41ที่ใชจ้ ดั เก็บในคอมพิวเตอร์ คุณภาพเสียงที่ดีท่ีสุด ไดแ้ ก่ Audio-CD ท่ีเท่ากบั 44kHz ระบบ 16 บิทเป็นตน้ ฟอร์แมตในการจดั เก็บ (File Format) มีหลากหลายรูปแบบ โดยมีส่วนขยาย ( นามสกุล ) ที่เป็นมาตรฐานในการระบุ ดงั ตารางท่ี 1ตารางที่ 2.1 รูปแบบและฟอร์แมตในการจดั เกบ็ 5.5 การเช่ือมโยงหลายมิติ ส่วนสาคญั อยา่ งหน่ึงของการใชง้ านในรูปแบบส่ือประสมในลกั ษณะของส่ือหลายมิติ คือ ขอ้ มูลต่างๆ สามารถเช่ือมโยงกนั ไดอ้ ย่างรวดเร็วโดยใชจ้ ุดเชื่อมโยงหลายมิติ (hyperlink) การเช่ือมโยงน้ีจะสร้างการเชื่อมต่อระหวา่ งขอ้ มูลตวั อกั ษรภาพ และเสียงโดยการใชส้ ี ขอ้ ความขีดเส้นใต้ หรือสัญลกั ษณ์รูป ท่ีใช้แทนสัญลกั ษณ์ต่าง ๆ เช่น รูปลาโพง รูปฟิ ล์มฯลฯ เพื่อใหผ้ ใู้ ชค้ ลิกที่จุดเชื่อมโยงเหล่าน้นั ไปยงั ขอ้ มูลที่ตอ้ งการ 5.6 ข้อความ (Text) เป็ นส่วนที่เกี่ยวกบั เน้ือหาของมลั ติมีเดีย ใชแ้ สดงรายละเอียด หรือเน้ือหาของเร่ืองท่ีนาเสนอ ซ่ึงปัจจุบนั มีหลายรูปแบบ ไดแ้ ก่ 1) ข้อความทไ่ี ด้จากการพมิ พ์ เป็ นขอ้ ความปกติท่ีพบไดท้ ว่ั ไป ไดจ้ ากการพิมพด์ ว้ ยโปรแกรมประมวลผลงาน (Word Processor) เช่น Notepad, Text Editor, Microsoft Word โดยตวั อกั ษรแต่ละตวั เก็บในรหสั เช่น ASCII
42 2) ข้อความจากการสแกน เป็ นขอ้ ความในลกั ษณะภาพ หรือ Image ไดจ้ ากการนาเอกสารที่พิมพไ์ วแ้ ลว้ ( เอกสารตน้ ฉบบั ) มาทาการสแกน ดว้ ยเคร่ืองสแกนเนอร์ (Scanner) ซ่ึงจะไดผ้ ลออกมาเป็นภาพ (Image) 1 ภาพ ปัจจุบนั สามารถแปลงขอ้ ความภาพ เป็ นขอ้ ความปกติได้ โดยอาศยั โปรแกรม OCR 3) ข้อความอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เป็นขอ้ ความที่พฒั นาใหอ้ ยใู่ นรูปของสื่อ ท่ีใชป้ ระมวลผล 4) ข้อความไฮเปอร์เทก็ ซ์ (Hypertext) เป็นรูปแบบของขอ้ ความ ที่ไดร้ ับความนิยมสูงมาก ในปัจจุบนั โดยเฉพาะการเผยแพร่เอกสารในรูปของเอกสารเวบ็ เน่ืองจากสามารถใชเ้ ทคนิคการลิงค์ หรือเชื่อมขอ้ ความ ไปยงั ขอ้ ความ หรือจุดอื่นๆ ได้ เมื่อมีการนาขอ้ มูลต่าง ๆ มารวบรวมสร้างเป็ นแฟ้ มขอ้ มูลดว้ ยโปรแกรมสร้างสื่อประสมแลว้ การที่จะนาองค์ประกอบต่าง ๆ มาใช้งานไดน้ ้นั จาเป็ นตอ้ งใช้ส่วนต่อประสาน (interface)เพ่ือให้ผใู้ ช้สามารถใชง้ านโตต้ อบกบั ขอ้ มูลสารสนเทศเหล่าน้นั ได้ ส่วนต่อประสานท่ีปรากฏบนจอภาพจะมีมากมายหลายรูปแบบ อาทิเช่น รายการเลือกแบบผดุ ข้ึน (pop - up menus) แถบเล่ือน(scroll bars) และสัญลกั ษณ์รูปต่าง ๆ เป็นตน้6. เทคโนโลยสี ื่อประสม ไดก้ ล่าวไปแลว้ วา่ เทคโนโลยีสื่อประสม หมายถึงการใช้สื่อหลายแบบผสมกนั ซ่ึงมีท้งั ที่เป็ นขอ้ ความ ตวั หนงั สือ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงพูด เสียงดนตรี และวดี ิทศั น์ การใชง้ านส่ือประสมกาลงั ไดร้ ับความนิยมมาก มีการพฒั นาและประยกุ ตอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง โดยเฉพาะเมื่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีเชื่อมโยงกนั ได้ทวั่ โลก การส่งกระจายขอ้ มูลบนเครือข่ายจึงหันมานิยมแบบส่ือประสม ซ่ึงพฒั นามาจากระบบขอ้ มูลท่ีเป็ นตวั อกั ษรมาก่อน ต่อมาจึงพฒั นาเป็ นรูปภาพ เสียง จนถึงวีดิทศั น์ คอมพิวเตอร์ที่ใช้กบั ส่ือประสมจึงตอ้ งการหน่วยประมวลผลกลางท่ีมีประสิทธิภาพสูงทางานได้เร็ว ส่ือประสมจึงเหมาะกบั หน่วยประมวลผลกลางรุ่นใหม่ ๆ และตอ้ งการซอฟแวร์ที่ไดร้ ับการพฒั นามาใหใ้ ชก้ บั ระบบน้ีเทา่ น้นั ในอนาคตสื่อประสมเขา้ มามีบทบาทสูงมา เพราะเป็ นหนทางท่ีจะทาให้ผใู้ ช้คอมพิวเตอร์ใชง้ านไดง้ ่าย ระบบส่ือประสมน้ีจะเขา้ มามีบทบาททาใหเ้ กิดการใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวาง เช่น ใชท้ าเป็นหนงั สือบนแผน่ ซีดี ใชส้ ร้างเกมท่ีมีลกั ษณะเหมือนจริงมากข้ึน ใชใ้ นการสื่อสารท่ีนาส่ือทุกชนิดไปดว้ ยกนั เกิดระบบการประชุมท่ีเรียกวา่ การประชุมทางวีดิทศั น์ (Video conference) ท่ีทาให้สามารถติดตอ่ ประชุมกนั เหมือนอยใู่ กล้ ๆ กนั การใชง้ านในเรื่องต่าง ๆ จะมีอีกมากมาย เทคโนโลยีส่ือประสมโดยหลกั ๆ แลว้ จะมีองคป์ ระกอบ ดงั น้ี
43 1) เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็ นเครื่องมือท่ีทาให้เราได้เห็น ได้ยิน สามารถโต้ตอบแบบปฏิสัมพนั ธ์ได้ 2) การเชื่อมโยงส่ือสาร ทาใหข้ อ้ มูลต่าง ๆ เช่ือมโยงถึงกนั และนาเสนอได้ 3) ซอฟตแ์ วร์ สามารถช่วยใหเ้ ราใชข้ อ้ มลู จากสื่อหลายชนิดร่วมกนั ได้ 4) การใชง้ านแบบสื่อประสม โดยใชข้ อ้ มลู ขา่ วสาในรูปแบบส่ือประสมท่ีผใู้ ชส้ ร้างข้ึน สาหรับเครื่องคอมพวิ เตอร์น้นั ถา้ เป็ นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือสถานีงาน (workstation)จะตอ้ งมีศกั ยภาพในด้านของเสียงและวีดิทศั น์ เช่น จอภาพตอ้ งสามารถแสดงขอ้ ความ กราฟิ กภาพเคล่ือนไหว และวีดิทศั น์ รวมถึงภาพท่ีมีความละเอียดสูงได้ ลาโพงเสียงท่ีมีศกั ยภาพในการเปล่งเสียงพูด และเสียงดนตรี ไมโครโฟนชนิดพลวตั (Dynamic หรือคอนเดนเซอร์ (Condenser)และซีดีรอม (CD-ROM ยอ่ มาจากคาวา่ Compact disk read only memory) หรือจานแสง (Opticaldisk) ชนิดอื่น ๆ เป็ นตน้ ส่วนวิธีการต่าง ๆ ในการโตต้ อบกบั ระบบอาจมีหลายวิธี เช่น วิธีการโตต้ อบโดยใชแ้ ผงแป้ นอกั ขระ เมาส์ กา้ นควบคุม (Joystick) หรือจอสัมผสั (Touch screen) เป็ นตน้เทคโนโลยที ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั สื่อประสม มีหลายประการ มีรายละเอียด ดงั ตอ่ ไปน้ี 6.1 เทคโนโลยขี องสื่อประสมโดยรวม ส่ือประสม ประกอบดว้ ยขอ้ ความ รูปภาพ ภาพเคล่ือนไหว เสียง และวีดิทศั น์ ดทคโนโลยีส่ือประสมจึงตอ้ งประกอบดว้ ยเทคโนโลยขี องส่ิงดงั กล่าว อนั ไดแ้ ก่ เทคโนโลยีขอ้ ความ ซ่ึงเก่ียวกบัขอ้ ความหรือตวั อกั ษร ท้งั การใช้และลกั ษณะรูปแบบของขอ้ ความแบบต่าง ๆ เทคโนโลยีรูปภาพเป็ นการพฒั นาและประยุกต์ใช้ภาพ การจดั การรูปแบบภาพ คลงั ภาพ การค้นหา การสร้างและตกแต่งภาพ เทคโนโลยีภาพเคลื่อนไหวและภาพสามมิติเป็ นเทคโนโลยีเก่ียวกบั การแสดงผลดา้ นภาพเคล่ือนไหว ท้งั แบบ 2 มิติ และ 3 มิติ การสร้างภาพเสมือนจริง การสร้าง ตกแต่ง ประมวลผลและการใชง้ านภาพเคลื่อนไหว เทคโนโลยเี ก่ียวกบั เสียงซ่ึงรวมท้งั เสียงพดู และเสียงดนตรี ต้งั แต่การประมวนผล การแสดงผล การจัดการต่าง ๆ เช่น การบีบอัดสัญญาณ การสื่ อสาร การส่งสัญญาณเสียง เป็ นตน้ และเทคโนโลยีเก่ียวกบั วีดิทศั น์ อนั ไดแ้ ก่ การจดั เก็บ การประมวนผล การปรับแต่ การใช้งาน การเรียกหา สืบคน้ การส่งกระจาย มาตรฐานการบีบอดั สัญญาณ การเขา้ และถอดรหสั การส่งขอ้ มลู และการทางานร่วมกบั ส่ืออ่ืน ๆ เป็นตน้ 6.2 เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ การทางานของคอมพิวเตอร์ดา้ น่ือประสมเป็ นการทางานที่เก่ียจวขอ้ งกบั ขอ้ มูลในปริมาณมหาศาล กระบวนการยอ่ และขยายขนาดขอ้ มูลจะตอ้ งเป็ นอยา่ งรวดเร็วมากพอท่ีจะทาใหก้ ารติดต่อส่งขอ้ มูลระหว่างหน่วยความมจาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่เกิดการหยุดชะงกั หรือล่าช้า เพราะถา้ เกิดเหตุการณ์เช่นน้ีจะทาใหก้ ารแสดงผลท้งั ภาพและเสียงผดิ พลาดไปจากท่ีเกิดจริง ในขณะเดียวกนั การ
44ใช้ซีดีรอมจะมีความเร็วช้ากว่าจานบันทึกแบบแข็งมาก จึงมีปัญหาในการส่งข้อมูลให้กับหน่วยความจาที่ไม่เร็วพอ การใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทางานดว้ ยความเร็วสูงจึงมคคามจาเป็ นอยา่ งมาก การพฒั นาเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ไมโครเซสเซอร์รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง จึงมีบทบาทสาคญั ที่จะทาใหก้ ารพฒั นาระบบส่ือประสมประสบความสาเร็จ 6.3 เทคโนโลยจี อภาพ จอภาพท่ีเป็ นสีจอแรกท่ีใชก้ บั เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เรียกวา่ จอซีจีเอ (CGA ยอ่ มาจากคาว่าcolor graphics adapter) น้นั ให้ความละเอียดในการแสดงผลเพียง 320x200 จุดภาพ (pixel) และต่อมาไดพ้ ฒั นาเป็ นจอวีจีเอ (VGA ยอ่ มาจากคาวา่ video graphics array) ในปัจจุบนั การพฒั นาเป็ นจอเอสวีจีเอ (SVGA ยอ่ มากจากคาวา่ super VGA) สามารถทาให้ไดค้ วามละเอียดของภาพไดถ้ ึง1,204x768 จุดภาพ และให้สีไดถ้ ึง 16.7 ลา้ นสี ระบบส่ือประสมจะย่ิงเร้าความสนใจมากข้ึนเป็ นทวคี ูณถา้ เทคโนโลยจี อภาพคอมพิวเตอร์สามารถสร้างภาพไดค้ มชดั มากข้ึนและเป็นสีธรรมชาติมากข้ึน และหากเทคโนโลยจี อภาพของโทรทศั น์ความชดั สูงหรือเอชดีทีวี (HDTV ยอ่ มาจากคาวา่ highdefinition television) พฒั นาไดส้ มบูรณ์ถึงระดบั และมีการพฒั นาเป็ นจอมอนิเตอร์ (Monitor) ของระบบคอมพวิ เตอร์ ระบบสื่อประสมจะยงิ่ น่าสนใจมากข้ึน นอกเหนือจากเทคโนโลยีจอภาพอื่นๆ ที่ไดพ้ ฒั นาในปัจจุบนั เช่น จอสัมผสั เป็นตน้ 6.4 เทคโนโลยอี ุปกรณ์ป้ อนข้อมูล การติดต่อกบั คอมพิวเตอร์กบั ผใู้ ชเ้ ดิมทาไดโ้ ดยการป้ อนคาส่ังผา่ นแผนแป้ นอกั ขระ ซ่ึงเป็ นอุปกรณ์มาตรฐานเพียงอย่างเดียว ปัจจุบนั การพนั าเมาส์หรือจอสัมผสั ทาให้การติดต่อกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์เป็นไปอยา่ งสะดวกและง่ายข้ึน 6.5 เทคโนโลยซี อฟต์แวร์ ส่ิงที่ทาใหโ้ ลกของคอมพิวเตอร์ดา้ นสื่อประสมเป็ นจริงข้ึนมาส่วนหน่ึงคือ การพฒั นาของซอฟท์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีการใช้งานได้ง่ายข้ึน และประการสาคญั ท่ีสุดก็คือความเหมาะสมกบั เนื่อหาหรือขอ้ มูลที่จะนาเสนอ อีกท้งั ยงั จะตอ้ งมีความอ่อนตวั ในการประยุกตเ์ ขา้ กบัส่วนอื่น ๆ ของระบบ ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตได้มีการต่ืนตัวอย่างสูงในการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์สาหรับการสร้างสรรคง์ านสื่อประสม เน่ืองจากผูท้ ี่เกี่ยวขอ้ งไดเ้ ล็งเห็นถึงความเป็ นธรรมชาติในการสื่อความหมายของระบบส่ือประสมและแนวโนม้ ของการท่ีจะพฒั นาต่อไป 6.6 เทคโนโลยใี นการบนั ทกึ ข้อมูล
45 การทางานของสื่อประสมประกอบไปดว้ ยภาพและเสียง การบนั ทึกภาพไวใ้ นคอมพิวเตอร์เป็ นส่ิงท่ีสิ้นเปลืองหน่วยความจาเป็ นอย่างมาก ตวั อย่างเช่น ถา้ ตอ้ งการเก็บภาพขนาด 720x485จุดภาพ ดว้ ยความละเอียดของภาพเป็ น 22 บิตต่อจุดภาพ หมายความว่าการเก็บภาพเดียวไวจ้ ะตอ้ งใชเ้ น้ือท่ีของจานบนั ทึกแบบแขง็ (hard disk) ถึง 960,300 ไบต์ (byte) แต่ถา้ จะเก็บภาพเคลื่อนไหวซ่ึงประกอบดว้ ยภาพเป็ นกรอบ (frame) อาจเป็ น 30 กรอบต่อวินาที หมายถึง การเก็บภาพวีดิทศั น์เพียงหน่ึงวินาทีลงในจานบนั ทึกแบบแข็งก็ตอ้ งใชเ้ น้ือที่จานบนั ทึกแบบแข็งมากกวา่ 30 เมกะไบต์ส่วนการบนั ทึกเสียงลงบนจานบนั ทึกแบบแข็งจ้นั จะใช้เน้ือที่น้อยกว่า เช่น การบนั ทึกในระบบสเตอริโอในเวลาหน่ึงวนิ าทีใชเ้ น้ือท่ีจานบนั ทึกเพยี ง 44 กิโลไบต์ แต่ในการทางานจริง ผสู้ ร้างไม่ได้บนั ทึกภาพหรือเสียงเพียงหน่ึงวนิ าที ดงั น้นั ความจุของสื่อเก็บขอ้ มูลจึงเนขอ้ จากดั ในการพฒั นาสื่อประสม เพราะตอ้ งการส่ือท่ีมีคุณภาพสูง แต่ราคายอ่ มสูงตามไปดย้ การแก้ปัญหาของหน่วยเก็บขอ้ มูลที่ตอ้ งมีขนาดใหญ่และราคาถูกน้นั ไดแ้ กไ้ ขดว้ ยการนาเอาเทคโนโลยีการบนั ทึกขอ้ มูลดว้ ยแสงเข้ามาใช้ น่ันคือพฒั นาแผ่นซีดีรอม (ซ่ึงกาลังมีบทบาทอย่างมากในระบบส่ือประสมในปัจจุบนั ) ใหม้ ีประสิทธิภาพสูงข้ึน 6.7 เทคโนโลยกี ารย่อหรือบีบอดั ข้อมูล การย่อขอ้ มูลท่ีมีประสิทธิภาพจะเป็ นปัจจยั สาคญั อย่างหน่ึงในการทางานของระบบส่ือประสม เพราะถา้ เก็บภาพจากจอที่มีความละเอียด 1,024x768 จุดาพ โดยไม่มีการยอ่ ขนาดขอ้ มูลแลว้ จะใชเ้ นอ้ ท่ีจานบนั ทึกแบบแขง็ มากกวา่ 1 เมกะไบต์ ถา้ เป็ นการเก็บในลกั ษณะเป็ นวดี ิทศั น์ในหน่ึงวนิ าทีที่มีความเร็ว 30 กรอบ อาจใชเ้ น้ือที่มากกวา่ 80 เมกะไบต์ ดงั น้นั การยอ่ ขนาดแฟ้ มขอ้ มูลจึงมีความจาเป็ นมากที่จะตอ้ งมีการลดขนาดของขอ้ มูลให้ลดลงมากที่สุด โดยยงั คงความสมบูรณ์ถูกตอ้ งของเน้ือหาไว้ ในระบบคอมพวิ เตอร์เครือข่ายการใชส้ ื่อประสมอาจไม่มีปัญหา เกี่ยกบั ความจุของหน่วยเก็บข้อมูล เพราะในระบบน้ีอาจมีหน่วยเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ แต่ส่ิงที่ต้องคานึงคือความสามารถของระบบในการที่จะขนส่งขอ้ มูลผ่านระบบสายเคเบิล เช่น ระบบสายเคเบิลที่เป็ นสายโคแอกซ์ (coaxial cable) ถา้ ตอ้ งการขนส่งขอ้ มูล 80 เมกะไบต์ อาจตอ้ งใชเ้ วลาหลายนาที ดงั น้นัถ้าเทคโนโลยีการลดขนาดข้อมูลมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็ นการส่ือสารของส่ือประสมกับคอมพิวเตอร์ระบบใดๆ กจ็ ะมีประสิทธภาพตามไปดว้ ย ส่ิงท่ีสาคญั ท่ีตอ้ งคานึงถึงก็คือมาตรฐานของเทคโนโลยีการบีบอดั ขอ้ มูล อาทิเช่น วิธีการบีบอดั ขอ้ มูลวดี ิทศั น์เป็ นเอ็มเพก็ (MPEG ยอ่ มาจากคาวา่ motion picture experts group) การบีบอดัขอ้ มูลเสียงเป็ นมิติ (MIDI ยอ่ มาจากคาวา่ musical instrument digital interface) และการบีบอดั เสียงพูดดว้ ยเอดีพีซีเอ็ม (ADPCM ย่อมาจากคาวา่ adaptive differential pulse code modulation) หรือแมแ้ ต่รูปภาพก็บีบอดั เป็ นจิฟ (GIF ยอ่ มาจากคาวา่ graphics interlace file) หรือเจเพก็ (JPEG ยอ่ มา
46จากคาวา่ joint photographic experts group) เป็ นตน้ การบีบอดั ทาให้รับส่งขอ้ มูลไดเ้ ร็วข้ึน และยงัใชจ้ านบนั ทึกแบบแขง็ ขนาดความจุลดลง (สานกั บริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์,2544) 6.8 เทคโนโลยรี ะบบคอมพวิ เตอร์เครือข่าย ส่ิงท่ีระบบคอมพิวเตอร์ดา้ นสื่อประสมเขา้ ไปมีบทบาทร่วมกบั ระบบคอมพิวเตอร์เครือข่ายได้แก่การติดต่อส่ือสารหรือการส่งไปรษณียอ์ ิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล (e-mail ย่อมากจากคาว่าelectronic mail) ซ่ึงเดิมเป็นการติดต่อสื่อสารในระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ทาไดท้ ้งั ที่เป็ นภาพและเสียง การใช้งานระบบส่ือประสมจะเขา้ หามวลชนมากข้ึน ถ้าเทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์พฒั นาถึงระดบั เนื่องจากสามารถกระจายไดห้ ลายๆ จุดในเวลาเดียวกนั 6.9 เทคโนโลยกี ารนาเสนอ คือ เทคโนโลยีท่ีได้พฒั นาเพื่อสร้างเคร่ืองมือสาหรับงานพฒั นาสื่อประสมในรูปของซอฟต์แวร์ ช่วยในการนาขอ้ มูลหรือเน้ือหาเข้าไปเก็บตามส่ือรูปแบบต่าง ๆ ที่กาหนดไว้ เพ่ือนาเสนอ เช่น การใชเ้ คร่ืองมือต่าง ๆ หรือการสร้างเคร่ืองมือใหม่ๆ ท้งั น้ี เน่ืองจากขอ้ มูลที่นาเสนอและวิธีการเป็ นสิ่งที่สาคญั ในระดบั ตน้ ๆ ที่จะทาให้ระบบสื่อประสมสมบูรณ์ยิ่งข้ึนเพราะถึงแมว้ า่คอมพิเตอร์ด้านสื่อประสมจะพฒั นาเทคโนโลยีทุกๆ ดา้ นก็ตาม แต่ถา้ ขาดขอ้ มูลนาเสนอที่ดี หรือวธิ ีการนาเสนอท่ีไมส่ อดคลอ้ งกบั กลุ่มเป้ าหมาย ตลอดจนไม่ไดพ้ ิจารณาถึงการใชเ้ ทคโนโลยกี ารส่ือความหมายที่ดีแล้ว ระบบสื่อประสมที่ได้พฒั นาน้ันก็จะไม่บรรลุวตั ถุประสงคืที่ได้ต้ังไว้ ผู้สร้างสรรคร์ ะบบส่ือประสมจึงควรจะตอ้ งพจิ ารณาเทคโนโลยดี า้ นน้ีดว้ ยประการแรก นอกจากเทคโนโลยตี ่าง ๆ ท่ีไดก้ ล่าวมาแล่ว ยงั มีเทคโนโลยที ่ีเกี่ยวขอ้ งอีกหลายอยา่ ง ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั การนาส่ือประสมไปใชง้ าน ยกตวั อยา่ งเช่น เทคโนโลยเี ก่ียวกบั ระบบการศึกษาเป็นการศึกษาเพือ่ นาเอาเทคโนโลยสี ่ือประสมมาประยกุ ตใ์ ชก้ บั ระบบการศึกษาในรูปของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือคอมพวิ เตอร์ช่วยฝึกอบรม ตลอดจนงานประชาสมั พนั ธ์ โฆษณา หรือสร้างภาพยนตร์เทคโนโลยกี ารผลิตเป็นการนาเอาส่ือประสมมาใชด้ า้ นงานพมิ พ์ เพ่ือเพมิ่ ชีวติ ชีวาใหก้ บั งานพมิ พ์ มีรูปแบบท่ีโดดเด่น และนาเสนอหรือพิมพล์ งสื่อไดห้ ลายรูปแบบ เทคโนโลยกี ารกระจายซ่ึงเก่ียวขอ้ งกบั การเผยแพร่ขอ้ มลู เผยแพร่สญั ญาณ เทคโนโลยคี ลงั ขอ้ มูลซ่ึงเก่ียวกบั การจดั เก็บขอ้ มูลปริมาณมาก ๆ และการเรียกคน้ ภายหลงั เป็นตน้7. การประยกุ ต์ใช้สื่อประสม
47 ปัจจุบัน ได้มีการนามาใช้ในหลายสาขาวิชาชีพ ท้ังในด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ดา้ นการแพทย์ ดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพ่ืออานวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การทางาน การศึกษาหาความรู้ ทาให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมปัจจุบนั ดีข้ึนนอกจากน้ีหน่วยงานราชการต่างๆ ก็นาเทคโนโลยสี ารสนเทศและ ระบบคอมพิวเตอร์ เขา้ มาอานวยความสะดวกให้กบั ประชาชน ในการติดต่อประสานงานกบั ทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางดา้ นการโรงแรม และการท่องเท่ียว ก็ให้บริการขอ้ มูลข่าวสาร และบริการลูกคา้ ผา่ นทางระบบอินเทอร์เน็ต ทาได้อย่างสะดวกรวดเร็วทนั เหตุการณ์ มีการนาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาใชใ้ นหน่วยงานต่าง ๆ เกือบทุกวงการ ท้งั ภาครัฐและเอกชนไม่วา่ จะอยใู่ นรูปของบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม ฉะน้นั จึงจาเป็ นอยา่ งย่ิงท่ีจะตอ้ งมีการศึกษาทางดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหน่วยงานดา้ นการศึกษาก็มีความตื่นตวั และเปิ ดทาการเรียนการสอนในหลกั สูตรดงั กล่าว ท้งั ในระดบั อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และเป็ นสาขาวิชาท่ีมีนกั ศึกษา ใหค้ วามสนใจ กนัมากเนื่องจากยงั มีตลาดแรงงานรองรับมากนนั่ เอง 7.1 ส่ือประสมในการศึกษา การใชส้ ื่อประสมในการศึกษาจะช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งมาก โดยใชใ้ นลกั ษณะของการสอนใชค้ อมพิวเตอร์ (CAI)รูปแบบตา่ ง ๆ เช่น สถานการณ์ลาลอง เกม การทบทวน ฯลฯ ซ่ึงในปัจจุบนั มีผผู้ ลิตบทเรียนลงแผน่ซีดีออกจาหน่ายมากมายหรือผสู้ อนจะจดั ทาบทเรียนเองไดโ้ ดยใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตต์ ่าง ๆ ช่วยในการจดั ทา ตวั อยา่ ง เช่น วงการแพทยส์ ามารถใชส้ ถานการณ์จาลองของการผา่ ตดั โดยใชส้ ื่อประสมเพ่ือให้ผเู้ รียนทาการผ่าตดั กบั คนไขเ้ สมือนจริง หรือดา้ นวิศวกรรมศาสตร์ใชส้ ื่อประสมของการออกแบบวงจรไฟฟ้ า เพื่อให้ผูเ้ รียนฝึ กการออกแบบ ทดสอบ และใช้วงจรน้นั ได้ หรือแมแ้ ต่เด็กนกั เรียนในโรงเรียนประถมศึกษาก็สามารถใช้สื่อประสมในการเสนอเรียงความแก่ครูผูส้ อนและเพ่ือนร่วมในช้นั ไดเ้ ช่นกนั การใชส้ ่ือประสมในการศึกษาจะมีประโยชน์มากมายหลายดา้ น เช่น 1) ดึงดูดความสนใจ บทเรียนส่ือประสมในลกั ษณะสื่อหลายมิติที่ประกอบด้วยภาพกราฟิ ก ภาพเคล่ือนไหวแบบวดี ิทศั น์ และเสียง นอกเหนือไปจากเน้ือหาตวั อกั ษร จะดึงดูดความสนใจของผูเ้ รี ยนได้เป็ นอย่างดี และช่วยในการสื่อสารระหว่างผูส้ อนและผู้เรี ยนด้วย 2) การสืบค้นเช่ือมโยงฉับไว ดว้ ยสมรรถนะของการเชื่อมโยงหลายมิติทาให้ผเู้ รียนสามารถเรียนรู้ในส่ิงต่าง ๆ ไดก้ วา้ งขวางและหลากหลายไดอ้ ย่างรวดเร็วโดยไม่จาเป็ นเรียนไปตามลาดบั เน้ือหา 3) การโต้ตอบระหว่างส่ือและผู้เรียน บทเรียนส่ือประสมจะมีจุดเชื่อมโยงหลายมิติเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนและสื่อมีปฏิสัมพนั ธ์กนั ไดใ้ นลกั ษณะสื่อประสมเชิงโตต้ อบ
48 4) ให้สารสนเทศหลากหลาย ดว้ ยการใชซ้ ีดีและดีวดี ีในการให้ขอ้ มูลและสารสนเทศใ น ป ริ ม า ณ ท่ี ม า ก ม า ย แ ล ะ ห ล า ก ห ล า ย รู ป แ บ บ เ ก่ี ย ว กับ เ น้ื อ ห า บ ท เ รี ย น ที่ ส อ น 5) ทดสอบความเข้าใจ ผเู้ รียนบางคนอาจจะไม่กลา้ ถามขอ้ สงสัยหรือตอบคาถามในหอ้ งเรียน การใชส้ ่ือประสมจะช่วยแกป้ ัญหาในส่ิงน้ีไดโ้ ดยการใชใ้ นลกั ษณะการศึกษารายบุคคล 6) สนับสนุนความคิดรวบยอด ส่ือประสมสามารถแสดงสารสนเทศเพื่อสนบั สนุนความคิดรวบยอดของผเู้ รียน โดยการเสนอสิ่งที่ใหต้ รวจสอบยอ้ นหลงั และแกไ้ ขจุดอ่อนในการเรียนในการจดั การเรียนการสอนสามารถใช้สื่อประสมเพ่ือการศึกษาได้ในลกั ษณะต่าง ๆ อาทิเช่น 6.1) การปรับเข้าหาผู้เรียน ถึงแมว้ า่ การใชค้ อมพิวเตอร์ในลกั ษณะส่ือประสมจะเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ในการศึกษามากมายเพยี งใดก็ตาม แต่เป็นสิ่งท่ีแน่นอนวา่ คอมพิวเตอร์จะไม่มีวนั แทนห้องเรียนได้ ท้งั น้ีเนื่องจากการเรียนในห้องเรียนน้นั เป็ นการเรียนท่ีผูเ้ รียนจะตอ้ งปฏิสัมพนั ธ์โตต้ อบกบั บุคคลอื่น ๆ อีกมากมายซ่ึงการเรียนดว้ ยคอมพิวเตอร์ไม่มีวนั จะทาเช่นน้นั ได้อยา่ งไรก็ตาม การใช้คอมพิวเตอร์ในการศึกษาจะเป็ นการเพ่ิมประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการเรียนในหอ้ งเรียนปกติไดเ้ ป็นอยา่ งมาก คอมพิวเตอร์เป็ นเสมือนครูผูส้ อนตวั ต่อตวั ให้แก่ผเู้ รียนแต่ละคน โดยไม่มีการจากดั วา่ผเู้ รียนน้นั จะตอ้ งกระทาในสิ่งท่ีเหมือนกนั ในเวลาเดียวกนั หรือดว้ ยความเร็วที่เท่า ๆ กนั กบั ผเู้ รียนคนอ่ืนๆ ตวั อยา่ งเช่น ดว้ ยการใช้บทเรียนการสอนใชค้ อมพิวเตอร์ช่วย บุญญาภรณ์สามารถเรียนคณิตศาสตร์เรื่องน้ีให้เขา้ ใจไดใ้ นเวลาเพียง 15 นาที ในขณะท่ีเพ่ือนร่วมห้องคนอ่ืนตอ้ งใชเ้ วลาถึง40 นาที ดงั น้นั เธอจึงสามารถเรียนไดถ้ ึง 2 เรื่องและยงั มีเวลาเหลือเพื่อทาอยา่ งอ่ืนไดอ้ ีก นอกจากน้ีถา้ เธอมีความรู้สึกไม่อยา่ งเรียนคณิตศาสตร์ในวนั พุธ เธอจะสามารถเรียนในวนั อ่ืนท่ีตอ้ งการไดใ้ นขณะท่ีใช้เวลาในวนั พุธน้นั ในการเรียนสังคมศาสตร์หรือวิชาอ่ืนท่ีเธอตอ้ งการ ดว้ ยการให้ผเู้ รียนสามารถควบคุมการเรียนการของตนเองน้ี จะทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้สึกมีส่วนร่วมในการเรียนมากกวา่ ปกติจะทาใหร้ ะดบั การเรียนอยใู่ นเกณฑท์ ่ีดีข้ึน 6.2) การสอนและทบทวน สื่อประสมเพื่อการสอนและทบทวนจะมีดว้ ยกนั หลายรูปแบบ เช่น การฝึ กสะกดคา การคิดคานวณ และการเรียนภาษา ผเู้ รียนจะมีโอกาสเรียนรู้จาการสอนในเน้ือหาและฝึ กปฏิบตั ิเพื่อทบทวนไปดว้ ยในตวั จนกว่าจะเรียนเน้ือหาในแต่ละตอนไดเ้ ป็ นอยา่ งดีแลว้ จึงเร่ิมในบทใหม่ตามหลกั ของการสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ดงั ตวั อย่างของการเรียนภาษาสเปนสาหรับนกั ทอ่ งเท่ียวชาวต่างประเทศเพ่ือให้สามารถสื่อสารกบั ผทู้ ่ีพดู ภาษาสเปนได้ การเรียนการสอนจะเร่ิมจากการเรียนคาศพั ท์แต่ละคาโดยมีภาพวีดิทศั น์ของเจา้ ของภาษาพูดให้ฟังเพ่ือให้ผเู้ รียนพูดตาม การฝึ กพูดน้ีสามารถบนั ทึกเสียงไวไ้ ดเ้ พื่อให้ผเู้ รียนฟังเสียงที่ตนพูดน้นั ว่าถูกตอ้ งหรือไม่ เม่ือฝึ กพูดแลว้ จะเป็ นการฝึ กทกั ษะการฟังจากการพดู เป็ นประโยคและฝึ กทบทวน
49โดยการทาแบบฝึ กหดั ที่ให้มา นอกจากการฝึ กพดู และฟังแลว้ ยงั มีการฝึ กทกั ษะดา้ นการส่ือสารโดยการใชภ้ าพและการบนั ทึกเสียง การฝึ กจบั คู่คาใหต้ รงกบั เสียง และการเล่นเกม บทเรียนจะแบ่งเป็ นบทต่าง ๆ เช่น การแลกเงิน การเรียกรถรับจา้ ง การซ้ือของ ฯลฯ บทเรียนน้ีจะมีภาพเคล่ือนไหวแบบวดี ิทศั น์ใหช้ มประกอบดว้ ย 7) สารสนเทศอ้างองิ สื่อประสมที่ใชส้ าหรับสารสนเทศอา้ งอิงเพอื่ การศึกษามกั จะบรรจุอยใู่ นแผน่ ซีดีรอม เนื่องจากสามารถบรรจุขอ้ มูลไดเ้ ป็นจานวนมาก โดยจะเป็ นลกั ษณะเน้ือหานานาประเภท อาทิ เช่น สารานุกรม พจนานุกรม แผนที่โลก ปฏิทินประจาปี สาระทางการแพทย์ประวตั ิศาสตร์ ฯลฯ ดงั ตวั อยา่ งของ TIME : Man of the Year ซ่ึงเป็นการสอนประวตั ิศาสตร์และเร่ืองราวของบุคคลสาคญั ที่เคยลงเป็นหนา้ ปกนิตยสาร TIME ต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั ในรูปแบบของภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว ขอ้ ความตวั อกั ษร และเสียง 2. สื่อประสมด้านการฝึ กอบรม ( Training ) ไดน้ าส่ือประสมมาช่วยในการฝึกอบรมสาหรับพนกั งานในองคก์ ร ไมเ่ พียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานแลว้ ยงั ช่วยเพ่ิมประสิทธิผลในการประหยดั ค่าใชจ้ ่าย ที่จะตอ้ งวา่ จา้ งวทิ ยากร ค่าสถานท่ีฝึกอบรม คา่ การเดินทางท่ีจะตอ้ งเขา้ มาฝึกอบรมท่ีส่วนกลาง รวมไปถึงการประหยดั เวลาการเดินทางและอานวยความสะดวกในการจดั ตารางเวลาของพนกั งานอีกดว้ ยภาพที่ 2.3 การใชส้ ื่อประสมในการฝึกอบรมอิเลก็ ทรอนิกส์ของศนู ยค์ วบคุมจราจรท่ีมา : (สมเกียรติ วฒั นากุล , 2555) 3. ส่ือประสมด้านความ ไดน้ าสื่อประสมมาใชใ้ นการสร้างความบนั เทิงท้งั ในครัวเรือน ไม่วา่ จะเป็นเรื่องของการดูหนงั ฟังเพลง เล่มเกม ฯลฯ รวมไปถึงความบนั เทิงในเชิงธุรกิจที่มุง่ หวงั ที่จะนาเสนอเป็นสินคา้ และบริการ เช่น เคเบิลทีวี การใหเ้ ช่าซีดีภาพยนตร์หรือเพลง ฯลฯ
50ภาพยนตร์ เพลง เกมส์ภาพที่ 2.4 ส่ือประสมกบั ความบนั เทิงภายในบา้ นท่ีมา : (สมเกียรติ วฒั นากลุ , 2555) 4. สื่อประสมด้านธุรกจิ ไดน้ าส่ือประสมมาใชเ้ พื่ออานวยความสะดวก ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายและเวลา เช่น การนาเสนองานต่อท่ีประชุม การประชุมทางไกล 5. ส่ือประสมด้านการประชาสัมพนั ธ์ ไดน้ าส่ือประสมไปใชเ้ พื่อสร้างสีสนั ความสนใจใหแ้ ก่สินคา้ และบริการ รวมท้งั เพอื่ นาเสนอสินคา้ และบริการต่อลูกคา้ หรือผเู้ ยย่ี มชมในจานวนคราวละมากๆภาพท่ี 2.5 การประชาสัมพนั ธ์ขอ้ มลู ข่าวสารในรูปแบบส่ือประสมผา่ นเวบ็ที่มา : (จนั ทนา ทองน่ิม , 2555) 6. สื่อประสมด้านความเป็ นจริงเสมือน ไดน้ าสื่อประสมมาใชเ้ พ่ือจาลองสถานการณ์จริงท่ีเกิดข้ึน เพื่อยกระดบั การเรียนรู้หรือฝึ กอบรมไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผลมากยิง่ ข้ึน ไม่วา่ สถานการณ์ท่ีจะตอ้ งเผชิญน้นั จะเป็นส่ิงอนั ตรายและอยากแก่การรับรู้ เช่น แพทยฝ์ ึกหดั การผา่ ตดั สมองของคนไข้
51การดบั เพลิง การฝึ กหดั บินกบั เครื่องบินจาลอง หรือแมแ้ ต่การสร้างเอฟ็ เฟ็กซ์พิเศษท่ีสมจริงให้กบัภาพยนตร์ เพอื่ เพม่ิ ความต่ืนเตน้ และเร้าใจใหก้ บั ผชู้ มมากยงิ่ ข้ึนภาพท่ี 2.6 ความเป็นจริงเสมือนกบั การประยกุ ตด์ า้ นตา่ งๆท่ีมา : (สมเกียรติ บุญรัตน์ , 2555)ภาพที่ 2.7 ความเป็นจริงเสมือน เม่ือมองดว้ ยแวน่ ตาผลึกเหลวสามมิติที่มา : (โสภา วรรัตน์เมธี , 2555)ภาพที่ 2.8 การจาลองความเป็ นจริงเสมือนศึกษาการทางานของอวยั วะในร่างกายที่มา : (สุคนธา มณีจนั ทร์ , 2555) 7. สื่อประสมด้านโมบายเทคโนโลยี ไดน้ าสื่อประสมมาใชง้ านเพอื่ อานวยความสะดวกผา่ นทางการติดต่อส่ือสารชนิดไร้สาย (wireless communication) ไม่เพยี งแตจ่ ะนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ น
52ชีวติ ประจาวนั เช่น การสง่ั ซ้ือสินคา้ การชาระเงินคา่ บริการ การพดู คุยกบั เพื่อน ฯลฯ หรือแมแ้ ต่ในเชิงธุรกิจ เช่น โมบายคอมเมิร์ซ และโมบายแบงคก์ ิ้ง (m-banking) ผลพวงจากความกา้ วหนา้ ดา้ นโมบายเทคโนโลยแี ละสื่อประสม ทาใหไ้ ดเ้ ล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ท่ีจะนามาประยกุ ตใ์ ชง้ านในดา้ นต่างๆ เช่น 7.1 โมบายบิลล่ิง (m-billing) ไดแ้ ก่ การแจง้ คา่ บริการ การนาเสนอ การชาระเงิน 7.2 โมบายแคร์ (m-care) ไดแ้ ก่ บริการลูกคา้ สัมพนั ธ์ ดูแลสุขภาพ ฯลฯ 7.3 โมบายเอนเตอร์เทนเมนท์ (m-entertainment) ไดแ้ ก่ เกมส์ เพลง วดิ ีโอ ฯลฯ 7.4 โมบายแมสเสจจิ้ง (m-messaging) ไดแ้ ก่ การติดต่อสื่อสาร การทางานร่วมกนั 7.5 โมบายคอมเมิร์ซ (m-commerce) ไดแ้ ก่ การซ้ือขายสินคา้ และ การจองตวั๋ ฯลฯ 7.6 โมบายแบงคก์ ิ้ง (m-banking) ไดแ้ ก่ การโอนเงิน การชาระเงิน ฯลฯภาพท่ี 2.9 แบบจาลองโมบายคอมเมิร์ชท่ีมา : (สุพรรษา ยตุ มณี , 2556)ภาพที่ 2.10 แบบจาลองโมบายแบงคก์ ิ้งที่มา : (ทองสุข อนนั ตวบิ ลู ย์ , 2556)
53ภาพที่ 2.11 แบบจาลองโมบายแมสเสจจิ้ง (m-messaging)ที่มา : (กสั มา วฒั นาณรงคช์ ยั , 2556)8. ผลกระทบของส่ือประสม ส่ือประสมถือวา่ เป็ นเทคโนโลยที ี่มีบทบาทและความสาคญั ต่อการพฒั นา และมีอิทธิพลต่อผคู้ นอยา่ งมาก ทาใหห้ ลายประเทศไดก้ าหนดเป็นนโยบายหลกั เพ่ือรองรับการพฒั นาเทคโนโลยีสื่อประสมน้ี บทบาทที่สาคญั ของส่ือประสมท่ีมีผลกระทบโดยตรงไดแ้ ก่ ดา้ นการเรียนการสอนระบบการเรียนการสอน ในสถาบนั การการศึกษาต่างๆ จะเปล่ียนไป หนงั ส่ือที่พิมพบ์ นกระดาษจะถูกแทนดว้ ยหนงั ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์การใชส้ ่ือประสมในการเรียนการสอนจะช่วยเพิ่ม ประสมในการเรียนการสอน โดยใชใ้ นลกั ษณะของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและบทเรียนออนไลน์รูปต่างๆเช่นสถานการณ์จาลองเกม การทบทวน บทเรียนส่ือประสมดึงดูดความสนใจของผูเ้ รียนไดเ้ ป็ นอย่างดี เน่ืองจากมีภาพกราฟิ กภาพเคลือนไหว วีดิทศั น์ และเสียง ท่ีสามารถส่ือถึงเน้ือหาได้ดีนอกจากน้ีส่ือประสมยงั เขา้ มามีบทบาททาใหเ้ กิดหอ้ งสมุดดิจิทลั (digital library) การเรียนการสอนแบบทางไกล(distance learning) การสอนแบบไม่ไม่ประสานเวลา และการสร้างห้องเรียนแบบเสมือนจริง (virtual classroom)ตลอดจนรูปแบบการเรียนการสอนจะเป็ นแบบกระจ่าย และเรียนกนัไดท้ ว่ั โลก อยา่ งไรก็ตามสื่อประสมยงั คงมีขอ้ จากดั อยหู่ ลายประเด็นโดยเฉพาะจุดอ่อนของการใช้ส่ือประสมเพ่ือการศึกษามีดงั น้ี 1. ค่าใช้จ่าย สื่อประสมเพ่ือการศึกษา เป็ นสื่อที่มีราคาแพง แมว้ า่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์จะมีราคาถูกลง แต่ผูเ้ รียนก็ตอ้ งลงทุนจ่ายเงินจานวนมาก เพ่ือซ้ือส่ือหรือโปรแกรม ในการเช่ือมต่อระบบอินเทอร์เน็ต หรือระบบเครือข่ายอื่นๆ ก็ตอ้ งมีการลงทุนดา้ นสถานท่ี และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อ
54สร้างโครงสร้างพ้ืนฐาน รองรับการติดต่อในระบบเครือข่าย และตอ้ งลงทุนจ่ายค่าสื่อสารเชื่อมต่อถึงกนั ในราคาแพงเช่นกนั 2. พ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ สืบเนื่องมาจากการพฒั นา และใช้สื่อประสมเพื่อการศึกษา ท่ีมีปัญหาดา้ นค่าใชจ้ ่ายที่สูง ค่าใชจ้ ่ายดงั กล่าวน้ี เป็ นภาระแก่สังคมโดยรวมของประเทศไทย ซ่ึงจะกระทบต่อคา่ ใชจ้ า่ ยในการพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคม ในดา้ นอ่ืน ในแง่ของประโยชน์ที่ไดร้ ับ ผูท้ ่ีจะไดร้ ับประโยชน์จากการใชจ้ ่ายน้ี ส่วนใหญ่เป็ นกลุ่มคนในภาคเมือง ซ่ึงมีการพัฒนาศักยภาพทุกด้าน ท่ีจะสามารถรองรับเทคโนโลยีน้ี ได้ดีกว่าคนในภาคชนบท 3. การเรียนรู้ ส่ือประสมเพ่ือการศึกษาน้ี เป็ นสื่อประเภทอิเลคทรอนิกส์ ซ่ึงเป็ นการหาความรู้ผ่านประสบการณ์เทียม ไม่ใช่จากการลงมือทาเอง สัมผสั และแก้ปัญหาต่างๆ ตามสภาพความความเป็ นจริง การเรียนรู้ทุกอย่าง ยอ่ มทาไดต้ ามเงื่อนไข ที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์กาหนดไว้เท่าน้นั แต่ถึงอยา่ งไร ก็ไม่สามารถท่ีจะจาลองโลกท่ีแทจ้ ริงลงไปไวไ้ ด้ การเรียนรู้ดว้ ยวิธีน้ี จึงอาจทาใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ และความเขา้ ใจเพยี งดา้ นเดียว และมีลกั ษณะเหมือนกลไก 4. พฒั นาการของพฤติกรรม และอารมณ์ส่วนบุคคล ส่ือประสมเพ่ือการศึกษาเป็ นส่ือชนิดโตต้ อบได้ โดยผา่ นการใชเ้ มาส์หรือแป้ นพิมพ์ กจ็ ะเกิดการเปลี่ยนแปลงข้ึนบนจอทนั ที อาจกล่าวได้ว่า ผูเ้ รียนควบคุมโปรแกรมดว้ ยปลายนิ้วสัมผสั นกั การศึกษา และส่ือมวลชนทวั่ ไป จึงเกิดความวิตกกนั ว่า ผูเ้ รียน โดยเฉพาะเด็กและวยั รุ่น อาจจะคุน้ เคยกบั การบงั คบั สิ่งต่างๆ ให้เกิดข้ึนในชัว่พริบตา โดยไม่ได้ตระหนักว่า ในโลกความเป็ นจริง มนุษย์ไม่สามารถบงั คบั เวลา และกาหนดเง่ือนไขตา่ งๆ ไดด้ ว้ ยปลายนิ้ว 5. ขอ้ มูล และเน้ือหา ท่ีตอ้ งควบคุม เน่ืองจากสื่อประสมในปัจจุบนั น้ี ไม่วา่ จะอยบู่ นแผ่นซีดีรอม หรือบนอินเทอร์เน็ต ต่างก็มีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจอย่างมาก เช่น ธุรกิจข่าวสาร ธุรกิจบนั เทิงต่างๆ โดยท่ีธุรกิจมกั คานึงถึงผลประโยชน์เป็ นหลกั จึงมีเรื่องเกี่ยวกบั ทางเพศ ความรุนแรงและส่ิงท่ีขดั ต่อหลกั จริยธรรมปรากฏอยใู่ นสื่อประสมดงั กล่าว ดงั น้นั ผปู้ กครองและครู จึงเกิดความวติ กกงั วลวา่ จะไมส่ ามารถปกป้ องเดก็ จากขอ้ มูลข่าวสารที่เป็นอนั ตรายเหล่าน้ีได้ การนาสื่อประสมมาใชส้ ่งเสริมการศึกษา จึงไดร้ ับการวพิ ากษว์ จิ ารณ์อยา่ งมากในปัจจุบนั 6. พฒั นาการของพฤติกรรมทางสังคม ในขณะท่ีมีแนวโนม้ การใชส้ ื่อประสมเพ่ือการศึกษาซ่ึงเป็ นสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างกวา้ งขวาง ในระบบการศึกษาของนานาประเทศ ก็เริ่มมีการเตรียมรับมือกบั ปัญหาที่วา่ เด็กและเยาวชนอาจจะใช้ชีวติ อยกู่ บั ปัญหาสื่ออิเล็กทรอนิกส์คือ จอโทรทศั น์หรือจอคอมพิวเตอร์มากข้ึน แต่ความสัมพนั ธ์ต่อครอบครัว เพื่อน และครูเริ่มนอ้ ยลงเรื่อยๆ การที่มนุษยม์ ีความสัมพนั ธ์ต่อกนั นอ้ ยลงไปเช่นน้ี อาจก่อปัญหาสังคม หรือก่อให้เกิดบุคลิกภาพของประชาชนที่ไม่พึงประสงค์ นกั การศึกษา และนกั วางแผนการพฒั นาประเทศ จึงเริ่มถกเถียงกนั มาก
55ข้ึน ในเร่ืองที่วา่ ควรจดั ระบบการศึกษา โดยคานึงถึงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมนุษยก์ บั มนุษยม์ ากข้ึน 7. เอกลกั ษณ์ และวฒั นธรรมไทย การใชส้ ่ือประสมเพ่ือการศึกษา จะมีผลต่อการเรียนรู้หรือไม่ ข้ึนอยู่กับคุณภาพของสื่อประสมที่ผลิตข้ึนมา ปัจจุบนั น้ี ประเทศไทยเผชิญกบั ปัญหาท่ีสาคญั คือ ยงั ไม่สามารถผลิตสื่อใชเ้ องไดใ้ นประเทศไทย แต่ตอ้ งนาเขา้ จากต่างประเทศ นอกจากน้ีส่ือประสมบนอินเทอร์เน็ต ก็เป็นภาษาองั กฤษแทบท้งั หมด ปัญหาน้ีทาใหเ้ กิดความวิตกกงั วลวา่ คนไทยจะเรียนรู้จากส่ือที่ผลิตโดยต่างประเทศน้ี ยอ่ มไมใ่ ช่ความรู้ท่ีเก่ียวกบั ประเทศไทย หรือความรู้ที่ไดจ้ ากมุมมองของคนไทย และวฒั นธรรมไทย9. ตัวอย่างของส่ือประสม เน่ืองจากรูปแบบการเรียนรู้ในปัจจุบนั มีมากมายหลายรูปแบบอนั เน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงทางดา้ นเทคโนโลยอี ยา่ งรวดเร็ว จึงทาใหเ้ ทคโนโลยที างดา้ นคอมพิวเตอร์ก็ไดม้ ีการพฒั นาอยา่ งต่อเน่ือง CAI เป็ นเทคโนโลยีทางดา้ นคอมพิวเตอร์ตวั หน่ึงท่ีไดร้ ับการพฒั นาใหม้ ีความน่าสนใจท้งั เน้ือหา และรูปแบบวิธีการนาเสนอให้เกิดความน่าสนใจต่อผเู้ รียน มีการผสมผสานระหวา่ งโปแกรมที่เก่ียวขอ้ งอีกหลายตวั เช่น โปรแกรมการสร้างไฟลว์ ดี ีโอ โปรแกรมการแต่งเสียงเป็ นตน้ ตวั อย่าง CAI สอนการใช้โปรแกรม AUTHORWARE 6 ของบริษทั I SQUARE เป็ นตวั อยา่ งของส่ือการเรียนรู้ในยุคสมยั ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เน้ือหาจะกล่าวถึง การใชเ้ คร่ืองมือพ้ืนฐานของโปรแกรม ในการสร้างชิ้นงานที่สามารถใหผ้ ทู้ ่ีสนใจสามารถนาไปพฒั นาตอ่ ไปได้ การนาเสนอก่อนเข้าบทเรียน ส่วนใหญ่จะมีการกล่าวถึงท่ีมาหรือผูจ้ ดั ทาว่าเป็ นผลิตภณั ฑ์ของใคร จากตวั อยา่ งเป็ นผลิตภณั ฑข์ องบริษทั I SQUARE ลิขสิทธ์ิทางปัญญาเป็ นส่ิงท่ีจาเป็ นมากในปัจจุบนั เพราะวา่ หากมีการละเมิดลิขสิทธ์ิกนั ในตวั ผลิตภณั ฑก์ ็ทาใหเ้ จา้ ของลิขสิทธ์ิเสียผลประโยชน์ จึงตอ้ งมีการอธิบายไวด้ ว้ ย ในผลิตภณั ฑ์ รายละเอียดของเน้ือหา มีเน้ือหาท่ีเป็ นเน้ือหาหลกั อยู่ 3 ส่วน แบ่งเป็ น บทท่ี 1 บทที่ 2 บทท่ี 3 และมีตวั อยา่ ง code โปรแกรมให้ผเู้ รียนสามารถนาไปศึกษาดูประกอบเป็นตวั อยา่ งได้ เม่ือเลือกบทท่ี 2 การสร้าง Gallery รูปภาพ ก็จะมีการอธิบายการสร้าง Gallery รูปภาจากข้นั ตอนที่ 1 ไปถึงข้นั ตอนสุดทา้ ย สอนการทา Gallery รูปภาพ การสร้างป่ ุม Link เพ่ือเช่ือมโยงไปยงั หนา้ อ่ืนเพื่อดูรูปอื่นต่อไป เมื่อทาการออกจากโปรแกรมก็จะมีคาอธิบายถึงทีมงานผจู้ ดั ทา มีการแบ่งเป็ นฝ่ ายต่าง ๆ เช่นฝ่ ายศิลปะ ฝ่ ายผลิต ฝ่ ายตรวจสอบและอื่นๆ
56ภาพท่ี 2.12 บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มา : (สมชยั กลุ วฒั นะ , 2556)10. สรุป ส่ือประสมมีประโยชน์มากมายมีการนาไปประยุกตใ์ ช้อยา่ งกวา้ งขวางมาก ตลาดของสื่อประสมจึงมีมาก เทคโนโลยสี ื่อประสมสามารถประยกุ ตใ์ ชง้ านในส่วนท่ีสาคญั หลายส่วน เช่น การประยกุ ตใ์ นธุรกิจร้านคา้ และอุตสาหกรรม ร้านคา้ สามารถใชส้ ื่อประสมในการโฆษณา การสร้างคาตาลอ็ กแบบอิเลก็ ทรอนิกส์ ใชใ้ นเร่ืองการติดต่อกบั ลูกคา้ การฝึ กอบรม การดาเนินธุรกิจในลกั ษณะการให้บริการแบบอตั โนมตั ิต่างๆ ตลอดจนประยกุ ตใ์ ช้กบั กานาเสนอขอ้ มูลในรูปแบบท่ีน่าสนใจการประยกุ ตท์ างดา้ นการศึกษา สามารถประยกุ ตไ์ ดก้ วา้ งขวาง ต้งั แต่การเรียนการสอน การสร้างสื่อการใชเ้ ป็ นหอ้ งสมุด การพิมพห์ นงั สืออิเล็กทรอนิกส์ การประยกุ ตใ์ นเรื่องนนั ทนาการ เทคโนโลยีสื่อประสมมีผลอยา่ งมากในการสร้าง ภาพยนตร์ การสร้างเกม การสร้าง ตลอดจนการนาเสนอในลกั ษณะท่ีมีปฏิสัมพนั ธ์ การประยุกต์ในวงการรัฐบาล สามารถนาไปใช้ในการให้บริการ การดาเนินการทางดา้ นการแลกเปล่ียนขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ทางทหาร การกีฬา การสร้างงวิธีนาเสนอขอ้ มูลแบบต่างๆ งานการแพทยแ์ ละสาธารณสุข งานการแพทยใ์ ชป้ ระโยชน์อยา่ งมากในเร่ืองของการนาเสนอขอ้ มูล การเรียนการสอนทางดา้ นการแพทย์ การออนไลน์เพื่อให้การปรึกษาทางการแพทย์ ตลอดจนการดาเนินการท่ีเรียกวา่ เทเลเมดิซีน การสร้างแหล่งความรู้ เช่น สารานุกรมการสร้างห้องสมุด เพ่ือให้บริการแก่ประชาชนในวงกวา้ งมากข้ึน การประยุกตใ์ ชส้ ื่อประสมมีวงกวา้ งขวางมากข้ึน สามารถนามาใชป้ ระโยชน์ในดา้ นต่างๆไดอ้ ีกมาก อยา่ งไรก็ตามสื่อเหล่าน้ีก็เป็ นดาบสอง คม หากไม่ดูแลควบคุมในการใชป้ ระโยชน์ใหด้ ีก็อาจเป็นโทษต่อผใู้ ชไ้ ดเ้ ช่นกนั
5711. แบบฝึ กหดั ท้ายบท จงตอบคาถามต่อไปนี้ 1) จงบอกความหมายของส่ือประสม มาพอเขา้ ใจ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2) คุณคา่ ของส่ือประสมมีอะไรบา้ งยกตวั อยา่ งประกอบ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3) ประเภทของส่ือประสมมีอะไรบา้ งใหอ้ ธิบายมาเป็นขอ้ ๆ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4) จงอธิบายรายละเอียดขององคป์ ระกอบของส่ือประสมในแตล่ ะองคป์ ระกอบมาพอสังเขป……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5) จงยกตวั อยา่ งการนาเทคโนโลยสี ่ือประสมไปประยกุ ตใ์ ชง้ านในดา้ นตา่ งๆ มาอยา่ งนอ้ ย3 ดา้ น……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6) จบบอกจุดดอ้ ยของสื่อประสมมาอยา่ งนอ้ ย 5 ขอ้………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5812. เอกสารอ้างองิกาญจนา ทองอาไพ. (2555). ส่ือการสอนและการทบทวน. กรุงเทพมหานคร : ชชั วาลยก์ ารพิมพ์.กิดานนั ท์ มลิทอง. (2543). ส่ือการเรียนการสอน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั .กิติภพ ถาวรบุตร. (2553). นวตั กรรมส่ือประสม. กรุงเทพมหานคร : นวรัตน์การพิมพ์.ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ. (2523). นวัตกรรมทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .ประหยดั จิระวรพงศ์. (2527). เทคโนโลยีสื่อประสม. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดแอดดูเคชนั่มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. (2537). เทคโนโลยีส่ือประสม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช.มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. (2544).. เทคโนโลยกี ารย่อหรือบบี อดั ข้อมูล. กรุงเทพมหานคร : สานกั บริการคอมพวิ เตอร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. (2544).สุคนธา มณีจนั ทร์. (2555). สื่อประสมความเป็ นจริงเสมอื น. ขอนแก่น : โรงพิมพ์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 3หัวข้อเนือ้ หาประจาบท 1. ประวตั ิของการสื่อสารขอ้ มลู 2. ความหมายของการสื่อสารขอ้ มลู และเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 3. ประเภทของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 4. องคป์ ระกอบพ้นื ฐานของการสื่อสารขอ้ มลู 5. สื่อกลาง (3G, 4G/LTE) 6. สัญญาณรับส่งขอ้ มลู 7. วธิ ีการส่งขา่ วสารโดยผา่ นตวั กลาง 8. อุปกรณ์ส่ือสารขอ้ มลู 9. การประยกุ ตใ์ ชง้ าน 10. สรุปวตั ถุประสงค์ทว่ั ไป 1. ผเู้ รียนตระหนกั ในคุณคา่ และคุณธรรม จริยธรรม เสียสละ และซ่ือสัตยส์ ุจริต 2. ผเู้ รียนมีวินยั ตรงต่อเวลา และความรับผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม 3. ผเู้ รียนมีภาวะความเป็นผนู้ าและผตู้ าม สามารถทางานเป็นทีมและสามารถแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ และลาดบั ความสาคญั 4. ผเู้ รียนเคารพสิทธิและรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น รวมท้งั เคารพในคุณคา่ และศกั ด์ิศรีของ ความเป็ นมนุษย์วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. ผศู้ ึกษาสามารถบอกความหมายของส่ือสารขอ้ มูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ 2. ผศู้ ึกษาสามารถอธิบายถึงองคป์ ระกอบพ้นื ฐานของการส่ือสารขอ้ มูลได้ 3. ผศู้ ึกษาสามารถอธิบายถึงส่ือกลางได้ 4. ผศู้ ึกษาสามารถอธิบายถึงสัญญาณรับส่งขอ้ มลู ได้ 5. ผศู้ ึกษาสามารถอธิบายถึงวธิ ีการส่งขา่ วสารโดยผา่ นตวั กลางได้ 6. ผศู้ ึกษาสามารถอธิบายถึงอุปกรณ์สื่อสารขอ้ มูลได้ 7. ผศู้ ึกษาสามารถอธิบายถึงการประยกุ ตใ์ ชง้ านได้
60กจิ กรรมระหว่างเรียน 1. ศึกษาเอกสารประกอบการสอนตามหวั ขอ้ ท่ี 1- 10 2. ฟังคาบรรยายตามหวั ขอ้ ที่ 1- 10 3. คน้ ควา้ ขอ้ มลู ตามหวั ขอ้ ท่ี 1- 10 4. ซกั ถามนกั ศึกษา 5. ใหน้ กั ศึกษาทาคาถามทา้ ยบทสื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. สไลด์ เน้ือหาบทท่ี 3การประเมินผล 1. สังเกตความต้งั ใจในการฟังคาบรรยายและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมตา่ ง ๆ รวมท้งั การ ซกั ถามและการอภิปราย 2. จากการตอบคาถามทา้ ยบท
บทท่ี 3 การสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ การส่ือสารขอ้ มูลไม่ใช่เป็ นเร่ืองใหม่ท่ีเพิ่งเกิดข้ึนแต่ไดเ้ กิดข้ึนมาช้านานแล้วเริ่มต้งั แต่มนุษยเ์ ราส่งเสียง ร้องหรือสามารถท่ีจะเขียนรูปภาพตามฝาผนงั ไดแ้ ละเมื่อประมาณแสนปี ที่ผา่ นมามนุษยเ์ ราสื่อสารกนั โดยใชก้ าร เขียนขอ้ ความลงบนหนงั สัตว์ (Parchment) เขียนขอ้ ความบนแผ่นหิน (Stone tablet) และใชส้ ัญญาณควนั (Smoke Signal) ซ่ึงจะอยบู่ นพ้ืนฐาน ของการไดย้ ินเสียงและการมองเห็นเป็ นส่วนใหญ่1. ประวตั ขิ องการส่ือสารข้อมูล การเปล่ียนแปลงคร้ังใหญท่ ่ีมีผลต่อการสื่อสารขอ้ มูลเกิดข้ึนเมื่อปี 1837 เม่ือ Samuel Morseไดค้ ิดคน้ โทรเลขข้ึนมาได้ ซ่ึงเป็นคร้ังแรกท่ีมนุษยเ์ ราสามารถส่งสารสนเทศ (Information) โดยการใชส้ ัญญาณไฟฟ้ าผา่ นสายทองแดงโดยตวั อกั ษรแต่ละตวั จะถูกส่งเรียงลาดบั กนั ไปตามแรงกระตุน้ของสัญญาณไฟฟ้ าที่ส้ันยาวสลบั กนั ซ่ึงสัญญาณดงั กล่าวเราเรียกวา่ รหสั มอร์ส (Morse code) ซ่ึงเราถือวา่ เป็ นคร้ังแรกท่ีมนุษยส์ ามารถส่งสารสนเทศโดยท่ีไม่สามารถมองเห็นสารสนเทศท่ีส่งออกไปดว้ ยตาเปล่าได้ภาพท่ี 3.1 เคร่ืองส่งโทรเลขของมอร์สที่มา (American Inventors and Inventions. 2548)
62ภาพท่ี 3.2 รหสั มอร์สท่ีมา (1837 AD Samuel Morse Invents the Electric Telegraph. 2548) ต่อมาในปี ค.ศ. 1876 Axlexader Graham Bell ไดค้ ิดคน้ โทรศพั ทข์ ้ึนมาไดส้ าเร็จ โดยอาศยัหลกั การแปลงสัญญาณเสียงใหเ้ ป็นสัญญาณไฟฟ้ าแลว้ ส่งสัญญาณดงั กล่าวไปตามสายทองแดงโดยอาศยั แรงดนั ไฟฟ้ าที่ตอ่ เนื่องกนั ไปและเมื่อสัญญาณดงั กล่าวไปถึงปลายทางก็ทาการแปลงสัญญาณดงั กล่าวใหเ้ ป็น สัญญาณเสียงภาพที่ 3.3 โทรศพั ทไ์ มย้ คุ แรกที่มา (American Inventors and Inventions. 2548)
63ภาพที่ 3.4 โทรศพั ทใ์ นยคุ แรกของ Bellที่มา (Bell's Telephone. 2548) เหตุการณ์ท่ีสาคญั ตอ่ การส่ือสารขอ้ มลู อีกเหตุการณ์หน่ึง ก็คือการคิดคน้ เครื่องคอมพิวเตอร์เคร่ืองแรกของโลกท่ีช่ือวา่ ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Calculator) ซ่ึงออกแบบเพ่ือช่วยในการคานวณวถิ ีกระสุนในสงครามโลกคร้ังที่ 2 ซ่ึงเราถือวา่ ENIAC เป็ นอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการ ประมวลผลสารสนเทศเครื่องแรกของโลกดว้ ย ซ่ึงการประมวลผลส่วนใหญ่ จะใชเ้ ทคโนโลยีของหลอดสุญญากาศมาใชใ้ นการจดั เก็บขอ้ มูลและประมวลผลความสัมพนั ธ์ระหวา่ งคอมพิวเตอร์และการส่ือสารขอ้ มูล เร่ิมตน้ ปรากฏในปี 1947 เม่ือมีการคิดคน้ ทรานซิสเตอร์ซ่ึงทาให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงอีกท้งั ราคาก็ถูกลง และในปี 1960 ซ่ึงเราถือไดว้ า่ เป็ นยคุ ของคอมพิวเตอร์สมยั ใหม่ท่ีสามารถสร้างแอพพลิเคชนั่ ใหม่ ๆ ข้ึนมาเพ่ือใชร้ ันบนคอมพิวเตอร์เช่นการประมวลผลขอ้ มูล การกาหนดเส้นทางของโทรศพั ท์ ซ่ึงคอมพวิ เตอร์ในยคุ น้ีมีความเป็ นไปไดท้ างเศรษฐศาสตร์ ซ่ึงบริษทัต่าง ๆ ไดเ้ ร่ิมจดั หาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการประมวลผลขอ้ มูล และรันแอฟฟิ เคชน่ั อ่ืน ๆ ของบริษทั ให้มีการถ่ายโอนขอ้ มูลระหวา่ งเครื่องคอมพิวเตอร์ทาให้การสื่อสารขอ้ มูลมีความเจริญและพฒั นายง่ิ ข้ีน ระบบการสื่อสารขอ้ มูลระหวา่ งคอมพวิ เตอร์มีหลกั คิดอยา่ งง่าย ๆ แต่มีความเชื่อถือได้ และยงั คงใช้หลกั การดงั กล่าวมาจนถึงปัจจุบนั น้ี เช่นการเขียนสารสนเทศลงบนเทปแม่เหล็ก แลว้ เราสามารถท่ีจะนาเอาเทปแม่เหล็กไปตามท่ีตา่ ง ๆ ไดแ้ ลว้ นาไปใหอ้ ีกเคร่ืองหน่ึงอ่านไดด้ ว้ ย และเม่ือมีการคิดคน้ แผงวงจรรวม (Integrated Circuit) เพื่อนามาสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal
64Computer, PC) ในปี 1980 ทาให้คอมพิวเตอร์ถูกนามาในบริษทั โรงเรียน บา้ น และองค์กรอื่น ๆอยา่ งกวา้ งขวาง เพราะคอมพิวเตอร์สามารถท่ีจะจดั เกบ็ คน้ หาขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วภาพท่ี 3.5 คอมพิวเตอร์ ENIACท่ีมา (The ENIAC Museum Online. 2548)2. ความหมายของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ จากประวตั ิของการสื่อสารขอ้ มูล เราสามารถกาหนดความหมายของ การส่ือสารขอ้ มูลหมายถึง การแลกเปล่ียนขอ้ มูลระหว่างผูส้ ่งสาร (Sender) กบั ผูร้ ับสาร (Receiver) โดยกระบวนการต่าง ๆ เพื่อใหข้ อ้ มลู ท่ีตอ้ งการส่งสามารถส่งถึงผรู้ ับสาร ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ส่วนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนาคอมพิวเตอร์ต้งั แต่สองเครื่องข้ึนไปมาเช่ือมต่อเป็ นเครือข่ายโดยใช้อุปกรณ์ และส่ือกลาง เพ่ือทาให้คอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายสามารถแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ซ่ึงกนั และกนั ได้3. ประเภทของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 3.1 เครือขา่ ยทอ้ งถ่ิน (Local Area Network, LAN) เป็ นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ในพ้ืนท่ีบริเวณเดียวกนั หรือใกลเ้ คียงกนั เขา้ เป็ นเครือข่าย เช่นภายในหอ้ งเดียวกนั หรือภายในอาคารเดียวกนั 3.2 เครือข่ายวงกวา้ ง (Wide Area Network, WAN) เป็ นระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงเครือข่าย LAN จากหลาย ๆ แห่งเขา้ เป็ นเครือข่ายเดียวกันครอบคลุมพ้ืนท่ีบริเวณกวา้ ง อาจจะทว่ั ท้งั ประเทศและมีการเชื่อมโยงไปทว่ั โลกที่เรียกวา่ “ระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต”
654. องค์ประกอบพนื้ ฐานของการสื่อสารข้อมูล องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของระบบสื่อสารขอ้ มลู ประกอบดว้ ย 4.1 ผสู้ ่ง-ผรู้ ับ ข่าวสาร 1) ผสู้ ่งสาร หรือ แหล่งกาเนิดข่าวสาร (Sender, Source) ทาหนา้ ท่ีในการเป็ นผสู้ ่ง หรือเป็ นแหล่งตน้ กาเนิดของขอ้ มูลหรือข่าวสารที่ต้องการจะส่ง ซ่ึงอาจจะเป็ นสัญญาณต่าง ๆ เช่นสญั ญาณภาพ ขอ้ มูล และเสียง เป็นตน้ 2) ผรู้ ับขา่ วสาร หรือจุดหมายปลายทางของขา่ วสาร (Receiver, Target) ทาหนา้ ที่ในการรับขา่ วสารจากท่ีผสู้ ่งข่าวสาร หรือแหล่งกาเนิดข่าวสารส่งผา่ น ในการรับส่งขอ้ มูลจะมีอุปกรณ์ที่ทาหนา้ ที่ช่วยในการรับ-ส่งขอ้ มูลสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2.1) Data Terminal Equipment (DTE) เป็ นอุปกรณ์ท่ีอยปู่ ลายทางของการส่ือสารเป็ นอุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ผูส้ ่ง-ผูร้ ับ เข้าใจได้ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์โทรศพั ทม์ ือถือ แทบ็ เล็ต เครื่องพิมพ์ เป็นตน้ 2.2) Data Communication Equipment (DCE) เป็ นอุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีในการรับ-ส่งขอ้ มูลจาก DTE ส่งขอ้ มูลออกไปตามสื่อกลาง (Medium) เช่น โมเด็ม เราทเ์ ตอร์ แอกเซสพอยต์ เป็ นตน้ 4.2 โปรโตคอล (Protocol) และ ซอร์ฟแวร์ (Software) 1) โปรโตคอล หมายถึง ข้อกาหนด ข้นั ตอน หรือกฏระเบียบท่ีใช้ในการกาหนดการสื่อสารขอ้ มูล เพื่อให้ผรู้ ับและผสู้ ่งสามารถสื่อสารกนั รู้เร่ือง เช่น ขนาดของขอ้ มูล ความเร็วในการรับส่งขอ้ มลู วธิ ีการเขา้ รหสั ขอ้ มูล วธิ ีตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาด เป็นตน้ 2) ซอฟทแ์ วร์ (Software) หมายถึงโปรแกรมที่ใชใ้ นการติดต่อสื่อสาร เช่น โปรแกรมรับ-ส่ง Email โปรแกรม Web Browser เช่น Internet Explorer รวมถึงโปรแกรมประยกุ ตท์ ่ีใชง้ านบนอุปกรณ์พกพา 4.3 สาร (Message) คือสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ที่ส่งจากผสู้ ่งไปยงั ผรู้ ับ ซ่ึงในปัจจุบนั จะอยใู่ นรูปของสื่อประสม (Multi Media) ท่ีอาจจะมีท้งั ขอ้ ความ ภาพ วิดีโอ เสียง เป็ นตน้ ซ่ึงสารจะถูกเขา้ รหสั (encoding) เพือ่ ใหผ้ สู้ ่งข่าวสารและผรู้ ับข่าวสารมีความเขา้ ใจตรงกนั ในการสื่อความหมายการเขา้ รหสั จึงหมายถึงการแปลงข่าวสารให้อยู่ในรูปสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ ท่ีพร้อมจะส่งไปในสื่อกลาง และเม่ือไปถึงฝั่งรับแลว้ ก็จะทาการ การถอดรหสั (decoding) หมายถึงการที่ผรู้ ับข่าวสารแปลงพลงั งานจากสื่อกลางให้กลบั ไปอยู่ในรูปข่าวสารท่ีส่งมาจากผสู้ ่งข่าวสาร โดยมีความเขา้ ในหรือรหสั ตรงกนั ซ่ึงบางทีอาจจะเกิดสัญญาณรบกวน (noise) ซ่ึงจะทาให้สารท่ีส่งออกไปมีความผดิ พลาดได้ ดงั น้นั จาเป็นตอ้ งมีวงจรกรอง (filter) กรองสญั ญาณเพ่อื ใหก้ ารสื่อสารมีคุณภาพดียง่ิ ข้ึน
66 4.4 สื่อกลาง (Medium) หรือช่องสัญญาณ (Channel) หมายถึง ส่ือกลางหรือตวั กลางที่ทาหนา้ ที่ส่งผ่านของขอ้ มูลข่าวสารจากฝ่ังผูส้ ่งไปยงั ผรู้ ับซ่ึงอาจจะเป็ นอากาศ สายนาสัญญาณต่าง ๆเช่น สายทองแดง ไฟเบอร์ออฟติก คลื่นไมโครเวฟ คล่ืนดาวเทียม หรือแมก้ ระทง่ั ของเหลว เช่น น้าน้ามนั เป็นตน้ภาพที่ 3.6 แบบจาลองการส่ือสารขอ้ มูลท่ีมา (Shay 1995).5. ส่ือกลาง ส่ือกลาง (Media)ที่มีใชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ ส่ือกลางที่กาหนดเส้นทางได้ (Guided Media) และส่ือกลางที่ไมส่ ามารถกาหนดเส้นทางได้ (Unguided Media) 5.1 สื่อกลางท่ีกาหนดเส้นทางได้ (Guided Media) หรือ ระบบใชส้ าย Wired System เป็ นระบบที่รวมส่ือกลางท่ีเป็ นสายท้งั หมด ส่วนมากจะนิยมใชใ้ นการเชื่อมต่อระยะใกล้ ๆ ไปจนถึงระยะทางไกล ๆ โดยท้งั รวมถึงระบบสายโทรศพั ทแ์ บบด้งั เดิม (POST , Plain Old Telephone Service) ซ่ึงทาให้คอมพิวเตอร์สามารถส่ือสารกนั โดยผา่ นเครือข่ายโทรศพั ทไ์ ด้ สายสัญญาณท่ีมีใชง้ านอยใู่ นปัจจุบนั จะมีชนิดต่าง ๆ ตามลกั ษณะของเครือขา่ ย ความเร็ว และปริมาณของขอ้ มูลท่ีตอ้ งการรับ-ส่งดว้ ย ดงั จะไดก้ ล่าวตอ่ ไปน้ี เช่น 1) สายใยแกว้ นาแสง (Fiber Optic Cable) สายใยแกว้ นาแสง เป็ นสายสัญญาณที่มีใยหรือพลาสติกอยตู่ รงกลางของสาย และใชใ้ ยแกว้ อีกชนิดหน่ึงเป็ นตวั หุม้ (Cladding) แลว้ หุม้ ดว้ ยฉนวนเป็นช้นั นอกสุด ซ่ึงใยแกว้ ช้นั นอกจะทาหนา้ ท่ีเป็ นเหมือนกระจกท่ีสะทอ้ นสัญญาณแสงใหส้ ะทอ้ นไปมาภายในใยแกว้ ท่ีเป็นแกนกลาง สายใยแกว้ จะมีแบนดว์ ธิ ที่กวา้ งมาก ทาใหส้ ามารถส่งขอ้ มูลได้ปริมาณมากไดด้ ว้ ยความเร็วสูง ยงั สามารถส่งขอ้ มลู ไดไ้ กล โดยไม่มีรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าเนื่องจากใชแ้ สงเป็ นตวั นาสัญญาณ แต่ขอ้ เสียคือติดต้งั และบารุงรักษายาก รวมท้งั มีราคาแพงท่ีสุดในระบบเครือข่ายที่ใชส้ าย
67ภาพที่ 3.7 สายใยแกว้ นาแสงท่ีมา (ไทยแลนดอ์ ินดสั ตร้ีดอทคอม 2557).ภาพท่ี 3.8 การรับ – ส่งสญั ญาณแสงในสายใยแกว้ นาแสงท่ีมา (วชิ าการดอทคอม 2557).
68ภาพที่ 3.9 หวั เช่ือมต่อของสายใยแกว้ นาแสงท่ีมา (fiber-patchcords.com 2557). 2) สายคู่ตีเกลียวแบบมีซิลด์และไม่มีซีลด์ (Shielded and Unshielded Twisted-Pair Cable, STPand UTP) เป็นสายที่มีราคาถูกท่ีสุด ประกอบดว้ ยสายทองแดงที่มีฉนวนหุม้ จานวน 2 เส้น นามาพนักนั เป็ นเกลียว จานวน 4 คู่ ทาใหส้ ามารถลดการรบกวนจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้ าได้ โดยปกติแลว้สายคู่ตีเกลียวที่นิยมใช้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั คือ สายคู่ตีเกลียวแบบไม่มีซีลด์(UTP) ซ่ึงจะใชร้ ่วมกบั หวั เช่ือมต่อแบบ RJ-45 ส่วนสายคู่ตีเกลียวแบบมีซิลด์ (STP) จะมีฉนวนโลหะหุม้ อยภู่ ายนอกอีกช้นั หน่ึง ทาใหส้ ามารถป้ องกนั สัญญาณรบกวนไดด้ ีข้ึน
69ภาพที่ 3.10 สายคูต่ ีเกลียวแบบไมม่ ีซีลด์ (UTP)ที่มา (grandease.com 2557).ภาพท่ี 3.11 สายคู่ตีเกลียวแบบมีซีลด์ (STP)ท่ีมา (sincables.com.ve 2557).ภาพท่ี 3.12 หวั เช่ือมต่อแบบ RJ-45ท่ีมา (en.ids-imaging.com 2557).
70 3) สายโคแอกเซียล (Coaxial Cable) หรือสายโคแอก เป็นสายลวดทองแดงที่อยตู่ รงกลางหุ้มดว้ ยฉนวน แลว้ หุม้ ดว้ ยตวั นาเพ่ือเป็ นกราวนด์จากน้นั จึงหุ้มดว้ ยฉนวนเป็ นเปลือกนอกอีกช้นั หน่ึง สามารถส่งขอ้ มูลไดไ้ กลกวา่ สาย UTP และ STP แต่ราคาสูงกวา่ นามาใชม้ ากในสายสัญญาณของโทรทศั น์ ส่วนในเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เริ่มลดนอ้ ยลงแลว้ ใชห้ วั เช่ือมตอ่ แบบ BNCภาพท่ี 3.13สายโคแอกและหวั เชื่อมต่อ BNCที่มา (cablewholesale.com 2557).ภาพท่ี 3.14หวั เชื่อมต่อแบบ BNCที่มา (th.element14.com 2557)
71ตารางท่ี 3.1 เปรียบเทียบการใชง้ านสายเคเบิลชนิดตา่ งๆรายละเอยี ด UTP, STP COAXIAL FIBER สูงค่าใชจ้ า่ ย ต่า ปานกลาง 1,000 เมตรระยะทาง 100 เมตร 500 เมตร ยาก สูงการติดต้งั ง่าย ง่าย ไม่มีผลความเร็ว ปานกลาง ปานกลาง ทาไม่ได้การรบกวนของคลื่น รบกวน รบกวนแม่เหล็กการดกั สัญญาณ ทาได้ ทาได้ 5.2 ส่ือกลางท่ีไม่สามารถกาหนดเส้นทางได้ (Unguided Media) หรือ ระบบใชส้ าย WirelessSystem เป็ นระบบท่ีไม่ใชส้ ายเป็ นตวั นาขอ้ มูล แต่จะใชอ้ ากาศ หรือน้า น้ามนั เป็ นตวั พาสัญญาณขอ้ มูลไป ดงั น้นั เรา จึงไมส่ ามารถกาหนดเส้นทางใหไ้ ด้ ดงั ตวั อยา่ งเช่น 1) ระบบไมโครเวฟ (Microwave System) เป็ นระบบที่ใชว้ ธิ ีส่งสัญญาณท่ีมีความถี่สูงกวา่คล่ืนวิทยุเป็ นทอด ๆ จากสถานีหน่ึงไปยงั อีกสถานีหน่ึง บางทีเราอาจจะเรียกสัญญาณของไมโครเวฟ วา่ สัญญาณแบบเส้นสายตา (Line of sight) เน่ืองจากสัญญาณของไมโครเวฟท่ีส่งจากสถานีหน่ึงไปยงั สถานีหน่ึงจะไปไดไ้ ม่ไกลกวา่ เส้นขอบฟ้ าของโลก เพราะสัญญาณของไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรง ในการต้งั สถานีทวนสญั ญาณน้นั ส่วนใหญ่จะนิยมต้งั ในพ้ืนท่ี สูง ๆ เช่น บนภเู ขา ตึกสูง ๆ เพื่อช่วยใหส้ ่งสัญญาณไปไดไ้ กลข้ึน ซ่ึงสถานีหน่ึงจะครอบคลุมพ้ืนท่ีรับสัญญาณได้ประมาณ 30-50 Km เราจะนิยมการใชส้ ัญญาณไมโครเวฟ ในพ้ืนท่ีท่ีการเดินสายไม่สะดวก เป็ นระบบท่ีจดั วา่ มีราคาถูก ติดต้งั ไดง้ ่าย และมีอตั ราการส่งขอ้ มูลสูง แต่มีขอ้ เสียคือ สัญญาณอาจถูกรบกวนไดจ้ ากอุณหภมู ิ พายหุ รือฝน
72ภาพท่ี 3.15 ระบบไมโครเวฟ (Microwave System)ท่ีมา (Shay 1995). 2) ระบบดาวเทียม (Satellite System) เป็ นระบบที่คลา้ ยกบั ระบบไมโครเวฟในส่วนของการใชห้ ลกั การยงิ สัญญาณจากแต่ละ สถานี ต่อกนั ไปยงั จุดหมายที่ตอ้ งการ แต่สถานีจะลอยอยบู่ นฟ้ าที่เรียกวา่ ดาวเทียม ซ่ึงถา้ ดาวเทียมลอยอยสู่ ูงข้ึนไป 36000 กม. กใ็ ชด้ าวเทียมเพียง 3 ดวงเท่าน้นั ก็จะครอบคลุมพ้ืนท่ีทว่ั โลก โดยสถานีที่อยกู่ ระจายบนพ้ืนโลกก็จะส่งสัญญาณข้ึนไปยงั ดาวเทียมท่ีลอยอยเู่ หนือพ้ืนที่ของตนเองเรียกวา่ สัญญาณเชื่อมต่อขาข้ึน (Up-Link) และดาวเทียมจะทาการตรวจสอบตาแหน่งของสถานีปลายทางหากอยู่ในขอบเขตพ้ืนที่ที่ครอบคลุมอยู่ ก็จะทาการส่งสัญญาณข้ึนไปยงั สถานีปลายทางทนั ทีเรียกว่า สัญญาณเชื่อมต่อขาลง (Down-Link) หากสถานีปลายทางอยู่นอกขอบเขตสัญญาณ ดาวเทียมจะส่งต่อไปยงั ดาวเทียมดวงที่ครอบคลุมสถานีปลายทางต่อไป เรานาสัญญาณทางดาวเทียมมาประยุกต์ใช้ในงาน การส่งสัญญาณขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ สัญญาณโทรทศั น์ ภมู ิศาสตร์ ทางทหารเป็นตน้ ซ่ึงขอ้ เสียของดาวเทียมนอกจากจะถูกรบกวนจากสภาพอากาศ รวมท้งั ตาแหน่งโคจรของดวงอาทิตยแ์ ลว้ ยงั มี เวลาหน่วง (DelayTime) อีกดว้ ย เพราะตอ้ งใชเ้ วลาในการเดินทางในขาข้ึนและขาลงมากนน่ั เองภาพที่ 3.16 ระบบดาวเทียม (Satellite System)ท่ีมา (Shay 1995).
73ภาพท่ี 3.17 เปรียบเทียบระหวา่ งระบบไมโครเวฟภาคพ้ืนดินกบั ดาวเทียมที่มา (geo-orbit.org 2557) 3) ระบบอินฟราเรด (Infrared) เป็ นระบบท่ีใชเ้ ทคโนโลยีเช่นเดียวกบั Remote Controlของเครื่องรับโทรทศั น์ มีขอ้ จากดั คือ ใช้ไดใ้ นระยะทางใกล้ ๆ ไม่สามารถทะลุส่ิงกีดขวางได้ ในปัจจุบนั มีการนามาใช้เป็ นระบบเครือข่ายระยะใกล้ ๆ อยบู่ า้ ง เช่น พ้ืนที่ในการเดินสายไม่สะดวกรวมท้งั ใชใ้ นการรับส่งระหวา่ งเคร่ืองพิมพก์ บั คอมพวิ เตอร์ภาพที่ 3.18 พอร์ต IrDA สาหรับการส่ือสารขอ้ มูลระหวา่ งอุปกรณ์ท่ีมา (i-tec-europe.eu 2557) 4) ระบบวิทยุ (Radio) จะใช้คล่ืนวิทยุในการส่งผ่านขอ้ มูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอยา่ งไร กด็ ีระบบน้ีจะมีปัญหากบั การขออนุญาติใชค้ ล่ืนความถี่ ระบบสเปคตรัมแถบกวา้ ง(Spread Spectrum) เป็ นระบบคลื่นวิทยทุ ่ีถูกพฒั นาโดยกองทพั สหรัฐเพื่อป้ องกนั สัญญาณรบกวนและการดกั สัญญาณ ในปัจจุบนั เทคโนโลยีน้ีไดถ้ ูกพฒั นาจนสามารถรับส่งไดด้ ว้ ยความเร็วสูงถึง300 Mbps ตามมาตรฐาน IEEE 802.11n และมีการใชง้ านในระบบเครือข่ายขนาดเล็ก ที่เรียกว่าWireless LAN (Local Area Network)
74ภาพที่ 3.19 Wireless LAN (Local Area Network)ท่ีมา (networkwire.org 2557)ตารางที่ 3.2 เปรียบเทียบความถ่ีของสญั ญาณวทิ ยุความถ่ี ย่านความถี่ ตวั อย่างการใช้งานVLF Very low frequency 3 KHz - 30 KHz การสื่อสารใตน้ ้าLF Low frequency 30 KHz – 300 KHz สัญญาณนาร่องในการเดินเรือMF Medium frequency 300 KHz – 3 MHz วทิ ยุ AMHF High frequency 3 MHz - 30 MHz วทิ ยสุ ่ือสารVHF Very High frequency 30 MHz - 300 สญั ญาณโทรทศั น์, วทิ ยุ FM, วทิ ยสุ ายการบิน MHzUHF Ultrahigh frequency 300 MHz - 3 GHz สญั ญาณโทรทศั น์, โทรศพั ทม์ ือถือSHF Super high frequency 3 GHz - 30 GHz สญั ญาณไมโครเวฟภาคพ้นื ดินและผา่ นดาวเทียม เรดาร์EHF Extremely high 30 GHz - 300 GHz สัญญาณไมโครเวฟผา่ นดาวเทียม เรดาร์frequency
75 ระบบคลื่นวิทยุ ถูกนามาประยุกต์ใช้ในระบบส่ือสารข้อมูลต่างๆ มากมาย เช่น ระบบWireless LAN และระบบ Bluetooth 4.1 Wi-Fi (Wireless Fidelity) คือ องค์กรท่ีทาหน้าที่ทดสอบผลิตภณั ฑ์ประเภทWireless LAN ภายใตม้ าตรฐาน IEEE 802.11 วา่ สามารถติดต่อส่ือสารระหว่างกนั ไดโ้ ดยไม่มีปัญหา หากอุปกรณ์เหล่าน้นั ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานก็จะให้ตรา Wi-Fi Certified เป็ นการรับรองภาพที่ 3.20 ตราสัญลกั ษณ์ Wi-Fiท่ีมา (dairycentervt.com 2557). 4.2 Bluetooth คือ ระบบสื่อสารของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสองทางดว้ ยคล่ืนวทิ ยุระยะส้นั เพ่ิมความสะดวกในการเช่ือมต่อระหวา่ งอุปกรณ์โดยไม่ตอ้ งใชส้ ายสัญญาณ Bluetooth จะใชส้ ัญญาณวิทยุความถี่สูง 2.4 GHz โดยมีระยะทาการอยทู่ ่ี 5 - 10 เมตร สามารถรับส่งไดท้ ้งั ขอ้ มูลทวั่ ไปและขอ้ มูลเสียง โดยส่วนมากจะใชเ้ ช่ือมต่อระหว่างโทรศพั ทม์ ือถือกบั ชุดหูฟัง (Smalltalk)เชื่อมต่อระหวา่ งคอมพิวเตอร์กบั แป้ นพิมพห์ รือเมาส์แบบไร้สาย เป็ นตน้ ความเร็วในการรับ – ส่งขอ้ มูลจะอยทู่ ี่ 1 Mbps จุดเด่นของ Bluetooth เม่ือเทียบกบั ระบบ Wireless LAN คือ อุปกรณ์มีขนาดเลก็ กวา่ ติดต้งั ใชง้ านง่ายกวา่ และใชพ้ ลงั งานนอ้ ยมาก
76ภาพที่ 3.21 การเชื่อมตอ่ อุปกรณ์โดยใช้ Bluetoothท่ีมา (siamphone.com 2557). 5) ระบบเซลลูลาร์ (Cellular) เป็ นระบบของโทรศพั ท์เคลื่อนท่ี ซ่ึงใช้เทคโนโลยีการส่ือสารไร้สายเป็ นหัวใจสาคญั มีการจดั สรรช่วงความถ่ีเฉพาะสาหรับระบบ และมีการประยกุ ตใ์ ช้ความถ่ีซ้าหลาย ๆ ชุด โดยจดั สรรลงบนพ้ืนท่ีให้บริการต่าง ๆ กนั ซ่ึงพ้ืนท่ีใหบ้ ริการดงั กล่าวจะถูกเรียกวา่ “เซลล์ (Cell)” โดยขนาดของเซลลน์ ้นั จะข้ึนอยกู่ บั ปริมาณความหนาแน่นของผใู้ ชบ้ ริการต่อพ้ืนท่ี คือ ถ้าเป็ นบริเวณเมืองหลวงก็ต้องใช้เซลล์ที่มีขนาดเล็กหลาย ๆ เซลล์ เพ่ือเพ่ิมจานวนช่องสัญญาณให้กบั ระบบ ในขณะที่บริเวณต่างจงั หวดั อาจจะมีผูใ้ ช้บริการน้อยกว่า การกาหนดขนาดของเซลล์ให้มีขนาดใหญ่จะมีความคุม้ ค่าในการลงทุนมากกว่า คุณสมบตั ิท่ีสาคญั สาหรับระบบเซลลูลาร์คือ “การโรมม่ิง (Roaming)” เม่ือมีการเคล่ือนท่ีของอุปกรณ์ขา้ มจากเซลล์หน่ึงไปยงัอีกเซลลห์ น่ึง ระบบการส่ือสารก็ยงั คงสามารถทางานตอ่ ไปได้ เพราะมีการโอนขอ้ มลู การสื่อสารไปใหย้ งั เซลลท์ ่ีอยถู่ ดั ไป
77ภาพท่ี 3.22 Cellular Networkที่มา (TELUS 2557).6. การสื่อสารข้อมูลบนอปุ กรณ์เคลอื่ นท่ี (Mobile Device) เน่ืองจากเทคโนโลยขี องโทรศพั ทม์ ือถือไดร้ ับการพฒั นาอยา่ งต่อเน่ือง และมีความตอ้ งการรับ-ส่งขอ้ มูลผ่านเครือข่ายของโทรศพั ทม์ ือถือมากข้ึน จากท่ีเคยใช้ในการสนทนาด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว จึงทาให้เกิดการพฒั นาระบบเครือข่ายให้สามารถส่ือสารขอ้ มูลดว้ ยความเร็วสูงผ่านอุปกรณ์เคล่ือนท่ี โดยมีววิ ฒั นาการในยคุ ต่าง ๆ ตามลาดบั ดงั ต่อไปน้ี 6.1 WAP (Wireless Application Protocol) เป็ นมาตรฐานการสื่อสารสากลของการใชง้ านอินเทอร์เน็ตผา่ นโทรศพั ทม์ ือถือ แต่ยงั คงจากดั ดว้ ยการแสดงผลท่ีมีขนาดเลก็ และความเร็วต่า
78ภาพที่ 3.23 หนา้ จอระบบ WAP ของโทรศพั ทม์ ือถือที่มา (mail2web.com 2557). 6.2 GPRS (General Packet Radio Service) เป็ นระบบการส่ือสารไร้สายที่สามารถรับ – ส่งขอ้ มลู ดว้ ยความเร็วสูงสุดถึง 171.2 kbps ลกั ษณะการส่งขอ้ มลู จะมีการแบ่งออกเป็ นส่วนๆ ท่ีเรียกวา่package และสามารถติดต่อไปยงั อินเทอร์เน็ตไดโ้ ดยผ่านโทรศพั ทม์ ือถือหรือคอมพิวเตอร์ ท้งั น้ีระหว่างการใช้งาน GPRS ยงั สามารถรับโทรศพั ท์พร้อมกันได้ด้วย และยงั มีการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา (Always On) อย่างไรก็ตามการทางานของ GPRS เป็ นการแบ่งช่องสัญญาณท่ีมี 8ช่องสัญญาณ (6 ช่องสัญญาณใชส้ าหรับขอ้ มูลเสียง และ 2 ช่องสัญญาณสาหรับขอ้ มูล) ซ่ึงถา้ มีการใช้งานในปริมาณมากๆ ในช่วงเวลาเดียวกนั ย่อมทาให้การโอนขอ้ มูลค่อนขา้ งช้าลงอย่างชัดเจน(สิทธิพร ไชยพงษ,์ 2557) 6.3 EDGE (Enhanced Data Rates for Global Evolution เป็ นอีกหน่ึงเทคโนโลยรี ะดบั G3 ที่ถูกกาหนดโดย ITU (International Telecommunication Union) เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการในการรับส่งขอ้ มูลความเร็วสูงผา่ นทางระบบเครือข่ายไร้สาย โดยเฉพาะสาหรับระบบโทรศพั ทม์ ือถือในระบบ GSM โดยเครือข่าย EDGE พฒั นาบนมาตรฐานเดียวกบั GPRS แต่มีความเร็วสูงถึง 236 kbpsแต่ทางทฤษฎีสามารถทาความเร็วไดถ้ ึง 473.6 kbps (เร็วกวา่ GPRS 4 เท่า) (สิทธิพร ไชยพงษ,์ 2557)
797. ยคุ ของเทคโนโลยโี ทรศัพท์เคลอื่ นที่ ในปัจจุบนั เทคโนโลยมี ีความกา้ วหนา้ มากข้ึนอยา่ งรวดเร็ว จนทาใหโ้ ลกทุกวนั น้ีกลายเป็ นโลกไร้พรมแดน ซ่ึงทุกคนสามารถติดต่อส่ือสารกนั ไดง้ ่ายกมากกวา่ เดิม โดยสิ่งสาคญั ท่ีช่วยให้การติดต่อสื่อสารเป็นเร่ืองง่ายคือเทคโนโลยกี ารส่ือสารไร้สาย ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยกี ารสื่อสารไร้สายใชต้ วั อกั ษรยอ่ G ซ่ึงยอ่ มาจากคาวา่ Generation แปลวา่ ยคุ หรือช่วงสมยั โดยไดเ้ ร่ิมมีการพฒั นามาต้งั แตย่ คุ 1G มาจนถึง 4G ในปัจจุบนั ซ่ึงวมิ ลศิริ อุตจนั ทร์ (2557) ไดอ้ ธิบายถึงวิวฒั นาการของยคุต่าง ๆ ไวด้ งั ตอ่ ไปน้ี 7.1 ยุค 1G (1st Generation) เป็ นยคุ ที่ใชร้ ะบบอนาล็อก คือการใชส้ ัญญาณวทิ ยุในการส่งคลื่นเสียง โดยไม่รองรับการส่งผา่ นขอ้ มูลใด ๆ ท้งั สิ้น แมแ้ ต่การรับ-ส่ง SMS (Short Message Service)ก็ยงั ทาไม่ได้ ในยุคน้นั ผบู้ ริโภคก็ยงั ไม่มีความตอ้ งการการใช้งานอื่น ๆ นอกจากเสียง (Voice) อยู่แลว้ โดยปริมาณผใู้ ชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือยงั อยใู่ นขอบเขตท่ีจากดั มาก ซ่ึงส่วนใหญ่มกั จะเป็ นผมู้ ีรายได้สูงภาพท่ี 3.24 โทรศพั ทใ์ นยคุ 1 Gท่ีมา (University of Salford 2557). 7.2 ยคุ 2G (2nd Generation) เป็ นยุคท่ีเปล่ียนจากการส่งคล่ืนวิทยุแบบอนาล็อกมาเป็ นการเขา้ รหัสดิจิตอลแทน โดยผูใ้ ช้สามารถใช้งานทางด้านขอ้ มูลคือสามารถส่งขอ้ ความ SMS ได้นอกเหนือจากการโทรออก-รับสาย รวมท้งั ยงั ทาให้เกิดการบริการมากมาย เช่น การเปิ ดให้ดาวน์โหลดเสียงเรียกสาย (Ringtone) ภาพพ้ืนหลงั หน้าจอ (Wallpaper) ต่อมาไดม้ ีการนาเทคโนโลยีGPRS มาใช้ เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับ-ส่งขอ้ มูลใหม้ ากข้ึน ทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงหลายอยา่ งเช่น สามารถส่ง MMS (Multimedia Message Service) ได้ เสียงเรียกเขา้ มีการเพิ่มเสียงเป็ นแบบ
80Polyphonic (เสียงดนตรีสังเคราะห์) และ True tone (เสียงเพลงเสมือนจริง) รวมท้งั มีการพฒั นาจอภาพใหม้ ีสีสันสวยงามแทนจอเดิมท่ีเป็ นแบบจอขาว-ดา ต่อมาไดม้ ีการพฒั นาความเร็วในการส่งขอ้ มูลสูงข้ึน โดยใชเ้ ทคโนโลยี EDGE ซ่ึงมีความเร็วมากกวา่ GPRS ประมาณ 3 เท่า ทาให้สามารถเขา้ เวบ็ ไซต์ เล่นอินเทอร์เน็ตได้ แต่ความเร็วยงั คงมีจากดั และไม่สามารถรองรับไฟล์ขนาดใหญ่ได้โดยเทคโนโลยี GPRS และ EDGE ถูกนามาใช้ในระบบมาตรฐานคล่ืนความถี่ GSM (GlobalSystem for Mobile Communication)ภาพ 3.25 โทรศพั ทใ์ นยคุ 2Gที่มา (siamphone.com 2557). 7.3 ยคุ 3G (3rd Generation) มีความโดดเด่นในเรื่องของความเร็วในการเช่ือมต่อและการรับ-ส่งขอ้ มลู โดยเนน้ การเชื่อมตอ่ ไร้สายดว้ ยความเร็วสูง เพื่อรองรับการใชง้ านกบั อุปกรณ์สมยั ใหม่ท่ีช่วยให้สามารถใช้งานดา้ นมลั ติมีเดียไดอ้ ย่างสมบูรณ์แบบ และสามารถส่งขอ้ มูลท้งั ภาพและเสียงในระบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ซ่ึงก่อให้เกิดการใช้งานท่ีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ นการสนทนาผา่ นวิดีโอคอล (Video Call) หรือดูหนงั ฟังเพลง ผา่ ยระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากน้ียงั ก่อให้เกิดการบริการท่ีเรียกว่าโมไบล์แอพพลิเคชนั (Mobile Application) ด้วย สาหรับประเทศไทยได้นาเทคโนโลยี UMTS (Universal Mobile Telecommunications System) มาใช้ ซ่ึงเป็ นมาตรฐานใหม่ท่ี
81ถูกพฒั นามาจากระบบคลื่นความถี่ GSM ที่มีเทคโนโลยีหลกั คือ W-CDMA ต่อมาไดถ้ ูกพฒั นาให้เป็นเทคโนโลยี HSPA+ ที่สามารถรับส่งขอ้ มูลดว้ ยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps 7.4 ยุค 4G (4th Generation) ถือไดว้ า่ เป็ นยคุ ปัจจุบนั โดยจะเป็ นการใชเ้ ทคโนโลยี LTE (LongTerm Evolution) ซ่ึงเกิดจากความร่วมมือของ 3GPP (3rd Generation Partnership Project) ท่ีมีการพฒั นาให้ LTE มีความเร็วมากกวา่ ยคุ 3G ถึง 10 เท่า โดยมีความสามารถในการส่งถ่ายขอ้ มูลดิจิตอลมลั ติมีเดียสตรีมม่ิงท่ีมีความเร็วอยา่ งนอ้ ย 100 Mbps และมีความเร็วสูงสุดถึง 1 Gbpsภาพท่ี 3.26 ตารางเปรียบเทียบความเร็วในการดาวนโ์ หลดขอ้ มูลต้งั แต่ยคุ 2G จนถึงยคุ 4Gที่มา (siamphone.com 2557).8. สัญญาณรับส่งข้อมูล ในการสื่อสารขอ้ มูล ชนิดของสัญญาณทางอิเล็คทรอนิกส์ ท่ีใชจ้ ะสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2ประเภทคือ 8.1 สญั ญาณแบบอนาล็อก (Analog) เป็นสญั ญาณแบบตอ่ เนืองท่ีทุก ๆ คา่ ท่ีเปลี่ยนแปลงไปของระดบั สัญญาณจะมีความหมาย ซ่ึงจะถูกรบกวนจากสัญญาณรบกวน (Noise) ทาให้ความหมายของขอ้ มูลเสียหายไดง้ ่าย เช่นสัญญาณเสียงในโทรศพั ท์ เป็นตน้ 8.2 สัญญาณดิจิตอล (Digital) คือสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ 2 ค่า คือสัญญาณระดบั สูงสุดและระดบั ต่าสุด ทาใหม้ ีประสิทธิภาพและความน่าเช่ือถือดีกวา่ สัญญาณอนาล็อก เพราะมีการใชเ้ พียง 2
82ค่าเพื่อนามาตีความหมายเป็ น on/off หรือ 1/0 นนั่ เอง ซ่ึงสัญญาณดิจิตอลน้ีใชใ้ นระบบการทางานของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั ในใชส้ ัญญาณท้งั สองแบบน้ีอาจจะใชร้ ่วมกนั ก็ไดแ้ ต่ตอ้ งมีอุปกรณ์ที่ทาหนา้ ที่แปลงสัญญาณก่อนโดยท่ีการแปลงสัญญาณ ดิจิตอลเป็ นสัญญาณอนาล็อก เรียกว่า Modulation และการแปลงสญั ญาณอนาลอ็ กเป็นดิจิตอลเรียกวา่ Demodulation เช่น MODEM (Modulation DEModulation)ภาพท่ี 3.27 สัญญาณดิจิตอลและสัญญาณอนาลอ็ กท่ีมา (Shay 1995).ภาพท่ี 3.28 สัญญาณทีวแี บบดิจิตอลเปรียบเทียบกบั สัญญาณทีวแี บบอนาล็อกท่ีมา (it24hrs.com 2557).
839. วธิ ีการส่งข่าวสารโดยผ่านตวั กลาง วธิ ีการส่งขา่ วสารโดยผา่ นตวั กลาง แบง่ ออกเป็น 3 รูปแบบ ดงั ตอ่ ไปน้ี 9.1 การส่ือสารแบบทางเดียวหรือซิมเพล็กซ์ (One-way communication หรือ Simplex) ในการส่งขอ้ มูลจะประกอบไปดว้ ยช่องสัญญาณเพียงช่องเดียวจากตน้ ทางไปยงั ปลายทางอีกดา้ นหน่ึงท่ีเป็นผรู้ ับ การส่งแบบน้ีจะเป็นลกั ษณะขอ้ มูลถูกส่งไปทางเดียว เช่น การกระจายเสียงของสถานีวทิ ยุต่างๆ การแพร่ภาพทางโทรทศั น์ การส่งน้าตามท่อ หรือการจราจรระบบทางเดียว ลกั ษณะการส่ือสารดงั แสดงในภาพท่ี 3.29 ผสู้ ่ง ผรู้ ับภาพที่ 3.29 แสดงระบบการสื่อสารแบบ Simplex 9.2 การสื่อสารแบบทางใดทางหน่ึง หรือแบบฮาลฟ์ ดูเพล็กซ์ (Either-way communication หรือHalf duplex) การส่งขอ้ มลู แบบน้ีอุปกรณ์ปลายทางท้งั สองดา้ นสามารถส่งหรือรับขอ้ มูลได้ แต่จะมีช่องส่งสัญญาณเพียงช่องเดียว ในการส่งขอ้ มูลตอ้ งมีการสลบั กนั ส่ง จะส่งในเวลาเดียวกนั ไม่ได้เช่น วทิ ยสุ ่ือสาร เป็นตน้ ลกั ษณะการสื่อสารดงั แสดงในภาพท่ี 3.30 ผสู้ ่ง ผรู้ ับ ผรู้ ับ ผสู้ ่งภาพท่ี 3.30 แสดงระบบการสื่อสารแบบ Half duplex 9.3 การส่ือสารแบบสองทางหรือฟูลดูเพล็กซ์ (Both-Way communication หรือ Full duplex)การส่งขอ้ มูลแบบน้ีจะมีช่องสัญญาณ 2 ช่อง และอุปกรณ์ปลายทางสามารถส่งและรับขอ้ มูลได้พร้อม ๆ กนั การส่งขอ้ มูลจะสามารถส่งส่งไดท้ ้งั สองทิศทางพร้อมกนั เช่น ระบบการจราจร 2 ทางระบบโทรศพั ทท์ ว่ั ไป เป็นตน้ ลกั ษณะการสื่อสารดงั แสดงในภาพท่ี 3.31
84 ผสู้ ่ง ผรู้ ับ ผรู้ ับ ผสู้ ่งภาพท่ี 3.31 แสดงระบบการสื่อสารแบบ Full duplex10. อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล 10.1 MODEM (MOdulation And DEModulation) ทาหนา้ ที่ในการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็ นอนาลอก และแปลงสัญญาอนาลอกเป็ นดิจิตอล นิยมนามาติดต้งั กบั คอมพิวเตอร์เพ่ือเชื่อมต่อกบัเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจากบา้ นผา่ นสายสัญญาณโทรศพั ทม์ ีอยู่ 2 ประเภทคือ โมเด็มแบบภายในซ่ึงติดต้งั อยบู่ นเมนบอร์ด กบั โมเด็มแบบภายนอก มีหน่วยวดั ความเร็ว เป็ น Kbps (กิโลบิตต่อวินาที)เช่น 56.6 Kbpsภาพท่ี 3.32 โมเด็มแบบภายในภาพที่ 3.33 โมเดม็ แบบภายนอก
85 10.2 Network Interface Card (NIC) หรือ LAN Card เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์เป็ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยจะติดต้งั อยู่ในช่องเสียบบนเมนบอร์ด (SLOT) ส่วนคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่จะถูกติดต้งั ไวบ้ นแผงวงจรหลกั (Mainboard) มีความเร็วต้งั แต่ 10, 100 และ1000 Mbpsภาพท่ี 3.34 ก. NIC สาหรับ Fiber Opticภาพที่ 3.35 NIC สาหรับ UTP, Coaxialภาพท่ี 3.36 NIC แบบไร้สาย
86 10.3 ฮบั (Hub) ทาหนา้ ท่ีกระจายสัญญาณขอ้ มูลในเครือข่าย มีราคาถูก นิยมใชใ้ นระบบ LAN มีท้งั แบบใชส้ ายและไร้สาย แบบไร้สายเรียกวา่ “Access Point” มีอยู่ 2 ประเภทคือ 1) Passive Hub เป็น ฮบั ท่ีไมม่ ีการขยายสัญญาณใด ๆ ที่ส่งผา่ นมา มีราคาถูกและไม่จาเป็นตอ้ งใชจ้ า่ ยพลงั งานไฟฟ้ าให้ ซ่ึงปัจจุบนั ไมน่ ิยมใชแ้ ลว้ 2) Active Hub เป็ นฮบั ท่ีมีเคร่ืองทวนสัญญาณ (Repeater) ในตวั ทาใหส้ ามารถขยายสัญญาณขอ้ มูลส่งไปไดไ้ กลข้ึน ทาใหต้ อ้ งใช้พลงั งานไฟฟ้ าอยตู่ ลอดเวลา จึงนิยมนามาใชง้ านในปัจจุบนัภาพที่ 3.37 ฮบั และ Access Point 10.4 สวิตซ์ (Switch) นิยมใชใ้ นระบบเครือข่ายแลนแบบ Ethernet เพื่อเช่ือมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครือข่ายเขา้ ดว้ ยกนั สวติ ซ์จะลดการจราจรระหวา่ งครือข่ายที่ไม่จาเป็ นลงได้ทาให้เครือข่ายทางานไดเ้ ร็วข้ึนกล่าวจะไม่กระจายขอ้ มูลไปทว่ั เครือข่ายเหมือนกบั Hub แต่จะกระจายตามเส้นทางท่ีเรากาหนดไวใ้ ห้ภาพที่ 3.38 สวติ ซ์
87 10.5 เราเตอร์ (Router) ทาหนา้ ที่ในการเช่ือมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีใชโ้ ปรโตคอลต่างกนัและสามารถทาการกรอง ขอ้ มูลท่ีเรากาหนดไวใ้ ห้สามารถผา่ นได้ ทาให้ช่วยลดปัญหาการจราจรที่คบั คงั่ ของขอ้ มูลและเพ่ิมความปลอดภยั ของเครือข่าย และยงั สามารถหาเส้นทางท่ีเหมาะสมในการรับส่งขอ้ มูลใหโ้ ดยอตั โนมตั ิดว้ ยซ่ึงเราเตอร์อาจเป็นไดท้ ้งั ฮาร์ดแวร์หรือซอฟตแ์ วร์ภาพที่ 3.39 เราเตอร์11. การประยกุ ต์ใช้งาน 11.1 ดา้ นการติดต่อสื่อสาร 1) บริการกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ หรือเวบ็ บอร์ด เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร รวมถึงการแสดงความคิดเห็นผา่ นกระดานขา่ ว ทาใหส้ ามารถแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสารไดท้ ว่ั โลก 2) จดหมาย และจดหมายเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ การส่งจดหมายทางอิเล็กทรอนิกส์เป็ นการส่งขา่ วสารโดยระบุตวั ผรู้ ับ เช่นเดียวกบั การส่งจดหมาย ผรู้ ับจะไดร้ ับอยา่ งรวดเร็วเน่ืองจากเป็ นการส่งผา่ นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ที่เช่ือมโยงกนั อยู่ 3) การประชุมระยะไกลทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยผใู้ ชจ้ ะสามารถประชุมกนั ไดต้ ้งั แต่ 2 คนข้ึนไป ผา่ นระบบเครือข่าย โดยไม่ตอ้ งเดินทางมาประชุมในสถานท่ีเดียวกนั สามารถท่ีจะรับฟังสนทนา ซักถาม ตอบคาถาม แสดงชาร์ท หรือรูปภาพ สามารถท่ีจะกระจายไปยงั ผเู้ ขา้ ร่วมประชุมได้ จึงช่วยในการประหยดั เวลาของผรู้ ่วมประชุมแต่ละคนดว้ ย
88ภาพท่ี 3.40 เทเลพรีเซนต์ ห้องประชุมเสมือนจริงท่ีมา (bangkokbiznews.com 2557). 4) การสนทนาออนไลน์ การพูดคุยโตต้ อบกนั ในเครือข่ายไดใ้ นเวลาเดียวกนั โดยการพิมพข์ อ้ ความผา่ นทางคียบ์ อร์ด หรือการสื่อสารผา่ นทางวดิ ีโอคอล 11.2 ดา้ นการคน้ หาขอ้ มูล เป็ นบริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็ นประโยชน์ท่ีสาคญั ท่ีสุดอย่างหน่ึงของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยผใู้ ห้บริการสามารถบริการสารสนเทศ ท่ีมีความสาคญั และเป็ นที่ตอ้ งการของผูใ้ ช้ ผา่ นทางระบบเครือข่าย ซ่ึงผูใ้ ช้จะสามารถเรียกดูสารสนเทศเหล่าน้นั ไดท้ นั ทีตลอด 24 ชวั่ โมง เช่นการใชเ้ วบ็ บราวเซอร์สืบคน้ หาขอ้ มูล 11.3 ดา้ นธุรกิจและการเงิน 1) การแลกเปล่ียนขอ้ มูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็ นกระบวนการที่ช่วยให้องคก์ รทางธุรกิจต่างๆ สามารถแลกเปล่ียนเอกสารที่เป็ นแบบฟอร์มมาตรฐานต่างๆ เช่น ใบส่ังซ้ือสินคา้ ใบเสนอราคา ใบกากบั สินคา้ ใบเสร็จรับเงิน ใบกากบั ภาษี หรืออ่ืนๆ ในรูปของขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์ท่ีผา่ นระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2) การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การทาธุรกรรมทางเงินกับธนาคาร พบได้ในชีวิตประจาวนั ตวั อย่างในปัจจุบนั ก็คือการฝาก ถอนเงินผ่าน ATM รวมท้งั ระบบการโอนเงินระหวา่ งบญั ชี 3) การสั่งซ้ือสินคา้ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-commerce)
89 11.4 ดา้ นการศึกษา ระบบเครือข่าย มีส่วนช่วยดา้ นการศึกษาอยา่ งมาก เช่น การเรียนการสอนผา่ นอินเทอร์เน็ท เป็ นการนาเอาสื่อการเรียนการสอนผา่ นเทคโนโลยี มาช่วยสนบั สนุนการเรียนการสอน ทาให้เกิดการเรียนรู้ การสืบคน้ ขอ้ มูล และเช่ือมโยงเครือขา่ ย ทาใหผ้ เู้ รียนสามารถเรียนไดท้ ุกสถานท่ี และทุกเวลา 11.5 ดา้ นการแพทย์ 1) ดา้ นการลงทะเบียนรับการบริการของผูป้ ่ วย ต้งั แต่การทาบตั ร บนั ทึกอาการ แฟ้ มเวชระเบียน ส่งั จ่ายยา นดั หมายเพ่อื ติดตามอาการ 2) การสนบั สนุนการรักษาพยาบาล โดยการเช่ือมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลต่างๆ เขา้ ดว้ ยกนั ทาใหส้ ามารถสร้างเครือขา่ ยขอ้ มูลทางการแพทย์ แลกเปล่ียนและคน้ หาขอ้ มูลของผปู้ ่ วย 3) ระบบแพทยท์ างไกลสามารถใหค้ าปรึกษาทางไกลโดยแพทยผ์ เู้ ชี่ยวชาญ ช่วยใหแ้ พทย์สามารถเห็นหน้า หรือท่าทางของผูป้ ่ วยได้ ช่วยในการส่งข้อมูลท่ีเป็ นเอกสาร หรือภาพเพ่ือประกอบการพจิ ารณาของแพทย์ภาพที่ 3.41 ระบบแพทยท์ างไกล (Telemedicine)ท่ีมา (yalemedlaw.com 2557).
9012. สรุป การสื่อสารขอ้ มูลเป็นเร่ืองที่เกิดข้ึนมานานแลว้ ต้งั แต่มนุษยเ์ ราสามารถทาการส่ือสารกนัได้ โดยในยุคแรกใช้การ เขียนขอ้ ความลงบนพ้ืนผิววตั ถุต่างๆ และใชก้ ารส่งสัญญาณบนพ้ืนฐานของการไดย้ นิ เสียงและการมองเห็นเป็ นส่วนใหญ่ หากการส่ือสารเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมนุษย์เราสามารถส่งสารสนเทศโดยการใชส้ ัญญาณไฟฟ้ าผา่ นสายทองแดง ซ่ึงถือวา่ เป็ นคร้ังแรกที่มนุษย์สามารถส่งสารสนเทศโดยท่ีไม่สามารถมองเห็นสารสนเทศท่ีส่งออกไปดว้ ยตาเปล่าได้ และมีการเปลี่ยนแปลงคร้ังใหญ่อีกคร้ังเม่ือมีการคิดคน้ เคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองแรกของโลก โดยปัจจุบนัคอมพิวเตอร์ถูกนามาในบริษทั โรงเรียน บา้ น และองค์กรอื่น ๆ อย่างกวา้ งขวาง และทาให้การสื่อสารขอ้ มลู มีความเจริญและพฒั นายงิ่ ข้ีน องค์ประกอบพ้ืนฐานของระบบส่ื อสารข้อมูลประกอบด้วย ผู้ส่ง-ผู้รับ ข่าวสารโปรโตคอล (Protocol) และ ซอร์ฟแวร์ (Software) สาร (Message) และ สื่อกลาง (Medium) หรือช่องสัญญาณ (Channel) ที่มีท้งั ส่ือกลางท่ีกาหนดเส้นทางได้ เป็ นระบบที่รวมส่ือกลางท่ีเป็ นสายท้งั หมด หรือส่ือกลางที่ไม่สามารถกาหนดเส้นทางได้ เป็ นระบบที่ไม่ใชส้ ายเป็ นตวั นาขอ้ มูลที่ซ่ึงเป็ นระบบที่ไดร้ ับความนิยมมากในการส่ือสารปัจจุบนั นอกเหนือจากการส่ือสารขอ้ มูลขา้ งตน้ อีกท้ังเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือมีการพฒั นาอย่างต่อเน่ือง ความต้องการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายของโทรศพั ท์มือถือมากข้ึน เกิดการพฒั นาระบบเครือข่ายให้สามารถส่ือสารขอ้ มูลดว้ ยความเร็วสูงผา่ นอุปกรณ์เคล่ือนท่ี สัญญาณรับส่งขอ้ มูลของการส่ือสารมี 2 รูปแบบคือ สัญญาณแบบอนาล็อก ซ่ึงเป็ นสัญญาณแบบต่อเนื่อง และสัญญาณดิจิตอล เป็ นสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์ 2 ค่าที่ให้ความชดั เจนในการสื่อสารสูง ส่งผา่ นขา่ วสารผา่ นตวั กลางต่างๆ ท้งั การส่ือสารแบบซิมเพล็กซ์ แบบฮาล์ฟดูเพล็กซ์หรือฟลู ดูเพลก็ ซ์ และมีการนาการส่ือสารมาประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานดา้ นตา่ งๆ อยา่ งมากมาย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287