คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เรื่อง สวนพฤกษศาสตร์ใน โรงเรียน เลม่ นี ้ใช้ประกอบวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี่ ที่ 5 ซง่ึ ในเนือ้ หาจะอธิบายถงึ ต้นไม้และ ดอกไม้ในโรงเรียนวงั เหนือวิทยา หวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ จะเป็น ประโยชน์ตอ่ ผ้ทู ่ีศกึ ษาได้เป็นอยา่ งดี นาย พงศกร การณารัตน์ เลขท่ี1 ม.5/5 นางสาว บณั ฑติ า นวนกนั เลขที่ 21 ม.5/5 ผ้จู ดั ทา
คาอธิบาย หูกระจง หรือ แผบ่ ารมี มีถ่ินกาเนิดในป่ าแอฟริกาตะวนั ตก แถบเส้น ศนู ยส์ ูตร ต้งั แต่ประเทศแคเมอรูนไปจนถึงประเทศเซียร์ราลีโอน เป็น พชื เศรษฐกิจ มีการปลูกเพือ่ ใชเ้ น้ือไม้ ในแถบถิ่นกาเนิด เป็นไมท้ ี่มี การเจริญเติบโตเร็ว และมีอายยุ นื วกิ ิพีเดีย ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Terminalia ivorensis สายพนั ธุท์ ่ีเหนือกวา่ : Terminalia สปี ชีส์: T. ivorensis ช้นั : สปี ชีส์ สถานะการอนุรักษ:์ มีแนวโนม้ ใกลส้ ูญพนั ธุ์ Encyclopedia of Life หมวด: Magnoliophyta
ชื่อวงศ์ : Apocynaceae ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Plumeria spp. ลลี าวดี หรือ ลน่ั ทม (Frangipani, Plumeria, Templetree) เป็ นไม้ ดอกยนื ต้นในสกลุ Plumeriaมหี ลายชนิดด้วยกนั เมอื่ ก่อนบางคนมี ความเชื่อว่าไม่ควรปลูกต้นลน่ั ทมในบ้าน เนื่องจากมชี ื่อเป็ นอปั มงคล คอื ไปพ้องกบั คาว่า 'ระทม' ซ่ึงแปลว่า เศร้าโศก แต่ปัจจุบนั นิยม เรียกช่ือใหม่ ว่าลลี าวดแี ละนิยมปลูกกนั แพร่หลายอย่างมาก ช่ือ พนื้ เมอื งอนื่ ๆ ได้แก่ จาปา, จาปาลาวและจาปาขอม เป็ นต้น ลลี าวดมี เี พยี ง 2 สายพนั ธ์ุคอื
ความสาคญั ตน้ ตีนเป็ด ตน้ ตีนเป็ด หรือพญาสตั บรรณ หรือ สตั บรรณ ช่ือภาษาองั กฤษ White Cheesewood ชื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ Alstonia scholaris (L.) R. Br. เป็นหน่ึงในตน้ ไมท้ ี่มีประวตั ิควรค่า แก่การจารึกไว้ เพราะเมื่อคร้ังที่ สมเดจ็ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง ในพระบาทสมเดจ็ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงโปรดพระราชทาน กลา้ ไมม้ งคลใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั ทุกจงั หวดั ในงานรณรงค์ โครงการปลกู ป่ าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ เม่ือวนั ที่ 9 พฤษภาคม 2537 อีกท้งั ยงั เป็นตน้ ไมป้ ระจาจงั หวดั สมุทรสาครอีกดว้ ย
พกิ ลุ เป็ นไม้ยนื ต้น มดี อกหอม สีขาว มชี ่ือพนื้ เมอื งอนื่ ๆ คอื แก้ว ซางดง ตนั หยง สัญลกั ษณ์[ ต้นพกิ ลุ เป็ นพนั ธ์ุไม้มงคลพระราชทานประจาจังหวดั ลพบุรี และเป็ นต้นไม้ประจาเขตมนี บุรี ในกรุงเทพมหานคร [1] ส่วนดอกพกิ ุลเป็ นดอกไม้ประจาจงั หวดั กาแพงเพชร จงั หวดั ยะลา และจังหวดั ลพบุรี และเป็ นดอกไม้ ประจา ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Mimusops elengi สายพนั ธ์ุทเ่ี หนือกว่า: Mimusops ช้ัน: สปี ชีส์ ช่ือวงศ์: Sapotaceae phargarden.com
ชบา ช่ือสามัญ Shoe flower, Hibiscus, Chinese rose ชบา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Hibiscus rosa-sinensis L. จดั อย่ใู น วงศ์ชบา (MALVACEAE) ชบา มีช่ือท้องถ่ินอื่น ๆ วา่ ชมุ เบา (ปัตตานี), ใหม่ ใหมแ่ ดง (ภาคเหนือ), บา (ภาคใต้) เป็นต้น โดยต้นชบานนั้ มีต้นกาเนิดในประเทศจีน อินเดยี และในหม่เู กาะฮาวาย ลักษณะของดอกชบา : มีลกั ษณะเป็นไม้พ่มุ ขนาดกลาง ใบคอ่ นข้างมน รี มีปลายแหลม ขอบของใบเป็นจกั เลก็ น้อย และมีสีเขียวเข้ม เม่ือขยีใ้ บจะ เป็นเมือกเหนียว ลักษณะดอกชบา มีทงั้ กลบี ชนั้ เดยี วและหลายชนั้ หาก เป็นชนั้ เดียวปกตจิ ะมีกลบี ดอก 5 กลีบ มีก้านเกสรอยตู่ รงกลางดอกหนงึ่ ก้าน ลกั ษณะของกลีบดอกชบาจะมีขนาดใหญ่ มีหลายสีไมว่ า่ จะเป็น ขาว แดง แสด เหลือง มว่ ง ชมพู และสอี ่ืน ๆ โดยดอกชบาแบ่งออกเป็น 3 ลกั ษณะคือ ดอกบานเป็นรูปถ้วย, ดอกบานเป็นรูปแผแ่ บน, กลบี ดอกบาน แบบแผโ่ ค้ง และขยายพนั ธ์ดุ ้วยการปัก
เป็นไมย้ นื ตน้ ประเภทพมุ่ ก่ึงเล้ือย ขนาดต้งั แต่พมุ่ เลก็ ถึงพมุ่ ใหญ่ มีหนาม ข้ึนตามลาตน้ อยู่ ใบเดี่ยว แตกออก สลบั กบั ก่ิง หรือเย้อื งกนั มีขนข้ึนปก คลุมเลก็ นอ้ ย มีสีเขียวหรือใบด่าง รูปร่างรีแหลมยาว 3-6 ซม. กวา้ ง 2-3 ซม. ใบประดบั ลกั ษณะคลา้ ยรูปหวั ใจหรือรูปไข่มี 3-5 ใบ มีหลายสี เช่น ม่วง แดง ชมพู สม้ ฟ้ า เหลืองและอ่ืนๆ มีท้งั ดอกสมบรู ณ์เพศและไม่ สมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อ ตามซอก ใบหรือปลายก่ิง แต่ละช่อมี 3 ดอก เป็นหลอดยาว 1-2 ซม. ตอ้ งการแสงแดดจดั ในสภาพกลางแจง้ ไดร้ ับแสงแดดตลอดวนั ถา้ ไดร้ ับ แสงแดดไม่เพยี งพอจะทา ใหส้ ีของใบไม่เขม้ ออกดอกนอ้ ย ตอ้ งการ อุณหภมู ิ ปานกลางหรือร้อนช้ืน เม่ือโตข้ึน ตอ้ งการน้าปานกลาง ถึง ค่อนขา้ งต่า ถา้ รดน้ามากเกินไปจะไม่ออกดอก ขยายพนั ธุด์ ว้ ยการปักชา ก่ิง, ตอนกิ่ง, เสียบยอด เฟื่ องฟ้ าถกู คน้ พบคร้ังแรกใน
ไม้พุ่ม สูง 1 เมตร ผวิ ลาต้นหยาบ ขรุขระ สีเทาอ่อน ใบเดยี่ วแบบ ตรงข้าม ใบรูปรี กว้างประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5 เซนตเิ มตร ใบสีเขยี วอ่อนอมเหลอื งถึงสีเหลอื งทอง ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ ดอกช่อแบบช่อวงแถวเดย่ี ว กลนิ่ หอม ออทปี่ ลายยอด กลบี เลยี้ ง 6 กลบี สีเขยี วกลบี ดอก 5 กลบี สี ม่วงอ่อน เกสรเพศผู้ 5 เกสร เกสรเพศเมยี 1 อนั ผลเดยี่ ว ผลสด เมลด็ เดย่ี วแขง็ ผลอ่อน สีเขยี ว ผลแก่สีส้ม เมลด็ 1 เมลด็ /ผล ข้อมูลพฤกษศาสตร์ ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Duranta erecta L. ชื่อวงศ์ : VERBENACEAE ชื่อสามญั : Golden Dewdrop ,Japan Camillia ,Pigeon berry ,Sky flower
ยคู าลิปตสั เป็นพรรณไม้มีถิ่นกาเนิดในทวีปออสเตรเลยี เกาะแทสเมเนีย มีการกระจายพนั ธ์ตุ งั้ แตห่ มเู่ กาะมินดาเนา เซลีเบส ปาปัวนิวกินี ในพืน้ ท่ีชมุ่ ท่ีมีนา้ ขงั ในเขตร้อน มี มากกวา่ 700 ชนิด ในประเทศไทยเร่ิมมีการนาเข้ามาปลกู ครัง้ แรกท่ี พระท่ีนง่ั วิมานเมฆ สมยั รัชกาลท่ี 5 เมื่อปี พ.ศ. 2444 วิ กิพีเดีย ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Eucalyptus สายพันธ์ุท่ีเหนือกว่า: Eucalypteae วงศ์: Myrtaceae
พดุ ซ้อน (Cape jasmine/Gardenia jasmine) หรือทหี่ ลายคนรู้จักกนั ในช่ือ พดุ จีน พุดใหญ่ อนิ ถะหวา และเคด็ ถวา มชี ื่อวทิ ยาศาสตร์ว่า Gardenia augusta (L.) Merr. หรือ Gardenia jasminoides จัดอยู่ ในวงศ์ Rubiaceae เช่นเดยี วกบั พุดนา้ บุศย์และเขม็ ป่ า ต้นกาเนิดมา จากประเทศจีน ไทย ไต้หวนั และญป่ี ่ ุน เป็ นไม้พุ่มสมุนไพร ดอกสี ขาวสวย กลบี ซ้อนเป็ นช้ัน กลนิ่ หอมสดช่ืน คนส่วนใหญ่จึงนิยมปลูก ประดบั บ้าน ประดบั สวน แถมยงั นาไปร้อยเป็ นพวงมาลยั บูชาพระ และใช้เป็ นดอกไม้ปักแจกนั ไหว้พระด้วย พดุ ซ้อน ต้นไม้มงคล พุดซ้อนเป็ นต้นไม้ทมี่ คี วามเป็ นมงคล เหมอื นกนั กบั พดุ ว่ากนั ว่าถ้าหากปลูกติดไว้ทบ่ี ้าน จะช่วยให้มคี วาม เจริญ มน่ั คง เน่ืองจากคาว่า พุด หมายถึง ความสมบูรณ์ แขง็ แรง ยง่ิ ไปกว่าน้ันยงั ส่ือถึงความบริสุทธ์ิ เนื่องจากดอกพุดซ้อนมสี ีขาว
กระดมุ ทองเลอื ้ ย หรือ เบญจมาศเครือ เป็นไม้ประดบั หรือพชื คลมุ ดนิ ในวงศ์ Asteraceae ขยายพนั ธ์ุ โดยการปักชา วกิ ิพีเดีย ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Sphagneticola trilobata สายพนั ธ์ุท่ีเหนือกว่า: Sphagneticola ตระกูล: อนั ดบั ทานตะวนั ชัน้ : สปี ชีส์ วงศ์: Asteraceae
กระดมุ ทองเลอื ้ ย หรือ เบญจมาศเครือ เป็นไม้ ประดบั หรือพืชคลมุ ดิน ในวงศ์ Asteraceae ขยายพนั ธ์ุโดยการปักชา วกิ ิพีเดีย ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Sphagneticola trilobata สายพนั ธ์ุท่ีเหนือกว่า: Sphagneticola ตระกูล: อนั ดบั ทานตะวนั ชัน้ : สปี ชีส์ วงศ์: Asteraceae
ตะแบกนา เป็ นต้นไม้ผลดั ใบ 15–30 เมตร ใบเดยี่ ว ออกตรงข้าม หรือเยอื้ งกนั เลก็ น้อยใบอ่อนสีแดงมขี นส้ันอ่อนนุ่มปกคลุม ใบแก่ ขนจะหลุดหายไป แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก กว้าง 5–7 เซนติเมตร ยาว 12–20 เซนตเิ มตร ปลายใบเป็ นติ่งแหลม โคนสอบ ดอกสีม่วงอมชมพูต่อมาเปลยี่ นเป็ นสีขาวหรือเกอื บขาว ออก รวมกนั เป็ นช่อตามปลายกงิ่ ผล รูปรี ยาวประมาณ 2 ... วกิ พิ เี ดยี ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Lagerstroemia floribunda วงศ์: Lythraceae สายพนั ธ์ุทเ่ี หนือกว่า: สกุลลาเกอร์สตรอเมยี ตระกลู : อนั ดบั ชมพู่
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: