กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยวกศน.อำเภอเก้ำเลยี้ ว – เกร็งตรงเน้อื หาทอ่ี อกสอบ โดย ครู กศน. : ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย
กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยวเอกสารสรปุ เนือ้ หาทต่ี อ้ งรู้และคลงั ข้อสอบปลายภาคเรียน รายวชิ า สขุ ศกึ ษา พลศกึ ษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รหสั ทช 31002 หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเก้าเลี้ยว สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั นครสวรรค์ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก คานา กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายยกระดับคุณภาพการศึกษาทุกระดับการศึกษา สํานักงาน กศน. ในฐานะผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกระบบ โรงเรียน โดยใช้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในการจัดการศึกษาให้กับ กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว และเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการในก ารยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน กศน. หลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ให้สูงขึ้น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเก้าเล้ียว จึงได้จัดทํา สรุปเนื้อหาท่ีต้องรู้และเก็งข้อสอบ ซึ่งจะทําให้ผู้เรียนเข้าถึงสื่อได้สะดวก รวดเร็ว อันจะส่งผลให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน ดีข้นึ สรุปเนื้อหาท่ีต้องรู้ มีเนื้อหามาจากการนําหนังสือเรียนของสํานักงาน กศน. มาสรุปเนื้อหา ประเด็น สาํ คัญที่สอดคล้องตามผังการออกข้อสอบในแตล่ ะรายวิชาของสํานักงาน กศน. เก็งข้อสอบ จัดทําข้ึนสําหรับนักศึกษา กศน.ใช้เป็นคู่มือในการเตรียมตัวสอบเก็บคะแนน สอบกลาง ภาค และสอบปลายภาค รวมทั้งใช้เป็นคู่มือในการเตรียมตัวสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-Net) ตรงตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือประเมินความพร้อมของนักศึกษาก่อน สอบจริง นอกจากนี้นักศึกษายังได้ทบทวนเนื้อหาเพ่ือเป็นการเสริมสร้างความรู้ เพ่ิมพูนความเข้าใจและ ประสบการณ์ ทาํ ให้นกั ศกึ ษาเกดิ ความมัน่ ใจและพร้อมทจ่ี ะนําไปประยุกต์ใชเ้ พื่อการสอบจริงได้อีกด้วย ท้ังนี้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเก้าเลี้ยว หวังเป็นอย่างย่ิงว่าจะเป็น ประโยชน์กับผู้เรียน กศน. หลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ตาม สมควร จึงขอขอบคุณ กลุ่มพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ผู้อํานวยการ และ ครูผู้สอน และ ผู้เกย่ี วขอ้ ง มา ณ โอกาสนี้ กศน.อําเภอเก้าเลยี้ ว พ.ศ.2564 กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สารบัญกศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว ข คานา หนา้ สารบญั คาแนะนาการใช้เอกสารสรุปเน้อื หาและเก็งข้อสอบทตี่ ้องรู้ ก ข บทที่ 1 ระบบต่างๆ ของร่างกาย ค สรุปเร่ืองท่ี1 โครงสรา้ ง หน้าท่ี และการทํางาน และการดูแลรกั ษาระบบอวยั วะทีส่ ําคัญของรา่ งกาย สรุปเร่อื งท่ี 2 การวางแผนและปฏิบตั ติ นเพื่อการเสรมิ สร้างพัฒนาการด้านสุขภาพ 1 1 ของตนเองและครอบครัว บทที่ 2 ปญหาเพศศกึ ษา 6 เรอื่ งที่ 1 สรปุ เร่อื งที่1 การสอ่ื สาร ต่อรองและการขอความช่วยเหลอื เกย่ี วกับปัญหาทางเพศ 7 เรอื่ งท่ี 2 การจัดการกบั อารมณและความตองการทางเพศ 7 เร่ืองที่ 3 ความเชื่อทีผ่ ดิ ๆ ทางเพศที่สงผลตอสุขภาพทางเพศ 8 เรอื่ งที่ 4 อิทธิพลของสื่อตาง ๆ ทีส่ งผลใหเกิดปญหาทางเพศ 9 บทท่ี 3 อาหารและโภชนาการ 10 เรื่องท่ี 1 โรคขาดสารอาหาร 11 เรอื่ งที่ 2 การสุขาภบิ าลอาหาร 11 บทที่ 4 การเสริมสรางสขุ ภาพ 12 เรือ่ งที่ 1 การรวมกลุมเพื่อเสริมสรางสขุ ภาพ 13 เรอื่ งท่ี 2 การออกกาํ ลังกายเพ่ือสุขภาพ 13 บทท่ี 5 โรคทีถ่ ายทอดทางพันธกุ รรม 14 เร่อื งที่ 1 โรคที่ถายทอดทางพันธกุ รรม 16 เร่ืองที่ 2 ผลกระทบของพฤติกรรมสขุ ภาพที่มีตอการปองกันโรค 16 เรอ่ื งท่ี 3 ขอมลู ขาวสาร และแหลงบริการเพ่ือปองกนั โรค 17 บทที่ 6 ความปลอดภัยจากการใชยา 17 เรือ่ งที่ 1 หลกั การและวิธกี ารใชยาทถ่ี กู ตอง 18 เรอ่ื งที่ 2 ความเช่อื เก่ียวกบั การใชยา 18 19
สารบญั (ต่อ) หนา้ บทที่ 7 ผลกระทบจากสารเสพตดิ 21 เรือ่ งที่ 1 การวเิ คราะหปญหา สาเหตุ และผลกระทบจากการแพรระบาดของสารเสพติด 21 เร่ืองที่ 2 แนวทางการปองกนั การแพรระบาดของสารเสพติด 22 บทที่ 8 ทักษะชวี ติ เพ่ือสขุ ภาพจติ 23 เรื่องท่ี 1 ความหมาย ความสําคญั ของทักษะชีวติ 10 ประการ 23 เรื่องที่ 2 ทกั ษะชวี ิตทจี่ าํ เปน 3 ประการ 24 เรื่องท่ี 3 การประยุกตใชทักษะชีวติ ในการทํางาน การปรับตัวและการแกปญหาชีวติ 25 เรื่องที่ 4 การแนะนํากระบวนการทกั ษะชีวติ ในการแกไขปญหากับผูอ่นื 25 บทท่ี 9 อาชีพผลิตจาหนายอาหารสาเรจ็ รูปตามหลักสุขาภิบาล 26 เรอื่ งท่ี 1 ลกั ษณะธุรกจิ ผลิตอาหารสําเร็จรปู 26 เรื่องท่ี 2 วิธกี ารดาํ เนนิ งานของธรุ กิจผลิตและจําหนายอาหารสาํ เร็จรูป 27 เรื่องที่ 3 คณุ สมบตั ิรานอาหารหรือสถานท่จี ําหนายอาหารสําเร็จรูปตามหลกั สขุ าภบิ าล 28 เกร็งขอ้ สอบสาหรบั นกั ศึกษา 29 เฉลยขอ้ สอบ 35 กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว
ค คาแนะนาการใช้เอกสาร หนังสือสรุปเนือ้ หาท่ตี ้องรู้และเก็งข้อสอบ รายวิชา สขุ ศกึ ษา พลศึกษา เลม่ น้ี เปน็ การสรุปเนอ้ื หาจาก หนังสือเรียน กศน. รายวิชาสุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช 31002 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสูตร การศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2554) โดยสรปุ เนือ้ หา ท่ตี ้องรู้ มเี น้อื หามาจากการนําหนังสอื เรยี นของสํานักงาน กศน. มาสรุปเนือ้ หา ประเด็นสําคัญที่สอดคล้องตาม ผังการออกข้อสอบในแต่ละรายวิชาของสํานักงาน กศน. และเก็งข้อสอบ จัดทําข้ึนสําหรับนักศึกษา กศน.ใช้ เป็นคู่มือในการเตรยี มตัวสอบเก็บคะแนน สอบกลางภาค และสอบปลายภาค รวมท้ังใช้เป็นคู่มือในการเตรียม ตัวสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-Net) ตรงตามมาตรฐานและตัวชี้วัดหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือประเมินความพร้อมของนักศึกษากอ่ นสอบจรงิ นอกจากนี้นกั ศึกษายังได้ทบทวนเน้ือหาเพ่ือเป็นการ เสริมสร้างความรู้ เพิ่มพูนความเข้าใจและประสบการณ์ ทําให้นักศึกษาเกิดความมั่นใจและพร้อมที่จะนําไป ประยกุ ต์ใชเ้ พื่อการสอบจรงิ เพ่ือให้นักศึกษาได้เรียนรู้และทําความเข้าใจในเน้ือหาสาระและเก็งข้อสอบของรายวิชาสุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช 31002 ทสี่ ําคัญ ๆ ไดส้ ะดวกและสามารถเข้าใจย่งิ ขึ้น ในการศึกษาสรุปเน้ือหาที่ตอ้ งรู้และเกง็ ข้อสอบ เลม่ น้ี นกั ศึกษาควรปฏิบัติ ดังนี้ 1. ศึกษาเน้ือหาสาระของหนังสือสรุปเน้ือหาท่ีต้องรู้หนังสือเรียนรายวิชาสุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช 31002 ให้เข้าใจอยา่ งถอ่ งแท้ 2.เมือ่ ศกึ ษาเน้ือหาต้องรูเ้ ข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วฝึกทําข้อสอบและตรวจคาํ ตอบจากเฉลย 3. หากนักศึกษาต้องการศึกษารายละเอียดเนื้อหาสาระรายวิชาสุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช 31002 เพมิ่ เติมสามารถศึกษาคน้ คว้าได้จากสื่ออนื่ ๆ ในห้องสมดุ ประชาชน อนิ เทอร์เน็ต หรอื ครผู สู้ อน กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรปุ เนือ้ หาทต่ี ้องรู้กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว สาหรับนกั ศึกษา กศน.
บทที่ 1ระบบตา่ งๆ ของรา่ งกาย 1 สรุปเรอื่ งท1ี่ โครงสรา้ ง หนา้ ที่ และการทาํ งาน และการดูแลรกั ษาระบบ อวยั วะทสี่ าํ คญั ของรา่ งกาย กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
ระบบย่อยอาหาร 2 กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยวระบบยอ่ ยขับถ่าย
กศน.อําเภอเกา้ เลยี้ ว 3
กศน.อําเภอเกา้ เลยี้ ว 4
ระบบต่อมไร้ทอ่ 5 กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยวระบบประสาท
สรุปเรอื่ งที่ 2 6 การวางแผนและปฏบิ ตั ติ นเพอื่ การเสรมิ สรา้ ง พฒั นาการดา้ นสุขภาพของตนเองและครอบครวั การวางแผนเสริมสร้างพฒั นาการด้านสุขภาพของตนเองและครอบครัว การท่ีจะมีสุขภาพดีไดน้ ้นั ไม่วา่ จะเป็นสุขภาพของตนเองหรือของบุคคลในครอบครัว ไม่ใช่เป็ นส่ิงเกิดข้ึนดว้ ยความบงั เอิญหากแต่จาเป็ นท่ีจะตอ้ งมีการวางแผนในการดูแลสุขภาพลว้ ง หนา้ ซ่ึงจะช่วยใหเ้ กิดผลดี ดงั น้ี 1. สามารถที่จะกาหนดวิธีการ หรือเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกบั การดาเนินชีวิตของตวั เราเองหรือบุคคลในครอบครัวไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. สามารถท่ีจะกาหนดช่วงเวลาในการดูแลสุขภาพไดอ้ ยา่ งเหมาะสม อาจจะมีกิจกรรม การออกกาลงั กายในช่วงเช้าหรือในบางครอบครัวอาจจะมีเวลาว่างในช่วงเยน็ ก็อาจจะกาหนด กิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพในช่วงเยน็ กไ็ ดห้ รืออาจจะกาหนดช่วงเวลาในการตรวจสุขภาพประจาปี ของบุคคลในครอบครัวไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. เป็ นการเฝ้าระวงั สุขภาพท้งั ของตนเองและบุคคลในครอบครัว ไม่ให้ป่ วยดว้ ยโรค ต่าง ๆนบั วา่ เป็นการสร้างสุขภาพ ซ่ึงจะดีกวา่ การท่ีจะตอ้ งมาซ่อมสุขภาพ หรือการรักษาพยาบาลใน ภายหลงั 4. ช่วยในการวางแผนเร่ืองของเศรษฐกิจและการเงินในครอบครัว เน่ืองจากไม่ตอ้ งใช้ จ่ายเงินไปในการรักษาพยาบาล 5. ส่งเสริมสุขภาพท้งั ของตนเองและบุคคลในครอบครัว 6. ทาใหค้ ุณภาพชีวิตท้งั ของตนเองและสมาชิกในครอบครัวดีข้ึน กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
บทที่ 2 ปัญหาเพศศกึ ษา 7 สรุปเรอื่ งท1ี่ การสอื่ สาร ตอ่ รองและการขอ ความชว่ ยเหลอื เกยี่ วกบั ปัญหาทางเพศ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งท2ี่ 8 การจดั การกับอารมณแ์ ละความต้องการทางเพศ ระดบั ท่ี 1 การควบคุมอารมณ์ทางเพศ อาจทาได้ 2 วธิ ี คือ 1. การควบคุมจิตใจตนเอง พยายามข่มใจตนเอง มิใหเ้ กิดอารมณ์ทางเพศได้ หรือถา้ เกิด อารมณ์ทางเพศใหพ้ ยายามข่มใจไว้ เพ่ือใหอ้ ารมณ์ทางเพศคอ่ ยๆ ลดลงจนสู่สภาพอารมณ์ที่ปกติ 2. การหลีกเลี่ยงจากส่ิงเร้า ส่ิงเร้าภายนอกท่ียว่ั ยอุ ารมณ์ทางเพศหรือยว่ั กิเลสยอ่ มทาให้ เกิดอารมณ์ทางเพศได้ ดงั น้นั การตดั ไฟเสียแต่ตน้ ลม คือหลีกเล่ียงจากส่ิงเร้าเหล่าน้นั เสียจะช่วยให้ ไม่เกิดอารมณ์ได้ เช่น ไม่ดูส่ือลามกต่าง ๆ ไม่เที่ยวกลางคืน เป็นตน้ ระดบั ที่ 2 การเบยี่ งเบนอารมณ์ทางเพศ ถา้ เกิดอารมณ์ทางเพศจนไม่อาจควบคุมไดค้ วรใชว้ ิธีการเบ่ียงเบนให้ไปสนใจส่ิงอ่ืน แทนท่ีจะหมกมุ่นอยูก่ บั อารมณ์ทางเพศ เช่น ไปออกกาลงั กาย ประกอบกิจกรรมนนั ทนาการต่างๆ ใหส้ นุกสนาน เพลิดเพลิน ไปทางานต่างๆ เพื่อใหจ้ ิตใจมุ่งที่งาน ไปพูดคุยสนทนากบั คนอื่น เป็นตน้ ระดบั ที่ 3 การปลดปล่อยหรือระบายอารมณ์ทางเพศ 1. การฝันเปี ยก (Wet Dream) ในเพศชาย ซ่ึงการฝันน้ีเราไม่สามารถบงั คบั ใหฝ้ ันหรือ ไม่ใหฝ้ ันได้ แต่จะเกิดข้ึนเองเมื่อเราสนใจหรือมีความรู้สึกในทางเพศมากจนเกินไปหรืออาจเกิดการ สะสมของน้าอสุจิมีมากจนลน้ ถุงเก็บน้าอสุจิ ธรรมชาติจะระบายน้าอสุจิออกมาโดยการให้ฝัน เก่ียวกบั เร่ืองเพศจนถึงจุดสุดยอด และมีการหลง่ั น้าอสุจิออกมา 2. การสาเร็จความใคร่ดว้ ยตนเอง หรืออาจเรียกอีกอย่างหน่ึงว่าการช่วยเหลือตวั เอง (Masturbation) ทาไดท้ ้งั ผหู้ ญิงและผชู้ าย ซ่ึงผชู้ ายแทบทุกคนมกั มีประสบการณ์ในเรื่องน้ีแต่ผหู้ ญิง น้นั มีเป็ นบางคนท่ีมีประสบการณ์ในเร่ืองน้ี การสาเร็จความใคร่ดว้ ยตนเองเป็ นเรื่องธรรมชาติของ คนเรา เม่ือเกิดอารมณ์ทางเพศจนหยดุ ย้งั ไม่ได้ เพราะการสาเร็จความใคร่ดว้ ยตนเองไม่ทาให้ตนเอง และผอู้ ่ืนเดือดร้อน กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 3 9 ความเชือ่ ทผ่ี ิดๆ ทางเพศทส่ี ่งผลต่อสุขภาพทางเพศ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยวระดบั ท่ี 1 การควบคุมอารมณ์ทางเพศ อาจทาได้ 2 วธิ ี คือ 1.การมีเพศสัมพนั ธ์ที่รุนแรงจะนาไปสู่การสุขสมท่ีมากกว่าความเชื่อที่ว่าผูช้ ายที่มี พละกาลงั มาก ๆ จะสามารถมีเพศสมั พนั ธ์กบั หญิงสาวไดร้ วดเร็วรุนแรง และทาให้เธอไปถึงจุดสุด ยอดไดง้ ่าย รวมท้งั มีความ เขา้ ใจผิดเสมอ ๆ ว่าอาวธุ ประจากายของฝ่ ายชายที่ใหญ่เท่าน้นั ที่จะทาให้ ผู้หญิงมีความสุขได้ แท่จริ งแล้ว การมีสัมพันธ์สวาทที่อบอุ่นเน่ินนานเข้าใจกัน ช่วยกัน ประคบั ประคองความรักได้ 2. การมีความสัมพนั ธ์ทางเพศก็คือการร่วมรัก การร่วมรักเป็ นการแสดงความรัก ผ่านภาษากายเป็ นสมั ผสั รักท่ีคนสองคนถ่ายทอดให้แก่กนั จากการสัมผสั ทางผิวกายส่วนไหนก็ได้ ไม่ใช่เฉพาะส่วนน้นั เท่าน้นั 3. เซ็กส์ เป็ นเรื่องธรรมชาติไม่ตอ้ งเรียนรู้ ผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่มกั จะพยายามพูดเสมอ ๆ ว่า เพศศึกษาไม่สาคญั ทาไมรุ่นก่อน ๆ ไม่ตอ้ งเตรียมตวั ในการเรียนรู้เลย แต่การเตรียมตวั ที่ดีย่อมมี ชยั ไปกวา่ คร่ึง เรื่องราวเก่ียวกบั ความสมั พนั ธ์ของคนสองคนกเ็ ช่นกนั สามารถเรียนรู้วิธีการที่จะเพิ่ม ความสุขใหแ้ ก่กนั และกนั ไดก้ ่อนท่ีจะเกิดเหตุการณ์น้นั 4. ผูช้ ายควรเป็ นผนู้ าในการร่วมรักคนทว่ั ไปมกั จะคิดเสมอ ๆ ว่าการจะมีอะไรกนั น้นั ผูช้ ายตอ้ งเป็ นคนกระทา และผูห้ ญิงเป็ นฝ่ ายรองรับการกระทาน้ันแทบจริงแลว้ การร่วมรักเป็ น กระบวนการที่คนสองคนสามารถปรับเปลี่ยนเป็นฝ่ ายนา ในการกระทาไดโ้ ดยเสมอภาคซ่ึงกนั และ กนั 5.ผูห้ ญิงไม่ควรจะเป็ นฝ่ ายเร่ิมตน้ ก่อนเซ็กส์เป็ นการสื่อสาร 2 ทางระหว่างคน 2 คน ท่ีจะร่วมมือกนั บรรเลงบทเพลงแห่งความพิศวาส ซ่ึงตอ้ งผลดั กนั นาผลดั กนั ตามและตอ้ งช่วยกนั โล้ ช่วยกนั พายนาวารักไปยงั จุดหมายปลายทางแห่งความสุขสมร่วมกนั 6.ผชู้ ายนึกถึงแต่เร่ืองเซ็กส์ตลอดเวลามีคากล่าวผดิ ๆ ที่พูดกนั ต่อเนื่องมาวา่ ผชู้ ายนึกถึง แต่เร่ืองของการมีเพศสมั พนั ธ์ที่เรียกกนั ส้นั ๆ วา่ เซ็กส์ อยตู่ ลอด ท้งั ๆ ที่ความเป็นจริงคือ ผชู้ ายไมไ้ ด้ คิดถึงเร่ืองเซ็กส์อยตู่ ลอดเวลา เขาคิดถึงเร่ืองอ่ืนอยูเ่ หมือนกนั ไม่ว่าจะเป็ นเร่ืองงาน เรื่องครอบครัว เพียงแต่ผชู้ ายพร้อมจะมีเซ็กส์เสมอและไม่ไดห้ มายความว่า เม่ือเขาพร้อมที่จะมีเซ็กส์แลว้ เขาจาเป็น จะตอ้ งมีเสมอไป 7. ผหู้ ญิงตอ้ งพร้อมเสมอที่จะมีเซ็กส์เม่ือสามีตอ้ งการในยคุ ปัจจุบนั ผชู้ ายและผหู้ ญิงเท่า เทียมกนั การจะมีเซ็กส์กนั ก็เป็นกิจกรรมร่วมท่ีคนสองคนจะตอ้ งใจตรงกนั ก่อน ไม่ใชแ้ ค่ฝ่ ายใดฝ่ าย หน่ึงตอ้ งการแลว้ อีกฝ่ ายจะตอ้ งยอม
สรุปเรอื่ งที่ 4 10 อทิ ธิพลของสือ่ ต่าง ๆ ทส่ี ่งผลใหเ้ กดิ ปัญหาทางเพศ ปัจจุบนั สื่อมีอิทธิพลต่อการดาเนินชีวิตทุกดา้ นรวมถึงดา้ นปัญหาทางเพศดว้ ย เพราะสื่อ มีผลต่อพฤติกรรมการตดั สินใจของคนในสังคม ทุกคนจึงต้องบริโภคข่าวสารอยู่ตลอดเวลา เช่นการชมรายการข่าวทางทีวีทุกเชา้ การอ่านหนงั สือพิมพ์ หรือเล่นอินเตอร์เน็ต ซ่ึงบางคนอาจจะใช้ บริการรับข่าวสารทาง SMS เป็นตน้ ส่ือจึงกลายเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึก และ การตดั สินใจที่สาคญั ของคนในสงั คมอยา่ งหลีกเล่ียงไม่ได้ จากปัจจยั ดงั กล่าวอิทธิพลของส่ือจึงยอ่ มท่ีจะก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงไดใ้ นทุกๆภาค ส่วนของสงั คมไม่วา่ จะเป็นสงั คมเมืองหรือแมแ้ ต่ในสงั คมชนบทกต็ าม ซ่ึงการเปล่ียนแปลงน้นั ยอ่ มที่ จะเกิดข้ึนไดท้ ้งั ทางที่ดีข้ึนและทางท่ีแยล่ ง และส่ิงสาคญั ส่ือคือส่ิงท่ีมีอิทธิพลโดยตรงต่อทุก ๆ คนใน สงั คมไม่ว่าจะเด็ก วยั รุ่นหรือกระทง่ั ผูใ้ หญ่ อิทธิพลของส่ือที่นับวนั จะรุนแรงมากข้ึน ไม่ว่าจาก สภาพเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของสังคม เนื่องมาจากความพยายามในการพฒั นาประเทศให้มี ความเจริญกา้ วหนา้ ในดา้ นต่าง ๆ เพ่ือให้ทดั เทียมกบั นานาประเทศก่อให้เกิดวฒั นธรรมท่ีหลงั่ ไหล เขา้ มาในประเทศไทย โดยผา่ นสื่อท้งั วิทยุ โทรทศั น์ ส่ิงพิมพแ์ ละอินเตอร์เน็ต ส่ือจึงกลายเป็ นส่ิงท่ีมี อิทธิพล ต่อการดาเนินชีวิต และนาพาไปสู่ปัญหาและผลกระทบหลาย ๆ ดา้ น ของชีวิตแบบเดิม ๆ ซ่ึงลว้ นมาจากการรับสื่อและอิทธิพลส่ือยงั ทาให้ เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เช่น ข่าวอาชญากรรม ภาพยนตร์หรือละครท่ีเน้ือหารุนแรง ต่อสูก้ นั ตลอดจนสื่อลามกอนาจาร ซ่ึงส่งผลให้เดก็ และคนที่รับ สื่อ จิตนาการตามและเกิดการเลียนแบบ โดยจะเห็นไดจ้ ากการที่เด็กหรือคนท่ีก่ออาชญากรรมโดย บอกวา่ เลียนแบบมาจากหนงั จากสื่อต่าง ๆ แมก้ ระทง่ั การแต่งกายตามแฟชน่ั ของวยั รุ่น การใชค้ วาม รุนแรงในการแกป้ ัญหาความรุนแรงทางเพศ ท่ีเกิดข้ึนอยใู่ นสงั คมไทยขณะน้ีส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก อิทธิพลของสื่อ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
บทที่ 3 อาหารและโถชนาการ 11 สรุปเรอื่ งที่ 1 โรคขาดสารอาหาร สารวจร่าง สงั เกต 7 สัญญาณอนั ตรายท่ีส่งผลเสียต่อสุขภาพรุนแรงเมื่อร่างกายไดร้ ับสารอาหารไมเ่ พยี งพอ อยา่ รอให้หิว อย่ารอให้กระหาย และอย่าละเลยม้ืออาหารท่ีมีสารอาหารครบถว้ น เพราะจะทาให้ร่างกายอยู่ในภาวะไดร้ ับ สารอาหารไม่ครบถ้วน (ภาวะทุพโภชนาการ) หรือที่เรียกกนั ว่า “ขาดสารอาหาร” ซ่ึงภาวะดงั กล่าวไม่ไดแ้ สดงอาการผ่าน รูปร่างที่ซูบผอมเท่าน้ัน ทว่ายงั แทรกภยั ร้ายในร่างกายได้หลากหลายรูปแบบ รศ.ดร.นพ. วีระเดช พิศประเสริ ฐ แพทย์ ผเู้ ช่ียวชาญดา้ นโภชนาการ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น แนะนาใหส้ ังเกตสัญญาณอนั ตรายจากร่างกายท่ีบ่งบอก วา่ เรากาลงั เขา้ สู่ภาวะไดร้ ับสารอาหารไมค่ รบถว้ นหรือไม่ ดว้ ย 7 อาการดงั น้ี 1.ร่างกายอ่อนเพลยี ร่างกายท่ีออ่ นเพลียเกิดไดจ้ ากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การพกั ผอ่ นไม่เพยี งพอ แตอ่ ีกสาเหตุหลกั คือ กินอาหารที่มี สารอาหารไม่เพยี งพอ โดยเฉพาะโปรตีน เม่ือร่างกายไดร้ ับโปรตีนไมพ่ อ ทาใหก้ ลา้ มเน้ือไมแ่ ขง็ แรง ถดถอย จนอาจทาใหร้ ู้สึก อยากทาอะไร และถา้ ขาดวติ ามินหรือเกลือแร่บางชนิด ร่างกายจะไมส่ ดช่ืนกจ็ ะสะทอ้ นผา่ นความอ่อนเพลียไดเ้ ช่นกนั 2.สมาธิส้ัน สังเกตไดว้ า่ หลายคนท่ีกาลงั หิว เวลาอา่ นหนงั สือก็จะจาไม่คอ่ ยได้ จะทาอะไรก็ไม่ค่อยจดจ่อ เพราะมีสารอาหารหลายชนิดท่ีมี ประโยชน์ต่อการทางานของสมอง เช่น โอเมกา้ 3, วติ ามิน B, โพรไบโอติก, กาบา้ เป็ นตน้ เมื่อร่างกายไดร้ ับสารอาหารเหล่าน้ี ไม่ครบถว้ น จึงส่งผลใหเ้ กิดภาวะสมาธิส้นั ได้ 3.ท้องผูก นอกจากสาเหตุจากความผดิ ปกติของลาไส้ใหญแ่ ละปัญหาทางพฤติกรรมการขบั ถ่ายแลว้ การรับประทานอาหารท่ีมีกากใยไม่ เพียงพอ และการด่ืมน้านอ้ ยก็เป็นปัจจยั สาคญั ที่ทาใหท้ อ้ งผกู กากใยอาหารท้งั ชนิดที่ละลายน้าและไมล่ ะลายน้ามีส่วนช่วยให้ อุจจาระเป็นกอ้ น ออ่ นนุ่ม และขบั ถ่ายง่าย นอกจากน้ี กากใยอาหารยงั มีส่วนช่วยทาใหจ้ ุลินทรียใ์ นลาไส้มีชนิดและจานวนท่ี เหมาะสม ซ่ึงทาใหก้ ารขบั ถ่ายเป็นปกติ ป้องกนั การเกิดมะเร็งลาไส้ใหญ่ และลดการเกิดโรคในระบบอื่นๆ อีกมากมาย กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 2 12 การสุขาภบิ าลอาหาร กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
บทที่ 4 การเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพ 13 สรุปเรอื่ งที่ 1การรวมกลุ่มเพอ่ื เสริมสร้างสุขภาพ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 2 14 การออกกาํ ลังกายเพอ่ื สุขภาพ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
กศน.อําเภอเกา้ เลยี้ ว 15
บทที่ 5 โรคทถี่ า่ ยทอดทางพนั ธุกรรม 16 สรุปเรอื่ งที่ 1 โรคทถี่ า่ ยทอดทางพนั ธุกรรม กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 2 17 ผลกระทบของพฤตกิ รรมสุขภาพทมี่ ตี อ่ การป้องกันโรค พฤติกรรมสุขภาพ หมายถึง สิ่งที่บุคคลปฏิบตั ิหรือการแสดงออกท่ีบุคคลอื่นสามารถสังเกตเห็นได้ และ สิ่งท่ีบุคคลมีอยภู่ ายใน เช่น ความรู้ ความรู้สึก ความคิด คา่ นิยม การรับรู้ฯลฯ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั สุขภาพดี พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพจะเกี่ยวข้องกับการปฏิบตั ิตนในการดารงชีวิต หรือวิถีการดารงชีวิต ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั การปฏิบตั ิ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. รับประทานอาหารถูกตอ้ งตามหลกั โภชนาบญั ญตั ิ 2. กระฉบั กระเฉงและออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ 3. พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอและสามารถผอ่ นคลาย 4. มีสุขภาพจิตดี 5. บริหารจดั การความเครียดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 6. ไมส่ ูบบุหรี่ 7. ไม่ดื่มสุรา หรือเคร่ืองด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ 8. ไม่ใชย้ าหรือสารเสพติด 9. เปล่ียนแปลงนิสยั ท่ีนาไปสู่การมีสุขภาพไมด่ ี เช่น ไมดื่มชา กาแฟ สุราเลิกบุหรี่ หรือยาเสพติดทุกชนิด 10. การมีพฤติกรรมทางเพศที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น ปฏิบตั ิตนอยา่ งถูกตอ้ งในการป้องกนั โรคเอดส์และ โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ต่าง ๆ สรุปเรอื่ งที่ 3 ข้อมูล ข่าวสาร และแหล่งบริการเพอื่ ป้องกันโรค กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
บทที่ 6 ความปลอดภยั จากการใชย้ า 18 สรุปเรอื่ งที่ 1หลักการและวธิ กี ารใช้ยาทถี่ กู ต้อง กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 2 19 ความเชือ่ เกย่ี วกบั การใช้ยา กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
กศน.อําเภอเกา้ เลยี้ ว 20
บทที่ 7ผลกระทบจากสารเสพตดิ 21 กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 2 22 แนวทางการป้องกนั การแพร่ระบาดของสารเสพตดิ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
บทที่ 8 ทกั ษะชวี ติ เพอื่ สุขภาพจติ 23 สรุปเรอื่ งที่ 1ความหมาย ความสาํ คัญของทกั ษะชวี ิต 10 ประการ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยวทกั ษะชีวิตจะมีความแตกต่างกนั ตามวฒั นธรรมและสถานท่ี อย่างไรก็ตาม มีทกั ษะชีวิตอย่กู ลุ่ม หนง่ึ ท่ีถือเป็นหวั ใจสาคญั ท่ีทกุ คนควรมี โดยองคก์ ารอนามยั โลกไดก้ าหนดไวด้ งั นี้ 1.1. ทกั ษะการตดั สินใจ (Decision Making) เป็นความสามารถในการตดั สินใจเก่ียวกบั เร่ืองราว ตา่ ง ๆ ในชีวิตไดอ้ ย่างมีระบบ เช่น ถา้ บคุ คลสามารถตดั สินใจเก่ียวกบั การกระทาของตนเองท่ีเก่ียวกบั พฤติกรรม ดา้ นสุขภาพ หรือความปลอดภัยในชีวิต โดยประเมินทางเลือกและผลท่ีไดจ้ ากการตดั สินใจเลือกทางท่ีถูกตอ้ ง เหมาะสม ก็จะมีผลตอ่ การมีสขุ ภาพท่ีดที งั้ รา่ งกายและจิตใจ 1.2. ทกั ษะการแกป้ ัญหา (Problem Solving) เป็นความสามารถในการจดั การกบั ปัญหาท่ีเกิดขนึ้ ในชีวิตไดอ้ ยา่ งมีระบบไมเ่ กิดความเครียดทางกายและจติ ใจ จนอาจลกุ ลามเป็นปัญหาใหญ่โตเกินแกไ้ ข 1.3. ทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) เป็นความสามารถในการคิดท่ีจะเป็นสว่ นช่วย ในการตดั สินใจและแกไ้ ขปัญหาโดยการคิดสรา้ งสรรค์ เพ่ือคน้ หาทางเลือกต่างๆรวมทงั้ ผลท่ีจะเกิดขึน้ ในแต่ละ ทางเลือก และสามารถนาประสบการณไ์ ปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 1.4. ทกั ษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) เป็นความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ขอ้ มลู ตา่ งๆ และประเมินปัญหาหรอื สถานการณท์ ่ีอยรู่ อบตวั เราท่ีมีผลตอ่ การดาเนินชีวติ 1.5. ทกั ษะการส่ือสารอยา่ งมีประสิทธิภาพ (Effective Communication)เป็นความสามารถในการ ใชค้ าพดู และทา่ ทางเพ่ือแสดงออกถึงความรูส้ ึกนกึ คดิ ของตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั วฒั นธรรม และสถานการณ์ ตา่ ง ๆ 1.6. ทกั ษะการสรา้ งสมั พนั ธภาพระหวา่ งบคุ คล (Interpersonal Relationship)เป็นความสามารถ ในการสรา้ งความสมั พนั ธท์ ่ีดรี ะหวา่ งกนั และกนั และสามารถรกั ษาสมั พนั ธภาพไวไ้ ดย้ ืนยาว 1.7. ทกั ษะการตระหนกั รูใ้ นตน (Self-Awareness) เป็นความสามารถในการคน้ หารูจ้ กั และเขา้ ใจ ตนเอง เช่น รูข้ อ้ ดี ขอ้ เสียของตนเอง รูค้ วามตอ้ งการและส่ิงท่ีไม่ตอ้ งการของตนเองซ่ึงจะช่วยใหเ้ รารูต้ วั เองเวลา เผชิญกบั ความเครยี ด หรือสถานการณต์ า่ ง ๆ และทกั ษะนีย้ งั เป็นพืน้ ฐานของการพฒั นาทกั ษะอ่ืน ๆ เช่น การส่ือสาร การสรา้ งสมั พนั ธภาพ การตดั สินใจ ความเหน็ อกเห็นใจผอู้ ่ืน เป็นตน้ 1.8. ทกั ษะการเขา้ ใจและเห็นใจผอู้ ่ืน (Empathy) เป็นความสามารถในการเขา้ ใจความเหมือนหรือ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ในดา้ นความสามารถ เพศ วยั ระดบั การศกึ ษาศาสนา ความเช่ือ สีผิว อาชีพ ฯลฯ ชว่ ย ใหส้ ามารถยอมรบั บคุ คลอ่ืนท่ีตา่ งจากเรา เกิดการชว่ ยเหลือบคุ คลอ่ืนท่ีไดร้ บั ความเดือดรอ้ น เชน่ ผตู้ ิดยาเสพติด ผู้ ตดิ เชือ้ เอดส์ เป็นตน้ 1.9. ทกั ษะการจดั การกบั อารมณ์ (Coping with Emotion) เป็นความสามารถในการรบั รูอ้ ารมณ์ ของตนเองและผอู้ ่ืน รูว้ า่ อารมณม์ ีผลตอ่ การแสดงพฤติกรรมอย่างไร รูว้ ิธีการจดั การกบั อารมณโ์ กรธและความเศรา้ โศกท่ีสง่ ผลทางลบตอ่ รา่ งกายและจิตใจไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 1.10. ทกั ษะการจดั การกบั ความเครียด (Coping with Stress) เป็นความสามารถในการรบั รูถ้ ึง สาเหตขุ องความเครียด รูว้ ิธีผ่อนคลายความเครียด และแนวทางในการควบคมุ ระดบั ความเครียด เพ่ือใหเ้ กิดการ เบ่ยี งเบนพฤตกิ รรมไปในทางท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสมและไมเ่ กิดปัญหาดา้ นสขุ ภาพ
สรุปเรอื่ งที่ 2 24 ทกั ษะชีวติ ทจ่ี าํ เป็ น 3 ประการ ทักษะการตระหนักในตน การรูจ้ กั ตนเองนบั เป็นพืน้ ฐานสาคญั ท่ีเราควรเรียนรูเ้ ป็นอนั ดบั แรกสดุ ในชีวิต เน่ืองจากการรูจ้ กั ตนเองจะนาไปสกู่ ารมี เปา้ หมายท่ีชดั เจนในการดาเนินชีวิตเน่ืองจากรูว้ า่ ตนมีความถนดั ความชอบ และความสามารถในดา้ นใด ดงั นนั้ จึงรูว้ ่า ตนควรจะเรียนอะไร ประกอบอาชีพอะไร ควรแสวงหาความรูอ้ ะไรเพ่มิ เตมิ การรูจ้ กั วิธีเฉพาะตวั ท่ีตนถนดั ในการพฒั นาทกั ษะการเรยี นรูใ้ นดา้ นตา่ ง ๆของตนเองใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ เชน่ รูเ้ ทคนิคการเรียนหนงั สือของตนว่าควรใชว้ ิธีใดจึงประสบผลสาเร็จ รูต้ วั ว่าความจาไม่ดี จึงตอ้ งใชว้ ิธีจดอย่างละเอียด และทบทวนบทเรียนอยา่ งสม่าเสมอ เป็นตน้ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว ทกั ษะการจัดการกบั อารมณ์ อารมณ์ คือ สภาวะของร่างกายซ่งึ ถกู ย่วั ยุ จนเกิดมีการเปล่ียนแปลงทางสรีระวิทยาหลาย ๆ อย่าง เช่น ใจส่นั ชีพจร เตน้ เรว็ การหายใจเรว็ และแรงขนึ้ หนา้ แดง เป็นตน้ ในอีกทศั นะหน่งึ อารมณ์ คือความรูส้ กึ ซ่งึ เกิดขนึ้ เพียงบางสว่ นจาก สภาวะของร่างกายท่ีถูกย่วั ยุ อาจเป็นความรูส้ ึกพอใจหรือไม่พอใจก็ได้ อามรณย์ งั เป็นส่ิงท่ีคนเราแสดงออกมาดว้ ย นา้ เสียงคาพดู สีหนา้ หรอื ทา่ ทาง ทักษะการจัดการความเครียด ความเครียด คือ การหดตวั ของกลา้ มเนือ้ ส่วนใดส่วนหน่ึงหรือหลายส่วนของร่างกายน่นั เองซ่ึงทุกคนจาเป็นตอ้ งมีอยู่ เสมอในการดารงชีวิต เชน่ การทรงตวั เคล่ือนไหวท่วั ๆไป มีการศกึ ษาพบวา่ ทกุ ครงั้ ท่ีเราคดิ หรอื มีอารมณบ์ างอยา่ งเกิดขนึ้ จะตอ้ งมีการหดตวั เคล่ือนไหวของกลา้ มเนือ้ แห่งใดแห่งหน่ึงในร่างกายเกิดขึน้ ควบคเู่ สมอ ความเครียดมีทงั้ ประโยชน์ และโทษ แตค่ วามเครียดท่ีเป็นโทษนนั้ เป็นความเครยี ดชนิดท่ีเกินความจาเป็นอปุ สรรคและอนั ตรายตอ่ ชีวติ
สรุปเรอื่ งที่ 3 25 การประยุกตใ์ ช้ทกั ษะชวี ติ ในการทาํ งาน การปรับตวั และการแก้ปัญหาชวี ติ ปัญหาตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขนึ้ ในชีวิตเป็นสาเหตหุ น่งึ ท่ีกระตนุ้ ใหค้ นเราเกิดความเครียดการมีความสามารถใน การแกป้ ัญหาไดเ้ รว็ และมีประสิทธิภาพมากเทา่ ใดก็จะหายเครยี ด ไดม้ ากและเรว็ ขนึ้ การเรียนรูว้ ิธีแกป้ ัญหาท่ีเหมาะสม และมีประสิทธิภาพจงึ เป็นส่ิงจาเป็นตอ่ การคลายความเครยี ดในลกั ษณะตา่ งๆ ดงั นี้ 1. แสดงสีหนา้ ทา่ ทาง คาพดู หรือแสดงอารมณต์ อบโตอ้ อกมาทนั ที วิธีการชวยปลดปลอ่ ยความเครียด ของตนเองได้ แตอ่ าจทาใหค้ นรอบขา้ งเครยี ด หรอื เกิดความขดั แยง้ กบั ผอู้ ่ืนได้ จงึ ควรฝึกระงบั อารมณแ์ ละคดิ ก่อนทา 2. ทากิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือคลายเครียด เช่น ออกกาลงั กาย เลน่ ดนตรี การปลกู ตน้ ไม้ ทาใหห้ ายเครียด ไดช้ ่วั คราว เม่ือปัญหายงั ไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ขความเครียดก็ยงั คงอยแู่ ละอาจมีปัญหาอ่ืนๆ เพ่มิ มาอีก 3. การขอความช่วยเหลือจากผอู้ ่ืน วิธีนีม้ ีส่วนดีคือทาใหม้ ีความรูส้ กึ อบอนุ่ ใจวา่ ไม่ไดถ้ กู ทิง้ แตค่ วรลอง หดั แกป้ ัญหาดว้ ยตนเองเสียกอ่ น ถา้ แกไ้ ขไมไ่ ดจ้ รงิ ๆ จงึ ขอความชว่ ยเหลือจากผอู้ ่ืน 4. การยอมรบั วา่ เป็นความผิดของตนเอง 5. การโทษวา่ ปัญหาท่ีเกิดขนึ้ เป็นความผิดของผอู้ ่ืน 6. คดิ แกป้ ัญหาและลงมือแกป้ ัญหาตามท่ีคดิ ไว้ สรุปเรอื่ งที่ 4 การแนะนาํ กระบวนการทักษะชวี ติ ในการแก้ไขปัญหากับผู้อน่ื กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว 1 วธิ ีจัดการกับอารมณแ์ ละความเครยี ดทเี่ กดิ จากสาเหตุทางร่างกาย 1.1 รว่ มกิจกรรมนนั ทนาการกบั บคุ คลอ่ืน 1.4 หลีกเล่ียงส่ิงเสพตดิ ทกุ ชนิด 1.2 ออกกาลงั กายสม่าเสมอ 1.5 รบั ประทานอาหารท่ีเป็นประโยชน์ 1.3 พกั ผอ่ นใหพ้ ียงพอ 2 วิธีจัดการกับอารมณแ์ ละความเครียดทเ่ี กดิ จากสาเหตทุ างจิตใจ 2.1 สกู้ บั ปัญหาเผชิญหนา้ กบั ความจรงิ แกป้ ัญหาดว้ ยเหตผุ ล 2.6 มองโลกในแงด่ ี คดิ บวก 2.2 ม่นั ใจในความสามารถของตนเอง 2.7 เช่ือฟังพอ่ แม่ ครู อาจารย์ 2.3 ควบคมุ อารมณข์ องตนเองได้ 2.8 ใชห้ ลกั ธรรมในศาสนาเป็นท่ีพง่ึ ทางใจ 2.4 ทาจิตใจใหส้ ดช่ืนแจม่ ใส 2.9 ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ 2.5 ไมว่ ิตกกงั วลกบั เร่อื งท่ียงั มาไมถ่ ึง 3 เทคนิคการจัดการอารมณแ์ ละความเครียด เช่น 3.1 การฝึกสมาธิแบบอย่กู บั ท่ี เป็นการฝึกรวบรวมจิตใจใหม้ ีพลงั เม่ือฝึกปฏิบตั ิไดถ้ กู วิธีจะ ช่วยเสริมสภาพจิตใจ ใหเ้ กิด ความสงบหนกั แนน่ ม่นั คง จิตใจพลงั เขม้ แข็ง สามารถขจดั ความเครียดได้ เชน่ การน่งั สมาธิ นบั ลมหายใจเขา้ – ออก 3.2 การฝึกสมาธิแบบเคล่ือนไหว เช่น การว่ิงสมาธิ หมายถึง การว่ิงเหยาะ ๆพรอ้ มทาสมาธิดว้ ยการกาหนดจิตและ ภาวนา “ พุทธ - โธ ” ในระหว่างท่ีหายใจเขา้ ออก เพ่ือเป็นการออกกาลงั กายและออกกาลงั จิตไปพรอ้ มกบั วิธีการฝึก สมาธิ
บทที่ 9 อาชพี ผลติ จาํ หน่ายอาหารสาํ เรจ็ รูป 26 สรุปเรอื่ งที่ ตามหลกั สุขาภบิ าล 1ลักษณะธุรกจิ ผลติ อาหารสาํ เร็จรูป ประเทศไทยมีผลผลิตจากการเกษตรกรรมประเภทอาหารท่ีหลากหลาย ซ่ึงขึน้ อยู่กับศกั ยภาพแต่ละ ภมู ิภาคท่ีแตกตา่ งกนั ไป การนาผลผลิตจากการเกษตรมาแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑอ์ าหารสาเร็จรูป แลว้ กระจาย สินคา้ สู่ ตลาดผบู้ รโิ ภคตลาดภายในประเทศ ตลาดอาเซียน และตลาดในภมู ิภาคอ่ืนท่วั โลก เป็นอีกช่องทางหน่งึ ทาใหเ้ กิดอาชีพ สาหรบั ผทู้ ่ีสนใจ การถนอมอาหารในปัจจบุ นั ใชว้ ิวฒั นาการทางเทคโนโลยีเพ่ือแปรรูปวตั ถดุ ิบจานวนมากพรอ้ ม ๆ กนั เป็นผลิตภณั ฑอ์ าหารสาเร็จรูปหรือก่ึงสาเร็จรูป หรือปรบั ปรุงกรรมวิธีการถนอมอาหารสมยั โบราณใหไ้ ดผ้ ลิตภณั ฑท์ ่ีมี คณุ ภาพดีขนึ้ ทงั้ ในดา้ นความสะอาด สี กล่ิน รส เนือ้ สมั ผสั และเพ่ือยืดอายกุ ารเก็บอาหารนนั้ ใหไ้ ดน้ าน เทคโนโลยีการ ถนอมผลติ ผลการเกษตรตอ้ งอาศยั ความรูท้ างวิทยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ความรูพ้ ืน้ ฐานทางสงั คมธุรกิจและการจดั การควบคู่ กบั ความรูใ้ นการแปรรูปผลิตผลการเกษตร ใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑช์ นิดใหม่ หรือปรบั ปรุงของเดิมใหด้ ีย่ิงขึน้ ทงั้ ในลกั ษณะท่ี มองเห็นหรือสมั ผสั ได้ เชน่ สี กล่นิ ความนมุ่ ความเหนียว รวมทงั้ ส่งิ ท่ีมองไมเ่ ห็น เชน่ คณุ คา่ ทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์อาหารสาเร็จรูป หมายถึง อาหารท่ีไดผ้ ่านขัน้ ตอนการหุงตม้ หรือกระบวนการ แปรรูป ผลิตผลการเกษตรโดยใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือใหอ้ าหารนนั้ สามารถเก็บไดเ้ ป็นเวลานานพอสมควรโดยไมเ่ น่าเสีย สามารถด่ืม หรือรบั ประทานไดท้ นั ทีเม่ือ ตอ้ งการจะอนุ่ หรือไม่ อนุ่ ใหร้ อ้ นก่อนรบั ประทานก็ได้ ผลิตภัณฑป์ ระเภทนีท้ ่ีรูจ้ กั กนั แพรห่ ลาย คอื อาหารบรรจกุ ระป๋ อง เชน่ สบั ปะรดกระป๋ อง หรือบรรจกุ ลอ่ ง เชน่ นมสด เป็นตน้ ผลิตภณั ฑอ์ าหารก่งึ สาเรจ็ รูป หมายถงึ อาหารท่ีไดผ้ า่ นขนั้ ตอนการหงุ ตม้ หรือกระบวนการแปรรูปแลว้ และสามารถเก็บ ไวไ้ ดน้ านเช่นเดียวกนั จะตอ้ งนาไปหุงตม้ และปรุงรสหรือปรุงแตง่ ก่อนจึงจะรบั ประทานได้ เช่น นา้ ผลไมเ้ ขม้ ขน้ ซ่ึง ตอ้ งผสมนา้ กอ่ นด่มื นา้ พรกิ แกงเป็นตน้ การแปรรูปหรือการถนอมอาหาร โดยหลกั ใหญ่ คือ การทาลายหรือฆ่าเชือ้ จุลินทรีย์ท่ีมีอยู่หรืออาจ เกิดขนึ้ ในอาหาร และทาใหเ้ กิดการเน่าเสียใหห้ มดไป ปัจจบุ นั ผลิตผลการเกษตรมีมากขนึ้ และประชากรมากขนึ้ จึงไดม้ ี การศกึ ษา คน้ ควา้ และทดลองใชเ้ ทคโนโลยี เพ่ือถนอมผลติ ผลการเกษตรใหส้ ามารถเก็บไวไ้ ดน้ าน เช่น การใชค้ วามรอ้ น จากไอนา้ เพ่ือ ฆา่ เชือ้ จลุ ินทรียใ์ นการทาอาหารกระป๋ อง การใชร้ งั สีแกมมา่ เพ่ือยบั ยงั้ หรือทาลายปฏิกิรยิ าของเอนไซมท์ า ใหก้ ารเปล่ียนแปลงทางเคมีชา้ ลง และเป็นการทาลายการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ กรรมวิธีการถนอมอาหารท่ีใชก้ ัน มากในปัจจบุ นั คือ - การถนอมอาหารโดยใชค้ วามรอ้ นสงู เชน่ ผลิตภณั ฑอ์ าหารกระป๋ อง เป็นตน้ - การถอมอาหารโดยใชค้ วามเยน็ เชน่ ผลติ ภณั ฑอ์ าหารเยือกแขง็ เป็นตน้ - การถนอมอาหารโดยการทาใหแ้ หง้ เชน่ ปลาหยอง กาแฟผง เป็นตน้ - การถนอมอาหารโดยการหมกั ดอง เชน่ ซีอวิ้ นา้ สม้ สายชู เป็นตน้ - การถนอมอาหารโดยใชร้ งั สี เชน่ หอมหวั ใหญ่อาบรงั สี เป็นตน้ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
สรุปเรอื่ งที่ 2 27 วธิ ีการดาํ เนินงานของธุรกจิ ผลติ และจาํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูป กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยวการดาเนินงานของธุรกิจผลิตและจาหน่ายอาหารสาเร็จรูป อาชีพจาหน่ายอาหารสาเร็จรูป คือ กระบวนการเคล่ือนยา้ ยผลิตภณั ฑจ์ ากผผู้ ลิต อาหารสาเร็จรูปไปยงั ผบู้ ริโภค โดยคานึงถึงหลกั สขุ าภิบาล ตงั้ แตข่ นั้ ตอน การผลิต การบรรจุ หีบหอ่ บรรจภุ ณั ฑ์ การขนสง่ และการจดั เก็บเพ่ือรอจาหนา่ ย กระท่งั ผลติ ภณั ฑ์ ถงึ ผบู้ รโิ ภค ช่องทางการจดั จาหน่าย ประกอบดว้ ย ผูผ้ ลิต คนกลาง และผูบ้ ริโภค ซ่ึงอาจจะใชช้ ่อง ทางตรง จาก ผผู้ ลิตไปยงั ผบู้ รโิ ภค และใชช้ อ่ งทางออ้ ม จากผผู้ ลิต ผา่ นคนกลาง ไปยงั ผบู้ รโิ ภค ตลาดผลติ ภณั ฑอ์ าหารสาเรจ็ รูป 1. ตลาดภายในประเทศ 2. ตลาดระหวา่ งประเทศระดบั อาเซียน 3. ตลาดระหวา่ งประเทศระดบั ภมู ิภาคอ่ืนท่วั โลก สว่ นประสมทางการตลาดสาหรบั ผลติ ภณั ฑอ์ าหารสาเรจ็ รูป หมายถึง การดาเนินงานเก่ียวกบั การผลิต การจาหน่าย การกาหนดราคา และการส่งเสริมการขายไดส้ ดั ส่วนกนั เหมาะสมกบั ความตอ้ งการของลกู คา้ สภาพการ แขง่ ขนั และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของสงั คม 1. Product หมายถึง ผลิตภณั ฑอ์ าหารสาเร็จรูปถกู หลกั สขุ าภิบาลและตรงตามความตอ้ งการของ ลกู คา้ 2. Price หมายถึง ราคามีความเหมาะสม ลกู คา้ พงึ พอใจและยอมรบั 3. Place หมายถึง การจดั จาหน่ายโดยพิจารณาช่องทางการจาหน่าย หรือขายผ่านคนกลาง หรือ พจิ ารณาการขนสง่ วา่ มีบทบาทในการแจกตวั อย่างสินคา้ ไดอ้ ย่างไร หรือขนั้ ตอนการเก็บรกั ษาเพ่ือรอจาหนา่ ย ทงั้ นีต้ อ้ ง คานงึ ถงึ หลกั สขุ าภิบาล 4. Promotion หมายถึง การสง่ เสริมการตลาด การใชส้ ่ือตา่ งๆ ใหเ้ หมาะสมกบั ตลาดเปา้ หมาย หรือ การส่ือสารใหล้ กู คา้ ไดท้ ราบสถานท่ีจดั จาหน่ายสินคา้ ราคา ซ่งึ ประกอบดว้ ยกระบวนการ คือ การขายโดยใชพ้ นกั งาน ขาย การสง่ เสรมิ การขายดว้ ยวธิ ีการแจกของตวั อยา่ งแจกคปู อง ของแถม การใชแ้ สตมป์ เพ่ือแลกสินคา้ ตลอดจนการให้ รางวตั า่ ง ๆ และการประชาสมั พนั ธ์ รูปแบบการขาย 1. การขายส่ง หมายถึง การขายสินคา้ ให้กับผู้ซือ้ โดยการขายแต่ละครงั้ จะมีปริมาณจานวนมาก เพ่ือใหร้ าคาสินคา้ มีราคาถกู มากพอท่ีจะนาไปขายตอ่ ได้ 2. การขายปลีก หมายถึง การขายสินคา้ และบริการแก่ลกู คา้ ท่ีซือ้ สินคา้ และบริการไปใชส้ นองความ ตอ้ งการของตนเองโดยตรง มใิ ชเ่ พ่ือธรุ กิจการขายตอ่ 3. การขายตรง หมายถึง การทาตลาดสินคา้ หรือบริการในลักษณะของการนาเสนอขายตอ่ ผูบ้ ริโภค โดยตรง ณ ท่ีอยู่อาศยั หรือสถานท่ีทางานของผูบ้ ริโภคหรือของผอู้ ่ืน หรือสถานท่ีอ่ืนท่ีมิใช่สถานท่ีประกอบการคา้ เป็น ปกตธิ ุระโดยผา่ นตวั แทนขายตรงหรือผจู้ าหนา่ ยอสิ ระชนั้ เดียวหรือหลายชนั้ การเลือกทาเลสาหรบั การประกอบอาชีพ ส่ิง แรกทีตอ้ งทาก่อน คือ การหาทาเลท่ีดีเหมาะสมกบั ธุรกิจ โดยจะตอ้ งคานึงถึง แหล่งประกอบการหรือผูผ้ ลิต ปริมาณ ลกู คา้ และการคมนาคมท่ีสะดวก
สรุปเรอื่ งที่ 3 28 คุณสมบัตริ ้านอาหารหรอื สถานทจ่ี าํ หน่ายอาหารสาํ เร็จรูปตามหลักสุขาภบิ าล 1. สถานท่ีรับประทานอาหาร เตรียม - ปรุง - ประกอบอาหาร ตอ้ งสะอาดเป็นระเบียบ และจัด เป็นสดั สว่ น 2. ไมเ่ ตรียมปรุงอาหารบนพืน้ และบรเิ วณหนา้ หรือใกลห้ อ้ งนา้ หอ้ งสว้ ม และตอ้ งเตรียมปรุงอาหารบน โต๊ะท่ีสงู จากพืน้ อยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร 3. ใช้สารปรุงแต่งอาหารท่ีมีความปลอดภัย มีเคร่ืองหมายรับรองของอาหารจากทางราชการ เช่น เลขสารอาหาร เคร่อื งหมายรบั รองมาตรฐานของกระทรวงอตุ สาหกรรม (มอก.) 4. อาหารสดตอ้ งลา้ งใหส้ ะอาดก่อนนามาปรุง หรือเก็บรกั ษา การเก็บอาหารประเภทตา่ งๆ ตอ้ งแยก เก็บ เป็นสดั สว่ น อาหารประเภท เนือ้ สตั วด์ บิ ตอ้ งเก็บรกั ษาไวท้ ่ีอณุ หภมู ติ ่ากวา่ 5 องศาเซลเซียส 5. อาหารท่ีปรุงสาเร็จแลว้ เก็บรกั ษาไวใ้ นภาชนะท่ีสะอาดมีการปกปิด วางสูงจากพืน้ อย่างนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร 6. นา้ แข็งท่ีใชบ้ รโิ ภคตอ้ งสะอาดเก็บในภาชนะท่ีสะอาดมีฝาปิด ใชอ้ ปุ กรณท์ ่ีมีดา้ มสาหรบั คีบหรือตกั โดยเฉพาะวางสงู จากพืน้ อยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร และตอ้ งไมม่ ีส่งิ ของอยา่ งอ่ืนแชร่ วมไว้ 7. ลา้ งภาชนะดว้ ยนา้ ยาลา้ งภาชนะแลว้ ลา้ งดว้ ยนา้ สะอาด 2 ครงั้ หรือลา้ งดว้ ยนา้ ไหล และท่ีลา้ ง ภาชนะ ตอ้ งวางสงู จากพืน้ อยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร 8. เขียงและมีด ตอ้ งมีสภาพดี แยกใชร้ ะหวา่ งเนือ้ สตั วส์ กุ เนือ้ สตั วด์ บิ และผกั ผลไม้ 9. ช้อน ส้อม ตะเกียบ วางตงั้ เอาดา้ มขึน้ ในภาชนะโปรง สะอาด หรือวางเป็นระเบียบในภาชนะ โปรงสะอาดและมีการปกปิด เก็บสงู จากพืน้ อยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร 10. ขยะมลู ฝอย และนา้ เสียทกุ ชนดิ ไดร้ บั การกาจดั ดว้ ยวธิ ีท่ีถกู หลกั สขุ าภิบาล 11. หอ้ งสว้ มสาหรบั ผูบ้ ริโภคและผูท้ ่ีสมั ผสั อาหารตอ้ งสะอาด มีอ่างลา้ งมือท่ีใชก้ ารไดด้ ี และมีสบู่ใช้ ตลอดเวลา 12. ผูท้ ่ีสัมผัสอาหารตอ้ งแต่งกายสะอาด สวมเสือ้ มีแขน ผูป้ รุงอาหารตอ้ งผูกผา้ กันเปื้อนท่ีสะอาด สวมหมวกหรอื เนท็ คลมุ ผม 13. ผูท้ ่ีสัมผสั อาหารตอ้ งลา้ งมือใหส้ ะอาดก่อนเตรียมปรุง ประกอบ และจาหน่ายอาหารทุกครงั้ ใช้ อปุ กรณใ์ นการหยิบจบั อาหารท่ีปรุงสาเรจ็ แลว้ ทกุ ชนดิ กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
เกง็ ขอ้ สอบกศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว สำหรับนกั ศกึ ษำ กศน.
เกง็ ขอ้ สอบนกั ศึกษา กศน.กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว 29 1. ถาถุงน้าดีถูกตดั ออก ขอใดจะเกดิ ผลกระทบ รายวชิ า สุขศึกษา พลศึกษา รหสั วชิ า ทช 31002 ตอระบบทางเดินอาหารอยางไร ก. เบอื่ อาหาร 5. ขอใดไมใช หลกั การของกระบวนการสรางเสริม ข. อาหารไขมันไมถูกยอย และดา้ รงประสิทธิภาพการทา้ งานของระบบ ตาง ๆ ค. ไมสามารถสรางเอนไซมไลเปสได ในรางกาย ง. เปนแผลท่ีกระเพาะอาหารและลา้ ไส ก. รกั ษาอนามัยสวนบคุ คล ข. ออกก้าลังกายสํมา่ เสมอ 2. ขอใดเปนการดแู ลปองกันความผิดปกตขิ องระบบ ค. รับประทานยาบ้ารงุ รางกาย ขับถายปสสาวะ ก. ไมควรกลนั ปสสาวะนานเกินไป ง. บรโิ ภคอาหารใหถูกตองและเหมาะสม ข. ดื่มน้าสะอาด อยางนอยวันละ 6 – 8 แกว ค. หลกี เล่ียงการรับประทานผักทม่ี ีสารออกซาเลตสงู 6.การแสดงอารมณ์ของความอาย ชอบเกบ็ ตวั เปน็ ง. ถูกทุกขอ ชว่ งชวี ติ ใดของมนุษย์ ก. วยั ชรา 3. หากทานมปี ญหาเก่ยี วกับระบบยอยอาหาร ข. วยั เจริญพันธุ์ ไมควร ปฏบิ ัติอยางไร ค. วยั เดก็ ตอนปลาย ก. เคยี วอาหารใหละเอียด ง. ย่างเข้าสูว่ ยั รุ่น ข. ถายอุจจาระใหเปนเวลาและสมา้่ เสมอ ค. รับประทานอาหารท่ีสะอาด และปรุงสุกใหม ๆ 7. โรคเหนบ็ ชาเกดิ จากการขาดสารอาหารชนดิ ใด ง. รบั ประทานอาหารพร้า่ เพร่ือ จกุ จกิ และทานให ก. วติ ามินเอ ค. วิตามนิ บี 2 ตรงเวลา ข. วติ ามินบี 1 ง. วติ ามนิ ดีและแคลเซยี ม 4. ขอใดคือหนาที่ของถงุ อณั ฑะ 8.นายแดงมีอาการออนเพลยี เหงือกบวมแดง มี ก. สรางฮอรโมน เลอื ดออกตามไรฟน ปวดกลามเนอื และ ปวดในขอ ข. สรางตวั อสจุ ิ เปนอาการของการขาดสารอาหารประเภทใด ค. เปนทพ่ี ักอสุจิ ก. วิตามนิ ซี ค. ธาตุเหล็ก ง. ทา้ ใหตวั อสุจิสามารถไหลผานออกสูภายนอกได ข. วิตามินเอ ง. สารไอโอดนี 9.พิษของเชอื โรคชนิดใดที่ทา้ ใหเกิดโรคตบั อักเสบ ก. แบคทีเรยี ค. ไวรัส ข. เชือรา ง. ปรสติ
เก็งขอ้ สอบนกั ศกึ ษา กศน.กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว 30 10.สารอะฟลาท็อกซนิ (Alfatoxin) เปนสาเหตทุ ที่ ้า รายวิชา สขุ ศึกษา พลศึกษา รหสั วิชา ทช 31002 ใหเกิดโรคใด ก. วณั โรค ค. โรคมะเรง็ ปอด 15. ขอใดเปนโรคท่ีถายทอดทางพันธกุ รรม ข. โรคมะเร็งตบั ง. ไขสนั หลังอักเสบ ก. โรคเกาต ข. โรคไมเกรน ค. โรคกระเพาะ ง. โรคธาลสั ซเี มีย 11. การรับรูถงึ ความสามารถในการจัดการกับความ เศราหรือความกงั วลการรบั รูเก่ยี วกบั ความเช่ือตางๆ 16.ขอใดคืออาการแพท่ีเกิดขึนกับระบบทางเดนิ เปนการประเมินภาวะสุขภาพของตนเองในดานใด หายใจ ก. ดานจิตใจ ค. ดานสิ่งแวดลอม ก. เปนผนื่ เม็ดใส ๆ เกิดขึนบริเวณโพรงจมูก ข. ดานรางกาย ง. ดานสมั พนั ธภาพทางสงั คม ข. หายใจไมออก แสบจมกู จามอยูเสมอ ค. คลนื่ ไส อาเจียน เปนลม ชพี จรเตนชา 12. การวางแผนพัฒนาสขุ ภาพกายการออกก้าลงั ง. เปนผ่ืนขนึ บริเวณผิวหนังทั่วรางกาย กายตองยดึ หลักขอใด ก. หนกั นาน บอย ค. ความตองการ 17. ขอใดคือลักษณะอาการของผูท่ีแพอาหารทะเล ข. ความสามารถ ง. ความเหมาะสม ก. เกดิ ผ่นื เม็ดเลก็ ๆ ขนึ ตามผิวหนงั ไมมีอาการคนั ข. ทองเสยี คลนื่ ไส อาเจยี นจนหมดแรง ถายเปน 13. การออกกา้ ลงั กายจะมีผลตอการเปล่ียนแปลง มูกเลอื ด ตอระบบตาง ๆ ในรางกาย จะตองท้าตอเนือ่ งอยาง ค. วิงเวียนศีรษะ คัดจมูก หายใจไมออก นอยก่นี าที ง. มผี ่นื หนาบริเวณผิวหนังตามรางกาย มีอาการคัน ก. 10-20 นาที ค. 30-40 นาที ข. 20-30 นาที ง. 40-50 นาที 18.การปองกนั โรคคอพอก ควรท้าอยางไร ก. กนิ ดินโปรงหรือเกลือสินเธาว 14. ผลดีของการอบอุนรางกายกอนเลนกีฬาคือขอใด ข. กินอาหารทะเล ก. ยืดกลามเนอื ค. กินอาหารที่มแี คลเซียมมาก ๆ ข. คลายกลามเนือ ง. กนิ อาหารทีม่ ีธาตุเหล็กมาก ๆ ค. กลามเนือเกิดการเกร็งตวั ง. ลดความตึงของกลามเนือ และท้าใหกลามเนือ 19. ขอใดกลาวถงึ ยาปฏิชวี นะไดถูกตอง ผอนคลาย ก. ยาปฏชิ วี นะเปนยาท่ีใชรกั ษาโรคติดเชอื ข. ฝนเปนสารเสพติดชนดิ กระตุนประสาท ค. ยากอนอาหารตองกินกอนอาหาร 2 - 4 ช่วั โมง ง. ยาหลังอาหาร กนิ ทนั ทเี มื่ออิ่มหรอื ไมเกนิ 15นาที
เก็งข้อสอบนกั ศกึ ษา กศน.กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว 31 20. เพราะเหตุใดเราจงึ ควรตองใชยาใหถูกกับเวลา รายวิชา สขุ ศกึ ษา พลศึกษา รหสั วชิ า ทช 31002 เชน ยากอนอาหารก็ควรรับประทานกอนอาหารมใิ ช หลังอาหาร ค. โรงพยาบาลพระประแดง ก. เพราะยาตรงตอเวลา ไมชอบผดิ นดั ง. โรงพยาบาลบา้ ราศนราดรู ข. เพราะยาแตละชนดิ มีคุณสมบัตจิ า้ เพาะ ค. ใครบอก ยากอนอาหารก็กินหลังอาหารได 25. ระบบหายใจทา้ หนา้ ท่อี ย่างไร ง. เพราะถารบั ประทานยาผิดเวลาท่ีก้าหนดไป ก.นา้ ออกซเิ จนจากปอดไปสูเ่ ซลล์ ข.นา้ ออกซิเจนจากปอดไปสู่เสน้ เลอื ดใหญ่ 21. ยาอาจหมดฤทธิ์หรอื ไมมีผลในการรักษา ค.สร้างฮอรโ์ มนควบคมุ การท้างานของรา่ งกาย ขอใดเปนผลเสยี ของการซือยามาใชเอง ง.น้าออกซเิ จนเขา้ ปอดคายคารบ์ อนไดออกไซด์ ก. เกิดการแพยา ข. มอี าการดือยา 26. ข้อใดจดั เปน็ การดูแลรกั ษาระบบประสาท ค. ทา้ ใหโรคหายชา ก.ไม่เทีย่ วสา้ สอ่ น ง. เกดิ อาการติดยา ข.สวมเสือผา้ ให้สะอาด ค.ไม่ใช้ส้วมทผ่ี ิดสขุ ลกั ษณะ 22. ขอใดเปนสาเหตุทีท่ ้าใหวัยรุนติดส่งิ เสพติดนอย ง.หมน่ั ฝกึ ใชส้ มองแกป้ ญั หาบ่อย ๆ ทสี่ ดุ ก. อทิ ธิพลจากพอแม ค. คานยิ มในหมูวัยรุน 27. กิจกรรมใดท่วี ยั รุ่นควรปฏบิ ตั ิเพอ่ื สรา้ งเสรมิ ข. อยากรูอยากลอง ง. ความเชอ่ื ท่ีผดิ สุขภาพ ก.เลน่ กฬี าเปน็ ประจา้ 23. เหตใุ ดผูติดยาเสพติดจึงมักกออาชญากรรม ข.ท้ากจิ กรรมทตี่ นเองชอบ ก. ประชดตวั เอง ค.มคี วามคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ ข. ตองการเงินไปซือยา ง.ขยนั และตังใจเรียนหนังสือเสมอ ค. ไมสามารถควบคมุ สติได้ ง. ไมพอใจสง่ิ แวดลอมตัวเอง 28.โรงพยาบาลใดท่ีมชี อื่ เสยี งดา้ นการรักษากามโรค มากทสี่ ดุ 24. โรงพยาบาลใดท่รี บั ผิดชอบผูตดิ ส่ิงเสพตดิ ก.โรงพยาบาลเลิศสิน ก. โรงพยาบาลสงฆ ข.โรงพยาบาลรามาธิบดี ข. โรงพยาบาลธัญญารักษ ค.โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ ง.โรงพยาบาลบางรัก
เกง็ ขอ้ สอบนักศกึ ษา กศน. 32 29.ข้อใดเป็นการจดั การกบั อารมณท์ างเพศท่ี รายวชิ า สุขศึกษา พลศึกษา รหัสวชิ า ทช 31002 เหมาะสมทส่ี ดุ ก.เก็บกดอารมณ์ไว้ 33.การปฏิบัติตนตามหลักสขุ าภิบาลขอ้ ใดสา้ คัญ ข.เทยี่ วผู้หญิงขายบริการ ทส่ี ุด ค.สา้ เรจ็ ความใคร่ด้วยตนเอง ก.รกั ษาสภาพแวดล้อม ง.ถูกทุกขอ้ ข.ปอ้ งกนั โรคที่เกิดจากอาหาร กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว ค.ส่งเสรมิ สุขภาพผ้บู ริโภคใหแ้ ข็งแรง 30.สอื่ ในข้อใดมีอิทธพิ ลตอ่ การมีเพศสัมพนั ธ์ของ ง.เปน็ ตวั อย่างทดี่ ีให้กบั สมาชิกในองค์กร วัยรุ่นมากที่สดุ ก.หนังสือ ข.วีดีทัศน์ 34. ถา้ มคี อเรสเตอรอลในเลอื ดสงู อาหารที่ท่านควร ค.โทรทศั น์ ง.อินเตอรเ์ น็ต หลีกเลีย่ งในการบรโิ ภคคือข้อใด ก.นมสด ข.เนยแท้ 31.ผู้กระทา้ ช้าเราเดก็ ผู้หญิงอายไุ มเ่ กินสบิ ห้าปี ค.เนยเทยี ม ง.เนือสตั วท์ ี่มีสแี ดง ซง่ึ มใิ ชภ่ รรยาตนตอ้ งไดร้ ับโทษอยา่ งไร ก.จ้าคกุ ตงั แต่ 4 ปีถงึ 20 ปี ปรับ 8,000 ถึง 35. ภาวะสุขภาพของเราจะดีขนึ อยกู่ ับการปฏิบัติ ตวั อย่างไร 40,000 บาท ก.รบั ประทานน้าสะอาดเทา่ นัน ข.จ้าคกุ ตงั แต่ 5 ปีถงึ 20 ปี ปรบั 8,000 ถึง ข.รบั ประทานอาหารเฉพาะผักและผลไม้ ค.พักผ่อนให้เพยี งพออย่างนอ้ ยวันละ 10 ชั่วโมง 50,000 บาท ง.สร้างภูมิคมุ้ กันของร่างกายให้สมบรู ณ์แข็งแรง ค.จ้าคุกตังแต่ 5 ปถี งึ 20 ปี ปรบั 10,000 ถึง 36. การวางแผนพฒั นาและเสริมสรา้ งสุขภาพตนเอง 50,000 บาท และครอบครวั ควรปฏิบัติอยา่ งไร ง.จา้ คกุ ตงั แต่ 6 ปถี ึง 20 ปี ปรับ 10,000 ถึง ก.ออกก้าลงั กายสม่้าเสมอ ข.ไปตรวจรา่ งกายอย่างน้อยปีละ 1 ครงั 60,000 บาท ค.รบั ประทานอาหารให้ครบทัง 5 หมใู่ นแต่ละวัน ง.ทา้ กจิ กรรมนนั ทนาการรว่ มกนั ในครอบครวั เปน็ 32.เดก็ ชายสราวฒุ ิ เปน็ โรคปากนกกระจอกแสดงวา่ ประจ้า เกดิ จากการขาดสารอาหารชนิดใด ก.วิตามนิ เอ ข.วติ ามนิ บี1 ค.วติ ามิน บี2 ง.วิตามนิ ซี
33 เก็งขอ้ สอบนักศกึ ษา กศน. รายวชิ า สุขศึกษา พลศึกษา รหัสวิชา ทช 31002 37.องค์ประกอบส้าคัญในการถา่ ยทอดทาง 41.ถงุ นา้ ดเี ป็นอวยั วะที่เหมาะต่อการย่อยอาหาร พนั ธุกรรมคืออะไร ก.เซลล์ ข.เนือเย่ือ ประเภทใด ค.นวิ เคลยี ส ง.โครโมโซม ก.คาร์โบไฮเดตร ข.โปรตีน 38.วธิ ีการปฏบิ ตั ิตนในการป้องกนั โรคโคโรน่า 2012 ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ค.นา้ ตาล ง.ไขมัน ก.ใชช้ อ้ นกลางรว่ มกับผปู้ ว่ ยทุกครัง ข.หลีกเลีย่ งการสัมผัสใกล้ชิดกบั ผูป้ ่วย 42.เหตุใดยาเพนนซิ ลิ ลนิ จึงต้องรับประทานก่อน ค.ล้างมือใหส้ ะอาดก่อน และหลงั ท้าอาหาร อาหาร ง.ไมค่ วรไปในทสี่ าธารณะทีม่ ีคนอย่เู ปน็ จ้านวนมาก ก.ยาเพนนซิ ลิ ลินดูดซึมไดด้ ีที่ล้าไสเ้ ลก็ ข.ยาเพนนซิ ลิ ลนิ ดดู ซึมได้ดีในขณะท้องว่าง 39.การปรับเปลย่ี นพฤติกรรมสขุ ภาพท่ีมีผลต่อการ ค.ยาเพนนิซิลลนิ มีผลในการออกฤทธ์ทิ างปาก ป้องกนั โรค ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ง.ยาเพนนซิ ิลลนิ ดดู ซึมไดด้ เี มื่อรบั ประทานอาหาร ก.งดสูบบหุ ร่ี ตามลงไป ข.ลดความอว้ น ควบคมุ นา้ หนักกศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว ค.รบั ประทานยานอนหลับเม่ือมีอาการนอนไมห่ ลับ 43. การปฐมพยาบาลและให้ความชว่ ยเหลือผูท้ ไ่ี ดร้ บั ง.รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ พกั ผ่อนให้ อนั ตรายจากการใชย้ าเกินขนาด ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไร เพยี งพอ ก.นา้ ผ้ปู ่วยไปพบแพทย์ทนั ที ข.ใหด้ ม่ื น้าอัดลมทันทเี มือ่ พบอาการ 40.ข้อใดให้ความหมายของยาสมนุ ไพรได้ถูกตอ้ ง ค.ให้รับประทานผลไม้เปน็ อันดบั แรก ทีส่ ดุ ง.ใหด้ ื่มนมหรือน้าเย็น 4-5 แก้วจะช่วยใหพ้ ษิ ยาดดู ก.ยาท่ีใชบ้ า้ บดั โรค ซมึ นอ้ ยลง ข.ยาทไี่ ดจ้ ากพืชสมนุ ไพร ค.ยาท่ขี ึนทะเบยี นเป็นตา้ รับยาโบราณ 44.การใชย้ ารกั ษาโรคใหไ้ ดป้ ระสทิ ธภิ าพและ ง.ยาแผนปัจจุบนั ที่องค์การเภสัชกรรมผลิตโดยมี ปลอดภยั สูงสดุ ข้อใดแนะนา้ ได้ถกู ต้อง ฉลากยาก้าหนด ก.ถกู ขนาด คุณภาพสูง ราคาแพง มีความนยิ ม แพรห่ ลาย ข.ถูกขนาด ถูกวธิ ี ถกู เวลา ก่อนอาหาร – หลงั อาหาร ก่อนนอน ค.ถูกขนาด ประหยดั มคี วามนิยมแพรห่ ลาย กอ่ นอาหาร – หลังอาหาร ก่อนนอน
เก็งขอ้ สอบนักศกึ ษา กศน.กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว 34 ง.คณุ ภาพสงู ราคาแพง มีความนยิ มแพร่หลาย รายวิชา สุขศึกษา พลศึกษา รหสั วชิ า ทช 31002 กอ่ นอาหาร – หลังอาหาร ก่อนนอน 48.หน่วยงานใดทีท่ ้าใหม้ คี วามช่วยเหลอื เก่ยี วกับกบั 45.กา๊ ซคาร์บอนมอนนอกไซด์ในควนั บหุ รี่มีโทษ ปัญหาทางเพศ อย่างไรต่อรา่ งกาย ก.คลีนิคบริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ(คลนี ิคนริ นาม) ก.ทา้ ใหเ้ ปน็ มะเร็ง ข.หนว่ ยงานพิทกั ษส์ ิทธแิ รงงาน ข.ทา้ ใหผ้ นงั ถงุ ลมโป่งพอง ค.กรมคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพ ค.ท้าให้สมองขาดออกซเิ จน ง.กรมประชาสัมพนั ธ์ ง.ทา้ ให้หลอดลมอักเสบเรือรงั 49. การมเี พศสมั พนั ธใ์ นข้อใดถึงแม้มกี ารยนิ ยอมแต่ 46.ข้อคดิ ใดคือหน้าท่ีของตับออ่ น มีโทษและความผดิ ก.ผลติ นา้ ยอ่ ย ฮอร์โมนอนิ ซูลิน ก.หญงิ นันอายุไมเ่ กนิ 20ปี ข.ขับของเสียออกจากรา่ งกาย ข.หญงิ นนั อายไม่เกิน 13 ปี ค.เป็นแหล่งสะสมธาตุเหล็ก ค.หญงิ นนั อายุ 15 ปีขนึ ไป ง.ควบคุมคอเลสเตอรรอล ง.ภรรยาที่จะทะเบียนสมรส 47.สมองและไขสนั หลังเป็นส่วนที่อยใู่ นระบบ 50.ขอ้ ใดไมป่ ระโยชนข์ องการออกก้าลังกาย ประสาทสว่ นใด ก.กล้ามเนือสามารถแทนความเจบ็ ปวดไดด้ ี ก.ระบบประสาททสว่ นหน้า ข.หลอดเลือดมีความเหนยี วและยืดหยุ่นได้ ข.ระบบประสาทส่วนกลาง ค.ช่วยท้าใหอ้ ยากทานอาหารเพ่ิมมากขนึ ค.ระบบประสาทสว่ นปลาย ง.ปอดมีขนาดใหญ่และจไุ ด้มากขึน ง.ระบบประสาทตอนตน้
35 เก็งข้อสอบนักศกึ ษา กศน. รายวิชา สุขศกึ ษา พลศึกษา รหัสวิชา ทช 31002 เฉลย 4.ข 5.ง 1.ข 2.ค 3.ค 9.ข 10.ค 6.ง 7.ก 8.ก 14.ง 15.ง 11.ก 12.ก 13.ข 19.ก 20.ข 16.ข 17.ง 18.ข 24.ข 25.ก 21.ก 22.ก 23.ค 29.ค 30.ง 26.ง 27.ก 28.ง 34.ข 35.ง 31.ก 32.ค 33.ข 39.ง 40.ข 36.ก 37.ง 38.ข 44.ข 45.ข 41.ง 42.ข 43.ง 49.ข 50.ค 46.ก 47.ข 48.ก กศน. ํอาเภอเ ้กาเ ีล้ยว
คณะผจู้ ดั ทำ ทีป่ รึกษำ ผูอ้ านวยการ กศน.อาเภอเก้าเลยี้ ว นางศิรพิ ร สดุ เลก็ ครูผชู้ ว่ ย ครูผ้ชู ว่ ย คณะทำงำน นายชุษณะ พูลสมบัติ ผู้รวบรวมเรยี บเรียงและจดั พมิ พ์ นายชุษณะ พูลสมบัติ กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว
กศน.อําเภอเ ้กาเ ีล้ยว – สรปุ เนอ้ื หา+เกง็ ขอ้ สอบ สาหรับนกั ศกึ ษา กศน. เกง็ ตรงเนอ้ื หาทอ่ี อกสอบ โดย ครู กศน.
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: