนินการกิกจรรมหัลเกาะฮ์เพ่ือขัดเกลา สมาชิกซงึ่ มงุ่ เน้นในการสรา้ งมุสลิมที่ดี มีคณุ ธรรม จริยธรรม ด้วยการดูแลการพัฒนาชี้แนะ แนวทาง ให้ คา ปรึกษาและเสริมสร้างศักยภาพของสมาชิกกลุ่มศึกษา เป็นผู้ท่ีมีความรู้ด้านหลักการศาสนา มี ความรู้ความเข้าใจบริบทสังคมปัจจุบัน มีความรู้ทางด้านจิตวิทยา เข้าถึง ความสามารถและรู้ สภาพแวดล้อมบริบทของสมาชิก ซึ่งมีแนวทางของพ่ีเลี้ยงกลุ่มที่ประสบ ความสาเร็จ คือ การเตรียม ความพร้อมของพี่เล้ียง (มุร็อบบีย)์ การพัฒนาพ่ีเลี้ยง (มุร็อบบีย)์ อย่างต่อเนื่อง การสร้างความ น่าเช่ือถือและมีอานาจดึงดูดใจ การสร้างแรงจูงใจและแรงบันดาลใจแก่สมาชิก มีความเข้าใจสมาชิก อย่างลึกซึ้ง มีความเป็นน้าหน่ึงใจเดียวกันกับสมาชิก มีระเบียบวินัยในการดาเนินการ มีการมอบหมาย งานที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาด้านจิตวิญญาณ พร้อมๆกับสมาชิก และจะต้องขับเคล่ือนกลุ่มหัลเกาะฮ์ อยา่ งเปน็ ระบบ 2. สภำพปญั หำสัปบุรษุ เกย่ี วกบั กำรอบรมเลย้ี งดูบตุ ร จากการสมั ภาษณส์ ามารถสรุป ดังนี้ 2.1 สภาพปัญหาการอบรมเลี้ยงดูบุตร ด้านพฤติกรรมของบุตร เสริมสร้างความไว้วางใจ ในขณะท่ีพ่อค่อนข้างยอมตามลูก การเรียนรู้ท่ีจะร่วมมือกันสร้างสรรค์ ปัญหาเร่ืองบุคลิกหรือ พฤติกรรมส่วนตัวบางอย่างที่ยังไม่สอดคล้องกับคาสอนของอิสลาม การแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเน้น การศึกษาอัลกุรอานเป็นหลัก ศึกษาต้ังแต่สูเราะฮฺที่ง่าย ซ่ึงทุกคนคุ้นเคยดี ในเนื้อหาของอัลกุรอานจะมี แง่มุมหรือบทเรียนให้เราได้นาเสนอ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาท่ีมีอยู่ในตัวของสมาชิกโดยปริยาย ตัวอย่างเช่น สมาชิกบางคนในกลุ่มมีนิสัยข้ีอิจฉา เมื่อเราศึกษาสูเราะฮฺอัลฟะลัก การนาเสนอคาสอน เกีย่ วกับอันตรายของการอจิ ฉารษิ ยาก็จะเปน็ การตักเตอื นและใหท้ างออกแก่สมาชิกไปในตัว อีกตัวอย่าง คือ ในกรณีท่ีสมาชิกยังเคยชินกับรูปแบบการทางานแบบนักกิจกรรม ที่ทาเพ่ือความสนุก ทาเพื่อแสดง ความสามารถ ไม่ได้ทาด้วยจิตสานึกของนักดาอี เมื่อเราศึกษาไปถึงสูเราะฮฺอันนัศรฺ สมาชิกจะได้เรียนรู้ ว่าอัลลอฮทฺ รงมีบัญชาให้ทา่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮุอะลยั ฮวิ ะสลั ลัม ซง่ึ สอดคล้องกับฟัตฮยี ์ ยะกนั กลา่ วว่า ความคาดหวงั ในการสร้างครอบครวั อสิ ลาม คือการ สร้างชนรุ่นใหม่ทมี่ ีคุณภาพ ที่สามารถเติบโตมาเปน็ คนดีที่มีความยาเกรง และสร้างประโยชนใ์ หก้ บั สงั คมต่อไป ดังทีป่ รากฏในอลั กุรอานวา่

81 ‫َربمنَا َه ْب لَنَا ِم ْن أَْزَوا ِجنَا َوذُِرميتِنَا قُمرَة أَ ْعُي َوا ْجَعْلنَا لِْل ُمتمِق َي إَِماًما‬ “ขา้ แต่พระผ้เู ป็นเจ้าของเรา ขอพระองคโ์ ปรดประทานแก่เรา ซง่ึ คูค่ รองของเราและลกู หลาน ของเรา ใหเ้ ป็นทร่ี นื่ รมย์แกส่ ายตาของเรา และทรงทาใหเ้ ราเปน็ แบบอย่างแก่บรรดาผู้ยาเกรง” (อลั ฟุ รกอน : 74) เดก็ ทุกคนเกิดมาในสภาพทบ่ี รสิ ุทธิ์ หากพ่อ แม่เอาใจใส่ในการอบรมดแู ลให้ความรัก ความอบอนุ่ และอบรมสง่ั สอนตามแนวทางของศาสนา เด็กกจ็ ะสามารถเตบิ โตมาเป็นมสุ ลมิ ทดี่ ี แต่หาก เด็กเคยชินกบั สภาพแวดลอ้ มครอบครัวท่ีมีแต่ความขดั แย้ง หรือการทะเลาะวิวาท บุคลกิ ท่ีไมด่ เี หล่าน้นั ก็อาจตดิ ตวั เดก็ มาด้วย ดงั ที่ทา่ นเราะสูลุลอฮฺ ได้กล่าวว่า ‫ َويُمَ ِج َسانِِه‬، ‫ َويُنَ ِصَرانِِه‬، ‫ُك ِل َمْولُود يُولَُد َعلَى الِْفطَْرِة فَأَبََواهُ يَُه ِوَدانِِه‬ “ทารกทกุ คนทเี่ กิดมาอยู่ในสภาพทบี่ ริสทุ ธิ์ (ฟิฏเราะฮ)ฺ พอ่ แมจ่ ะเป็นผู้ที่ทาให้ลูกเป็นยะฮูดี(ยิว) นัศรอนี(คริสเตยี น) หรอื ผ้บู ูชาไฟ (รายงานโดยอลั บคุ อร)ี 2.2 สภาพปญั หาการอบรมเลีย้ งดบู ตุ ร ด้านการศึกษาของบุตร โรงเรียนได้รับหน้าที่อบรม สัง่ สอนพ่อแม่ทาหนา้ ทีน่ ้อยลง แลว้ ฝากความหวังท้ังหมดไว้กับโรงเรียนท้ังท่ีโรงเรียนก็มิอาจทาหน้าที่ได้ ทั้งหมด การศึกษาของบุตร ขอบคุณอัลลอฮฺโดยการทาให้บุตรทาอิบาดะฮฺมากขึ้น ด้วยการสรรเสริญ สดดุ ีอลั ลอฮฺและขออภยั โทษตอ่ พระองค์หลังจากที่พระองค์ประทานชัยชนะและความสาเร็จมาให้ เป็น การสอนโดยปริยายว่า เม่ือเราทากิจกรรมหรือโครงการหนึ่ง ๆ เสร็จสิ้นแล้ว เราไม่ควรเฉลิมฉลอง ความสาเร็จแบบที่ผู้ปฏิเสธศรัทธาเขาฉลองกันอย่างฟุ่มเฟือย ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ตัวเองมี ความสามารถ แต่เราควรเฉลิมฉลองด้วยการทาอิบาดะฮฺท่ีเพ่ิมขึ้น ขอบคุณอัลลอฮฺท่ีช่วยเหลือเราให้ ประสบความสาเรจ็ นอบนอ้ มถ่อมตนตอ่ อลั ลอฮฺใหม้ ากข้ึน และขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺในความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นในกิจกรรมหรือโครงการท่ีเราทาสมาชิกกลุ่ม(มุตะร็อบบีย์) เป็นผู้ท่ีได้รับการคัดเลือกให้ปฏิบัติ ตามกระบวนการ พัฒนาปัจเจกบุคคลสู่เป้าหมายที่ได้กาหนดไว้ โดยมีเง่ือนไขของสมาชิก คือ เป็น บุคคลที่รกั ษาความสะอาดและเรยี บรอ้ ย มีความพรอ้ มที่จะรบั ฟังคาชีแ้ นะและปฏิบัติตาม โปรแกรมการ พัฒนาสมาชิกที่ได้จัดตารางไว้ มีความมุ่งมั่นท่ีจะเปลี่ยนแปลงตนเองและผู้อ่ืน ปฏิบัติการละหมาดให้ ครบห้าเวลา มีความเห็นอกเห็นใจต่อปัญหาต่างๆในโลกอิสลาม เป็นนักสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง สมาชกิ และชมุ ชน เพ่ือจะปฏบิ ตั ติ ามหลั เกาะฮ์ไดอ้ ย่างเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับฟัตฮีย์ ยะกัน กล่าวว่า ศาสนาอิสลามจึงเข้มงวดและเน้นหนักในเรื่อง การอบรมลกู ๆ ต้ังแต่การจดั เตรียม บรรยากาศ สภาพแวดล้อมท่ีดี ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ ที่จะเอ้ือให้การ

82 อบรมพวกเขาดาเนินไปอย่างดที ี่สุด เพราะการให้การอบรมที่ดีย่อมเป็นพื้นฐานสาคัญที่จะส่งผลดีต่อลูก ในระยะยาวได้ ดงั ท่ที า่ นเราะสลู ลุ อฮฺ (รายงานโดยอัลบุคอรี) ได้กล่าววา่ ‫َما َنَ َل َوالِمد َولًَدا ِم ْن َْنل أَفْ َض َل ِم ْن أََدب َح َسن‬ “ ผเู้ ป็นบดิ ามไิ ด้มอบส่ิงใดแกล่ กู ไว้ ท่ีประเสรฐิ ย่ิงกวา่ การให้การอบรมท่ดี ี“ สรุปในวตั ถุประสงค์ ท่ี 2 ศกึ ษำลักษณะกระบวนกำรหัลเกำะฮ์ ในชุมชนมัสยิดดำรุลมุฮำญิ รีนตลำดเมืองใหม่ อำเภอเมอื ง จังหวดั ยะลำ หลักการดาเนินการกิจกรรมหัลเกาะฮ์ เป็นขั้นตอนหรือวิธีการปฏิบัติกิจกรรม หลั เกาะฮ์ การนาเสนอแลกเปลี่ยนเรยี นรูใ้ นกลุ่มศึกษา เป็นการบูรณาการระหว่างกิจกรรม ความรู้และ พฒั นาจิตวิญญาณ ให้สมาชกิ ไดซ้ ึมซับเขา้ สหู่ ัวใจ ซ่ึงจะประกอบด้วยการแบง่ สมาชิกและความถ่ี วิธีการ ดาเนินกลุ่มศึกษา ข้อปฏิบัติหรือกฎระเบียบในการดาเนินกิจกรรมกลุ่มหัลเกาะฮ์ รูปแบบหรือขั้นตอน การดาเนินการกิจกรรมกลุ่มหัลเกาะฮ์ การบริหารจัดการ เวลาท่ีเริ่มต้นโดยพี่เล้ียง การลงโทษและการ ใหร้ างวัล เปน็ ต้น หลกั สตู รของการดาเนนิ การหลั เกาะฮ์เป็นกลไกทีจ่ ะนาสมาชกิ สู่เป้าหมายท่ีได้กาหนด ไว้ เปน็ กรอบของการพัฒนาสมาชิกให้สมบูรณแ์ ละครอบคลุมทกุ ดา้ น เช่น ดา้ นหลักศรัทธา หลกัศาสน บญั ญัติ ประวตั ศิ าสตร์ จริยธรรม อัลกุรอาน ข่าวสถานการณ์และเหตุการณ์ ต่างๆที่เก่ียวข้องกับสิ่ง ท่ีอยู่รอบตัวเรา พร้อมดว้ยการฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์ สังเคราะห์ การทางานเป็นทีมและการให้ คาปรึกษากันและกนั ได้ ผู้วิจยั ได้เห็นว่า รูปแบบที่มีความสนใจมากที่สุดในสังคม เป็นรูปแบบกลุ่มศึกษาของ เยาวชนฟิตยะตุลฮัก เนื่องด้วยกลุ่มน้ี มีวิธีการท่ีหลากหลาย ซึ่งประกอบด้วย การจัดกลุ่มสนทนา ให้ ความคิดเห็นด้วยกัน และกลุ่มดังกล่าวน้ีมีรูปแบบครอบคลุมซึ่งประกอบด้วย การจัดสิ่งตีพิมพ์ การ บรรยาย การอบรม การทบทวนบทเรียน และเปิดโรงเรียนสอนศาสนา เป็นต้น กลุ่มที่มีความสนใจและ สังคมตอบรับเป็นอันดับท่ีสอง คือ กลุ่มดะวะฮ์ตับลีฆ เนื่องดะวะฮ์ตับลีฆเป็นการจัดกลุ่มออกไปตาม มสั ยดิ ในหมู่บา้ นต่างๆ และเป็นการให้โอกาสแก่ผูน้ ากลุ่มในการใหค้ วามเขา้ ใจแก่สมาชิกเปน็ อยา่ งดี อภปิ รำยผล วัตถุประสงค์ ท่ี 1 เพ่ือศึกษำสภำพปัญหำคุณธรรมจริยธรรมครอบครัว สัปบุรุษใน ชมุ ชนมัสยิดดำรลุ มุฮำญริ นี ตลำดเมืองใหม่ อำเภอเมอื ง จังหวัดยะลำ พบว่ำ 1. สภำพปัญหำสัปบุรุษเก่ียวกับกำรวำงแผนชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัวดาเนิน ไปอยู่น้ันเราจะพบว่าอิสลามได้เข้ามาแก้ทุกๆ ปัญหาของระบบครอบครัว ด้วยวิธีอันชาญฉลาดอย่างย่ิง

83 เสียจนกระทั่งเราต้องยอมรับว่า ไม่มีวิธีการอ่ืนใดที่ดีกว่า ท่ีจะมาแก้ไขปัญหานี้ได้อีกแล้ว ดังนั้น ครอบครวั จึงเปน็ สถาบันทางสังคมท่เี ล็กที่สุด ท่ีเกิดจากความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างบุคคลสองคน ขึ้นไป และมีบทบาทสาคัญ ในการถ่ายทอดความเชื่อความศรัทธา ตลอดจนค่านิยมและทัศนคติต่างๆ เปน็ สถาบันลาดบั แรกทีจ่ ะหล่อหลอมบุคลิกภาพให้แก่มนุษย์ก่อนการออกไปใช้ชีวิตจริงในสังคม อิสลาม ไดเ้ รยี กร้องให้สังคมมนษุ ย์ดารงชวี ิตอย่างสะอาดบรสิ ทุ ธิ์ สร้างสังคมที่มีสถาบัน ครอบครัวเป็นเบ้าหลอม ในการสานสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ทั้งชายและหญิงท่ีห้อมล้อมด้วยความรักอันแท้จริง มีความจริงใจต่อ กนั มีความรบั ผดิ ชอบและแบง่ ปันภาระหนา้ ท่ีอย่างยตุ ธิ รรมและสมดลุ สู่ความผาสุกในชีวิตอย่าง อิสลาม เป็นศาสนาท่ีได้วางหลักเกณฑ์ให้ครอบครัวน้ันเป็นสถานท่ีซ่ึงดูแลการเจริญเติบโตในทุกมิติ คือท้ัง ด้าน ร่างกาย จิตวิญญาณและสติปัญญาเพ่ือให้สามารถเติบโตมาเป็นส่วนหนึ่งในการทาหน้าท่ีรับใช้สังคม ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ครอบครัวเป็นสถาบันท่ีสาคัญย่ิงในการสร้างและพัฒนาประชาชาติอิสลามให้มี คณุ ภาพ เมอื่ ครอบครวั มคี วามเข้มแข็งก็จะเป็นฐานสาคัญ ในการฟนื้ ฟสู ังคมต่อไป การวางแผนชีวิตครอบครัวของสัปบุรุษในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีน ตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จังหวัดยะลา พบว่า การวางแผนอนาคตครอบครัวและมองการณ์ไกล โดยใช้ความรู้ความ เข้าใจในเร่ืองศาสนา โดยมีองค์ประกอบที่สาคัญ คือ ภรรยา และลูกๆ ที่คอยเชื่อฟังและปฏิบัติตามใน เร่ืองที่ไม่ผิดต่อหลักการศาสนา เฟ้นหาหลักท่ีจะทาให้ดาเนินได้ราบรื่น ทั้งทางด้านศาสนา การศึกษา และกิริยามารยาท เพ่ืออนาคตท่ีดี ผู้วิจัยมีความเห็นว่า ปัญหาสัปบุรุษในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีน เกี่ยวกับการวางแผนชีวิตครอบครัวน้ัน สอดคล้องกับแนวคิดของ Abdullah Nasih Ulwan ว่า ครอบครัวร่วมรับผิดชอบและฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตไปด้วยกันสามีและภรรยาต้องให้ความเคารพซ่ึงกัน และกัน กล่าวคือ ภรรยาจะปฏิบัติในส่ิงท่ีเป็นหน้าท่ีของเธอ ท่ีมีความเหมาะสมกับสรีระทางธรรมชาติ ของเธอ เช่นการดูแลและจัดการงานบ้านต่างๆ การเลี้ยงดูบุตร ส่วนผู้เป็นสามีก็ปฏิบัติในส่วนที่เป็น ความรับผิดชอบของเขา คือการทางานนอกบ้าน ซ่ึงมักจะเป็นงานท่ีต้องใช้กาลังด้วยความร่วมมือ ระหว่างคู่สมรสจะเป็นรากฐานสาคัญในการสร้างประชาชาติท่ีมีคุณภาพและมีความศรัทธาท่ีแท้จริง บุตรที่มาจากครอบครัวที่มีความรักและความอบอุ่น จะเป็นกาลังสาคัญ ในการช่วยเหลือสังคมให้ กา้ วหนา้ ตอ่ ไป 2. สภำพปัญหำสัปบุรุษเกี่ยวกับกำรอบรมเล้ียงดูบุตร ศาสนาอิสลามได้ให้ ความสาคัญและใส่ใจเป็นอย่างยิ่งต่อการอบรมเล้ียงดูบุตร เพราะเป็นความรับผิดชอบหลักของผู้เป็น บิดามารดาที่จะต้องเอาใจใส่อบรมส่ังสอนเด็กๆ อย่างใกล้ชิด เด็กที่เติบโตมาภายใต้การฟูมฟักของ ครอบครัวท่ดี ี และอยใู่ นสภาพแวดล้อมท่ีปลอดภัย จะส่งผลให้เด็กมีคุณธรรม อีกท้ังจะเป็นเกราะคุ้มกัน ตัวเด็กจากความเลวร้ายต่างๆ ที่มีเกล่ือนอยู่ในสังคมปัจจุบัน สอดคล้องกับ คาตรัสของอัลลอฮ ใน อัลกรุ อานว่า ....‫َي أَُيَّها الم ِذي َن آَمنُوا قُوا أَنُْف َس ُك ْم َوأَْهلِي ُك ْم َنًرا‬

84 “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงช่วยตัวสูเจ้าและครอบครัวของสูเจ้าให้รอดพ้นจากไฟนรก .... ” (อลั กรุ อา่ น, อัตตะหฺรมี : 6) ดังนั้น จะเห็นได้ว่า บิดามารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าที่สาคัญในการปกป้องดูแลบุตร หลานให้ห่างไกลจากการลงโทษของพระองค์อัลลอฮฺ โดยการตระหนักในเรื่องการอบรมสั่งสอนให้บุตร หลานอย่ใู นแนวทางศาสนา วัตถุประสงค์ ท่ี 2 ศึกษำลักษณะกระบวนกำรหัลเกำะฮ์ ในชุมชนมัสยิดดำรุลมุ ฮำญริ นี ตลำดเมืองใหม่ อำเภอเมือง จังหวดั ยะลำ ทัศนคตขิ องสปั บรุ ษุ ในชมุ ชนมสั ยดิ ดารุลมุฮาญิรีนตลาดเมืองใหม่ อาเภอเมือง จังหวัด ยะลาต่อลักษณะกระบวนการหัลเกาะฮ์เป็นทัศนะคติเชิงบวกสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จริงและ เหมาะสมที่จะเป็นกิจกรรมพัฒนาสัปบุรุษในชุมชนมัสยิดดารุลมุฮาญิรีนตลาดเมืองใหม่ ท่ีเป็นกิจกรรม สง่ เสริมดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมสปั บรุ ุษ ผ้วู ิจัยได้เห็นว่า รูปแบบท่ีมีความสนใจมากท่ีสุดในสังคม เป็นรูปแบบกลุ่มศึกษาของ เยาวชนฟิตยะตุลฮัก มีวิธีการในการจัดกลุ่มสนทนา ให้ความคิดเห็นด้วยกัน และกลุ่มดังกล่าวน้ีมี รปู แบบครอบคลุมซ่ึงประกอบด้วย การจัดส่ิงตีพิมพ์ การบรรยาย การอบรม การทบทวนบทเรียน และ เปดิ โรงเรียนสอนศาสนา เป็นการให้โอกาสแก่ผู้นากลุ่มในการให้ความเข้าใจแก่สมาชิกเป็นอย่างดี กิจ กรรมหัลเกาะฮ์ มิได้เปน็ คนรุ่นหลังคิดค้น แต่เป็นแบบแผนของท่านนะบีมูหัมมัด ท่ีได้ออกแบบกิจกรรม มานานถึง 1,400 กว่าปีมาแล้วจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังสามารถใช้ได้ ซ่ึงอาจจะมีการปรับรูปแบบให้ เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน กิจกรรมนี้ จะมีเง่ือนไขหรือหลักการ สามประการ คือ หลักการรู้จัก หลกั การเขา้ ใจและชว่ ยเหลือกันและกัน สิ่งนี้เป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมหัลเกาะฮ์ ซ่ึงสอด คลอ้งกับยะโกบ มูหัมมัด ฮูเซ็น (Ya’qob Muhammad Husin: 2008 : 16 - 18) ได้กล่าวว่า เง่ือนไข กิจกรรมหัลเกาะฮ์ มี สามประการ คือ ประการแรก อัตตะอารุฟ (การทาความรู้จัก) สมาชิกกลุ่มศึกษา หัลเกาะฮ์ ต้องมีความรู้จักระหว่างกัน ซึ่งมุร็อบบีย์จาเป็นต้องจัดการให้สมาชิกทุกคนให้เป็นพ่ีน้อง เสมอื นพี่นอ้ งของตน และพยายามห่างไกลจากสิ่งท่ีจะทาให้ความผูกพันในกลุ่มน้ัน เกิดการแตกแยกกัน ประการที่สอง อัตตะฟาฮุม (การทาความเข้าใจ) เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มมีความเข้า ใจตรงกัน และเข้าใจ ในความแตกต่างของกันและกัน ยอมรับการตักเตือน ซ่ึงกันและกันด้วยการเปิดใจให้กว้างโดยไม่มี ความร้สู ึกไม่พอใจต่อผู้ตักเตือน ประการที่สาม อัตตะกาฟุล (การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน) หากการรู้จัก การเข้าใจยัง ไม่บรรลุผล ความช่วยเหลือจะไม่เกิดข้ึนในกลุ่มหัลเกาะฮ์ จะเป็นตัวชี้วัดว่า กระบวนการ หลอ่ หลอมของความรจู้ กั และความเข้าใจ

85 ขอ้ เสนอแนะในงำนวิจัย ๑. ต้องมีการสือ่ สารสองทาง ทุกคนมสี ่วนร่วม ทกุ คนมีบทบาทเปน็ ทั้งผใู้ หแ้ ละผู้รับ ๒. สมาชกิ ทกุ คนเปิดใจทีจ่ ะรบั รู้ทุกสงิ่ ทุกอย่างท่ีถูกถา่ ยทอดหรือพูดคยุ กันในหลั เกาะฮฺ ๓. สมาชกิ ทุกคนพร้อมท่ีจะนาสง่ิ ทีไ่ ดเ้ รยี นรู้ในหัลเกาะฮฺไปปฏิบตั ิ ๔. ผ้จู ดั การหัลเกาะฮตฺ ้องมคี วามยืดหยุ่นและคานึงถึงสภาพความพร้อมของสมาชิกอยู่ เสมอ เช่น อาจปรบั ความถี่ของการทาหลั เกาะฮใฺ หม้ ากขึ้นหรอื น้อยลงตามจงั หวะชวี ติ และหน้าท่ีการงาน ของสมาชิก ปรบั เปล่ียนหัวขอ้ ใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ชีวติ ทสี่ มาชิกกาลงั ประสบ เป็นต้น ๕. มีการเตรยี มการมาอย่างดีท้งั หวั ขอ้ เนอื้ หา การจัดบรรยากาศ กระบวนการหัลเกาะฮฺเพื่อแก้ปัญหาการดาเนินชีวิต ความเข้าใจ รวมท้ังพฤติกรรม ของสัปบุรุษ ท่ียังไม่สอดคล้องกับคาสอนของอิสลาม ใช้กระบวนการหัลเกาะฮฺเพ่ือส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การจัดหัลเกาะฮฺมักมองว่าหัลเกาะฮฺเป็น “รูปแบบ” แทนที่ท่ีจะมองว่าเป็น “กระบวนการ” ทาให้ผู้จัดยึดติดกับรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง ขาดความยืดหยุ่น ไม่ปรับเปล่ียนรูปแบบ วิธีการ หรือ หวั ขอ้ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ชีวิตของสมาชิกหัลเกาะฮฺ ผลท่ีตามมาคือความเบ่ือหน่ายของสมาชิก เมื่อสมาชิกมีความเบื่อหน่ายจะเร่ิมขาดหัลเกาะฮฺ พอมีสมาชิกขาดหัลเกาะฮฺบ่อยเข้า มุร็อบบีย์เริ่มท้อ จนยตุ ิการจัดหัลเกาะฮฺไปช่ัวคราว หรือยุติอย่างถาวรไปเลย ทาให้การจัดหัลเกาะฮฺต้องประสบกับความ ลม้ เหลว ปัญหาการวางแผนชีวิต และการเล้ียงดูบุตร เชื่อว่ากระบวนการสื่อสารตาม ธรรมชาติของมนุษย์เรา ส่วนการจัดหัลเกาะฮฺท่ีมีรูปแบบตายตัวและมีการเตรียมเน้ือหามาก่อนนั้น น่าจะเกิดข้ึนเมื่อมนุษย์มีการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แบบเป็นกิจลักษณะ ซ่ึงก็น่าจะอยู่คู่กับ มนุษย์มาตั้งแต่ดึกดาบรรพ์เช่นกัน เม่ือมนุษย์สร้างอารยธรรมข้ึนมา การถ่ายทอดความรู้และ ประสบการณ์อย่างเป็นกิจลักษณะก็ย่ิงมีความสาคัญมากข้ึนเป็นทวีคูณ เกิดวงเสวนา สานักคิด สานัก ปฏิบัติธรม โรงเรียน ไปจนกระท่ังสถาบันอุดมศึกษา สภา ไปจนถึงสังคมออนไลน์ เห็นได้ว่า การ แกป้ ญั หามีอยใู่ นทุกชนชาติ ศาสนา และอารยธรรม มนั เปน็ ธรรมชาตขิ องมนุษย์ ในอนาคต มนุษย์เราท้ังที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมจะมีการค้นคว้าและวิจัยท่ีมาก ข้ึนเกี่ยวกับการจัดหัลเกาะฮฺให้ประสบความเร็จตามวัตถุประสงค์ท่ีแตกต่างกันไป ข้อสรุปของการวิจัย อาจเป็นการย้อนกลับไปสู่กระบวนการหัลเกาะฮฺในยุคโบราณท่ีมีความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ หรื อาจเปน็ การสร้างนวตั กรรมหัลเกาะฮฺขึ้นมาใหมซ่ งึ่ มคี วามซับซอ้ นและมีขั้นตอนในการเตรียมการมากข้ึน ทง้ั นี้กข็ ึน้ อยกู่ ับวตั ถปุ ระสงค์ของการค้นควา้ วิจยั ว่าต้องการนากระบวนการหัลเกาะฮฺไปใช้ทาอะไร

86 ข้อเสนอแนะสำหรบั กำรวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป 1. ควรมีการศึกษาเชิงลึกเก่ียวกับการนาเสนอชุดความรู้ที่จะใช้ในการทาหัลเกาะฮฺเพ่ือส่งเสริม คณุ ธรรม จรยิ ธรรมในครอบครวั 2. ควรมีการศึกษาในรูปแบบคู่มือ หรือเป็นการรวบรวมเนื้อหาคาสอนของอิสลามเก่ียวกับ ครอบครัว

87 บรรณำนกุ รม ฆอซาลี เบ็ญหมัด. (2010). วิเครำะห์บทเรียนและข้อคิดจำกชีวประวัติท่ำนนบีมุหัมมัด (ศ็อลฯ). โรงพมิ พช์ านเมืองหาดใหญ่ ชยั คฺ มุหัมมดั ศอลฮิ ฺ อลั มนุ จั ญดิ . แปลโดย กฤตยิ า เพศยนาวิน, (2555). โลกของผหู้ ญิง. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพ์นัตวดิ า. เชค อาลี อีซา. (2533). กำรมีภรรยำหลำยคนในอิสลำม. (พิมพ์ครั้งท่ี 2) กรุงเทพฯ : The Rabitah Islamic Magazine. ซยั ยดิ ซาอิด อคั ตารฺ ริซวี. (2526). แปลโดย ฝ่ายการแปล สานักพิมพ์ดารฺ อะหลลิ บยั ต. ชีวิตครอบครัว แหง่ อิสลำม (Family Life in Islam).กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์ดารฺ อะหลฺ ลิ บัยตฺ. ซัยยิด อบลุ อะลา เมาดดู ี. แปลโดย บรรจง บินกาซัน (2551). ตฟั ฮีมลุ กรุ อำน ควำมหมำยคัมภรี ์ อัลกุรอำน เล่ม 1. กรุงเทพฯ: ศนู ย์หนงั สอื อิสลาม. ซยั ยดิ อบลุ อะลา เมาดูด.ี แปลโดย กุหลาบเขียว (2553). กำรคลุมหน้ำกบั สถำนภำพสตรีใน อิสลำม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ศูนย์หนังสอื อิสลาม. ฟตั ฮยี ์ ยะกัน . (2544). อะไรคือควำมหมำยกำรเปน็ มุสลิมของฉนั ?. แปลโดย นศั รุลลอฮฺ ต็อยยบิ . หาดใหญ่ : โรงพมิ พ์ชานเมอื ง. บุษบง ชัยเจริญวัฒนะ. (2551). กำรเมืองภำคประชำชน. การประชุมวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐ ประศาสนาศาสตร์ในสว่ นภูมภิ าค ประจาปี 2551 (ภาคใต)้ มหู ัมมดั รอฟลี แวหะมะ. (2550). ประวตั ิศำสตร์อสิ ลำม. ราชวงศม์ ุสลมิ โรงพมิ พห์ าดใหญก่ ราฟฟิก รอซิดะฮ์ ปูซู. (2546). ชำยแดนใต้ ดินแดนสันติสุข ฤำควำมขัดแย้ง. สภาวัฒนธรรมอาเภอรือเสาะ จงั หวัดนราธิวาส ทรงกิตติ จักกาบารต์. (2546). สถำนกำรณ์ชำยแดนใต้. สภาวัฒนธรรมอาเภอรือเสาะ จังหวัด นราธิวาส นพรัตน์ กอวฒั นากลุ และคณะ. (2559). กลยุทธ์ในกำรส่งเสริมบทบำทสตรีมุสลิมต่อกำรพัฒนำสังคม ในพื้นท่จี งั หวดั ชำยแดนภำคใต้ โรงพมิ พ์ไอควิ มิเดีย ปรดี า นาคผิว. (2553). กฎหมำยควำมมัง่ คง : หนทำงกำรแกไ้ ขควำมขัดแย้ง. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โรงพิมพ์เดือนตุลาคม นิมุ มะกาเจ. (2546). สถำนกำรณ์จังหวัดชำยแดนปัจจุบัน สภาวัฒนธรรม อาเภอรือเสาะ จังหวัด นราธวิ าส วิชัย กาญจนสวรณ. (2547). วัฒนธรรมภำคใต้กับกำรจัดกำรควำมขัดแย้ง. เอกสารประกอบการ ประชมุ วิชาการสถาบนั พระปกเกลา้ ครง้ั ที่ 6 ปีการศึกษา 2547 มัจญด์ ี อลั ฮลี าลีย์. จากหนงั สือ น่ีคือทำงรอด แปลโดย อนัส แสงอารี

88 มสั ลนั มาหามะ, (2552), แต่งงำนงำ่ ย ซนิ ำยำก. ยะลา: มหาวิทยาลยั อิสลามยะลา. มุฮาหมัดซากี เจะ๊ หะ. (2554). สตรมี ุสลิม. กรุงเทพฯ: สานักพิมพอ์ สิ ลามิคอะเคเดม.ี มูฮามัด ซอและห์ อัลมุนัจญิด. มปป. กำรดำเนินชีวิตครอบครัวตำมแนวทำงจำกอัลกุรอำนและอัล หะดีษ.แปลโดย มุฮามดั บนิ ฟาริด อัลอชั อารยี .์ กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์ ส.วงศ์เสงย่ี ม. สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย.(2542). พระมหำคัมภีร์อัลกุรอำนพร้อมควำมหมำย ภำษำไทย. อัลมะดนี ะฮฺ อัลมุเนาวะเราฮฺ : ศนู ย์กษัตริย์ฟาฮัด เพอ่ื การพิมพอ์ ัลกรุ อาน. รตั ติยา สาและ. (2540). ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่ำงศำสนกิ ทปี รำกฏในจังหวัดปัตตำนี ยะลำ และนรำธิวำส. สานกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ยั (สกว.) เสาวนีย์ จติ ต์หมวด . (2550). กำรถ่ำยทอดวัฒนธรรมอสิ ลำมของครอบครัวชำวไทยมสุ ลิม กรงุ เทพมหำนคร : สานกั งานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาต.ิ อารง สทุ ธาศาสน์. (2541). สถำบนั ครอบครัวอสิ ลำมและกำรมีภรรยำสีค่ น. กรงุ เทพฯ: ออฟเซท็ เพรส. อบั ดลุ เลาะ โต๊ะมิ. (2551). สทิ ธิและหนำ้ ที่ของสำมีภรรยำในอสิ ลำม. กรงุ เทพฯ :สานักพมิ พ์ เพื่อนไคโร. อิสมาอีลลตุ ฟี จะปะกียา. (2549). 40 โอวำท เพอื่ กำรสรำ้ งครอบครัวเปยี่ มสุข. พมิ พ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ อลั อหี มา่ น. อมิ รอน มะลูลีม. (2550). ปรัชญำอิสลำม. สานักพิมพ์ ทางนา กรุงเทพฯ พิมพ์คร้ังท่ี 1 Abu Al-Saud Muhammad bin Muhammad Al-‘Imadi.(1982). Siyar A‘lam al-Nubala’ (‫)سير أعلام النبلاء‬. Shu‘ayb al-Arna’ut, tahqiq.Vol.I-XI.Beirut: Mu’assasah al-Risalah. Abdullah Nasih Ulwan. (1995). Tarbiyat al-‘Aulad al-Islamiyat. Cairo: Dar al-Salam. Abu ‘Urwah. (1989). Wanita dan Kekeluargaan Risalah Usrah Jilid 2. Kuala Lumpur Malaysia: Pustaka Salam. Doohan, J. E. (1969). Current Practices and Problems in Student Activities in Four Main Public Secondary School, Dissertations Abstracts International. 29(69), 2146-A. Khurshid Ahmad. (1980). Family Life in Islam. Third Edition. United Kingdom: The Islamic Foundation. Naceur Jabnoun. (1994). Islam and Management. Kuala Lumpur: Institut Kajian Dasar. Skinner, B.F. (1974). About behaviorism. New York: McGraw-Hill Book. Ya’qob Muhammad Husin. (2008) Al–Usrah dan Harakah Beberapa Panduan Asas. Selangor Malaysia : Dewan Pustaka Fajar.

89 เวบไ์ ซต์ การบริหารความขัดแย้ง สืบค้นจาก http://www.muslimtv.com/ncontent/cont.php?=3714 สืบคน้ เมื่อวันท่ี 16 มกราคม 2560 การบรหิ ารตามแนวทางของอิสลาม สืบค้นจาก http://www.piwdee.net/soksa2/soksa0038.html สืบคน้ เม่ือวันท่ี 16 มกราคม 2560 การบริหารกลุ่มศึกษาในอิสลาม สืบค้นจาก http://www.islammore.com สืบค้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 กลุม่ ศึกษาในอิสลาม สืบค้นจาก http://www.deepsouthwatch.org/node/830 สืบค้นเม่ือวันที่ 16 มกราคม 2560 แนวทางการดะวะฮฺ (การเผยแผศ่ าสนา) สืบคน้ จาก http://www.learners.in.th/ammerang/3029 สบื ค้นเมื่อวนั ที่ 19 มกราคม 2560 จริยธรรมในการดาเนินชีวิต สืบค้นจาก [email protected] สืบค้นเม่ือวันที่ 26 มกราคม 2560 การจัดการหัลเกาะฮ์ สืบค้นจาก http://www.iqraforum.com/oldforum1 สืบค้นเม่ือวันท่ี 13 กุมภาพันธ์ 2560

90 ภำคผนวก หนงั สือขอควำมอนุเครำะห์

91