Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไสยศาสตร์ โรคมืด และวิธีการรักษา

ไสยศาสตร์ โรคมืด และวิธีการรักษา

Published by Ismail Rao, 2020-09-21 21:02:29

Description: ไสยศาสตร์ โรคมืด และวิธีการรักษา

Search

Read the Text Version

0

1 ค ว า ม ห ม า ย แ ล ะ วิ ธี ก า ร ท่ี นั ก ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ใ ช้ เ รี ย ก ญิ น ปัญหาไสยศาสตร์หรือโรคมืด เป็นอีกหน่ึงปัญหาใหญ่ของของสังคมมุสลิม ไม่เว้นสังคมมุสลิมไทย สถานีโทรทัศน์ไวท์แชนแนล ที่นำโดยเชคริฎอ อะหมัด สมะดี จึงได้เริ่มต้นเผยแผ่องค์ความรู้และหลักการศาสนาที่พูดถึงเรื่องนี้ หวังจะ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบกับปัญหาเรื่ อง โรคมืด วันนี้ไวท์แชนแนลยินดีนำเสนอองค์ความรู้เหล่านั้นในรูปแบบของ ตัวอักษร เป็นบทความท่ีพี่น้องจะสามารถหยิบมากเปิดอ่านทำความเข้าใจใด้ตาม สะดวก เราจะพยายามอธิบายให้สั้นกระชับและเข้าใจได้โดยง่าย หวังว่าจะเป็น ป ร ะ โ ย ช น์ กั บ พี่ น้ อ ง ทุ ก ค น ญิน เป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่พระเจ้าสร้างมา มีชีวิตคู่ขนานกับมนุษย์ในโลกใบนี้ มนุษย์มองไม่เห็น ญินมีทั้งดีและชั่ว มีญินที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ และปฏิเสธศรัทธา ในสังคมไทย อาจใช้คำว่า “ผี” หรือ “ปีศาจ” แทนญินท่ีออกมาหลอกหลอนหรือทำร้ายผู้คน นักวิชาการภาษาอาหรับและศาสนาอิสลาม ได้อธิบายค วามหมายของคำว่า “ไสย ศาสตร์” (ภาษาอาหรับใช้คำว่า “สิหิร”) ไว้อย่างมากมายหลากหลาย แต่โดยสรุปแล้ว “ไสย ศาสตร์” ในมุมมองของหลักการศาสนาอิสลามนั้นคือ การทำข้อตกลงระหว่างผู้ทำไสยศาสตร์ และชัยฏอน มารร้ายหรือญินชั่วที่ล่อลวง หลอกหลอน และทำร้ายมนุษย์ หัวหน้าของเหล่า ชัยฏอนชื่อว่า “อิบลีส” อัลลอฮทรงโกรธกริ้วต่ออิบลีสและชัยฏอน และพวกมันจะถูกลงโทษใน นรกตลอดกาล โดยที่ผู้ทำไสยศาสตร์กระทำบางสิ่ งบางอย่างที่ศาสนาห้ามหรืออาจถึงตั้งภาคี ต่ออัลลอฮ (ข้อห้ามที่รุนแรงสุด) เพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือจากชัยฏอน โดยผู้ทำไสย ศ า ส ต ร์ จ ะ ย อ ม รั บ ห รื อ เ ชื่ อ ฟั ง ทุ ก ข้ อ เ รี ย ก ร้ อ ง ข อ ง มั น ท่านอิบนุกุดามะฮฺ อัลมักดิซีย์ (ขออัลลอฮทรงเมตตาท่าน) ได้กล่าวไว้ว่า “ไสยศาสตร์คือ การผูกปม เป็นคาถาหรือคำอ่านบางอย่างท่ีมีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งถูกอ่านหรือเขียน หรือเป็น การกระทำบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาของคนที่ถูกกระทำ โดยไม่ ต้องแตะเนื้อต้องตัวคนๆนั้นเลย ไสยศาสตร์นั้นมีอยู่จริง อิทธิพลของมันอาจจะร้ายแรงจน นำไปสู่ความตายได้ หรือทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย สามีไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาได้ ทำให้ สามีภรรยาต้องแยกทางกัน ทำให้คนสองคนเกิดความรู้สึกเกลียดชังกัน หรือทำให้คนสองคนรัก ใคร่ชอบพอกัน”(หนังสือ อัลมุฆรีย์ เล่มที่ 10 หน้าท่ี 104) ข้อตกลงระหว่างผู้ทำไสยศาสตร์กับญินชั่วหรือ ชัยฏอนนั้นมีหลากหลาย นักไสยศาสตร์ บางคนใช้การวางคัมภีร์อัลกุรอานใต้เท้าของเขา หรือใช้อัลกุรอานเป็นที่รองเท้าหรือเช็ดเท้าใน ห้องน้ำ บางคนเขียนโองการในคัมภีร์อัลกุรอานด้วยกับสิ่งที่สกปรก เช่น เขียนด้วยเลือด ประจำเดือน หรือเขียนใต้เท้าของตัวเอง หรือเขียนสูเราะฮฺ อัลฟาติหะฮฺโดยที่ตัวอักษรกลับด้าน บางคนละหมาดโดยไม่มีน้ำละหมาดหรือขณะที่ยังมีญะนาบะฮฺ [ สภาพความไม่สะอาด การมี เพศสัมพันธ์] บางคนเชือดสัตว์ถวายให้แก่ชัยฏอน หรือเชือดโดยไม่กล่าวนามของอัลลอฮ แล้ว นำสัตว์ที่เชือดนั้นไปทิ้งในสถานที่ที่ชัยฏอนกำหนด (คือ ทำตามคำสั่งของชัยฏอน) บางคน วิงวอนขอและก้มกราบแก่ดวงดาว บางคนร่วมเพศกับแม่หรือลูกสาวของตนเอง บางคนเขียน คาถาด้วยถ้อยคำที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับและมีเนื้อหาที่เป็นการปฏิเสธศ รัทธา

2 ญินชั่วจะไม่ช่วยเหลือผู้ทำไสยศาสตร์เด็ดขาด หากไม่มีผลตอบแทนหรือสิ่งแลกเปลี่ยน มาให้แก่มัน ยิ่งผู้ทำไสยศาสตร์กระทำสิ่งที่เป็นการปฏิเสธศรัทธาที่ใหญ่หลวงมากเท่าไหร่ ชัยฏอนก็จะย่ิงเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเขาอย่างรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากผู้ทำไสยศาสตร์ ทำส่ิงท่ีเป็นการปฏิเสธศรัทธาโดยไม่เต็มใจ ชัยฏอนก็จะปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งหรือข้อเรียกร้อง ของเขา หรือไม่มันก็อาจจะทรยศได้ นักไสยศาสตร์และชัยฏอนนั้น ความจริงแล้วคือ สองมิตร สหายท่ีมาพบเจอกันเพื่อฝ่าฝืนและเนรคุณต่ออัลลอฮ ผู้ทรงบริสุทธิ์และสูงส่ ง ญิ น แ ล ะ ไ ส ย ศ า ส ต ร์ มี อ ยู่ จ ริ ง เม่ือพูดถึงเร่ืองญิน ชัยฏอน และไสยศาสตร์ บางคนอาจจะปฏิเสธ ไม่ ยอมรับ ญินและนักไสยศาสตร์นั้นมีความสัมพันธ์ท่ี แน่นแฟ้นต่อกัน เป็นตัว ละครเอกในกา ร ทำ ไ สย ศา สต ร์แ ทบ ทุ กชนิด นั กไ สย ศา สตร์ ต้อง พ่ึง พาญิน ใ นกา ร ทำไ สย ศา สตร์ ฉันใ ด ญิน ก็ ต้ องพ่ึง พานั กไ สย ศา สตร์ใน กา ร ข้า มเขต แ ดน เข้ามา ยุ่ง เก่ียวกับชีวิตมนุษย์ฉันนั้น ศาสนาอิสลามสอนว่าญิน ไสยศาสตร์ และพลังหรืออิทธิพลต่างๆของไสยศาสตร์น้ันมี อยู่ จริง มีหลักฐานคำสอนมากมายจากคัมภีร์อัลกุรอานที่พูดถึงเรื่องนี้ เช่น ใ น อั ล กุ ร อ า น มี ก ล่ า ว ไ ว้ ว่ า ‫ﱩﭑﭒﭓﭔﭕﭖﭗﭘﱨ‬ และจงรำลึกเมื่อเราได้ให้ญินจำนวนหนึ่งมุ่งไปยังเจ้า (มุฮัมหมัด) เพื่อฟัง อัลกุรอาน (อัลอะหฺก็อฟ 46 : 29) ท่านอับดุลลอฮ บินมัสอูด (ขออัลลอฮทรงพอพระทัย) สหายของท่าน ศาสนทูต (ขอการ สถาพรและความศานติจงประสบแด่ท่าน) เล่าว่า “คืนหนึ่งเราอยู่กับท่านนบี แต่แล้วท่านก็หาย ตัวไป พวกเราตามหาท่านทั้งที่บริเวณหุบเขาและเนินเขา แต่ก็ไม่พบท่าน จนเราคิดว่าท่านถูก ฆ่าตายไปแล้ว เรานอนหลับไปโดยมีความวิตกกังวลใจเป็นอย่างมาก เมื่อถึงตอนเช้า ท่านนบีก็ ปรากฏตัวมาจากทิศของถ้ำฮิรออ์ พวกเราถามท่านว่า ‘ท่านครับ เมื่อคืนพวกเราพรากจากท่าน เราตามหาท่าน แต่ก็ไม่พบท่าน กระทั่งเรานอนหลับไปด้วยความกังวลใจอย่างมาก ’ ท่านนบี ตอบว่า ‘ตัวแทนจากหมู่ญินตนหนึ่งได้มาหาฉัน และฉันก็ไปกับเขาเพื่ออ่านโองการอัลกุรอาน ใ ห้ แ ก่ พ ว ก เ ข า ’ ”

3 หรือในตอนหนึ่งของอัลกุรอาน อัลลอฮทรงตรัสไว้ว่า ‫ﱩ ﭑ ﭒ ﭓ ﭔ ﭕ ﭖ ﭗﭘ ﭙ ﭚ ﭛ ﭜ‬ ‫ﭝﭞﭟﭠﭡﭢﭣﭤﭥﭦﭧ‬ ‫ﭨﭩ ﭪ ﭫ ﭬ ﭭ ﭮ ﭯ ﭰ ﭱ ﭲ ﭳ ﭴﭵ ﭶ‬ ‫ﭷ ﭸ ﭹ ﭺ ﭻ ﭼ ﭽﭾ ﭿ ﮀ ﮁ ﮂ ﮃ ﮄ ﮅ ﮆ‬ ‫ﮇﮈ ﮉ ﮊ ﮋ ﮌ ﮍﮎ ﮏ ﮐ ﮑ ﮒ ﮓ ﮔ ﮕ ﮖ‬ ‫ﮗ ﮘﮙ ﮚ ﮛ ﮜ ﮝ ﮞﮟ ﮠ ﮡ ﮢ ﮣ ﱨ‬ แ ล ะ พ ว ก เ ข า ไ ด้ ป ฏิ บั ติ ต า ม สิ่ ง ที่ บ ร ร ด า ชั ย ฏ อ น ใ น ส มั ย ก ษั ต ย์ สุ ลั ย ม า น อ่ า น ใ ห้ ฟั ง และสุลัยมานมิได้ปฏิเสธศรัทธาแต่อย่างใด แต่ทว่าชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธ ศรัทธา โดยสอนประชาชนซึ่งวิชาไสยศาสตร์และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่มะลาอิกะฮฺ ทั้งสองคือ ฮารูตและมารูต ณ เมืองบาบิโลน และเขาทั้งสองจะไม่สอนให้แก่ผู้ใด นอกจากจะกล่าวว่า แท้จริงเราเป็นผู้ทดสอบเท่านั้น ฉะนั้นท่านจงอย่ าปฏิเสธการ ศรัทธาเลย แล้วเขาเหล่านั้นก็ศึกษาจากทั้งสอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาจะใช้มันสร้างความ แตกแยกระหว่างคนๆหนึ่งกับภรรยาของเขา และพวกเขาไม่อาจทำให้สิ่งนั้น(คือ วิชา ไสยศาสตร์)เป็นอันตรายแก่ผู้ใดได้ นอกจากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น และ พวกเขาก็เรียนสิ่งที่เป็นโทษ และมิได้เป็นคุณแก่ตัวพวกเขาเอง และแท้จริงนั้นพวก เขารู้ว่า แน่นอนผู้ที่ซื้อมันไว้นั้น ในวันปรโลกย่อมไม่มีส่วนได้ใดๆ และแน่นอนว่า เป็นสิ่งที่ชั่วช้าจริง ๆ ที่พวกเขาขายตัวของพวกเขาเองด้วยสิ่งนั้น หากพวกเขารู้ (อัลบะเกาะเราะฮฺ 2 : 102) อายะฮฺที่ 6 ซูเราะฮฺ[2]อัลอันอาม, อายะฮฺท่ี 91 ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ, อายะฮฺท่ี 117-122 ซูเราะฮฺอัลอะอฺร็อฟ และซูเราะฮฺอัลฟะลักท้ังซูเราะฮฺ ก็มีพูดถึงเรื่องน้ี รวมถึงในซูเราะฮฺอื่นๆ และ ในวจนะของท่านนบีมุฮัมหมัดด้วย (ขอการสถาพรและความศานติจงประสบแด่ท่าน) การอ้างว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องเหลวไหล หรือเป็นเพียงจินตนาการที่คนสร้างขึ้นมาเอง นั้น ไม่อาจหักล้างความจริงที่ว่า ไสยศาสตร์มีอยู่จริงๆ และอิทธิพลของมันก็ส่งผลกระ ทบต่อ ชีวิตมนุษย์จริงๆ เป็นวิชาที่สามารถถ่ายทอดและศึกษาต่อกันได้ อิทธิพลของมันอาจส่งผลทำให้ คนสองคนเกิดเสน่หาหลงรักกัน หรืออาจทำให้โกรธเคืองจนเกลียดชังกันก็ได้ สามีภรรยาต้อง

4 หย่าร้างตัดขาดจากกัน บางคนอาจเจ็บไข้ได้ป่วย และในบางรายอาจถึงขั้นสิ้นชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่ กับประเภทและระดับความรุนแรงของไสยศาสตร์ท่ี นักไสยศาสตร์ทำขึ้นมา หากบางส่ิงบางอย่างทำให้ชีวิตหน่ึงตายลงได้ เช่น ยาพิษหรืออาวุธ และบางอย่างทำให้ ป่วยไข้ได้ เช่น โรคทั้งหลาย และบางอย่างก็สามารถรักษาอาการป่วยได้ เช่น ตัวยาและการ รักษารูปแบบต่างๆ ไสยศาสตร์ก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลแต่อย่างใด เพียงแต่มันอยู่ในรูปแบบที่คน ส่ ว น ใ ห ญ่ อ า จ ไ ม่ เ ข้ า ใ จ แ ล ะ ไ ม่ มี ค ว า ม รู้ เ ก่ี ย ว กั บ มั น เ ท่ า น้ั น เ อ ง ก า ร ท ำ ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ท ำ ใ ห้ ม นุ ษ ย์ แ ล ะ ญิ น ต้ อ ง ฝ่ า ฝื น ก ฎ ธ ร ร ม ช า ติ ที่ พ ร ะ เ จ้ า ท ร ง ก ำ ห น ด เอาไว้ อีกทั้งยังเป็นอันตรายและสร้างความเสียหายใหญ่หลวง อิ สลามจึงห้ามศึกษาเรียนรู้และ ทำไสยศาสตร์ และถือว่ามันเป็นหนึ่งในภยันตราย 7 ประการที่ท่านเราะซูลกำชับให้หลีกห่าง ภยันตราย 7 ประการ ได้แก่ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ, การทำไสยศาสตร์, การฆ่าชีวิตที่ ต้องห้าม, ดอกเบ้ีย, การกินทรัพย์สินเด็กกำพร้า, การหนีสงคราม และการใส่ร้ายหญิง มุสลิมที่บริสุทธิ์ว่าผิดประเวณี (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม) เป็นบาปใหญ่ที่อาจ น ำ ไ ป สู่ ก า ร ป ฏิ เ ส ธ ศ รั ท ธ า แ ล ะ ต ก ศ า ส น า ไ ด้ วิ ธี ก า ร ท่ี นั ก ไ ส ย ศ า ส ต ร์ เ รี ย ก ญิ น ไสยศาสตร์ คือการทำข้อตกลงระหว่างผู้ทำไสยศาสตร์และญินหรือชัยฏอน โดย ที่ ผู้ ท ำ ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ก ร ะ ท ำ บ า ง สิ่ ง บ า ง อ ย่ า ง ที่ ศ า ส น า ห้ า ม เ พื่ อ แ ล ก กั บ ก า ร ไ ด้ รั บ ความช่วยเหลือจากมัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ผู้ทำไสยศาสตร์จะทำข้อตกลงนี้กับ หัวหน้าของกลุ่มญินและชัยฏอน แล้วบรรดาลูกน้องญินทั้งหลายก็จะได้รับคำสั่ง ให้บริการและช่วยเหลือผู้ทำไสยศาสตร์ตามแต่เข าต้องการ หากญินลูกน้องไม่ ยอมทำตามคำสั่ง นักไสยศาสตร์ก็จะร้องเรียนญินหัวหน้าให้ลงโทษญินลูกน้องที่ ฝ่าฝืนไม่ยอมทำตาม แล้วส่ังให้ลูกน้องญินตัวอื่นทำงานแทน ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง นั ก ไ ส ย ศ า ส ต ร์ กั บ ญิ น ผู้ รั บ ใ ช้ ไ ม่ ไ ด้ ว า ง อ ยู่ บ น พ้ื น ฐ า น ข อ ง ก า ร เ ค า ร พ และยินดีช่วยเหลือกันและกัน แต่วางอยู่บนพื้นฐานของการฝ่าฝืนอัลลอฮ ผลประโยชน์ของ ตัวเอง และความเกลียดชังต่อกัน ด้วยเหตุนี้ บางครั้งญินผู้รับใช้ก็จะก่อกวนสร้างความรำคาญ แก่คนในครอบครัวของผู้ทำไสยศาสตร์ หรือแม้แต่ตัวนักไสยศาสตร์เอง มีวิธีการบางอย่างที่นักไสยศาสตร์ใช้ในการเรียกญิน แต่ท้ัง หมดมีการปฏิเสธศรัทธา การ ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ หรือการทำสิ่งที่เป็นบาปมหันต์เป็นข้อแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น ด้วยความช่วยเหลือ ของอัลลอฮ เราจะนำเสนอวิธีการดังกล่าวโดยสังเขป ให้พอเห็นภาพคร่าวๆ เพื่อที่พี่น้องจะได้ รู้จัก ไม่เข้าใจผิด หรือถูกหลอกว่าเป็นการรักษาไสยศาสตร์ที่ ถูกต้องตามหลักการศาสนา ทั้งที่ จริงๆแล้วมันคือการทำไสยศาสตร์ที่ฝืนหลักการศาสนาต่างหาก น่ันเพราะว่านักไสยศาสตร์บาง คนใช้เล่ห์เหลี่ยมในการปิดบังไสยศาสตร์ของตัวเอง โดยเอาอัลกุรอานหรือสัญลักษณ์ต่างๆทาง ศาสนามาบังหน้า พ่ีน้องจึงต้องระมัดระวังให้ดีและรอบคอบในเรื่อ งน้ี

5 วิธีการที่ 1 : สาบานด้วยนามของชัยฏอนมารร้าย นักไสยศาสตร์จะเข้าไปในห้องมืด จุดไฟ และวางกำยานลงในธูป ชนิดของกำยานขึ้นอยู่ กับเปป้าหมายของไสยศาสตร์ที่ต้องการทำ แล้วเขาก็เริ่มท่องคาถาหรืออ่านถ้อยคำสำนวนต่างๆ ที่มีการตั้งภาคีต่ออัลลอฮอยู่ด้วย หรือวาดลวดลายห รือสักยันต์บางอย่างที่เป็นการสาบานต่อ หัวหน้าญิน หลังจากนั้นเขาก็ขอให้ญินทั้งหลายช่วยเหลือเขาโดยอ้างชื่อหรือตำแหน่งของญิน ผู้นำ หรือเขาอาจจะกล่าวยกย่องบรรดาผู้นำของพวกญิน เพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือ บางอย่าง นักไสยศาสตร์ปฏิบัติขั้นตอนเหล่านี้ในสภาพที่สก ปรก เช่น ขณะมีญะนาบะฮฺ หรือ สวมใส่เส้ือผ้าที่มีนะญีส (ส่ิงสกปรก) ญินชอบที่มืด และชอบความสกปรกโสมมด้วย และการที่นักไสยศาสตร์สาบานด้วยนาม ของญินหรือชัยฏอน พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากพวกมันนั้นถือเป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮที่ ชัดเจนที่สุด วิธีการที่ 2 : เชือดสัตว์บูชายัญด้วยนามของชัยฏอน นักไสยศาสตร์จะขอหรือหานก หรือไก่ หรือเป็ด หรือสัตว์อื่นๆ โดยกำหนด ลักษณะเฉพาะตามคำขอของญิน แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นสัตว์สีดำ เพราะญินชอบสีดำ แล้วนัก ไสยศาสตร์ก็เชือดสัตว์ตัวนั้นโดยไม่ได้กล่าวนามของอัลลอฮ (คือไม่ได้กล่าว “บิสมิลลาฮ”) แต่ เชือดด้วยนามของญินหรือชัยฏอนแทน บางครั้งเลือดของสัตว์บูชายัญจะถูกนำไปผสมให้ผู้ป่วย ดื่ม ส่วนตัวสัตว์ที่ถูกเชือดจะถูกนำไปทิ้งไว้ที่บ้านหรือบ่อน้ำร้าง หรือทิ้งไว้ในท่ีๆไม่มีคนอาศัยอยู่ เพราะสถานที่เหล่านี้เป็นที่อยู่ของพวกญิน แล้วนักไสยศาสตร์ก็กลับไปยังบ้านของเขา อ่าน คาถาที่มีเน้ือหาการต้ังภาคีต่ออัลลอฮ แล้วก็ส่ังให้ญินทำตามคำส่ัง การเชือดสัตว์ด้วยนามอื่นจากอัลลอฮ เป็นสิ่งต้องห้ามโดยมติเอกฉันท์ของบรรดา นักวิชาการอิสลามทั้งรุ่นก่อนและรุ่นหลัง ไม่ใช่แค่เพียงต้องห้าม (ฮารอม) แต่ยังเป็นการต้ังภาคี ต่ออัลลอฮ ซึ่งเป็นบาปใหญ่หลวงที่สุดในศาสนาอิสลาม และสัตว์ที่เชือดก็ไม่อนุญาตให้ รับประทานด้วย เพราะถือว่าเป็นสัตว์ที่มิได้เชือดอย่างถูกต้องตามหลักการศาสนา ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่นักไสยศาสตร์ใช้ในการเรียกญิน เพ่ือให้ได้ทำความรู้จัก และไม่เข้าใจผิด หรือถูกหลอก โดยพวกนักไสยศาสตร์เจ้าเล่ห์ที่แอบอ้างการทำไสยศาสตร์อันเป็นสิ่งต้องห้ามว่า เ ป็ น วิ ธี ก า ร รั ก ษ า ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ต า ม ห ลั ก ค ำ ส อ น ข อ ง ศ า ส น า การสาบานด้วยนามของชัยฏอนมารร้าย และการเชือดสัตว์บูชายัญด้วยนามของชัยฏอน เป็นรูปแบบวิธีการที่นักไสยศาสตร์ใช้ในการเรียกญิน ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นการต้ัง ภาคีต่ออัลลอฮอย่างชัดเจน ยังมีรูปแบบวิธีการอ่ืนๆอีกท่ีเราควรรู้จักและระมัดระวัง

6 วิธีการท่ี 3 : สุฟลียะฮฺหรือทำบาปใหญ่ วิธีการสุฟลียะฮ คือการที่นักไสยศาสตร์เรียกใช้ญิน โดยแลกกับการทำบาปใหญ่ต่างๆ เช่น การเหยียบอัลกุรอาน คือใช้อัลกุรอานเป็นรองเท้าเดินไปในเข้าห้องน้ำ หรือการร่วมหลับ นอนกับมะหฺร็อม[1]ของเขาเอง หรือร่วมหลับนอนกับเพศเดียวกัน หรือการข่มขืน หรือกล่าวด่า ทอศาสนา ซึ่งทั้งหมดคือพฤติกรรมที่เป็นบาปใหญ่ ซึ่งพวกญินชั่วหรือชัยฏอนชื่นชอบและพอใจ หลังจากลงมือทำบาปใหญ่ไปแล้ว นักไสยศาสตร์ก็จะอ่านคาถาเรียกพวกญิน และสั่งพวกญินให้ ท ำ ใ น สิ่ ง ที่ เ ข า ต้ อ ง ก า ร วิธีการที่ 4 : ใช้นะญาซะฮฺหรือส่ิงสกปรก วิธีการนี้นักไสยศาสตร์จะใช้นะญาซะฮฺหรือสิ่งสกป รกต่างๆประกอบการเรียกญิน สิ่งสกปรก ดังกล่าวอาจจะเป็นเลือดประจำเดือนของผู้หญิง , ปัสสาวะ, อุจจาระ หรือซากสัตว์ แล้วนำมา เขียนบางคำหรือบางอายะฮฺจากอัลกุรอาน หลังจากนั้นนักไสยศาสตร์ก็จะอ่านคาถาต่างๆที่เป็น การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ กระทั่งญินรับใช้ปรากฏตัวออกมา พร้อมที่ จะปฏิบัติทำตามคำสั่งของนัก ไ ส ย ศ า ส ต ร์ วิธีการที่ 5 : เขียนอัลกุรอานกลับด้าน นักไสยศาสตร์จะเขียนอายะฮฺหรือสูเราะฮฺอัลกุรอานโดยกลับหัวกลับหาง อาจจะเร่ิมต้น ด้วยตัวอักษรสุดท้าย และจบท้ายด้วยตัวอักษรแรกของอายะฮฺนั้นๆ หรืออาจจะเขียนสลับกันมั่ว ไปเลย หลังจากนั้นนักไสยศาสตร์ก็อ่านคาถาที่มีเนื้อหาการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ แล้วสั่งใช้ญินให้ ท ำ ต า ม ท่ี เ ข า ต้ อ ง ก า ร วิธีการท่ี 6 : ใช้วิชาโหราศาสตร์ นักไสยศาสตร์จะคอยติดตามการปรากฏตัวของกลุ่มดาวหรือดาวบางดวง แล้วพูดคุย กับดาวดวงนั้นๆด้วยคาถาต่างๆที่มีเนื้อหาการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ หลังจากนั้นนักไสยศาสตร์จะ เต้นรำหรือเคลื่อนไหวร่างกายด้วยรูปแบบการเคลื่อนไหวที่จำเพาะ เพื่อเรียกวิญญาณของ ด ว ง ด า ว ใ ห้ เ ดิ น ท า ง ล ง ม า ต อ บ รั บ ค ำ วิ ง ว อ น ข อ ง เ ข า วิธีการเช่นนี้ถือเป็นการทำไสยศาสตร์ที่ชัดเจน เป็นการตั้งภาคีต่ ออัลลอฮ และทำให้ตก จากศาสนาด้วย แม้ว่าผู้กระทำบางคนจะไม่ยอมรับก็ตาม เพราะทั้งคาถาที่อ่าน การเต้นรำหรือ เคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่วงท่าเฉพาะ และการหวังพึ่งต่อพวกดวงดาว ล้วนแสดงถึงเป็นการอิ บาดะฮฺ[2] ต่อส่ิงอื่นที่นอกเหนือจากอัลลอฮทั้งส้ิน ดวงดาวไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเกี่ยวกับคำ ขอของนักไสยศาสตร์ พวกญินต่างหากที่ออกมาตอบสนองความต้องการของเขา ดาวบางดวงปรากฏตัวปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นักไสยศาสตร์บางคนจึงมีความเชื่อว่า ไม่มี ทางทำลายพลังของไสยศาสตร์ที่ทำด้วยวิธีการนี้ได้ นอกจากต้องรอให้ดาวดวงนั้ นๆปรากฏขึ้น อีกคร้ังในคร้ังต่อไป แต่ตามหลักการอิสลามแล้ว ฤทธ์ิไสยศาสตร์ทุกประเภทถูกทำลายไลงด้ด้วย พ ลั ง ข อ ง อั ล กุ ร อ า น แ ล ะ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ จ า ก อั ล ล อ ฮ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook