Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบปฎิบัติการ ปวส

ระบบปฎิบัติการ ปวส

Published by พุฒิพงศ์ ลือเมือง, 2018-10-02 09:57:47

Description: บทที่ 2 วิวัฒนาการและหน้าที่ของระบบปฏิบัติการ

Search

Read the Text Version

วิชาระบบปฏิบัติการบทที่ 2 วิวัฒนาการของระบบ ปฏิบัติการ หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปี 1 สอนโดย อาจารย์กฤติเมธ โอพั่ง [email protected]

ความเป็นมาของระบบปฏิบัติการ

นกั ศึกษารู้จกั Operation System จากคา่ ยไหนบา้ ง

ระบบปฏิบัติการจัดเป็นโปรแกรมระบบท่ีใช้สำหรับควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ รวมท้ังการจัดสรรทรัพยากรในระบบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ันระบบปฏิบัติการหรือมักเรียกสนั้ ๆ ว่า โอเอส (OS) นน้ั จึงหมายถึงชุดโปรแกรมทีท่ ำหน้าท่ใี นการควบคมุ ดูแลการดำเนินการต่างๆ ของระบบคอมพวิ เตอร์ ประสานการทำงานระหวา่ งทรัพยากรตา่ งๆ ใ นระบบ ทั้งในส่วนที่ซอฟต์แวร์ และส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์ให้สามารถดำเนนิ การทำงานร่วมกนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

โดยมีเป้าหมายเพ่ือเป็นตัวกลางท่ีช่วยในการประสานการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้วยการตอบสนองต่อผู้ใช้งาน ทำให้ผูใ้ ช้งานสามารถโต้ตอบกับคอมพิวเตอรไ์ ด้อย่างสะดวก และเป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ โ ดยผู้ใช้งานไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งร้วู ่าภายในคอมพิวเตอร์ต้องทำงานอย่างไร ปล่อยให้ป็นหนา้ ที่ของตวั ระบบปฏบิ ตั ิการเปน็ ผู้จัดการแทน

Definitionระบบปฏบิ ตั ิการ (operating system) หรือ โอเอส (OS)เป็นซอฟตแ์ วรท์ ท่ี ำหน้าทเ่ี ปน็ ตวั กลางระหวา่ งฮารด์ แวร์ และซอฟต์แวร์ประยุกตท์ วั่ ไป บางคร้ังเราอาจะเห็น ระบบปฏบิ ัตกิ ารเปน็ เฟริ ์มแวร์ก็ได้

ระบบปฏบิ ตั กิ ารมหี น้าท่หี ลัก ๆ คอื การจัดสรรทรพั ยากรในเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ให้บริการซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ ใ นเร่ืองการรับส่งและจดั เกบ็ ขอ้ มลู กับฮาร์ดแวร์ เช่น การสง่ ข้อมูลภาพไปแสดงผลที่จอภาพ การสง่ ขอ้ มลู ไปเก็บหรอื อา่ นจากฮาร์ดดสิ ก์ การรับส่งข้อมูลในระบบเครือข่าย การส่งสัญญานเสียงไปออกลำโพง หรือจัดสรรพืน้ ท่ีในหนว่ ยความจำ ตามที่ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ตร์ อ้ งขอ รวมท้ังทำหน้าที่จัดสรรเวลาการใช้หน่วยประมวลผลกลาง ใ นกรณีท่ีอนญุ าตให้ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์หลายๆ ตัวทำงานพรอ้ มๆ กนั

ระบบปฏบิ ัตกิ าร ชว่ ยให้ตวั ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ไม่ต้องจดั การเรอ่ื งเหล่านนั้ ด้วยตนเอง เพยี งแค่เรียกใชบ้ ริการจากระบบปฏิบัติการกพ็ อ ทำให้ โปรแกรมเมอรส์ ามารถพัฒนาซอฟตแ์ วร์ ประยุกตไ์ ด้ง่ายข้ึน

ดังน้ันระบบปฏิบัติการก็เปรียบเสมือนกับรัฐบาลที่คอยดูแลองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ จัดหาหนทางที่เหมาะสมในการใชท้ รัพยากร (Resource) รว่ มกันที่มีอยู่อย่างจำกัดเพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใชใ้ ห้เกิดประโยชน์สงู สุด

คำถามResource (ทรัพยากร) คืออะไร ?

ระบบปฏบิ ัตกิ ารเปน็ ตวั กลางใบการประสานงานระหวา่ งฮาร์ดแวรก์ บั แอปพลิเคชนั ซอฟต์แวร์เพื่อสร้างความสะดวกตอ่ ผูใ้ ช้งาน

วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ

1. การป้อนงานแบบกลุ่มด้วยมือ (Manual Batch Syetem)! ในช่วงราวปี ค.ศ. 1940 คอมพวิ เตอรใ์ นยุคนนั้ เป็นเพียงครื่องคอมพวิ เตอร์เปลา่ ๆทไ่ี ม่มรี ะบบบปฏบิ ตั ิการ ผใู้ ชง้ านต้องทำการเขียนโปรแกรมภาษาเครอ่ื ง รวมถึงการควบคุมเคร่ืองการตรวจสอบ การเขียนโปรแกรม ซงึ่ ส่งิ เหลา่ น้ผี ใู้ ช้งานต้องจดั การเองท้งั สิน้ จงึ ทำใหต้ อ้ งเสยี เวลาไปกบั การตระเตรยี มงานเบื่องต้นเหลา่ นีเ้ ปน็อยา่ งมาก ดงั นนั้ จึงจำเป็นต้องว่าจ้างพนกั งานควบคมุ เครอ่ื งท่มี คี วามชำนาญซงึ่เรียกวา่ พนักงานควบคมุ เคร่ือง หรอื โอเปอเรเตอร(์ Operator)เพ่อื ลดเวลาที่ตอ้ งเสยี ไปกับการจดั การดังกลา่ วไมว่ า่ จะเปน็ การเตรียมงาน การรวบรวมงานการแปลงานท่ีต้องใชต้ ัวแปลภาษา ซึ่งเปน็ การป้อนงานแบบกล่มุ ดว้ ยมือ(Manual Batchsystem)โดยระบบงานดงั กลา่ วนย้ี งั ไม่มกี ารใชโ้ ปรแกรมระบบปฏิบัตกิ าร

2. การประมวลผลแบบกลมุ่ โดยอัตโิ นมตั ิ (Automatic Batch processing) ! ต่อมาในช่วงราวปี ค.ศ.1950 ไ ดม้ กี ารพัฒนาโปรแกรมระบบปฏบิ ตั กิ ารหรอืโอเอสร่นุ แรกออกมาใชง้ านกับครอื่ ง IBM-701 เรยี กว่าการประมวลผลแบบกล่มุโดยอตั โิ นมัต(ิ Automatic Batch processing) ระบบปฏิบตั ิการในยคุ นเ้ี ป็นเพียงโปรแกรมเล็กๆซ่ึงได้ฝังอยูใ่ นหน่วยความจำของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาและจะส่งมอบการควบคุมเคร่ืองให้กับโปรแกรมของผูใ้ ช้ทีละโปรแกรมเรียงลำดบั กันไปและไดเ้ กิดภาษาควบคมุ งาน (Job Control Language:JCL) ขึน้

การประมวลผลแบบกล่มุ โดยอัตโนมตั ิ (Automatic Batch Processing)

คำอธิบายรูป(a) โปรแกรมเมอรเ์ ตรยี มบตั รเจาะรูเพอ่ื นำเข้าสเู่ ครื่อง 1401 ซึง่ เปน็ เครือ่ งอา่ นบตั รเจาะรู(b) เคร่ือง 1401 อา่ นขอ้ มูลแบตช์จากบัตรเพ่อื บันทกึ ลงในเทปแม่เหล็ก           (c) โอเปอรเ์ รเตอร์จดั เตรยี มเทปแมเ่ หลก็ (Input tape)ไปยังเครอ่ื ง 7094(d) เครือ่ ง 7094 ทำการประมวลผลขอ้ มูลจากเทปแม่เหล็กที่อา่ นเขา้ มาไปยังเทปแม่เหลก็ อกี ชุดหนงึ่ ซ่ึงเป็นผลลัพธ์ทไ่ี ดจ้ ากการประมวลผล(e) โอเปอรเ์ รเตอร์นำเทปทผี่ ่านการประมวลผล(Output Tape)ไปยงั เครอ่ื ง1401(f) เครอื่ ง 1401 ทำการอ่านขอ้ มูลจากเทปและพมิ พแ์ ละพมิ พผ์ ลลัพธผ์ ลลัพธ์ลงบนเคร่ืองพิมพ์

รปู แบบภาษาควบคุมงาน(JCL)ของภาษาฟอร์แทรน

จากกระบวนการทำงานดงั กล่าว ก่อให้เกดิ ปัญหาตามมาก็คือเวลาที่ต้องสูญเสียไปกับการป้อนงานต่างๆไม่ว่าจะเปน็ เตรียมบตั รจำรเู พื่อไปยงั เครื่องอ่านบัตร การเตรยี มมว้ นเทปเพ่อื บรรจุลงในเคร่อื งอา่ น/บนั ทกึ เทป และรวมถึงการนำผลลัพธ์เหล่านั้นออกจากเคร่ืองซ่ึงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกระบวนการทำงานทีย่ ังจำเป็นต้องใชแ้ รงงานคน จงึ ทำใหซ้ พี ียูอยใู่ นสภาวะน่ิงเฉย ซึ่งซพี ยี ใู นยุคนน้ั ถอื เป็นสงิ่ ที่มคี า่ ราคาแพงแตก่ ลับไมไ่ ดถ้ กู นำไปใช้งานได้อยา่ งเตม็ ที่

บตั รเจาะรู

จากปญั หาท่ีซีพียไู มส่ ามารถใช้งานได้ อย่างเต็มท่ี เพราะต้องสูญเสยี เวลาไปกับการจัดเตรียมอปุ กรณ์ จงึ ทำใหเ้ กดิ แนวทาง ในการแกไ้ ขปัญหาดังกล่าว คือ

1. การป้อนงานแบบกลุ่มดว้ ยมอื (Manual Batch Syetem) และ2. การประมวลผลแบบกลมุ่ โดยอัติโนมัติ (Automatic Batch processing)

2.1 การทำงานแบบบัฟเฟอร์ (Buffering) แนวความคิดนี้ ต้องการให้หน่วยรับข้อมูลและแสดงผลทำงานในลักษณะขนานกันกับหน่วยประมวลผลกลางให้มากท่ีสดุ เท่าทจ่ี ะเป็นไปได้ กล่าวคือ ขณะทซ่ี พี ียูประมวลผลข้อมลู ชุดหนง่ึ อยู่ หนว่ ยรับข้อมูลก็จะอา่ นขอ้ มลู ถดั ไปเข้ามาไวใ้ นหน่วยความจำ ซ่ึงกค็ อื บฟั เฟอร์ (Buffer) …………..

2.1 การทำงานแบบบฟั เฟอร์ (Buffering)…….แต่อย่างไรก็ตามซีพียูก็ยังทำงานหรือประมวลผลได้รวดเร็วกวา่ อปุ กรณห์ ลายพนั เทา่ ถึงแม้วา่ จะมีบฟั เฟอรก์ ็ตาม เนือ่ งจากวา่เวลาของซีพียูกับเวลาของอุปกรณไ์ ม่สัมพันธ์กันน่ันเอง กล่าวคือซพี ียูก็ยังคงอยใู่ นสถานะวา่ งอยู่ดี โดยหากมกี ารตดิ ต่อกับอปุ กรณร์ บัข้อมลู และอปุ กรณ์แสดงผลมากๆ (I/O Bound) ก็จะทำใหซ้ พี ียวู า่ งหรอื ทำงาน ในขณะทีห่ ากซีพียูถูกใช้งานมากๆ (CPU Bound) หน่วยรบั ขอ้ มลู และหน่วยแสดงผลขอ้ มลู ข้อมลู กจ็ ำเปน็ ตอ้ งรอซีพียู

Buffer เปรยี บได้กบั “กระดาษทด”

2.2 การประมวลผลแบบออฟไลน์(Off-Line) การประมวลผลแบบออฟไลน์ เรมิ่ ขนึ้ เม่อื มีการใช้สือ่ จดั เก็บขอ้ มูลชนิดเทปแม่เหล็กเข้ามาแทนบัตรเจาะรู ซึ่งระบบปฏิบัติการจำเป็นต้องสามารถควบคุมและจัดการบันทึกหรืออ่านข้อมูลจากเทปแม่เหล็กได้ แตก่ ระบวนการดังกลา่ วจำเป็นต้องมีขน้ั ตอนการทำงานมากขน้ึ และในการจัดเก็บขอ้ มูลลงบนเทปแม่เหลก็ กต็ อ้ งรอใหม้ ีหลายๆโปรแกรมเสียก่อนแล้วจึงค่อยนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์คร้ังเดียวชว่ งเวลาดังกลา่ วจึงทำให้ผู้ตองใช้ประโยชน์จากซพี ียูดีขนึ้ ก็ตาม

แสดงการประมวลผลแบบออฟไลน์ (off-line processing)

QUESTION ?

การทำงานแบบสพลู ลิ่ง (Spooling) ต่อมาเมือ่ เทคโนโลยีส่ือบันทึกข้อมลู ได้มีการพฒั นาข้นึ โ ดยไดม้ ีการใช้จานแม่เหล็กเป็นสื่อบันทึกข้อมูล ระบบปฏิบัติการก็เริ่มสนับสนุนและใช้งานกับอุปกรณ์ท้ังจานแม่เหล็กและเทปแม่เหล็กมากข้ึน ด้วยเหตุผลสำคัญ คือ จานแม่เหล็กน้ันสามารถเข้าถึง(Acess)ข้อมูลไดโ้ ดยตรง จึงสามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะส่วนงานท่ีตอ้ งการใช้งานได้ทนั ที ซึง่ แตกตา่ งจากเทปแม่เหลก็ ท่ที ำงานแบบเรียนลำดับ(Sequential) โ ดยหากข้อมูลท่ีต้องการอยู่ส่วนกลางหรือปลายเทป กต็ ้องอา่ นขอ้ มูลส่วนหน้ากอ่ น

Spooling

งานท่ีเข้ามาในสพูล ระบบปฏิบัติการสามารถเลือกงานเข้าไปประมวลผลได้ตามความเหมาะสม เช่นอาจจะใชห้ ลกั การตามลำดบั ตารางงาน(Job Scheduling) ซึ่งจดัเปน็ พืน้ ฐานในการพัฒนาระบบปฏบิ ัติการแบบมัลตโิ ปรแกรมม่ิง (Multiprogramming)เน่ืองจากว่าการทำงานแบบสพูลลิ่น้ีสามารถทำการเหล่ือมการประมวลผลของงานหนึ่งกบั การรับหรือแสดงผลขอ้ มลู ของอีกงานหนง่ึ ได้ โ ดยซีพยี ูจะอ่านข้อมลู จากจานแมเ่ หล็กและเม่ือต้องการพิมพ์ผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล แทนที่จะสั่งพิมพ์เพ่ือเก็บไวใ้ นดสิ กก์ ่อน แล้วจงึ ค่อยส่งพมิ พ์ออกเครือ่ งพิมพท์ ีหลังท การทำงานในลกั ษณะน้กี ค็ ือการทำงานแบบสพูลลิ่งน่ันเองโดย Spooling ย่อมาจาก Simulitaneous PeripheralOperation On-Line ดังน้ันหลักการทำงานของสพูลลิง่ หกจ็ ะทำใหส้ ามารถอ่านขอ้ มูลเขา้ ไปเกบ็ ไวใ้ นดสิ กพ์ รอ้ มๆ กบั การพมิ พ์ผลลพั ธ์จากดิสกไ์ ปยังเครื่องพมิ พ์ และในขณะเดียวกันก็อาจมีงานอื่นๆ ท่ีส่งให้พีซียูประมวลผลต่อไปอีกก็ได้ หลักการดังกล่าวจึงทำใหก้ ารประมวลผลของซพี ยี ูมีประสิทธภิ าพมากข้ึนกว่าเดิม

3. ระบบมัลติโปรแกรมมิง่ (Multiproramming) ถึงแม้ว่าการประมวลผลแบบสพูลล่ิง จะเป็นพื้นฐานการทำงานของระบบมลั ติโปรแกรมมิ่งอย่างงา่ ย โ ดยมโี ปรแกรมทำงานขนานกันอยสู่ องโปรแกรม คือโปรแกรมสพูล และโปรแกรมของผู้ใช้ แต่กไ็ ม่อาจนำไปใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบตา่ งๆ ของคอมพิวเตอรไ์ ดอ้ ย่างเตม็ ที่ เช่น ใ นกรณีทโ่ี ปรแกรมของผ้ใู ช้ทำงานร่วมกับเทปแม่เหล็กก็จะเกิดความเหล่ือมลำ้ ด้านความเร็วระหว่างซีพียูเชน่ เคย หรอื ในกรณีท่ีเปน็ ระบบผู้ใช้แบบคนเดยี ว(Single User) ก้คงม่สามารถทำใหซ้ ีพยี รู วมท้งั I/O ทำงานได้ตลอดเวลา ดงั นน้ั จึงไดม้ กี ารพัฒนาหลกั การของระบบมลั ติโปรแกรมมง่ิ เพอ่ื ลดปญั หาดังกลา่ ว และส่งผลให้ประมวลผลมีประสิทธภิ าพย่งิ ขน้ึ กวา่ เดิม

ระบบปฏิบตั ิการในรูปแบบของมลั ตโิ ปรแกรมมงิ่ ทำงานบนซพี ยี ูตวั เดียว จะสามารถทำการควบคมุ ใหส้ ามารถรับงานหรอื โปรแกรมหลายๆ โ ปรแกรมเขา้ ไปในหน่วยความจำหลักและโปรกแรมหลายๆโปรแกรมก็พร้อมท่ีจะถูกประมวลผลโดยซพี ียพู รอ้ มๆกันในทน่ี ม้ี ิไดห้ มายถงึ ในเวลาเดยี วกัน กลา่ วคอื ระบบปฏบิ ัต-ิการจะทำการเลือกโปรแกรมใดโปรแกรมหน่ึงส่งให้ซีพียูประมวลผลไปเร่ือยๆจ น ก ระ ท ั่ งโ ป ร แ ก ร ม น ั้ น จำ เ ป ็ น ต ้ อ ง ร อ เ ห ตุ ก า ร ณ ์ใ ด เ ห ตู ก า ร ณ ์ ห น่ึ ง(Interruput) เช่น การหยุดรอใหใ้ ส่เทปแมเ่ หล็กเขา้ ไปในตูเ้ ทป ซ่ึงชว่ งเวลาน้นัซพี ียูไม่อยู่น่ิงเฉยอกี ตอ่ ไป แตร่ ะบบปฏิบัติการจะทำการคดั ลอกงานอน่ื ๆทีพ่ รอ้ มเข้ามาประมวลผลในซีพียูเป็นลำดับต่อไป และซีพียูจะมีการสลับเปล่ียนงานไปเรื่อยๆ โ ดยงานแรกที่ประมวลผลค้างไว้ก็จะนำกลับมาประมวลผลใหม่จนกระทง่ั สำเร็จ

ลกั ษณะการทำงานแบบมัลติโปรแกรมมงิ่ (multiprigramming) หรอื ระบบมัลติยูสเซอร์(mutiuser)

มนุษย์เราก็ทำงานแบบ MULTI-PROCESSINGเช่น1. ทำงานและฟงั เพลงไปดว้ ย2. ดูทีวี พร้อมๆกบั โทรศัพท์3. ขบั รถ พร้อมๆกับฟังเพลง ….4. ………………………..

4.ระบบแบ่งเวลา(Time-Sharing) จากระบบดังกล่าวข้างต้นทไ่ี ด้กล่าวมาแล้วน้ันส่วนใหญ่เป็นระบบการประมวลผลแบบแบตช์ กล่าวคอื เปน็ ระบบท่เี หมาะสมกับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่พร้อมกันทีเดียวซึ่แม้ว่าจะใช้ประโยชน์จาดซีพียไู ด้อย่างเตม็ ท่ี แตก่ ม็ ีการตอบโต้ตอบ (Interactive) กับผูใ้ ช้งานคอ่ นข้างน้อยโดยผู้ใช้เพียงแต่ส่งงานไปประมวลผลแล้วกลับมานำผลลัพธใ์ นภายหลังการประมวลผลเสร็จทำให้เกิดความแตกต่างท่ีจำเป็นต้องมีการโต้ตอบกับระบบซงึ่ จะประกอบด้วยงานย่อยต่างๆ สง่ เขา้ ไปประมวลผล และจำเปน็ ตอ้ งรอผลลัพธ์ทันที ดังนั้นวิธีการดังกล่าว จำเป็นต้องมีเวลาการตอบสนอง(Response Time) ท่สี น้ั

ความจริงแล้ระบบแบ่งเวลาเป็นการนำศาสตร์ของระบบมัลติโปรแกรมมิ่งมาพฒั นาต่อ โ ดยการทำงานแบบแบง่ เวลาหรอื Time-Sharingนั้น บางคร้งั อาจเรียกวา่ ระบบมัลตทิ าสก้ิง (Multi-tasking) ซึง่ จะมกี ารจัดลำดับตารางเวลาการใช้งานซีพียู() ของงานแต่ละงาน โ ดยงานที่กำลังประมวลจากซพี ยี ู จะเรยี กว่าโปรเซส โดยโปรเซสต่างๆจะใชเ้ วลาของซพี ียูในชว่ งเวลาส้ันๆ เพอื่ ประมวลผล เม่อื ครบเวลาก็จะจะทำการโปรเซสงานอน่ื ๆสลับไปมาระหว่างโปรแกรมทัง้ หลายท่ีเข้ามาประมวลผล และเนอ่ื งจากการประมวลผลของซีพียูมีความรวดเร็วมากจึงดูเหมือนว่าซีพียูประมาลผลงานพร้อมๆกัน ทั้งๆท่ีกำลังทำงานทีละงานสลับไปมาในลักษณะ SequentialExecution

ดงั นน้ั ลกั ษณะการทำงานของซพี ยี ูทจ่ี ะต้องสลบัทำงานของแตล่ ะโปรเซส (Process) ดเู หมอื น วา่ ซพี ยี ูจะถกู ใช้งานอยา่ งมากๆ ซ่งึ เรยี กว่า CPU Bound นนั่ เอง

ลกั ษณะการทำงานแบบ Single tasking

ลกั ษณะการทำงานแบบ Multi tasking

 5.ระบบตอบสนองการใช้งานแบบฉบั พลนั การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเร่ืองเวลาเข้ามาข้องเก่ียวกับการประมวลผลรวมถงึ การโอนถย่ ขอ้ มลู ซึง่ ระบบดงั กล่าวจำเป็นต้องได้รับการตอบสนองการใช้งานโดยทันทีเมื่อได้รับอินพุตขอ้ มลู โ ดยต้องใช้เวลาในการตอบสนอง (Response Time) ท่ีน้อยทีส่ ดุ เหมาะกบั งานในลกั ษณะออนไลน์ (On-line) Real Time - Realtime

ระบบงานดังกล่าวมักนำไปใช้กับงานทางวิทยาศาสตร์งานทางแพทย์ ระบบควบคุมงานอุตสาหกรรม ระบบควบคุมหัวฉีดนำ้ มัน และอาวธุ สงคราม เปน็ ต้นซึ่งระบบดงั กล่าวจำเปน็ ตอ้ งใช้งานประสิทธิภาพของตัวโปรเซสซอร์เป็นลำคัญซง่ึ จำเป็นตอ้ งไดร้ บั การออกแบบเปน็ อยา่ งดี

โดยระบบดังกล่าวจำเป็นต้องพัจารณาถึงขนาดความเร็วการทำงานของเคร่ือง ความเร็วของอุปกรณ์ และรวมถึงความเร็วของการส่ือสารข้อมูลซึ่งท้ังหมดจะส่งผลโดยตรงกับอัตราการการตอบสนองให้ช้าหรือเร็วได้ และโดยปกติการตอบสนองแบบฉับพลันน้ันหลังจากท่ีเราทำการส่งข้อมูลเข้าเคร่ืองเพ่ือประมวลผล คำตอบที่แสดงบนจอภาพจะแสดงภายในเสี้ยววินาทีหรือหากนานไปมากกว่านี้กไ็ ม่ควรเกินสิบวนิ าที

ระบบมลั ติโปรแกรมมง่ิ จัดได้วา่ เปน็ ต้นกำเนดิ ของศาสตร์ ทางระบบปฏบิ ตั ิการก็ว่าได้แต่ระบบมัลติโปรแกรมม่ิงเปน็ ระบบที่ซับซอ้ น

Reference (อ้างอิง)https://sites.google.com/site/operatingsystemeng1/xngkh- prakxb-khxng-rabb-khxmphiwtexrth.wikipedia.org/wiki/ระบบปฏิบัติการhome.kku.ac.th/regis/student/snakiiz/New%20Folder/11.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook