762-331 Islamic History II First Published 2020 สมาคมโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนาอสิ ลามสามจงั หวดั ชายแดนใต้ : เขยี น ฮานีซะห์ เดง็ , อลิ ฮมั สะตียา : แปล รุสนานี ลงสูกา, นุรอัยนี นรี ะหงิ : เรียบเรยี ง ฮานีฟะห์ มะเดง็ : ภาพ ปพี ิมพ์ ซุลฮิจญะฮฺ ฮ.ศ. 1442 / ตลุ าคม
ส า ร บั ญ 9 อมุ รั บิน อบั ดลุ อะซซี 30 10 ยาซีด บนิ อับดลุ มะลกิ 33 1 ราชวงศ์อุมยั ยะฮ์ 4 11 ฮิชาม บิน อับดุลมะลิก 35 2 มุอาวิยะฮ์ บนิ อบซู ฟุ ยาน 9 12 วาลดี บิน ยาซีด 38 3 ยาซีด บนิ มุอาวิยะฮ์ 13 4 มอุ าวิยะฮ์ บิน ยาซีด 16 13 ยาซดี บนิ วาลดี 40 14 อิบรอฮีม บนิ วาลีด 43 5 มัรวาน บนิ อัลหะกัม 18 15 มัรวาน บิน มุหมั มัด 48 6 อับดลุ มะลิก บิน มรั วาน 20 16 แผนผงั ราชวงศ์อุมัยยะฮ์ 50 7 วาลีด บนิ อับดุลมะลิก 24 8 สไุ ลมาน บิน อบั ดุลมะลิก 27 3
ราชวงศอ์ ุมยั ยะฮ์ ในยุคสมยั ญาฮลี ยี ะฮ์ มีผู้ต่อตา้ นทา่ นศาสดามฮุ ัมมัด ﷺในการเผยแผ่ ศาสนาอิสลามมากมาย หนึ่งในนน้ั คือ บนีอมุ ัยยะฮ์ ซึง่ ในขณะน้ันอบซู ุฟยาน บนิ หรั บฺ เปน็ หัวหนา้ เผ่า เขายนื กรานต่อตา้ นอสิ ลาม 4
จนกระทง่ั วนั หนึ่งท่านศาสดามุฮมั มัด ﷺได้ทาการพิชติ นครมกั กะฮ์ ทา่ นศาสดา ได้ใหเ้ กยี รติต่ออบซู ฟุ ยานโดยการประกาศว่า “ใครกต็ ามทอี่ ยใู่ นบา้ นของอบซู ฟุ ยานเขาจะ ไดร้ บั ความปลอดภยั ” การกระทาของทา่ นศาสดา ทาให้อบูซฟุ ยานต้ืนตันใจ จนในที่สุด เขาได้เข้ารับศาสนาอสิ ลาม รวมทัง้ บุคคล ในตระกลู อุมยั ยะฮ์ด้วย หลังจากบนีอุมัยยะฮ์เขา้ รับอสิ ลาม พวกเขาได้สนับสนุนอสิ ลามอย่างเตม็ ที่ โดยการเข้ารว่ มสงครามกับท่านนบี ในทกุ ชว่ งของการทาสงคราม 5
เมือ่ ท่านฮาซัน บิน อาลี ได้สละตาแหน่งการปกครองใหแ้ ก่ ทา่ นอุมัยยะฮ์ บิน อบซู ุฟยาน ประชาชนได้รวมตัวกนั ณ เมืองกุฟฟะห์ เพือ่ ให้สัตยาบันแกท่ ่านมุอาวยิ ะฮ์ ในปีนั้นจงึ มีชื่อว่า “อามลุ ญามาอะฮ”์ 6
ทา่ นมุอาวยิ ะฮ์ไดย้ ้ายเมืองหลวงจากเมอื งมกั กะฮ์ไปยังเมอื งชาม และไดป้ ระกาศตนเป็นราชวงศอ์ ุมยั ยะฮ์ ซง่ึ ทมี่ าของการตงั้ ชอ่ื ราชวงศ์อุมยั ยะฮ์ มาจากชอื่ ทวดของท่านมอุ าวียะฮ์นนั่ เอง ราชวงศอ์ ุมยั ยะฮ์ไดป้ กครองเมืองนานถึง 91 ปี โดยมีผปู้ กครองราชวงศ์ทง้ั หมด 14 ท่าน 7
ขอ้ คดิ ทไ่ี ดร้ บั เมื่อเรารจู้ กั การใหเ้ กยี รตผิ ้อู น่ื เขากจ็ ะใหเ้ กยี รติเรา 8
มอุ าวยิ ะฮ์ บนิ อบซู ุฟยาน (ฮ.ศ.41-60/ค.ศ.661-680) ทา่ นมุอาวยิ ะฮ์ บิน อบูซฟุ ยาน เป็นคนแรกทปี่ กครองราชวงศอ์ ุมยั ยะฮ์ ท่านเกดิ ท่ีเมืองมักกะฮ์ และได้เขา้ รบั อสิ ลามพรอ้ มกับท่านอบซู ุฟยาน บนิ หรั บฺ ซงึ่ เป็นพอ่ ของเขา ท่านเป็นคนทีเ่ ฉลียวฉลาด มีความอดทนและมีความกลา้ หาญในการต่อสู้ อกี ทง้ั ทา่ นมคี วามเชย่ี วชาญในด้านการเมอื ง ทา่ นมีความเข้าใจในพฤติกรรมของมนษุ ย์ วา่ ควรทาอย่างไรที่จะสามารถรวมผคู้ น ใหเ้ ป็นหน่ึงเดียวกันได้ 9
ทา่ นมอุ าวิยะฮ์ไดเ้ ปล่ียนการปกครองจากระบบเคาะลฟี ะฮ์ เปน็ การปกครอง แบบระบบกษัตรยิ ์ เพื่อความเป็นระเบยี บของสังคม ในขณะท่ที ่านมุอาวยิ ะฮ์ได้ปกครองราชวงศอ์ มุ ยั ยะฮ์ เขาได้ขยายดินแดน อย่างกว้างขวางจนถงึ ฝ่งั ตะวนั ออก ส่วนหน่งึ ของเมืองท่สี ามารถพิชติ ได้ คอื SIND, ISTANBUL และ AFRICA 10
คาสงั่ เสยี ของทา่ นมอุ าวยิ ะฮ์ บิน อบูซฟุ ยาน ท่านมอุ าวิยะฮ์ ได้ส่งั เสียแกล่ กู หลานของเขาวา่ “ใหท้ าความรจู้ กั และเรยี นรวู้ ธิ กี ารรบั มอื ตอ่ ศตั ร”ู ทา่ นมอุ าวิยะฮ์ได้เสียชีวิตในเดอื นรอญับ ในปีฮจิ เราะห์ท่ี 60 ศพของท่านได้ถกู ฝั่งทเ่ี มืองหนึง่ ในซเี รยี ท่านเสียชวี ิตในขณะที่มีอายุ 77 ปี โดยปกครองนาน 40 ปี 11
ความรว่ มมอื จะนาพาใหส้ งั คมเข้มแขง็ ความแตกแยกจะทาใหส้ งั คมว่นุ วาย ผู้ทฉี่ ลาดคอื ผู้ที่แยกแยะระหวา่ งความถกู ตอ้ งและความผิดได้ พร้อมนาเอา แตส่ ่ิงดๆี และละทงิ้ ในสงิ่ ทีไ่ มด่ ี 12
ยาซีด บิน มุอาวยิ ะฮ์ (ฮ.ศ. 60-64/ ค.ศ. 680-683) กอ่ นทีท่ ่านมุอาวยิ ะฮ์เสียชีวิต เขาได้มอบตาแหน่งกษตั ริย์ใหแ้ ก่ ท่านยาซีดซึง่ เปน็ บุตรชายของเขา โดยเป็นการสืบทอดอานาจจากการปกครอง แบบเคาะลีฟะฮ์เปน็ การปกครองแบบสืบทอดวงศต์ ระกูล ด้วยการเปลีย่ นแปลง การปกครองเช่นน้ี ทาให้ประชาชน บางสว่ นไม่พอใจ แต่กย็ อมรบั และ ใหส้ ตั ยาบนั แก่ทา่ นยาซีด 13
ทา่ นยาซีดเปน็ คนหนง่ึ ท่ีถกู เลย้ี งดูให้มีความกล้าหาญ มคี วามเฉลยี วฉลาด ในการเจรจา ถงึ แมจ้ ะถูกเลีย้ งดเู พอ่ื เตรยี มพรอ้ มในการเป็นกษตั ริย์ แตก่ ารปกครอง ของเขาไมเ่ ปน็ ทน่ี า่ พอใจต่อประชาชนนกั เนื่องจากเขาเปน็ คนท่ไี มค่ อ่ ยมีความยุตธิ รรม และลมุ่ หลงในดนุ ยา ซึ่งขดั ต่อหลกั การอสิ ลาม ทา่ นยาซดี ไดเ้ สียชวี ิตในปีฮจิ เราะหศ์ ักราชที่ 64 ในขณะทมี่ ีอายุ 38 ปี ท่านยาซีดปกครองเมอื ง เปน็ เวลา 3 ปี 8 เดอื น 14
จงทบทวนและใคร่ครวญตัวเอง ก่อนทจี่ ะถูกตักเตอื น แท้จรงิ ! อลั ลอฮฺ จะไม่ใหค้ วามชว่ ยเหลือแก่ผทู้ ีอ่ ธรรม 15
มุอาวยิ ะฮ์ บนิ ยาซีด (ฮ.ศ 64 / ค.ศ 683) หลงั จากทีท่ ่านยาซดี เสยี ชีวิต ทา่ นมอุ าวยิ ะฮท์ ่ี 2 ไดข้ ้นึ เปน็ กษัตริย์ แทนพอ่ ของเขา แต่อยู่ไดเ้ พียง 3 เดือน เขากไ็ ดส้ ละตาแหนง่ ไป ทา่ นมุอาวยิ ะฮ์ท่ี 2 ไม่มีบตุ ร และไม่ได้แตง่ ต้งั ใครใหเ้ ป็นผูส้ ืบทอด ฝ่ายราชสานักจงึ แตง่ ต้ังท่านมรั วาน บนิ อัลหะกัม ซงึ่ เปน็ กษัตรยิ ค์ นที่ 4 แหง่ ราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ท่านมุอาวยิ ะฮ์ท่ี 2 ได้เสยี ชวี ิต ในฮจิ เราะห์ศกั ราชท่ี 64 ดว้ ยอายุ 33 ปี 16
จงใหค้ วามสาคญั กับผลประโยชนข์ องประเทศมากกวา่ ผลประโยชน์ของตน 17
มัรวาน บนิ อลั หะกมั (ฮ.ศ 64-65 / ค.ศ 683-685) หลงั จากมุอาวยิ ะฮ์ท่ี 2 ไดส้ ละตาแหนง่ เคาะลีฟะห์ ชาวเมืองชาม(ซเี รีย) ไดเ้ กดิ คาถามว่า \"ใครกนั นะจะมาเปน็ ผปู้ กครองเมอื งคนตอ่ ไป ท่ีมเี ชอ้ื สายมาจาก ราชวงศอ์ มุ ยั ยะฮ”์ บางคนเสนอคอลีด บิน ยาซดี แต่ดว้ ยขณะนั้นเขายงั มีอายุนอ้ ย จงึ ไมเ่ หมาะทจ่ี ะเปน็ กษัตรยิ ์ ตาแหนง่ นี้จึงเปน็ ของท่านมรั วาน บิน อัลหะกัม บนิ อบูอลั อาศ บิน อุมยั ยะฮ์ 18
ก่อนทที่ ่านมรั วาน บนิ อลั หะกมั จะขน้ึ เป็นกษตั รยิ ์ อบั ดุลลอฮ์ บนิ ซเุ บร ไดส้ ถาปนาตวั เองเปน็ กษัตรยิ ์ ดว้ ยเหตุน้ีราชวงศ์อุมยั ยะฮ์จงึ รีบแตง่ ตั้งท่านมรั วาน ทาใหม้ ีผู้ปกครองเมือง 2 คนด้วยกนั คือ ท่านมัรวาน บนิ อัลหะกมั ปกครองเมอื ง ดามัสกัส และ อับดลุ ลอฮ์ บิน ซุเบร ปกครองเมืองฮีญาซ,อิครอจและเยเมน ในสมัยนี้เองได้มีการบูรณะกะบะฮ์ทเ่ี สียหายให้กลับสู่สภาพเดิม ก่อนทที่ า่ นมรั วาน บนิ อัลหะกมั เสยี ชวี ติ ได้มีการแตง่ ตง้ั ใหล้ กู ชายของเขา ท่านอับดุลมะลิก เป็นกษตั รยิ ์คนตอ่ ไป ท่านมัรวาน บนิ อัลหะกัม เสยี ชีวติ ใน ฮิจเราะหศ์ กั ราชที่ 65 และได้ปกครองเพียง 9 เดอื น 18 วนั 19
เม่อื บางส่งิ บางอย่างจากไปย่อมมสี ่งิ อน่ื มาทดแทน “จงอยา่ ท้อกบั อปุ สรรค’’ 20
อบั ดุลมะลกิ บิน มรั วาน (ฮ.ศ.85-86/ค.ศ.685-705) หลังจากทท่ี า่ นมัรวานเสยี ชีวติ ทา่ นอบั ดุลมะลิกไดข้ ้ึนดารงตาแหน่งสบื จาก ทา่ นมรั วาน ในขณะนน้ั เมืองที่เขาปกครองมีความชลมนุ วนุ่ วาย เขาต้องเผชิญและเอาชนะ ความวนุ่ วายดว้ ยหัวใจและพละกาลงั ท่มี ี ส่งิ แรกท่ีท่านอับดุลมะลกิ ตอ้ งเผชิญ คือ การกาจดั ความวนุ่ วายของศตั รูทัง้ หมด และฟ้ืนฟเู มอื งเปน็ เวลา 7 ปี เพอ่ื ใหบ้ ้านเมืองภายใต้การปกครองของตนอยใู่ นความปลอดภยั และมีความเป็นอยู่ท่ีดี 21
ท่านอับดุลมะลิกได้ปรามปราม กลมุ่ ชีอะฮฺและกลุ่มคอวาริจญ์ อกี ท้ังยงั พยายาม ฟ้ืนฟูสงั คม เชน่ การผลิตเหรยี ญกษาปณ์ มกี ารใช้ภาษาอาหรบั เปน็ ภาษากลาง บูรณะไปรษณีย์ให้ดีข้นึ มกี ารจัดตั้งศาลขึ้นมา เพื่อความยตุ ธิ รรมต่อประชาชน มกี ารสร้างตึก และมัสยดิ ทีส่ วยงามมากมาย ทา่ นอับดุลมะลิก บนิ มัรวานเสียชวี ิต หลงั จากทีไ่ ด้ปกครองเมอื งเปน็ เวลานาน 21 ปี 22
ไมว่ ่าจะลงมือทาส่ิงใดมกั ต้องมีอปุ สรรค สิง่ สาคัญท่ีเราจะต้องมีคือ การอดทน และเผชิญกบั ส่งิ นน้ั ด้วยหัวใจและสดุ พลังท่ีมี เพอ่ื เปา้ หมายท่สี วยงาม 23
วาลดี บนิ อับดลุ มะลกิ (ฮ.ศ.86-96/ค.ศ.705-715) หลังจากทท่ี ่านอับดลุ มะลิกเสยี ชวี ติ เมอื่ ถึงชว่ งกลางเดอื นเชาวลั ฮจิ เราะหศ์ กั ราชที่ 86 กไ็ ด้แตง่ ตั้งทา่ นวาลดี เพ่ือดารงตาแหน่งแทน ตามทไ่ี ด้สั่งเสยี ไว้ ยคุ ของท่านอบั ดุลมะลิกซง่ึ ผู้เปน็ พ่อ มีความรุ่งเรืองทาให้วาลดี ดาเนนิ ความรุ่งเรอื งมาจนถงึ ยุคของตน ท่านวาลีดเป็นกษัตรยิ ท์ ม่ี ีจิตใจดีและมมี นษุ ยธรรม เป็นทร่ี ูจ้ กั กนั ดีว่าเขามีความเมตตาและใสใ่ จประชาชน เขาได้ สร้างโรงพยาบาลเพื่อใหค้ วามช่วยเหลือแกผ่ ู้พกิ ารและคนท่วั ไป ทกุ ส่ิงที่ท่านวาลดี ได้ดาเนนิ การ ทาใหป้ ระชาชนเกดิ ความรกั ตอ่ เขาเพม่ิ ขึ้นเร่อื ยๆ ซึง่ สงิ่ ที่เขาไดก้ ระทาน้นั ก่อให้เกิดความง่ายดาย ต่อการขยายอาณาจักร 24
ทา่ นวาลีด บนิ อบั ดุลมะลิก สามารถขยายอาณาจักรไดอ้ ยา่ งกว้างขวาง เช่น เมอื งบคุ อรอ แอฟริกา และสเปน นอกจากนี้สามารถขยายอาณาจกั รจาก ชายแดนจีนจนถึงอ่าวบสิ เคย์ และยังขยายมัสยิดแห่งมาดีนะหแ์ ละมัสยดิ อลั อกั ซอ ในเยรซู าเล็ม ท่านวาลดี เสียชีวติ ในปีฮิจเราะห์ศักราชท่ี 86 ในขณะทีท่ า่ นอายุ 43 ปี โดยท่ที า่ นไดป้ กครองเมืองเป็นเวลา 9 ปี 7 เดอื น 25
การทาประโยชนเ์ พอ่ื สว่ นรวมจะทาให้เกดิ ความรักตอ่ กันมากขึ้น อีกทั้งยงั เกิดความงา่ ยดายในทุกๆเรอื่ งอกี ดว้ ย เพราะอัลลอฮฺทรงตรสั ไวว้ ่า ความว่า \"ผใู้ ดทชี่ ว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื อัลลอฮกจ็ ะชว่ ยเหลอื ผนู้ นั้ \" 26
สไุ ลมาน บิน อบั ดลุ มะลกิ (ฮ.ศ.96-99/ค.ศ.715-717) ท่านสุไลมานไดข้ ึ้นครองตาแหน่งกษตั ริยค์ นต่อไป ภายหลงั จากทา่ นวาลีด บนิ อบั ดลุ มะลิกได้เสยี ชวี ติ ทา่ นสุไลมานได้ปกครองเมอื งอย่างชาญฉลาด ซ่ึงแตกตา่ งจากกษัตริยท์ ี่ผา่ นๆมา ในการปกครองของทา่ นสไุ ลมานได้ให้ ความอสิ ระแก่ผทู้ อ่ี ยใู่ นคุก โดยผู้ท่ีอยูใ่ นคกุ นนั้ ถกู จับโดย ฮญี าซ บนิ ยูซฟุ อซั ซากอฟี ซง่ึ เขา ได้รับหน้าที่รับผิดชอบเป็นขนุ ศกึ ในสงครามสมยั ของทา่ นอับดุลมะลกิ บิน มรั วาน 27
ทา่ นสุไลมาน บนิ อับดลุ มะลิก เสยี ชวี ิตเนอ่ื งจากความอ่มิ จากการกินมากเกินไป เขาเสยี ชวี ติ ในปีฮจิ เราะห์ศักราชท่ี 99 ด้วยอายุ 45 ปี ดารงตาแหนง่ เปน็ เวลา 2 ปี 8 เดอื น 28
\" กนิ เพอื่ อยู่มิใชอ่ ยู่เพ่อื กิน \" ในการรับประทานอาหารควรกนิ อย่างพอดี ไมโ่ ลภ ไม่ตามใจปาก ควรคิดเสมอวา่ เรากนิ ใหม้ ีพลงั งานเพ่อื ปฏบิ ตั ศิ าสนกิจตอ่ อลั ลอฮฺ 29
อุมรั บิน อับดุลอาซซี (ฮ.ศ.99-101/ค.ศ.717-720) หลังจากที่ทา่ นสไุ ลมาน บิน อบั ดุลมะลิกเสียชีวติ ได้มกี ารแต่งตัง้ ทา่ นอุมัร บิน อบั ดุลอาซีซ เปน็ กษตั ริยค์ นต่อไป ท่านอุมรั เป็นทีร่ ูจ้ กั ด้วย อุปนสิ ัยท่ีมีความยุติธรรมและซอื่ สัตย์ ท่านอมุ ัร บิน อบั ดุลอาซซี ใช้ชวี ติ บนแนวทางอลั กรุ อานและซนุ นะห์ ของทา่ นนบีมฮุ ัมหมัด ﷺเขายงั ทาหน้าทเ่ี ผยแผ่อิสลามกับประชาชนเพื่อใหอ้ ยู่ ในแนวทางทีเ่ ทีย่ งตรง 30
ในสมัยนี้มกี ารรวบรวมหะดีษอยา่ งเปน็ ทางการ ท่านอุมัร บิน อบั ดุลอาซีซ สามารถทาให้ราชอาณาจกั รอสิ ลามท้งั ชาวมสุ ลิมและผทู้ ี่ไมใ่ ชม่ สุ ลมิ มคี วามสขุ และไดร้ บั การปฏิบัตอิ ย่างยุติธรรมกนั ถ้วนหนา้ ท่านอุมรั บนิ อบั ดลุ อาซซี เสียชวี ิตในปีฮจิ เราะหศ์ กั ราชที่ 101 ในขณะท่ีมี อายุ 39 ปี ท่านดารงตาแหน่งท้งั สน้ิ 2 ปี 5 เดอื น ตามทัศนะส่วนใหญ่เหน็ พอ้ งกันว่า ทา่ นเสียชวี ิตเพราะถกู วางยาพิษ ซง่ึ การปกครองของท่านเป็นทร่ี จู้ ักด้วยความยตุ ธิ รรม ทสี่ ุดในสมยั การปกครองของราชวงศอ์ ุมัยยะฮ์ 31
การเปน็ ผนู้ าทด่ี ี จะตอ้ งนาพาผตู้ ามไปในทางท่ดี ี ด้วยการตามแบบอยา่ ง ของทา่ นศาสดาและตามแนวทางอัลกรุ อานอย่างแนว่ แน่ เพ่อื ใหบ้ า้ นเมอื ง และประชาชนอยใู่ นความปลอดภัย มคี วามสุขในโลกดนุ ยาและอาครี ัต 32
ยาซีด บิน อบั ดุลมะลกิ (ฮ.ศ.101-105/ค.ศ.720-724) หลงั จากที่ท่านอมุ รั บิน อัลอะซีซเสียชวี ติ กไ็ ดแ้ ต่งตั้งยาซีด บนิ อับดุลมะลกิ ข้นึ ปกครองแทน สภาพบ้านเมอื งในชว่ งนไี้ ด้เกดิ การเปล่ยี นเเปลงจากสีขาวกลายเป็นสีดา เน่ืองจากความเกลยี ดชังของประชาชนที่มตี อ่ กษตั รยิ ์ จนทาให้ประเทศตกอยใู่ นภาวะวิกฤต ซงึ่ ทา่ นยาซีด บิน อบั ดุลมะลิกเปน็ คนทใี่ หค้ วามสนใจในเรื่องอบายมขุ ตา่ งๆ และในสมัยน้ี เองได้มีการเคล่อื นไหวของราชวงศอ์ ับบาซียะหข์ ้นึ 33
พลังแหง่ คุณธรรมยอ่ มชนะอานาจแห่งอบายมขุ “ทุกสงิ่ ท่ดี ม่ื แล้วมนึ เมา สิง่ นั้นถอื วา่ เปน็ สงิ่ ท่ีต้องห้าม” 34
ฮิชาม บิน อบั ดลุ มะลกิ (ฮ.ศ.105-125/ค.ศ.724-743) หลังจากทีท่ ่านยาซดี เสียชวี ติ ได้มีการแต่งตัง้ ทา่ นฮิชาม ซึ่งเปน็ นอ้ งชายขึ้นมา เปน็ กษตั ริย์ ทา่ นฮิชามเป็นทร่ี ู้จกั กนั ดีในเรือ่ งความเฉลียวฉลาดและเปน็ คนท่สี ามารถ บรหิ ารบา้ นเมืองได้อยา่ งเป็นระบบ ในชว่ งเวลาการปกคองของท่านฮิชามน้นั มเี หตกุ ารณ์ถูกรกุ รานจากกลมุ่ ตา่ งๆ หน่งึ ในนน้ั มีการเคลอื่ นไหวของไซดียะห์ ในเมอื งกุฟฟะห์ เพื่อต่อตา้ นท่านฮิชาม ทา่ นฮิชาม จึงส่ังการยูซฟุ บนิ มุหมั มดั ให้ปราบปรามกลุ่มไซดียะห์ เพราะเกรงกลวั การเคลอื่ นไหวท่ี อาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของเมือง เซดเองกม็ ไิ ด้นงิ่ นอนใจ ลุกขนึ้ มาต่อสอู้ ย่างต่อเนื่องจน เลอื ดหยดสุดท้าย 35
ท่านฮิชามสามารถขยายพนื้ ทไ่ี ปยังเกาะ ซซิ ิเลีย ในประเทศอติ าลี ซ่ึงเกาะน้ี อยใู่ นความดูเเลของขุนศกึ ฮาบีบ บิน อาบีอบู ยั ดะห์ ในปี ฮจิ เราะห์ศกั ราชที่ 123 ทา่ นฮิชามไดพ้ ัฒนาขุดคลองทอดยาว จากเมืองชามจนถึงนครมกั กะฮ์ เเละสามารถสรา้ ง อุตสาหกรรมขนาดเลก็ เชน่ บริษัท,โรงงานผลิตอาวุธ เเละเส้ือผา้ ของทหาร นอกจากน้ไี ดฝ้ ึกทหารม้าเพื่อ เตรยี มพร้อมตอ่ การทาสงคราม ทา่ นฮิชามเสียชีวิตเมอ่ื ปีฮจิ เราะหศ์ กั ราชที่ 125 ซ่งึ เขาไดป้ กครองนานถึง 19 ปี 6 เดอื น กับอกี 11วัน 36
การทาส่งิ หน่งึ ส่งิ ใดยอ่ มมผี ู้สนบั สนนุ และตอ่ ตา้ น สิง่ สาคญั คอื ตอ้ งมคี วามซ่ือสัตย์ 37
วาลดิ บนิ ยาซีด (ฮ.ศ.125-126/ค.ศ.743-744) ท่านวาลดี บิน ยาซดี เป็นกษัตริย์ทมี่ ีลักษณะนิสยั ที่กล้าหาญ มีความสนใจ ในบทกวนี พิ นธ์อีกทั้งยังเป็นนักขี่ม้าทีเ่ กง่ และชาญฉลาด ท่านวาลีดมุง่ มนั่ ท่จี ะค้นหาส่ิงท่ดี ีใหก้ ับ ประชาชน โดยการเพมิ่ เงินช่วยเหลือเเกค่ นยากจน คนชราเเละคนพกิ าร เเต่ความดีของทา่ นวาลดี ไม่ สามารถที่จะเอาชนะใจประชาชนได้ เน่ืองจากเขามี พฤติกรรมไมเ่ หมาะสมเเละกระทาผิดต่อหลักศาสนา มีการด่ืมสุรา ทาใหช้ อื่ เสียงของเขาฉาวโฉ่ไปทัว่ เมือง เเละถูกดูถูกจนพวกเขากลา่ วว่าเป็นกาฟีร ทา่ นวาลีดเสยี ชวี ติ เมื่ออายุ 40 ปี ในปฮี ิจเราะหศ์ กั ราชท่ี 126 โดยท่านวาลดี ปกครองได้เพยี ง 1 ปี 20วัน เท่านัน้ เนื่องจากถกู พวกกอ่ กบฏสังหาร 38
ยศถาบรรดาศักด์ใิ นโลกดุนยาเป็นสิง่ ช่ัวคราวเทา่ น้ัน 39
ยาซีด บิน วาลีด (ฮ.ศ.126/ค.ศ.744) ท่านยาซีดถกู เเต่งตั้งขึน้ มาครองราชย์หลงั จากทท่ี า่ นวาลดี บิน ยาซีด เสยี ชีวติ ท่านยาซดี เปน็ คนทีใ่ จบญุ เเละเคร่งศาสนา เขามชี อื่ เรียกอกี ชอื่ หนึ่งวา่ \"ยาซดี นากิซ\" ความหมายวา่ \" ยาซีดผูล้ ด \" เพราะการลดการจดั สรรทก่ี าหนดไว้ในทุกๆปี สาหรับทหาร ทา่ นยาซดี ไดส้ ญั ญาว่าจะปลดเปลือ้ งความ เดือดรอ้ นของประชาชน จะลดภาษีและจะปราบปราม ขา้ ราชการทีท่ ุจรติ คดโกง แตเ่ ขาอยู่ในราชสมบัตไิ ม่ นานพอทีจ่ ะทาตามทีส่ ัญญาไว้ได้ ก็ต้องเผชญิ กบั ความ ยากลาบากนานาประการมาตง้ั แต่ต้น 40
ในช่วงการปกครองของทา่ นยาซีด เปน็ ช่วงเวลาทบ่ี า้ นเมืองวนุ่ วายไม่สงบ และเรมิ่ อ่อนเเอลง การลม่ สลายของอาณาจกั รกย็ ิ่งชัดเจนขนึ้ เนอ่ื งจากมพี วกตระกูล อบั บาซียะหท์ ต่ี ัง้ ถ่นิ ฐานอย่ทู ค่ี ูรอซาน พวกเขากาลงั เชญิ ชวนชาวครู อซานเพอื่ โคน่ ลม้ ราชวงศ์อุมยั ยะฮ์ อีกทั้งยงั มกี ารกอ่ กบฏทัง้ ในปาเลสไตนแ์ ละแอฟรกิ า ท่านยาซีด ครองราชยไ์ ดเ้ พยี งแค่ 6 เดอื น 12 วนั ก็เสยี ชีวิตลง 41
ความเจรญิ รุ่งเรอื งและการตกตา่ แตล่ ะยคุ สมยั นนั้ ขึน้ อยกู่ ับการปกครองของผูน้ า 42
อิบรอฮมี บิน วาลดี (ฮ.ศ.126-127/ค.ศ.744-745) ท่านอบิ รอฮมี บิน วาลดี ถูกแต่งตัง้ ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง หลังจาก ทา่ นยาซีด บนิ วาลีด พ่ีชายของเขาเสียชวี ตี การแต่งตงั้ กษัตริย์ในคร้งั นี้ไมเ่ ป็นที่ ยอมรับจากประชาชนทัง้ หมด ด้วยเหตนุ ี้การแสดงความยินดีกบั เขาจึงหลากหลาย บางคนแสดงความยนิ ดีในนามกษัตรยิ ์ บางคนพดู ถงึ ในนามจักรพรรดิ และมผี ทู้ ่ไี ม่ ตอ้ งการแสดงความยินดกี ับเขา 43
ช่วงสมยั การปกครองของทา่ นอบิ รอฮีม เป็นยคุ แห่งความโกลาหลวนุ่ วาย สภาพความเปน็ อยู่ของบนีอุมัยยะฮ์ยงิ่ เพิ่มปัญหาขนึ้ และได้เกิดสงครามระหวา่ ง ทา่ นอบิ รอฮมี กับทา่ นมรั วาน บิน มหุ มั หมดั ซึ่งท่านเป็นคนหนึง่ ท่ไี ม่ยอมรบั การแต่งตง้ั ท่านอิบรอฮมี ขน้ึ มาปกครองเปน็ กษตั รยิ ์ ด้วยเหตุนีเ้ ขาจงึ นากองกาลังทหารมาต่อสู้ กบั ท่านอิบรอฮีม มจี านวน 80,000 คน สว่ นกองกาลงั ทหารฝา่ ยทา่ นอิบรอฮีมมี จานวน 120,000 คน ในสงคามนฝ้ี ่ายท่านมัรวานได้รบั ชัยชนะ ส่วนทหารฝา่ ยทา่ นอิบรอฮีมได้พา่ ยแพไ้ ป และถกู จบั ตัว เปน็ เชลย หลังจากนั้นไดป้ ลอ่ ยเปน็ อสิ ระ เนอื่ งจากมี ความซ่อื สัตยต์ อ่ ตัวเอง เม่ือท่านมรั วานได้รับชยั ชนะจาก สงครามในครง้ั น้แี ล้ว เขากม็ ีอานาจในการปกครองแทน ทา่ นอบิ รอฮีม 44
ความแน่วแนข่ องสงั คมในท่สี ดุ ขึ้นอย่กู บั การสนบั สนนุ ของประชาชน 45
มรั วาน บิน มหุ ัมหมดั (ฮ.ศ.127-132/ค.ศ.744-750) ทา่ นมรั วาน บิน มหุ ัมมัด เป็นกษัตริย์คนสดุ ท้ายในราชวงศ์อุมยั ยะฮ์ เขาไดป้ กครองเมอื งด้วยความเข้มแขง็ ซ่ึงมฉี ายานามวา่ อลั ญะอฺดี และกัลดยี ์ การข้ึนมาเปน็ กษตั รยิ ใ์ นคร้ังนี้ เนอ่ื งจากเขาไดร้ ับชยั ชนะในการตอ่ ส้กู ับท่านอิบรอฮีม ปฮี ิจเราะห์ศักราชที่ 127 เขาเปน็ คนหน่ึงที่ใชอ้ านาจ ครองเมอื งอยา่ งเฉลียวฉลาดและเป็น นกั รบที่ย่งิ ใหญ่ แตน่ า่ เสียดายการ บริหารประเทศไม่ไดเ้ ปน็ ไปอย่าง เรยี บงา่ ย เพราะประเทศเกิดความ ว่นุ วาย เกิดการแตกหกั ในทุกๆพื้นที่ อย่างแพรห่ ลาย 46
บนีอบั บาซียะหร์ อคอยทจี่ ะโคน่ ลม้ บนมี ุอาวยิ ะฮ์โดยแพร่กระจายท่วั ทกุ แหง่ แมว้ ่าความฉลาดของทา่ นมัรวานกไ็ มส่ ามารถรักษาประเทศและปอ้ งกันความเป็นอยู่ของ ตัวเองในฐานะทเี่ ป็นกษตั รยิ ์ใหป้ ลอดภยั ได้ เหตกุ ารณ์ทีป่ รากฏข้ึนในสมัยท่านมัรวานปกครองเมือง มกี ารกอ่ ตวั ของพวก กุฟฟะห์ พวกฆเุ ดาะห์ พวกปาเลสไตนแ์ ละพวกคอวาริจญข์ นึ้ มาตอ่ ต้านท่านมัรวาน 47
ประชาชนบางสว่ นไมพ่ อใจในการปกครองเมืองของท่านมัรวาน จงึ เกิดการปฏิวตั ิและการตอ่ สกู้ ับพวกอับบาซียะห์ทาให้กองกาลงั ของท่านมรั วาน เกดิ การพา่ ยแพ้ หลงั จากความพ่ายแพ้ทา่ นมัรวานจึงได้หนไี ปยงั อียิปต์ และเกิดการ กวาดลา้ งราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ทาให้มัรวานเสยี ชีวติ เหลอื แค่อับดุลเราะหม์ านซ่ึงเป็นบุตรชาย ทสี่ ามารถหนีไปยังอันดาลสุ (สเปน)และสามารถก่อตัง้ ราชวงศ์อุมยั ยะฮ์ในอนั ดาลสุ ในทส่ี ุด 48
การวดั ความอดทนของบคุ คลข้นึ อยู่กบั ความสามารถในการเอาชนะปญั หา 49
Search