Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงาน กลุ่ม 2 ระบบขับเคลื่อนเบื้องต้น หัวข้ออุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชิงมุม

โครงงาน กลุ่ม 2 ระบบขับเคลื่อนเบื้องต้น หัวข้ออุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชิงมุม

Published by momosuttirak001, 2021-10-18 02:11:46

Description: combinepdf-12

Search

Read the Text Version

บทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคมุ การขับเคลอ่ื นเบ้ืองต้น Online Program Instructional of basic drive control system subject นายสุทธริ ัก ดกกลาง 62201270085 นายอภวิ ัฒน์ พ่มุ ประเสริฐ 62201270090 นายอภิสทิ ธ์ิ ละครเขต 62201270091 โครงการนีเ้ ป็นสว่ นหนึ่งของการศึกษาตามหลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี (ปวช.) พ.ศ. 2562 สาขางานเมคคาทรอนกิ ส์ สาขาวิชาเมคคาทรอนกิ ส์ วทิ ยาลัยเทคนคิ สัตหบี ปกี ารศกึ ษา 2564



ใบรบั รองโครงการ สาขาวิชาเมคคาทรอนกิ ส์ วทิ ยาลยั เทคนคิ สตั หบี ชื่อโครงการ บทเรียนสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลือ่ นเบื้องตน้ โดย นายสุทธริ กั ดกกลาง นายอภวิ ัฒน์ พ่มุ ประเสริฐ นายอภสิ ทิ ธิ์ ละครเขต ได้รบั อนุมัติให้นับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พ.ศ 2563 สาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ วทิ ยาลยั เทคนิคสัตหีบ …………………………………………………หวั หนา้ สาขาวิชาเมคคาทรอนิกส์ (นายสมบตั ิ อนิ ยนิ ) วันท่ี -- เดือน ตลุ าคม พ.ศ 2564 คณะกรรมการสอบโครงการ …………………………………………………ประธานกรรมการ (นายสมบตั ิ อินยิน) …………………………………………………ครูท่ีปรึกษาท่ี 1 …………………………………………………ครูท่ปี รึกษาท่ี 2 (นางสาวศริ วิ รรณา ฐาปนะดิลก) (นางสาวพิชญช์ นก อิ่มพิทักษ์) …………………………………………………กรรมการ ....................................................... กรรมการ (นายวริ ุณชัย คลา้ ยเดอื น) (นายสมบัติ ฆ้องส่งเสียง) …………………………………………………กรรมการ ....................................................... กรรมการ (นางสาวณัฐสดุ า เกยี รติธิวัฒน)์ (นางสาวรกั ชนก ใยลีอา่ ง) …………………………………………………กรรมการ (นางสาวศศิกานต์ จันทร์สมปอง)

โครงการ ข โดย บทเรยี นสำเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขบั เคลอ่ื นเบ้ืองต้น นายสทุ ธริ กั ดกกลาง สาขาวชิ า นายอภิวฒั น์ พมุ่ ประเสริฐ สาขางาน นายอภสิ ทิ ธ์ิ ละครเขต ครทู ี่ปรกึ ษา เมคคาทรอนิกส์ ครทู ่ปี รกึ ษารว่ ม เมคคาทรอนิกส์ จำนวนหนา้ นางสาวศริ ิวรรณา ฐาปนะดลิ ก ปีการศกึ ษา นางสาวพิชญ์ชนก อิม่ พิทักษ์ 55 2564 บทคดั ย่อ ปัจจุบันแผนกเมคคาทรอนิกส์วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้มีการเปิดการเรียนการสอน ใน รูปแบบออนไลน์ เพราะสถานการณ์โควดิ -19 จึงได้มีการจัดทำบทเรยี นสำเรจ็ รูปแบบออนไลน์ ในรายวิชาระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบือ้ งต้น ในหัวข้ออุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชิงมมุ ซึ่งในวิขานี้จัดการเรียนการสอนเป็นหลักสูตรโดยแบ่งเป็นทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กันยังมีการ เรียนการสอนโดยหัวข้อนี้จะมีการสอนเกี่ยวกับ ความหมายของการเคลื่อนที่เชิงมุม หลัการ ของการขับเคลื่อนทางกล ชิ้นส่วนต่างๆและการนำไปประยุกต์ใช้ของอุปกรณ์ คณะจัดทำได้ เล็งเห็นว่าเนอื่ งจากสถานการณ์โควดิ -19 ในปจั จุบนั ควรมีบทเรยี นสำเร็จรูปแบบออนไลน์ เพ่ือ ใชใ้ นการเรียนรเู้ ก่ียวกับอปุ กรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชงิ มุม เพ่ือผศู้ ึกษาสามารถได้รับความรู้ ได้อยา่ งครบถว้ นและมคี วามร้ใู นอปุ กรณ์ขบั เคลอ่ื นทางกลแบบเชงิ มุม

ค กิตตกิ รรมประกาศ โครงงานการฉบับน้สี ำเรจ็ ลลู ว่ งด้วยดเี นื่องจากความร่วมมือรว่ มใจของสมาชกิ ภายในกลุ่มทุกท่าน คณะผูจ้ ดั ทำขอขอบคณุ อาจารย์พชิ ญช์ นก อม่ิ พทิ กั ษ์ และอาจารย์ศริ ิวรรณา ฐาปนะดิลก ซ่ึงเป็นอาจารย์ที่ ปรึกษาที่ได้ให้คำแนะนำ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องมาโดยตลอด และอาจารย์ประจำแผนกวิชา เมคคาทรอนิกส์เป็นอย่างยง่ิ ทไ่ี ด้ใหค้ ำแนะนำ ปรกึ ษาในการแก้ไขปัญหาตา่ งๆ ตลอดจนถึงข้อมูลอุปกรณ์ ที่เป็นประโยชนต์ ่อการทดลองโครงงาน ขอบพระคุณบิดา มารดา และผู้มพี ระคุณสำหรับการให้ความสนับสนุนทุกสงิ่ อย่างด้านการศึกษา มาตลอดจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเป็นกำลังใจที่ดีเสมอ และสุดท้ายต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ให้กำลังใจมา ตลอดมาจนโครงงานฉบับนส้ี ำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คณะผู้จดั ทำ

สารบัญ ง เร่อื ง หน้า ใบรับรองโครงงาน ก บทคดั ย่อ ข กิตตกิ รรมประกาศ ค สารบัญ ง สารบัญ(ตอ่ ) จ สารบญั รูป ฉ สารบัญรูป(ตอ่ ) ช สารบญั รูป(ตอ่ ) ซ สารบัญตาราง ฌ บทท่ี 1 ทมี่ าและความสำคญั 1 1 1.1 ทม่ี าและความสำคัญ 1 1.2 วัตถุประสงค์ 1 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1 1.4 ประโยชน์คาดจะได้รบั 3 บทท่ี 2 ทฤษฎแี ละเอกสารท่ีเกีย่ วข้อง 3 2.1 การสร้างเวบ็ เพจด้วย Google Site 7 2.2 บทเรียนสำเรจ็ รูป 8 2.3 บทเรยี นสำเร็จรูปแบบออนไลน์ 15 2.4 ระบบขับเคล่ือน 24 บทที่ 3 วิธกี ารดำเนินการ 24 3.1 ขน้ั ตอนการดำเนนิ งาน 25 3.2 ศึกษาข้อมลู เก่ยี วกบั หวั ข้อทไ่ี ด้ 30 3.3 การศกึ ษาการใช้ Google Site 34 3.4 ออกแบบหนา้ ในแต่ละหัวข้อใสใ่ น Google Site 36 บทที่ 4 ผลดำเนินงาน 36 4.1 ขัน้ ตอนการทดสอบ 36 4.2 ผลการทดลอง 37 4.3 บทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขบั เคลอ่ื นเบื้องต้น

สารบัญ(ต่อ) จ เรอ่ื ง หน้า บทที่ 5 การสรุปผลและข้อเสนอแนะ 38 38 5.1 สรปุ ผลการดำเนนิ การ 39 5.2 อภิปรายปญั หา 39 5.3 ข้อเสนอแนะ 40 เอกสารอ้างองิ 41 ภาคผนวก 42 ภาคผนวก ก 45 ภาคผนวก ข 48 ภาคผนวก ค 52 ภาคผนวก ง

ฉ สารบัญรปู เร่ือง หน้า รปู ท่ี 2.1 Google Site 3 รูปท่ี 2.2 การเข้าถึง Drive 4 รูปที่ 2.3 การสร้างเวบ็ ไซต์ 4 รปู ที่ 2.4 การปอ้ นชื่อเวบ็ และปรับขนาดตวั อักษร 5 รูปที่ 2.5 การแชรเ์ ว็บไซต์ 5 รูปที่ 2.6 การฝงั Code 6 รูปท่ี 2.7 การฝัง Code การเข้าชมเว็บไซต์ 6 รูปท่ี 2.8 บทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบเส้นตรง (Linear Program) 7 รูปท่ี 2.9 บทเรยี นแบบสาขา (Branching Program) 8 รูปท่ี 2.10 สายพานแบน (Flat belt) 16 รปู ท่ี 2.11 สายพานวี (V-belt) 16 รปู ท่ี 2.12 สายพานกลม 17 รปู ที่ 2.13 สายพานไทม์ม่ิง (Timing belt) 17 รปู ท่ี 2.14 ตารางการแบ่งสายพาน (Conveyor Belt) 18 รปู ท่ี 2.15 ประเภทใชง้ านทัว่ ไป (General Use Conveyor Belt) 19 รปู ท่ี 2.16 ประเภทใช้งานแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) 19 รปู ท่ี 2.17 ประเภทใชง้ านแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) 20 รปู ที่ 2.18 สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt) 20 รูปท่ี 2.19 สายพานลวดสลิง (Streel Cord Conveyor Belt) 21 รูปที่ 2.20 แบบผิวหน้าเรยี บ (Plain Surface) 21 รูปท่ี 2.21 แบบผิวหนา้ ก้างปลา (Pattern Surface) 22 รปู ท่ี 2.22 แบบมผี วิ หนา้ พเิ ศษหรอื มโี ครงสรา้ งแบบพิเศษ 22 รูปท่ี 3.1 ขน้ั ตอนการดำเนินการของบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการ 24 ขับเคล่อื นเบื้องตน้ รูปที่ 3.1 ขน้ั ตอนการดำเนินการของบทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการ 25 ขับเคลอื่ นเบ้ืองต้น รูปท่ี 3.2 เฟอื งตรงดอกจอก 26 รปู ท่ี 3.3 ตลบั ลกู ปนื 27 รปู ที่ 3.4 ลกู เบ้ียว 27

ช สารบัญรปู (ตอ่ ) เร่ือง หน้า รปู ท่ี 3.5 ขอ้ ต่อแบบหมนุ 28 รูปท่ี 3.6 บูช 28 รูปที่ 3.7 เกียรค์ ัปปลิง้ 29 รปู ท่ี 3.8 ค้นหาคำว่า Google Site ใน Google 30 รปู ที่ 3.9 กดเรม่ิ เว็บไซต์ใหม่และกดวา่ ง 30 รูปที่ 3.10 ศกึ ษาการเปลยี่ นช่ือหน้าเวบ็ ไซต์ของเรา 31 รูปที่ 3.11 ศกึ ษาการกดใชง้ านกล่องข้อความ 31 รปู ที่ 3.12 ศกึ ษาการอัพโหลดรปู จาก Google Drive และไฟล์ภาพในคอมพวิ เตอร์ 32 รปู ที่ 3.13 ศึกษาการใส่และการจดั เลยเ์ อาตใ์ หเ้ หมาะกบั ข้อมูลของเรา 32 รปู ที่ 3.14 ศกึ ษาการใชธ้ มี เพื่อเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับงาน 33 รปู ที่ 3.15 ศกึ ษาวธิ ีการเผยแพรเ่ วบ็ ไซต์เพือ่ ให้ผ้ไู ด้ชมเวบ็ ไซต์ของเรา 33 รปู ท่ี 3.16 หน้าเวบ็ บทเรยี นสำเร็จแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขับเคล่ือนเบ้ืองตน้ 34 รูปที่ 3.17 การเคล่ือนท่ีเชงิ มุมคอื อะไร ? 34 รปู ท่ี 3.18 หลกั การของระบบขบั เคลอื่ นทางกลแบบเชิงมมุ 35 รูปที่ 3.19 ช้ินสว่ นทางกลทใ่ี ช้ในการขบั เคลือ่ น 35 รูปที่ 3.20 การนำไปประยุกต์ใช้งาน 35 รปู ที่ 4.1 บทเรียนสำเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคมุ การขบั เคลื่อนเบ้ืองต้น 37 รปู ที่ ก.1 สืบค้นข้อมูลเก่ยี วกับหวั ข้อท่ีไดร้ บั 43 รปู ที่ ก.2 ค้นหาวิธกี ารใช้ Google Site 43 รูปที่ ก.3 ออกแบบหน้าเวบ็ Google Site 43 รูปที่ ก.4 นำเนื้อหาทหี่ ามาได้ใส่ใน Google Site 44 รูปท่ี ก.5 จดั ลำดบั เนอ้ื หา 44 รปู ท่ี ก.6 ไดบ้ ทเรียนสำเรจ็ รูปแบบไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขบั เคลื่อนเบอ้ื งตน้ 44 รูปที่ ข.1 โปรแกรมทำรปู เล่มโครงงาน 46 รปู ที่ ข.2 โปรแกรมทำบทเรยี นสำเรจ็ รูปออนไลน์ 46 รปู ที่ ข.3 โปรแกรมทำแบบทดสอบ 47 รปู ท่ี ค.1 ออกแบบส่ือการสอนออนไลน์ 49 รูปที่ ค.2 ไดส้ อื่ สารออนไลน์ตามทกี่ ำหนด 49 รูปที่ ค.3 เตรียมแบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน 49

สารบัญรูป(ตอ่ ) ซ เรอื่ ง หน้า รูปท่ี ค.4 เตรยี มแบบทดสอบก่อนเรยี น 50 รูปที่ ค.5 เตรยี มแบบทดสอบหลังเรียน 50 รูปที่ ค.6 รวบรวมผลคะแนน 51 รปู ที่ ค.7 ได้สอ่ื การสอนออนไลน์ รายวชิ าระบบควบคมุ การขับเคลอ่ื นเบอ้ื งต้น 51

สารบญั ตาราง ฌ เรอื่ ง หน้า ตารางที่ 4.1 ตารางสรุปผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนของบทเรียนสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ 36 ตารางที่ 4.2 ตารางสรุปผลการทำแบบทดสอบหลงั เรียนของบทเรียนสำเรจ็ รูปแบบออนไลน์ 37

1 บทท่ี 1 ทม่ี าและความสาคัญ 1.1 ท่ีมาและความสาคญั ปัจจุบันวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้เล็งเห็นถึงศักยภาพด้านการพัฒนาสมรรถนะภาพของนักเรียน นักศึกษาจากการเรียนในส่วนวิชาระบบการควบคุมการขับเคล่ือนเบื้องต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชา ช่างเมคคาทรอนิกส์ท่ีทางวิทยาลัยเทคนคิ สัตหีบไดใ้ ห้ความสาคัญ จึงสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาเรยี นรู้ เกี่ยวกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนโดยการศึกษาผ่าน บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ เพื่อฝึกทักษะให้ เรียนรู้ระบบการเคลื่อนที่และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนและ การศึกษาที่ผ่านมานั้นสาขาวิชาช่าง เมคคาทรอนิกส์ยังมิไดม้ ีบทเรียนสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์เพือ่ ใช้ในการศกึ ษา คณะผู้จัดทาจึงได้เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกิดแนวคิดในการแก้ปัญหาโดยสร้าง “บทเรียน สาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น” โดยประยุกต์ใช้ google site เพ่อื ให้มกี ารศึกษาและนาความรู้ไปประยุกตใ์ ชง้ านได้จริงในวิทยาลัยเทคนิคสตั หีบ 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1.2.1 เพ่ือศึกษาระบบการควบคมุ การขบั เคลื่อนเบอื้ งตน้ 1.2.2 เพ่อื สร้างบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขับเคล่ือนเบ้ืองตน้ 1.2.3 เพอื่ ใช้เป็นส่ือการเรียนการสอนใหน้ ักเรียนนักศกึ ษามคี วามสนใจในวิชาระบบการควบคุมการ ขบั เคลื่อน 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.3.1 จดั ทาสือ่ ประกอบการเรียน ดว้ ยระบบออนไลน์ โดยประยกุ ตใ์ ช้ google site 1.3.2 จัดทาแบบทดสอบความรู้กอ่ นเรียนและหลงั เรียนดว้ ยระบบออนไลน์ โดย google form 1.3.3 สื่อการสอนวชิ าการขบั เคลอ่ื นเบื้องต้น 1.4 ประโยชน์ท่คี าดจะไดร้ ับ 1.4.1 นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในวิชาการควบคุมการขบั เคล่ือนเบอื้ งตน้ 1.4.2 นกั ศึกษามคี วามสามัคคีร่วมมือรว่ มใจในการทางานและปฏิบตั ิหน้าทต่ี นเองได้

2 1.4.3 โครงงานบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์สามารถนามาประยุกต์และใช้ในชีวิตประจาวันของ การเรยี นการสอนได้ดี 1.4.4 โครงงานบทเรยี นสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์สามารถนาไปพฒั นาและต่อยอดได้ดี

3 บทที่ 2 ทฤษฎแี ละเอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง ในการศึกษาข้อมลู การสร้างบทเรยี นออนไลนส์ ำเร็จรปู น้ัน ผศู้ กึ ษาไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ ทฤษฎีและ เอกสารที่เก่ียวข้องดงั นี้ 2.1 การสรา้ งเว็บเพจ ด้วย Google Site 2.2 บทเรียนสำเรจ็ รปู 2.3 บทเรียนออนไลน์ 2.4 ระบบขบั เคล่ือน 2.1 การสร้างเว็บเพจดว้ ย Google Site 2.1.1 Google Site Google Site คือ เว็บไซต์ของ Google ที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถสร้าง เว็บไซต์ได้ง่าย ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อย่างอิสระ และสามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูล ไว้ในที่เดียว เช่น วิดีโอ, ปฏิทิน, เอกสาร อื่น ๆ สามารถนำมาแทรกในหน้าเว็บเพจได้ เป็นการเพ่ิม ลูกเลน่ ใชง้ านได้ง่าย ทำใหช้ ว่ ยอำนวยความสะดวกไดเ้ ปน็ อยา่ งมาก รปู ที่ 2.1 Google Site

4 2.1.2 การสรา้ งเว็บเพจด้วย Google Site 2.1.2.1 การเขา้ ถงึ Drive สามารถเข้าถงึ ไดจ้ าก http://sites.google.com หรอื เมื่อ login อยู่ในระบบแลว้ ไปที่เมนู Google Apps เลอื ก “Sites” รปู ที่ 2.2 การเข้าถึง Drive 2.1.2.2 การสร้างเวบ็ ไซต์ คลิกเลอื ก “ว่าง” (ในกรอบสีฟ้า) เพื่อสร้างเว็บไซต์ รปู ที่ 2.3 การสรา้ งเวบ็ ไซต์

5 2.1.2.3 คลกิ ทปี่ ้อนช่ือเว็บและปรับขนาดตวั อักษรเพ่ือเติมหนา้ เวบ็ เพจ รูปท่ี 2.4 การป้อนช่ือเวบ็ และปรบั ขนาดตวั อักษร 2.1.2.4 แชร์เวบ็ ไซต์ โดยการคลิกท่ปี ุ่ม “เผยแพร่” รูปท่ี 2.5 การแชร์เว็บไซต์

6 2.1.2.5 กดฝงั ท่หี มายเลข 1 และใส่ Code ที่หมายเลข 2 การใช้ Code HTML สามารถใส่ html สำหรับตดิ เว็บไซต์ เพ่ือแสดงรายการตา่ ง ๆ รปู ที่ 2.6 การฝงั Code 2.1.2.6 การเข้าชมเว็บไซต์ โดยเปิดหน้า Browser ใหมแ่ ล้วเขา้ ชมเว็บไซต์ได้จาก URL ที่ระบุเป็นการเสร็จส้นิ ขั้นตอนการสรา้ งเว็บไซต์ รูปที่ 2.7 การฝงั Codeการเข้าชมเว็บไซต์

7 2.2 บทเรยี นสำเรจ็ รปู บทเรยี นสำเรจ็ รูป หมายถึง บทเรียนท่ีผู้สอนจดั ทำขน้ึ เพ่ือใช้เปน็ เคร่ืองมอื ในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ให้นักเรียน นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ละสาระการเรียนรู้วิชาขับเคลื่อนเบื้องต้น แต่ละบทเรียน โดยเริ่มจาก เนื้อหาสาระที่ง่าย ๆ ไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นไปตามลำดับ เป็นบทเรียน ที่สร้างขึ้นโดยกำหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียน สามารถศกึ ษา ค้นควา้ และประเมินผลการเรยี นด้วยตนเองตามขน้ั ตอนท่กี ำหนดไว้ 2.2.1 ลกั ษณะของบทเรียนสำเร็จรปู ลักษณะสำคัญของบทเรียนสำเร็จรูป คือ การออกแบบการบรรจุเนื้อหาและสาระ การเรียนรู้ออกเป็น กรอบ (Frame) ซึ่งเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ดังกล่าวนั้นจะนำมาจัดทำ เป็นหน่วยการเรียนรู้ย่อย ๆ แล้วบรรจุเนื้อหาสาระการเรียนรู้หน่วยย่อย ๆ ดังกล่าวลงไปในกรอบ แต่ละกรอบใหม้ ีความสมั พนั ธแ์ ละเรยี งลำดบั เนอ้ื หาจากง่ายไปยาก 2.2.2 ประเภทและองคป์ ระกอบของบทเรียนสำเรจ็ รูป 2.2.2.1 บทเรียนเชิงเส้น (Linear Program or Constructed Response Type) Skinner เป็นผู้คิดขึ้นโดยอาศัยผลการวิจัยการเรียนรู้ของสัตว์ สรุปว่าการเรียนรู้ควรแบ่งเป็นชั้นย่อย แต่ตอนท้ายของแต่ละชั้น ผู้เรียนจะต้องแสดงให้เห็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ด้วยการตอบคำถามซ่ึง นิยมใช้เป็นแบบถูกผิดหรือเติมคำ และทราบคำตอบทันที ลักษณะที่สำคัญของบทเรียนประเภทน้ี คือ ผู้เรียนจะต้องเรียนตามลำดับทีละกรอบต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่กรอบแรกจนกรอบสุดท้าย จะขา้ มกรอบใดกรอบหน่งึ ไม่ได้ องคป์ ระกอบเปน็ แผ่นภาพดังน้ี รูปท่ี 2.8 บทเรยี นสำเร็จรูปแบบเสน้ ตรง (Linear Program)

8 2.2.2.2 บทเรยี นแบบสาขา (Branching Program) นอรแ์ มนเอคราวเดอร์ องค์การ อุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้คิดขึ้น โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นขั้นย่อย ๆ ที่สมบูรณ์ตามด้วย คำถามที่มีคำตอบให้เลือก เมื่อผู้เรียนเลือกคำตอบผิดจะมีคำอธิบายสาเหตุที่ผิดผู้เรียนต้องเลือกใหม่ จนกวา่ จะถกู รูปท่ี 2.9 บทเรียนแบบสาขา (Branching Program) 2.3 บทเรยี นสำเรจ็ รูปแบบออนไลน์ 2.3.1 ความหมายของเวบ็ เพจ วิทยา เรืองพรวิสุทธ์ิ กล่าวว่า เว็บเพจ หมายถึง ไฟล์ข้อมูลเอชทีเอ็มแอล (HTML) หรือเป็นข้อมูลในระบบเวิล์ดไวด์เว็บ (WWW) ซึ่งประกอบด้วยคำหรือวลีพิเศษต่าง ๆ ที่เรียกว่า “ไฮเปอรเ์ ทก็ ซ์” หรอื เป็นการเชอ่ื มโยงแบบไฮเปอร์ลิงคเ์ ปน็ การเช่ือมโยงเพื่อตดิ ต่อไปยัง เวลิ ์ดไวด์เว็บ เซิรฟ์ เวอร์ แหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ ท่ีถูกกำหนดไว้บนเวลิ ด์ ไวดเ์ ว็บเพจนนั้ เจนวิทย์ เหลืองอร่าม ได้กล่าวว่าเว็บเพจ นั้นคือ หน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์ เวิลด์ไวด์เว็บ เรียกว่า เว็บเพจ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับหน้ากระดาษของหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารมาก โดยมีทั้งตัวอักษร ข้อความ และภาพนิ่ง นอกจากนี้ยังสามารถใส่เสียงและวีดีทัศน์ในหน้าเว็บเพจได้ สำหรับเว็บเพจหน้าแรกเราเรียกว่า “โฮมเพจ” โดยปกติแล้วเราสามารถใช้คำว่าเว็บเพจ เรียกแทน คำวา่ โฮมเพจ หรือ เว็บไซต์ ก็ได้

9 จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้วา่ เว็บเพจ คอื เอกสาร (Hyper Text Markup Language) ที่มีข้อมูลโดยประกอบด้วย ข้อมูล ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้าเอกสาร HTML หรอื หน้าเว็บเพจอน่ื ๆ ได้ 2.3.2 องคป์ ระกอบของเว็บเพจ 2.2.2.1 โฮมเพจ วิทยา เรืองพร ได้กล่าวงถึงองค์ประกอบส่วนที่เป็นโฮมเพจว่าลักษณะโดยทั่วไป โฮมเพจนั้นมคี วามคลา้ ยคลึงกันมากอาจต่างกนั ท่เี ทคนิคและวธิ ีการนำเสนอ ดงั น้ัน องค์ประกอบหลัก ของโฮมเพจจึงแบง่ ออกได้ ดังนี้ 1. ส่วนรูปภาพหรือโลโก้ (Logo) แสดงความเป็นเจ้าของโฮมเพจ เป็นรูปที่มีขนาด ไม่ใหญ่มากนัก เพ่ือง่ายตอ่ การโอนยา้ ยข้อมลู บนครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 2. สว่ นหัวเรอ่ื งของข้อมลู เปน็ หวั ข้อของขา่ วสาร บรษิ ทั องคก์ รหรอื สถานบันที่เป็น เจา้ ของโฮมเพจ 3. ส่วนเนื้อหาข้อมูล และการเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนของ ข่าวสารที่เป็นเนื้อความแสดงถึงรายละเอียดหรือเนื้อหาข้อความแบบคัดย่อที่สามารถเชื่อมโยงไปยัง ขอ้ มลู แบบแสดงรายละเอยี ดของโฮมเพจทเ่ี กย่ี วข้องโดยผ่านไฮเปอร์เท็กซ์ 2.3.2.2 เว็บเพจท่ีเปน็ ข้อมูล กิตติ ภักดีวัฒนะกุล กล่าวว่า เว็บเพจที่เป็นข้อมูลเป็นส่วนที่เสนอรายละเอียดของ หัวข้อที่อย่ใู นหนา้ โฮมเพจ โดยท่วั ไปเวบ็ เพจมอี งคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. Text เป็นขอ้ ความปกตสิ ามารถตกแตง่ มีรูปแบบการทำงาน Word Processing 2. Graphic มรี ปู ภาพ ลายเสน้ พน้ื หลงั ตา่ ง ๆ มากมายข้ึนอย่กู บั ผู้ออกแบบเลือก 3. Multimedia ภาพเคลือ่ นไหวและเสยี งประกอบ 4. Counter ใชส้ ำหรบั นบั จำนวนผทู้ ่ีเขา้ เย่ียมชมเว็บเพจ 5. Link ใช้เช่ือมตอ่ ไปยังเว็บเพจอืน่ ๆ 6. Form เป็นแบบฟอร์มใช้สำหรับผใู้ ชก้ รอกขอ้ มูล 7. Frame การแบ่งจอภาพเป็นสว่ น ๆ แต่ละจะแสดงขอ้ มลู ทแี่ ตกต่างกนั ออกไป 8. Image Map รปู ภาพขนาดใหญ่ท่ีและสามารถเชอื่ มโยงไปยงั เว็บเพจอ่นื ๆ 9. Java Applet โปรแกรมสำเร็จรปู ท่ใี ช้ในเวบ็ เพจ เพื่อการใชง้ านทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ 2.3.3 กฎพน้ื ฐานของการออกแบบเว็บเพจ (Web Pages) 2.3.3.1 กฎแห่งความแปลกแตกตา่ ง (Contrast) การออกแบบสื่อการเรยี นการสอน ทางอินเทอร์เน็ตต้องมีความโดดเด่นหลีกเลี่ยงการใช้องค์ประกอบบนจอภาพที่ดูคล้ายกัน แต่ถ้า

10 องค์ประกอบของเนื้อหาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ควรสร้างให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งที่มี ความหมายหรือต้องการเน้นให้เห็นชัดเจนต้องมีลักษณะท่นี า่ สนใจ เชน่ การเนน้ ขนาด สี ของวั อกั ษร 2.3.3.2 กฎการย้ำซ้ำ (Repetition) ในการออกแบบสื่อการเรียนทางอินเทอร์เน็ต ควรมีรูปแบบที่เป็นแบบแผนซึ่งจะประกอบด้วย พื้นหลัง รูปภาพ สี ความสัมพันธ์ของระยะห่าง ระหว่างตวั อกั ษร เส้นและขนาดที่สอดคล้องกนั ทั้งหมด วธิ ีการสร้างส่อื การเรียนการสอนทางออนไลน์ แบบย้ำช่วยเสริมสร้างให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว (Unity) แม้ว่าในการออกแบบเว็บเพจจะมีผู้จัดทำ หลายคนแต่จะตอ้ งมรี ปู แบบเดียวกนั 2.3.3.3 กฎการจัดแถววางแนว (Alignment) การจัดวางองค์ประกอบต้องมีแถว มีแนวต้องมองวัตถุที่อยู่ข้างหน้าเสมอ เช่น ตัวอักษร หรือรูปแบบที่อยู่ตอนล่างไม่ควรล้ำแนว องค์ประกอบที่อยู่ด้านบน หากอยู่ขวาก็ดูสิ่งที่อยู่ซ้ายมือที่มาก่อน การวางแถวจะทำให้เว็บเพจ ดูสะอาดและเป็นไปในลกั ษณะไมข่ ดั กบั ความรูส้ กึ ของผูอ้ า่ น 2.3.3.4 ความเกี่ยวเนอ่ื งของสง่ิ ที่อยูใ่ กล้เคียงกนั (Proximity) การจดั วางวตั ถุต่าง ๆ ที่อยู่บนสื่อการเรียนอินเตอร์เน็ตต้องมีความเป็นระเบียบ โดยจัดให้มองเห็นได้งา่ ย ไม่กระจัดกระจาย การรวมกลุ่มเป็นวิธีการลดความยุ่งเหยิงและสร้างความเป็นระเบียบการใช้ไฟล์ภาพหรือกราฟิก ที่มีความหลากหลายแต่ซ้ำกันในส่วนต่าง ๆ ของแต่ละหน้าเอกสาร ยังช่วยให้การเปิดเว็บไซด์ เป็นไปอย่างรวดเร็วและน่าสนใจ เมื่อโปรแกรมเว็บบราวเซอร์จะอ่านไฟล์ภาพหรือกราฟิกนั้น แล้วเก็บไว้ในหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ เมื่อมีการใช้งานไฟล์ภาพนั้นอีก ก็จะปรากฏ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพราะโปรแกรมเว็บบราวเซอร์จะนำมาจากหนว่ ยความจำแคชของเคร่อื ง 2.3.4 โครงสรา้ งของเวบ็ นักออกแบบเว็บส่วนใหญ่จะมีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไป จะขึ้นอยู่กับความถนัด และความพอใจของตนเองเป็นหลัก โดยคำนึงถึงหลักการออกแบบที่ถูกต้อง เท่าที่ควร ลินช์ และฮอร์ตัน จึงได้เสนอแนวคิดสำหรับออกแบบเว็บไซต์ว่าการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี ควรจะตอ้ งวางโครงสร้างใหส้ มดุล มีการเชอื่ มต่อสัมพนั ธ์กันระหว่างรายการ (Menu) หรือโฮมเพจกับ หน้าเนื้อหาอื่น ๆ รวมถึงการเชื่อมโยงไปสู่ภาพและข้อความต่าง ๆ โดยต้องวางแผนโครงสร้างให้ดี เพื่อป้องกันอุปสรรคที่จะเกิดต่อผู้ใช้ เช่น การหลงทางของผู้ใช้ในขณะเข้าสู่เนื้อหาในจุดร่วม (Node) ตา่ ง ๆ เป็นต้น แยงก์ และมอร์ ได้แบ่งลักษณะโครงสร้างของสื่อหลายมิติ (Hypermedia) 3 แบบ เพ่อื การจดั เกบ็ และเรียงขอ้ มลู ที่ต้องการข้นึ มาดังน้ี

11 1. สื่อหลายมิติแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured) เป็นแบบที่ไม่มีโครงสร้าง ความรู้ ผู้เรียนต้องเปิดเข้าไปโดยมีการเชื่อมโยงระหว่างหน้าจอแต่ละเรื่อง มีความยืดหยุ่นสูงสุดของ การจัดรวบรวมเปน็ การใหผ้ ูเ้ รยี นได้กำหนดความก้าวหนา้ และตอบสนองความสำเรจ็ ด้วยตนเอง 2. สื่อหลายมิติแบบลำดับขั้น (Hierarchical) เป็นการกำหนดวิธีการจัดเก็บความรู้ เป็นลำดับขั้นมีโครงสร้างเป็นลำดับขั้นต้นไม้ โดยผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าไปทีละขั้น โดยสำรวจได้จาก บนลงลา่ งและจากล่างขนึ้ บน โดยระบบขอ้ มลู และรายการคอยบอก 3. สื่อหลายมิติแบบเครือข่าย (Network) เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างจุดร่วมของ ฐานข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ความซับซ้อนของเครือข่ายพึ่งพาความสัมพันธ์ ระหว่างจุดรว่ มตา่ ง ๆ 2.3.5 การออกแบบเว็บเพจทด่ี ี 2.3.5.1 มีรายการแสดงรายละเอียดของเว็บเพจนั้น เราควรแสดงรายการทั้งหมด ที่เว็บมีอยู่ให้ผู้ใช้ทราบ โดยอาจทำในรูปของสารบัญการสร้างสารบัญนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้าหา ข้อมลู ภายในเว็บอยา่ งรวดเรว็ 2.3.5.2 เชอ่ื มโยงขอ้ มลู ไปยังเปา้ หมายโดยตรงตามความต้องการมากทสี่ ุด การสร้าง Link จะสร้างในรูปแบบของตัวอักษร หรือรูปภาพก็ได้ แต่ควรที่จะแสดงจุดเชื่อมโยง โดยการให้ผู้ใช้ ทราบได้ง่ายนอกจากนใี้ นแต่ละเพจควรมจี ดุ เชอื่ มโยงกลบั มายังหนา้ แรกของโฮมเพจ 2.3.5.3 มีเนอ้ื หากระชับ ส้ัน และทันสมัย ถ้าเป็นโครงสรา้ งโฮมเพจหน้าแรก ไม่ควร ที่จะยาวเกินไป ขนาดที่ดี คือ กำหนดให้แต่ละเว็บเพจแสดงผลได้เพียงอย่างเดียวถ้าไม่สามารถ แสดงผลท้ังหมดในหนา้ เดยี วตอ้ งพยายามสร้างใหแ้ สดงผลในจำนนวนหนา้ นอ้ ยท่สี ุดเท่าทีจ่ ะทำได้ 2.3.5.4 สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ทันที ควรมีจุดแสดงความคิดเห็น หรือคำแนะนำ กับเราได้ เช่น ใส่ E-mail ลงในเพจตำแหน่งที่เขียนควรอยู่ส่วนล่างสุด หรือบนสุดของเว็บนั้น ๆ ไมค่ วรท่จี ะเขยี นแทรกไวใ้ นตำแหน่งใด ๆ ของจอภาพ 2.3.5.5 มีรูปภาพประกอบการนำเสนอที่ดี แต่ไม่ควรมีรูปภาพมากเกินไป โดยใช้ ภาพแทนคำพูด เช่น นำรูปบ้านมาแทนคำว่า กลับไปจุดเริ่มต้น หรือ Home และควรใช้รูปให้ตรง กับความหมาย 2.3.5.6 เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง โดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายจะทำให้สามารถกำหนดเนื้อหา และเรื่องราวเพื่อให้ตรงกับความต้องการ ของผใู้ ชไ้ ดม้ ากกว่า

12 2.3.5.7 ใชง้ านงา่ ย ทำอย่างไรจึงจะสร้างเว็บเพจให้ใช้งานได้งา่ ย ส่ิงเหลา่ นี้ขึ้นอยู่กับ เทคนิคและประสบการณ์ของผู้สร้างแต่ละคนบางสิ่งคนหนึ่งอาจบอกจะว่าง่าย แต่บางคนอาจกลับ กายเป็นยาก 2.3.5.8 การกำหนดเป้าหมายข้อมูลตามมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องมีการแบ่ง ข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ ข้อมูลชุดใดที่สามารถจัดเป็นกลุ่ม เป็นหมวดหมู่ได้ก็ควรจัดทำ จะทำให้ข้อมูล ทุกอย่างเป็นระเบยี บในการนำมาใชง้ าน 2.3.6 เคร่อื งมือในการสรา้ งเวบ็ เพจ เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาเว็บเพจนั้นมีมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ที่มีหน้าท่ี ในการสรา้ งและพฒั นาเวบ็ เพจ หรือเวบ็ มาสเตอร์ จะเลือกใช้งานเคร่ืองมือทเ่ี ก่ียวข้องกบั การสร้างเว็บ มีจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงโปรแกรมสร้างไฟล์เอกสาร HTML โปรแกรมสร้างเว็บเพจ มีจำนวนมาก ซ่ึงรวมถึงโปรแกรมปรับเปลีย่ นไฟล์ที่เกีย่ วขอ้ งกับเวบ็ เพจ 2.3.7 ขัน้ ตอนการพัฒนาเวบ็ เพจ หลักการและขั้นตอนการพัฒนาบทเรียนออนไลน์สำเร็จรูป ในลักษณะรูปแบบของ Interactive Multimedia Computer Instruction Package : IMMCIP โดยเริ่มจากวิธีการกำหนด เป้าหมาย กำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บทเรียน โดยในการพัฒนา จะประกอบไปดว้ ย 5 ขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้ 2.3.7.1 ขั้นตอนการวิเคราะห์เนื้อหา (Analysis) แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนดงั น้ี 1. สร้างแผนภูมิระดมสมอง (Brainstorm Chart Drafting) เป็นการค้นหาหัวเรื่อง ทั้งหมดอันเป็นเป้าหมายขององค์ความรู้และความเกี่ยวข้องของหัวเรื่อง ที่จะทำให้เห็นภาพบทเรียน วา่ ควรจะมีเนือ้ หาโดยรวมเช่นไร 2. สร้างแผนภูมิหัวเรื่องสัมพันธ์ (Concept Chart Drafting) เป็นขั้นตอนของการ วิเคราะห์หวั เร่อื งโดยละเอยี ดจากแผนภมู ิการระดมสมอง เพอื่ คดั เลือกหวั เรอื่ งตา่ ง ๆ 3. สร้างแผนภูมิโครงข่ายเนื้อหา (Concept Network Analysis Chart Drafting) เป็นการสร้างแผนภูมิจากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเนื้อหาในลักษณะของข่ายงานการนำเสนอ เป็นการแสดงให้เห็นภาพของความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันของการนำเสนอว่าเน้ือหาส่วนใดควรนำเสนอ ก่อนหลังหรอื พรอ้ มกนั ได้ 2.3.7.2 ขัน้ ตอนการออกแบบการเรียนการสอน (Design) แบ่งเป็น 2 ขนั้ ตอนดังนี้ 1. กำหนดการนำเสนอ (Strategic Presentation Plan & Behavior Objectives) เป็นการกำหนดกลวิธีการนำเสนอพร้อมกับจดลำดับแผนการการนำเสนอเป็นแผนภูมิบทเรียน (Course Flow Chart Drafting) และกำหนดวัตถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรมใหส้ อดคล้องกบั หวั ข้อที่ตง้ั ไว้

13 2. สรา้ งแผนภูมิการนำเสนอแตล่ ะโมดูล (Module Presentation Chart Drafting) เปน็ การสรา้ งแผนภมู กิ ารนำเสนอในแต่ละโมดูล เพ่อื แสดงถึงความต่อเนื่อง และกำหนดมาตรฐานของ เวลาการนำเสนอในแตล่ ะโมดลู น้ัน ๆ 2.3.7.3 ขัน้ ตอนการออกแบบกรอบเน้อื หา (Development) แบง่ 4 ข้ันตอนดังนี้ 1. เขียนรายละเอียดเนื้อหา (Script Development) โดยการนำมาเขียนลงใน กรอบตามแผนการนำเสนอ ซึ่งจะเป็นการสร้างต้นแบบการนำเสนอ ก่อนการนำเสนอจริงแต่ละเฟรม จะกำหนดเน้ือหาลงในกรอบเปน็ การกำหนดทงั้ ภาพนิ่ง ภาพเคลอ่ื นไหว เสียงและภาพวดี ีทัศน์ 2. การจัดทำลำดับเนื้อหา (Storyboard Development) โดยเมื่อกำหนดเนื้อหา ลงในกรอบเสรจ็ แล้วนำเฟรมที่ได้มาจัดเรียงลำดับการนำเสนอตามท่ีได้ทำการวางแผนและออกแบบไว้ 3. การตรวจความถูกต้องของเนื้อหา (Content Correctness Examination) คือ ขั้นตอนของการตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และความสมบูรณ์ของลำดับเนื้อหาทจี่ ัดทำลง บนกรอบเน้ือหา 4. การสร้างแบบทดสอบ (Test Item Check-up) ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบ ในบทเรียน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนว่า ได้รับการพัฒนาจากการเรียนมากน้อย เพียงใดซึ่งจะต้องนำแบบทดสอบเหล่านี้ไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับ เน้ือหาในบทเรียน 2.3.7.4 ขน้ั ตอนการสรา้ งบทเรยี น (Implementation) แบง่ เป็น 3 ข้ันตอนดังนี้ 1. การเลือกโปรแกรมในการจัดทำบทเรียน เป็นวิธีการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสม ในการที่จะสนองตอบต่อความต้องการ ของบทเรียนที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ในการจัดทำบทเรียน จะมีหลายส่วนที่อาจดำเนินการจากหลายโปรแกรม เพราะวิธีการใช้โปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง ในการดำเนนิ การจดั ทำจะไมส่ ะดวก 2. การเตรียมส่วนประกอบมัลติมีเดีย การจัดเตรียมส่วนประกอบของมัลติมีเดีย ทเี่ ป็นตัวอักษรธรรมดา ภาพนิง่ ภาพเคลือ่ นไหว เสยี งและรูปแบของวีดที ศั นท์ ีจ่ ะใชป้ ระกอบ 3. การจัดทำโปรแกรมบทเรียน เป็นขั้นตอนการนำบทเรียนที่ได้วางแผนการมา จดั เตรยี มดำเนนิ การเปน็ โปรแกรมกรนำเสนอโดยคอมพวิ เตอร์สมบรู ณ์ 2.3.7.5 ข้นั ตอนตรวจสอบคุณภาพบทเรียน (Evaluation) แบง่ เป็น 4 ขน้ั ตอนดงั น้ี 1. การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Evolution) 2. ทำการทดลองกลุ่มย่อย (Small Group Rehearsal) 3. ทดสอบประสทิ ธภิ าพของบทเรียนและประสิทธผิ ลทางการเรยี น 4. จัดทำคมู่ ือการใช้ Package (User Manual)

14 2.3.8 คณุ ลักษณะของเว็บไซต์ การนำระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อนำมาทำเป็นสื่อสำหรับการเรียนการสอนในรูปของ เว็บช่วยสอนหรอื จะเรียกว่าเปน็ โฮมเพจ เพื่อการศึกษาหรือจะเป็นการออกแบบตดิ ตั้งระบบการเรยี น การสอนรายวชิ าใด ๆ บนเวบ็ ผ้เู ขียนจะต้องตัดสนิ ใจดว้ ยตนเอง 2.3.9 ประเภทของเว็บชว่ ยสอน พาร์สนั (Parson) ไดแ้ บ่งประเภทของเว็บชว่ ยสอนออกเปน็ 3 ลักษณะ คอื 1. เว็บช่วยสอนแบบรายวิชาอย่างเดียว (Stand – Alone Courses) คือ รายวิชา ที่มีเครื่องมือและแหล่งท่ีมาไปถึงและเข้าหาได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อย่างมากที่สุดถ้าไม่มีการ สื่อสารกส็ ามารถทีจ่ ะไปผ่านระบบคอมพวิ เตอรส์ ่ือสารได้ 2. เว็บไซต์ช่วยสอนแบบเว็บเพจสนับสนุนรายวิชา (Web Supported Courses) เป็นรายวิชาที่มีลักษณะเป็นรูปธรรมมีการพบปะครูกับนักศึกษา เช่น การกำหนดงานที่ให้ทำเว็บไซต์ การกำหนดให้อ่าน การส่ือสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 3. เว็บไซต์ช่วยสอนแบบเว็บศูนย์การศึกษา (Web Pedagogical Resources) คือ ประเภทของเว็บไซต์ที่มีวัตถุดิบและเครื่องมือ ซึ่งสามารถรวบรวมวิชาขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน หรือ เปน็ แหลง่ สนับสนนุ กิจกรรมทางการศึกษา 2.3.10 โครงสร้างเวบ็ ไซตท์ างการศกึ ษา การสร้างเว็บไซต์ เพื่อใช้ในทางการศึกษามีลักษณะโครงสร้างท่ีหลากหลายรูปแบบ แบ่งตามประโยชน์ใช้งานตามแนวคิดของ เจมส์ สามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบใหญ่ คือ 1. โครงสร้างแบบการค้นหา (Electric Structures) ลักษณะของโครงสร้างเวบ็ ไซต์ เป็นแหล่งของเว็บไซต์ที่ใช้ในการค้นหามีการกำหนดขนาดและรูปแบบ ไม่มีโครงสร้างที่ผู้เรียนต้องมี เวบ็ ลักษณะของเว็บไซตแ์ บบน้จี ะมแี ตก่ ารให้ใชเ้ คร่ืองมือในการสบื คน้ หรือ เพอื่ บางสิง่ ทต่ี อ้ งการค้นหา หรอื ผู้เขียนเว็บไซต์ต้องการ โครงสรา้ งแบบน้ีจะเปน็ แบบเปิดใหผ้ ้เู รียนไดเ้ ข้ามาคน้ คว้าเนื้อหาในบริบท โดยไม่มีโครงสร้างข้อมูลเฉพาะใหไ้ ด้เลือก 2. โครงสร้างแบบสารานุกรม (Encyclopedia Structures) การควบคุมการสร้าง ของเว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นเองได้ ก็จะใช้โครงสร้างข้อมูลในแบบต้นไม้ในการเข้าสู่ข้อมูล ซึ่งเหมือนกับ หนังสือที่มีเนื้อหาและมีการจัดเป็นบทตอน จะกำหนดให้ผู้ใช้ได้ผ่านเข้าไปค้นหาข้อมูลและเครื่องมือ ที่อยู่พื้นที่ของเว็บหรืออยู่ภายนอกเว็บไซต์จำนวนมาก มีโครงสร้างในลักษณะดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะ เว็บไซต์ทางการศึกษาที่ไม่ได้กำหนดทางการค้าองค์กร แต่ในเว็บไซต์ทางการศึกษาต้องรับผิดชอบ ต่อการเรยี นของผเู้ รยี น

15 3. โครงสร้างแบบการเรียนการสอน (Pedagogic Structures) มีการจัดทำรูปแบบ โครงสร้างหลายอย่างในการนำมาสนองความตอ้ งการ ทั้งหมดเป็นที่รจู้ กั ดีในบทบาทของการออกแบบ ทางการศึกษา สำหรับคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือเครือ่ งมือมัลติมีเดีย ซึ่งความจริงมีหลกั การแตกต่าง ระหว่างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับเว็บช่วยสอน นั้นคือ ความสามารถของ HTML ในการท่ีจะจัดทำ ในแบบ ไฮเปอร์เท็กซ์ กบั การเข้าถงึ ข้อมลู หน้าจอโดยผ่านระบบอนิ เตอรเ์ น็ต 2.4 ระบบขับเคล่อื น ระบบขับเคลื่อน คือ ระบบที่พาหนะเคลื่อนที่อัตโนมัติ เป็นพาหนะขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ ซึ่งนิยมนำมาใช้ในการขนถ่ายสินค้าทางด้านอุตสาหกรรม ทำให้สามารถประหยัดในเรื่องของแรงงาน และเวลาไดเ้ ปน็ อย่างดี ตัวอย่างเช่น ชุดสาธติ การขับเคลอื่ นแผนกเมคคาทรอนกิ ส์ โดยการสร้างชุดสาธิตการขับเคลื่อนนั้นจะอาศัยการใช้หลักและอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยที่ จะประกอบดว้ ยสองส่วนหลกั ไดแ้ ก่ ชุดสายพานลำเลยี ง และชุดบอลสกรู ดงั นี้ 2.4.1 สายพานลำเลียง (Conveyor) สายพานลำเลียง คือ อุปกรณ์ทำหน้าที่ลำเลียง หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของอุปกรณ์ ชนิ้ งานหรือวสั ดุต่าง ๆ จากจดุ ๆ หนึ่งไปยงั อีกจุดหนงึ่ โดยใช้สายพาน เป็นตัวนำพาวัสดุและมอเตอร์ เกียร์เป็นตัวขับเคลื่อนสายพานลำเลียงวัสดุ หลังจากวัสดุหรือชิ้นงานผ่านกระบวนการต่าง ๆ ตามขั้นตอนของทางโรงงานเรียบร้อยแล้ว และต้องการจะลำเลียง หรือเคลื่อนย้ายก็จะใช้ ระบบ สายพานลำเลียง ในการเคล่ือนย้ายวัสดุหรือช้นิ งาน โดยระบบสายพานลำเลียงจงึ จะเหมาะกับโรงงาน อตุ สาหกรรมทุกประเภททั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่มกี ารลำเลียงของจำนวนมากในกระบวนการผลิต ส่วนประกอบ ดังนี้ 2.4.1.1 สายพาน (Belt) 2.4.1.2 พูลเลย(์ Pulley) 2.4.1.3 เพลา (Shaft) 2.4.1.4 มอเตอร์ (Motor) (Omron Servo Motor R7M-A05030-S1) 2.4.1.5 ฐานและสว่ นซพั พอรต์ (Base) 2.4.1.6 หนา้ แปลนมอเตอร์ (Flange Motor) 2.4.1.7 สายพาน (Belt) ในหลาย ๆ อปุ กรณ์ และหลาย ๆ โรงงานอตุ สาหกรรมแทบจะทุกโรงงานจะมีการใช้ สายพานในการใช้งาน โดยสายพานจะเป็นตัวคล้องระหว่างตัวขับและตัวตาม ซ่ึงจะส่งกำลังและ หมุนไปพร้อม ๆ กัน สายพานจึงถือว่าเปน็ วธิ ีการเลือกที่ราคาถูกและประหยัดที่สุดในแง่ของงานซอ่ ม

16 ในทางอตุ สาหกรรม เน่อื งจาก ราคาถูกข้ันตอนการซ่อมไม่ซับซ้อน และทำไดอ้ ย่างรวดเรว็ กว่าแบบอ่ืน สายพานสามารถแบง่ ออกตามการใช้งานแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. สายพานส่งกำลัง (Transmission belt) เป็นสายพานนิยมใช้อยู่ในเครื่องจักรกล โดยทำหน้าที่หลัก ๆ ในการส่งกำลังระหว่างตัวขับ (Driver) และ ตัวตาม (Driven) โดยสายพานจะ คล้องไปที่ล้อสายพาน หรือ pulley ของทั้งตัวขับ และตัวตามโดยการส่งกำลังชนิดนีจ้ ะมีการทดรอบ และทดกำลังเสมอ เช่น 2. สายพานแบน (Flat belt) สายพานที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการส่งถ่าย กำลังจากพูลเลย์ของเพลาขับ ไปยังพูลเลย์ของเพลาตาม มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความสามารถในการส่งกำลังในระยะทางไกลระหว่างศูนย์รอกและไม่สร้างเสียงรบกวนหรือเสียงดัง ซ่งึ สามารถแบง่ เป็น 3 แบบย่อย ๆ ตามกำลงั การใช้งาน ได้แก่ Light Drives (สายพานใช้กับงานเบา), Medium Drives (สายพานใช้กบั งานหนัก ปานกลาง), Heavy Drives (เป็นสายพานใช้กบั งานหนัก) รูปที่ 2.10 สายพานแบน (Flat belt) 3. สายพานวี (V-belt) มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หน้าตัดเป็นรูปตัว V เหมาะสมกบั เคร่ืองจักรรอบท่ีไม่สูงมาก ดังน้ัน พ้ืนทีส่ ัมผัสในการส่งถ่ายกำลังจะเยอะกว่า 2 แบบแรก ดังนัน้ จึงเป็นทนี่ ยิ มใช้ในเคร่ืองจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรม รูปท่ี 2.11 สายพานวี (V-belt)

17 4. สายพานกลม (Circular belt หรือ Rope belt หรือ Round belt) สายพาน ประเภทนี้ทำจากพลาสติกโพลียูริเทน จะต้านทานจาระบีน้ำมันเบนซิน และสายพานกลมสามารถ ปรับตงั้ ทศิ ทางการหมุนได้หลายทิศทางและมีหนา้ ตดั เป็นรปู วงกลม โดยการสง่ กำลงั ด้วยสายพานกลม ใหค้ วามยืดหยุ่น สูงและขณะการทำงานของสายพานจะไม่เกิดเสียงดัง จะใช้งานร่วมกับรอกแบบรอ่ ง รปู ที่ 2.12 สายพานกลม (Circular belt หรอื Rope belt หรือ Round belt) 5. สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt) ตัวสายพานจะมีลักษณะพิเศษ แบบแรกจะมี ฟันเฟืองตลอดความยาวของสายพาน ลักษณะพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปสี่เหลียมคางหมูสายพานชนิดน้ี สามารถงอตัวได้ดีจะขับกับ Pulley ที่มีฟันเป็นไทม์ม่ิงเหมือนกันทำใหเ้ กิดการขบกัน เหมือนฟันเฟอื ง จึงไม่เกิดการลื่นไถลขณะส่งกำลัง สามารถใช้เป็นตัวส่งกำลังงานในเครื่องยนต์, พัดลมอุตสาหกรรม หรือในเคร่อื งจักรท่ตี อ้ งการการสูญเสยี งในการสง่ กำลงั น้อย ๆ รปู ท่ี 2.13 สายพานไทม์มง่ิ (Timing belt)

18 2.4.2 สายพานลำเลียง (Conveyor belt) ทำหน้าที่ขนย้าย หรือลำเลียง สิ่งของ หรือวัสดุต่าง ๆ จากจุด ๆ หนึ่งไปยังอีกจุด หนึ่ง โดยอุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท ที่มีการลำเลียงของจำนวนมาโดยหากแบ่งประเภทย่อย ๆ สามารถแบง่ ได้7 แบบตามวัสดดุ ังนี้คอื 2.4.2.1 ระบบสายพานลำเลยี งพียู (PU belt conveyor) 2.4.2.2 ระบบสายพานลำเลยี งแบบ PVC (PVC Belt Conveyor System) 2.4.2.3 ระบบสายพานลำเลียงยางดำ (Rubble belt conveyor) 2.4.2.4 ระบบสายพานลำเลียงโวลต้า (Volta belt conveyor) 2.4.2.5 ระบบสายพานลำเลียงไวเมท (Wire mesh belt conveyor) 2.4.2.6 ระบบสายพานลำเลยี งโมดูล่า (Modular belt conveyor) 2.4.2.7 ระบบสายพานลำเลียงไม้ (Wood belt Conveyor) การแบง่ สายพาน (Conveyor Belt) ยังสามารถแบ่งประเภทออกไดเ้ ป็นอีก 3 ทาง คอื รูปที่ 2.14 การแบง่ สายพาน (Conveyor Belt) แบ่งตามคุณสมบัตขิ องผิว (Cover Rubber) ของสายพานลำเลยี ง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ - ประเภทใช้งานทั่วไป (General Use Conveyor Belt) หรือเรียกกันว่า สายพานทนสึก (Wear Resistance Conveyor Belt)

19 รปู ที่ 2.15 ประเภทใช้งานทั่วไป (General Use Conveyor Belt) - ประเภทใช้งานแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) ซงึ่ คำก็มกี ันมากมายหลายแบบ เชน่ รปู ที่ 2.16 ประเภทใชง้ านแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) ประเภทใช้งานแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) - Heat Resistant Conveyor Belt (สายพานทนรอ้ น) - Oil /Fat/Grease Resistant Conveyor Belt (สายพานทนน้ำมัน /ไขมนั /จาระบี) - Flame Resistant Belt (สายพานทนเปลวไฟ) - Cold Resistant Belt (สายพานทนความเย็น) - Chemical Resistant Conveyor Belt. (สายพานทนสารเคมี) - Antistatic (สายพานมีคณุ สมบัตปิ ้องกนักระแสไฟฟา้ สถติ ย์) - Food Grade (สายพานสำหรบั ลำเลียงอาหาร)

20 Code ทีใ่ ช้กำหนดคุณสมบัติของผิวสายพานแบบพเิ ศษตามมาตรฐาน DIN รปู ที่ 2.17 ประเภทใช้งานแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) แบ่งตามประเภทของวัสดุที่ใช้รับแรงของสายพานลำเลียง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้หลาย ชนดิ แต่ประเภททน่ี ิยมใชก้ ันก็จะมี 2 ประเภท ได้แก่ - สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt) ซ่ึงวัสดุที่ใช้รับแรง (Tension Member) ทำด้วย วัสดุต่าง ๆ กันไปแต่เรียกรวม ๆ กันว่าผ้าใบ เช่น Cotton, Nylon, EP (Polyester/ Nylon) หรือ เรยี กอกี อย่างว่า PNและ Kevlar (Aramid), Fiberglass รูปท่ี 2.18 สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt)

21 - สายพานลวดสลิง (Steel Cord Conveyor Belt) คือ สายพานที่มีวัสดุรับ เป็นเส้นลวด (Steel cord) รูปที่ 2.19 สายพานลวดสลงิ (Steel Cord Conveyor Belt) แบ่งตามประเภทของลักษณะของผิวหน้า ของสายพานลำเลียง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้ หลายชนิดแตป่ ระเภทที่นิยมใช้กันก็จะมี 3 ประเภท -แบบผิวหน้าเรียบ (Plain Surface) ใช้ลำเลียงวัสดุในแนวราบหรือเอียงเล็กน้อยใช้ในงาน ท่วั ไปในประเทศไทยนยิ มใช้สายพานแบบนี้มากกว่า 80% รูปที่ 2.20 แบบผวิ หน้าเรยี บ (Plain Surface) - แบบผิวหน้าก้างปลา (Pattern Surface) ซ่ึงก็แบ่งเป็นอีกหลายลักษณะ (Pattern) เรียก รวม ๆ วา่ กา้ งปลาจะมีสัน (Cleat) บนตวั สายพานใชล้ ำเลียงวัสดุในแนวราบหรือเอียงได้ดีกว่าแบบผิว

22 เรยี บ แต่กจ็ ะแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าก่อนซื้อต้องศึกษาว่าวัสดุทลี่ ำเลยี งสามารถขึ้นได้สูงก่ีองศาถ้า มมุ เอยี งของระบบสายพาน (Conveyor System) มีมากว่ามมุ กองของวัสดอุ าจจะเกิดการไหลกลบั ได้ รปู ที่ 2.21 แบบผวิ หน้าก้างปลา (Pattern Surface) - แบบมีผวิ หนา้ พเิ ศษหรอื มโี ครงสร้างแบบพเิ ศษ ตามลักษณะการใช้งาน เช่น Sidewall Belt และ Pipe conveyor Belt เป็นตน้ รปู ที่ 2.22 แบบมผี วิ หน้าพิเศษหรอื มโี ครงสร้างแบบพิเศษ 2.4.2 บอลสกรู (Ball Screw) บอลสกรู คือ ชิ้นส่วนกลไกที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนหรือระบบส่งกำลังของเครื่องกล เช่น เครื่องจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมีเพลาเกลียว เกลียวกลม และตลับลูกปืน หรือนัท ซึ่งมีเม็ดลูกปืนกลมจำนวนมากอยู่ภายในตัวนัท เป็นตัวรับน้ำหนักและลดแรงเสียดทาน มีหลักการทำงาน โดยแปลงการเคลื่อนที่เชิงมุมเป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น หรือเปลี่ยนจากแรงบิดเป็น

23 แรงผลักมีการควบคุมการเคลื่อนที่ของแกนต่าง ๆ ผ่านการควบคุมจากมอเตอร์นั้น เมื่อมอเตอร์หมุน ขับสกรู นัทก็จะเคลื่อนไปตามความยาวของสกรูพาแท่นเลื่อน หรือโต๊ะงานเคลื่อนที่ไปตามรางเลื่อน ทำให้แต่ละแกนสามารถขยับโต๊ะงานทีม่ ีน้ำหนักเคลื่อนที่ไป-กลับ ตามแนวเกลียวของแกนเพลาไปยัง ตำแหน่งที่ต้องการ หรือเคลื่อนที่ไปตามระยะทางด้วยสัญญาณจากคอนโทรลเลอร์ได้อย่างราบรื่น Ball Screw มีส่วนดีกว่า Drive แบบอื่นๆ คือ สามารถผลิตตามความต้องการได้อีกทั้งการใช้งาน ก็มีสว่ นประกอบน้อยไมส่ ลับซบั ซอ้ น และมีความแข็งแรงทนทานกว่าระบบอนื่ ๆ มสี ว่ นประกอบด้ังน้ี 2.4.2.1 ชุดบอลสกรู (Ball Screw) 2.4.2.2 ฐานและสว่ นซัพพอรต์ (Base) (Linear Slide Base) 2.4.2.3 คัปปลงิ้ แบบยืดหยุ่น (Flexible coupling) 2.4.2.4 มอเตอร์ (Motor) 2.4.2.5 หน้าแปลนมอเตอร์ (Flange Motor) 2.4.2.6 เซนเซอร์ (Sensor)

24 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการ ในการศกึ ษาสรา้ งส่ือการเรียนรวู้ ิชาระบบควบคุมการขับเคล่ือนเบ้ืองต้นเร่ิมจากการหาข้อมูล ของอุปกรณ์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเบื้องต้นแล้วหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้ออุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบ เชิงมุม โดยมีจุดประสงค์ในการทำโครงงานครั้งนี้เพื่อจะได้บทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น ได้กำหนดขอบเขตของบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ทั้งน้ี เพื่อที่จะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ผู้จัดทำจึงกำหนดวิธีการ ดำเนินงาน ซ่ึงมลี ะเอียดในการดำเนนิ การดังนี้ 3.1 ขัน้ ตอนการดำเนนิ งาน รปู ท่ี 3.1 ขนั้ ตอนการดำเนินการของบทเรียนสำเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคมุ การ ขับเคล่อื นเบ้ืองต้น

25 รปู ท่ี 3.1 ขน้ั ตอนการดำเนินการของบทเรียนสำเรจ็ รูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการ ขบั เคล่อื นเบ้ืองตน้ 3.2 ศึกษาข้อมลู เกย่ี วกบั หัวข้อทไ่ี ด้ การศกึ ษาขอ้ มูลเก่ียวกับระบบขับเคลื่อนทางกลแบบเชงิ มมุ กจ็ ะได้หัวข้อย่อยแยกออกมาดังน้ี การเคลื่อนที่เชิงมุมคืออะไร ชิ้นส่วนทางกลที่ใช้ในการเคลื่อนที่เชิงมุม การนำไปประยุกต์ใช้งาน หลักการของระบบขบั เคลอื่ นทางกลแบบเชิงมุม เปน็ ต้น

26 3.2.1 ชิน้ ส่วนทางกลทใ่ี ช้ในการเคลอ่ื นท่เี ชิงมมุ การเคล่อื นทเี่ ชิงมุมเป็นการเคล่ือนท่ีแบบหมุนตามธรรมชาตเิ กนิ ขึ้นได้กับอนุภาคที่ มีขนาดเล็กไปจนถึงวัตถุที่มีขนาดใหญ่มาก ตั้งแต่การหมุนในระดับอะตอมไปจนถึงการหมุนของ กาแลก็ ซีในเอกภพ การหมุนของวัตถทุ ีม่ ขี นาดใหญเ่ ช่น ล้อรถ ดาวเคราะห์ ไมส่ ามารถใชก้ ารหมนุ แบบ ของอนภุ าคเดย่ี วได้ เน่อื งจากอนุภาคอยู่คนละตำแหน่งทำให้มีความเรว็ เชงิ เสน้ และความเร่งเชงิ เส้นไม่ เท่ากัน ดังนั้นจึงใช้การสมมุติให้เป็นวัตถุแข็งเกร็ง ซึ่งเป็นวัตถุในอุดมคติที่มีอนุภาคเรียงตัวต่อเนื่อง และระยะระหว่างอนุภาคคงที่เสมอ (ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างขณะเคลื่อนที่ ถึงแม้จะมีแรง ภายนอกมากระทำ) การเคลื่อนที่แบบหมุนจึงเป็นการเคลื่อนที่โดยการหมุนรอบตัวเองรอบจุดใดจุด หน่งึ หรือแกนใดแกนหน่ึงในตัวของวตั ถุ 3.2.2 การนำไปประยกุ ตใ์ ชง้ าน ส่วนใหญ่ของการนำไปประยุกต์ใช้จะเป็นอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการอุตสาหกรรมท่ีทำงาน แบบเชงิ มมุ เช่น เฟอื ง ตลบั ลูกปนื ลกู เบ้ียว ข้อต่อ บูช และ คัปปล้ิง เป็นต้น 3.2.2.1 เฟือง (Gear) สามารถนำมาใช้ในการส่งผ่านแรงหมุน ปรับความเร็วแรงหมุน และ ปรับทิศทางการหมนุ ในเครอื่ งจักรได้ โดยระบบเฟอื งมีความสามารถคลา้ ยกับระบบสายพาน แตร่ ะบบ เฟืองนี้ จะไม่มีการสูญเสียพลังงานไปกับการยืดหดและการลื่นไถลของสายพาน ใช้งานเพื่อทดแรง เครื่องจักรกลต่าง ๆ ใช้ในงานอุตสาหกรรมสายพานลำเลียง อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และงานระบบ อตั โนมัติ รูปที่ 3.2 เฟืองดอกจอก

27 3.2.2.2 ตลับลูกปืน (Bearing) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้รองรับการหมุนของเพลา โดยตลับลูกปืนมี หน้าที่ถ่ายทอดแรงที่เกิดขึ้นจากเพลาลงไปสู่ฐานเครื่องยนต์ และลดแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส ทำให้ช่วยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องจักรกลต่าง ๆ ลดการสึกหลอ แต่ตลับลูกปืนมักจะเสื่อมสภาพเร็ว เนอ่ื งจากตลบั ลูกปนื ถอื ว่าเป็นจดุ วิกฤตของเครื่องมือกล รูปท่ี 3.3 ตลบั ลูกปนื 3.2.2.3 ลูกเบี้ยว (Cam Follower) เป็นชิ้นส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อระบบส่งกำลัง ของเครื่องจักรกลอัตโนมัติ เครื่องยนต์ อุปกรณ์นำเจาะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย โดย ส่วนประกอบหลักของลูกเบี้ยวจะประกอบด้วยเพลา (Shaft), ลูกเบี้ยว (Cams) และตัวตาม (Follower) ที่มีหลักการทำงานจากการหมุนแนวเส้นรอบวงแบบเคลือ่ นกลับไปกลบั มา และอาศัยผิว ของตัวลกู เบยี้ วส่งกำลังผ่านตัวตามทำให้ช้นิ สว่ นท่ีรับกำลังเกิดความคล่องตัวในการหมุนหรือเคลื่อนท่ี เปน็ แนวเสน้ ตรง ท้ังนลี้ กู เบย้ี วทน่ี ิยมใช้งานจะมอี ยู่หลายรูปแบบดว้ ยกนั ซึ่งอาจจะแบ่งตามรูปร่างของ ลูกเบี้ยว การเคลื่อนที่หรือตำแหน่งของตัวตามที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ลูกเบี้ยวให้ตรงกับ ลกั ษณะการใชง้ านเพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธภิ าพมากยง่ิ ขนึ้ รูปท่ี 3.4 ลูกเบ้ยี ว

28 3.2.2.4 ข้อต่อแบบหมุน(rotational Joint) ช่วยให้ร่างกาย 3 มิติสองร่างสามารถหมุนได้ สัมพันธ์กันเกี่ยวกับแกนคงที่และไม่อนุญาตให้มีการเคลื่อนไหวสัมพัทธ์อื่น ๆ มันเป็นข้อต่อที่พบมาก ที่สุดในระบบหุ่นยนต์และระบบเครือ่ งกลอื่น ๆ และการเชื่อมโยงที่ซับซ้อนมากขึ้นมักจะสร้างขึ้นโดย การเขียนข้อต่อหมุนง่าย ในการออกแบบจํานวนมากมีเพลาทางกายภาพที่เรียกว่า เพลาหรือในบาน พับขาที่สอดคล้องกับแกนหมุน การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในตําแหน่งสัมพัทธ์อธิบายอย่างสมบูรณ์ โดยพารามิเตอรเ์ ชิงมุมเดยี วซ่งึ สามารถวัดไดจ้ ากจุดอ้างองิ ทส่ี ะดวก รปู ที่ 3.5 ขอ้ ต่อแบบหมุน 3.2.2.5 บูช (Bush) คือ ชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อยึดเพลา ใช้คู่กับ Pulley Sprocket และ Coupling ทำใหผ้ ใู้ ช้งานลดปญั หาในเรื่องการถอดประกอบเพลา รปู ที่ 3.6 บูช

29 3.2.2.6 คัปปลิ้ง (Couplings) คือ ทำหน้าที่ยึดเพลาสองเพลาให้เข้าด้วยกัน ลักษณะการส่ง ถ่ายแรงบิดที่มีการเยื้องศูนย์ของเพลา (Shaft Misalignment) จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของระบบส่งกำลัง เช่น ลูกปืน โดยการตั้งศูนย์เพลาที่ดีจะสามารถยืดอายุการใช้งาน ของตลับลกู ปนื ได้ 2-3 เท่า โดยการตั้งศูนย์ทดี่ ีนัน้ จำเป็นต้องใช้เวลานาน รปู ที่ 3.7 เกยี รค์ ปั ปลิ้ง 3.2.3 หลกั การของระบบขบั เคลอ่ื นทางกลแบบเชงิ มุม มอเตอร์เป็นอปุ กรณท์ ี่มีการเคล่ือนท่แี บบเชิงมมุ การศึกษาทฤษฎีเกี่ยวกับมอเตอร์ นั้นช่วยให้เข้าใจการเคลื่อนที่แบบเชิงมุมมากขึ้น หลักการของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (Motor Action) เมื่อเป็นแรงดันกระแสไฟฟ้าตรงเข้าไปในมอเตอร์ ส่วนหน่ึงจะ แปรงถ่านผา่ นคอมมิวเตเตอร์ เข้าไปในขดลวดอาร์มาเจอร์สร้างสนามแม่เหล็กขึ้น และกระแสไฟฟ้าอีกส่วนหนึ่งจะไหลเข้าไปใน ขดลวดสนามแม่เหล็ก (Field coil) สร้างขั้วเหนือ-ใต้ขึ้น จะเกิดสนามแม่เหล็ก 2 สนาม ใน ขณะเดียวกัน ตามคุณสมบัติของเส้นแรง แม่เหล็ก จะไม่ตัดกันทิศทางตรงข้ามจะหักล้างกัน และ ทิศทางเดียวจะเสริมแรงกัน ทำให้เกิดแรงบดิ ในตวั อาร์มาเจอร์ ซึ่งวางแกนเพลาและแกนเพลานี้ สวม อยู่กับตลับลุกปืนของมอเตอร์ ทำให้อาร์มาเจอร์นี้หมุนได้ ขณะที่ตัวอาร์มาเจอร์ทำหน้าที่หมุนได้นี้ เรียกว่า โรเตอร์ (Rotor) ซึ่งหมายความว่าตวั หมุน การที่อำนาจเสน้ แรงแมเ่ หล็กทัง้ สองมีปฏิกริ ยิ าตอ่ กัน ทำให้ขดลวดอาร์มาเจอร์ หรอื โรเตอร์หมนุ ไปน้นั เป็นไปตามกฎซา้ ยของเฟลมม่งิ

30 3.3 การศึกษาการใช้ Google Site การศึกษาการใช้งาน Google Site เพื่อเริ่มต้นใช้งานGoogle Siteให้สะดวกเมื่อเราจะทำ การสร้างเวบ็ ไซตส์ ำเร็จรูปเว็บไซต์นึงต้องศึกษาข้อมลู เบ้ืองต้นของการใช้งาน โดยมีการใช้งานเบ้ืองต้น ดงั นี้ รปู ที่ 3.8 คน้ หาคำว่า Google Site ใน Google รปู ที่ 3.9 กดเร่มิ เวบ็ ไซต์ใหม่และกดวา่ ง

31 รปู ที่ 3.10 ศึกษาการเปล่ียนชื่อหนา้ เว็บไซต์ของเรา รูปท่ี 3.11 ศกึ ษาการกดใช้งานกลอ่ งขอ้ ความ

32 รปู ที่ 3.12 ศึกษาการอัพโหลดรูปจากGoogle Drive และ ไฟลภ์ าพในคอมพิวเตอร์ รปู ที่ 3.13 ศึกษาการใส่และการจดั เลยเ์ อาต์ให้เหมาะสมกับขอ้ มลู ของเรา

33 รปู ที่ 3.14 ศึกษาการใชธ้ มี เพ่ือเลือกใช้ให้เหมาะสมกบั งาน รปู ท่ี 3.15 ศึกษาวิธกี ารเผยแพรเ่ ว็บไซตเ์ พ่อื ใหผ้ ู้อน่ื ได้ชมเว็บไซตข์ องเรา

34 3.4 ออกแบบหน้าในแตล่ ะหัวขอ้ ใส่ใน Google Site การออกแบบบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคมุ การขับเคล่อื นเบือ้ งตน้ มี การออกแบบคือ ออกแบบหน้าเว็บบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ออกมาให้น่าสนใจและใช้ได้ง่าย สะดวกแกผ่ ู้ใช้งาน รปู ที่ 3.16 หนา้ เว็บบทเรียนสำเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคมุ การขับเคลอื่ นเบื้องตน้ รูปท่ี 3.17 การเคลอ่ื นท่ีเชงิ มุมคืออะไร ?

35 รปู ท่ี 3.18 หลกั การของระบบขบั เคลื่อนทางกลแบบเชิงมุม รูปท่ี 3.19 ช้นิ ส่วนทางกลที่ใชใ้ นการขับเคล่ือน รูปท่ี 3.20 การนำไปประยุกต์ใช้งาน

36 บทที่ 4 ผลดำเนินงาน การทดสอบบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมขับเคลื่อนเบ้ืองต้นเริ่มต้นจาก การศึกษาข้อมูลและทฤษฏีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อนในโรงงาน อตุ สาหกรรม จากน้นั ทำการสรุปซ่ึงสามารถสรุปผลการดำเนินงาน 3 สว่ น ดังนี้ 4.1 ขั้นตอนการทดสอบ 4.2 ผลการทดลอง 4.3 บทเรียนสำเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขับเคลอ่ื นเบอ้ื งตน้ 4.1 ข้ันตอนการทดสอบ 4.1.1 ขน้ั ตอนท่ี 1 ทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นวา่ ได้กี่คะแนน 4.1.2 ขัน้ ตอนท่ี 2 ศกึ ษาเนือ้ หาบทเรยี นสำเรจ็ รูปแบบออนไลน์ 4.1.3 ขน้ั ตอนที่ 3 ทำแบบทดสอบหลงั เรียนว่าได้กค่ี ะแนน 4.2 ผลการทดลอง ตารางที่ 4.1 ตารางสรุปผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนของบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ าระบบควบคุมการขับเคล่อื นเบื้องต้น เกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรยี น ดเี ยี่ยม คะแนนแบบทดสอบ จำนวนคน ดมี าก 17-20 10 ดี พอใช้ 12-16 30 ปรบั ปรุง 7-11 7 1-6 0 00 จากตารางที่ 4.1 ตารางสรุปผลการทำแบบฝึกหัดของบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบือ้ งต้น จากนักเรียน 47 คน จะเห็นไดว้ ่านักเรยี นจำนวน 10 คนได้ คะแนน 17-20 สว่ นนกั เรยี นจำนวน 30 คนได้คะแนน 12-16 และนกั เรียนจำนวน 7 คนไดค้ ะแนน 7-11 แบบฝกึ หดั ได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบกอ่ นเรยี นอยู่ในช่วง 12-16 คะแนน

37 ตารางที่ 4.2 ตารางสรปุ ผลการทำแบบทดสอบหลังเรียนของบทเรยี นสำเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวิชาระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องตน้ เกณฑ์ แบบทดสอบหลังเรยี น ดีเยี่ยม คะแนนแบบทดสอบ จำนวนคน ดมี าก 17-20 41 ดี พอใช้ 12-16 3 ปรับปรุง 7-11 3 1-6 0 00 จากตารางที่ 4.2 ตารางสรุปผลการทำแบบฝึกหัดของบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขบั เคลื่อนเบื้องตน้ จากนักเรียน 47 คน จะเห็นได้ว่านักเรยี นจำนวน 41 คนได้ คะแนน 17-20 สว่ นนกั เรียนจำนวน 3 คนได้คะแนน 12-16 และนักเรียนจำนวน 3 คนได้คะแนน 7-11 แบบฝึกหัดได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบก่อนเรยี นอยู่ในชว่ ง 17-20 คะแนน 4.3 บทเรยี นสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขบั เคล่อื นเบอื้ งต้น รูปที่ 4.1 บทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคมุ การขบั เคลอ่ื นเบ้ืองต้น

38 บทท่ี 5 การสรปุ ผลและข้อเสนอแนะ ในการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้นมี วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการเพ่อื สร้างบทเรยี นสำเร็จรูปแบบออนไลน์เพ่ือเปน็ ส่ือการเรียนการสอนและศึกษา เกย่ี วกบั อปุ กรณ์ขบั เคลอื่ นทางกลแบบเชิงมุม 5.1 สรุปผลการดำเนินการ การสร้างบทเรียนสำสำเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้นโดนมี การจัดเตรียมเนื้อหาอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ เนื้อหาการสร้างการออกแบบ Google site เนื้อหาเกี่ยวกับ อปุ กรณข์ ับเคล่อื นทางกลแบบเชิงมมุ และ เนื้อหาการสร้าง Google Form สรุปได้ว่า ทางคณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษา การสร้างการออกแบบ Google site Google form เนื้อหาอุปกรณ์ขับเคลื่อนทางกลแบบเชิงมุม และได้จัดทำสื่อการสอนออนไลน์ รายวิชาระบบควบคมุ การ ขับเคล่อื นเบือ้ งตน้ ตามทีไ่ ด้ออกแบบไว้ ในแบบทดสอบก่อนเรียน สรปุ ผลการทดสอบไดว้ ่า จากนักเรยี น 47 คน ทไ่ี ดท้ ำแบบทดสอบจาก Google Form จะเห็นได้ว่านักเรียนจำนวน 10 คนได้คะแนนในช่วง 17-20 คะแนนซึ่งอยู่ใน เกณฑ์ยอดเยี่ยม ส่วนนักเรียนจำนวน 30 คนได้คะแนนในช่วง 12-16 คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีมาก และ นักเรียนจำนวน 7 คนได้คะแนนในช่วง 7-11 คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี แบบฝึกหัดได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉล่ียของแบบทดสอบก่อนเรียนอยู่ในชว่ ง 12-16 คะแนน ในแบบทดสอบหลังเรียน สรุปผลการทดสอบได้ว่า จากนักเรียน 47 คน ที่ได้ทำแบบทดสอบจาก Google Form จะเห็นได้ว่านักเรียนจำนวน 41 คนได้คะแนนในช่วง 17-20 คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ยอด เยี่ยม ส่วนนักเรียนจำนวน 3 คนได้คะแนนในช่วง 12-16 คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีมาก และ นักเรียนจำนวน 3 คนได้คะแนนในช่วง 7-11 คะแนนซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี แบบฝึกหัดได้คะแนนรวม 20 คะแนน คะแนนเฉลยี่ ของแบบทดสอบก่อนเรยี นอยู่ในชว่ ง 17-20 คะแนน

39 5.2 อภปิ รายปัญหา เกิดการล่าชา้ ในการรวบรวมข้อมูลเน่ืองจากต้องใช้ข้อมูลหลายๆแหล่งมาตรวจสอบและวิเคราะห์ ก่อนจะนำเนื้อหาไปใส่ในสื่อการสอนออนไลน์ แก้ไขปญั หาโดยการสอบถามอาจารยเ์ พิ่มเวลาในการค้นหา ข้อมลู และกำหนดระยะเวลาในการทำงาน 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ควรมีการตรวจสอบขอ้ มูลใหล้ ะเอียดก่อนนำไปใส่ในสือ่ การสอนออนไลน์เนือ่ งจากเสียเวลาใน การเปล่ียนใส่ขอ้ มลู 5.3.2 ควรมีการศึกษาการออกแบบสื่อการสอนออนไลน์ที่มากขึ้นเพื่อจะได้สื่อการสอนออนไลน์ที่ นา่ สนใจและนา่ เรยี นรหู้ ามากยง่ิ ขึ้น 5.3.3 ควรวางแผนและกำหนดเวลาการทำงานอยา่ งเครง่ ครัดเพือ่ ให้ไดช้ ้นิ งานอย่างตรงเวลา