Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 5

การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 5

Published by armtonwut2540, 2017-07-03 00:10:55

Description: การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 5

Keywords: การนำหลักการบริหารจัดการมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ 1

Search

Read the Text Version

ขอบเขตของการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์

การศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ คืออะไร การศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ คือ การศึกษากา รบ ริ ห าร งา นข อง ภา ครั ฐ ท่ี ท าใ ห้เ กิ ดประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคมมากท่ีสุด ซ่ึงจะตอ้ งศึกษาถึงองค์ความรู้และแนวคิดที่สร้างข้ึนเป็ นรัฐประศาสนศาสตร์

กรอบการวเิ คราะห์การศึกษา รัฐประศาสนศาสตร์ สามารถแบ่งแนวการวเิ คราะห์ออกเป็น 3 แบบดงั น้ี

1. กรอบการวเิ คราะห์แบบหลายส่วนท่ีเช่ือมกนั(Cross-Section Approach) เป็ นการศึกษาถึงส่วนต่างๆที่เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือนาองค์ความรู้เหล่าน้ันมากาหนดขอบเขตและรายละเอียดของการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์

2. กรอบการวิเคราะห์แบบเชิงพัฒนาการ (HistoricalApproach) เป็นการศึกษาพฒั นาการของบทบาทของรัฐต้งั แต่อดีตมาจนถึงปัจจุบนั ซ่ึงต้งั แต่อดีตมาจนถึงปัจจุบนั บท-บาทของรัฐมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทาให้เราสามารถทราบไดว้ ่าบทบาทของรัฐมีการเปล่ียนแปลงไปในทิศทางใด และบทบาทแบบไหนเป็นบทบาทท่ีเหมาะ-สมท่ีสุดสาหรับภาครัฐ

3. กรอบการวเิ คราะห์แบบเชิงกฎหมาย (Legal Approach) เป็ นการศีกษาเร่ืองของใชอ้ านาจของรัฐในการบริหารงานอานาจท่ีกล่าวถึงคือ อานาจอธิปไตย ท่ีมีอยดู่ ว้ ยกนั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่•อานาจดา้ นนิติบญั ญตั ิ (Legislative)•อานาจดา้ นการบริหาร (Administration)•อานาจดา้ นตุลาการ (Judicial)

กระแสแนวคิดหลกั กระแสแนวคิดหลกั น้ีผสมผสานกนั ข้ึนมาเป็ นรัฐ-ประศาสนศาสตร์ในยุคใหม่ ซ่ึงกระแสแนวคิดหลกั มีท้งั หมด 4 กระแส ประกอบไปดว้ ย

1. แนวคิดเศรษฐศาสตร์ หรือเรียกว่า เศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิค (Neo-classic Economics) เป็นแนวความคิดของนกั เศรษฐศาสตร์ ใหค้ วามสาคญั กบั ระบบตลาด (Market Mechanism) ตอ้ งการให้เอกชนเขา้ มา ทางานแทนรัฐในบางเร่ือง แนวความคิดน้ีจะเนน้ อยู่ 2 เร่ือง คือ -ประสิทธิภาพ (Efficiency) -ความคุม้ ค่าของเงิน (Value for Money )

2 . แ น ว คิ ด ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ส มั ย ใ ห ม่(Managerialism) เป็ นแนวความคิดของการบริหารสมัยใหม่ของภาคเอกชน(Business-like Approach) แนวคิดน้ีเชื่อว่าวิธีการบริหารจดั การน้นัเหมือนกนั ท้งั ในภาครัฐและภาคเอกชน จึงสนบั สนุนใหม้ ีการใชว้ ธิ ีการบริหารในภาคเอกชนมาใชใ้ นภาครัฐมากข้ึน แนวความคิดน้ีจะเนน้ อยู่3 เรื่อง ดว้ ยกนั คือ-ประสิทธิผลหรือผลสัมฤทธ์ิ (Effectiveness)-คุณภาพ (Quality)-ภาระรับผดิ ชอบ (Accountability)

ภายหลงั ไดม้ ีการนาแนวคิดที่ 1 และ 2 คือแนวคิดเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิ คและแนวคิดการบริหารจดั การสมยั ใหม่ มารวมกนัทาให้เกิดแนวคิดใหม่ข้ึนมา ซ่ึงมีช่ือใหม่ว่า“การจัดการภาครัฐสมัยใหม่ (New PublicManagement: NPM)”

3. แนวคิดประชารัฐ (Participatory State หรือ CivilSociety) เป็ นแนวความคิดของนกั รัฐศาสตร์ยุคใหม่เกิดข้ึนในช่วงหลงั แนวคิดNew Public Management (NPM) แนวคิดน้ีตอ้ งการเห็นการมีส่วนทางตรงของประชาชนเพมิ่ มากข้ึน แนวความคิดน้ีเนน้ ถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนมากท่ีสุด

4. แนวคดิ กฎหมายมหาชน (Public Law) แนวความคิดน้ีไดร้ ับอิทธิพลมาจากนกั กฎหมายมหาชน คือไม่อยากเห็นรัฐบาลใชอ้ านาจตามอาเภอใจหรือเกินขอบเขตหนา้ ที่ของตน แนวความคิดน้ีเนน้ อยู่ 2 เร่ือง คือ-ความยตุ ิธรรม-ความไม่ลาเอียงเลือกปฏิบตั ิ

เคร่ืองมือของแต่ละแนวคิด

1. เคร่ืองมือของแนวคิดเศรษฐศาสตร์ หรือเรียกว่าเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิค (Neo-classic Economics)ไดแ้ ก่ -ลดอตั รากาลงั คนลง (Reduction in Force) -ปรับลดงบประมาณรายจ่าย (Cutback) -การแปรสภาพกิจการบางอย่างของภาครัฐให้เป็ นรัฐวิสาหกิจหรือเป็นเอกชนมากข้ึน (Privatization หรือ Corporatization) -การเปิ ดโอกาสใหภ้ าคเอกชนสามารถเขา้ มาเสนอท่ีจะทาในสิ่งที่ภาครัฐตอ้ งการจะทา (Market Testing หรือ Contestability)

2. เครื่องมอื ของแนวคิด Managerialism (แนวการจัดการสมยั ใหม่) แนวคิดน้ีมีคาขวญั ท่ีวา่ “Let the manager manage” คือ ใหผ้ บู้ ริหารงานหน่วยงานต่างๆมีอานาจในการบริหารงานเอง จึงไดม้ ีการกาหนดเครื่องมือ ดงั น้ี -การลดการควบคุมของหน่วยงานกลาง (Devolution of the CentralizedControl) -การยกเลิกกฎระเบียบหรือกติกาท่ีให้ส่วนราชการปฏิบตั ิตามบางส่วน(Deregulation) เพอื่ สามารถที่จะบริหารงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ -การปรับลดขนาดของระบบราชการลง (Downsizing)

3. เครื่องมอื ของแนวคดิ ประชารัฐ (Participatory State) หรือ Civil Society ไดแ้ ก่ -การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน (Public Hearing) -พรบ. ขอ้ มลู ข่าวสารฯ พศ.2540 -ความโปร่งใส (Transparency) -การกระจายอานาจ (Decentralization) 4. เครื่องมอื ของแนวความคดิ นักกฎหมายมหาชน(Public Law) ไดแ้ ก่ -หลกั นิติรัฐ (Rule of Law) เป็นการสร้างกฎหมายเพ่อื ต่อสู้กบั ชนช้นัปกครอง

กรอบการวิเคราะห์ทาง ขอบข่ายของ รัฐประศาสนศาสตร์ การศึกษา รัฐประศาสน- กระแสแนวคดิ หลกั ศาสตร์ 4 กระแส เคร่ืองมือของ กระแสแนวคดิ หลกั

จดั ทาโดยน.ส. ศรัญญา เจียงทิพากร ID : 4741643024 คณะรัฐศาสตร์ภาควชิ ารัฐประศาสนศาสตร์

ขอบเขตของการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์http://www.polsci.chula.ac.th/weerasak/data/Socskill/%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2.ppt