บทที่ 1 การจดั องคก์ ารตอนที่ 1 ความหมายของการจดั องคก์ ารตอนที่ 2 ทฤษฎอี งคก์ ารตอนท่ี 3 ประเภทขององคก์ ารตอนที่ 4 หลกั การจดั องคก์ ารตอนที่ 5 กระบวนการจดั องคก์ ารตอนท่ี 6 การจดั โครงสรา้ งขององคก์ ารตอนที่ 7 โครงสรา้ งองคก์ ารแบบสูงและแบบกวา้ งตอนที่ 8 การจดั แผนกงานตอนที่ 9 แผนภมู อิ งคก์ ารตอนท่ี 10 อานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบตอนท่ี 11 การมอบหมายงานแนวคดิ 1. การประกอบการทกุ ประเภททกุ ระดบั ตอ้ งมกี ารทางานรว่ มกนั เป็ นหมู่คณะ องคก์ ารเป็ นทรี่ วมของคนและงานตา่ งๆ เพอ่ื ใหบ้ คุ ลากรปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ย่างเต็มท่ีจงึ จาเป็ นตอ้ งจดั แบ่งหนา้ ทก่ี ารงานกนั ทาและมอบอานาจใหร้ บั ผดิ ชอบตามความสามารถและความถนัดการจดั องคก์ าร เป็ นการจดั ระบบความสมั พนั ธร์ ะหว่างสว่ นงานตา่ งๆและบุคคลในองคก์ าร โดยกาหนดภารกจิอานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบใหช้ ดั แจง้เพอ่ื ใหก้ ารดาเนินงานตามภารกจิ ขององคก์ ารบรรลุวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. ทฤษฎอี งคก์ าร แบง่ เป็ น 3 ทฤษฎี ไดแ้ ก่ ทฤษฎดี งั้ เดมิทฤษฎสี มยั ใหม่ และทฤษฎสี มยั ปัจจบุ นั 3. ประเภทขององคก์ าร หากจาแนกโดยยดึ โครงสรา้ ง แบ่งได ้ 2แบบ คอื องคก์ ารแบบเป็ นทางการ และ องคก์ ารแบบไม่เป็ นทางการ 4. หลกั การจดั องคก์ ารทด่ี ี มอี ยู่หลายประการ
ในส่วนหลกั สาคญั ทต่ี อ้ งมี คอืหลกั วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ความรคู ้ วามสามารถเฉพาะอย่างหลกั การประสานงาน หลกั ของอานาจหนา้ ที่ และหลกั ความรบั ผดิ ชอบ 5. กระบวนการจดั องคก์ าร มี 3 ขนั้ คอืการจดั กลมุ่ งานและโครงสรา้ งตาแหน่ง การมอบหมายอานาจหนา้ ท่ีและการจดั วางความสมั พนั ธ ์ 6. การจดั โครงสรา้ งขององคก์ าร แบ่งได ้ 5 ประเภท ไดแ้ ก่โครงสรา้ งตามหนา้ ทก่ี ารงาน โครงสรา้ งตามสายงานหลกัโครงสรา้ งแบบคณะทป่ี รกึ ษา โครงสรา้ งแบบคณะกรรมการบรหิ ารและโครงสรา้ งงานอนุกร 7. โครงสรา้ งองคก์ าร แบบสงู และแบบกวา้ งถา้ แบบสงู จะมกี ารบงั คบั บญั ชากนั หลายระดบั กระบวนการทางานจะชา้ส่วนแบบกวา้ งจะมรี ะดบั การสง่ั การนอ้ ย กระบวนการทางานจะรวดเรว็ 8. การจดั แผนกงาน แบ่งได ้ 5 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1.ตามหนา้ ท่ี2.ตามประเภทผลติ ภณั ฑ ์ 3.ตามพนื้ ทที่ างภูมศิ าสตร ์4.ตามกระบวนการผลติ 5. ตามลกู คา้ 9. แผนภูมอิ งคก์ าร แบง่ ได ้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ แผนภูมหิ ลกัและแผนภูมเิ สรมิ 10. อานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบเป็ นสทิ ธทิ ไี่ ดร้ บั มอบหมายมาโดยถกู ตอ้ งตามกฎหมายทจ่ี ะสง่ั ใหบ้ คุ คลอื่นปฏบิ ตั งิ านตามทตี่ นตอ้ งการและเป็ นภาระผูกพนั ของบุคคลในการปฏบิ ัตงิ าน 11. การมอบหมายงาน คอื การกาหนดความรบั ผดิ ชอบและอานาจหนา้ ทจี่ ากผูบ้ งั คบั บญั ชาใหแ้ กผ่ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาวตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม1. บอกความหมายของการจดั องคก์ ารได ้2. อธบิ ายทฤษฎอี งคก์ ารได ้3. บอกประเภทขององคก์ ารได ้4. อธบิ ายหลกั การจดั องคก์ ารได ้5. อธบิ ายกระบวนการจดั องคก์ ารได ้6. อธบิ ายการจดั โครงสรา้ งขององคก์ ารแตล่ ะแบบได ้7. บอกความแตกตา่ งของโครงสรา้ งองคก์ ารแบบสงู และแบบกวา้ งได ้
8. อธบิ ายการจดั แผนกงานได ้9. อธบิ ายแผนภูมอิ งคก์ ารได ้10. อธบิ ายอานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบได ้11. อธบิ ายการมอบหมายงานได ้1. ความหมายของการจดั องคก์ ารมผี ูใ้ หค้ านิยาม คาวา่ \" การจดั องคก์ าร \" ไวห้ ลายทา่ น ดงั นี้ Edwin B.Flippo ( 1970 : 129 ) กล่าวไวว้ ่า การจดั องคก์ ารหมายถงึ การจดั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสว่ นตา่ งๆ คอืตวั บคุ คลและหนา้ ทกี่ ารงานเพอ่ื รวมกนั เขา้ เป็ นหน่วยงานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสามารถทางานบรรลเุ ป้ าหมายได ้ ธงชยั สนั ตวิ งษ ์ ( 2537 : 63 ) กล่าวไวว้ า่ การจดั องคก์ าร คอืการจดั ระเบยี บกจิ กรรมใหเ้ ป็ นกลุ่มกอ้ นเขา้ รปูและการมอบหมายงานใหค้ นปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องงานทต่ี ง้ั ไว ้การจดั องคก์ ารจะเป็ นกระบวนการทเ่ี กย่ี วกบั การจดั ระเบยี บความรบั ผดิ ชอบตา่ งๆ ทง้ั นีเ้ พอื่ ใหท้ กุ คนตา่ งฝ่ ายตา่ งทราบว่า ใครตอ้ งทาอะไรและใครหรอื กจิ กรรมใดตอ้ งสมั พนั ธก์ บั ฝ่ ายอนื่ ๆอย่างไรบา้ ง สมคดิ บางโม ( 2538 : 94 ) กลา่ วไวว้ ่า การจดั องคก์ ารหมายถงึการจดั แบง่ องคก์ ารออกเป็ นหน่วยงานย่อยๆใหค้ รอบคลุมภารกจิ และหนา้ทขี่ ององคก์ ารพรอ้ มกาหนดอานาจหนา้ ทแ่ี ละความสมั พนั ธก์ บั องคก์ รย่อยอน่ื ๆไวด้ ว้ ยทง้ั นี้เพอ่ื อานวยความสะดวกในการบรหิ ารใหบ้ รรลุเป้ าหมายขององคก์ ารสรปุ ไดว้ ่า การจดั องคก์ าร หมายถงึการจดั ระบบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสว่ นงานตา่ งๆ
และบุคคลในองคก์ าร โดยกาหนดภารกจิอานาจหนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบใหช้ ดั แจง้เพอื่ ใหก้ ารดาเนินงานตามภารกจิ ขององคก์ ารบรรลุวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ2. ทฤษฎอี งคก์ ารทฤษฎอี งคก์ ารอาจแบ่งไดเ้ ป็ น 3 ทฤษฎดี ว้ ยกนั คอื1. ทฤษฎดี งั้ เดมิ (Classical organization theory)2. ทฤษฎสี มยั ใหม่ (Neo-Classical organization theory)3. ทฤษฎสี มยั ปัจจบุ นั (Modern organization theory)ทฤษฎดี งั้ เดมิ แนวความคดิ ทฤษฎดี งั้ เดมิไดว้ วิ ฒั นาการจากการปกครองแบบทหารจนมาถงึ ปลายศตวรรษที่ 19ไดน้ ักบรหิ ารสรา้ งรปู แบบการบรหิ ารในระบบราชการขนึ้ คอื แมควเี บอร ์และการสรา้ งรปู แบบการบรหิ าร โดยใชก้ ารจดั การทางวทิ ยาศาสตร ์คอืเฟรดเดอรคิ เทยเ์ ล่อร ์ทฤษฎนี ีม้ หี ลกั การว่า\"คนเป็ นเครอ่ื งมอื ทท่ี าใหอ้ งคก์ ารไปสจู่ ดุ หมายปลายทางได\"้ซงึ่ จะไดก้ ล่าวรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ 1.1 การจดั องคก์ ารแบบราชการ (Bureaucracy) ของ แมควเี บอร ์( Max Weber) ไดเ้ นน้ ใหเ้ ห็นถงึ การจดั โครงการทเี่ ป็ นระเบยี บสาระสาคญั ท่ี แมค วเี บอร ์ไดเ้ นน้ ก็คอืองคก์ ารแบบราชการในอดุ มคตนิ ั้น จะตอ้ งประกอบดว้ ย 1) จะตอ้ มกี ารแบ่งงานกนั ทาโดยใหแ้ ตล่ ะคนปฏบิ ตั งิ านในสาขาทตี่ นมคี วามชานาญ 2) การยดึ ถอื งานใหย้ ดึ ถอื กฎเกณฑร์ ะเบยี บวนิ ัยโดยเครง่ ครดัเพอ่ื ทจี่ ะใหไ้ ดม้ าตรฐานของงานเทา่ เทยี มกนัการยดึ ถอื กฎเกณฑน์ ีจ้ ะชว่ ยขจดั พฤตกิ รรมทบ่ี คุ คลแตกตา่ งกนั สามารถมาประสานงานกนั ได ้ 3) สายการบงั คบั บญั ชาตอ้ งชดั เจนโดยผูบ้ งั คบั บญั ชามอบหมายอานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบลดหลน่ั กันลงไป
4) บคุ คลในองคก์ ารตอ้ งไม่คานึงถงึ ความสมั พนั ธส์ ่วนบคุ คลโดยพยายามทางานใหด้ ที สี่ ุดเพอ่ื เป้ าหมายขององคก์ าร 5) การคดั เลอื กบุคคล การว่าจา้ ง ใหข้ นึ้ อยู่กบั ความสามารถและการเลอ่ื นตาแหน่งใหค้ านึงถงึ การประสบความสาเรจ็ ในการงานและอาวโุ สดว้ ยจดุออ่ นขององคก์ ารแบบราชการก็คอืการเนน้ ทอี่ งคก์ ารโดยละเลยการพจิ ารณาถงึ ปัญหาของคนและเชอื่ วา่ การทม่ี โี ครงสรา้ งทรี่ ดั กมุ แน่นอนจะชว่ ยใหบ้ ุคคลปรบั พฤตกิ รรมใหเ้ ป็ นไปตามความตอ้ งการขององคก์ ารได ้ 1.2 การจดั องคก์ ารแบบวทิ ยาศาสตร ์( ScientificManagement) ของเฟรดเดอรคิ เทยเ์ ล่อร ์( Frederic Taylor)เป็ นการจดั องคก์ ารแบบนาเอาวธิ กี ารศกึ ษาวทิ ยาศาสตรม์ าวเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหา เพอ่ื ปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพขององคก์ รใหด้ ขี นึ้การศกึ ษาทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดเ้ รมิ่ จากการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งงานและคนงานโดยการใชก้ ารทดลองเป็ นเกณฑเ์ พอ่ื หามาตรการทางานทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสูงสดุโดยทคี่ นงานจะถกู พจิ ารณาว่าตอ้ งการทางานเพอ่ื เศรษฐกจิ ดา้ นเดยี วโดยละเลยการศกึ ษาถงึ แรงจงู ใจ อารมณ์และความตอ้ งการในสงั คมของกลุ่มคนงานเพราะเชอื่ วา่ เงนิ ตวั เดยี วจะลอ่ ใจใหค้ นทางานไดด้ ที ส่ี ดุทฤษฎสี มยั ใหม่ เป็ นทฤษฎที พ่ี ฒั นามาจากดงั้ เดมิทฤษฎนี ีม้ หี ลกั การวา่\"คนเป็ นปัจจยั สาคญั และมอี ทิ ธพิ ลต่อการเพม่ิ ผลผลติ ขององคก์ าร\"โดยเนน้ ใหเ้ ห็นถงึ ความสาคญั ของคนทท่ี าหนา้ ทร่ี ว่ มกนั ในองคก์ ารถอื ว่าองคก์ ารประกอบไปดว้ ยบุคคลซง่ึ ทางานโดยมเี ป้ าหมายรว่ มกนัและกลุม่ คนงานจะเป็ นผูม้ สี ว่ นรว่ มในการกาหนดผลผลติ ดว้ ยความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคลเป็ นปัจจยั ทสี่ าคญั และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การกาหนดการผลติกล่าวโดยสรปุ วา่ ทฤษฎนี ีไ้ ดเ้ นน้ เรอื่ งมนุษยส์ มั พนั ธ ์โดยไดม้ กี ารศกึ ษาและคน้ พบว่าบคุ คลแต่ละคนย่อมมคี วามแตกตา่ งกนั
ขวญั ในการทางานเป็ นสงิ่ สาคญัการเขา้ มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมและการตดั สนิ ใจระหวา่ งฝ่ ายบรหิ ารและฝ่ ายคนงานย่อมจะสรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั ทกุ ฝ่ ายโดยไดส้ รา้ งผลผลติ อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได ้ทฤษฎที มี่ สี ่วนสาคญั มากตอ่ ขบวนการมนุษยส์ มั พนั ธไ์ ดแ้ ก่ EltonMayo ซงึ่ ไดก้ ารทดลองวจิ ยั และคน้ พบว่าขวญั ของคนงานมคี วามสาคญั ตอ่ การเพม่ิ การผลผลติกลุม่ คนงานจะพยายามสรา้ งปทสั ถานของกลุ่มตนและคนงานจะทางานเป็ นทมี โดยมกี ารกาหนดมาตรฐานของกลุ่มขนึ้ เองทฤษฎสี มยั ใหม่ปัจจุบนัทฤษฎนี ีก้ ล่าวว่าเป็ นการศกึ ษารปู แบบขององคก์ ารในปัจจบุ นั โดยเนน้ ทกี่ารวเิ คราะหอ์ งคก์ ารในเชงิ ระบบ (Systems Analysis ofOrganization) กล่าวคอืนักทฤษฎไี ดพ้ จิ ารณาองคก์ รในลกั ษณะทเ่ี ป็ นสว่ นรวมทง้ั หมดตลอดจนความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสว่ นตา่ ง ๆ ทอ่ี ยภู่ ายในองคก์ รการศกึ ษาวา่ องคก์ ารในระบบหน่ึง ๆนั้นไดค้ านึงถงึ องคป์ ระกอบภายในองคก์ รทุกส่วน แก่ ตวั ป้ อนกระบวนการ ผลผลติ ผลกระทบ และสงิ่ แวดลอ้ ม ( Input processOutput Feedback and Environment )การศกึ ษาองคก์ ารในรปู ระบบน้ันไดพ้ ยายามทจี่ ะมององคก์ ารในลกั ษณะการเคลอ่ื นไหว (Dynamic)และปรบั เขา้ กบั รปู แบบองคก์ ารไดใ้ นทกุ สภาวะแวดลอ้ มทงั้ นีเ้ พราะนักทฤษฏปี ัจจบุ นั ไดม้ ององคก์ ารในลกั ษณะกระบวนการทางดา้ นโครงสรา้ งทบ่ี ุคคลตา่ ง ๆจะตอ้ งเกย่ี วพนั ซงึ่ กนั และกนั เพอ่ื บรรลุเป้ าหมายตามทต่ี อ้ งการจงึ มกี ารศกึ ษาพฤตกิ รรมองคก์ ารในลกั ษณะใหม่ ๆ เชน่พฤตกิ รรมศาสตร ์วทิ ยาศาสตร ์การบรกิ ารแบบมสี ่วนรว่ มการพฒั นาองคก์ าร ควิ .ซี . และการบรหิ ารแบบอนาคตนิยม เป็ นตน้3. ประเภทขององคก์ าร (Types of Organization)
การจาแนกองคก์ ารโดยยดึ โครงสรา้ ง (สมคดิ บางโม, 2538)แบง่ ออกเป็ น 2 แบบ ดงั นี้ 1. องคก์ ารแบบเป็ นทางการ (formal organization)เป็ นองคก์ ารทม่ี กี ารจดั โครงสรา้ งอยา่ งเป็ นระเบยี บแบบแผนแน่นอนการจดั ตง้ั มกี ฎหมายรองรบั บางแหง่ เรยี กวา่ องคก์ ารรปู นัย ไดแ้ ก่ บรษิ ทัมูลนิธิ หน่วยราชการ กรม โรงพยาบาล โรงเรยี น ฯลฯซง่ึ การศกึ ษาเรอื่ งองคก์ ารและการจดั การจะเป็ นการศกึ ษาในเรอื่ งขององคก์ ารประเภทนีท้ ง้ั สนิ้ 2. องคก์ ารแบบไม่เป็ นทางการ (informal organization)เป็ นองคก์ ารทร่ี วมกนั หรอื จดั ตงั้ ขนึ้ ดว้ ยความพงึ พอใจและมคี วามสมั พนัธก์ นั เป็ นสว่ นตวั ไม่มกี ารจดั ระเบยี บโครงสรา้ งภายในมกี ารรวมตวั กนั อย่างง่ายๆ และเลกิ ลม้ ไดง้ ่าย องคก์ ารแบบนีเ้ รยี กวา่องคก์ ารอรปู นัย หรอื องคก์ ารนอกแบบ เชน่ ชมรมตา่ งๆหรอื กล่มุ ตา่ งๆอาจเป็ นการรวมกลมุ่ กนั ตามความสมคั รใจของสมาชกิ กลุม่ซง่ึ เนื่องมาจากรายได ้ อาชพี รสนิยม ศาสนา ประเพณี ตาแหน่งงานฯลฯ4. หลกั การจดั องคก์ ารหลกั การจดั องคก์ าร OSCAR ของ Henri Fayol มาจากคาวา่Objective, Specialization, Coordination, Authority และResponsibility ซงึ่ Fayol ไดเ้ ขยี นหลกั ของการจดั องคก์ ารไว ้ 5 ขอ้เมอื่ นาเอาตวั อกั ษรตวั แรกของคาทง้ั 5 มาเรยี งตอ่ กนัจะทาใหส้ ะกดไดค้ าวา่ OSCAR สาหรบั รายละเอยี ด ทง้ั 5คาจะขอกล่าวไวใ้ น \" หลกั ในการจดั องคก์ ารทด่ี ี \"หลกั ในการจดั องคก์ ารทดี่ จี ะตอ้ งมอี งคป์ ระกอบและแนวปฏบิ ตั ดิ งัตอ่ ไปนี้ (ศริ อิ ร ขนั ธหตั ถ,์ 2536) 1. หลกั วตั ถปุ ระสงค ์ (Objective) กล่าววา่องคก์ ารตอ้ งมวี ตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี าหนดไวอ้ ย่างชดั เจนนอกจากนั้นตาแหน่งยงั ตอ้ งมวี ตั ถปุ ระสงคย์ อ่ ยกาหนดไวเ้ พอื่ ว่าบุคคลที่ดารงตาแหน่งจะไดพ้ ยายามบรรลุวตั ถปุ ระสงคย์ อ่ ยซง่ึ ชว่ ยใหอ้ งคก์ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคร์ วม
2. หลกั ความรคู ้ วามสามารถเฉพาะอย่าง (Specialization)กลา่ วว่า การจดั แบ่งงานควรจะแบง่ ตามความถนัดพนักงานควรจะรบั มอบหนา้ ทเี่ ฉพาะเพยี งอย่างเดยี วและงานหนา้ ทท่ี ค่ี ลา้ยกนั หรอื สมั พนั ธก์ นั ควรจะตอ้ งอย่ภู ายใตบ้ งั คบั บญั ชาของคนคนเดยี ว 3. หลกั การประสานงาน (Coordination) กลา่ ววา่การประสานงานกนั คอืการหาทางทาใหท้ กุ ๆฝ่ ายรว่ มมอื กนั และทางานสอดคลอ้ งกนัโดยใชห้ ลกั สามคั คธี รรม เพอื่ ประโยชนข์ ององคก์ าร 4. หลกั ของอานาจหนา้ ท่ี (Authority) กล่าววา่ทกุ องคก์ ารตอ้ งมอี านาจสูงสุดจากบุคคลผูม้ อี านาจสงู สุดนี้จะมกี ารแยกอานาจออกเป็ นสายไปยงั บคุ คลทกุ ๆคนในองคก์ ารหลกั นีบ้ างทเี รยี กว่า Scalar Principle (หลกั ความลดหลน่ั ของอานาจ)บางทเี รยี กวา่ Chain of command (สายการบงั คบั บญั ชา)การกาหนดสายการบงั คบั บญั ชานีก้ ็เป็ นวธิ ปี ระสานงานอย่างหน่ึง 5. หลกั ความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility)หลกั ของความรบั ผดิ ชอบ กลา่ วว่าอานาจหนา้ ทคี่ วรจะเทา่ กบั ความรบั ผดิ ชอบคอื บุคคลใดเมอ่ื ไดร้ บั มอบหมายความรบั ผดิ ชอบก็ควรจะไดร้ บั มอบหมายอานาจใหเ้ พยี งพอ เพอ่ื ทางานใหส้ าเรจ็ ดว้ ยดี 6. หลกั ความสมดลุ (Balance)จะตอ้ งมอบหมายใหห้ น่วยงานยอ่ ยทางานใหส้ มดลุ กนั กล่าวคอื ปรมิ าณงานควรจะมปี รมิ าณทใี่ กลเ้ คยี งกนัรวมทง้ั ความสมดลุ ระหว่างงานกบั อานาจหนา้ ทที่ จี่ ะมอบหมายดว้ ย 7. หลกั ความตอ่ เน่ือง (Continuity)ในการจดั องคก์ ารเพอ่ื การบรหิ ารงานควรจะเป็ นการกระทาทต่ี ่อเนื่องไม่ใช่ ทา ๆ หยุด ๆ หรอื ปิ ด ๆ เปิ ด ๆยงิ่ ถา้ เป็ นบรษิ ทั หรอื หา้ งรา้ นคงจะไปไม่รอดแน่ 8. หลกั การโตต้ อบและการตดิ ตอ่ (Correspondence)ตาแหน่งทกุ ตาแหง่ จะตอ้ งมกี ารโตต้ อบระหว่างกนั และตดิ ตอ่ สอ่ื สารกนัองคก์ ารจะตอ้ งอานวยความสะดวกจดั ใหม้ เี ครอ่ื งมอื และการตดิ ตอ่ สอ่ื สารทเี่ ป็ นระบบ
9. หลกั ขอบเขตของการควบคมุ (Span of control)เป็ นการกาหนดขดี ความสามารถในการบงั คบั บญั ชาของผูบ้ งั คบั บญั ชาคนหนึ่ง ๆว่าควรจะควบคมุ ดแู ลผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาหรอื จานวนหน่วยงานย่อยมากเกินไป โดยปกตหิ วั หนา้ คนงานไม่เกนิ 6 หน่วยงาน 10. หลกั เอกภาพในการบงั คบั บญั ชา (Unity of command)ในการจดั องคก์ ารทดี่ ีควรใหเ้ จา้ หนา้ ทร่ี บั คาสง่ั จากผูบ้ งั คบั บญั ชาหรอื หวั หนา้ ง่านเพยี งคนเดยีวเทา่ น้ัน เพอ่ื ใหเ้ กดิ เอกภาพในการบงั คบั บญั ชาจงึ ถอื หลกั การวา่ \"Oneman one boss\" 11. หลกั ตามลาดบั ขน้ั (Ordering)ในการทนี่ ักบรหิ ารหรอื หวั หนา้ งานจะออกคาสง่ั แกผ่ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาควรปฏบิ ตั กิ ารตามลาดบั ขน้ั ของสายการบงั คบั บญั ชาไม่ควรออกคาสง่ั ข ้ามหนา้ ผูบ้ งั คบั บญั ชา หรอื ผูท้ มี่ คี วามรบั ผดิ ชอบโดยตรง เชน่อธกิ ารจะสง่ั การใด ๆแกห่ วั หนา้ ภาควชิ าควรทจ่ี ะสง่ั ผ่านหวั หนา้ คณะภาควชิ าน้ันสงั กดั อยู่อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ ก็ควรจะไดแ้ จง้ หวั หนา้ คณะวชิ านั้น ๆ ทราบดว้ ยเพอื่ ป้ องกนั ความเขา้ ใจผดิและอาจจะเป็ นการทางายขวญั และจติ ใจในการทางานของผูใ้ ตบ้ งั คบั บญัชาโดยไม่ตง้ั ใจ 12. หลกั การเลอื่ นขน้ั เลอ่ื นตาแหน่ง (Promotion)ในการพจิ าความดคี วามความชอบและการเอนตาแหน่งควรถอื หลกั วา่ผูบ้ งั คบั บญั ชาโดยตรงยอ่ มเป็ นผูท้ ป่ี ฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั ใตบ้ งั คบั บญั ชาของตนโดยใกลช้ ดิ และย่อมทราบพฤตกิ รรมในการทางานของผูใ้ ตบ้ งั คบั บัญชาไดด้ กี ว่าผูอ้ นื่ดงั นั้นการพจิ ารณาใหค้ ณุ และโทษแกผ่ ูท้ อ่ี ย่ใู ตบ้ งั คบั บญั ชาของผูใ้ ดก็ควรใหผ้ ูน้ ้ันทราบและมสี ทิ ธมิ เี สยี งในการพจิ ารณาดว้ ยเพอ่ื ความเป็ นธรรมแกใ่ ตบ้ งั คบั บญั ชาของเขาและเพอ่ื เป็ นการเสรมิ สรา้ งขวญั ในการทางานของบุคคลในองคก์ ารดว้ ย5. กระบวนการจดั องคก์ าร (Process of Organizing)ประกอบดว้ ย กระบวนการ 3 ขน้ั (ศริ พิ ร พงศศ์ รโี รจน,์ 2543) ดงั นี้
1. พจิ ารณาแยกประเภทงาน จดั กลุม่ งานและออกแบบงานสาหรบั ผูท้ างานแตล่ ะคน (Identification of Work& Grouping Work)กอ่ นอน่ื ผูบ้ รหิ ารจะตอ้ งพจิ ารณาตรวจสอบแยกประเภทดวู า่กจิ การของตนน้ันมงี านอะไรบา้ งทจี่ ะตอ้ งจดั ทาเพอ่ื ใหก้ จิ การไดร้ บั ผลสาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค ์ ขนั้ ต่อมาก็คอืการจดั กลุ่มงานหรอื จาแนกประเภทงานออกเป็ นประเภทโดยมหี ลกั ทว่ี า่ งานทเี่ หมอื นกนั ควรจะรวมอยดู่ ว้ ยกนัเพอ่ื ใหเ้ ป็ นไปตามหลกั การของการแบง่ งานกนั ทาโดยการจดั จาแนกงานตามหนา้ ทแี่ ตล่ ะชนิดออกเป็ นกลมุ่ ๆตามความถนัด และตามความสามารถของผูท้ จี่ ะปฏบิ ตั ิ 2. ทาคาบรรยายลกั ษณะงาน (Job Description & Delegationof Authority & Responsibility)ระบขุ อบเขตของงานและมอบหมายงานพรอ้ มทงั้ กาหนดความรบั ผดิ ชอบ และใหอ้ านาจหนา้ ท่ี ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ - ระบุใหเ้ ห็นถงึ ขอบเขตของงานทแ่ี บ่งใหส้ าหรบั แตล่ ะคนตามทไี่ ด ้plan ไวใ้ นขนั้ แรก เพอ่ื ใหท้ ราบวา่งานแตล่ ะชนิ้ ทไ่ี ดแ้ บ่งออกแบบไวน้ ั้นจะเกย่ี วขอ้ งกบั เรอื่ งอะไร ชนิดไหนมขี อบเขตและปรมิ าณมากนอ้ ยแค่ไหนโดยการระบชุ อื่ เป็ นตาแหน่งพรอ้ มกบั ใหร้ ายละเอยี ดเกย่ี วกบั งานชนิ้ น้ันเอาไว ้ - ขน้ั ตอ่ มา ผูบ้ รหิ ารก็จะดาเนินการพจิ ารณามอบหมาย(Delegation) ให ้แกผ่ ูท้ างานในระดบั รองลงไป (สาหรบั งานทมี่ อบหมายได)้ - การมอบหมายงานประกอบดว้ ยการกาหนดความรบั ผดิ ชอบ(Responsibility) ทชี่ ดั แจง้ เกย่ี วกบั งานทมี่ อบหมายใหท้ าพรอ้ มกนั น้ันก็มอบหมายอานาจหนา้ ท่ี (Authority) ให ้เพอ่ื ใชส้ าหรบั การทางานตามความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility)ทไี่ ดร้ บั มอบหมายใหเ้ สรจ็ สนิ้ ไปได ้ 3. จดั วางความสมั พนั ธ ์ (Establishment of Relationship)การจดั วางความสมั พนั ธจ์ ะทาใหท้ ราบว่า ใครตอ้ งรายงานตอ่ ใคร
เพอ่ื ใหง้ านส่วนตา่ งๆ ดาเนินไปโดยปราศจากขอ้ ขดั แยง้มกี ารทางานรว่ มกนั อยา่ งเป็ นระเบยี บเพอ่ื ใหท้ ุกฝ่ ายรว่ มมอื กนั ทางานมุ่งไปส่จู ดุ หมายอนั เดยี วกนั6. การจดั โครงสรา้ งขององคก์ าร (Organization structure)เชาว ์ ไพรพริ ณุ โรจน์ (อา้ งใน ศริ อิ ร ขนั ธหตั ถ,์ 2536 )ไดเ้ สนอแนวความคดิ วา่ การจดั โครงสรา้ งขององคก์ ารมหี ลายแบบซง่ึ แตล่ ะแบบก็มขี อ้ ดขี อ้ เสยี ในตวั ของมนั เอง ฉะนั้นการทผี่ ูบ้ รหิ ารจะวางแนวในการจดั โครงสรา้ งน้ันอาจจะตอ้ งพจิ ารณาจากหลาย ๆ ปัจจยั ดว้ ยกนัอยา่ งไรก็ตามการจดั โครงสรา้ งขององคก์ ารสามารถแบง่ แยกออกเป็ นประเภทใหญ่ ๆ ได ้ 5 ประเภทดงั นี้ 1. โครงสรา้ งองคก์ ารตามหนา้ ทกี่ ารงาน (FunctionalOrganizationStructure) หมายถงึโครงสรา้ งทจี่ ดั ตง้ั ขนึ้ โดยแบ่งไปตามประเภทหรอื หนา้ ทกี่ ารงานเพอื่ แสดงใหเ้ ห็นว่าในแตล่ ะแผนกนั้นมหี นา้ ทตี่ อ้ งกระทาอะไรบา้ งซงึ่ ผลดกี อ่ ใหเ้ กดิ การไดค้ นมคี วามสามารถทางานในแผนกน้ัน ๆทง้ั ยงั ฝึ กบุคคลในแผนกน้ัน ๆใหม้ คี วามเชย่ี วชาญกบั หนา้ ทขี่ องงานนั้นอยา่ งลกึ ซงึ้สาหรบั ฝ่ ายบรหิ ารระดบั สูงนั้นก็เป็ นเพยี งแตก่ าหนดนโยบายไวก้ วา้ ง ๆเพราะมผี ูเ้ ชยี่ วชาญเฉพาะดา้ นคอยป้ อนขอ้ มูลทถี่ กู ตอ้ งใหพ้ จิ ารณาตดั สินใจและใหม้ คี วามผดิ พลาดไดน้ อ้ ยมากอกี ประการหนึ่งในแต่ละแผนกน้ันเมอื่ ทกุ คนมคี วามเชย่ี วชาญงานในหนา้ ทชี่ นิดเดยี วกนัยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ การประสานงานไดง้ ่ายเน่ืองจากแตล่ ะคนมคี วามสนใจในงานและใชภ้ าษาเดยี วกนัทาใหส้ ามารถสรา้ งบรรยากาศการทางานทดี่ ไี ดง้ ่ายนอกจากน้ันการบรหิ ารงานก็เกดิ ความประหยดั ดว้ ยเพราะแตล่ ะแผนกไดใ้ ชค้ วามเชยี่ วชาญเฉพาะดา้ นสรา้ งผลติ ผลไดเ้ ต็มเม็ดเต็มหน่วย การใชเ้ ครอื่ งจกั รและแรงงานก็ใชไ้ ดผ้ ลคมุ ้ คา่ อย่างไรก็ตามการจดั รปู แบบองคก์ ารแบบนีก้ ็มผี ลเสยี ในทางการบรหิ ารหลายประการอาทเิ ชน่ การแบง่ งานออกเป็ นหลายแผนกและมผี ูเ้ ชย่ี วชาญหลายคน
ทาใหก้ ารวางแผนงานยุ่งยากขนึ้ อาจมกี ารปัดความรบั ผดิ ชอบได ้นอกจากนั้นการจดั องคก์ ารรปู แบบนีม้ กั เนน้ ทก่ี ารรวมอานาจไว ้ ณจดุ ทส่ี งู ทส่ี ุด ไม่มกี ารกระจายอานาจในการบรหิ ารใหล้ ดหลน่ั ลงไป2. โครงสรา้ งองคก์ ารตามสายงานหลกั (Line OrganizationStructure) หมายถงึ การจดั รปู แบบโครงสรา้ งใหม้ สี ายงานหลกัและมกี ารบงั คบั บญั ชาจากบนลงล่างลดหน่ั เป็ นขน้ั ๆจะไม่มกี ารสง่ั การแบบขา้ มขนั้ ตอนในสายงานซงึ่ โครงสรา้ งแบบนีเ้ หมาะสมสาหรบั องคก์ ารตา่ ง ๆทต่ี อ้ งการใหม้ กี ารขยายตวั ในอนาคตได ้เพราะเพยี งแตเ่ พม่ิ เตมิ โครงสรา้ งในบางสายงานใหม้ กี ารควบคมุ บงั คบั บัญชาลดหลน่ั ลงไปอกี ได ้ การจดั องคก์ ารแบบนี้
อาจจะคานึงถงึ สภาพของงานทเ่ี ป็ นจรงิ เชน่แบง่ ตามลกั ษณะของผลติ ภณั ฑ ์ หรอื แบง่ ตามอาณาเขตหรอื แบ่งตามประเภทของลูกคา้ หรอื แบ่งตามกระบวนการผลดขี องโครงสรา้ งแบบนีม้ หี ลายประการ เชน่การจดั โครงสรา้ งดว้ ยรปู แบบทเี่ ขา้ ใจง่ายการบงั คบั บญั ชาตามสายงานเป็ นขน้ั ตอนฉะนั้นจดุ ใดทม่ี กี ารปฏบิ ตั งิ านลา่ ชา้ ก็สามารถตรวจสอบไดร้ วดเรว็จากผูบ้ งั คบั บญั ชาในระดบั น้ันไดง้ ่ายนอกจากนั้นผูป้ ฏบิ ตั งิ านไดค้ ลกุ คลกี บั สภาพของปัญหาทเ่ี ป็ นจรงิ และเกิดขนึ้ เสมอ ทาใหก้ ารตดั สนิ ใจตา่ ง ๆ มขี อ้ มูลทแ่ี น่นอนและสามารถตดั สนิ ใจไดถ้ ูกตอ้ งรวดเรว็ซงึ่ สง่ ผลสะทอ้ นใหม้ กี ารปกครองบงั คบั บญั ชาทอ่ี ยใู่ นระเบยี บวนิ ัยไดด้ ีการตดิ ตอ่ สอ่ื สารและการควบคมุ การทางานทาไดง้ ่ายตลอดจนเมอื่ ตอ้ งการจะเปลย่ี นรปู โครงสรา้ งขององคก์ ารก็สามารถทจ่ี ะเปลยี่ นไดค้ ่อนขา้ งสะดวก เพราะการจดั รปู แบบองคก์ ารนี้ไม่มอี ะไรสลบั ซบั ซอ้ นมากนัก ประการสุดทา้ ยองคก์ ารนีเ้ หมาะสาหรบั การจดั รปู แบบองคก์ ารขนาดเล็กแตไ่ ม่เหมาะทจี่ ะจดั ในลกั ษณะองคก์ ารขนาดใหญ่ทม่ี กี ารปฏบิ ตั งิ านสลบัซบั ซอ้ น สว่ นขอ้ เสยี ของโครงสรา้ งแบบนีน้ ้ันไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาดงั นีค้ อืประการแรก ไม่ไดส้ นับสนุนใหผ้ ูท้ างานมคี วามเชย่ี วชาญเฉพาะดา้ นนอกจากน้ันบางขณะปรมิ าณของงานมมี ากจนตอ้ งใชเ้ วลาทางานประจาใหเ้ สรจ็ไม่มเี วลาทจี่ ะมาศกึ ษาถงึ ระบบการทางานทดี่ กี วา่อกี ประการหนึ่งลกั ษณะของโครงสรา้ งเชน่ นีเ้ ป็ นอปุ สรรคตอ่ การดาเนินงาน เพราะไม่สามารถครอบคลุมขอบขา่ ยของงานไดท้ งั หมดได ้และประการสดุ ทา้ ย ผูบ้ รหิ ารระดบั สูงอาจจะไม่ยอมมอบหมายงานใหผ้ ูบ้ รหิ ารงานระดบั รอง ๆ ลงมา หรอื พยายามกดี กนัหรอื ส่งเสรมิ คนอนื่ ใหข้ นึ้ มาแทนตนทาใหข้ วญั ของผูป้ ฏบิ ตั งิ านในระดบั รอง ๆ ไปไม่ดีหมดกาลงั ใจในการปฏบิ ตั งิ านเน่ืองจากโครงสรา้ งแบบนีใ้ หอ้ านาจควบคมุ โดยตรงตอ่ ผูบ้ งั คบั บญั ชาระดับสงู เทา่ น้ัน
3. โครงสรา้ งองคก์ ารแบบคณะทปี่ รกึ ษา (Staff OrganizationStructure)หมายถงึ การจดั โครงสรา้ งโดยการใหม้ ที ป่ี รกึ ษาเขา้ มาชว่ ยการบรหิ ารงาน เชน่ ทป่ี รกึ ษานายก ฯ ทป่ี รกึ ษาผูว้ ่าฯ กทม. เป็ นตน้เพราะวา่ ทปี่ รกึ ษามคี วามรู ้ ความชานาญเฉพาะดา้ นโดยเฉพาะการใชเ้ ทคโนโลยสี มยั ใหม่ซง่ึ ตอ้ งอาศยั ผูเ้ ชยี่ วชาญมาชว่ ยหรอื คอยแนะนาทาใหอ้ งคก์ ารมองเห็นความสาคญั ของการมที ป่ี รกึ ษาขนึ้ อยา่ งไรก็ตามพวกทป่ี รกึ ษาไม่มอี านาจในการสง่ั การใด ๆนอกจากคอยป้ อนขอ้ มูลใหผ้ ูบ้ รหิ ารเป็ นผูช้ ขี้ าดอกี ชน้ั หน่ึงซงึ่ การจดั องคก์ ารรปู แบบนีม้ ผี ลดคี อื ทาใหก้ ารดาเนินงานตา่ ง ๆมกี ารวางแผนและประเมนิ สถานการณล์ ่วงหนา้ ได ้มที ปี่ รกึ ษาคอยใหค้ วามกระจา่ งและประสานงานกบั หน่วยงานอนื่ ๆและทาใหก้ ารทางานใชห้ ลกั เหตแุ ละผลมากขนึ้มกี ารใชเ้ ครอื่ งมอื ทท่ี นั สมยั และคนมปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขนึ้ นอกจากนั้นยงั ทาใหง้ านตามสายงานและงานของคณะทป่ี รกึ ษาสมั พนั ธก์ นัและเขา้ ใจบทบาทซงึ่ กนั และกนัแตผ่ ลเสยี ของการใชท้ ป่ี รกึ ษาอาจมกี ารปี นเกลยี วกนั
เนื่องจากความเห็นไม่ลงรอยกนัและฝ่ ายคณะทป่ี รกึ ษาอาจทอ้ ถอยในการทางานได ้เพราะมหี นา้ ทเี่ พยี งเสนอแนะแตไ่ ม่มอี านาจสง่ั การ4. โครงสรา้ งองคก์ ารแบบคณะกรรมการบรหิ าร (CommitteesOrganization Structure)หมายถงึ การจดั โครงสรา้ งองคก์ ารโดยใหม้ กี ารบรหิ ารงานในลกั ษณะคณะกรรมการ เชน่ คณะกรรมการบรหิ ารงานรถไฟแห่งประเทศไทยคระกรรมการ อสมท. และคณะกรรมการบรหิ ารบรษิ ทั เจรญิ โภคภณั ฑ ์เป็ นตน้ การบรหิ ารงานองคก์ ารโดยใหม้ คี ณะกรรมการบรหิ ารเชน่ นี้ผลดจี ะชว่ ยขจดั ปัญหา การบรหิ ารงานแบบผูกขาดของคน ๆ เดยี วหรอื การใชแ้ บบเผด็จการเขา้ มาบรหิ ารงาน นอกจากน้ันการตงั้ คณะกรรมการซงึ่ ประกอบดว้ ยบคุ คลมาจากหลาย ๆฝ่ ายจะทาใหท้ กุ คนเขา้ ใจปัญหาและกอ่ ใหเ้ กดิ การยอมรบั ในปัญหทฝ่ี ่ ายอน่ื เผชญิ อยู่ทาใหก้ ารประสานงานเป็ นไปไดง้ ่ยขนึ้ แต่อย่างไรก็ตามขอ้ เสยี ของการใชร้ ะบบคณะกรรมการก็คอื เกดิ การสญู เสยี ทรพั ยากรโดยใชเ่ หตุ เน่ืองจากเวลาส่วนใหญ่ใชไ้ ปในการประชมุ ถกเถยี งกนักว่าจะไดข้ อ้ ยุตอิ าจไม่ทนั การตอ่ การวนิ ิจฉัยสง่ั การได ้หรอื อาจเป็ นการแลกเปลยี่ นผลประโยชนใ์ นระดบั คณะกรรมการหรอื ยอม
ประนีประนอมกนั เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ ยุตทิ ร่ี วดเรว็ทาใหก้ ารตงั้ คณะกรรมการไรผ้ ล5. โครงสรา้ งองคก์ ารงานอนุกร (Auxiliary)คอื หน่วยงานชว่ ย บางทเี รยี กวา่ หน่วยงานแม่บา้ น (House-keepingagency) ซง่ึ เป็ นงานเกยี่ วกบั ธรุ การ และอานวยความสะดวก เชน่งานเลขานุการ และงานตรวจสอบภายใน เป็ นตน้7. โครงสรา้ งองคก์ าร แบบสูง และแบบกวา้ งการออกแบบโครงสรา้ งองคก์ าร ( สมคดิ บางโม, 2538)มสี งิ่ หนึ่งทค่ี วรคานึง คอื ความสงู และความกวา้ งของโครงสรา้ งถา้ โครงสรา้ งขององคก์ ารมกี ารบงั คบั บญั ชากนั หลายชนั้ หลายระดบักระบวนการทางานยอ่ มชา้แตถ่ า้ โครงสรา้ งองคก์ ารมรี ะดบั การสง่ั การนอ้ ยกระบวนการทางานย่อมร
วดเรว็ กว่า ชว่ งของการควบคมุ (span of control) หมายถงึจานวนผูอ้ ยูใ่ ตบ้ งั คบั บญั ชาทถ่ี กู ควบคมุ หรอื สง่ั การจากผูบ้ งั คบั บญั ชาคนหนึ่ง ตวั อย่างเชน่ คณุ วสิ นี เป็ นประธานบรษิ ทัและมคี ณุ กาชยั เป็ นรองประธานบรษิ ทั เพยี งคนเดยี วแสดงว่าชว่ งของการควบคมุ ของประธานคอื มเี พยี ง 1แต่ถา้ บรษิ ทั นีม้ รี องประธาน 3 คนแสดงวา่ ชว่ งของการควบคมุ ของประธานมเี ทา่ กบั 3 เป็ นตน้ขอ้ ดขี องโครงสรา้ งแบบสูง 1.การบรหิ ารงานใกลช้ ดิ 2.การควบคมุ ใกลช้ ดิ 3.การตดิ ตอ่ สอื่ สารรวดเรว็ ระหว่างหวั หนา้ และลูกนอ้ ง4.งานมคี ณุ ภาพเพราะอยูภ่ ายใตก้ ารควบคมุ ของผูช้ านาญการเฉพาะขอ้ จากดั ของโครงสรา้ งแบบสูง 1.คา่ ใชส้ ูงสาหรบั หวั หนา้ แตล่ ะระดบั 2.มรี ะดบั การจดั การมาก 3.ระยะทางระหว่างระดบั สงู ถงึ ระดบั ต่าห่างเกนิ ไป 4. หวั หนา้ มแี นวโนม้ ทจ่ี ะเกยี่ วขอ้ งกบั การทางานของลูกนอ้ งมากเกนิ ไป
ขอ้ ดขี องโครงสรา้ งแบบกวา้ ง 1.ลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการบรหิ าร 2.ลูกนอ้ งมอี สิ ระสงู ในการทางานเนื่องจากหวั หนา้ มผี ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาจานวนมากจงึ มกี ารควบคมุ นอ้ ยขอ้ จากดั ของโครงสรา้ งแบบกวา้ ง 1.ตอ้ งการผูบ้ งั คบั บญั ชาทม่ี คี วามสามารถมาก 2.ผูบ้ งั คบั บญั ชาอาจจะควบคมุ งานทกุ อย่างไดไ้ ม่ทว่ั ถงึ8. การจดั แผนกงาน (Departmentation)การจดั แผนกงาน หมายถงึ การรวมกลมุ่ กจิ กรรมตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนัโดยการรวมกจิ กรรมทคี่ ลา้ ยกนั และเหมาะสมทจี่ ะนามาปฏบิ ตั ิในกล่มุ เดยี วกนั เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เป็ นกลมุ่ แผนก หรอื หน่วยงานหลกั เกณฑพ์ นื้ ฐานทจี่ ะใชส้ าหรบั การจดั แผนกงาน มดี งั นี้ 1. การจดั แผนกงานตามหน้าที่ (Departmentation byFunction)การจดั แผนกงานตามหนา้ ทน่ี ี้เป็ นการจดั องคก์ ารทเ่ี ป็ นทยี่ อมรบั อยา่ งกวา้ งขวาง และหนา้ ทห่ี ลกัสว่ นใหญ่แผนกตา่ ง ๆ จะมกี ็คอื หนา้ ทท่ี างดา้ นการผลติการขายและการเงนิธงชยั สนั ตวิ งษ ์ (2537) ไดก้ ล่าวถงึ ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี
ของแตล่ ะแบบการจดั แผนกงานไวต้ ามตารางขา้ งล่าง ตอ่ ไปนี้ขอ้ ดกี ารจดั แผนกงานตามหนา้ ที่ 1.เหมาะกบั ธรุ กจิ ขนาดเล็กในระยะเรม่ิ แรก 2.เป็ นการจดั ทถ่ี กู ตอ้ งตามเหตผุ ลในเรอ่ื งของหนา้ ทหี่ ลกั3.เมอื่ เกดิ ปัญหาขนึ้ ระหว่างผูบ้ รหิ ารในแต่ละหนา้ ทกี่ ็จะสามารถทาการประสานงานใหท้ กุ อยา่ งเป็ นไปโดยสอดคลอ้ งกนั 4. ถูกตอ้ งตามหลกั เกณฑข์ องการแบ่งอาชพี ตามความถนัดขอ้ เสยี การจดั แผนกงานตามหนา้ ที่ 1.ไม่เหมาะสมกบั ธรุ กจิ ทม่ี กี ารขยายตวั2.การทางานของทกุ กลุ่มไม่สามารถเนน้ ถงึ วตั ถปุ ระสงคข์ ององคก์ ารโดยส่วนรวมได ้ 3.การประสานงานตดิ ต่อระหว่างหนา้ ทต่ี า่ งๆเป็ นไปไดย้ าก 4.ไม่เปิ ดโอกาสใหม้ กี ารฝึ กฝนตวั ผูบ้ รหิ ารในระดบั รองลงและไม่มโี อกาสเรยี นรงู ้ านของส่วนตา่ งๆ
2. การจดั แผนกงานตามประเภทผลติ ภณั ฑ ์(Departmentation by Product)การจดั แผนกแบบนีม้ กั จะใชใ้ นการจดั แผนกงานขององคก์ ารธรุ กจิ ขนาดใหญ่มกี ระบวนการในการปฏบิ ตั งิ านซบั ซอ้ นองคก์ ารธรุ กจิ ผลติ สนิ คา้ หลายอย่างถา้ จะใชก้ ารจดั แผนกงานตามหนา้ ทก่ี ็จะทาใหแ้ ตล่ ะแผนกมงี านมากเกนิไป การดแู ลผลติ ภณั ฑแ์ ตล่ ะอยา่ งอาจดูแลไม่ทว่ั ถงึการขยายงานก็จะมปี ัญหาอยา่ งมากทาใหอ้ งคก์ ารธรุ กจิ ขาดความคล่องตวั ในการดาเนินงานและเสยี โอกาสในการแสวงหาผลประโยชนก์ บั องคก์ ารได ้ขอ้ ดกี ารจดั แผนกงานตามผลติ ภณั ฑ ์ 1.เหมาะสมกบั องคก์ ารทม่ี ขี นาดใหญ่ขนึ้2.ชว่ ยใหผ้ ูบ้ รหิ ารสงู สดุ สามารถมอบหมายอานาจหนา้ ทใ่ี นการทางานตามหนา้ ทต่ี า่ งๆใหก้ บั ผูบ้ รหิ ารของหน่วยได ้ 3.ชว่ ยใหป้ ระเภทสนิ คา้ ตา่ งๆไดร้ บั ความสนใจเต็มท่ี4.ชว่ ยใหผ้ ูท้ างานในหนา้ ทต่ี า่ งๆมโี อกาสฝึ กฝนความรคู ้ วามสามารถของตน ในส่วนทเี่ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑแ์ ตล่ ะอยา่ งไดอ้ ย่างดี
ขอ้ เสยี การจดั แผนกงานตามผลติ ภณั ฑ ์ 1.เกดิ ปัญหาในเรอื่ งของการประสานงานในองคก์ าร 2.หน่วยตา่ งๆทแ่ี บง่ แยกตามผลติ ภณั ฑม์ อี านาจมากเกนิ ไป3. การจดั แผนกงานตามพนื้ ทที่ างภูมศิ าสตร ์(Departmentation by Territory)การจดั แผนกโดยแบ่งตามพนื้ ทท่ี างภูมศิ าสตรห์ รอื อาณาเขตนีโ้ ดยคานึงถงึ สภาพทางภูมศิ าสตรห์ รอื ทาเลทตี่ งั้ ทก่ี จิ การจะตอ้ งเขา้ ไปดาเนินการในพนื้ ทนี่ ั้น ๆ เป็ นสาคญัและจะถกู นามาใชจ้ ดั แผนกงานสาหรบั องคก์ ารธรุ กจิทอ่ี าณาเขตการขายกวา้ งขวางและธรุ กจิ อยูใ่ นสภาวะทมี่ กี ารแขง่ ขนั สงูขอ้ ดกี ารจดั แผนกงานตามพนื้ ทภี่ ูมศิ าสตร ์ 1.ชว่ ยใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการปฏบิ ตั กิ ารทง้ั ทางดา้ นการผลติ และการขายรวมทง้ั คา่ ขนสง่ 2.แกไ้ ขปัญหาในเรอื่ งของการตดิ ตอ่ ภายในของบรษิ ทั 3.ชว่ ยใหม้ กี ารฝึ กฝนและพฒั นาตวั ผูบ้ รหิ ารใหม่ๆไดเ้ ป็ นอย่างดี 4. ชว่ ยใหท้ ราบถงึ ความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ ไดด้ กี ว่าจงึ เกดิ จุดแข็งทางการตลาดได ้
ขอ้ เสยี การจดั แผนกงานตามพนื้ ทภี่ ูมศิ าสตร ์1.ตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเพมิ่ ขนึ้ ในเรอื่ งของการประสานงานและการคมนาคม 2.เกดิ ปัญหาเรอ่ื งของการประสานงานในองคก์ าร 3.หน่วยตา่ งๆทแ่ี บง่ แยกตามพนื้ ทอ่ี าจจะมอี านาจมากเกนิ ไป 4.ขาดโอกาสฝึ กความชานาญเฉพาะดา้ นตามอาชพี เฉพาะอยา่ ง4. การจดั แผนกงานตามกระบวนการผลติ (Departmentationby Process) การแบ่งกจิ กรรมออกเป็ นกล่มุ ตามขนั้ ตอนกระบวนการผลติ หรอื กระแสการไหลของงาน เชน่กจิ การหนังสอื พมิ พเ์ ชยี งใหม่นิวสอ์ าจจะมกี ารจดั แผนกศลิ ป์ ทาหนา้ ทอี่ อกแบบรปู เล่ม ์ แบบหนา้ โฆษณา แบบตวั อกั ษร แผนกพมิ พแผนกสตอ๊ กแผนกจดั ส่งสนิ คา้ ฯลฯขอ้ ดกี ารจดั แผนกงานตามกระบวนการผลติ 1. ชว่ ยใหเ้ กดิ ผลดจี ากการแบ่งงานกนั ทาตามความถนัด 2. สะดวกและง่ายทจี่ ะนามาใชใ้ นระดบั ต่าขององคก์ ารขอ้ เสยี การจดั แผนกงานตามกระบวนการผลติ 1.การประสานงานระหว่างแผนกทาไดย้ าก5. การจดั แผนกงานตามหรอื ลูกคา้ (Departmentation byCustomer)เป็ นวธิ จี ดั แผนกงานอกี อย่างหน่ึงทอี่ งคก์ ารธรุ กจิ จะใหค้ วามสาคญั แกก่ ลุ่
มลูกคา้เพราะสนิ คา้ ทอ่ี งคก์ ารผลตอิ อกมาน้ันอาจตอบสนองความตอ้ งการของผู ้บรโิ ภตแตกตา่ งกนัเนื่องจากพฤตกิ รรมของกลมุ่ ลกู คา้ ทจี่ ะซอื้ สนิ คา้ น้ันแตกตา่ งกนัขอ้ ดกี ารจดั แผนกงานตามลูกคา้ 1.ชว่ ยใหส้ ามารถสนองความตอ้ งการของลูกคา้ กลุ่มตา่ งๆไดด้ ี 2.เป็ นการพฒั นาใหม้ ผี ูเ้ ชย่ี วชาญและความชานาญในการขายสนิ คา้ ใหก้ ับกลุม่ ลูกคา้ แตล่ ะกลุ่มขอ้ เสยี การจดั แผนกงานตามลูกคา้ 1.การประสานงานของแตล่ ะหน่วยงานจะเกดิ ขนึ้ ไดย้ ากเพราะตา่ งฝ่ ายตา่ งแขง่ ขนั กนั 2. การจดั แบง่ กลุ่มผูบ้ รโิ ภคอาจทาไดย้ ากหากผูบ้ รโิ ภคบางรายประกอบธรุ กจิ หลายประเภท 3.หากมกี ารเปลยี่ นแปลงในกลุ่มของลูกคา้ อาจจะทาใหก้ ารทางานของบางแผนกนอ้ ยลงไปหรอื ไม่มงี านทาเลยก็ได ้
9. แผนภูมอิ งคก์ าร(Organization charts)แผนภูมอิ งคก์ าร หรอื ผงั โครงสรา้ งองคก์ าร หมายถงึแผนผงั ทแ่ี สดงถงึ กลุ่มตาแหน่งงาน ซงึ่ รวมกลมุ่ เป็ นสายการบงั คบั บญั ชาโดยมกี ารแบง่ กลุ่มแบ่งระดบัโครงสรา้ งองคก์ ารทม่ี กี ารจดั ขนึ้ อย่างถกู ตอ้ งโดยมกี ารจดั ตาแหน่งชดั เจน มสี ายการบงั คบั บญั ชาทแ่ี น่นอนและมชี อื่ ตาแหน่งระบุไว ้ก็จะชว่ ยใหไ้ ดข้ อ้ มูลการจดั การทเ่ี ป็ นประโยชนย์ งิ่ ขนึ้ กล่าวอกี นัยหน่ึงผงั โครงสรา้ งองคก์ ารเป็ นเครอื่ งมอืทจี่ ะชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจโครงสรา้ งขององคก์ าร อานาจหนา้ ที่ ความรบั ผดิ ชอบตลอดจนสายการบงั คบั บญั ชาในองคก์ ารน้ันๆบรรจง อภริ ตกิ ลุ และสรุ นิ ทร ์ม่วงทอง (อา้ งใน ศริ อิ ร ขนั ธหตั ถ,์ 2536 )ไดจ้ ดั แบ่งประเภทของแผนภูมอิ งคก์ ารไว ้ 2 ประการ คอืแผนภูมหิ ลกั (Master Chart)เป็ นแผนภูมทิ แี่ สดงโครงสรา้ งขององคก์ ารทง้ั หมดขององคก์ ารว่ามกี ารแบง่ สว่ นงานใหญ่ ออกเป็ นกห่ี น่วย ทก่ี อง กแ่ี ผนทส่ี าคญั ๆตลอดจนความสมั พนั ธท์ ตี่ ่อเน่ืองกนัเน่ืองจากแผนภูมชิ นิดนีแ้ สดงสายการบงั คบั บญั ชาลดหลน่ั ตาลาดบัจงึ อาจเรยี กไดว้ ่า \"Hierarchical Chart\" แบบแผนภมู หิ ลกั หรอืMaster Chart นีแ้ บ่งออกได ้ 3 แบบคอืแบบสายงานปิ รามดิ (Conventional Chart)แบบนีเ้ รยี กไดอ้ กี หลายอย่าง เชน่ Line or Militaryเป็ นแบบทจี่ ดั รปู คลา้ ยกองทพั หรอื อาจเรยี กไดอ้ กี อยา่ งหนึ่งวา่แบบตามแนวดงิ่ (Vertical Chart)แผนภูมลิ กั ษณะนีไ้ ดก้ าหนดใหต้ าแหน่งสงู สุด เชน่ ตาแหน่งผูอ้ านายการหรอื ผูจ้ ดั การใหญ่อยู่สงู สดุ ตาแหน่งรองๆลงมาก็เขยี นไวใ้ นระดบั ทต่ี ่าลงมาตามลาดบัดงั นั้นจงึ มลี กั ษณะคลา้ ยรปู ปิ รามดิ ดงั นี้
แบบตามแนวนอน (Horizontal Chart) หรอื แบบซา้ ยไปขวา(Left to Right Chart) แบบนี้เป็ นลกั ษณะการเขยี นแผนภูมทิ แี่ สดงตาแหน่งสงู สุดไวท้ างซา้ ยมอืและหน่วยงานระดบั รอง ๆ เลอ่ื นออกไปทางขวามอื ตามลาดบัแบบวงกลม (Circular Chart)ลกั ษณะของแผนภูมชิ นิดนีแ้ สดงเป็ นวงกลมโดยกาหนดตาแหน่งสงู สดุ อยู่ตรงกลางและตาแหน่งรอง ๆ อยู่ในรศั มที หี่ ่างออกๆปตามลาดบั
แผนภูมเิ สรมิ (Supplementary Chart) แผนภูมเิ สรมิคอื แผนภมู ทิ แ่ี สดงถงึ รายละเอยี ดของหน่วยงานยอ่ ย ๆทแ่ี ยกจากแผนภมู หิ ลกัโดยแยกเป็ นหน่วยงานย่อยว่ามลี กั ษณะหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบอย่างไร หรอื แสดงของเขตความสมั พนั ธข์ องงานในหน่วยหนึ่ง ๆซง่ึ อาจจะเป็ นหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบอย่างไรหรอื แสดงขอบเขตความสมั พนั ธข์ องงานในหน่วยหน่ึง ๆซง่ึ อาจจะเป็ นภายในแผนกเดยี วกนั หรอื เกย่ี วโยงไปยงั แผนกอน่ื ๆแผนภูมเิ สรมิ นี้ แบ่งออกเป็ น ไดห้ ลายลกั ษณะ หรอื หลายแบบ เชน่1. แผนภูมแิ สดงทางเดนิ ของสายงาน (Work Flow Chart)หมายถงึ แผนภมู ทิ แ่ี สดงสายการปฏบิ ตั ทิ างเดนิ ของงาน2. แผนภูมกิ ารจดั รูปแบบสถานที่ (The Layout Chart)เป็ นแผนภมู ทิ แ่ี สดงการจดั สถานทที่ างานซงึ่ หมายถงึ การจดั สถานทต่ี าแหน่งของงาน การจดั หอ้ งทที่ างานเพอ่ื ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านเป็ นไปโดยสะดวก และเรยี บรอ้ ย รวดเรว็3. แผนภูมชิ อื่ บุคคล (Roster Chart)เป็ นแผนภมู ทิ แ่ี สดงชอ่ื บุคคลทด่ี ารงตาแหน่งทง้ั นีเ้ พอ่ื ประโยชนใ์ นการตดิ
ตอ่ ประสานงานและใหบ้ รกิ ารขน้ั ตอนและขอ้ เสนอแนะนาในการเขยี นแผนภูมิ1. รวบรวมหนา้ ทตี่ า่ ง ๆ ตามทกี่ าหนดไวใ้ นการแบ่งงาน1. จดั ประเภทของงาน งานทคี่ ลา้ ยกนั ใหอ้ ยแู่ ผนกและฝ่ ายเดยี วกนั2. กาหนดตาแหน่งงานโดยคานึงถงึ อานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบและความสาคญั ของาน3. กาหนดชนิดของแผนภูมิ4. เขยี นชอื่ เรอ่ื งของแผนภูมิ อนั ประกอบดว้ ย - ชอ่ื ของหน่วยงานหรอื ชอื่ องคก์ ารนั้น ๆ - ชอื่ ของแผนภมู ติ ามกจิ กรรม เชน่ \"แผนภูมแิ สดงแบ่งส่วนราชการ\" \"แผนภูมสิ ายทางเดนิ ของงาน\" ฯลฯ - ใชร้ ปู สเี่ หลย่ี มผนื ผา้ แทนหน่วยงาน หรอื ตาแหน่ง หรอื บุคคลและควรมขี นาดเทา่ กนั โดยกาหนดตาแหน่งสูงสดุ ใหร้ ปู ใหญ่กว่าตาแหน่งรอง ๆ ลงไป -จดั รปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ ใหต้ าแหน่งสูงต่าลดหลน่ั ตามสายงานการบงั คบั บญัชา หน่วยงานใดทมี่ คี วามสาคญั มอี านาจหนา้ ทเ่ี ทา่ กนัก็ใหอ้ ย่ใู นระดบั เดยี วกนั - ลากเสน้ สายการบงั คบั บญั ชาผ่านรปู สเ่ี หลย่ี มใชเ้ สน้ ตรงตามขวางและตามยาวขดี เชอื่ มโยงแทนสายการบงั คบั บญั ชาและไม่ควรลากผ่านทะลุรปู สเี่ หลยี่ มแทนทห่ี น่วยงานหรอื บุคคลเป็ นอนั ขาด - พวกทที่ าหนา้ ทป่ี รกึ ษา (Staff)ใหเ้ ขยี นไวต้ า่ งหากตามระดบั ของหน่วยงานทใ่ี หค้ าปรกึ ษาถา้ มอี ยหู่ น่วยเดยี วใหเ้ ขยี นไวท้ างซา้ ยมอื - การเขยี นเสน้ สายการบงั คบั บญั ชาตามขอ้ 8 ใหใ้ ชเ้ สน้ ทบึ หนาหรอื เสน้ หนักแทนสายการบงั คบั บญั ชาโดยตรงในหนา้ ทหี่ ลกัสว่ นหน่วยงานทปี่ รกึ ษาใหใ้ ชเ้ สน้ บางหรอื จดุ ไขป่ ลาแทน10. อานาจหน้าทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบ (Authority andResponsibility)
ในการจดั องคก์ ารจะสามารถจดั การไดอ้ ย่างเหมาะสมเมอื่ มกี ารแบ่งงานกนั ตามหนา้ ทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมายและทกุ คนรจู ้ กั งานและหนา้ ทข่ี องตนปฏบิ ตั งิ านภายในขอบเขตทอ่ี งคก์ ารมอบหมายมาแตง่ านทด่ี าเนินการจะสามารถสมั ฤทธผิ์ ลไดก้ ็ตอ่ เมอื่ ผูบ้ รหิ ารทมี่ อี านาจในการมอบหมายอานาจหนา้ ทน่ี ้ันจะตอ้ งกาหนดความรบั ผดิ ชอบของบคุคลแตล่ ะคนในการปฏบิ ตั งิ านอกี ดว้ ยอานาจหนา้ ที่ (Authority) หมายถงึสทิ ธอิ นั ชอบธรรมทไ่ี ดร้ บั มอบหมายมาใหส้ ง่ั บคุ คลอน่ื ปฏบิ ตั ติ ามทต่ี นตอ้งการได ้ส่วนใหญแ่ ลว้ ผูบ้ รหิ ารระดบั สงู จะมกี ารมอบหมายงานใหผ้ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาระดบั ตอ่ ไปเมอื่ มกี ารสง่ั งานเพอื่ ใหบ้ ุคคลนั้นสามารถปฏบิ ตั งิ านส่วนมากแลว้ อานาจหนา้ ทจ่ี ะตอ้ งมอี านาจในการสง่ั การและการตดั สนิ ใจควบคกู่ นั ไปดว้ ย โดยรจู ้ กั การสง่ั การคอื มอบหมายงานใหก้ บั ใตผ้ ูบ้ งั คบั บญั ชาทางานอยา่ งตอ่ เนื่องและตดั สนิ ใจ ในลกั ษณะงานทอี่ ยู่ภายในขอบเขตแห่งอานาจตนอานาจหนา้ ทเี่ ป็ นอานาจทบี่ ุคคลผูม้ อี ยู่ไดร้ บั มอบหมายมาโดยถกู ตอ้ งตามกฎหมายและขณะเดยี วกนั ก็มสี ทิ ธใิ หร้ างวลั และลงโทษผูท้ ปี่ ฏบิ ตั ติ ามอานาจหนา้ ที่นั้นไดอ้ กี ดว้ ยอานาจหนา้ ที่ (Authority) แตกตา่ งจากอานาจ (Power) คอือานาจหนา้ ทเ่ี ป็ นสทิ ธทิ ไี่ ดร้ บั มอบหมายมาโดยถกู ตอ้ งตามกฎหมายแตอ่ านาจเป็ นสง่ิ ทบ่ี ุคคลน้ันสรา้ งขนึ้ มาเองและทาใหบ้ ุคคลอนื่ ยอมรบั เพื่อทจ่ี ะปฏบิ ตั ติ าม อานาจเกดิ ในดา้ นบวกหรอื ดา้ นลบก็ได ้ความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility)เป็ นภาระผูกพนั ของบุคคลในการปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึงโดยบุคคลจะตอ้ งรบั ผดิ ชอบในการทางานเพอื่ ใหง้ านสาเรจ็ ตามเป้ าหมายทวี่ างไว ้ในองคก์ ารทม่ี กี ารวางโครงสรา้ งแบบเป็ นทางการจะมกี ารกาหนดความร ับผดิ ชอบของบคุ คลทท่ี าหนา้ ทใี่ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ
อยา่ งชดั เจนและใหอ้ านาจหนา้ ที่ (Authority)ใหแ้ กผ่ ูป้ ฏบิ ตั งิ านอยา่ งเหมาะสม เพอื่ ทจ่ี ะสามารถปฏบิ ตั งิ านไดด้ ว้ ยดีอยา่ งไรก็ตามปัญหาของความสมดลุ กนั ระหว่างความรบั ผดิ ชอบและอานาจหนา้ ทก่ี ็มมี ากขนึ้ ในขณะทอ่ี งคก์ ารขยายใหญ่ขนึ้ ทง้ั นี้เน่ืองจากผูป้ ฏบิ ตั งิ านจะตอ้ งมขี อบเขตของอานาจหนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิชอบในส่วนของตนเพมิ่ ขนึ้ ดว้ ย จงึ มคี วามสบั สนในเรอ่ื งของงานตลอดจนปัญหาของตวั บุคคลทเี่ กยี่ วขอ้ งในการจดั แบง่ ความรบั ผดิ ชอบในกจิ กรรมตา่ งๆขององคก์ ารนั้น ควรคานึงถงึ ปัจจยั ตอ่ ไปนี้ - กจิ กรรมทค่ี ลา้ ยกนั ควรทจ่ี ะใหอ้ ยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของคนๆเดยี วการแบง่ ความรบั ผดิ ชอบใหค้ นหลายคนกอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสยี ในการปฏบิ ตั งิ าน ทงั้ นี้ เน่ืองจากปัญหาการหลกี เลย่ี งความรบั ผดิ ชอบดงั กล่าว - พจิ ารณาคณุ สมบตั ขิ องผูร้ บั มอบหมายงานเชน่ มวี ามสามารถทจ่ี ะทากจิ กรรมน้ันๆไดห้ รอื ไม่11. การมอบหมายงาน (Delegation)การมอบหมายงาน หมายถงึการกาหนดความรบั ผดิ ชอบและอานาจหนา้ ที่ (Assignment ofResponsibility and Authority )โดยตวั ผูบ้ งั คบั บญั ชาใหแ้ กผ่ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา =การกระจายงานในหนา้ ท,่ี ความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility)และอานาจในการตดั สนิ ใจ (Authority)ภายในขอบเขตทก่ี าหนดใหผ้ ูร้ ว่ มงานหรอื ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาไปปฏบิ ตั ิ(ศริ พิ ร พงศศ์ รโี รจน,์ 2543)ในการจดั องคก์ ารจะเห็นไดว้ า่ในการปฏบิ ตั งิ านในสายการบงั คบั บญั ชาจะตอ้ งมกี ารสง่ั งานตามลาดบั ข้ันโดยมกี ารมอบหมายอานาจหนา้ ทใี่ หผ้ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาปฏบิ ตั ิเพอ่ื ใหง้ านน้ันมปี ระสทิ ธภิ าพการมอบหมายงานมกั จะมคี วามยุง่ ยากในการปฏบิ ตั เิ พราะการตดั สนิ ใจมอบหมายงาน และอานาจหนา้ ทเี่ ป็ นสง่ิ ทผี่ ูบ้ รหิ ารชน้ั สูงจะตอ้ งปฏบิ ตั ิและคดั เลอื กบุคคลทตี่ นคดิ ว่ามคี วามสามารถเขา้ มาชว่ ยงานการมอบหมายงานจะมกี ารมอบหมายงานตามลาดบั ขนั้ เชน่
จากประธานกรรมการไปยงั ผูจ้ ดั การ หวั หนา้ หน่วยงาน ฯลฯกระบวนการในการมอบหมายงาน มลี าดบั ขนั้ ดงั ต่อไปนี้ - การพจิ ารณาจะคดิ ถงึ ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั จากงาน - การจดั แบง่ งานตามความเหมาะสม - การมอบหมายอานาจหนา้ ทใ่ี หแ้ ตล่ ะบคุ คลทคี่ ดิ ว่าจะทาใหง้ านบรรลุวตั ถปุ ระสงคไ์ ด ้ - พยายามจดั การใหท้ กุ คนทางานโดยมคี วามรบั ความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานทที่ า เพอื่ จะไดบ้ รรลุความสาเรจ็ ของงานนั้นขนาดของการมอบหมายงานการทผ่ี ูบ้ งั คบั บญั ชาจะมคี วามเต็มใจทจี่ ะมอบหมายอานาจหนา้ ทใี่ นการทางานมากนอ้ ยเพยี งใดขนึ้ อยู่กบั ปัจจยั เหลา่ นี้ คอื 1. สภาพบรรยากาศหรอื วฒั นธรรมขององคก์ ารถา้ องคก์ ารถอื วธิ ปี ฏบิ ตั งิ านในลกั ษณะทเ่ี ป็ นประชาธปิ ไตยมกั มกี ารมอบหมายงานใหผ้ ูท้ ท่ี างานระดบั ตา่ ไดม้ โี อกาสตดั สนิ ใจดว้ ยตนเองมากตรงขา้ มกบั องคก์ ารทใี่ ชว้ ธิ กี ารควบคมุ อย่างมากจะมกี ารจากดั การตดั สินใจไวท้ ผ่ี ูบ้ รหิ ารระดบั สงู เทา่ นั้น 2. ลกั ษณะของงานทท่ี างานบางอยา่ งทค่ี อ่ นขา้ งยากและมคี วามสาคญั ทต่ี อ้ งใชค้ วามรอบคอบหรอื งานบางอย่างถา้ มกี ารตดั สนิ ใจทผี่ ดิ พลาดแลว้ จะกอ่ ความเสยี หายมหาศาลใหแ้ กก่ จิ การนั้นผูบ้ รหิ ารจะสงวนไวต้ ดั สนิ ใจเองแต่หากงานนั้นมลี กั ษณะคอ่ นขา้ งง่ายเหมาะสมทผ่ี ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาจะทาแทนได ้ผูบ้ รหิ ารก็จะมอบหมายใหบ้ คุ คลอนื่ ทาแทนได ้ 3. ลกั ษณะพฤตกิ รรมของผูบ้ รหิ ารกรณีผูบ้ รหิ ารเป็ นบุคคลทม่ี แี นวความคดิ สมยั ใหม่ หรอื สมยั เกา่ถา้ เป็ นผูบ้ รหิ ารสมยั เกา่ การปฏบิ ตั งิ านจะยดึ หลกั ของการรวมอานาจ(Centralization)คอื จะยดึ ถอื แนวความคดิ ของตนเป็ นเรอื่ งสาคญัแตผ่ ูบ้ รหิ ารสมยั ใหม่จะใชห้ ลกั ของการกระจายอานาจ(Decentralization)
คอื ผูบ้ รหิ ารมคี วามเต็มใจทจ่ี ะยอมมอบอานาจใหผ้ ูอ้ น่ื กระทาผดิ ไดบ้ า้ งและเป็ นผูบ้ รหิ ารทใี่ จกวา้ งยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของบุคคลอน่ื ไดบ้ า้ งศลิ ปของการมอบหมายงานผูบ้ งั คบั บญั ชาจะสามารถมอบหมายงานใหก้ บั ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาปฏบิ ตั ิจะตอ้ งมศี ลิ ปของการมอบหมายงานโดยจะตอ้ งพยายามทาใหผ้ ูใ้ ตบ้ งั คบับญั ชาปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพดงั นั้นศลิ ปของการมอบหมายงานของผูบ้ งั คบั บญั ชาแตล่ ะคนจงึ ขนึ้ อยู่กับทศั นคตสิ ว่ นบุคคล (Personel Attitudes) ของผูบ้ งั คบั บญั ชาเองอนั ไดแ้ ก่ - ยอมรบั ความคดิ เห็นของผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาเพยี งใด -เต็มใจทจี่ ะมอบหมายอานาจในการตดั สนิ ใจใหผ้ ูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาเพยี งใด - เต็มใจทจ่ี ะเปิ ดโอกาสใหบ้ ุคคลอนื่ กระทาความผดิ ได ้ - เต็มใจทจี่ ะกาหนดขอบเขตความรบั ผดิ ชอบและมกี ารควบคมุ งานทเี่ หมาะสมประโยชนข์ องการมอบหมายงาน จะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ 3ประการใหญๆ่ ดงั นี้ 1. ชว่ ยลดภาระของผูบ้ รหิ ารระดบั สงู 2. ชว่ ยในการพฒั นาผูอ้ ยูใ่ ตบ้ งั คบั บญั ชา 3. เป็ นการสรา้ งขวญั ทด่ี ใี หแ้ กผ่ ูป้ ฏบิ ตั งิ านทมี่ า : www.panithatyai.ac.th/division/vocation/sutep/html/information4.docขอขอบคณุ ขอ้ มูล***ภาควชิ าบรหิ ารสาธารณสุข - คณะสาธารณสุขศาสตร ์::::มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ::###อาจารยส์ ุวทิ ย ์ แยม้ เผอื่ น หลกั การจดั การ
ศูนยต์ าราอาจารยน์ ิมติ จริ ะสนั ตกิ าร
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: