หน่วยที่ ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั ระบบฐานขอ้ มูล Introduction to Database สอนโดย อ.จินตหลา ลาสอาด สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ ระดับ ปวช2
เนอ้ื หาการเรียน 1. ความหมายของฐานข้อมลู 2. โครงสร้างของระบบฐานข้อมลู 3. คาศพั ทพ์ นื้ ฐานเกย่ี วกับระบบฐานข้อมลู 4. ประโยชน์ของฐานขอ้ มูล 5. ระบบจดั การฐานข้อมลู 6. โปรแกรมฐานข้อมูลทนี่ ิยมใชใ้ นปัจจุบนั
จดุ ประสงคก์ ารเรยี น 1. บอกความหมายของฐานข้อมูล 2. บอกโครงสร้างของระบบฐานขอ้ มลู 3. อธิบายคาศพั ทพ์ นื้ ฐานเกย่ี วกบั ระบบฐานข้อมลู 4. บอกประโยชนข์ องฐานข้อมูล 5. อธบิ ายเกีย่ วกบั ระบบจัดการฐานข้อมลู 6. บอกโปรแกรมฐานขอ้ มูลทน่ี ิยมใช้ในปัจจุบัน
จงบอกประโยชนข์ อง โปรแกรมจดั การฐานข้อมูล คนละ 1 ข้อ ???????????????????????
1.1ความหมายของฐานข้อมูล (Database) หมายถงึ โครงสร้างของการจดั เกบ็ ขอ้ มูลที่มี เช่น ฐานขอ้ มูลของบริษทั ความสมั พนั ธ์เกี่ยวขอ้ งกนั ไวใ้ นที่เดียวกนั ประกอบดว้ ย ขอ้ มูลสินคา้ เพอ่ื ใหส้ ามารถนาขอ้ มูลมาประมวลเพื่อช่วยใน ขอ้ มูลการขาย ขอ้ มูลพนกั งาน การตดั สินใจ และสามารถใชข้ อ้ มูลร่วมกนั ได้ ในการจดั การขอ้ มูลในฐานขอ้ มูลจะใช้ เช่น ฐานขอ้ มูลนกั เรียน ซอฟตแ์ วร์ประเภท ระบบจดั การฐานข้อมลู ประกอบดว้ ย ขอ้ มูลนกั เรียน (Database Management System : DBMS) ขอ้ มูลผปู้ กครอง ขอ้ มูลผลการ เรียน
ระบบฐานขอ้ มูล (Database System) โปรแกรมบญั ชี ฝ่ ายบญั ชี โปรแกรมการขาย DBMS ลกู คา้ พนกั งาน ฝ่ ายขาย โปรแกรมฝ่ ายบุคคล การขาย ฝ่ ายบุคคล สนิ คา้ Database
ระบบจดั การฐานข้อมูล (Database Management System : DBMS) หมายถงึ ซอฟต์แวร์ทใ่ี ช้ในการจัดการข้อมูลในฐานข้อมูล DBMS จะทาหน้าทเี่ ป็ นตัวกลางระหว่างฐานข้อมูล กบั โปรแกรมทม่ี าใช้งานฐานข้อมูลและผู้ใช้งานฐานข้อมูล ทตี่ ดิ ต่อไปยงั ฐานข้อมูลเพื่อทางานทผี่ ู้ใช้ต้องการให้สาเร็จ เช่น การจัดเกบ็ ข้อมูลลงในฐานข้อมูล , การค้นหาข้อมูลท่ี ต้องการออกมาแสดง หรือ การลบข้อมูล เป็ นต้น 7
1.2 โครงสร้างของระบบฐานข้อมลู บิต (Bit) หน่วยเกบ็ ข้อมูลทมี่ ีขนาดเลก็ ทีส่ ุด เกบ็ ในลักษณะ เลขฐานสองคือ 0 และ 1 ไบต์ (Byte) หน่วยข้อมลู ท่ีเกิดจากการนาบิตมารวมกันเปน็ อักขระ หรอื ตัวอักษร 1 ไบต์ จะเทา่ กับเลขฐานสองจานวน 8 บติ ฟิลด์ (Field) หน่วยข้อมลู ทีป่ ระกอบขึน้ จากไบตห์ รอื ตวั อักษร ต้ังแต่ 1 ตัวขน้ึ ไป รวมกันไดค้ วามหมายเป็นคา ข้อความ เช่น ช่อื ทอ่ี ยู่ เบอร์โทร FB Line
1.2 โครงสร้างของระบบฐานข้อมูล (ต่อ) เรคคอร์ด (Record) ระเบียน หรือขอ้ มูลทีน่ าเอาฟลิ ด์ หลายๆฟลิ ดม์ า รวมกัน เช่น นายสมชาย ใจดี ท่อี ย่กู รุงเทพ เงนิ เดือน 30000 บาท ไฟล์ (File) แฟ้มขอ้ มลู คือการนาขอ้ มลู มูลหลายๆ ระเบยี นมาเกบ็ ไว้ ด้วยกนั เช่น แฟม้ ขอ้ มลู นกั เรียน แฟม้ ขอ้ มลู พนกั งาน ฐานขอ้ มูล (Database ) การนาแฟม้ ข้อมลู ทีม่ คี วามเก่ียวขอ้ งสัมพนั ธ์กนั มาเกบ็ ไวด้ ้วยกัน เพ่ือลดความซา้ ซ้อนของขอ้ มลู และทาใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถใช้ งานรว่ มกันได้
โครงสร้างฐานข้อมูล Field Record Table Database
ตวั อย่างโครงสร้างฐานข้อมูล การรักษาผู้ป่ วย Field 1 HN ช่ือ-สกลุ ทอ่ี ยู่ โทร. Record 3 089106110X Table 52/0001 นายรัตนพงศ์ ยห่ี วนั่ จ่าย นนทบุรี 026607780 Database 2 ... 52/0002 นายประพล โกยทา ยโสธร ... ... ... ขอ้ มูลผปู้ ่ วย ขอ้ มูลการรักษา ขอ้ มูลการนดั หมาย ขอ้ มูลแพทย์ ขอ้ มูลค่ารักษา
1.3 คาศัพท์ท่ีใช้ในฐานข้อมูล เอนทติ ี้ (Entity) ช่ือของสิ่งใดส่ิงหนึ่ง เปรียบเสมือนคานาม เช่น เอนทติ พี้ นักงาน เอนทติ ีล้ ูกค้า เอนทติ ีน้ ักเรียน แอททริบวิ ต์ (Attribute) หมายถงึ รายละเอยี ดข้อมูลทแี่ สดงลกั ษณะ และ คุณสมบตั ขิ องแอททริบวิ ต์หน่ึง ๆ เช่น เอนทติ พี้ นักงาน ประกอบด้วย แอททริบวิ ต์ (Attribute) รหัสพนักงาน ช่ือ นามสกลุ ทอ่ี ยู่ เบอร์โทรศัพท์ ดงั รูปต่อไปนี้
Attribute รหสั Entity พนกั งาน รำยละเอียด เบอรโ์ ทร ชื่อ ชื่อของสิ่งใดส่ิงหน่ึง ขอ้ มลู ที่แสดง พนกั งาน นามสกลุ เปรยี บเสมือน ลกั ษณะและ คำนำม คุณสมบตั ิ ของขอ้ มลู ท่ีอยู่
คาถาม ???? จงบอก เอนทิตี้ (Entity) ของนกั เรียน ประกอบดว้ ย แอตทรบิ วิ ต์ (Attribute) อะไรบ้าง ?? ตอบ รหัสนักเรียน ชือ่ นามสกลุ อายุ เพศ ทอ่ี ยู่ เบอร์โทร ไอดีไลน์
1.3 คาศัพท์ทใ่ี ช้ในฐานข้อมูล (ต่อ) คยี ์หลกั (Primary Key) คือ กล่มุ ฟิ ลด์ทเี่ ป็ นตวั แทนของแต่ละ Record ซึ่ง จะต้องมคี ่าไม่ซ้ากนั ไม่เป็ นค่าว่าง เช่น รหัสนักเรียน รหัสพนักงาน คยี ์นอก (Foreign Key) คือกลุ่มฟิ ลด์ของตารางหน่ึง ซ่ึงอ้างถึงไพรมารีคยี ์ ของอกี ตารางหน่ึง ใช้สาหรับการเชื่อมความสัมพนั ธ์ของ 2 ตาราง คยี ์ผสม (Composite Key) คือ ไพรมารีคยี ์ทเ่ี กดิ จากกล่มุ ของฟิ ลด์ทม่ี ี จานวนมากกว่า 1 ฟิ ลด์ มาประกอบกนั เพ่ืออ้างองิ ข้อมูล Null Value คือค่าทม่ี คี วามหมายว่าไม่มขี ้อมูล (แต่ไม่ใช่การเคาะช่องว่าง ด้วย Spacebar)
1.4 ความสัมพนั ธ์ (Relationship) ความสัมพนั ธ์ (Relationships) หมายถึง ความสัมพนั ธ์ระหว่างเอนทติ ี้ 2 เอนทติ ขี้ นึ้ ไป เช่น ความสัมพนั ธ์ระหว่างเอนทติ นี้ ักศึกษาและเอนทติ คี้ ณะวชิ า เป็ นลกั ษณะว่า นักศึกษาแต่ละคนเรียนอยู่คณะวชิ าใดคณะวชิ าหนึ่ง ในการแสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างเอนทติ ี้ เราจะใช้หัวลูกศรเพ่ือแสดง ความสัมพนั ธ์ ดงั ตวั อย่างในรูปต่อไปนี้
ความสมั พนั ธ์ มี 3 ลกั ษณะ 1. one-to-one (1:1) 2. one-to-many (1:N) 3.Many-to-Many (M:N)
1.4.1 ความสัมพนั ธ์แบบหน่ึงต่อหน่ึง (One-to-one Relationships) 1:1 จากภาพ อธิบายได้ว่า นักศึกษา 1 คน มสี ูตบิ ัตรได้เพยี ง 1 ใบและสูติ บตั ร 1 ใบน้ันเป็ นของนักศึกษาเพยี ง 1 คน หรือ นักศึกษา 1 คน มี รบ.(ระเบยี นแสดงผลการเรียน) ได้เพยี ง 1 ใบ และ รบ.1 ใบน้ันเป็ นของนักศึกษาเพยี ง 1 คน ดงั รูป ที่มา:https://images.app.goo.gl/3v9r8gpJ6cF3ZUhi8
1.4.2 ความสัมพนั ธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม (One-to-many Relationships) 1:N ความสั มพันธ์ แบบนี้เกิดขึ้นมากที่สุ ดในการสร้ างฐานข้ อมูล เป็ น ความสัมพันธ์ระหว่างหนึ่งส่ิงต่อหลายๆส่ิง เช่ น ทีมฟุตบอลหน่ึงทีม สามารถมนี ักฟุตบอลได้หลายๆคน และนักฟุตบอลหลายๆคนสามารถสังกดั ทมี ฟุตบอลได้เเค่หนึ่งทมี ดงั รูป ที่มา:https://www.mindphp.com/forums/viewtopic.php?f=74&t=18341
ความสัมพนั ธ์แบบหนึ่งต่อกล่มุ (One-to-many Relationships) 1:N ที่มา:https://www.mindphp.com/forums/viewtopic.php?f=74&t=18341 20
1.4.3 ความสัมพนั ธ์แบบกล่มุ ต่อกล่มุ (Many-to-many Relationships) M:N เป็ นความสัมพนั ธ์แบบหลายส่ิงต่อหลายส่ิง เช่น ลูกค้าสามารถจอง ห้องพกั ในโรงเเรมได้หลายห้อง เเละในเเต่ละห้องสามารถถูกลูกค้า จองได้หลายๆคน สามารถเขียนไดอะเเกรมได้ดงั รูป ท่ีมา:https://www.mindphp.com/forums/viewtopic.php?f=74&t=18341
ภาพแสดงตารางความสัมพนั ธ์แบบกล่มุ ต่อกล่มุ การจองห้องพกั ที่มา:https://www.mindphp.com/forums/viewtopic.php?f=74&t=18341
1.5 ขอ้ ดขี องการใช้งานโปรแกรมจัดการฐานขอ้ มลู ช่วยลดความซ้าซ้อนของข้อมูล ชว่ ยใหส้ ามารถหลกี เล่ียงความขัดแย้งของขอ้ มลู ชว่ ยให้สามารถใชข้ อ้ มูลร่วมกนั ได้ ช่วยรกั ษาความถูกตอ้ งเชื่อถือไดข้ องขอ้ มลู ชว่ ยให้ขอ้ มลู เป็นมาตรฐานเดยี วกนั ชว่ ยก้าหนดระบบความปลอดภัยของขอ้ มูล ช่วยให้เกิดความเป็นอสิ ระของขอ้ มูล
1.6 โปรแกรมฐานข้อมลู ทนี่ ยิ มใชใ้ นปัจจุบนั โปรแกรม Microsoft Office Access นบั เป็นโปรแกรมที่นิยมใช้กนั มากในขณะนี้ โดยเฉพาะใน ระบบฐานขอ้ มูลขนาดเล็กและขนาดกลาง สามารถสร้าง แบบฟอรม์ ท่ีต้องการจะเรียกดูข้อมลู ในฐานข้อมลู หลกั จาก บนั ทกึ ข้อมลู ลงในฐานขอ้ มูลเรยี บร้อยแล้ว นอกจากน้ี Access ยังมีระบบความปลอดภยั ของ ข้อมูล โดยการกาหนดรหสั ผ่านเพื่อปอ้ งกันความ ปลอดภยั ของข้อมลู ในระบบไดด้ ว้ ย
1.6 โปรแกรมฐานขอ้ มลู ที่นิยมใชใ้ นปัจจบุ ัน โปรแกรม FoxPro เป็นโปรแกรมฐานขอ้ มลู ที่มีผู้ใช้งานมากโปรแกรมหนึ่ง เนื่องจากใชง้ า่ ยท้ังวธี กี ารเรยี กจากเมนขู อง FoxPro และประยกุ ต์โปรแกรมข้นึ ใช้งาน โปรแกรมท่เี ขยี นดว้ ย FoxPro จะสามารถใช้กับ Dbase ได้ ยังมเี ครอื่ งมอื ช่วย ในการเขยี นโปแกรม เช่น การสรา้ งรายงาน โปรแกรม ที่เขียนดว้ ย FoxPro จะสามารถแปรเป็นไฟล์ .EXE ที่มำ:https://images.app.goo.gl/d22p5m5acd1LBXKD7
1.6 โปรแกรมฐานขอ้ มูลท่ีนิยมใชใ้ นปัจจุบนั โปรแกรม Dbase ที่มำ:https://images.app.goo.gl/B8nLJNx81FXDWhd36 เป็นโปรแกรมฐานขอ้ มลู อกี ชนดิ หนงึ่ การใช้งานจะ คลา้ ยกบั โปรแกรม FoxPro ข้อมลู หรือรายงานที่อยู่ ในไฟลบ์ น Dbase จะสามารถส่งไปประมวลผลใน โปรแกรม Word Processor ได้ และแมแ้ ต่ โปรแกรม Excel ก็สามารถอา่ นไฟล์.DBF ที่สร้างข้ึน โดยโปรแกรม Dbase ไดด้ ว้ ย
1.6 โปรแกรมฐานข้อมลู ท่นี ยิ มใช้ในปจั จบุ ัน โปรแกรม Microsoft SQL Server โดยทั่วไป MS-SQL Server จะทางานร่วมกบั ระบบปฏบิ ตั ิการ Windows2000, 2003 Server เพ่ือทจ่ี ะใช้ MS-SQL Server เป็นฐานข้อมูลในการทาระบบ ไคลเอนท/์ เซอร์ฟเวอรท์ ไ่ี ดร้ บั ความนยิ มมากทส่ี ุดในยคุ ปัจจบุ นั และถือ เป็นซอฟแวรข์ องไมโครซอฟต์ตวั แรกทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยี .NET เปน็ เทคโนโลยที ่ีทาใหเ้ ราสามารถนาเสนอขอ้ มลู ออกมาใชก้ ับที่มำ:https://images.app.goo.gl/j1woXoiTKTMtnQrRA Application ของ Windows หรือผา่ นทางเครือข่าย อนิ เทอรเ์ นต็ ไดส้ มบูรณ์ย่ิงข้ึน
เม่ือเรียนจบหน่วยท่ี 1 ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 1 ให้นักเรียนทาแบบฝึ กหัดท้ายหน่วยท่ี 1 ใน Google classroom
คาถามทา้ ยหน่วยที่ 1 ข้อ 1. หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู ท่มี ีขนาดเลก็ ท่ีสุด คือ??? ตอบ บิต (Bit) ขอ้ 2. โปรแกรมจัดการฐานข้อมลู ที่นิยมใช้กนั มากในขณะน้ี คอื ??? ตอบ Microsoft office Access
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: