Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาไทยพื้นฐาน ปวช

ภาษาไทยพื้นฐาน ปวช

Published by พุฒิพงศ์ ลือเมือง, 2018-09-17 04:19:44

Description: หน่วยที่๙ [โหมดความเข้ากันได้]

Search

Read the Text Version

21/10/56หนวยที่ ๙ การเขียนรายงาน เชิงวิชาการรายงานวิชาการ หมายถึง การนําเสนอผลงานจากการศึกษาคนควาอยางเปน! ระบบ ตอครอู าจารย& หรือผูที่มอบหมาย๑. เพ่ือพัฒนาความรูของผูเรียนใหกวางขวางและลึกซ้ึง จนเกิดเป!นองค& ความรูที่ยงั่ ยืน๒. เพื่อใหผูเรียนรูจักทํางานอยางเป!นอยางเป!นระบบ ผลงานไดมาตรฐาน นาเชือ่ ถือ๓. เพอ่ื พัฒนาทกั ษะการอานและการคนควาแกผเู รียน๔. เพือ่ พัฒนาทักษะการเขียน 1

21/10/56การนาํ เสนอสามารถนําเสนอได ๒ วิธีคอื๑. การนาํ เสนอดวยวาจาหรือการนาํ เสนอดวยปากเปลา๒. การนําเสนอดวยลายลักษณ&อักษร๑. การกาํ หนดหัวขอเรอื่ งทจี่ ะทํารายงาน๒. การวางโครงเร่อื งรายงาน๓. สาํ รวจแหลงขอมลู๔. ศกึ ษาคนควาและรวบรวมขอมลู ๕. การวเิ คราะหแ& ละคัดเลือกขอมลู ๖. การเขยี นรายงาน ๗. การนาํ เสนอขอมูลตอผเู กีย่ วของหรือเผยแพรตอ สารธารณะชน 2

21/10/56 รายงานทางวิชาการมีสวนประกอบ ๓ สวน ดงั นี้ ๑. สวนประกอบตอนตน ๑.๑ ปกนอก ๑.๒ ใบรองปก ๑.๓ ปกใน ๑.๔ คาํ นํา ๑.๕ สารบัญ ๒. สวนเน้อื เร่อื งหรือสวนประกอบตอนกลาง ๒.๑ เน้ือหา หมายถึง ขอมูลที่ไดจากการคนควา เก่ียวกบั เน้อืเร่ืองทีจ่ ัดทํารายงาน เรยี งตามลําดบั หัวขอตามโครงเรอ่ื ง ประกอบดวย ๒.๑.๑ ขอมูลที่ผทู ํารายงานเรียบเรยี งข้ึนดวยสํานวนของตนเอง โดยเรียงเนอ้ื หาตามลําดบั ของโครงเร่อื งทไ่ี ด ๒.๑.๒ ขอความที่คัดลอกมาเหมือนตนฉบบั เดิม เรยี กวาอัญพจนห& รืออัญประภาษณ& 3

21/10/56 ๒. สวนเนอื้ เร่ืองหรือสวนประกอบตอนกลาง (ตอ) ๒.๒ เชิงอรรถ หมายถึง การเขียนแหลงท่ีมาของขอมูลที่คัดลอกมา หรือขยายความของขอความในเน้ือหา หรือโยงขอความที่มีความสัมพนั ธใ& นรายงาน ๒.๓ ตารางหรือภาพประกอบ ตองใสใหสัมพันธ&กับเน้ือหา มีขนาดพอเหมาะ และควรมกี ารกลาวนําวาเป!นตารางหรือภาพอะไร ๓. สวนประกอบตอนทาย ๓.๑ บรรณานุกรม หมายถึง การรวบรวมเอกสาร หนังสือเทป วีดีโอ เป!นตน ท่ีผูทํารายงานใชศึกษาคนควาขอมูลในการทํารายงานถามเี อกสารอางองิ ไมถึง ๕ เลม จะใชคาํ วา “หนังสอื อางองิ ” หรือ “หนงั สอือุเทศ” ๓.๒ อภิธานศัพท& หมายถึง การอธิบายศัพท&ยากที่จะปรากฏอยูในรายงาน โดยเรยี งคําศัพทต& ามตวั อกั ษร ก-ฮ 4

21/10/56 ๓. สวนประกอบตอนทาย (ตอ) ๓.๓ ภาคผนวก หมายถึง เน้ือหาหรือเอกสารท่ีเก่ียวของกับการทาํ รายงาน แตไมเกยี่ วกับเน้อื เรอ่ื งรายงานโดยตรง ๓.๔ ดัชนี หมายถึง การทําบัญชีคําศัพท&ที่ปรากฏอยูในรายงาน โดยเรียงลําดับตัวอักษรจาก ก-ฮ พรอมเลขหนาท่ีคําศัพท&เหลาน้ันปรากฏ ๑. เชิงอรรถ หมายถึง การเขียนเพื่อบอกแหลงท่ีมาขอมูลหรือขยายความของขอความในเน้ือหา หรือโยงขอความท่ีมีความสัมพันธ&ในรายงาน โดยเขยี นไวสวนลางของหนา ประเภทเชิงอรรถ ๑.๑ เชิงอรรถอางอิง ๑.๒ เชงิ อรรถเสรมิ ความ ๑.๓ เชงิ อรรถโยง 5

21/10/56 ๑. ขดี เสนคัน่ ระหวางสวนที่เป!นเน้ือเร่ืองกับเชิงอรรถ ยาว ๒ น้ิวจากขอบกระดาษดานซาย ๒. ใสเลขกํากับเชิงอรรถขอบเหนือตัวอักษรตัวแรกใหตรงกับหมายเลขท่ีกาํ กับ ๓. อัญพจน&อยูหนาไหน เชิงอรรถตองเขียนหนานั้น ๔. บรรทัดแรกของเชิงอรรถ ใหยอหนา ๗-๘ ชวงตัวอักษร ถาเขียนไมพอใหขึ้นบรรทัดใหมชิดขอบซาย๕. การอางอิงจากหนังสือ ใหเขียนดังนี้ชือ่ ผูแตง. ชือ่ หนงั สือ. ครงั้ ท่พี ิมพ&. (สถานทพ่ี ิมพ& : สํานกั พมิ พ&หรือโรงพิมพ&, ปKทพ่ี ิมพ&) เลขหนา. (ขอมลู การพิมพ&ในวงเลบ็ ไมใสก็ได)๖. การอางอิงบทความในหนงั สือพิมพ& ใหเขียนดงั นี้ชอ่ื ผูแตง. “ช่ือคอลัมน&” ช่ือหนงั สอื พิมพ&. วนั เดอื น ปK พ.ศ., เลขหนา.๗. การอางอิงบทความในวารสารหรือนิตยสาร ใหเขียนดังน้ีชื่อผูแตง. “ช่ือคอลัมน&” ช่ือวารสาร. ปทK ่ี (เลมที่) : เลขหนาประจาํ เดือน ปK พ.ศ.. 6

21/10/56หมายถึง รายช่อื หนงั สือ เอกสาร สง่ิ พิมพ& วสั ดตุ างๆ ทีใ่ ชคนควาประกอบการทํารายงานทุกชนิดวิธีเขยี นบรรณานกุ รม๑. เขียน “บรรณานุกรม” ไวกลางหนากระดาษ๒. เรียงลําดับตามชื่อผูแตง ตามแบบพจนานกุ รม ไมใสหมายเลขกาํ กับแตละรายการ๓. บรรทดั แรกใหเขียนชิดขอบซาย ถาไมพอบรรทัดตอไปใหยอหนา ๗-๘ ชวงตวั อักษร ข้ึนบรรทดั ใหมเม่ือขนึ้ รายการใหมวิธเี ขยี นบรรณานุกรม (ตอ)๔. ช่ือผูแตงไมตองใสคําหนานาม ยกเวนบรรดาศกั ด์หิ รือฐานันดรศกั ดใิ์ หใสไวหลงั ช่ือคัน่ ดวยจลุ ภาค๕. ถามผี ูแตง ๒ คน ใชคําวา “และ” คั่นระหวางคนท่ี๑ และคนที่๒ ถามี ๓ คน ใหใสชอ่ื คนแรกตามดวย และคณะ๖. ถาไมมีชื่อผูแตงใหเล่ือนช่ือเร่อื งขึน้ มาแทน๗. ชอ่ื หนงั สือใหเนนตัวหนา ถาเขียนใหขีดเสนใต ๑ เสน ดวยหมึกสีเดียวกนั 7

21/10/56วิธีเขยี นบรรณานุกรม (ตอ)๘. ครั้งท่ีพิมพใ& หใสต้ังแตครัง้ ที่ ๒ เปน! ตนไป๙. สถานทพี่ ิมพ& ใหใสช่อื จงั หวัดทพ่ี ิมพ&หนงั สอื๑๐. สํานักพิมพ&และโรงพิมพ& ใหเลือกอยางใดอยางหน่ึง ถาใสชื่อสาํ นักพมิ พ&ใหใสแตชอ่ื คําวาสาํ นักพิมพ&ไมตอง ถาไมมีใหใสม.ป.ท.๑๑. ปทK ีพ่ มิ พ&ใสแตตวั เลข ถาไมมใี หใส ม.ป.ป.๑๒. จํานวนหนา ใสจํานวนหนาท้ังหมดของหนังสือ แตปPจจุบันไมนิยมใสวิธเี ขยี นบรรณานกุ รม (ตอ)๑๓. การลงบรรณานุกรมหนังสอื ท่วั ไป เขยี นดังน้ีชือ่ ผแู ตง. ชอ่ื หนงั สือ. ครั้งท่พี ิมพ&. สถานท่พี ิมพ& : สํานกั พมิ พ&หรอื โรงพมิ พ&, ปKท่พี มิ พ&, จาํ นวนหนา.๑๔. การลงบรรณานกุ รมหนังสอื พมิ พ& เขยี นดังน้ีช่อื ผแู ตง. “ชอ่ื คอลมั น&” ช่ือหนังสือพมิ พ&. วนั เดอื น ปK. หนาทใ่ี ชอางองิ๑๕. การลงบรรณานุกรมวารสาร เขยี นดังน้ีชือ่ ผแู ตง. “ชอ่ื คอลมั น&” ชื่อวารสาร. ปKที่ (เลมท่ี) : หนาที่อางอิง เดือนปK พ.ศ.. 8

21/10/56 9


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook