ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรัง ปที ่ี 3 43 ภาพที่ 13 การปกคลุมของเรอื นยอดไมแ้ ตล่ ะกลุ่ม ศูนยน์ วัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ละพื้นท่ีคมุ้ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบันนวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพน้ื ที่ค้มุ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจา้ ไหม จังหวดั ตรงั ปีท่ี 3 44 2. ความหลากหลายทางชีวภาพพรรณพืช การประเมินความหลากหลายทางชีวภาพของพรรณไมป้ ่าชายเลน โดยใชด้ ัชนีความหลากหลาย ทางชีวภาพ ซงึ่ ได้ผลการศึกษาดงั น้ี ความหลากหลายทางชนิด พบว่า ค่าดัชนีความหลากหลายของ Shannon - Weiner Index (H’) ไม้ใหญ่ ไม้หน่มุ และกล้าไม้ มีค่าเท่ากับ 1.16, 1.11 และ 1.02 ตามลาดับ ซ่งึ แสดงให้เหน็ ว่าพรรณ ไม้ ป่ าช าย เล น ใน แ ป ล งถ าว รมี ค ว าม ห ล าก ห ล าย ท างช นิ ด ค่ อ น ข้ างน้ อ ย ถ้ าสั งค ม ใด มีความหลากหลายทางชนิดมากจะมีค่า Shannon - Weiner Index สูง ส่วนมากจะมีค่าระหว่าง 1.5 - 3.5 และน้อยคร้ังที่มีค่ามากกว่า 4.5 แสดงให้เห็นว่าสังคมไม้ใหญ่มีความหลากหลายทางชนิด มากกว่าสังคมอ่ืน ซึ่งสอดคล้องกับค่าดัชนีความหลากหลายของ Simpson’s Index มีค่าของไม้ใหญ่ ไม้ ห นุ่ ม แ ล ะก ล้ าไม้ มี ค่ าเท่ ากั บ 0.59, 0.56 แ ล ะ 0.65 ต าม ล าดั บ ซึ่ งโด ย ป ก ติ ค่ าดั ช นี ความหลากหลายของ Simpson’s Index มีค่าอยู่ระหว่าง 0 - 1 ค่า Fisher’s index พบว่า ไม้ใหญ่ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มีค่าเท่ากับ 1.39, 1.09 และ 0.68 ตามลาดับ ซึ่งเป็นดชั นีความผกผันตัวหนงึ่ ทเ่ี ป็น ความสมั พันธ์ระหวา่ งจานวนตน้ ไม้กับจานวนชนิด โดยไม่ขึน้ กับขนาดของแปลง ความร่ารวยหรือความมากมายของชนิดพันธ์ุ พบว่า ไม้ใหญ่ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มีค่าเท่ากับ 10.88, 5.82 และ 2.75 ตามลาดับ ซึ่งไม้ใหญ่มีความร่ารวยหรือความมากมายของชนิดสูงที่สุดโดย พบวา่ มจี านวนของแตล่ ะชนดิ พนั ธมุ์ ากกว่าไมห้ นมุ่ และกลา้ ไม้ ความสม่าเสมอของชนิดพันธ์ุ พบว่า พบว่า ไม้ใหญ่ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มีค่าเท่ากับ 0.48, 0.62 และ 0.92 ตามลาดับ โดยค่าความสม่าเสมอจะลดลงเมื่อความสัมพันธ์ของการกระจายของ แตล่ ะชนิดในสงั คมแตกตา่ งกนั ซึ่งค่าการกระจายของสิ่งมีชีวติ ในพ้ืนทจ่ี ะมีค่าอยใู่ นชว่ ง 0 – 1 ค่าความคล้ายคลึงของชนิดพันธุ์ จากการศึกษาความคล้ายคลึงของพรรณไม้ในแปลงถาวร แต่ละกลุ่มไมแ้ ยกเป็นไม้ใหญ่ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มาเปรยี บเทยี บพรรณไม้ในแปลงกับปที ่ีผ่านมา พบว่า ไม้ใหญ่ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มีค่าเท่ากับ 100, 92.31 และ 85.71 ตามลาดับ ซึ่งไม้ใหญ่ ยัง ไม่พบว่ามีการเปล่ียนแปลงของชนิดพรรณไม้ ส่วนไม้หนุ่มพบพรรณไม้มีการเปล่ียนแปลงของ ชนดิ พรรณไมใ้ นแปลงเลก็ น้อย และกล้าไมม้ ีการเปลีย่ นแปลงของชนดิ พันธุ์ไปจากเดิมสูงทส่ี ดุ ศูนยน์ วตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุ้มครองทางทะเล จงั หวัดตรงั สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพื้นที่ค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวัดตรงั ปีท่ี 3 45 โดยแสดงให้เห็นว่าไม้ใหญ่ในแปลงถาวรมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุด เน่ืองจากมี ความหลากหลายทางชนดิ พรรณไม้มากและแต่ละชนดิ มีการกระจายที่สม่าเสมอกนั ดงั ตารางท่ี 5 ตารางที่ 5 ดชั นคี วามหลากหลายทางชวี ภาพของไม้ป่าชายเลน ดชั นคี วามหลากหลาย ไม้ใหญ่ ไม้หน่มุ กล้าไม้ Shannon Wiener Index (H) 1.16 1.11 1.02 Simpson’s Diversity Index (D) 0.59 0.56 0.65 Fisher’s index (α) 1.39 1.09 0.68 Margarlef's Diversity Index (R) 10.88 5.82 2.75 Evenness (E) 0.48 0.62 0.92 Similarity Index (Sl) 100 92.31 85.71 3. ปริมาตรไม้ (volume) ปริมาตรไม้แปลงถาวรพบว่า มีปริมาตรไม้รวม 112.81 ลูกบาศก์เมตรต่อเฮกตาร์ โดยมี ไม้วงศ์ Rhizophoraceae เปน็ กลุ่มไมท้ ี่มีปริมาตรไม้รวมมากที่สดุ มีค่าเท่ากับ 96.67 ลูกบาศกเ์ มตรต่อ เฮกตาร์ ไม้วงศ์นี้ ได้แก่ โกงกางใบ เล็ก (Rhizophora apiculata Blume) โกงกางใบ ให ญ่ (Rhizophora mucronata Lam.) ถ่ัวขาว (Bruguiera cylindrica (L.) Blume) ถั่วดา (Bruguiera parviflora (Roxb.) Wight & Arn. ex Griff.) โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) รองลงมา ไม้ ว ง ศ์ Meliaceae, Rubiaceae, Combretaceae, Euphorbiaceae, Malvaceae มี ค่ า เท่ า กั บ 14.36, 0.95, 0.46, 0.30, 0.08 ลกู บาศกเ์ มตรต่อเฮกตาร์ ตามลาดบั ดังตารางท่ี 6 ศูนย์นวัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบันนวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพืน้ ท่ีค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง ปีที่ 3 46 ตารางท่ี 6 ปรมิ าตรไม้ป่าชายเลนแตล่ ะวงศ์ วงศ์ ปรมิ าตรไม้ (m3/ha) RHIZOPHORACEAE ปีที่ 1 ปีที่ 2 ปีท่ี 3 MELIACEAE 85.93 91.54 96.67 RUBIACEAE 13.80 14.13 14.36 COMBRETACEAE 0.96 0.98 0.95 EUPHORBIACEAE 0.44 0.45 0.46 Malvaceae 0.32 0.34 0.30 0.07 0.07 0.08 4. มวลชีวภาพเหนือพื้นดินและปริมาณการเกบ็ กักคาร์บอน จากการประมาณมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของไม้ใหญ่ ในแปลงถาวรป่าชายเลน โดยใช้สมการ แอลโลเมตริก โดยปริมาณมวลชีวภาพที่ทาการศึกษาในครั้งน้ี พบว่า มีมวลชีวภาพเหนือพ้ืนดินทั้งหมด เท่ากับ 29.10 ตันต่อเฮกตาร์ โดยแบ่งเป็นมวลชีวภ าพของลาต้น กิ่ง ใบ และรากค้ายัน (มีเพียงโกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) และ โกงกางใบใหญ่ (Rhizophora mucronata Lam.) เท่ากับ 12.94, 10.72, 4.40 และ 1.04 ตันต่อเฮกตาร์ ตามลาดับ เม่ือแยกเป็นแต่ ละวงศ์พบว่า พรรณไม้ที่มีมวลชีวภาพเหนือพ้ืนดินสูงท่ีสุด คือ ไม้วงศ์ Rhizophoraceae มีค่าเท่ากับ 14.52 ตันต่อเฮกตาร์ รองลงมาพรรณ ไม้วงศ์ Rubiaceae, Combretaceae, Euphorbiaceae, Meliaceae, Malvaceae มีคา่ เท่ากับ 7.24, 3.80, 2.10, 0.72, 0.71 ตันต่อเฮกตาร์ ตามลาดบั (ตาราง ท่ี 7) จากการศึกษามวลชวี ภาพในคร้ังน้ีทาให้ทราบว่าพรรณไม้ในวงศ์ Rhizophoraceae มีมวลชีวภาพ มากกว่าพรรณไม้ในวงศ์อ่ืน ๆ ซึ่งสอดคล้องกับค่าดัชนีความสาคัญของพรรณไม้ เน่ืองจากพรรณไม้ใน วงศ์ Rhizophoraceae เป็นพรรณไมเ้ ดน่ ในพนื้ ท่นี ี้ ปรมิ าณการเกบ็ กักคาร์บอนรวมท้ังหมด เทา่ กบั 14.06 ตันคารบ์ อนต่อเฮกตาร์ ซึง่ แยกออกเป็น ป ริมาณ การเก็บ กักคาร์บ อน ของส่วน ท่ี เป็ น ลาต้น กิ่ง ใบ และรากค้ายัน เท่ ากับ 6.25, 5.18, 2.13 แ ล ะ 0.50 ตั น ค าร์บ อ น ต่ อ เฮ ก ต าร์ ต าม ล าดั บ โด ย ไม้ ว งศ์ Rhizophoraceae มีปริมาณ การเก็บกักคาร์บอนสูงที่สุด เท่ากับ 7.0 2 ตันคาร์บอนต่อเฮกตาร์ รองลงมา คือ ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีคุ้มครองทางทะเล จงั หวดั ตรงั สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพนื้ ท่ีคมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาติป่าชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรงั ปีท่ี 3 47 ไม้วงศ์ Rubiaceae, Combretaceae, Euphorbiaceae, Meliaceae, Malvaceae มีค่าเท่ากับ 3.50, 1.84, 1.01, 0.35, 0.35 ตนั คาร์บอนต่อเฮกตาร์ ตามลาดับ (ตารางท่ี 8) ตารางท่ี 7 มวลชวี ภาพเหนอื พน้ื ดินของไมป้ า่ ชายเลน ที่ วงศ์ มวลชีวภาพเหนือพื้นดนิ (ton/ha) ปีท่ี 1 ปีที่ 2 ปที ี่ 3 1 Rhizophoraceae 14.59 14.60 14.52 2 Rubiaceae 7.60 7.66 7.24 3 Combretaceae 3.65 3.71 3.80 4 Euphorbiaceae 2.32 2.43 2.10 5 Meliaceae 0.76 0.74 0.72 6 Malvaceae 0.62 0.66 0.71 ตารางท่ี 8 ปรมิ าณการเก็บกักคาร์บอนของไมป้ ่าชายเลน ที่ วงศ์ ปริมาณการกกั เกบ็ คารบ์ อน (ton/ha) ปที ่ี 1 ปที ี่ 2 ปีที่ 3 1 Rhizophoraceae 7.05 7.06 7.02 2 Rubiaceae 3.67 3.70 3.50 3 Combretaceae 1.77 1.79 1.84 4 Euphorbiaceae 1.12 1.18 1.01 5 Meliaceae 0.37 0.36 0.35 6 Malvaceae 0.30 0.32 0.35 ศนู ย์นวัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนท่ีคุม้ ครองทางทะเล จงั หวัดตรงั สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพน้ื ที่ค้มุ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาติปา่ ชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจา้ ไหม จงั หวัดตรงั ปที ่ี 3 48 5. การศกึ ษาชพี ลกั ษณ์พรรณไมแ้ ปลงถาวรปา่ ชายเลน การศึกษาติดตามชีพลักษณ์พรรณไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลน โดยได้ทาการตรวจวัด ชีพลักษณ์เดือนละ 1 คร้ัง ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน และจากการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ สภาพภูมิอากาศในแปลงถาวรมีอุณหภูมิเฉล่ีย 27.39 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เฉล่ีย 86.31 เปอรเ์ ซน็ ต์ (ภาพท่ี 14) ภาพที่ 14 อุณหภูมิและความช้ืนสัมพทั ธเ์ ฉลี่ยแต่ละเดือน จากความสัมพันธ์ของพันธ์ุไม้ป่าชายเลนระหว่างภูมิอากาศกับชีพลักษณ์ ในการศึกษาโดย แต่ละต้นจะบันทกึ ค่าลาดับชพี ลักษณ์ที่สูงท่ีสดุ ของต้นน้ัน เช่น ในหนึ่งตน้ มที ้ังดอกบาน ผลอ่อน และผล แก่ ปะปนกัน จะบันทึกเฉพาะค่าลาดับขั้นของผลแก่เท่าน้ัน เน่ืองจากผลแก่มีค่าลาดับชีพลักษณ์ ท่ีสูงกว่าค่าอ่ืน ซ่ึงส่วนใหญ่จะออกดอกไม่พร้อมกันท้ังภายในต้นไม้ต้นเดียวกันและในพื้นที่ ทาให้เกิด ดอกตลอดปี ผลการศึกษา ดงั ภาพท่ี 15 ถึงภาพท่ี 17 ศนู ยน์ วตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุม้ ครองทางทะเล จังหวัดตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพืน้ ที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวดั ตรัง ปที ่ี 3 49 ภาพที่ 15 ความสัมพันธ์อุณหภูมิและความช้ืนสัมพัทธ์กับชีพลักษณ์โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume.) โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) ตะบูนขาว (Xylocarpus granatum J.Koenig) และถว่ั ขาว (Bruguiera cylindrica (L.) Blume) ศนู ยน์ วัตกรรมอทุ ยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีคุ้มครองทางทะเล จงั หวัดตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพน้ื ท่ีคมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาตปิ ่าชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรงั ปที ี่ 3 50 ภาพ ที่ 16 ความสัมพันธ์อุณ หภูมิและความชื้นสัมพัทธ์กับชีพลักษณ์ จีง้า (Scyphiphora hydrophylacea C.F.Gaertn.) ต ะ บู น ด า (Xylocarpus moluccensis (Lam.) M.Roem.) โกงกางใบใหญ่ (Rhizophora mucronata Lam.) และฝาดแดง (Lumnitzera littorea (Jack) Voigt) ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบันนวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพื้นท่ีคมุ้ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาติป่าชายเลน อุทยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ปีที่ 3 51 ภาพท่ี 17 ความสัมพันธ์อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์กับชีพลักษณ์ถั่วดา (Bruguiera parviflora (Roxb.) Wight & Arn. ex Griff.) ตาตุ่มทะเล (Excoecaria agallocha L.) หงอนไก่ทะเล (Heritiera littoralis Aiton) นอกจากน้ียังพบว่ามีต้นไม้ตายในแปลงถาวรป่าชายเลนเป็นจานวนมาก โดยส่วนใหญ่ต้นไม้ท่ี ตายจะอยู่ในบริเวณกลางแปลงซึ่งจะเป็นบริเวณท่ีพบว่ามีจานวนต้นไม้อยู่อย่างหนาแน่น ส่วนบริเวณที่ อยู่ริมนา้ หรือขอบแปลงที่มีต้นไม้นอ้ ยจะไมค่ ่อยพบว่าต้นไมต้ าย โดยสว่ นใหญ่ต้นไม้ที่ตายจะเป็นโกงกาง ใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) ตะบูนขาว (Xylocarpus granatum J.Koenig) ตามลาดบั (ภาพที่ 18 และภาพท่ี 19) ศูนยน์ วัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพืน้ ท่ีคุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวดั ตรัง ปีที่ 3 52 ภาพที่ 18 การกระจายต้นไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลนทตี่ ายทง้ั หมด (แต่ละป)ี ศูนย์นวตั กรรมอทุ ยานแห่งชาตแิ ละพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จังหวัดตรัง สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คมุ้ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติปา่ ชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจา้ ไหม จังหวัดตรงั ปที ่ี 3 53 ภาพท่ี 19 การกระจายของตน้ ไมต้ ายในแปลงถาวรป่าชายเลน (แยกตามชนดิ พนั ธุ์) ศูนย์นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพื้นท่ีคุม้ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรงั สถาบันนวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพ้นื ท่ีคมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติป่าชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวัดตรงั ปีท่ี 3 54 6. การเปรียบเทียบข้อมูลตามหลกั สถิติด้วยโปรแกรม SPSS จากการเปรียบเทียบข้อมูลแปลงถาวรป่าชายเลนด้วยโปรแกรม SPSS โดยใช้วิธีความ แปรปรวนแบบสองทาง (Two – way ANOVA) พบวา่ 6.1 คา่ ดัชนคี วามสาคญั ของพนั ธ์ุไม้ (IVI) ค่าดัชนีความสาคัญกับปีท่ีสารวจ พบวา่ แต่ละปีท่ีสารวจมีค่านัยสาคัญที่ระดับ 1.000 ซ่ึง มีค่า > 0.05 นั่นคือ ค่าดัชนีความสาคัญในแต่ละปีไม่มีความแตกต่างกันอย่างนัยสาคัญทางสถิติ แสดง ว่าจากก ารเป รียบ เที ยบ ข้อ มูล ค่าดั ช นี ค วาม ส าคัญ ขอ งพั น ธ์ุไม้ ใน แต่ ละปี ท่ี สารวจไม่ มี ความแตกตา่ งกัน ค่าดัชนีความสาคัญกับชนิดพันธุ์ไม้ พบว่า แต่ละชนิดพันธุ์ไม้มีค่านัยสาคัญท่ีระดับ 0.000 ซึง่ มีค่า < 0.05 น่ันคอื ค่าดัชนีความสาคัญในแต่ละชนิดพันธุ์ไม้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทาง สถิติ แสดงว่าจากการเปรียบเทียบข้อมูลค่าดัชนีความสาคัญของพันธุ์ไม้ในแต่ละชนิดพันธ์ุไม้มีความ แตกต่างกนั (ตารางผนวกท่ี ข1) 6.2 คา่ ปริมาตรไม้ ค่าปริมาตรไม้กับปที ส่ี ารวจ พบว่า แต่ละปีทสี่ ารวจมีคา่ นัยสาคัญทีร่ ะดับ 0.362 ซึง่ มีค่า > 0.05 น่ันคือ ค่าปริมาตรไม้ในแต่ละปีไม่มีความแตกต่างกันอย่างนัยสาคัญทางสถิติ แสดงว่าจากการ เปรียบเทียบข้อมลู คา่ ปริมาตรไม้ในแตล่ ะปีทสี่ ารวจไม่มคี วามแตกตา่ งกัน ค่าปริมาตรไม้กับแต่ละวงศ์ไม้ พบว่า แต่ละวงศ์ไม้มีค่านัยสาคัญที่ระดับ 0.000 ซ่ึงมีค่า < 0.05 นั่นคือ ค่าปริมาตรไมใ้ นแต่ละวงศ์ไม้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ แสดงว่าจากการ เปรียบเทยี บข้อมูลคา่ ปริมาตรไม้ในแตล่ ะวงศ์ไม้มีความแตกต่างกัน (ตารางผนวกท่ี ข2) ศนู ยน์ วัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จังหวัดตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพืน้ ที่ค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวดั ตรงั ปีท่ี 3 55 6.3 ค่ามวลชีวภาพ ค่ามวลชีวภาพกับปีท่ีสารวจ พบว่า แต่ละปีท่ีสารวจมีค่านัยสาคัญที่ระดับ 0.255 ซึ่งมีค่า > 0.05 นั่นคือ ค่ามวลชีวภาพในแต่ละปีไม่มีความแตกต่างกันอย่างนัยสาคัญทางสถิติ แสดงว่าจากการ เปรียบเทียบข้อมลู คา่ มวลชวี ภาพในแต่ละปที ส่ี ารวจไมม่ ีความแตกต่างกนั ค่ามวลชีวภาพกับแต่ละวงศ์ไม้ พบว่า แต่ละวงศ์ไม้มีค่านัยสาคญั ท่ีระดับ 0.000 ซ่ึงมีค่า < 0.05 นน่ั คอื ค่ามวลชีวภาพในแตล่ ะวงศ์ไม้มีความแตกตา่ งกันอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ แสดงวา่ จากการ เปรียบเทียบขอ้ มูลคา่ มวลชีวภาพในแต่ละวงศ์ไมม้ คี วามแตกต่างกนั (ตารางผนวกที่ ข3) 6.4 ค่าปริมาณกกั เก็บคารบ์ อน ค่าปริมาณกักเก็บคาร์บอนกับปีท่ีสารวจ พบว่า แต่ละปีท่ีสารวจมีค่านัยสาคัญที่ระดับ 0.275 ซึ่งมีค่า > 0.05 น่ันคือ ค่าปริมาณ กักเก็บคาร์บอนในแต่ละปีไม่ มีความแตกต่างกัน อย่างนัยสาคัญทางสถิติ แสดงว่าจากการเปรียบเทียบข้อมูลค่าปริมาณกักเก็บคาร์บอนในแต่ละปีท่ี สารวจไม่มคี วามแตกต่างกัน ค่าปริมาณกักเก็บคาร์บอนกับแต่ละวงศ์ไม้ พบว่า แต่ละวงศ์ไม้มีค่านัยสาคัญที่ระดับ 0.000 ซ่ึงมีค่า < 0.05 น่ันคือ ค่าปริมาณกักเก็บคาร์บอนในแต่ละวงศ์ไม้มีความแตกต่างกันอย่างมี นัยสาคัญทางสถิติ แสดงวา่ จากการเปรียบเทียบข้อมูลค่าปริมาณกักเก็บคาร์บอนในแต่ละวงศไ์ ม้มคี วาม แตกต่างกนั (ตารางผนวกท่ี ข4) 6.5 การปกคลมุ เรือนยอด การปกคลุมเรือนยอดกับปีท่ีสารวจ พบว่า แต่ละปีที่สารวจมีค่านัยสาคัญท่ีระดับ 0.034 ซึ่งมีค่า < 0.05 นั่นคือ การปกคลุมเรือนยอดในแต่ละปีมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ แสดงว่าจากการเปรียบเทยี บขอ้ มลู การปกคลุมเรือนยอดในแตล่ ะปที ่สี ารวจมีความแตกตา่ งกัน การปกคลุมเรือนยอดกับแตล่ ะวงศ์ไม้ พบวา่ แต่ละวงศ์ไม้มีค่านยั สาคญั ท่ีระดับ 0.000 ซ่ึง มีค่า < 0.05 นั่นคือ การปกคลุมเรือนยอดในแต่ละวงศ์ไม้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพื้นที่คมุ้ ครองทางทะเล จงั หวัดตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้นื ที่ค้มุ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จงั หวดั ตรงั ปที ่ี 3 56 แสดงว่าจากการเปรียบเทียบข้อมูลการปกคลุมเรือนยอดในแต่ละวงศ์ไม้มีความแตกต่างกัน (ตาราง ผนวกที่ ข5) วิจารณ์ 1. โครงสร้างและองค์ประกอบของพรรณพืชในแปลงถาวรปา่ ชายเลน จากผลการศึกษาแปลง ถาวรป่าชายเลนในปที ี่ 3 พบพรรณไมท้ ้ังส้ิน 11 ชนิด 8 สกุล 6 วงศ์ ไม้ใหญ่พบ 11 ชนิด 8 สกุล 6 วงศ์ ไม้หนุ่ม 6 ชนิด 6 สกุล 4 วงศ์ และกล้าไม้ 3 ชนิด 3 สกุล 1 วงศ์ เม่ือเปรียบเทียบกับผลการศึกษาในปี ที่ผ่านมา พบว่าพรรณไม้มีการเปล่ียนแปลงของชนิดพรรณไม้บ้างเล็กน้อย (ตารางท่ี 9) และเมื่อ เปรียบเทียบข้อมูลจากการศึกษาในคร้ังน้ีกับงานวิจัยของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง (2555) ท่ี ได้จากการสารวจป่าชายเลนในพ้ืนที่จังหวัดตรัง พบพรรณไม้ท้ังหมด 29 ชนิด 12 สกุล 13 วงศ์ ทรง ศัก ด์ิ (2553) ได้ ศึ กษ าป่ าช าย เลน ใน บ ริเวณ คล องโอโต๊ ะ อุท ยาน แห่ งช าติ ห าด เจ้าไห ม พบพรรณไม้ 12 ชนิด 9 สกุล 7 วงศ์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (2551) ได้ศึกษาโครงสร้าง ป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบ่ี พบว่า จังหวัดภูเก็ต พบพรรณไม้ 10 ชนิด จังหวัดพังงา พบพรรณไม้ 19 ชนิด และจังหวัดกระบี่ พบพรรณไม้ 18 ชนิด ปรารพ (2556) ศึกษาความหลากหลาย ของพันธุ์พืชป่าชายเลนในพืน้ ท่ีอทุ ยานแหง่ ชาติสริ ินาถ จังวดั ภเู ก็ต พบพันธไุ์ ม้ 967 ต้น 10 ชนิด 8 สกุล 6 ว ง ศ์ ชั ย ณ ร ง ค์ แ ล ะ ค ณ ะ (2556) ได้ ศึ ก ษ า นิ เว ศ วิ ท ย า ป่ า ไม้ ร ะ ย ะ ย า ว ใน พื้ น ที่ อุทยานแห่งชาติ เครือข่ายแปลงตัวอย่างถาวรในเขตร้อน ป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติขนอม – หมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช พบพันธ์ุไม้ป่าชายเลนท้ังหมด 1,790 ต้น จาแนกได้เป็น 13 ชนดิ 5 วงศ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสภาพพื้นที่แต่ละบริเวณย่อมมีปจั จยั สภาพแวดล้อมต่อ การเจริญเติบโตและการกระจายของพรรณไม้ท่ีแตกต่างกัน จากการศึกษาค่าดัชนีความสาคัญของพรรณไม้ พบว่าไม้ใหญ่ โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) เ ป็ น พั น ธุ์ ไ ม้ เด่ น มี ค่ า ม า ก ท่ี สุ ด มี ค่ า เท่ า กั บ 141.41 ไ ม้ ห นุ่ ม โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) เป็นพันธ์ุไม้เด่นมีค่ามากท่ีสุด มีค่าเท่ากับ 117.73 และ กล้าไม้ โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) เป็นพันธุ์ไม้เด่นมีค่ามากที่สุด มีค่าเท่ากับ 111.06 การศึกษาในคร้ังน้ีมีค่าดัชนีความสาคัญของพรรณไม้ในแปลงเพ่ิมข้ึนเมื่อเปรียบเทียบกับผล การศึกษาในปีที่ผ่านมา ดังแสดงในตารางที่ 10 แสดงถึงความสาเร็จทางพันธุกรรมของชนิดพันธุ์ไม้ใน การครอบครองพื้นท่ีน้ัน ซึ่งจะมีค่าต้ังแต่ 0 - 300 ชนิดพันธุ์ใดมีค่าดัชนีความสาคัญสูง แสดงว่า ชนิดพันธ์ุนั้นเป็นชนิดเด่น และมีความสาคัญในพ้ืนที่นน้ั (อุทิศ, 2542) ซึ่งจากการศึกษาไม้แตล่ ะชนดิ จะ ศูนยน์ วตั กรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จังหวัดตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพน้ื ท่ีคมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแหง่ ชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรงั ปีที่ 3 57 มีเส้นผ่าศูนย์กลางแตกตางกัน ทั้งนี้เน่ืองจากเป็นเพราะขนาดตามธรรมชาติของไม้ในแต่ละชนิด หรือ อาจมาจากมีลักษณะการขึ้นอยู่เป็นกลุ่มกระจายไม่สม่าเสมอในพื้นท่ี หรือกระจายอยู่ใกล้ต้นแม่ไม้เดิม พรรณไมท้ ี่ขน้ึ อย่ใู นกล่มุ ท่ีมคี วามหนาแนน่ มากมกั จะมขี นาดเลก็ ลักษณะโครงสร้างของพรรณไม้ การแบ่งชั้นความสูงตามแนวดิ่งแบ่งได้เป็น 2 ช้ันเรือนยอด เรือนยอดชั้นท่ี 1 เป็นช้ันเรือนยอดช้ันบน มีความสูงมากกวา่ 9 เมตร การปกคลุมของเรือนยอดค่อนข้าง ต่อเน่ือง เรือนยอดชั้นท่ี 2 เป็นเรือนยอดท่ีอยู่ถัดจากชั้นบนสุดลงมา มีลักษณะการปกคลุมเรือนยอด ต่อเน่ืองกันในระดับความสูงน้อยกว่า 9 เมตร พรรณไม้ในชั้นเรือนยอดนี้อาจเป็นต้นท่ียังไม่โตเต็มท่ีหรือ อาจแคระแกร็นเน่ืองจากปจั จัยแวดลอ้ มไม่เหมาะสม สงั คมพชื ทีม่ ีพรรณไม้ต่างชนดิ กันเมือ่ ต้นไมแ้ ต่ละต้น มกี ารเติบโตทางดา้ นความสูง จะทาให้เกิดความแตกต่างดา้ นความสงู จนเกิดการแยกช้ันของหมู่ไมข้ น้ึ เป็น การแบ่งช้ันของเรือนยอดโดยการแบ่งความแตกต่างของพรรณพชื ทางด้านความสงู เน่ืองจากรปู ชีวิตของ พรรณพืช และความต้องการสภาพแวดล้อมท่ีแตกต่างกัน โดยเฉพาะแสง อุณหภูมิ และปัจจัยอื่น ๆ โครงสร้างของพรรณไม้สงั เกตได้จากความสูงไม่เทา่ กันของเรือนยอด ทาให้เกิดชน้ั เรือนยอดอย่างชดั เจน การกระจายของต้นไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลน โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) เป็นพรรณไม้ที่มีจานวนต้นมากและกระจายอยู่ท่ัวพื้นที่มากท่ีสุด และพรรณไม้ในแปลงถาวรมี การกระจายตามช้ันขนาดความโตเป็นรูป L- shape เป็นลักษณะของป่าปกติ เนื่องจากต้นไม้ท่ีมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็กจะพบต้นไม้จานวนมากและจานวนต้นไม้จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางท่ีมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งแสดงให้ทราบว่าสังคมพืชป่าชายเลนในแปลงถาวรน้ีมีหลาย ชว่ งอายไุ มท้ ม่ี กี ารทดแทนอยูต่ ลอดเวลา แสดงถึงศกั ยภาพของป่าที่ยังมีความสมบูรณอ์ ยู่ แสดงใหเ้ หน็ ว่า ช้ันอายุของหมู่ไม้ในแปลงถาวรเป็นหมู่ไม้ที่มีหลายช้ันอายุ มีการสืบพันธอุ์ ย่างต่อเน่ือง โดยช่วงช้ันที่พบ มากที่สดุ เป็นช่วงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไมเ่ กิน 10 เซนตเิ มตร เมอื่ นามาเปรียบเทยี บกับการศึกษาในปีท่ี ผ่านมาต้นไม้ในแปลงถาวรเร่ิมมีการเจริญเติบโตทางด้านความโตเพิ่ มข้ึน การกระจายของ พรรณไม้จะข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั สิ่งแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสมต่อการขึน้ อยู่แตกต่างกันแต่ละพ้นื ที่ การปกคลุมของเรือนยอดไม้ในพ้ืนที่แปลงถาวร มีพ้ืนท่ีปกคลุมของเรือนยอดไม้ทั้งหมด 7,982.56 ตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 79.83 ของพ้ืนที่แปลง โดยไม้ในวงศ์ Rhizophoraceae พบว่ามีการปกคลุมของเรือนยอดมากที่สุดเป็นพ้ืนท่ี 7,454.25 ตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 74.54 ของพื้นท่ี เนือ่ งจากไม้ในวงศ์น้ีเปน็ ไม้ท่ีมีลาต้นสูงใหญ่ การศึกษาในคร้ังนี้มีพื้นที่การปกคลุมเรอื น ยอดลดลงจากปีท่ีผ่านมา เน่ืองจากต้นไม้ใหญ่ในแปลงน้ันมีต้นไม้ตายเป็นจานวนมากทาให้การปกคลุม ศนู ย์นวัตกรรมอทุ ยานแห่งชาตแิ ละพ้ืนที่ค้มุ ครองทางทะเล จังหวัดตรงั สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้นื ที่คุม้ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวัดตรงั ปีท่ี 3 58 เรือนยอดของไม้ใหญ่ลดลงด้วย (ภาพท่ี 21) การศึกษาในครั้งนี้มีการปกคลุมเรือนยอดไม้มากกว่า งาน วิจั ย ข อ งป รารพ (2556) ศึ ก ษ าค ว าม ห ล าก ห ล าย ข อ งพั น ธุ์พื ช ป่ าช าย เล น ใน พ้ื น ที่ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังวัดภูเก็ต พบว่ามีการปกคลุมของเรือนยอดไม้มีพ้ืนท่ีทั้งหมด 3,729.72 ตารางเมตร ซึ่งการปกคลุมเรือนยอดเป็นผลมาจากโครงสร้างของพรรณพืชเป็นปัจจัยท่ีทาให้เกิดการ แบ่งชั้นเรือนยอด คือ การแก่งแย่ง เช่น ความต้องการแสงสว่าง ต้นไม้ที่ธรรมชาติสูงใหญ่จะเติบโตขึ้น ครอบงาต้นที่มีลักษณะเล็กกว่า โดยการปกคลุมของเรือนยอดจะมีผลต่อปริมาณแสงสว่างท่ีส่องลง สู่พื้นท่ี และปริมาณแสงท่ีต้นไม้แต่ละช้ันความสูงได้รับ นอกจากนี้ยังมีผลต่อความหนาแน่นของพื้นป่า ดว้ ย 2. ความหลากหลายทางชีวภาพของพรรณพืช การศึกษาในคร้ังนี้มีค่าดัชนีความหลากหลาย ของ Shannon - Weiner Index (H’) ไม้ใหญ่ มีค่าสูงที่สุด รองลงมา คือ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มีค่า เท่ากับ 1.16, 1.11 และ 1.02 ตามลาดับ ซ่ึงค่า Simpson’s Index พบว่า กล้าไม้มีค่าสูงที่สุด มีค่า เท่ากับ 0.65 รองลงมา คือ ไม้ใหญ่ และไม้หนุ่ม มีค่าเท่ากับ 0.59 และ 0.56 ตามลาดับ ซ่ึงสอดคล้อง กับผลการศึกษาในปีที่ผ่านมามีค่าดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพที่ใกล้เคียงกัน (ตารางท่ี 11) และ เม่ือเปรียบเทียบกับงานวิจัยของทรงศักด์ิ (2553) ได้ศึกษาป่าชายเลนในบริเวณคลองโอโต๊ะ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีค่าความหลากหลายทางชนิด เท่ากับ 0.96 ปรารพ (2556) ได้ศึกษา ความหลากหลายของพันธุ์พืชป่าชายเลนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังวัดภูเก็ต มีค่าดัชนีความ หลากหลายตามสมการของ Shannon - Wiener Index ของไม้ใหญ่ เท่ากับ 0.74 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พรรณไม้ป่าชายเลนในแปลงถาวรในการศกึ ษาในครงั้ นี้มคี วามหลากหลายทางชนดิ ค่อนขา้ งนอ้ ย 3. ปริมาตรไม้ พบว่า มีปริมาตรไม้รวม 112.81 ลูกบาศก์เมตรต่อเฮกตาร์ โดยมีพรรณไม้ใน วงศ์ Rhizophoraceae เปน็ กลุ่มไมท้ ่ีมปี รมิ าตรไมร้ วมกันมากที่สดุ มีค่าเทา่ กบั 96.67 ลกู บาศกเ์ มตรต่อ เฮกตาร์ เนื่องจากไม้ในวงศ์น้ีมีลาต้นที่ค่อนข้างโตและมีจานวนต้นมากในแปลงจึงส่งผลให้มีปริมาตรไม้ มากกว่าไม้ในวงศ์อ่ืน การศึกษาในคร้ังน้ีพบว่ามีปริมาตรไม้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาแปลง ถาวรในปีทผี่ ่านมา (ตารางท่ี 12) ซ่งึ ขนาดของตน้ ไม้และความหนาแน่นของต้นไม้ตอ่ เน้ือที่ มีผลทาใหค้ ่า ของปริมาตรไม้แตกต่างกันในแต่ละท้องที่ หากที่ใดมีต้นไม้ใหญ่มากท่ีน้ันจะมีปริมาตรไม้มาก โดยคิด หน่วยเปน็ ลูกบาศก์เมตรต่อเฮกตาร์ (เฉลิมชัย, 2539) 4. มวลชีวภาพเหนือพื้นดินท้ังหมด เท่ากับ 29.10 ตันต่อเฮกตาร์ และปริมาณการเก็บกัก คาร์บอนรวมท้ังหมด เท่ากับ 14.06 ตันคาร์บอนต่อเฮกตาร์ การศึกษาในคร้ังนี้มีค่ามวลชีวภาพเหนือ ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่ค้มุ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพน้ื ที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวัดตรงั ปีที่ 3 59 พ้ืนดินและปริมาณการเก็บกักคาร์บอนเพ่ิมขึ้นเม่ือเปรียบเทียบกับผลการศึกษาในปีท่ีผ่านมา (ตารางท่ี 13) เนือ่ งจากต้นไม้ในแปลงมกี ารเจริญเตบิ โตทางด้านขนาดความโตและความสูงสง่ ผลใหค้ า่ มวลชีวภาพ เหนือพ้ืนดินเพ่ิมข้ึน และเม่ือเปรียบเทียบกับงานวิจัยของปฏิมาพร (2545) ได้ทาการประเมินปริมาณ มวล ชีวภ าพ เห นื อพ้ื น ดิ น ข องไม้ให ญ่ ทุ กช นิ ด ใน สวน ศึก ษ าธรรม ช าติ วิท ยาป่ าช ายเล น จังหวดั พังงา พบว่า มคี ่ารวมประมาณ 108 ตนั ต่อเฮกตาร์ 5. การตรวจวัดติดตามชีพลักษณ์ของพรรณไม้แปลงถาวรป่าชายเลน ซ่ึงในการศึกษาคร้ังนี้ได้ ติดตามวัดอุณหภูมิ และความช้ืนในแปลงถาวร โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 27.39 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์เฉล่ีย 86.31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในการติดตามชีพลักษณ์ของพรรณไม้จะเป็นการศึกษา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของพืชในแต่ละฤดูกาล รวมถึงการออกดอกออกผล อุณหภูมิและ ความช้ืนสัมพัทธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในรอบฤดูกาลจะมีผลอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและการดารงพันธุ์ ของต้นไม้ ในการศึกษาชีพลักษณ์พรรณไม้ป่าชายเลนแปลงถาวรน้ันพบว่ามีปัจจัยสิ่งแวดล้อมท่ีมี บทบาทสาคัญในการดารงชีวิตของพืช ความแตกต่างทางลักษณะโครงสร้างชองป่าชายเลน เช่น ชนิด การกระจาย การเจริญเติบโต การออกดอก ออกผลของพันธ์ุไม้ ปัจจัยเหล่าน้ี ได้แก่ ลักษณะ ภูมิประเทศชายฝั่ง ภูมิอากาศ นา้ ขึ้น นา้ ลง ความเค็ม คล่ืน และกระแสน้า เป็นตน้ โดยทั่วไปอุณหภูมิที่ เหมาะสมในการเจริญเติบโตของพันธ์ุไม้ป่าชายเลนอยู่ระหว่าง 25 - 30 องศาเซลเซียส ซ่ึงอุณหภูมิจะ เป็นปัจจัยที่สาคัญต่อกระบวนการทางสรีรวิทยาของพันธ์ุไม้ป่าชายเลน โดยเฉพาะกระบวนการ สังเคราะห์แสง และการหายใจมีผลต่อการเจริญเติบโตและการดารงชีวิตของไม้ป่าชายเลน (สนิท, 2548) จากการติดตามชีพลักษณ์ในแต่ละเดือนของแปลงถาวรป่าชายเลน พบว่าพรรณไม้ท่ีอยู่ตาม ขอบแปลงจะออกดอกและมีผลหรือฝกั ในปรมิ าณท่ีมากกว่าพรรณไมท้ ี่อยกู่ ลาง ๆ แปลง ซงึ่ เหน็ ได้ชัดเจน ในโกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) และโกงกางใบใหญ่ (Rhizophora mucronata Lam.) โดยต้นท่ี อยู่ขอบแปลงจะมีดอกและฝักพบได้เกือบตลอดท้ังปี ท้ังนี้แสดงให้เห็นวา่ อุณหภูมิ แสง มีอิทธิพลต่อการ ออกดอกออกผลหรือฝักของไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลนเป็นอย่างย่ิง สนิท (2532) กล่าวว่า ไม้โกงกาง จะแตกใบออ่ น เป็นปรมิ าณมากเมื่ออุณหภูมิอยู่ระหว่าง 26 - 28 องศาเซลเซียส นอกจากน้ีปัจจัยอ่ืน ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เช่น ปริมาณน้าฝนและช่วงเวลายาวนานของฤดูฝน ลม แสงสว่าง ความช้ืนใน อากาศ น้าข้ึนน้าลง คล่ืนและกระแสน้า ความเค็มของน้า ปริมาณออกซิเจนในน้า และความสมบูรณ์ ของดิน เป็นต้น ศูนย์นวัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ละพื้นที่คมุ้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นท่ีคมุ้ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จงั หวดั ตรัง ปที ่ี 3 60 ซ่ึงในการสารวจในแต่ละเดือนน้ันได้สังเกตเห็นว่ามีต้นไม้ใหญ่ตายเกิดจากการสังเกตของผู้เข้า สารวจชีพลักษณ์ในแปลงถาวรป่าชายเลนพบว่ามีสาเหตุการตายของต้นไม้อยู่ 2 สาเหตุหลัก (ภาพท่ี 20) คอื 1) การได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ โดยส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ท่ีอยู่ใต้ร่มเงาของต้นอ่ืนทรง พุม่ ใบได้รับแสงไมเ่ ตม็ ท่ี เน่อื งจากถูกบดบงั จากต้นที่สงู กว่า 2) กองแม่หอบข้ึนทบี่ รเิ วณโคนต้น เช่น โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) ตะบนู ขาว (Xylocarpus granatum J.Koenig) ภาพท่ี 20 สาเหตุการตายของไม้ปา่ ชายเลนในแปลง (จากการสงั เกต) 6. จากการเปรียบเทียบข้อมลู ตามหลักสถิตดิ ้วยโปรแกรม SPSS โดยการใช้วิธคี วามแปรปรวน แบบสองทาง (Two – way ANOVA) ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลแปลงถาวรป่าชายเลนเม่ือเปรียบเทียบ กบั การสารวจท้ัง 3 ปี พบว่า ค่าดัชนีความสาคัญของพันธุ์ไม้ ค่าปริมาตรไม้ ค่ามวลชีวภาพ และค่าการ กักเก็บคาร์บอนไม่มีความแตกต่างกัน เม่ือนาค่าดัชนีความสาคัญกับชนิด ค่าปริมาตรไม้กับวงศ์ไม้ ค่า มวลชีวภาพกับวงศ์ไม้ และค่าการกกั เก็บคารบ์ อนกับวงศ์ไม้มาเปรียบเทียบกนั พบว่ามีค่าความแตกต่าง กนั แต่การปกคลุมเรือนยอดเมอ่ื เปรียบเทียบทั้ง 3 ปี มีค่าความแตกต่างกันทง้ั ในปที ่ีสารวจและในแตล่ ะ วงศ์ไม้ ศูนย์นวัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพื้นที่คุ้มครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้นื ที่ค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรงั ปีที่ 3 61 เมื่อนาผลการศึกษาในแปลงถาวรป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดต รัง มาเปรยี บเทยี บผลการศกึ ษาในปีท่ผี ่านมา ดังน้ี ตารางที่ 9 ชนดิ พันธไุ์ ม้ท่ีพบในแปลงถาวรปา่ ชายเลนในปีที่ 1 ปีท่ี 2 และปีที่ 3 ชนดิ สกลุ วงศ์ กลมุ่ ไม้ ปีท่ี 1 ปที ี่ 2 ปที ่ี 3 ปที ี่ 1 ปที ่ี 2 ปีที่ 3 ปีที่ 1 ปีท่ี 2 ปที ี่ 3 ไม้ใหญ่ 11 11 11 8 8 8 6 6 6 ไม้หนุ่ม 7 7 6 6 6 6 4 44 กลา้ ไม้ 5 4 3 5 4 3 3 23 ตารางท่ี 10 พันธไ์ุ ม้เดน่ ท่พี บในแปลงถาวรปา่ ชายเลนในปที ่ี 1 ปีท่ี 2 และปที ี่ 3 กล่มุ ไม้ ไม้ใหญ่ ไมห้ นุม่ กล้าไม้ ปที ่ี 1 ปที ี่ 2 ปีท่ี 3 ปที ี่ 1 ปที ี่ 2 ปที ี่ 3 ปีที่ 1 ปที ่ี 2 ปที ี่ 3 โกงกาง พันธไุ์ มเ้ ดน่ โกงกาง โกงกาง โกงกาง โปรง โปรง โปรง โปรง โปรง ใบเลก็ ใบเลก็ ใบเล็ก ใบเลก็ แดง แดง แดง แดง แดง 111.06 ค่า IVI 140.3 140.75 141.41 105.13 104.5 117.73 103.2 79.66 ตารางที่ 11 ความหลากหลายทางชวี ภาพในปีที่ 1 ปที ี่ 2 และปที ี่ 3 ดัชนคี วามหลากหลาย ไม้ใหญ่ ไม้หนมุ่ กลา้ ไม้ ปที ี่ 1 ปที ี่ 2 ปที ี่ 3 ปีท่ี 1 ปีที่ 2 ปีท่ี 3 ปีท่ี 1 ปที ่ี 2 ปีที่ 3 Shannon Wiener Index 1.17 1.17 1.16 1.21 1.27 1.11 1.00 1.15 1.02 Simpson’s Diversity Index0.60 0.60 0.59 0.60 0.61 0.56 0.57 0.67 0.65 Fisher’s index 1.39 1.39 1.39 1.24 1.21 1.09 1.56 0.98 0.68 Margarlef's Diversity Index10.88 10.88 10.88 6.83 6.83 5.82 4.72 3.75 2.75 Evenness 0.49 0.49 0.48 0.62 0.65 0.62 0.62 0.83 0.92 Similarity Index - 100 100 - 100 92.31 - 88.89 85.71 ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพื้นที่คมุ้ ครองทางทะเล จงั หวัดตรงั สถาบันนวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพ้นื ท่ีคุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง ปที ่ี 3 62 ภาพท่ี 21 การปกคลุมของเรือนยอดต้นไม้ท่เี พิ่มและตายในปที ี่ 3 ศูนย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรงั สถาบันนวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพน้ื ท่ีค้มุ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจา้ ไหม จงั หวดั ตรงั ปที ี่ 3 63 ตารางที่ 12 ปรมิ าตรไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลนปีท่ี 1 ปที ี่ 2 และปที ี่ 3 ปีที่ ปริมาตรไม้ (m3/ha) 1 101.51 2 107.50 3 112.81 ตารางท่ี 13 มวลชวี ภาพเหนอื พ้ืนดนิ และปรมิ าณเก็บกักคารบ์ อนปที ่ี 1 ปที ี่ 2 และปที ี่ 3 ปที ี่ มวลชีวภาพเหนอื พื้นดิน ปริมาณการกักเกบ็ คาร์บอน (ton/ha) (ton/ha) 1 29.54 14.27 2 29.81 14.4 3 29.1 14.06 จากการเปรียบเทียบผลการศึกษาพรรณไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลนในปี ที่ 1 ปีท่ี 2 และปีท่ี 3 แสดงให้เห็นว่าพรรณไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลนมีการเจริญเติบโตเพ่ิมขึ้น จากการเพิ่มข้ึนของขนาด ความโตลาต้นและความสูงของต้นไม้ ซ่ึงจะส่งผลให้ค่าดัชนีความสาคัญของพันธุ์ไม้ ค่าปริมาตรไม้ มีค่า เพิม่ ขึ้น เน่ืองจากค่าเหล่าน้ีมีความผนั แปรกบั ขนาดความโตของต้นไม้ ศูนยน์ วตั กรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จงั หวัดตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพน้ื ที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวดั ตรงั ปีท่ี 3 64 สรุปและข้อเสนอแนะ สรปุ การติดตามแปลงถาวรป่าชายเลนในอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบพรรณไม้ท้ังสิ้น 11 ชนิด 8 สกุล 6 วงศ์ ไม้ใหญ่พบ 11 ชนิด 8 สกุล 6 วงศ์ ไม้หนุ่ม 6 ชนิด 6 สกุล 4 วงศ์ และกล้าไม้ 3 ชนิด 3 สกุล 1 วงศ์ จากการศึกษาค่าดัชนีความสาคัญของพรรณไม้ พบว่าไม้ใหญ่ โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) เป็นพันธุ์ไม้เด่นมีค่ามากที่สุด มีค่าเท่ากับ 141.41 ไม้หนุ่ม โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) เป็นพันธ์ุไม้เด่นมีค่ามากท่ีสุด มีค่าเท่ากับ 117.73 และ กล้าไม้ โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) เป็นพันธ์ุไม้เด่นมีค่ามากท่ีสุด มีค่าเท่ากับ 111.06 ลักษณะโครงสร้างของพรรณไม้ การแบ่งชั้นความสูงตามแนวด่ิงแบ่งได้เป็น 2 ชั้นเรือนยอด เรือนยอดชั้นที่ 1 เป็นชัน้ เรอื นยอดช้ันบน มีความสูงมากกวา่ 9 เมตร การปกคลุมของเรือนยอดค่อนขา้ ง ต่อเน่ือง เรือนยอดชั้นท่ี 2 เป็นเรือนยอดที่อยู่ถัดจากช้ันบนสุดลงมา มีลักษณะการปกคลุมเรือนยอด ต่ อ เน่ื อ งกั น ใน ระดั บ ค ว าม สู งน้ อ ย ก ว่า 9 เม ต ร ก ารก ระ จาย ข อ งต้ น ไม้ ใน แ ป ล งถ าว ร ป่าชายเลน โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) เป็นพรรณไม้ท่ีมีจานวนต้นมากและ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่มากท่ีสุด และพรรณไม้ในแปลงถาวรมีการกระจายตามช้ันขนาดความโตเป็นรูป L–shape เป็นลักษณะของป่าปกติ จากการศึกษาตามช้ันขนาดความโตของต้นไม้ในแปลงถาวรจะเห็น ได้ว่าในช่วงชั้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็กจะพบต้นไม้จานวนมากและจานวนต้นไม้จะค่อย ๆ ลดลงเม่ือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่ีมีขนาดใหญ่ขึ้น มีพ้ืนที่ปกคลุมของเรือนยอดไม้ทั้งหมด 7,982.56 ตารางเมตร หรือคดิ เปน็ รอ้ ยละ 79.83 ของพ้นื ทแ่ี ปลง การศึกษาในคร้ังน้ีมีค่าดัชนีความหลากหลายของ Shannon - Weiner Index (H’) ไม้ใหญ่ ไม้หนุ่ม และกล้าไม้ มีค่าเท่ากับ 1.16, 1.11 และ 1.02 ตามลาดับ ซ่ึงค่า Simpson’s Index พบว่า กล้าไม้มีค่าสูงท่ีสุด มีค่าเท่ากับ 0.65 รองลงมาคือ ไม้ใหญ่ และไม้หนุ่ม มีค่าเท่ากับ 0.59 และ 0.56 ตามลาดบั มีปริมาตรไม้รวม 112.81 ลูกบาศก์เมตรต่อเฮกตาร์ โดยมีพรรณไม้ในวงศ์ Rhizophoraceae เป็นกลุ่มไม้ท่ีมีปริมาตรไม้รวมกันมากท่ีสุด มีค่าเท่ากับ 96.67 ลูกบาศก์เมตรต่อเฮกตาร์ เนื่องจากไม้ใน วงศ์นี้มีลาต้นที่ค่อนข้างโตและมีจานวนต้นมากในแปลงจึงส่งผลให้มีปริมาตรไม้มากกว่าไม้ในวงศ์อ่ืน มวลชีวภาพเหนือพ้ืนดินทั้งหมด เท่ากับ 29.10 ตันต่อเฮกตาร์ ซึ่งแยกออกเป็นปริมาณมวลชีวภาพส่วน ศูนยน์ วตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเล จงั หวัดตรงั สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพนื้ ท่ีคมุ้ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแห่งชาตหิ าดเจา้ ไหม จังหวัดตรงั ปที ี่ 3 65 ท่ีเป็นลาต้น กิ่ง ใบ และรากค้ายัน เท่ากับ 12.94, 10.72, 4.40 และ 1.04 ตันต่อเฮกตาร์ ตามลาดับ ตามลาดับ โดยไม้วงศ์ Rhizophoraceae มีมวลชีวภาพเหนือพ้ืนดินสูงท่ีสุด เท่ากับ 14.52 ตันต่อ เฮกตาร์ ปรมิ าณการเกบ็ กักคาร์บอนรวมท้ังหมด เท่ากับ 14.06 ตันคารบ์ อนต่อเฮกตาร์ ซึง่ แยกออกเป็น ปริมาณการเก็บกักคาร์บอนของส่วนที่เป็นลาต้น ก่ิง ใบ และรากค้ายัน เท่ากับ 6.25, 5.18, 2.13 และ 0.50 ตั น ค าร์ บ อ น ต่ อ เฮ ก ต าร์ ต าม ล าดั บ โด ย ไม้ ว งศ์ Rhizophoraceae มี ป ริม าณ ก า ร เก็บกักคารบ์ อนสูงที่สุด เท่ากับ 7.02 ตันคาร์บอนตอ่ เฮกตาร์ การเจรญิ เตบิ โตของขนาดลาต้นและความ สงู ย่อมผกผนั โดยตรงต่อคา่ มวลชีวภาพเหนือพน้ื ดนิ และปริมาณการกกั เกบ็ คารบ์ อนในพนื้ ท่ีน้นั การตรวจวัดติดตามชีพลักษณ์ของพรรณไม้แปลงถาวรป่าชายเลน มีอุณหภูมิเฉล่ีย 27.39 องศาเซลเซียส ความช้ืนสัมพัทธ์เฉลี่ย 86.31 เปอร์เซ็นต์ สาหรับชีพลักษณ์พรรณไม้ป่าชายเลน สว่ นใหญ่ออกดอก ออกผลเกือบตลอดทง้ั ปี นอกจากนี้ยังพบว่ามีต้นไม้ใหญ่ตายในแปลงถาวรในปีน้ีเป็น จานวนมาก การเปรียบเทียบข้อมูลแปลงถาวรป่าชายเลนด้วยโปรแกรม SPSS โดยการใช้วิธีความ แปรปรวนแบบสองทาง (Two – way ANOVA) ซ่ึงในแต่ละปีข้อมูลที่ได้มีค่าใกล้เคียงกัน จึงสามารถ บ่งช้ีได้ว่าสภาพสงั คมพืชในแปลงถาวรยังคงสภาพเดิมไม่มีการบกุ รุกพื้นที่ แต่เนื่องจากในแต่ละปมี ีต้นไม้ ในแปลงถาวรตายเพิ่มขนึ้ สง่ ผลใหก้ ารปกคลุมเรอื นยอดในแต่ละปีมีความแตกต่างกนั จากผลการศึกษาพรรณไม้ในแปลงถาวรป่าชายเลนในคร้ังนี้พบว่าต้นไม้มีการเจริญเติบโต เพ่ิมข้ึน จากการเพ่ิมขึ้นของขนาดความโตลาต้นและความสูงของต้นไม้ ซ่ึงจะส่งผลให้ค่า ดัชนีความสาคัญของพันธุ์ไม้ ปริมาตรไม้ มวลชีวภาพเหนือพ้ืนดิน และปริมาณกักเก็บคาร์บอนมีค่า เพิ่มขึน้ เน่ืองจากค่าเหลา่ นม้ี คี วามผันแปรกับขนาดความโตของตน้ ไม้ ศนู ย์นวตั กรรมอทุ ยานแห่งชาติและพ้ืนที่คุม้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบันนวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง ปีท่ี 3 66 ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรมีการศึกษาปัจจัยส่ิงแวดล้อมของป่าชายเลนในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากพืชแต่ละชนิด มีปัจจยั จากัดในการเจรญิ เตบิ โตท่ีแตกต่างกนั 2. ในการสังเกตชีพลักษณ์ของพันธุ์ไม้ป่าชายเลน พรรณไม้บางชนิดมีผลขนาดเล็กมากทาให้ ไม่สามารถเห็นผลของพรรณไม้ชนิดนั้นได้ชัดเจน พรรณไม้ป่าชายเลนไม่พบการรว่ งหล่นของผลหรือฝัก ที่ชัดเจนได้ เนื่องจากเม่อื ร่วงหล่นลงมาแล้วกระแสน้าพดั พาไปท่ีอืน่ เพราะในป่าชายเลนจะมีน้าข้ึนน้าลง ทกุ วัน ศนู ยน์ วัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่ค้มุ ครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพืน้ ท่ีคุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรงั ปีที่ 3 67 เอกสารและสง่ิ อา้ งองิ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง. 2551. การศึกษาโครงสร้างป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต พังงา และ กระบี.่ สานักอนุรกั ษ์ทรัพยากรป่าชายเลน. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง. 2555. พ้ืนที่ป่าชายเลนของประเทศไทย จังหวัดตรัง. สานัก อนุรกั ษท์ รพั ยากรปา่ ชายเลน. จรวย อินทร์จันทร์. 2542. ตารางปริมาตรไม้สนประดิพัทธ์ และไม้โกงกางใบใหญ่ในท้องท่ีจังหวัด เพชรบรุ ี. สานกั งานปา่ ไมเ้ ขตเพชรบุรี, กรมปา่ ไม.้ เฉลิมชัย โชติกมาศ. 2539. ลักษณะโครงสร้างป่าชายเลนและลักษณะดิน ท้องที่อาเภอบ้านแหลม จงั หวัดเพชรบุรี. วทิ ยานพิ นธ์ปริญญาโท. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. ชัยณรงค์ เรืองทอง, พิเชฐ ห่อแก้ว, เผ่าพันธ์ุ คณะนา, ซ้อน คงบัวเล็ก และ วันวิสาข์ เอียดประพาล. 2556. การศึกษานิเวศวิทยาป่าไม้ระยะยาวในพื้นท่ีอุทยานแห่งชาติ : เครือข่ายแปลงตัวอย่าง ถาวรในป่าเขตร้อน ป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช. ใน รายงานการประชุมวิชาการเครือข่ายงานวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้ ป ระเท ศ ไท ย “ค ว าม รู้นิ เว ศ วิ ท ย าเพื่ อ ก ารฟื้ น ฟู (Ecological Knowledge for Restoration)” ระหวา่ งวนั ท่ี 24 - 26 มกราคม 2556. อักษรสยามการพมิ พ์, กรงุ เทพฯ. ดอกรัก มารอด. 2542. เทคนิคการสุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์สังคมพืช. ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ กรุงเทพฯ. 26 หนา้ . ดอกรัก มารอด และ อุทิศ กุฏอินทร์. 2552. นิเวศวิทยาป่าไม้. คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรงุ เทพฯ. ทรงศักดิ์ บัวศรี. 2553. ชนิด การกระจาย และความหลากหลายทางชีวภาพของพรรณพืชใน ป่าชายเลน บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง. โครงงานทางวิทยาศาสตร์ สงิ่ แวดล้อม, มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ . ศูนยน์ วตั กรรมอทุ ยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุ้มครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพื้นท่ีคุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาติปา่ ชายเลน อทุ ยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จงั หวดั ตรัง ปที ี่ 3 68 ทรงธรรม สขุ สว่าง, ธรรมนูญ เตม็ ไชย, ชยั ยงค์ บัวบาน, คมเชษฐา จรงุ พันธ์, สรรเสริญ ทองสมนกึ , พร ธวัช เฉลมิ วงศ์, ชัยณรงค์ เรืองทอง, ศภุ พร เปรมปรดี ,์ิ ปรารพ แปลงงาน และ หทัยรตั น์ นุกลู . 2556. การศึกษานิเวศวิทยาป่าไม้ระยะยาวในพื้นท่ีอุทยานแห่งชาติ : เครือข่ายแปลงตัวอย่าง ถาวรในป่าเขตร้อน. ใน รายงานการประชุมวิชาการเครือข่ายงานวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้ ป ระเท ศ ไท ย “ค ว าม รู้นิ เว ศ วิ ท ย าเพ่ื อ ก ารฟื้ น ฟู (Ecological Knowledge for Restoration)” ระหว่างวนั ท่ี 24 - 26 มกราคม 2556. อักษรสยามการพิมพ์, กรงุ เทพฯ. ธัญนรินทร์ ณ นคร. 2542. การเปรียบเทียบวิธีการสารวจทรัพยากรป่าไม้ระหว่าง Plot Sampling และ Point Sampling. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. 74 หน้า ธัญนรินทร์ ณ นคร. 2556. คู่มือการประเมินการกักเก็บธาตุคาร์บอนในพ้ืนท่ีป่าไม้. โครงการฝึกอบรม การประเมินทุนทางธรรมชาติ (Natural Capital) สาหรับการจัดการทรัพยากรในพื้นที่คุ้มครอง 8 - 10 เมษายน 2556. ฝา่ ยวิจยั และพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนที่คุ้มครอง, สถาบัน นวตั กรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพน้ื ทค่ี ุ้มครอง. นิวัติ เรืองพานิช. 2546. นิเวศวิทยาทรัพยากรธรรมชาติ. สานักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. พิมพค์ ร้ังท่ี 3. กรงุ เทพ. นพรัตน์ บารุงรักษ์ และ ปราโมทย์ แก้ววงศ์ศรี. 2540. การศึกษาลักษณะทางพืชพรรณป่าชายเลน บริเวณแหลมตะลุมพุก ฝ่ังอ่าวปากพนัก จังหวัดนครศรีธรรมราช การสัมมนาระบบนิเวศ ป่าชายเลนแห่งชาติครั้งท่ี 10. สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กองโครงการและ ประสานงานวจิ ัย. กรงุ เทพฯ. ปรารพ แปลงงาน. 2556. การศึกษานิเวศวิทยาป่าไม้ระยะยาวในพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติ : เครือข่าย แปลงตัวอย่างถาวรในป่าเขตร้อน ป่าชายเลน อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต. ใน รายงานการประชุมวิชาการเครือข่ายงานวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้ประเทศไทย “ความรู้ นิเวศวิทยาเพ่ือการฟื้นฟู (Ecological Knowledge for Restoration)” ระหว่างวันท่ี 24 - 26 มกราคม 2556. อักษรสยามการพมิ พ์, กรุงเทพฯ. ศูนย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีค้มุ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพื้นท่ีคุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรงั ปีที่ 3 69 ปฏิมาพร ผ่องสุขสวัสด์ิ. 2545. การประมาณมวลชีวภาพของไม้ใหญ่ในสวนศึกษาธรรมชาติวิทยา ปา่ ชายเลน จงั หวัดพังงา. วทิ ยานิพนธ์, มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ วิจารณ์ มีผล. 2553. การเกบ็ กกั คารบ์ อนของปา่ ชายเลน บรเิ วณพ้ืนท่สี งวนชีวมณฑลระนอง จังหวัด ระนอง. ในวารสารการจัดการป่าไม้ ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 7. ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ จังหวัดเพชรบุรี. 2554. ข้อมูลทั่วไปในแปลงตัวอย่างถาวร ป่าสนสองใบ อุทยานแห่งชาติพุเตย. ส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ สานักอุทยาน แหง่ ชาตกิ รมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพันธ์พุ ชื , เพชรบรุ .ี 105 หนา้ ศุภพร เปรมปรีดิ์ และ ทรงธรรม สุขสว่าง. 2555. โครงการจัดทาแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติ ป่า ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง. ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนท่ี คุ้มครองทางทะเล จังหวัดตรัง. สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีคุ้มครอง สานัก อุทยานแหง่ ชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตวป์ ่า และพนั ธพุ์ ชื . ศุภพร เปรมปรีดิ์ และ ทรงธรรม สุขสว่าง. 2556. โครงการจัดทาแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติ ป่า ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง. ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนที่ คุ้มครองทางทะเล จังหวัดตรัง. สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนที่คุ้มครอง สานัก อุทยานแห่งชาติ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตวป์ ่า และพนั ธุ์พชื . สนิท อักษรแก้ว. 2523. พลังงานจากสวนป่าชายเลน. รายงานความก้าวหน้าการวิจัยปี 2523. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, กรงุ เทพมหานคร. สนิท อักษรแก้ว. 2548. ระบบนิเวศป่าชายเลนและการจดั การ. ในเอกสารการสอนชุดวิชานิเวศวิทยา และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เล่ม 1 หน่วยที่ 7. สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและ สหกรณ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. นนทบรุ .ี สมานใจ มนั่ ศิลป์, สุภทั ทา รงุ่ โรจนพ์ านิช และ ศิริกาญจน์ ราชวงศ์. 2553. โครงการศกึ ษาชพี ลักษณ์ พนั ธไ์ุ ม้ป่าชายเลน. สานักอนุรักษท์ รัพยากรปา่ ชายเลน.กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง. ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเล จงั หวดั ตรงั สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพื้นที่ค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาติปา่ ชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวดั ตรัง ปีที่ 3 70 สานักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้. 2553. คู่มือการเรียนรู้ด้วยตนเองของชุมชนด้าน ความหลากหลายทางชีวภาพ “ด้านพืช”. กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ. พิมพ์คร้ังที่ 1. โรงพิมพ์ ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. สานักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน. 2554. ความหลากหลายทางชีวภาพในป่าชายเลนภาคใต้ ตอนบน. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. สานกั พิมพ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. หน่วยวิจัยฟื้นฟูป่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2555. การผลิตกล้าไม้เพ่ือการฟ้ืนฟูป่า ; การศึกษา ชพี ลกั ษณ์. อุทิศ กุฎอินทร์. 2542. นิเวศวิทยาพ้ืนฐานเพื่อการป่าไม้. ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ กรุงเทพฯ. องค์กรนานาชาติ WWF. 2555. การเกบ็ ชพี ลกั ษณ์แมไ่ ม้. แหลง่ ท่ีมา http://www.panda.org/th/about22/new_what_we_do/gis/, 15 ธนั วาคม 2555. Fisher, A.R., A.S. Gorbert and C.B. Williams. 1943. The relation between the number of species and the number of individuals in random sample of an annual population. อางโดย จินตนา บพุบรรพต. 2543. ลักษณะเชิงปริมาณและพลวัตของ ปาชายเลน บริเวณโครงการจัดการน้าเสีย จังหวัดสมุทรปราการ. วิทยานิพนธปริญญาโท. มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพฯ. Kongsangchai, J., S. Panichsuko, S. Havanond, J. Iaengthanawatak, K. Supabphibool and S. Panitchart. 1982. “Studies on Phenology of Some Mangrove Species in Thailand.” Proc. NRCT-JSPS Ratanagosin Bicentennial Joint Seminar on Science and Mangrove Resources. อ้างโดย สนิท อักษรแก้ว. 2548. ระบบนิเวศป่าชายเลนและการ จัดการ. ในเอกสารการสอนชุดวิชานิเวศวิทยาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เล่ม 1 หน่วยท่ี 7. สาขาวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตรและสหกรณ์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. นนทบรุ .ี ศนู ย์นวัตกรรมอทุ ยานแห่งชาตแิ ละพื้นที่คุม้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพ้นื ที่คมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวดั ตรงั ปีที่ 3 71 ภาคผนวก ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่ค้มุ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพน้ื ที่คุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวดั ตรงั ปีที่ 3 72 ภาคผนวก ก พรรณไมท้ ่ีพบในแปลงถาวรป่าชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนท่ีคุ้มครองทางทะเล จงั หวัดตรงั สถาบันนวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพ้นื ท่ีคุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง ปีท่ี 3 73 ตารางผนวกที่ ก1 พันธุ์ไมท้ ี่พบในแปลงถาวรป่าชายเลน ท่ี ช่อื สามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์ วงศ์ วิสยั 1 โกงกางใบเล็ก Rhizophora apiculata Blume Rhizophoraceae T 2 โปรงแดง Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob. Rhizophoraceae T 3 ตะบนู ขาว Xylocarpus granatum J.Koenig Meliaceae T 4 ถั่วขาว Bruguiera cylindrica (L.) Blume Rhizophoraceae ST/T 5 จีงา้ Scyphiphora hydrophylacea C.F.Gaertn. Rubiaceae T 6 ตะบนู ดา Xylocarpus moluccensis (Lam.) M.Roem. Meliaceae T 7 โกงกางใบใหญ่ Rhizophora mucronata Lam. Rhizophoraceae T 8 ฝาดแดง Lumnitzera littorea (Jack) Voigt Combretaceae ST 9 ถั่วดา Bruguiera parviflora (Roxb.) Wight & Arn. ex Griff. Rhizophoraceae T 10 ตาตุ่มทะเล Excoecaria agallocha L. Euphorbiaceae S/ST 11 หงอนไก่ทะเล Heritiera littoralis Aiton Malvaceae T หมายเหตุ S หมายถึง ไม้พุ่ม (Shrub) ST หมายถงึ ไมต้ น้ ขนาดเลก็ (Shrubby Tree) S/ST หมายถงึ ไมพ้ มุ่ ก่งึ ไมต้ ้นขนาดเลก็ (Shrub/Shrubby Tree) ST/T หมายถึง ไมต้ ้นขนาดเล็กกง่ึ ไมใ้ หญ่ (Shrubby Tree/Tree) T หมายถงึ ไม้ตน้ (Tree) ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพ้ืนท่ีค้มุ ครองทางทะเล จงั หวัดตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพนื้ ที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรงั ปีที่ 3 74 ภาคผนวก ข การประมวลผลทางสถิตดิ ว้ ยโปรแกรม SPSS โดยวธิ หี าความแปรปรวนแบบสองทาง (Two – way ANOVA) ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่คุ้มครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพน้ื ที่คุม้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติปา่ ชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรัง ปีท่ี 3 75 ตารางผนวกท่ี ข1 คา่ ประมวลผลทางสถติ ขิ องดชั นีความสาคัญของพันธุ์ไมใ้ นแปลงถาวร Type III Sum Source of Squares df Mean Square F Sig. Corrected Model 62141.154a 12 5178.429 43980.660 .000 Intercept 24545.455 1 24545.455 208465.769 .000 1.000 Year .000 2 .000 .000 .000 Specie 62141.154 10 6214.115 52776.792 Error 2.355 20 .118 Total 86688.963 33 Corrected Total 62143.509 32 a. R Squared = 1.000 (Adjusted R Squared = 1.000) ตารางผนวกท่ี ข2 คา่ ประมวลผลทางสถิติของปริมาตรไม้ในแปลงถาวร Source Type III Sum F Sig. of Squares df Mean Square .000 Corrected Model 19906.573a 7 2843.796 602.263 .000 .362 Intercept 5754.857 1 5754.857 1218.771 .000 Year 10.654 2 5.327 1.128 Family 5 Error 19895.919 10 3979.184 842.717 Total 47.219 18 4.722 Corrected Total 17 25708.648 19953.791 a. R Squared = .998 (Adjusted R Squared = .996) ศูนยน์ วตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีค้มุ ครองทางทะเล จังหวัดตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพนื้ ที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวดั ตรงั ปที ่ี 3 76 ตารางผนวกที่ ข3 คา่ ประมวลผลทางสถติ ิของมวลชีวภาพในแปลงถาวร Type III Sum Source of Squares df Mean Square F Sig. .000 Corrected Model 431.330a 7 61.619 4506.840 .000 .255 Intercept 434.437 1 434.437 31775.152 .000 Year .043 2 .022 1.573 Sig. .000 Family 431.287 5 86.257 6308.947 .000 .275 Error .137 10 .014 .000 Total 865.903 18 Corrected Total 431.466 17 a. R Squared = 1.000 (Adjusted R Squared = .999) ตารางผนวกท่ี ข4 ค่าประมวลผลทางสถติ ิของปริมาณกักเก็บคาร์บอนในแปลงถาวร Source Type III Sum df Mean Square F of Squares Corrected Model 100.717a 7 14.388 4326.529 Intercept 101.579 1 101.579 30544.898 Year .010 2 .005 1.475 Family 5 Error 100.707 10 20.141 6056.551 Total .033 18 .003 Corrected Total 17 202.329 100.750 a. R Squared = 1.000 (Adjusted R Squared = .999) ศนู ยน์ วตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีคุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาติป่าชายเลน อทุ ยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรงั ปที ี่ 3 77 ตารางผนวกท่ี ข5 ค่าประมวลผลทางสถิตขิ องการปกคลุมเรือนยอดในแปลงถาวร Source Type III Sum Mean F Sig. of Squares df Square .000 Corrected Model 13169.071a 7 1881.296 427891.408 .000 .034 Intercept 4167.845 1 4167.845 947955.648 .000 Year .042 2 .021 4.826 Crow_cover 13169.029 5 2633.806 599046.041 Error .044 10 .004 Total 17336.960 18 Corrected Total 13169.115 17 a. R Squared = 1.000 (Adjusted R Squared = 1.000) ศูนย์นวัตกรรมอทุ ยานแห่งชาติและพ้ืนท่ีคุ้มครองทางทะเล จงั หวดั ตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพนื้ ที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจา้ ไหม จังหวดั ตรัง ปที ี่ 3 78 ภาคผนวก ค ลกั ษณะพฤกษศาสตร์พันธุไ์ ม้ป่าชายเลน ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุ้มครองทางทะเล จังหวัดตรงั สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพนื้ ท่ีค้มุ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรัง ปีที่ 3 79 โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) วงศ์ RHIZOPHORACEAE ชอ่ื พ้นื เมือง โกงกาง (ระนอง) โกงกางใบเล็ก (ภาคกลาง) พังกาทราย (กระบี่) พงั กาใบเล็ก (พงั งา) ไม้ขนาดกลาง - ใหญ่ ต้นสูง 25 - 35 เมตร ขึ้นได้ในดินเลนท่ีค่อนข้างอ่อนลึกและมีน้าทะเล ท่วมถึงตลอดเวลา ดังนั้นจึงพบไม้ชนิดนี้ขึ้นตามชายฝั่งทะเลริมแม่น้า ชายคลองและป่าชายเลน ระบบ รากเป็นระบบรากแก้วมีรากเสริมออกมาเหนือโคนต้น 3 - 8 เมตร รากท่ีโคนต้นหรือรากค้ายันลาต้น แตกแขนงระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ทามุมเกือบต้ังฉากกับลาต้นและหักเกือบเป็นมุมฉากลงดินเพ่ือ พยุงลาต้น เรือนยอดรูปกรวยคว่าแคบ ๆ ใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามสลับทิศทาง ตั้งฉาก รูปรี กว้าง 4 - 8 เซนติเมตร ยาว 7 - 18 เซนติเมตร ปลายแหลมหรือเป็นติ่งแหลมเล็กยาว เส้นกลางใบด้านล่าง สีแดงเร่ือๆ หรือชมพูอมแดง แผ่นใบหนา ก้านใบยาว 1.5 - 3.5 เซนติเมตร มักมีสีแดงเรื่อ ๆ หูใบแคบ ปลายแหลมยาวประกบกันเป็นคู่ระหว่างคู่ใบ เห็นได้ชัดที่ปลายก่ิง ยาว 4 - 9 เซนติเมตร สีชมพู ร่วงง่าย ดอกสมบูรณ์เพศ ช่อดอกสั้นมาก ออกตามง่ามใบที่ใบร่วงไปแล้ว ตรงปลายก้านช่อมีดอกท่ีไม่มี ก้านหรือมีก้านสั้น 1 คู่ ดอกตูมรูปไข่ ยาว 1.2 - 1.6 เซนติเมตร กลีบเลี้ยง 4 กลีบ รูปไข่ กว้าง 6 - 8 มิลลิเมตร ยาว 0.7 - 1.2 เซนติเมตร กลีบหนาปลายแหลม จะโค้งลงเกือบแนบก้านดอก กลีบดอก 4 กลีบ ร่วงง่าย รูปใบหอก กว้าง 1 - 2 มิลลิเมตร ยาว 0.7 - 1.2 เซนติเมตร สีเหลืองอมเขียวหรือ เหลืองอ่อนขอบกลีบไม่มีขน เกสรเพศผู้ 12 อัน ผลมีรูปไข่กลับยาว 2 - 3 เซนติเมตร สีน้าตาลคล้า ผิวค่อนข้างขรุขระ เมล็ดงอกได้ในขณะท่ีผลยังติดอยู่กับต้น ลาต้นใต้ใบเล้ียงรูปทรงกระบอก เรียงโค้ง เล็กน้อย ยาว 30 - 40 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 - 1.2 เซนติเมตร มีขนาดโตขึ้นท่ีส่วนปลาย ผิวเป็นมัน สีเขียวหรือเขียวอมม่วง ค่อนข้างเรียบหรือมีตุ่มขรุขระกระจัดกระจาย ร่วงหล่นลงสู่พื้น จะปักลงในดิน ภาพผนวกที่ ค1 โกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata Blume) ศนู ย์นวัตกรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพื้นท่ีค้มุ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพน้ื ที่คมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติปา่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวดั ตรัง ปีท่ี 3 80 โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) วงศ์ RHIZOPHORACEAE ช่อื พ้ืนเมือง โปรง โปรงใหญ่ ปรง (สมทุ รสาคร จันทบรุ )ี แสม (ใต้) ไม้ต้นขนาดเล็ก - กลาง สูง 7 - 15 เมตร ระบบรากแก้วหย่ังลึกลงไปในดิน มีรากพิเศษออก ตามลาต้น เปน็ ค้าจุนขนาดเล็ก และรากหายใจรูปคลา้ ยเขา่ อ้วนกลมยาว 12 - 20 เซนติเมตร เหนือผิว ดนิ สีนา้ ตาลอมชมพู ลาต้น ตัง้ ตรง เนื้อแข็งโคนต้นมีพพู อนเลก็ น้อย เรือนยอดเป็นกลุ่มกลม สีเข้ม ก่ิง สี เขียว มีช่องอากาศเล็ก ๆ เปลือกสีชมพูเร่ือ ๆ หรือ น้าตาลอ่อน เรียบถึงแตกเป็นสะเก็ด ต้นแก่มีรอย แผลเป็นช่องอากาศเห็นชัดเจนสีน้าตาลอ่อน ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามสลับทิศทาง เป็นกระจุกท่ี ปลายกิ่ง แผ่นใบชี้ไปท่ีปลายก่ิง รูปไข่กลับแกมขอบขนานถึงรูปไข่กลับ ขนาด 3 - 8 X 5 - 12 เซนติเมตร ฐานใบรูปลิ่ม ปลายใบ ป้านมน หรือ เว้าตื้น ๆ ขอบใบมักเป็นคล่ืน ก้านใบยาว 1.5 - 4 เซนติเมตร หูใบยาว 1 - 3 เซนติเมตร ผิวใบดา้ นบนสีเขยี วเขม้ ท้องใบสีซีด ดอก สมบูรณ์เพศ ออกเป็น ช่อกระจกุ ตามงา่ มใบ แตล่ ะช่อมี 4 - 8 ดอก ก้านช่อดอกเรียวยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยสั้น วงกลีบเลี้ยงยาว 0.5 - 0.7 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงหยักลึก 5 กลีบ รูปไข่ยาว 0.4 - 0.5 เซนติเมตร แผ่บานออก ปลายโค้งเข้าหาผล ใบประดับเชื่อมติดกันท่ีโคนหลอดกลีบเลี้ยง กลีบดอก 5 กลีบ รูปขอบ ขนาน สีขาว ผล รูปแพร์กลับ ยาว 1 - 3 เซนติเมตร สเี ขียวถึงสีน้าตาลแกมเขียว เป็นผลแบบงอกตั้งแต่ ติดอยู่บนต้น ลาต้นใต้ใบเล้ียงหรือ “ฝัก” รูปทรงกระบอกขนาด 0.5 X 15 - 35 เซนติเมตร ปลายเล็ก ขยายใหญ่ไปทางส่วนโคน แลว้ สอบแหลม มีสันแหลมตามยาว ผิวขรุขระ สีเขียว เมอื่ แก่จะเปล่ยี นเป็นสี น้าตาล หอ้ ยลงในแนวด่ิงออกดอก - ผลเกอื บตลอดปี ภาพผนวกที่ ค2 โปรงแดง (Ceriops tagal (Perr.) C.B.Rob.) ศนู ย์นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่คมุ้ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้นื ที่ค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จงั หวดั ตรัง ปที ่ี 3 81 ตะบูนขาว (Xylocarpus granatum J.Koenig) วงศ์ MELIACEAE ชอ่ื พื้นเมือง กระบูน, กระบูนขาว, ตะบูน (กลาง, ใต)้ หยี่เหร่ (ใต้) ไม้ใหญ่ขนาดเล็ก - กลาง สูง 8 - 20 เมตร ไม่ผลัดใบ มีรากพิเศษออกตามลาต้น เป็นราก หายใจ หรือ รากค้าจุน ลักษณะแบนคล้ายแผ่นกระดานบ้าง กลมบ้าง ทอดตัวในแนวรัศมีรอบลาต้น ลาต้นส้ัน แตกก่ิงใกล้โคนต้น มีพูพอนแผ่ออกคดเค้ียว ต่อเน่ืองกับรากหายใจ เปลือกเรียบบาง สเี หลืองแต้มเขียวอ่อน หรือสีน้าตาลอ่อน ถึงน้าตาลแกมชมพู ลักษณะคล้ายเปลือกต้นฝร่งั หรอื ตะแบก เปลือกหลุดออกเป็นแผ่นรูปทรงไม่แน่นอน ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ชั้นเดียว ไม่มีใบยอด เรียง สลับ ใบย่อยมกั มี 1 - 2 คู่ เรยี งตรงข้าม หรือเยอ้ื งกันเล็กน้อย แผ่นใบรูปไข่กลับ หรือรูปขอบขนานแกม รูปไข่กลับ แผ่นใบสมมาตรกัน ปลายใบกลม ฐานใบรูปลิ่ม ดอก ออกเป็นช่อที่ง่ามใบ ช่อดอก แบบช่อแยกแขนง แต่ละช่อมี 8 - 20 ดอก เป็นดอกแยกเพศ มีก้านดอกย่อย มีกลีบเล้ียง 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ ไม่ติดกัน สีขาวครีม เกสรเพศผู้ 8 อัน ดอกมีกล่ินหอม ผล ลักษณะกลม แบ่งเป็น 4 พู เท่า ๆ กัน แต่ละผลมี 7 - 17 เมล็ด ลักษณะโค้งนูนหน่ึงด้าน ผลแก่สีน้าตาลแดงคล้ายผลทับทิม ออกดอก - ผล ตลอดปี ภาพผนวกท่ี ค3 ตะบูนขาว (Xylocarpus granatum J.Koenig) ศูนยน์ วตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพ้ืนที่ค้มุ ครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพืน้ ท่ีคมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแห่งชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ปที ่ี 3 82 ถัว่ ขาว (Bruguiera cylindrica (L.) Blume) วงศ์ RHIZOPHORACEAE ชอื่ พ้ืนเมือง ถว่ั แดง ประสกั ขาว (จนั ทบุร)ี โปรง โปรย (มลายู-ใต)้ ปรยุ้ (มลายู-สตลู ) รยุ่ (เพชรบรุ ี) ไม้ใหญ่ขนาดเล็ก - กลาง สูง 8 - 15 เมตร พูพอนน้อย แต่บริเวณโคนต้นพองขยายออก เรือนยอดแน่นทึบ รูปพีระมิด เปลือกสีเทา หรือสีน้าตาล เรียบ ถึงหยาบเล็กน้อย ตามลาต้นมีช่อง อากาศ กิ่งอ่อนสีเขียว มีรากหายใจรูปคล้ายเข่า ยาว 15 - 20 เซนติเมตร เหนือผิวดิน ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับทิศทาง แผ่นใบรูปรี ขนาด 3 - 8 X 7 - 19 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ฐานใบรูปล่ิม ผิวใบด้านบน สีเขียวเข้ม ท้องใบสีจางกว่า เกลี้ยงท้ังสองด้าน ขอบใบม้วนลง เส้นกลางใบสีเขียว เส้นใบ 7 คู่ ไม่เด่นชัด ก้านใบยาว 1.5 - 4 เซนติเมตร หูใบยาว 3 - 5 เซนติเมตร สีเขียว ดอก ออกเป็น ช่อกระจุกท่ีง่ามใบ ช่อละ 3 ดอก ก้านช่อดอกยาว 0.6 - 0.9 เซนติเมตร ดอกยาว 1 - 1.4 เซนติเมตร สีเขียวอ่อน ก้านดอกย่อยยาว 0.1 - 0.5 เซนติเมตร วงกลีบเลี้ยงรูประฆัง โคนกลีบติดกันเป็นหลอด ขนาด 0.2 - 0.3 X 0.4 - 0.6 เซนติเมตร ผิวเรียบ สีเขียว ปลายแยกเป็น 8 แฉก กลีบเลี้ยงยาวเท่า หลอด ปลายกลีบโค้งกลับ กลีบดอก 8 กลีบ สีขาว รูปขอบขนาน ยาว 0.3 - 0.4 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 2 แฉก ขอบกลีบมีขนสีขาว ปลายกลีบมีขนแข็งสีน้าตาล 2 - 3 เส้น ยาว 0.1 เซนติเมตร ผล เป็นผลแบบงอกต้ังแต่ยังติดอยู่บนต้น ผลสีเขียวยาว 1 - 1.4 เซนติเมตร กลีบเลี้ยง หมุ้ ผลรูปดาว กลบี โค้งกลับ ลาต้นใตใ้ บเลย้ี ง หรอื \" ฝกั \" รปู ทรงกระบอกเรยี วโคง้ ขนาด 0.4 - 0.6 X 7 - 14 เซนติเมตร เม่อื ยังอ่อนสเี ขยี ว และเปล่ียนเป็นสีน้าตาลอมเขียวเมอ่ื แกอ่ อกดอกและผลเกอื บตลอดปี ภาพผนวกท่ี ค4 ถัว่ ขาว (Bruguiera cylindrica (L.) Blume) ศนู ย์นวตั กรรมอทุ ยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุม้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อทุ ยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวดั ตรัง ปที ่ี 3 83 จีงา้ (Scyphiphora hydrophylacea C.F.Gaertn.) วงศ์ RUBIACEAE ชือ่ พ้นื เมือง จงี ้า (กรุงเทพฯ) ซีฮา (มลายู-ภเู ก็ต,สตูล),รังแค (ชมุ พร), ซงี า้ เป็นไม้ใหญ่ขนาดเล็ก สูง 1.5 - 4 เมตร เปลือก บาง สีเหลืองถึงเทา ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรง ขา้ ม ใบอ่อนมยี าง แผน่ ใบออ่ นนุ่ม คล้ายหนงั รปู ไขก่ ลับ หรือรูปไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ขนาด 2 - 5 x 5 - 10 เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือป้านมน ฐานใบแหลม ขอบใบเรียบ ก้านใบยาว 1 - 2 เซนติเมตร หูระหว่างก้านใบ กลม กว้าง 0.3 เซนติเมตร ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ เป็นช่อกระจุกแน่น ก้านดอกย่อยสั้นมาก หลอดกลีบเลี้ยงยาว 0.3 - 0.4 เซนติเมตร มีสีขาวก่อนท่ีจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู ออกดอกประมาณเดือน พฤษภาคม - สิงหาคม ผล อยู่รวมกันเป็นกระจุก ผลเกล้ียง สีเขียวรูป ทรงกระบอก ยาว 0.7 - 1 เซนติเมตร มีร่องลกึ ตามยาว ผลอ่อนนมุ่ แตล่ ะผลมี 2 - 4 เมล็ด ภาพผนวกที่ ค5 จีง้า (Scyphiphora hydrophylacea C.F.Gaertn.) ศนู ย์นวตั กรรมอทุ ยานแห่งชาตแิ ละพื้นท่ีค้มุ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพน้ื ที่คมุ้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาตหิ าดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง ปีที่ 3 84 ตะบูนดา (Xylocarpus moluccensis (Lam.) M.Roem.) วงศ์ MELIACEAE ชื่อพ้นื เมือง ตะบนู ตะบนั (กลาง, ใต้) เป็นไม้ใหญ่ขนาดใหญ่ สูง 20 - 35 เมตร ผลดั ใบ ลาต้นเปลาตรง โคนต้นมีพูพอนเล็กน้อยเรอื น ยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกขรุขระ สีน้าตาลเข้ม แตกเป็นร่องตามยาว ต้นแก่เปลือกลอกเป็นแถบแคบ ๆ เปลือกหนาประมาณ 0.3 - 0.5 เซนติเมตร เน้ือไม้สีน้าตาล มีรากหายใจ รูปคล้ายกรวยคว่า กลมหรือ แบน ปลายมน ยาว 20 - 40 เซนติเมตร จากผิวดิน ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ไมม่ ีใบยอด เรียงสลับ ใบย่อย 1 - 3 คู่ เรียงตรงข้าม แผ่นใบรูปรี ถึงรูปขอบขนานแกมรี ขนาด 2 - 6 X 5 - 15 เซ น ติ เม ต ร ป ล าย ใบ ม น ฐ าน ใน แ ห ล ม ผิ ว ใบ เป็ น มั น สี เขี ย ว เข้ ม แ ล ะจ ะ เป ล่ี ย น เป็ น สสี ม้ อมเหลืองทง้ั ตน้ ก่อนทจี่ ะรว่ งหล่น ก้านใบย่อยส้ันมาก ดอก ออกตามง่ามใบ เปน็ แบบชอ่ แยกแขนง ช่อดอกยาว 7 - 17 เซนตเิ มตร ประกอบด้วยดอกจานวนมาก กลีบเล้ียง 4 กลีบ แต่ละกลีบยาว 1 - 1.5 เซนติเมตร กลีบดอก 4 กลีบ ไม่ติดกัน รูปขอบขนาน ยาว 0.4 - 0.8 เซนติเมตร สีขาวครีม เกสรเพศผู้ 8 อัน ออกดอกพร้อม ๆ กับแตกใบใหม่ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ผล ค่อนข้างกลม มีร่อง เล็กน้อย สีเขียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 - 12 เซนติเมตร มี 7 - 11 เมล็ด ลักษณะโค้งนูนหนึ่งด้าน กวา้ ง 4 - 6 เซนติเมตร ผลแก่ประมาณเดอื นสิงหาคม - ตลุ าคม ภาพผนวกท่ี ค6 ตะบนู ดา (Xylocarpus moluccensis (Lam.) M.Roem.) ศนู ย์นวตั กรรมอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ละพื้นท่ีคุ้มครองทางทะเล จงั หวัดตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพืน้ ที่คมุ้ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาติหาดเจ้าไหม จังหวดั ตรัง ปที ่ี 3 85 โกงกางใบใหญ่ (Rhizophora mucronata Lam.) วงศ์ RHIZOPHORACEAE ชอื่ พน้ื เมือง กงกอน (ชุมพร) กงกางนอก (เพชรบรุ )ี กงเกง (นครปฐม) พงั กาใบใหญ่ (ใต)้ เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ที่มีขนาดใหญ่ สูง 30 - 40 เมตร เปลือกหยาบ สีเทาถึงดา แตกเป็นร่องท้ัง ตามยาวและขวาง หรือแตกเป็นรอ่ งตารางสเี หล่ยี ม หากทุบเปลือกท้ิงไวส้ กั ครู่ ด้านในของเปลอื กจะเป็น สีเหลืองถึงสม้ รอบ ๆ โคนต้นมีรากค้าจนุ ทาหน้าทพ่ี ยงุ ลาตน้ บางครั้งพบวา่ มีรากอากาศท่งี อกจากกง่ิ อยู่ บ้าง แต่ไม่มากนัก ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับทิศทางกัน แผ่นใบอวบใหญ่ รูปรีกว้าง หรือรูปรี ขนาด 5 - 13 X 8 - 24 เซนติเมตร ปลายใบแหลม มีต่ิงแหลม เล็ก และแข็ง ฐานใบสอบเข้าหากันรูป ลิ่ม ก้านใบ สีเขียว ยาว 2.5 - 6 เซนติเมตร หูใบที่ปลายยอด สีเขียวอมเหลือง ยาว 5 - 9 เซนติเมตร ใบเกล้ียง ใบด้านบนสีเขียวอ่อน ท้องใบสีออกเหลือง มีจุดดาเล็ก ๆ กระจายอยู่เต็มท้องใบ ดอก ออกเป็นชอ่ ที่ง่ามใบ ก้านช่อดอก ยาว 3 - 7 เซนติเมตร ก้านดอกย่อย ยาว 0.4 - 1 เซนตเิ มตร ช่อหน่ึง ๆ มี 2 - 12 ดอก กลีบเล้ียงสีเหลืองอ่อน 4 กลีบ รูปไข่ แต่ละกลีบมีขนาด 0.5 - 0.8 X 1.2 - 1.5 เซนติเมตร กลีบดอก 4 กลีบ ร่วงง่าย สีขาว รูปใบหอกยาว 0.6 - 1 เซนติเมตร มีขนปกคลุมตามขอบ ออกดอกเดือนกันยายน - ตุลาคม ผล รูปไข่ ยาว แคบลงทางส่วนปลาย ผล ขนาด 2 - 3.5 X 3 - 8 เซนติเมตร สีน้าตาล - เขียว ผิวผลหยาบ งอกตั้งแต่ผลยังติดอยู่บนต้น ลาต้นใต้ใบเล้ียง หรือ \"ฝัก\" สี เขยี ว มีตมุ่ ทวั่ ทั้งฝัก ขนาด 1.4 - 1.9 X 30 - 80 เซนติเมตร ฝักตรงโคนแหลม ใบเลย้ี งทย่ี ่ืนออกมา ยาว 2 - 4 เซนติเมตร สีเขียว ฝกั แกเ่ ดอื นมนี าคม - สงิ หาคม ภาพผนวกท่ี ค7 โกงกางใบใหญ่ (Rhizophora mucronata Lam.) ศูนย์นวตั กรรมอทุ ยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่ค้มุ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพ้นื ที่ค้มุ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ ่าชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจ้าไหม จังหวัดตรงั ปที ่ี 3 86 ถวั่ ดา (Bruguiera parviflora (Roxb.) Wight & Arn. ex Griff.) วงศ์ RHIZOPHORACEAE ชอ่ื พืน้ เมือง ถ่วั ทะเล (ระนอง) รงั กะแท้ (ใต:้ ลงั กะได นังกะได (มลายู-ใต)้ ไม้ใหญ่ขนาดเล็ก - กลาง สูง 10 - 20 เมตร โคนต้นมีพูพอน ผิวเปลือกบริเวณโคนต้นมีจุด สี ขาวแต้ม เรือนยอดแคบกลม รูปพีระมิด สีเขียวอมเหลือง รากหายใจยาว 15 - 20 เซนติเมตร เหนือผิว ดิน เปลือกสีเทา หรือน้าตาลเข้ม เรียบ ถึงแตกเป็นเกล็ด มีช่องอากาศเล็ก ๆ ไม่เด่นชัด ใบ ออกเป็น กระจุกที่ปลายกิ่ง เรียงตรงข้าม สลับทิศทาง แผ่นใบรูปรี ขนาด 3 - 5 X 7 - 15 เซนติเมตร ปลายใบ แหลม ฐานใบรูปลิ่ม แผ่นใบสีเหลืองอมเขียว เกล้ียงท้ังสองด้าน เส้นใบบาง 7 คู่ เห็นทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 1.5 - 2 เซนติเมตร หูใบยาว 3 - 6 เซนติเมตร สีเหลืองอมเขียว ดอก ออกเป็นช่อกระจุกท่ี งา่ มใบ ช่อละ 3 - 7 ดอก ก้านช่อดอกยาว 1.8 - 2.2 เซนตเิ มตร สีเหลอื งอมเขยี ว ก้านดอกย่อยยาว 0.6 - 1.5 เซนติเมตร วงกลีบเลยี้ งเป็นหลอดยาว 0.7 - 0.9 เซนติเมตร สีเหลอื งอมเขียว ปลายแยกเป็นแฉก ส้ัน ๆ 8 แฉก กลบี ดอก 8 กลบี รูปขอบขนาน ยาว 0.1 - 0.2 เซนติเมตร ขอบกลีบมีขน ปลายกลีบมีขน แข็ง 3 เส้น ผล เป็นผลแบบงอกตั้งแต่ยังติดอยู่บนต้น รูปทรงกระบอก ยาว 1.3 - 2.5 เซนติเมตร กลีบ เลี้ยงหุ้มผลตรง ลาต้น ใต้ใบเลี้ยง หรือ \"ฝัก\" รูปทรงกระบอก เรียวตรง ขนาด 0.3 - 0.6 X 8 - 18 เซนติเมตร เม่ือยังอ่อนสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลอมเขียวเม่ือแก่ ออกดอกและผลเกือบตลอดปี ข้ึนในพนื้ ท่ีด้านในของปา่ ชายเลนท่นี ้าท่วมถึง อยา่ งสมา่ เสมอ ภาพผนวกท่ี ค8 ถว่ั ดา (Bruguiera parviflora (Roxb.) Wight & Arn. ex Griff.) ศนู ย์นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพื้นที่คมุ้ ครองทางทะเล จงั หวดั ตรัง สถาบันนวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพ้ืนที่ค้มุ ครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแห่งชาติปา่ ชายเลน อทุ ยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จงั หวัดตรงั ปที ่ี 3 87 ตาต่มุ ทะเล (Excoecaria agallocha L.) วงศ์ EUPHORBIACEAE ชอ่ื พื้นเมือง ตาตุ่ม (กลาง) บูตอ (มลายู-ปัตตาน)ี ไม้ใหญ่ผลัดใบ ขนาดเล็ก - กลาง สูง 10 - 18 เมดร มียางสีขาวมาก ส่วนมากลาต้นจะตรงมัก แตกก่ิงในระดับต่า บางคร้ังดูคล้ายไม้พุ่ม เปลือกเรยี บกึ่งแตกเป็นร่อง สีน้าตาลอ่อน หรือน้าตาลอมเทา กง่ิ อ่อนมชี ่องอากาศเล็ก ๆ เด่นชัด รากหายใจแผก่ ระจาย ไปตามผิวดิน ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลบั รูปรี หรือรูปไข่แกมรี ถึงรูปไข่กลับ ขนาด 2 - 5 X 4 - 9 เซนติเมตร ปลายใบกลม ถึงเว้าตื้น ๆ หรือเรียว แหลมมน ฐานใบมน ขอบใบหยักเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน แผ่นใบน่ิมคล้ายหนัง มีสีเขียว เป็นมันและจะเปล่ียนเป็นสีแดงอิฐ เม่ือใบใกล้ร่วง ก้านใบเรียว ยาว 1 - 2.5 เซนติเมตร ดอก ออกเป็น ช่อตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็กมาก ติดกันเป็นกระจุก ก้านดอกเพศผู้มีสีเหลืองแกมเขียว ยาว 5 - 10 เซนติเมตร ช่อดอกเพศเมียสั้น 2 - 3 เซนติเมตร ผล เป็นแบบผลแห้งแตก มี 3 พู รูปเกือบกลม ขนาด 0.5 - 0.7 X 0.3 - 0.4 เซนติเมตร ด้านแนวนอนยาวกว่าแนวต้ัง ผลเกล้ียงสีเขียวถึงน้าตาลเข้ม เมล็ด เกอื บกลม สีดา ออกดอก - ผลเดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน ยางของไม้ตาตุ่มทะเลมีพิษ หากเข้าตาอาจจะทาให้ตาบอดได้ หรือหากกินเข้าไปจะทาให้ ทอ้ งเสยี อย่างรุนแรง หรอื หากยางนีถ้ กู ตามผวิ หนังอาจจะทาให้เกดิ อาการเป็นผนื่ คัน หรือบวมได้ ภาพผนวกที่ ค9 ตาตุ่มทะเล (Excoecaria agallocha L.) ศูนยน์ วัตกรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพื้นที่ค้มุ ครองทางทะเล จังหวัดตรัง สถาบันนวตั กรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอุทยานแหง่ ชาตปิ า่ ชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจา้ ไหม จังหวัดตรงั ปที ่ี 3 88 หงอนไกท่ ะเล (Heritiera littoralis Aiton) วงศ์ : MALVACEAE ชือ่ พื้นเมือง ไขค่ วาย (กระบ)ี่ ดุหน (ตรัง) หงอนไก่ (กลาง สรุ าษฎร์ธาน)ี ไม้ใหญ่ขนาดเล็กถึงกลาง สูง 5 - 20 เมตร มีพูพอนน้อย ลาต้นมักบิด และคดงอ เปลือก สีน้าตาล ถึงเทาเข้ม หยาบเป็นเกล็ด มีรอยแตกเป็นร่องลึกตามยาว เน้ือไม้สีขาว ใบ เป็นใบเด่ียวเรียง สลับอย่เู ป็นกล่มุ ท่ีปลายกงิ่ แผ่นใบรูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน ถึงรูปใบหอกแกมรูปไข่ ขนาด 5 - 9 X 10 - 22 เซนติเมตร ปลายใบกลม หรือเป็นติ่งหนาม ถึงค่อนข้างเรียวแหลม ฐานใบกลม ถึงเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ หรือเป็นคล่ืน ใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบด้านบนเกลี้ยง สีเขียวเข้ม ด้านท้องใบเกล็ดสี เทา - เงิน หนาแน่น เส้นใบ 7 - 15 คู่ ปลายเส้นประสานกันก่อนถึงขอบใบ เส้นกลาง'ใบ และเส้นใบ เห็ น เด่ น ชั ด ม ากท างด้ าน ท้ อ งใบ ก้ าน ใบ ค่ อ น ข้างอ วบ ยาว 0.5 - 1.1 เซ น ติ เม ต ร ด อ ก ออกตามง่ามใบใกล้ปลายก่งิ เป็นชอ่ แยกแขนง ยาว 10 - 20 เซนติเมตร เป็นดอกแยกเพศ ดอกเล็ก รูป ระฆัง ยาว 0.3 - 0.7 เซนติเมตร มีขนส้ันนุ่ม ผิวด้านนอกสีน้าตาลแกมเขียว ด้านในสีแดง - ส้ม วงกลีบ รวม 46 กลีบ รูป สามเห ล่ียมแคบ ๆ ไม่มีกลีบ ดอก ดอกเพ ศผู้ยาว 0.3 - 0.5 เซน ติเมตร ดอกเพศเมียยาว 0.3 - 0.7 เซนติเมตร ออกดอกเดือนมีนาคม - พฤษภาคม และเดือนตุลาคม- พฤศจกิ ายน ผล รูปทรงรี ขนาด 4 - 6 X 5 - 11 เซนตเิ มตร เปลือกเป็นเสน้ ใยอัดแน่น ผิวเกลย้ี งเป็นมัน ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีน้าตาลด้านบนทางปลายผลมีสันคล้ายครีบ เห็นเด่นชัด เมล็ดค่อนข้างกลม มี 1 เมลด็ ภาพผนวกท่ี ค10 หงอนไก่ทะเล (Heritiera littoralis Aiton) ศูนยน์ วัตกรรมอทุ ยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุ้มครองทางทะเล จังหวดั ตรงั สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแห่งชาตแิ ละพน้ื ที่คุม้ ครอง
ตดิ ตามแปลงถาวรในอทุ ยานแหง่ ชาติป่าชายเลน อทุ ยานแห่งชาติหาดเจา้ ไหม จังหวัดตรัง ปีท่ี 3 89 ฝาดแดง (Lumnitzera littorea (Jack) Voigt) วงศ์ COMBRETACEAE ชือ่ พื้นเมือง ตาเสาทะเล (พังงา, กระบี่, ตรัง) เป็นไม้ใหญ่ขนาดกลาง - ใหญ่ อาจสูงถึง 30 เมตร เปลือกสีน้าตาล มีรอยแตก เป็นร่องลึก เปลือกในสีแดงเข้ม หรือสีส้ม มีรากหายใจรูปคล้ายเข่า ใบ เป็นใบเด่ียว เรียงเวียนรอบกึ่ง หนาแน่นที่ ปลายก่ิง แผ่นใบหนา รูปรีแกมรูปไข่กลับ หรือรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน ขนาด 1 - 3 X 3 - 9 เซนติเมตร ปลายใบกลม เว้าต้ืน ๆ ฐานใบรูปลิ่ม ขอบใบหยักมน มีต่อม ขนาดเล็ก ก้านใบส้ัน ใบสีเขียวเข้ม ดอก ออกท่ีปลายกิ่ง เป็นช่อกระจะ แต่ละช่อยาว 2 - 5 เซนติเมตร มี 5 - 15 ดอก ฐานรองดอกเปน็ หลอด ขนาด 0.4 X 0.8 - 1.2 เซนติเมตร แบนดา้ นข้างใต้ส่วนปลายคอดเลก็ นอ้ ย แล้ว กว้างออกไปทางกลีบเลี้ยง ซ่ึงมี 5 กลีบ สีเขียว รูปไข่กว้างขอบกลีบมีขน มีใบประดับย่อย 2 ใบ ขนาด เล็ก กลีบดอก 5 กลีบ สีแดง รูปรีแกมรูปขอบขนาน แต่ละกลีบไม่ติดกัน เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวเป็น สองเท่า ของกลีบดอก ผล รูปกระสวย ป่องตรงกลาง มีสันตามยาว ขนาดผล 0.4 X 1.3 - 2 เซนติเมตร ผลแก่ สีน้าตาลแดง ออกดอก และผลเดอื นพฤศจกิ ายน - เมษายน เจริญเติบโตได้ดีถ้าข้ึนด้านในของป่าชายเลนท่ีเป็นดินร่วนและมีความเค็มน้อย และมักพบขึ้น เป็นกล่มุ บริเวณปากแมน่ ้า ท่ีเป็นดนิ เลนแข็ง หรอื ดนิ ทราย ซึ่งทาให้ส่วนใหญ่มขี นาดเล็ก ภาพผนวกที่ ค11 ฝาดแดง (Lumnitzera littorea (Jack) Voigt) ศนู ยน์ วัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นท่ีคุม้ ครองทางทะเล จังหวัดตรัง สถาบนั นวตั กรรมอุทยานแหง่ ชาติและพน้ื ท่ีคุ้มครอง
ติดตามแปลงถาวรในอทุ ยานแห่งชาติป่าชายเลน อทุ ยานแหง่ ชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวัดตรัง ปีท่ี 3 90 ภาคผนวก ง ขอ้ มูลไมใ้ หญ่ในแปลงถาวรปา่ ชายเลน อุทยานแหง่ ชาตหิ าดเจ้าไหม จงั หวดั ตรัง ศูนยน์ วตั กรรมอทุ ยานแหง่ ชาติและพื้นท่ีคมุ้ ครองทางทะเล จังหวดั ตรัง สถาบนั นวัตกรรมอุทยานแหง่ ชาตแิ ละพนื้ ที่คมุ้ ครอง
Search