Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารสรุปเนื้อหาที่ต้องรู้และเก็งข้อสอบวิชาลูกเสือ กศน. รหัสวิชา สค 32035

เอกสารสรุปเนื้อหาที่ต้องรู้และเก็งข้อสอบวิชาลูกเสือ กศน. รหัสวิชา สค 32035

Published by natkrit.golf, 2021-08-23 05:35:34

Description: เอกสารสรุปเนื้อหาที่ต้องรู้และเก็งข้อสอบวิชาลูกเสือ กศน. รหัสวิชา สค 32035

Search

Read the Text Version

กศน.อำเภอเก้ำเลย้ี ว – เก็งตรงเนือ้ หาทอี่ อกสอบ โดย ครู กศน. : ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

เอกสารสรุปเนื้อหาที่ตอ้ งรู้และเกง็ ข้อสอบ รายวิชา ลกู เสอื กศน ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย รหัสวชิ า สค 3๒0๓๕ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเก้าเลี้ยว สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวัดนครสวรรค์ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ก คานา กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายยกระดับคุณภาพการศึกษาทุกระดับการศึกษา สานักงาน กศน. ในฐานะผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกระบบ โรงเรียน โดยใช้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ในการจัดการศึกษาให้กับ กลุ่มเป้าหมายดังกล่าว และเพ่ือเป็นการตอบสนองนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการใน การยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน กศน. หลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ให้สูงข้ึน ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอเก้าเลยี้ ว จึงได้จดั ทา สรุปเน้ือหาท่ีต้องรู้และเก็งข้อสอบ ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนเข้าถึงส่ือได้สะดวก รวดเร็ว อันจะส่งผลให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ดขี ้ึน สรุปเน้ือหาที่ต้องรู้ มีเน้ือหามาจากการนาหนังสือเรียนของสานักงาน กศน. มาสรุปเน้ือหา ประเด็น สาคัญทสี่ อดคล้องตามผงั การออกขอ้ สอบในแตล่ ะรายวชิ าของ สานกั งาน กศน. เก็งข้อสอบ จัดทาขึ้นสาหรับนักศึกษา กศน.ใช้เป็นคู่มือในการเตรียมตัวสอบเก็บคะแนน สอบกลาง ภาค และสอบปลายภาค รวมท้ังใช้เป็นคู่มือในการเตรียมตัวสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-Net) ตรงตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือประเมินความพร้อมของนักศึกษา ก่อนสอบจริง นอกจากนี้นักศึกษายังได้ทบทวนเน้ือหาเพ่ือเป็นการเสริมสร้างความรู้ เพ่ิมพูนความเข้าใจและ ประสบการณ์ ทาให้นกั ศึกษาเกิดความม่นั ใจและพร้อมท่ีจะนาไปประยุกต์ใช้เพ่ือการสอบจริงได้อกี ด้วย ทั้งน้ี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเก้าเลี้ยว หวังเป็นอย่างย่ิงว่าจะเป็น ประโยชน์กับผู้เรียน กศน. หลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ตาม สมควร จึงขอขอบคุณ กลุ่มพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ผู้อานวยการ และ ครูผู้สอน และ ผูเ้ กี่ยวขอ้ ง มา ณ โอกาสน้ี กศน.อาเภอเกา้ เล้ยี ว พ.ศ.2564

สารบญั ข คานา หนา้ สารบญั คาแนะนาการใช้เอกสารสรปุ เนือ้ หาและเก็งขอ้ สอบท่ตี อ้ งรู้ ก หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 แผนที่ เขม็ ทิศ ข หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การใช้ Google Map ค หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ ความปลอดภัยในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลูกเสือ ข้อสอบ เฉลย

ค คาแนะนาการใชเ้ อกสาร หนงั สือสรปุ เน้อื หาทต่ี ้องรู้และเก็งข้อสอบ รายวิชา ลกู เสือ กศน เลม่ น้ี เป็นการสรุปเนือ้ หาจากหนังสือ เรียน กศน.รายวิชา ลูกเสือ กศน สค๓๒๐๓๕ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2554) โดยสรุปเน้ือหาที่ต้องรู้ มีเน้ือหา มาจากการนาหนังสือเรียนของสานักงาน กศน. มาสรุปเน้ือหา ประเด็นสาคัญที่สอดคล้องตามผังการออก ข้อสอบในแต่ละรายวิชาของสานักงาน กศน. และเก็งข้อสอบ จัดทาขึ้นสาหรับนักศึกษา กศน.ใช้เป็นคู่มือใน การเตรียมตัวสอบเก็บคะแนน สอบกลางภาค และสอบปลายภาค รวมทั้งใช้เป็นคู่มือในการเตรียมตัวสอบวัด ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-Net) ตรงตามมาตรฐานและตัวช้ีวัดหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อประเมินความพร้อมของนักศึกษาก่อนสอบจริง นอกจากนี้นักศึกษายังได้ทบทวนเนื้อหาเพ่ือเป็นการ เสริมสร้างความรู้ เพ่ิมพูนความเข้าใจและประสบการณ์ ทาให้นักศึกษาเกิดความมั่นใจและพร้อมท่ีจะนาไป ประยกุ ตใ์ ช้เพ่ือการสอบจริง เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และทาความเข้าใจในเน้ือหาสาระและเก็งข้อสอบของรายวิชาลูกเสือ กศน. รหัสวิชา สค 3๒0๓๕ ท่ีสาคัญ ๆ ได้สะดวกและสามารถเข้าใจยิ่งขึ้น ในการศึกษาสรุปเน้ือหาที่ต้องรู้และเก็งข้อสอบ เลม่ นี้ นักศึกษาควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. ศึกษาเน้ือหาสาระของหนังสือสรุปเน้ือหาท่ีต้องรู้หนังสือเรียนรายวิชาลูกเสือ กศน. รหัสวิชา สค 3๒0๓๕ ใหเ้ ข้าใจ 2.เมื่อศกึ ษาเนือ้ หาต้องรู้เขา้ ใจแลว้ ฝึกทาข้อสอบและตรวจคาตอบจากเฉลย 3. หากนักศึกษาต้องการศึกษารายละเอียดเนื้อหาสาระรายวิชารายวิชาลูกเสือ กศน. รหัสวิชา สค 3๒0๓๕ เพิ่มเติมสามารถศึกษาค้นคว้าได้จากสื่ออ่ืน ๆ ใน กศน.ตาบล ห้องสมุดประชาชน อินเทอร์เน็ต หรือครูผู้สอน

สรปุ เนือ้ หาที่ต้องรู้ สาหรบั นักศึกษา กศน

- หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง แผนท่ี – เข็มทิศ 1.1 ความหมาย และความสาคัญของแผนท่ี แผนท่ี คือ ส่ิงที่แสดงรายละเอยี ดของภมู ิประเทศบนพ้นื ผวิ โลกท้ังทมี่ ีอยู่ ตามธรรมชาติและท่มี นษุ ย์ สรา้ งข้ึน โดยจาลองไวบ้ นวตั ถุพนื้ ราบดว้ ยมาตราสว่ นใดมาตราส่วนหนง่ึ ซ่ึงรายละเอียดเหลา่ นีอ้ าจแสดงดว้ ย เส้น สี และสัญลกั ษณต์ า่ ง ๆ เชน่ สที ี่ใชใ้ นแผนท่ี ทางภูมิศาสตร์ ไดแ้ ก่ สนี ้าเงินแก่ แสดงถงึ ทะเล มหาสมุทรท่ลี กึ มาก สฟี า้ ออ่ น แสดงถงึ เขตน้าต้นื หรือไหล่ทวีป สเี ขยี ว แสดงถึง ทรี่ าบระดบั ต่า สีเหลือง แสดงถึง ทรี่ าบระดับสงู สีแสด แสดงถงึ ภูเขาทีส่ ูงปานกลาง สีแดง แสดงถึง ภเู ขาทสี่ งู มาก สนี ้าตาล แสดงถงึ ยอดเขาท่ีสูงมาก ๆ สขี าว แสดงถงึ ยอดเขาทส่ี ูงจนมหี ิมะปกคลุม สีทใ่ี ชใ้ นแผนทที่ ัว่ ไป ไดแ้ ก่ สีดา ใชแ้ ทนรายละเอยี ดทเ่ี กิดจากแรงงานมนุษย์ ยกเว้นถนน สแี ดง ใชแ้ ทนรายละเอียดที่เป็นถนน สนี า้ เงนิ ใช้แทนรายละเอยี ดท่ีเปน็ น้าหรอื ทางน้า เช่น ทะเล แมน่ ้า สีเขยี ว ใช้แทนรายละเอียดท่ีเป็นปา่ ไม้ และบรเิ วณท่ที าการเพาะปลูก สีน้าตาล ใช้แทนลกั ษณะทรวดทรงความสูง ความสาคญั ของแผนท่ี 1. ใช้เป็นเครือ่ งมือประกอบกิจกรรมการเดนิ ทางไกลของลูกเสอื โดยแผนท่จี ะให้ข้อมลู เบือ้ งตน้ ของพิกดั ทิศทางและตาแหนง่ ของสถานทใี่ นการเดินทางในเบื้องตน้ ที่ชดั เจนขึน้ 2. แผนทจ่ี ะช่วยให้เข้าใจถึงข้อมลู พน้ื ฐานของสภาพลักษณะภูมิประเทศเบื้องต้นของสถานที่ในแตล่ ะแห่ง ชว่ ย ใหส้ ามารถวางแผนในการเดนิ ทางได้อย่างเหมาะสม 3. ความเขา้ ใจในชนดิ ของแผนท่ี จะชว่ ยใหร้ ูจ้ กั ทจ่ี ะเลือกใชป้ ระโยชน์จากแผนทีใ่ นแต่ละชนดิ ได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสม ชนดิ ของแผนท่ี แผนท่ีโดยทั่วไป แบง่ ออกเปน็ 3 ชนิด 1) แผนท่แี บนราบ แสดงพื้นผิวโลก ความสงู ตา่ ใชแ้ สดงตาแหนง่ ระยะทาง และเสน้ ทาง

2) แผนทภ่ี ูมปิ ระเทศ แสดงพ้ืนผิวโลกในทางราบ ไม่แสดงความสงู ตา่ ละเอียดกวา่ และใช้ประโยชน์ไดม้ ากกวา่ แผนที่ แบนราบ 3) แผนที่ภาพถ่าย ทาขน้ึ จากภาพถ่ายทางอากาศ มีความละเอียดและความถกู ต้องมากกว่าแผนทชี่ นิดอ่ืน มาก สามารถมองเห็นส่งิ ตา่ ง ๆ ตามธรรมชาติ และสง่ิ ท่ีมนุษยส์ รา้ งขึ้นอย่างชดั เจน นอกจากนีย้ ังแบ่งชนดิ ของ แผนท่ตี ามลกั ษณะการใช้งาน ตัวอย่าง เชน่ (1) แผนทท่ี ่ัวไป เช่น แผนท่ีโลก แผนที่ประเทศตา่ ง ๆ (2) แผนทท่ี รวดทรงหรือแผนทนี่ ูน แสดงความสูงตา่ ของภูมิประเทศ (3) แผนที่ทหาร เปน็ แผนทย่ี ุทธศาสตร์ ยุทธวิธี (4) แผนที่เดินอากาศ ใช้สาหรับการบิน เพ่ือบอกตาแหน่ง และทิศทาง ของเคร่ืองบนิ (5) แผนทเี่ ดินเรือ ใช้ในการเดินเรอื แสดงสนั ดอน ความลกึ แนวปะการงั (6) แผนทป่ี ระวตั ิศาสตร์ แสดงอาณาเขตยคุ และสมัยต่าง ๆ (7) แผนที่การขนส่ง แสดงการคมนาคมทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ฯลฯ สัญลกั ษณใ์ นแผนท่ี สัญลกั ษณ์ (SYMBOL) เป็นเครือ่ งหมายที่ใชแ้ ทนรายละเอียดต่าง ๆ ทป่ี รากฏอยู่บนพ้ืนผิวโลก ฉะน้ัน เมื่ออ่าน แผนทจ่ี งึ ควรตรวจดูเครอ่ื งหมายแผนท่ีก่อนเสมอ ทั้งน้ีเพื่อจะป้องกันมิให้ตคี วามหมายสญั ลกั ษณต์ ่าง ๆ ผิดพลาดได้ ในแผนท่ีชดุ L 7017 จะแสดงสญั ลักษณ์ 3 ประเภท คอื สญั ลกั ษณเ์ ป็นจดุ (POINT SYMBOL) ก. สญั ลกั ษณร์ ปู ทรงเรขาคณิต เชน่ วดั โรงเรียน ศาลาท่ีพัก ท่ีตง้ั จังหวัด ฯลฯ ทต่ี ั้งจงั หวดั อาเภอ วัดมีโบสถ์ ไม่มีโบสถ์ สานกั ; ศาลาทีพ่ ัก

เจดีย์พระปรางค์หรือสถปู -๓- โบสถค์ ริสต์ศาสนา ศาลเจา้ หรือศาลเทพารักษ์; โบสถ์มสุ ลิม โรงเรยี น บอ่ น้า ทิศเหนือ ทศิ ตะวันออก ทิศใต้ ทศิ ตะวันตก แผนทีส่ ังเขปของลูกเสือ “แผนท่สี งั เขป” คือ แผนท่หี รอื รปู ภาพแผนท่ี หรือเสน้ ทางในการเดินทาง แสดงรายละเอยี ดตา่ ง ๆ ตามความ ต้องการ แผนทสี่ งั เขปนจ้ี ะให้ความละเอียดถูกต้องพอประมาณเทา่ นั้น แผนท่ีสงั เขปของลกู เสือ จะแสดงลักษณะภูมิประเทศทเี่ ด่นชดั ที่อย่บู รเิ วณใกลเ้ คียงกบั เสน้ ทาง สิ่งจาเปน็ ใน การทาแผนท่สี ังเขป คือ ต้องใชเ้ ข็มทศิ เปน็ และรรู้ ะยะก้าวของตน โดยทว่ั ไปคนปกติจะมีความยาว 1 กา้ ว เทา่ กบั 75 เซนติเมตร เดินได้นาทลี ะ 116 กา้ ว เดินได้ชวั่ โมงละ 4 กิโลเมตรโดยประมาณ การอา่ นแผนที่

วางแผนทใี่ นแนวราบบนพนื้ ที่ไดร้ ะดบั ทิศเหนือของแผนทชี่ ี้ไปทางทิศเหนือ จัดใหแ้ นวต่าง ๆ ในแผนทข่ี นาน กับแนวท่เี ป็นจรงิ ในภมู ปิ ระเทศทกุ แนว 1.2 ความหมาย และความสาคญั ของเข็มทิศ ความหมายของเข็มทิศ เข็มทศิ คือ เคร่ืองมอื สาหรับใช้หาทิศทางหรือบอกทิศทางในแผนที่ ความสาคญั ของเข็มทิศ เขม็ ทิศ มคี วามสาคญั ในการบอกทิศทส่ี าคัญทงั้ 4 ทศิ คอื ทศิ เหนือ ทศิ ใต้ ทิศตะวนั ออก และทิศ ตะวนั ตก หรืออาจจะบอกรายละเอียดเปน็ 8 ทิศ 16 ทิศ หรอื 32 ทศิ กไ็ ด้ ในกรณีการเดินทางไกลของลกู เสอื เข็มทิศเป็นอปุ กรณ์ที่สาคญั ในการบอกทิศทางไปสู่จุดหมายปลายทาง หากกรณหี ลงปา่ หรอื หลงทาง ลกู เสือ สามารถแจง้ พกิ ัดใหผ้ ชู้ ่วยเหลอื ได้ การหาทิศ วางเขม็ ทิศในแนวระนาบ ปลายเขม็ ทศิ ข้างหนึง่ จะชไี้ ปทางทศิ เหนือค่อย ๆ หมนุ หน้าปัดของเข็ม ทิศให้ตาแหน่งตัวเลข หรืออกั ษรทบ่ี อกทิศเหนือบนหนา้ ปัดตรงกบั ปลายเหนอื ของเข็มทิศ เมื่อปรับเขม็ ตรงกบั ทิศเหนอื แลว้ จะสามารถอ่านทิศต่าง ๆ ได้อย่างถูกตอ้ งจากหน้าปดั เขม็ ทิศ ลกู เสือสามารถนาเขม็ ทิศไปใชใ้ นกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การเดนิ ทางไกล การสารวจปา่ การผจญ ภัย การสารวจและการเยอื นสถานท่ี เป็นตน้ เมื่อเร่ิมออกเดินทาง ลกู เสอื ควรหาทิศที่จะมุ่งหน้าไปใหท้ ราบ กอ่ นว่าเปน็ ทิศใด เม่ือเกดิ หลงทศิ หรอื หลงทางจะสามารถ หาทิศทางต่าง ๆ จากเขม็ ทิศได้ ขอ้ ควรระวงั ในการใช้เข็มทิศ 1. จับถอื ดว้ ยความระมัดระวงั เพราะหนา้ ปัดและเขม็ บอบบาง อ่อนไหวงา่ ย 2. อยา่ ให้ตก แรงกระเทือนทาให้เสยี ได้ 3. ไม่ควรอา่ นเข็มทิศใกล้สง่ิ ท่ีเปน็ แมเ่ หล็กหรือวงจรไฟฟา้ 4. อยา่ ให้เปยี กน้าจนขนึ้ สนมิ 5. อย่าใหใ้ กล้ความร้อนเขม็ ทิศจะบดิ งอ การใช้แผนท่แี ละเขม็ ทิศเดินทางไกล 1. ยกเข็มทิศให้ได้ระดับ 2. ปรับมมุ อะซิมุทใหเ้ ทา่ กับมุม 3. เลง็ ตามแนวลูกศรชที้ ศิ ทาง เปน็ เสน้ ทางทีจ่ ะเดินไป 4. เดนิ ไปเทา่ กับระยะทางที่กาหนดในแผนที่

วธิ ีการใชแ้ ผนท่ี – เขม็ ทิศ 2.1 วธิ ีการใช้แผนที่ วางแผนท่ีในแนวราบบนพน้ื ท่ีได้ระดบั ทศิ เหนือของแผนที่ชี้ไปทางทิศเหนือ จัดให้แนวต่าง ๆ ในแผนท่ีขนาดกบั แนวทเี่ ป็นจรงิ ในภูมปิ ระเทศทกุ แนว 2.2 วธิ ีการใชเ้ ขม็ ทศิ เขม็ ทิศมหี ลายชนดิ เชน่ เข็มทศิ ตลับธรรมดา เขม็ ทิศข้อมือ เข็มทิศแบบเลน ซาตกิ (Lensatic) และเขม็ ทิศแบบซลิ วา (Silva) เข็มทิศที่ใช้ในทางการลูกเสือ คือ เข็มทิศแบบ ซิลวา ของสวเี ดน เป็นเข็มทิศ และไมโ้ ปรแทรกเตอร์รวมอยู่ด้วยกัน ทั่วโลกนยิ มใช้มาก ใช้ประกอบแผนที่และ หาทศิ ทางไดด้ เี หมาะสมกับลูกเสอื เพราะใชง้ า่ ยและสะดวก สว่ นประกอบของเข็มทิศแบบซลิ วา 1.แผน่ ฐานทาดว้ ยวัสดุโปรง่ ใส 2. ที่ขอบฐานมีมาตราสว่ นเป็นนิว้ หรือเซนตเิ มตร 3. มลี ูกศรชีท้ ิศทางที่จะไป 4. เลนส์ขยาย 5. ตลับเขม็ ทิศเปน็ วงกลมหมนุ ไปมาได้ บนกรอบหน้าปัดของตลับเขม็ ทศิ แบ่งมมุ ออก เป็น 360 องศา 6. ภายในตลับเขม็ ทิศตรงกลางมเี ขม็ แม่เหลก็ สแี ดง ซ่ึงจะชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ 7. ตาแหนง่ สาหรบั ตั้งมุมและอ่านค่าของมุมอยู่ตรงปลายลูกศรช้ที ิศทาง -๖-

การใช้เขม็ ทศิ ซิลวา 1. กรณที ราบค่าหรอื บอกมุมอะซิมทุ มาให้และต้องการรู้วา่ จะตอ้ งเดินไปทางทิศใด สมมตวิ ่า บอกมุมอะซิมุทมาให้ 60 องศา ให้ปฏบิ ตั ดิ งั นี้ (1) วางเข็มทิศบนฝา่ มือหรือสมุด ปกแข็งในแนวระดับ หันลกู ศรชท้ี ิศทางออกนอกตัว โดยใหเ้ ข็มแมเ่ หล็กแกวง่ ไปมาได้อิสระ (2) หมนุ กรอบหน้าปดั ของตลับเขม็ ทิศ ให้เลข 60 อยู่ตรงตาแหนง่ สาหรับตั้งมุม (ปลายลูกศรช้ีทศิ ทาง) (3) หมุนตัวจนกวา่ เขม็ แม่เหลก็ สีแดงภายในตลับเข็มทศิ ตรงกับอักษร N บนกรอบหน้าปัด ดงั รูป (4) ดูลกู ศรช้ีทศิ ทางวา่ ชไ้ี ปทางทิศใดกเ็ ดนิ ไปตามทิศทางน้ัน ซ่ึงเปน็ มุม 60 องศา ในการเดินไปตามทิศทาง ท่ีลูกศรช้ไี ปน้ันให้มองหาจุดเด่นในภูมปิ ระเทศท่ีอยูต่ รงทิศทางท่ลี กู ศรช้ีไป เชน่ ต้นไม้ ก้อนหนิ โบสถ์ เสารวั้ ฯลฯ เปน็ หลกั แล้วเดินตรงไปยังสง่ิ นน้ั การจับเขม็ ทิศ ลูกศรก้างปลา ปลายเขม็ ชต้ี ัว N (N หมายถึง ทิศเหนอื )

เข็มแมเ่ หล็ก หมุนแกวง่ ตวั ไปรอบ ๆ ภายในตลบั วงกลมเม่ือเข็มแมเ่ หล็กหมุนไปทับลกู ศรกา้ งปลาจึงจะสามารถอ่านค่ามุม ได้ การกาหนดเป้าหมายและหามุม ขั้นตอนที่ 1 ขน้ั ตอนที่ 2 เล็งลูกศรชที้ างไปที่เป้าหมายท่สี ามารถ ใช้ปลายน้วิ มอื จบั เลนสก์ ลมหมุนใหเ้ ข็ม มองเห็นได้ง่าย แม่เหลก็ ทบั เข็มก้างปลา ค่ามุมอ่านได้ เท่ากบั 220 การอา่ นรายละเอียดของเข็มทิศซลิ วา ตาแหนง่ ท่ี 1 เข็มลกู ศรชที้ าง ตาแหนง่ ที่ 2 เลนสข์ ยาย

ตาแหน่งที่ 3 หนา้ ปดั วงกลม แบง่ มุมออกเปน็ 360 องศา ข้อควรระวงั ในการใช้เข็มทิศซลิ วา ควรจบั ถือด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรอ่านเข็มทิศใกลก้ บั สง่ิ ท่เี ปน็ แมเ่ หลก็ หรือวงจรไฟฟา้ ควรคานึงถึงระยะความปลอดภัยโดยประมาณ ดงั นี้ สายไฟแรงสูง 50 หลา สายโทรศพั ท์ โทรเลข 10 หลา รถยนต์ 20 หลา วสั ดทุ ี่เป็นแร่เหลก็ 5 หลา การใช้แผนทีแ่ ละเข็มทิศเดนิ ทางไกล 1. ยกเข็มทิศใหไ้ ด้ระดบั 2. ปรบั มุมอะซมิ ุทให้เท่ากบั มุมท่ีกาหนดในแผนท่ี 3. เลง็ ตามแนวลกู ศรชท้ี ศิ ทาง เป็นเส้นทางทจ่ี ะเดนิ ไป 4. เดินไปเท่ากับระยะทางทก่ี าหนดในแผนที่ การใช้เข็มทศิ ในทกี่ ลางแจง้

การหาทศิ วางเขม็ ทศิ ในแนวระนาบ ปลายเขม็ ทิศข้างหนง่ึ จะช้ีไปทางทิศเหนอื คอ่ ย ๆ หมนุ หน้าปัดของเข็มทิศ ให้ตาแหน่งตวั เลขหรอื อักษรทบ่ี อกทิศเหนือบนหนา้ ปัดตรงกับปลายเหนือของเข็มทศิ เมื่อปรับเข็มตรงกบั ทิศ เหนอื แลว้ จะสามารถอ่านทศิ ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องจากหน้าปัดเขม็ ทิศ ลกู เสอื สามารถนาเขม็ ทิศไปใชใ้ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ ได้ เชน่ การเดนิ ทางไกล การสารวจปา่ การผจญ ภัย การสารวจและการเยอื นสถานที่ เป็นต้น เม่อื เริม่ ออกเดนิ ทาง ลกู เสือควรหาทิศทจ่ี ะมุ่งหน้าไปให้ทราบก่อนวา่ เปน็ ทศิ ใด เม่ือเกิดหลงทศิ หรือหลงทางจะสามารถหาทศิ ทางตา่ ง ๆ จากเข็มทศิ ได้ ตัวอยา่ ง กรณีบอกมุมอะซิมุทมาให้และต้องการรู้ว่าจะต้องเดนิ ทางไปทศิ ทางใด สมมติว่ามุมอะซิมทุ 60 องศา 1. วางเข็มทศิ ในแนวระดับให้เข็มแม่เหล็กหมนุ ไปมาไดอ้ ิสระ 2. หมุนกรอบหน้าปัดของตลับเข็มทิศให้เลข 60 อยูต่ รงขีดตาแหนง่ ตง้ั มุม 3. หนั ตวั เขม็ ทิศทั้งฐานไปจนกวา่ เขม็ แมเ่ หล็กสแี ดงภายในตลับเข็มทิศช้ีตรงกับอักษร N บนกรอบหนา้ ปดั ทบั สนิทกบั เครื่องหมายหวั ลกู ศรท่พี มิ พ์ไว้ 4. เมอื่ ลกู ศรชที้ ิศทางช้ีไปทิศใด ให้เดนิ ไปตามทศิ ทางน้ัน โดยเล็งหาจุดเด่นที่อยู่ในแนวลกู ศรชีท้ ิศทางเปน็ หลกั แล้วเดนิ ตรงไปยงั สง่ิ นัน้ กรณีทจี่ ะหาค่าของมุมอะซิมุทจากตาบลทเี่ รายนื อยู่ ไปยังตาบลที่เราจะเดนิ ทางไป 1. วางเข็มทิศในแนวระดบั ให้เขม็ แม่เหล็กหมนุ ไปมาได้อิสระ 2. หันลกู ศรชีท้ ศิ ทางไปยังจุดหรือตาแหนง่ ที่เราจะเดินทางไป 3. หมุนกรอบหนา้ ปัดเขม็ ทิศไปจนกว่าอักษร N บนกรอบหน้าปัดอยู่ตรงปลายเขม็ แม่เหลก็ สีแดงในตลับเขม็ ทิศ

4) ตวั เลขบนกรอบหนา้ ปดั จะอยู่ตรงขีดตาแหน่งสาหรบั ต้ังมมุ และอา่ นค่ามุม คอื ค่าของมมุ ท่เี ราต้องการทราบ การวัดทศิ ทางบนแผนที่โดยการใช้เข็มทิศ 1. อันดบั แรกต้องวางแผนทใ่ี หถ้ กู ทิศ 2. ใชด้ นิ สอลากเส้นตรงจากจุดท่เี ราอยู่บนแผนที่ (จดุ A) ไปยังจุดทจี่ ะต้องเดินทางไป (คอื จดุ B) 3. วางขอบฐานดา้ นยาวของเข็มทศิ ขนานพอดีกบั เสน้ ตรงท่ีใช้ดนิ สอลากไว้ (แนวเสน้ A -B) โดยให้ลูกศรช้ี ทิศทางช้ีไปทางจุด B ดว้ ย 4. หมุนตวั เรือนเขม็ ทิศบนเข็มทิศไปจนกวา่ ปลายเข็มแมเ่ หล็กสแี ดงตรงกับตวั อักษร N บนกรอบตวั เรือนเขม็ ทศิ 5. ตัวเลขทีอ่ ยตู่ รงขีดตาแหน่งตั้งมุมและอา่ นคา่ มุม คอื มุมท่ีเราจะต้องเดนิ ทางไป (ในภาพคือมุม 60 องศา) ขอ้ ควรระวังในการใชเ้ ขม็ ทิศ 1. จบั ถือด้วยความระมดั ระวงั เพราะหนา้ ปดั และเขม็ บอบบาง อ่อนไหวงา่ ย 2. อยา่ ให้ตก แรงกระเทอื นทาให้เสยี ได้ 3. ไมค่ วรอา่ นเข็มทิศใกล้สง่ิ ที่เปน็ แมเ่ หลก็ หรอื วงจรไฟฟ้า 4. อย่าใหเ้ ปยี กนา้ จนขนึ้ สนิม 5. อยา่ ให้ใกล้ความรอ้ นเขม็ ทิศจะบดิ งอ

หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ เรอื่ ง การใช้ Google Map เรื่องท่ี 3 การใช้ Google Map การใช้ Google map เปน็ บริการเก่ยี วกบั แผนท่ี ผ่านเวบ็ บราวเซอร์ของบริษัท Google ซง่ึ สามารถเปิดผ่าน เครือ่ งคอมพวิ เตอรห์ รอื สมาร์ทโฟน ทเี่ ชือ่ มต่อกบั ระบบอินเทอร์เน็ต Google Map เปน็ แผนท่ีท่ีผู้ใชส้ ามารถ ซมู เขา้ -ออกเพื่อดูรายละเอยี ดได้ สามารถคน้ หาชอื่ สถานท่ี ถนน ตาบล อาเภอ จังหวดั ได้ ช่วยอานวยความ สะดวกในการเดินทาง สามารถมองไดห้ ลายมุมมอง เช่น -มมุ มอง Map ดใู นลกั ษณะแผนที่ท่ัวไป -มมุ มอง Satellite ดูในลักษณะแผนท่ีดาวเทยี ม ดูท่ีตงั้ ของสถานทต่ี า่ ง ๆ จากภาพถ่ายทางอากาศ -มมุ มอง Hybrid ดใู นลกั ษณะผสมระหว่างมมุ มอง Maps และ Satellite - มมุ มอง Terrain ดูในลกั ษณะภูมิประเทศ -มุมมอง Earth ดูแบบลูกโลก วธิ ีค้นหาเป้าหมายทีก่ าหนดจาก Google Map ข้นั ตอนการใชง้ าน 1. สามารถเขา้ ใช้งานได้จากหนา้ แรกของ Google.com โดยคลิกที่แผนท่ี ดังรู 2. เมอื่ เข้าส่แู ผนที่ Google map แลว้ สามารถคน้ หาพนื้ ที่ทต่ี อ้ งการจากช่ือสามญั หรือชื่อที่รูจ้ ักกันโดยท่ัวไปได้ ทีเ่ ครอื่ งมือคน้ หาของ Google map

3. หรือสามารถค้นหาไดโ้ ดยการขยาย ย่อ และเล่ือนแผนที่ไปยงั พนื้ ท่ีที่ตอ้ งการ 4. และเมอ่ื ค้นพบจุดที่ต้องการทราบพิกัดแล้ว ให้คลกิ ขวายังจุดน้ันและเลอื กใช้คาสั่ง “น่คี อื อะไร”

5. พิกดั ของจุดนัน้ จะปรากฏออกมาดงั ภาพ การใช้ Google Earth Google Earth เปน็ โปรแกรมท่ีใชบ้ รกิ ารภาพถ่ายดาวเทยี มทีม่ คี วามละเอียดสูงแล้วนามาสร้างเป็นแผน ท่ี 3 มติ ิจากทกุ สถานท่ที ั่วโลก เพอ่ื ให้บริการแก่สาธารณชน โดยสามารถแสดงสถานที่ตา่ ง ๆ ไม่เว้นแม้กระท่งั สถานทที่ ่ีเป็นความลบั ทางยุทธศาสตร์ บอกถึงเมืองสาคัญที่ต้งั สาคัญ สามารถขยายภาพจากโลกทัง้ ใบไปสู่ ประเทศ และลงไปถึงวตั ถเุ ล็ก เชน่ ถนน ตรอกซอย รถยนต์ บ้านคน และเปน็ การทางานแบบออนไลน์ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ของประเทศ ตา่ ง ๆ Google Earth ก็สามารถแสดงภาพถา่ ยดาวเทยี มที่มีความละเอยี ดคอ่ นข้างสงู เหมือนเราได้เข้าไปยืน อยู่ ณ ทีน่ ัน้ ๆ เลย การทางานของ Google Earth เริม่ ต้นท่นี าภาพถา่ ยทางอากาศและภาพจากดาวเทียมมา ผสมผสานกบั เทคโนโลยี streaming แล้วเชือ่ มโยงข้อมูลจากฐานขอ้ มลู ของ Googleเพื่อนาเราไปยงั จดุ ตา่ ง ๆ

ท่ตี ้องการบนแผนทีโ่ ลกดิจิทลั แผนทน่ี ีเ้ กิดจากการสะสมภาพหลาย ๆ ภาพจากหลาย ๆ แหลง่ ขอ้ มลู และจาก ดาวเทียมหลายดวง แล้วนามาปะตดิ ปะตอ่ กันเสมือนกบั วา่ เปน็ ผืนเดยี วกนั หลังจากปะติดปะต่อเสร็จแลว้ Google ไดน้ าข้อมลู อื่น ๆ มาซ้อนทบั อีกช้นั หนึง่ ซึ่งแต่ละชั้นก็จะแสดงรายละเอยี ดต่าง ๆ เช่น ทตี่ ้ัง โรงพยาบาล สถานีตารวจ สนามบิน รวมทัง้ สถานท่สี าคญั อื่น ๆ ทง้ั น้ี เครือ่ งมือทนี่ ามาใช้สร้างข้อมลู การ แสดงผลข้อมลู ทัง้ แบบจุด แบบลายเส้นหรือแบบรูปหลายเหลีย่ ม สรา้ งข้นึ มาจากเคร่ืองมือ ชอื่ วา่ Keyhole Markup Language (KML)และหลังจากซ้อนทบั ขอ้ มูล จดั ข้อมูลเสร็จแล้ว Google จะจัดเกบ็ ข้อมูลที่ไดใ้ น รูปแบบของไฟล์KML Zip (KMZ) ซึ่งจะบบี อัดข้อมลู ไฟล์ใหเ้ ล็กลง เพือ่ ใหบ้ รกิ ารแก่ผู้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Client/Sever ที่งา่ ยต่อการดาวน์โหลดไปใช้งานประโยชนข์ องโปรแกรม Google Earth เปน็ โปรแกรมท่ี สามารถดูแผนที่ได้ทุกมุมโลก ประหน่ึงวา่ เราเป็นผคู้ วบคุมและขบั เคล่ือนดาวเทยี มเอง ประโยชน์โดยตรงที่ ได้รับคือ ได้ความรูท้ างภมู ิศาสตร์ ขอ้ มลู เร่ืองการท่องเท่ียว การเดินทาง การจราจร ดา้ นทีพ่ ัก เป็นต้นการ ค้นหาเปา้ หมายที่กาหนดจากโปรแกรม Google Map หรือ Google Earth ทาไดโ้ ดยการพมิ พ์ชื่อสถานที่ สาคัญลงไปในช่องค้นหา สถานทีส่ าคัญอาจระบชุ ่ือสถานท่ี หม่บู ้าน ตาบล อาเภอ จงั หวัด เชน่ การค้นหา ตาแหนง่ วัดศรชี ุม ในอุทยานประวัตศิ าสตรส์ ุโขทัย โดยใช้ Google Earth 1) เปิดโปรแกรม Google Earth จากสมาร์ทโฟน จะปรากฏหน้าจอดังภาพ 2) แตะทเ่ี คร่อื งหมายคน้ หา (รูปแว่นขยาย) พิมพ์คาว่า “วัดศรีชมุ ” หน้าจอจะเปน็ ดงั ภาพ

3) กดเลอื กวดั ศรีชมุ อุทยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั จะปรากฏดงั ภาพ ซง่ึ ผู้ใชส้ ามารถ ขยายดภู าพทางอากาศได้โดยละเอยี ด การใชม้ มุ มอง 3D และมมุ มอง Street View บน Google Earth ถ้าสงั เกตตรงมมุ ด้านลา่ งซา้ ยล่างของจอสมาร์ทโฟน จะมีเมนสู าคญั ดังภาพ

ปมุ่ มุมมอง 3D เป็นเมนูที่ใชด้ ูภาพทางอากาศในลกั ษณะ 3 มติ ิ เสมือนมองจากดา้ นบนทามมุ เฉยี งลงมาขา้ งลา่ ง ป่มุ มุมมอง Street View เป็นเมนทู ใ่ี ชด้ ภู าพถา่ ยสถานที่จริงของที่แหง่ น้นั (เป็นภาพท่โี ปรแกรมบันทึกไว้อาจ ไมใ่ ชภ่ าพปจั จุบัน) เมื่อแตะจะปรากฏเส้นสีน้าเงิน (หากไม่มเี สน้ สีน้าเงนิ ปรากฏขึ้นแสดงวา่ ไมม่ ภี าพถา่ ยของ สถานที่น้นั )เมอ่ื แตะตรงตาแหนง่ ใดของแผนท่ี โปรแกรมจะนาผใู้ ชเ้ ข้าไปยังสถานท่ีแหง่ นั้น เสมอื นวา่ กาลังเดนิ อยบู่ รเิ วณนัน้ จริง ๆ

ภาพจากมุมมอง Street View เสมอื นผูใ้ ชเ้ ข้าไปเดนิ ในวัดศรชี มุ อุทยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั จริง ๆ ผู้เรยี นจะใชง้ านได้แคล่วคลอ่ งขน้ึ ด้วยการลองคน้ หาสถานทท่ี ี่คุ้นเคย โดยทาตาม ขน้ั ตอนข้างต้น และฝกึ ใช้ มุมมอง 2D มมุ มอง 3D มมุ มอง Street View

เรื่อง เงือ่ น เชือก เร่อื งท่ี 4 เงอ่ื นเชือกและการผกู แน่น 4.1 ความหมายของเงื่อนเชือกและการผกู แน่น เงื่อนเชือก หมายถึง การนาเชือกมาผูกกนั เปน็ เง่ือน เป็นปม สาหรบั ต่อเชอื กเขา้ ด้วยกัน หรือทาเป็นบ่วง สา หรบั คลอ้ งหรอื สวมกบั เสา หรือใชผ้ กู กับวัตถุ สาหรบั ผกู ใหแ้ นน่ ใชร้ ัง้ ใหต้ ึง ไมห่ ลดุ ง่าย แต่สามารถแกป้ มไดง้ า่ ย การผกู แนน่ หมายถงึ การผูกวัตถุให้ติดแน่นเข้าด้วยกัน โดยใช้เชือกหรือวัสดุคล้ายเชือก ซึง่ มีประโยชนต์ ่อ ลกู เสือเป็นอย่างมากในการเข้าคา่ ยพักแรมหรือเดินทางไกล 4.2 ความสาคัญของเงื่อนเชือกและการผูกแน่น กจิ กรรมลูกเสือ เปน็ กจิ กรรมหนง่ึ ทีต่ อ้ งการให้ลูกเสอื ร้จู ักใช้วัสดุทีม่ อี ย่ตู ามธรรมชาติ เพ่ือการดารงความ เปน็ อยอู่ ยา่ งอิสระและพง่ึ พาตนเองให้มากท่สี ุด การผูกเง่ือนเชือก เปน็ ศาสตร์และศลิ ป์อยา่ งหนึ่งท่ลี ูกเสือจาเป็นต้องเรียนรู้ เม่ือเข้าร่วมกิจกรรมในการอยคู่ ่าย พักแรม การสร้างฐานกิจกรรมผจญภัย การต้งั ค่ายพักแรม รวมทง้ั การใชง้ านเง่อื นในการช่วยผเู้ จ็บป่วยได้ 4.3 การผูกเงื่อนเชือกและการผกู แน่น การเรยี นรูเ้ รอ่ื งการผูกเงื่อนเชือกและการผูกแนน่ จะต้องจดจา ทาใหไ้ ด้ ผิดพลาดไป หลุด หรือขาด ก็จะเปน็ อันตรายต่อชวี ติ และสง่ิ ของเสียหาย ขอแนะนาให้ทุกคน ท่ีตอ้ งการนาไปใช้ต้องหมน่ั ฝึกฝน ศึกษาหาความรู้ ผูก ใหเ้ ป็น นาไปใช้งานให้ไดถ้ ึงคราวจาเปน็ จะไดใ้ ช้ใหเ้ กิดประโยชน์ วธิ กี ารผกู เงอ่ื นเชอื กแบ่งออกเปน็ ลักษณะ การใชง้ านได้ 3 หมวด 10 เง่ือน ดังนี้ 1. หมวดต่อเชือก สาหรบั การต่อเชือกเพ่ือตอ้ งการใหค้ วามยาวของเชือกเพม่ิ ขึน้ แต่เนื่องจากเชือกในการกูภ้ ยั น้นั มีลักษณะและขนาดทแี่ ตกตา่ งกัน จงึ จาเป็นต้องมวี ิธกี ารผกู เงอื่ นที่แตกต่างกนั จานวน 3 เง่ือน ดังน้ี 1.1 เงอื่ นพิรอด (Reef Knot หรอื Square Knot) 1.2 เง่อื นขดั สมาธิ (Sheet Bend) 1.3 เง่อื นประมง (Fisherman’s Knot) 2. หมวดผูกแนน่ ฉุดลาก ร้งั สาหรับการผกู วัสดทุ ต่ี ้องการจะเคล่ือนย้ายหรอื ยดึ ตรึงอยู่กับท่ี แต่เน่ืองจากวัสดุ ทต่ี อ้ งการจะผูกน้ันมีลักษณะรปู ทรงและขนาดท่แี ตกตา่ งกัน จึงจาเป็นต้องมวี ธิ กี ารผูกเงื่อนที่แตกตา่ งกนั จาน วน 3 เง่ือน ดังน้ี 2.1 เง่อื นผูกร่น (Sheep Shank) 2.2 เงื่อนตะกรดุ เบด็ (Clove Hitch) 2.3 เง่อื นผกู ซงุ (Timber Hitch) 3. หมวดช่วยชวี ิต สาหรับการชว่ ยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสถานที่และสถานการณ์ จึงต้องมี วิธกี ารผูกเงือ่ นให้เหมาะสมกับงาน จานวน 4 เง่อื น ดงั น้ี

3.1 เงือ่ นเกา้ อ้ี (Fireman’s Chair Knot) 3.2 เงื่อนบว่ งสายธนู (Bowline Bend) 3.3 เง่ือนขโมย (Knot Steal) 3.4 เงื่อนบนั ไดปม (Ladder knot) หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๓ ความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมลูกเสอื เรือ่ งท่ี 1 ความปลอดภัยในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลูกเสอื 1.1 ความหมายของความปลอดภยั ในการเข้าร่วมกจิ กรรมลูกเสอื ความปลอดภัย หมายถึง การท่ีรา่ งกายปราศจากอบุ ัตภิ ยั อย่ใู นสภาวะท่ปี ราศจากอันตราย หรอื สภาวะท่ี ปราศจากการบาดเจบ็ เจบ็ ปวด เจ็บปว่ ย จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กบั การปฏบิ ตั ิหรอื การกระทาของตนเอง 1.2 ความสาคัญของความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลกู เสือ ความปลอดภัยชว่ ยให้เกดิ ความระมัดระวงั ในการป้องกนั ตนเอง และผู้อน่ื ให้พ้น จากภัยอนั ตราย หรือการเสยี ชวี ิต โดยการใหค้ าแนะนาในการใชเ้ ครอื่ งมอื เคร่ืองใช้ และสิ่งอานวยความ สะดวกต่าง ๆ เพอ่ื ให้เกดิ ประโยชน์ และปลอดภัย เรื่องที่ 2 หลักการ วธิ กี ารในการเฝ้าระวงั เบ้ืองตน้ ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลกู เสือ ลกู เสอื ต้องตระหนักในความสาคญั และมีจติ สานกึ ต่อความปลอดภัยในการรว่ มกจิ กรรมทอ่ี าจเกดิ อบุ ตั ิเหตุ เนื่องจาก 1. ขาดความรู้ ความเข้าใจ ในการร่วมกิจกรรมนัน้ ๆ ลูกเสอื ตอ้ งทาความเข้าใจในกฎ กติกา ของกจิ กรรมนั้น ๆ อย่างถ่องแท้ และปฏบิ ตั ิตามอย่างเคร่งครัด 2. ขาดประสบการณ์ และขาดความชานาญ ลกู เสอื ตอ้ งขวนขวายในการหาประสบการณ์ และความรู้ ทักษะท่ี จาเป็นตอ่ การร่วมกจิ กรรมนนั้ ๆ 3.ขาดความพรอ้ มทางด้านร่างกายและจิตใจ ลกู เสอื ต้องเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจติ ใจกอ่ น 4. ขาดการตรวจสอบความสมบูรณ์ ความแข็งแรงของอปุ กรณท์ ี่ใช้ในแต่ละกจิ กรรมลกู เสือต้องตรวจสอบ อปุ กรณ์ที่ใช้ในแตล่ ะกจิ กรรมใหม้ ีสภาพแข็งแรง พร้อมใช้งานอยู่เสมอ การเฝ้าระวงั เบื้องต้นในการเข้ารว่ มกิจกรรมลูกเสือ เปน็ การฝึกตนเองของลูกเสอื ให้ปลอดภัยจากอุบัตเิ หตุ และ ภยั อนั ตรายตา่ ง ๆ เปน็ วิธกี ารในการเตรยี มความพร้อมของลูกเสอื ทงั้ ดา้ นรา่ งกายและจิตใจ ดงั น้ี ด้านร่างกาย ลูกเสือต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ และหาเวลาพกั ผ่อนให้ เพียงพอ เพอื่ สุขภาพและร่างกายจะได้แข็งแรงอยตู่ ลอดเวลา

ดา้ นจติ ใจ ลูกเสอื ต้องทาจติ ใจให้สบาย ๆ สร้างความร้สู ึกท่ีสนุกสนานกับกิจกรรมต่าง ๆ มคี วามร่าเรงิ พร้อม รบั การฝึกฝน ปฏบิ ัติดว้ ยตนเอง หรือช่วยผอู้ ื่น หาวิธหี ลีกเลย่ี งอบุ ตั ิเหตุ อนั จะเกิดขน้ึ ได้ในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม ลกู เสือ เรอื่ งที่ 3 การช่วยเหลือเม่ือเกดิ เหตุความไม่ปลอดภยั ในการเข้ารว่ มกจิ กรรมลูกเสือ การเขา้ ร่วมกิจกรรมลูกเสอื อาจมีความไม่ปลอดภยั ในด้านร่างกายข้นึ ได้ ลูกเสือจึงมีความจาเปน็ ต้องเรียนรู้ถงึ สาเหตุท่ที าใหเ้ กดิ ความไม่ปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมลูกเสอื และวิธีการสร้างความปลอดภยั ในการเข้า รว่ มกิจกรรมลูกเสือ ดังน้ี 1. สาเหตุท่ที าให้เกดิ ความไม่ปลอดภัยในการเขา้ ร่วมกิจกรรม มี 3 ประการ คอื 1.1 สาเหตุทีเ่ กิดจากมนุษย์ มีดงั นี้ 1) ผู้ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม มีความประมาทโดยคิดว่าไม่เป็นไร ลองผดิ ลองถูก หรอื ร้เู ทา่ ไม่ถึงการณ์ 2) ผู้ปฏิบัติกจิ กรรม มีความเช่ือใจ ไวว้ างใจผใู้ ดผหู้ นงึ่ ทไี่ ด้รับมอบหมายให้ดาเนินการ และไม่มกี ารตรวจสอบ กอ่ น จงึ อาจทาให้มขี ้อผดิ พลาดได้ 3) ผู้ปฏบิ ัติกจิ กรรมมสี ขุ ภาพไมแ่ ข็งแรง หรอื มีโรคประจาตวั แตเ่ ข้ารว่ ม กิจกรรมบางอยา่ งทอ่ี าจทาให้เกิด อบุ ัตเิ หตุได้ 4) ผูป้ ฏิบัติกจิ กรรมแตง่ กายไมเ่ หมาะสมในการเข้าร่วมบางกิจกรรม 5) ผู้ปฏบิ ัติกจิ กรรมขาดการประเมินตนเอง หรือบางครง้ั ประเมินตนเองผดิ พลาด โดยคิดว่าตนเองสามารถ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนน้ั ได้ และบางคร้งั ผ้ปู ฏบิ ัติเกดิ ความคึกคะนองกล่ันแกล้ง และหยอกล้อกัน 6) ผู้ปฏิบัติกจิ กรรม ขาดระเบียบวินยั ไม่เชื่อฟังผบู้ งั คับบญั ชา 1.2 สาเหตุทีเ่ กิดจากเคร่ืองมือ หรืออุปกรณ์ มีดงั น้ี 1) ขาดเครอ่ื งมือ และอปุ กรณ์ในการชว่ ยเหลือเมื่อเกดิ เหตุความไม่ปลอดภัยในการเข้าร่วมกจิ กรรมทเี่ หมาะสม หรอื อุปกรณ์บางชนดิ เส่ือมสภาพไม่เหมาะท่จี ะนามาใช้งาน 2) ขาดความรูใ้ นการใช้เครื่องมือและอปุ กรณแ์ ตล่ ะประเภท หรอื ใชเ้ ครื่องมอื และอุปกรณท์ ีใ่ ช้ผดิ ประเภท 3) ขาดทักษะ ความชานาญ ในการใช้เครื่องมือ และอุปกรณต์ ่าง ๆ 4) ขาดการตรวจสอบความสมบูรณ์ ความแขง็ แรงของอปุ กรณ์ในฐาน โดยละเอียด และขาดการบารุงรักษาที่ เหมาะสม 1.3 สาเหตุที่เกิดจากภยั ธรรมชาติ มดี งั น้ี 1) ภยั ทางน้า อาจเกิดความไมป่ ลอดภัยในขณะที่ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมได้ เชน่ น้าหลาก น้าไหลเชย่ี ว เป็นตน้ 2) ภยั ทางบก อาจเกดิ ความไมป่ ลอดภัยในขณะปฏิบัติกิจกรรมได้ เชน่ การสร้างสะพานด้วยเชือกทีไ่ ปผกู กับ ต้นไม้ ทาใหต้ น้ ไม้อาจหัก เป็นต้น 3) ภยั ทางอากาศ อาจเกดิ ความไม่ปลอดภยั ขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรมได้ เชน่ เกิดมีพายุ ลมแรง เปน็ ต้น

2. การสร้างความปลอดภัยในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมลกู เสอื คือ วิธกี ารป้องกนั ก่อนจดั สรา้ งอปุ กรณ์ และก่อน เข้ารว่ มกิจกรรม โดยมอี ุปกรณ์ปอ้ งกนั หรือสร้างอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นกจิ กรรมใหป้ ลอดภยั โดยใหค้ วามรู้ มมี าตรการ บังคับ ควบคมุ การใช้อุปกรณ์ใหถ้ ูกกับกจิ กรรมจะช่วยสรา้ งความปลอดภยั ให้กบั ลกู เสือในการปฏิบัติกจิ กรรม เชน่ กจิ กรรมบุกเบิก กจิ กรรมผจญภัย และกจิ กรรมเดินทางไกล ดังนี้ 2.1 กจิ กรรมบุกเบกิ 1) ลกู เสอื ต้องเตรียมความพร้อมทางรา่ งกายและจิตใจ 2) ลูกเสือต้องมรี ะเบยี บวนิ ยั เชื่อฟงั และปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาของ ผกู้ ากบั ลกู เสือ 3) ลกู เสือต้องตรวจเช็คอุปกรณ์ในฐานบุกเบิก อยา่ งสม่าเสมอ 4) ลกู เสอื ต้อง ไม่กล่ันแกลง้ เพ่ือนขณะทากิจกรรม 5) ลูกเสอื ต้องเตรียมพร้อมทางดา้ นความรู้ ศึกษากจิ กรรม และทาความเข้าใจก่อนเข้ารว่ มกิจกรรม 2.2 กจิ กรรมผจญภยั 1) ลูกเสอื ต้องการเตรยี มความพรอ้ มทางร่างกายและจิตใจ 2) ลูกเสอื ต้องมรี ะเบียบวนิ ัย เช่ือฟังและปฏิบัตติ ามคาแนะนาของ ผกู้ ากบั ลูกเสือ 3) ลูกเสือต้องตรวจเช็คอุปกรณใ์ นฐานบกุ เบิก อย่างสม่าเสมอ 4) ลกู เสอื ต้องไมก่ ลัน่ แกล้งเพื่อนขณะทากจิ กรรม 5) ลูกเสอื ต้องเตรยี มพร้อมทางด้านความรู้ ศึกษากิจกรรม และทาความเข้าใจก่อนเข้ารว่ มกจิ กรรม 2.3 กิจกรรมเดินทางไกล 1) กอ่ นท่จี ะกาหนดเสน้ ทางการเดนิ ทางไกล ลกู เสือต้องสารวจเส้นทาง หากจาเป็นต้องขออนญุ าต ควรขอจาก เจ้าของสถานท่นี ั้น ๆ และศกึ ษาประเพณวี ฒั นธรรมในท้องถิ่นนั้นตามสมควร 2) ในการกาหนดเส้นทางเดนิ ลูกเสือควรเลีย่ งการเดนิ ตามถนนใหญ่ทมี่ ีการจราจรคับคั่ง เพอ่ื ป้องกันการเกิด อุบตั เิ หตุ 3) ในระหวา่ งการเดินทางไกล ลกู เสอื ไม่ควรแข่งขนั หรอื แทรกกนั เดนิ ระหวา่ งหมู่ 4) ในระหวา่ งการเดินทางไกล ลูกเสอื ควรออกเดนิ ทางเปน็ หมู่ และตอ้ งปฏิบัตติ ามกฎระเบยี บของลูกเสือ และ กฎจราจรอยา่ งเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย เร่ืองท่ี 4 การปฏิบตั ิตนตามหลกั ความปลอดภยั ลกู เสอื ต้องปฏบิ ตั ิตนตามหลักความปลอดภัย ดงั น้ี ด้านรา่ งกาย ต้องเตรยี มความพร้อมของร่างกาย การออกกาลังกาย รักษาร่างกายไม่ใหเ้ จบ็ ปว่ ย พรอ้ มปฏบิ ตั ิ กิจกรรมตา่ ง ๆ ได้ ด้านจิตใจ ควรศกึ ษาหาความรู้ในกจิ กรรมลูกเสือโดยเฉพาะลูกเสอื กศน.เป็นการเตรยี มความพรอ้ มดา้ นหนึง่ ในการปฏบิ ตั ิตนเองและพร้อมช่วยเหลือผู้อ่ืนไดต้ ามความเหมาะสม

ลูกเสือตอ้ งทาความเข้าใจในความหมายของคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสือ เพื่อนามาใช้ในการอยรู่ ่วมกันทัง้ เวลาพบกลมุ่ และการเข้าคา่ ยพกั แรมร่วมกนั วิเคราะหส์ ถานการณ์ความปลอดภัย ความไม่ปลอดภยั และความ เสย่ี ง วิเคราะหข์ ้อดี ข้อเสีย และนาข้อบกพรอ่ งหรือช่องทางท่จี ะป้องกนั ไวเ้ บือ้ งตน้ เป็นมาตรการในการอยู่ รว่ มกันและการเขา้ ร่วมกิจกรรม ดังนี้ 1. นาขอ้ มูลจากการวิเคราะห์จากกฎของลกู เสือ มาระดมพลังสมองเปรียบเทยี บกับฐานการเรียนรแู้ ละฐาน กจิ กรรมที่สรา้ งขึน้ ในค่ายพักแรม และสรปุ ความเสย่ี งเพ่ือป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิดเหตุหรือภัยต่าง ๆ ไวล้ ่วงหนา้ 2. นาเสนอผลการจัดทามาตรการในการอยู่รว่ มกนั ทง้ั การพบกลุ่มและการอยู่ค่ายพักแรม เพ่อื กาหนดมาตรการใหใ้ ชร้ ว่ มกนั อย่างเหมาะสม 3. ทดลองนาข้อบกพร่องของกระบวนการผลติ ที่มคี วามเสีย่ งในการปฏิบตั ิ มานาเสนอและแสดงบทบาทสมมุติ (Role play) เพื่อฝึกปฏิบัติ เป็นการเตรยี มความพร้อม เพ่ือเตรียมการก่อนผลิตสอื่ หรอื สรา้ งคา่ ยกจิ กรรม ลกู เสอื กศน. เรอื่ ง การเดินทางไกล เร่ืองที่ 1 การเดนิ ทางไกล 1.1 ความหมายของการเดินทางไกล การเดนิ ทางไกล หมายถึง การเดนิ ทางของลูกเสือจากกองหรือกลมุ่ ลูกเสือ เพื่อไปทากิจกรรมท่ใี ดที่ หนงึ่ โดยมผี กู้ ากับและนายหมลู่ ูกเสือเปน็ ผู้กาหนดรว่ มกนั เพื่อนาลูกเสือไปฝกึ ทักษะวชิ าการลูกเสือเพ่ิมเติม ให้ รู้จักการใชช้ ีวติ กลางแจ้งและสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชดิ โดยลกู เสือไดใ้ ชค้ วามสามารถของตนเอง การเดิน ทางไกลของลกู เสือสามารถเดินทางด้วยเท้า เรือ จักรยานสองลอ้ และรถยนต์ 1.2 วัตถปุ ระสงคข์ องการเดินทางไกล มีดังน้ี 1) เพ่ือฝึกความอดทน ความมรี ะเบียบวินยั และเสรมิ สร้างสขุ ภาพอนามยั ใหแ้ ก่ลกู เสือ 2) เพอ่ื ใหล้ ูกเสือมเี จตนารมณ์ เจตคตทิ ี่ดี ร้จู ักชว่ ยตนเองและรู้จักทางานรว่ มกับผู้อื่น 3) เพ่อื ให้มีโอกาสปฏิบตั ิตามคติพจน์ของลกู เสือ และมีโอกาสบรกิ ารต่อชุมชน ที่ไปอยคู่ ่าย พักแรม 4) เพือ่ เป็นการฝกึ และปฏิบตั ิตามกฎของลกู เสือ 1.3 หลกั การของการเดนิ ทางไกล การเดนิ ทางไกล ใชร้ ะบบหมู่ เพ่ือฝกึ ความอดทน ความสามัคคี ความมรี ะเบยี บวนิ ัย การชว่ ยเหลือซึง่ กนั และกันรูจ้ กั การระมัดระวงั ตัวจากอบุ ตั เิ หตุขณะเดินทาง และการเตรียมตัวในการเดนิ ทางในการใช้ชวี ติ กลางแจง้ 1.4 การบรรจุเครอื่ งหลงั สาหรับการเดินทางไกล เป็นกจิ กรรมหนง่ึ ของลูกเสอื ซงึ่ ลกู เสือจะต้องมีการเตรยี มการเรื่องเครื่องหลัง ให้พร้อมเหมาะสมกับ เดนิ ทางไกลไปแรมคืนซึ่งอุปกรณ์ท่จี ะจัดเตรียมคืออปุ กรณเ์ ฉพาะบุคคลหรืออุปกรณ์

ประจาตัวที่จาเป็นจะตอ้ งเตรียมพรอ้ มก่อนกาหนดเดินทางควรมนี ้าหนกั ไมม่ ากนัก มีดังน้ี 1) เคร่อื งแตง่ กาย ได้แก่ เครื่องแบบลูกเสือและเคร่อื งหมายประกอบเครื่องแบบ คอื หมวก ผา้ ผกู คอ เสื้อ กางเกงหรอื กระโปรง เข็มขดั ถงุ เท้า รองเทา้ หรอื ชดุ ลาลองหรอื ชดุ สภุ าพ ชุดกีฬา ชดุ นอน 2) เครอื่ งใชป้ ระจาตัว ได้แก่ สบู่ แปรงสีฟนั ยาสีฟนั ผ้าเช็ดตัว ผา้ ขาวม้า ผ้าถงุ ไฟฉาย ขนั น้า รองเท้าแตะ จาน ชาม ชอ้ น ยากันยงุ ยาขดั โลหะ เชือก หรือยาง สาหรบั ผกู หรอื รดั อุปกรณ์ เล็ก ๆ น้อย ๆ ถุงพลาสติก สาหรับใสเ่ ส้ือผา้ ทใ่ี ชแ้ ลว้ หรอื เปียกช้ืน 3) ยาประจาตวั หรอื อุปกรณ์ปฐมพยาบาล 4) อุปกรณป์ ระกอบการเรยี นรู้ และการจดบันทึกกิจกรรม เชน่ สมดุ ปากกา ดนิ สอ แผนที่ เขม็ ทิศ 5) อุปกรณท์ ีจ่ าเป็นตามฤดูกาล เช่น เส้ือกนั ฝน เสอ้ื กนั หนาว 6) อุปกรณเ์ คร่อื งนอน เช่น ผ้าหม่ ถุงนอน 7) อุปกรณ์ท่ีประจากายลูกเสอื เช่น ไมง้ ่าม กระตกิ น้า เชอื กลกู เสอื ข้อแนะนาในการบรรจุเคร่ืองหลงั เครื่องหลัง คือ ถุงหรือกระเปา๋ สาหรบั ใสส่ ิ่งของต่าง ๆ และใช้สะพายหลัง เพ่ือให้สามารถ นาสงิ่ ของไปยังสถานท่ตี ่าง ๆ ได้อย่างสะดวก เครอ่ื งหลังจึงเป็นสง่ิ สาคญั และมีความจาเป็นมาก สาหรับกิจกรรมการเดินทางไกล เพราะลูกเสอื ต้องใช้บรรจุอปุ กรณ์ประจาตัว อุปกรณ์ประจาหมู่ ซ่ึงต้อง นาไปใชใ้ นการอยู่ค่ายพักแรม การบรรจุสง่ิ ของลงในถงุ เคร่ืองหลงั หรอื กระเปา๋ มขี ้อแนะนา ดังน้ี 1. ควรเลือกเครื่องหลงั ทมี่ ีขนาดพอเหมาะไมเ่ ล็กหรอื ใหญจ่ นเกนิ ไป 2. ควรบรรจุสิ่งของท่ีมนี า้ หนักมากหรอื ส่งิ ของทีใ่ ช้ภายหลงั ไวข้ ้างลา่ ง ส่วนสิง่ ของทใ่ี ชก้ ่อนหรือใช้ รีบดว่ น เช่น ไฟฉาย เสื้อกันฝน ไมข้ ีดไฟ ฯ ให้ไว้ข้างบนสุดของเคร่ืองหลัง ซ่ึงสามารถนาออกมาใช้ไดอ้ ยา่ ง สะดวก 3. ควรบรรจุสิ่งของนุ่ม ๆ เชน่ ผา้ เชด็ ตวั ผา้ ห่ม เสอื้ ผา้ ใสใ่ นเคร่ืองหลังตรงส่วนที่จะสมั ผสั กับหลงั ของ ลกู เสือเพ่ือจะได้ไม่เจบ็ หลงั ขณะเดินทาง 4. ส่งิ ของบางประเภท เช่น ยารกั ษาโรค ขา้ วสาร เปน็ ต้น ควรใส่ถุงผา้ หรือถงุ พลาสตกิ ก่อน แลว้ จงึ บรรจลุ งเครือ่ งหลัง 5. ในกรณีท่ีถุงนอน และผ้าห่มบรรจเุ คร่ืองหลงั ไมไ่ ด้ ใหผ้ กู ถุงนอนและผา้ ห่มนอนของลกู เสอื ไว้นอก เครอื่ งหลัง คลุมด้วยพลาสตกิ ใสเพ่อื กันเปียกน้า 6. เครอ่ื งหลังที่ลูกเสอื นาไปต้องไมห่ นักจนเกินไป เพราะถา้ หนกั เกินไปทาหล้ กู เสือ เหนื่อยเร็ว นา้ หนักของเคร่ืองหลงั ควรหนักไมเ่ กนิ 1 ใน 5 ของน้าหนักตวั ลูกเสอื เชน่ ถ้าลกู เสอื หนัก 50 กิโลกรัม เคร่อื งหลงั ควรหนกั ไมเ่ กนิ 10 กโิ ลกรัม เป็นตน้ ปัจจุบัน เคร่อื งหลงั ทีใ่ ช้บรรจุสิ่งของนั้นมีหลายชนดิ แลว้ แต่ลกู เสือจะเลือกใช้ เชน่ กระเป๋า ย่าม หรือเป้ ลกู เสือควรเลือกใช้เคร่ืองหลังที่มลี กั ษณะคลา้ ยเป้ เพราะมี ช่องสาหรับบรรจสุ ง่ิ ของหลายประเภท

เร่ือง การอย่คู า่ ยพักแรม เรอ่ื งท่ี 2 การอยคู่ า่ ยพกั แรม 2.1 ความหมายของการอยคู่ ่ายพักแรม การอย่คู ่ายพักแรมลูกเสือ คือ องค์รวมของการเรยี นรู้ทั้งภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ัติ โดยมนี วัตกรรม และขบวนการถา่ ยทอด การทดสอบ การเสรมิ สร้างพฒั นาการใหแ้ กล่ ูกเสือ ในทุกระดับ โดยการนาลูกเสือออก จากที่ตง้ั ปกติไปพักแรมคืนตามค่ายลกู เสือตา่ ง ๆ รวมทัง้ สถานที่ท่ีมีองค์ประกอบท่ีเหมาะสมกบั การจดั กจิ กรรม ลกู เสอื เชน่ วนอทุ ยาน ชายทะเล เป็นต้น โดยมแี ผนการอยู่คา่ ยพักแรมในแตล่ ะคร้ังสอดคลอ้ งกับการเรียนการ สอนกิจกรรมลูกเสอื ในเวลาปกติ 2.2 วัตถปุ ระสงค์ของการอยู่คา่ ยพกั แรม มีดังนี้ 1) เพือ่ ให้ลูกเสอื ทบทวนสง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้จากทฤษฎี และการฝกึ ปฏิบัติ 2) เพือ่ เป็นการฝึกทักษะทางลูกเสอื ให้มรี ะเบยี บวินัย มเี จตคติ มีค่านยิ มท่ดี ีงาม 3) เพอ่ื ให้ลูกเสอื ปฏบิ ัติตามคาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ 2.3 หลักการของการอยู่ค่ายพกั แรม มดี ังน้ี 1) ยึดหลกั การมสี ่วนร่วม โดยให้ผบู้ ังคับชาลกู เสือ ลูกเสือ และชมุ ชน มสี ่วนรว่ ม ในการจัดกจิ กรรม 2) ใชก้ ระบวนการเรียนรทู้ เ่ี น้นลูกเสือเปน็ สาคญั มีทักษะในการแสวงหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรใู้ นชมุ ชน 3) ใชก้ ระบวนการกลุ่มในการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ฝึกใหค้ ิดวเิ คราะห์ สร้างสรรค์ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ และสมั พันธ์กบั วถิ ชี ีวิต 4) มีกิจกรรมวิชาการและกจิ กรรมนันทนาการท่ใี ห้ลูกเสือได้รบั ความรู้ และ ความสนกุ สนาน ทางานรว่ มกนั เป็นกล่มุ เพือ่ เสรมิ สร้าง ความสามคั คี มีมนุษยสัมพันธ์ ความเปน็ ผนู้ า 5) ตอ้ งคานึงถงึ ความปลอดภยั ในดา้ นต่าง ๆ ระหวา่ งการทากจิ กรรม

เรื่อง ชีวติ ชาวค่าย เร่ืองท่ี 3 ชีวิตชาวคา่ ย ชีวิตชาวคา่ ย เปน็ กิจกรรมสร้างนิสยั การบาเพญ็ ประโยชน์ รู้จกั การปรับตวั เขา้ หากนั และการอยู่ ร่วมกันอย่างมคี วามสขุ โดยการฝกึ ปฏิบตั ิตนดว้ ยการทางานร่วมกนั เปน็ หมู่ รจู้ ักยอมรับในบทบาทหนา้ ท่ซี ่งึ กนั และกนั ฝกึ การเปน็ ผู้นา ผู้ตาม ฝกึ ให้รู้จักชว่ ยเหลอื ตนเอง เม่ือมีเหตุการณ์ คบั ขนั รูจ้ กั การดารงชพี กลางแจ้งโดยไม่น่งิ เฉย เชื่อฟังกฎ กติกา อยใู่ นระเบยี บอยา่ งเคร่งครัด สรา้ งเสริมคุณธรรม สร้างความมีวินัย ชวี ติ ชาวคา่ ย ประกอบดว้ ย 1. เครื่องมือ เครื่องใช้ ที่จาเป็นสาหรับชวี ิตชาวคา่ ย 2. การสร้างครัวชาวค่าย 3. การสร้างเตาประเภทต่าง ๆ 4. การประกอบอาหารแบบชาวค่าย 5. การกางเต็นท์ และการเก็บเตน็ ท์ชนิดตา่ ง ๆ 3.1 เครอื่ งมือ และเคร่อื งใช้ ทจี่ าเป็นสาหรบั ชีวติ ชาวค่าย เครอื่ งมือ และเคร่ืองใช้ สาหรับการอยคู่ ่ายพักแรม มหี ลากหลายประเภทแยกตามลกั ษณะของการใช้ งาน แบง่ ออกเป็น ของมคี ม ไดแ้ ก่ มีด ขวาน เลอ่ื ย เครอ่ื งมือท่ใี ชส้ าหรับขดุ ไดแ้ ก่ จอบ เสยี ม พล่ัว พลัว่ สนาม และเครื่องมือท่ใี ช้สาหรบั ตอก ไดแ้ ก่ ค้อน โดยแยกเกบ็ ตามประเภท และลกั ษณะการใชง้ าน เพื่อความสะดวก ในการหยิบใชง้ าน และความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย มีด คือ เคร่ืองมือชนิดแรก ๆ ทีม่ นุษย์ประดิษฐ์ขนึ้ เพื่อใช้ในชวี ติ ประจาวันมาอย่างยาวนาน เกีย่ วข้อง สัมพันธ์กันแทบทกุ กจิ กรรม ในการดาเนนิ ชวี ติ มีด เป็นเคร่ืองมือตัดเฉือนชนิดมีคม าหรับใช้ สับ ห่นั เฉือน ปาด บางชนดิ อาจมปี ลายแหลม สาหรบั กรีดหรอื แทง มักมีขนาดเหมาะสมาาหรบั จบั ถอื ดว้ ยมอื เดียว ขวาน เปน็ เครอ่ื งมือทท่ี าด้วยเหลก็ มสี ันหนาใหญ่ ใช้ในการตัดไม้ ฟันไม้ ผ่าไม้ ตอกไม้ รวมไปถงึ การใช้เป็นอาวุธ โดยทวั่ ไปขวานจะประกอบดว้ ยสองส่วนหลกั คอื สว่ นหัวและส่วนดา้ มจับ โดยขวานจะมที ัง้ แบบที่ดา้ มยาว และแบบดา้ มสั้น ข้ึนอยู่กับงานที่ใช้

การดูแลรักษามดี และขวาน 1. ไมค่ วรวางมีดหรือขวานไว้กับพ้นื เพราะจะเปน็ อันตรายต่อผู้อื่น ถ้าเผลอไปเหยียบ รวมทัง้ จะทาให้ คมมดี และขวานเปน็ สนมิ ได้ 2. อย่าใช้มีดหรือขวาน ห่นั ถาก วัตถทุ ่แี ข็งเกินไป เพราะอาจทาใหห้ มดคม หรืออาจบ่ินเสยี หายได้ 3. ไมค่ วรเอามดี หรือขวานลนไฟหรือหั่นสบั ส่งิ ทก่ี าลงั ร้อนเพราะจะทาให้ ทื่องา่ ย 4. หลงั จากใชม้ ดี หรือขวานเสรจ็ แล้ว ตอ้ งล้างให้สะอาด เชด็ ให้แห้ง ทาน้ามนั แล้วเกบ็ เขา้ ทใี่ ห้ เรียบร้อย ถ้าเป็นมีดหรือขวานทม่ี ีปลอก มีหน้ากาก ควรสวมปลอกหรือหน้ากากก่อนแล้วนาไปเก็บ 5. เมื่อคมมีด หรือคมขวานทอื่ ควรลบั กบั หินลับมีด หรอื หนิ กากเพชร 6. ถา้ ด้ามมีด หรือด้ามขวาน แตกร้าว ต้องรบี ซ่อมแซมให้อยูใ่ นสภาพดี กอ่ นนาไปเกบ็ หรือ นาไปใชง้ าน วธิ ีถือมีดและขวานใหป้ ลอดภยั 1. ต้องหนั ด้านคมของมดี หรอื ขวานออกนอกตวั 2. เวลาแบกขวาน ต้องระวังอยา่ ให้คมขวานห้อยลง หรือหนั เขา้ หาตัว 3. ถ้าเปน็ ขวานขนาดเล็ก เวลาถอื ให้จับที่ตัวขวาน ปล่อยด้ามขวานช้ลี งพื้น หันคมขวาน ไปทางด้านหลงั วธิ สี ่งมดี และขวานใหป้ ลอดภยั 1. การสง่ มดี ผสู้ ่งจับสันมดี หันคมมีดออกนอกตวั หรอื หนั ด้านคมลงพนื้ ส่งดา้ นมีดใหผ้ ู้จับ 2. การส่งขวาน ผูส้ ง่ จบั ปลายดา้ มขวานห้อยตวั ขวานลง ให้คมขวานหนั ไปด้านข้าง ผูร้ ับต้องจับด้าม ขวานใตม้ ือผสู้ ่ง เลื่อย เปน็ เลอ่ื ยสาหรบั งานไมโ้ ดยท่วั ไป ทาดว้ ยโลหะแผ่นบาง มีฟันเปน็ ซี่ ๆ โดยฟนั ของซี่เลื่อยมี ความแตกต่างกนั ตามความเหมาะสมกับการใชง้ าน การดูแลรักษา 1. หลังจากการใช้งานใหค้ ลายใบเลอ่ื ยออกเลก็ น้อย เพ่ือยดื อายุใบเลื่อยให้ ใช้งานได้ ยาวนานขนึ้ 2. ใชแ้ ปรงปดั ทาความสะอาดทุกสว่ น ทาด้วยนา้ มัน แล้วเก็บไว้ในทเี่ กบ็ หลงั การใชง้ าน จอบ เปน็ เคร่อื งมอื ขุดเดนิ ทีม่ ีนา้ หนักปานกลางและมีความทนทานสงู จอบใช้ในการ ขดุ ดินแข็ง ๆ และขุดหลุมให้มีขนาดกว้างและลึกได้ ลักษณะเดน่ ของจอบ คือ มใี บท่แี บนกว้างและ

คม สามารถเจาะผ่านพ้ืนดินหรอื ก้อนดนิ ท่ีแข็ง ๆ ให้แยกขาดออกจากกนั ไดโ้ ดยง่าย การดูแลรักษา หลงั จากการใช้ทกุ ครั้งควรลา้ งทาความสะอาดด้วยน้า เพ่อื กาจดั ดนิ ท่ีติดตาม ใบจอบ และคมจอบให้ หมดเสียก่อน จากนั้นใหใ้ ชผ้ ้าเช็ดใหแ้ ห้ง แล้วทาน้ามันกันสนิมและเกบ็ เขา้ ที่ใหเ้ รียบร้อย เสียม เปน็ เคร่ืองมือขุดดิน ทม่ี นี า้ หนักเบาทีส่ ดุ ในบรรดาเครอ่ื งมอื ขดุ ดนิ ทุกชนิดดว้ ยรปู ทรงทเ่ี ลก็ มี นา้ หนกั เบา จึงไม่กนิ แรงผู้ใช้ เสียมจึงมบี ทบาทสาคัญในงานดา้ นการเกษตรทุกชนิด จงึ พูดได้ว่าเสียมเปน็ เครอื่ งมือการเกษตรท่มี าคู่กบั จอบ เพราะส่ิงที่จอบทาได้ เสียมกส็ ามารถทาได้ เชน่ การขุดดนิ ขุดลอก เปน็ ตน้ แตส่ ิ่งท่เี สียมทาได้นน้ั จอบไม่สามารถ ทาไดก้ ็ คือ การขุดหลดุ ที่ลึกและแคบ และการขุดดินในทแ่ี คบ ๆ ท่ตี ้อง ใช้ความความระมดั ระวังสงู เชน่ การขดุ ล้อมต้นไม้ขนาดเล็ก และการขุดหน่อกล้วย เปน็ ต้น การดูแลรักษา หลังจากการใช้งานทุกครง้ั ควรล้างทาความสะอาดด้วยน้า เพอ่ื กาจัดดินทีต่ ิด ปลายเสียมใหห้ มด เสียก่อน จากน้ันใชผ้ ้าเชด็ ใหแ้ ห้ง ทานา้ มนั กันสนิมแล้วนาเก็บเขา้ ทใี่ ห้เรยี บร้อย พลัว่ เปน็ เคร่ืองมือใช้ในการตกั ดนิ หรือตกั ทรายที่มีความละเอยี ดมาก หรอื เป็นก้อนท่ีไม่ใหญ่นกั พลั่ว มีนา้ หนกั พอ ๆ กบั เสียม แต่มีใบทก่ี ว้างและบางกว่าเสียมและจอบเล็กน้อย คมของพลั่วไม่ได้มีไวใ้ ชใ้ นการขดุ หรอื เจาะ แต่มีไวใ้ นการตักหรือโกย เศษทราย เศษดิน หรือเศษวชั พชื ทไ่ี ด้ทาการกวาดรวม ๆ กนั ไว้เปน็ กอง ๆ เรยี บรอ้ ยแลว้ เพอื่ ตกั ไปใส่ ถุงปยุ๋ หรือป้งุ กี๋ หรือถังขยะ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการจัดเกบ็ และทาความ สะอาด การดแู ลรกั ษา หลังจากการใช้ทุกคร้ังควรลา้ งทาความสะอาดดว้ ยนา้ เพ่ือกาจัดเศษดิน เศษทรายที่ติดตามปลาย พลว่ั ใหห้ มดเสยี ก่อน จากนน้ั กใ็ ช้ผ้าเชด็ ใหแ้ หง้ ทานา้ มนั กันสนมิ แลว้ เก็บเขา้ ท่ีใหเ้ รยี บร้อย ค้อน คือเคร่ืองมือสาหรับตอกหรือทุบบนวตั ถุอื่น สาหรับการใชง้ าน เชน่ การตอกตะปู การจดั ชน้ิ สว่ นให้เขา้ รปู และการทบุ ทลายวัตถุ ค้อนอาจได้รบั การออกแบบมา ใหใ้ ช้งานเฉพาะทาง และมี รปู รา่ งกับโครงสรา้ งท่ีหลากหลาย แต่มีโครงสรา้ งพน้ื ฐานทเ่ี หมอื นกนั คือ ดา้ มจบั และหัวค้อน ซง่ึ น้าหนกั จะค่อนไปทางหัวค้อนมากกว่า แรงท่ีกระทบเป้าหมายจะมากเทา่ ใด ขึ้นอยู่ กบั มวลของค้อนและความเร่งของการตอก ดังนนั้ เม่ือค้อนย่ิงหนกั มากและหวดด้วยความเร่งมาก แรงทีไ่ ดจ้ าก คอ้ นยง่ิ มากตามไปด้วย

การดูแลรกั ษา 1. เลือกชนิดของค้อนให้เหมาะกบั งาน 2. เมื่อใช้งานเสร็จควรเช็ดทาความสะอาด แลว้ ทานา้ มันที่หัวคอ้ นเพ่ือป้องกนั สนมิ 3.2 การสรา้ งครวั ชาวคา่ ย การสร้างครัว เป็นการกาหนดพนื้ ท่สี าหรบั ใชใ้ นการประกอบอาหาร ตลอดระยะเวลาในการอย่คู ่ายพัก แรม มีองคป์ ระกอบในการสรา้ งครัว ดงั นี้ ทท่ี าครวั ควรมีเขตทาครวั โดยเฉพาะ โดยเลอื กพน้ื ทีท่ ี่จะเป็นเหตุใหเ้ สียหายแก่พื้นท่นี ้อยท่สี ดุ ถ้ามี หญ้าข้นึ อยตู่ ้องแซะหญ้าออก (ใหต้ ดิ ดนิ ประมาณ 10 ซม.) แลว้ จงึ ค่อยตง้ั เตาไฟ ส่วนหญา้ ที่แซะออกนั้นจะต้อง หมัน่ รดน้าไว้ เม่ือการอยคู่ า่ ยพักแรมไดส้ ้ินสดุ ลงแล้ว กใ็ หป้ ลกู หญ้าไวท้ ี่เดิม แลว้ รดนา้ เพ่ือให้คืนสสู่ ภาพเดิม ใน การจัดทาเครอ่ื งใชน้ ้นั อะไรควรจัดทากอ่ น อะไรควรจดั ทาภายหลัง ถือหลักวา่ อนั ไหนสาคัญทสี่ ดุ ก็ใหจ้ ดั ทา กอ่ น แล้วจึงค่อย ๆ จดั ทาสิ่งทมี่ คี วามสาคญั รองลงมาตามลาดบั ต่อไปนี้ คอื คาแนะในการสรา้ งเครื่องใช้ต่าง ๆ เตาไฟ มหี ลายแบบ เช่น แบบขดุ เป็นราง แบบใช้อิฐ หรือก้อนหินวางเปน็ สามเส้า แบบเตายนื เป็น แบบสะดวกในการทาครัว กอ่ นตงั้ เตาไฟควรทาความสะอาดบรเิ วณน้นั อย่าให้มีเชอ้ื ไฟหรือสงิ่ ทต่ี ดิ ไฟง่ายอยู่ ใกล้ ๆ กองฟืน ลักษณะของฟืนทนี่ ามาใชค้ วรเป็นไม้แหง้ เพ่ือง่ายตอ่ การก่อไฟ ควรกองใหเ้ ปน็ ระเบยี บ อยู่ไม่ ห่างจากเตาไฟ ถ้าฝนตกจะต้องมีหลังคาคลมุ ดนิ สาหรบั เตายนื อาจเอาฟืนไว้ใตเ้ ตาก็ได้ เครือ่ งใช้ต่าง ๆ หม้อ กระทะ แก้วน้า มดี เขียง ฯลฯ ที่เก็บมีด ทเ่ี กบ็ กระบอกน้า ท่ีเก็บจาน ท่ีเกบ็ ถงั นา้ ทเ่ี กบ็ อาหาร จะต้องจดั ทาข้นึ ที่หงุ ต้มและรบั ประทานอาหาร ควรมีหลงั คามงุ กนั แดดกนั ฝน อาจใช้โตะ๊ อาหารและมา้ นั่ง ควรจดั ทาขน้ึ ตามแบบงา่ ย ๆ

หลุมเปียก ขดุ หลุมขนาดใหญใ่ ห้ลึกพอสมควร ทีป่ ากหลุมใช้ก่ิงไม้ ใบไม้สานเป็นแผงปิด แลว้ เอาหญ้า โรยขา้ งบน หลมุ เปยี กสาหรบั เทน้าต่าง ๆ ท่ีไม่ใชแ้ ลว้ เช่น น้าปนไขมัน ซ่ึงสิ่งเหล่านี้เมื่อเทลงไป ไขมนั และสงิ่ ต่าง ๆ จะติดอยทู่ ่หี ญา้ มีแตน่ ้าแท้ ๆ ไหลลงไป ในหลุม แผงที่ปากหลุมจะต้องนาไปเผา และเปลีย่ นใหมว่ นั ละ ครง้ั เป็นอยา่ งนอ้ ย หลมุ แห้ง ขุดเปน็ อีกหลมุ หน่ึง เม่ือทิ้งเศษอาหารแล้ว จะต้องเอาดินกลบ ถา้ เป็นกระปอ๋ ง กอ่ นทิ้งตอ้ งทบุ ให้ แบนและเผาไฟ ในกรณีท่ีค่ายนั้นมถี งั สาหรบั เผาขยะหรือเศษอาหารโดยเฉพาะอยูแ่ ล้ว ก็ให้นาขยะและเศษ อาหารไปเผา ณ ท่ีกาหนดไว้ 3.3 การสร้างเตาประเภทต่าง ๆ เตาสาหรับหงุ อาหาร

เตาไฟที่ใชใ้ นการหงุ อาหารในการอยู่ค่ายพักแรมมีอยูห่ ลายแบบ ซ่ึงจะจดั การสรา้ งไดข้ ณะอยู่คา่ ย พกั แรมตามสภาพของพน้ื ที่ เตาไฟแบบตา่ ง ๆ ได้แก่ เตาราง เตาใช้อิฐและหนิ เตายนื เตาแขวน ในการก่อสร้างเตาแต่ละครง้ั ลกู เสือจะต้องทาความสะอาดรอบ ๆ บรเิ วณ ที่ก่อสร้างเตา ใหเ้ ตยี นและอย่าใหม้ ีเชื้อไฟหรือวสั ดุท่ตี ดิ ไฟได้งา่ ย ๆ อยู่ใกล้บรเิ วณน้นั เตาสามเส้า เปน็ การนากอ้ นหนิ สามก้อนมาวางบนพ้นื จดั ระยะห่างให้พอดีกับก้นหมอ้ เป็นสามมมุ ดู ให้อากาศถา่ ยเทได้สะดวก

เตาหลุม ขุดหลุมให้มีขนาดกวา้ งพอเทา่ กับหม้อ ลกึ พอประมาณ แลว้ เจาะรู เพื่อใส่ฟนื ด้านหน้า แล้ว มรี ูระบายอากาศ ด้านข้างเพื่อใหค้ วนั ออก เตาลอย ให้ขุดหลุมสม่ี มุ แล้วนาทอ่ นไมแ้ ข็งแรงสตี่ ้นทาเป็นเสาสี่มุม นาไมม้ าวางพาดผกู เป็น ส่ีเหล่ยี มและวางคานใหเ้ ต็มพื้นที่ ใชใ้ บไมป้ ูให้ราบ เอาดนิ ปูพื้นให้หนาพอสมควร อกี ช้นั แลว้ ใช้กอ้ นหินทาเป็น เตาสามเสา้ หรอื เตารางแล้วแตส่ ะดวก (หากเป็นหน้าฤดูฝน สามารถสรา้ งหลงั คาต่อเตมิ ได้)

เตารางไม้ นาไมท้ ี่มงี ่ามสองท่อนมาปักลงดนิ ตรงขา้ มกัน แล้วนาไมท้ ่อนตรงวางพาดเป็นคานไว้ แขวนภาชนะ (ไมท้ ่ีควรใช้พาดควรเป็นไม้ดบิ ซึ่งจะไมท่ าให้ไหม้ได้ง่าย) เตาแขวน หรือเตาราว ใชไ้ มท้ ี่มงี า่ มมาปักลงดินเปน็ ระยะห่างใหพ้ อดี แลว้ หาไมย้ าวเป็นคานมาพาดง่ามไว้สาหรบั แขวนภาชนะ เตากระป๋อง นากระป๋องหรือถังขนาดเล็ก ท่ีพอดีกบั หม้อหรือภาชนะ มาผ่าขา้ งออกเป็นประตูลมแล้ว เจาะรสู ่วนบนสร่ี ูเพื่อให้อากาศถา่ ยเท

3.4 การประกอบอาหารแบบชาวค่าย การปรุงอาหารในขณะอยู่คา่ ยพักแรมหรือเดินป่า เป็นการปรงุ อาหาร เเบบชาวค่าย ไมส่ ามารถเตรียม เครื่องมอื เครื่องใชใ้ นการหงุ ต้มไดค้ รบถ้วน เชน่ ใช้เตาหลมุ เตาสามเสา้ เตาราง ใช้มะพร้าวอ่อนแทนหม้อ กระบอกไม้ไผ่ ใชด้ ินพอกเผาแทนการตม้ การป้ิง เปน็ ต้น การปฏบิ ตั ิหรือประกอบอาหารบางอยา่ งที่จาเปน็ ในขณะท่ีอยู่ค่ายพกั แรม ควรเลอื กประกอบอาหาร อย่างง่าย รวดเร็ว คงคุณคา่ ทางอาหาร ด้วยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ดังน้ี การหงุ ข้าวด้วยวิธีต่าง ๆ 1. การหุงขา้ วด้วยหมอ้ หู สามารถหงุ ข้าวได้ 2 แบบ คอื แบบไม่เช็ดนา้ และเชด็ น้า 1.1 การหงุ ข้าวไมเ่ ช็ดน้า ข้าว 1 ส่วน ต่อนา้ 2 -2.5 สว่ น วิธีหุง 1) ซาวข้าวให้หมดสิ่งสกปรก รินนา้ ท้ิง 2) ตวงนา้ ใส่หม้อ ปิดฝาให้สนทิ ตั้งบนเตา ใส่ไฟแรงจัด 3) เม่อื น้าเดือดใช้พายกวน 1 ครงั้ พอน้าจวนแหง้ ปดิ ฝาหมอ้ ให้สนิท นาถ่านหรือ ฟนื ออกเหลือเกลี่ยไว้ให้ไฟน้อยท่ีสุด (การกวนคนข้าวนเี้ พ่ือให้ได้รับความร้อนทว่ั ถึงกนั ) 4) เอยี งขา้ ง ๆ หม้อให้รอบ ๆ ต้ังต่อไปจนน้าแห้งให้ข้าวสกุ และระอดุ ี ใช้เวลาประมาณ 20 -25 นาที 1.2 การหุงข้าวเชด็ น้าขา้ ว 1 สว่ น ตอ่ นา้ 3 สว่ น วธิ ีหุง 1) ซาวข้าวพอหมดสงิ่ สกปรก รนิ นา้ ท้ิง 2) ตวงน้าใส่หม้อ ปดิ ฝาใหส้ นทิ ตัง้ บนไฟใช้ไฟแรงจนกระท่ังขา้ วเดือด 3) เมอื่ นา้ เดือดใชพ้ ายกวนข้าว 1 ครง้ั หรอื มากกวา่ เพ่ือให้ได้รบั ความรอ้ นท่วั ถงึ 4) สงั เกตดพู อเมด็ ข้าวบาน รนิ นา้ ขา้ วทงิ้ เอาข้ึนดงบนเตา ใชไ้ ฟอ่อน ตะแคงหม้อ หมนุ ให้ได้ ความร้อนทัว่ จนน้าแห้ง จากนั้นให้ยกลงจากเตา วธิ กี ารแกข้ า้ วแฉะ ข้าวแฉะเกิดจากปล่อยทงิ้ ไว้จนเม็ดขา้ วบานมาก หรือใสน่ ้าน้อยจนน้าข้าวขน้ มาก ก่อนจะเช็ดนา้ ข้าวใหใ้ ส่นา้ เปล่าลงไปให้น้าไม่ขน้ คนให้ท่ัวหมอ้ แล้วเชด็ น้าให้แห้งปดิ ฝาหม้อ ให้สนิท แลว้ หมนุ หม้อไปมา และนาหม้อข้าวไปตงั้ ที่เตาไฟ โดยใช้ไฟออ่ น ๆ

วิธแี ก้ขา้ วดิบ ให้ใช้นา้ พรมขา้ วพอประมาณ คุย้ พรมใหท้ ่วั หม้อ แลว้ จงึ นาหม้อขา้ วขึ้นดงใหม่ หมนุ ใหท้ ่ัว ดงให้ นานกว่าดงขา้ วธรรมดา เมื่อยก ลงห้ามเปิดฝาดู ควรปิดให้สนิท เพือ่ ขา้ วจะไดส้ กุ ระอดุ ี วิธแี กข้ า้ วไหม้ หากไดก้ ล่นิ ขา้ วไหม้ รีบเปดิ ฝาหมอ้ เพื่อใหไ้ อน้าออก และความร้อนในหม้อจะได้ลดลงเร็ว ขณะเดยี วกนั กลิ่นไหม้จะได้ออกไปดว้ ย คุ้ยข้าวตอนบนที่ไมไ่ หม้ให้สุก แล้วเปิดฝาทง้ิ ไว้ การประกอบอาหารด้วยวิธีต่าง ๆ การต้ม ทาได้ 2 วธิ ี คือ 1. โดยการใส่ของท่ีจะทาให้สกุ ลงไปพร้อมกบั น้า แล้วนาไปต้ังไฟ เชน่ การตม้ ไข่ ถา้ ใส่ในนา้ เดือด แลว้ ไข่จะแตกเสียก่อน 2. โดยการใสข่ องทจ่ี ะทาให้สุก เมื่อน้านัน้ เดือดแล้ว เชน่ การต้มปลากันเหมน็ คาว การผัด หมายถึง การทาวตั ถุส่งิ เดียวหรอื หลายสง่ิ ซ่ึงต้องการให้สกุ สาเรจ็ เป็นอาหารสงิ่ เดยี ว วธิ กี ารผัด โดยการใช้นา้ มันหรือกะทิ ใส่ในภาชนะทีจ่ ะใช้ผดั แลว้ นาของทจ่ี ะผัดรวมลงไปคนให้สุก ท่ัวกันและปรุงรสตามชอบ การทอด ใส่น้ามันลงในภาชนะที่จะใชใ้ นการทอด โดยประมาณให้ทว่ มของ ที่จะทอด ต้งั ไฟให้นา้ มัน รอ้ นจดั จงึ ใสข่ องลงไปทอด การสงั เกตของ ที่ทอดวา่ สุกหรือยังใหส้ งั เกตตามขอบของสิง่ ที่ทอด การถนอมอาหาร การตากแห้ง เปน็ วิธีทีง่ ่ายและประหยัดมากทส่ี ุด ใช้ได้กบั อาหารประเภทเน้ือสัตว์ ผักและผลไม้ เป็น วธิ ที ีท่ าให้อาหารหมดความชื้นหรอื มีความชืน้ อยู่เพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้จลุ นิ ทรยี ส์ ามารถเกาะอาศัยและ เจรญิ เตบิ โตไดท้ าให้อาหารไม่เกดิ การบูดเน่า โดยการนานา้ หรอื ความช้นื ออกจากอาหารใหม้ ากที่สดุ เชน่ เนือ้ เคม็ ปลาเคม็ กล้วยตาก เป็นต้น

การรวน เปน็ วิธีการทค่ี ลา้ ยกับการคั่ว แตต่ ้องใส่น้ามนั นยิ มใชป้ ระกอบอาหารประเภทเนอื้ สตั ว์ และ ปรุงรสให้เคม็ มากขน้ึ เพือ่ ให้สามารถเก็บไวร้ ับประทานไดน้ าน เช่น ไกร่ วน เปด็ รวน และปลาหมึกรวน เปน็ ต้น 3.5 การกางเตน็ ทแ์ ละการเกบ็ เตน็ ทช์ นดิ ต่าง ๆ การไปอยู่คา่ ยพักแรมของลกู เสอื แตก่ ่อนนนั้ ลูกเสอื ไปหาท่ีพกั ข้างหน้าตามแต่จะดัดแปลงไดใ้ นภมู ิ ประเทศ ซึ่งเปน็ การแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ถ้าลูกเสือไม่พักในอาคารลกู เสอื จะต้องนอนกลางแจ้ง ซ่งึ จะต้องหาวิธี สรา้ งเพิงที่พกั งา่ ย ๆ ทส่ี ามารถกันแดดกันฝนกนั ลมและป้องกันสัตวเ์ ลอ้ื ยคลานได้ โดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เท่าที่ จะหาได้ ต่อมาเร่ิมมีการเตรียมอุปกรณไ์ ปด้วย เช่น เชอื กหลาย ๆ เส้น พลาสตกิ ผนื ใหญ่ เป็นต้น ทาให้งา่ ยต่อ การสรา้ งเพิงท่พี ักมากขนึ้ ปจั จบุ ันลกู เสือสว่ นมากจะเตรียมเตน็ ท์สาเรจ็ รูปไปด้วย เพราะเต็นท์มขี ายอยา่ ง แพร่หลาย และมใี ห้เลอื กหลายแบบหลายสีหลายขนาดมนี า้ หนกั เบา มขี นาดกะทัดรดั สามารถนาพาไปได้ สะดวก การกางเตน็ ทก์ ระแบะ หรือเตน็ ท์ 5 ชาย อุปกรณ์และส่วนประกอบ

ในการใช้เต็นท์สาหรับอยคู่ า่ ยพักแรม จะใช้เต็นท์ 5 ชาย ซ่งึ เหมาะสาหรบั ลูกเสอื จานวน 2 คน ซงึ่ จะใชพ้ ื้นที่ในการกางเตน็ ทไ์ ม่มากนกั และวิธกี างก็ไมย่ ุ่งยาก ส่วนประกอบของเตน็ ท์ 5 ชาย มดี งั นี้ 1. ผา้ เต็นท์ 2 ผนื 2. เสาเต็นท์ 2 ชดุ (2 เสา) ชุดละ 3 ท่อน (3 ทอ่ นตอ่ กนั เป็น 1 ชุด) 3. สมอบก 10 ตวั (หัวทา้ ย 2 ตวั ชายดา้ นลา้ งด้านละ 3 ตวั ประตูหนา้ 1 ตัวและ หลงั 1 ตวั ) 4. เชือกยึดสมอบก 10 เส้น (เชอื กยาวใช้ร้งั หวั ท้ายเต็นท์ 2 เส้น เชอื กสน้ั ใช้ยึดชายเตน็ ท์ 6 เส้น และประตูหนา้ -หลงั 2 เสน้ ) การกางเตน็ ท์ การกางเตน็ ท์ 5 ชายนน้ั มวี ิธีการดังต่อไปน้ี 1. ตดิ กระดมุ ทง้ั 2 ผนื เขา้ ด้วยกัน 2. ตั้งเสาเต็นท์ท้ัง 2 เสา 3. ผกู เชือกร้ังหวั ท้ายกับสมอบก 4. ตอกสมอบกยดึ ชายเต็นท์ การรอื้ เตน็ ทท์ ีพ่ กั แรม 1. แกเ้ ชอื กท่ีรั้งหวั ทา้ ยกบั สมอบกออก 2. ลม้ เสาเตน็ ท์ท้งั 2 เสาลง 3. ถอนสมอบกทีย่ ดึ ชายเตน็ ท์และที่ใชร้ ัง้ หวั ท้ายเตน็ ท์ 4. แกะกระดมุ เพื่อแยกให้เตน็ ท์เป็น 2 ผนื 5. ทาความสะอาด เก็บพับใหเ้ รยี บร้อย 6. นาผา้ เตน็ ท์และอปุ กรณเ์ ก็บรวมไว้เปน็ ทีเ่ ดียวกนั

เตน็ ท์สาเร็จรูป เตน็ ทส์ าเรจ็ รปู จะมีลักษณะและรูปแบบท่หี ลากหลาย ซ่ึงมีวางจาหน่าย โดยทั่วไปง่ายต่อการ ประกอบและการเก็บ แตล่ ะแบบจะมีรูปแบบการประกอบไมเ่ หมอื นกัน จงึ ใหผ้ ูใ้ ช้พิจารณาตามวธิ ีการของ เต็นท์ เต็นท์สาเร็จรูปใช้เปน็ ท่พี กั สาหรับลูกเสอื ท้ังหมู่ (1 หมู่) เป็นเต็นท์ท่ีมีขนาดใหญ่กว่าเตน็ ท์กระแบะ มี น้าหนักมากกวา่ เตน็ ท์กระแบะสามารถพกพาไปไดส้ ะดวก พ้นื ทที่ ่ีใชก้ างเต็นทจ์ ะมีบรเิ วณกวา้ งพอสมควร สว่ น วธิ ีกางเต็นท์ไม่ยงุ่ ยากมีลูกเสือช่วยกันเพยี ง 2 คนก็สามารถกางเต็นท์ได้ ส่วนประกอบของเต็นทส์ าเร็จรูป มีดงั นี้ 1. ผา้ เตน็ ท์ 1 ชุด 2. เสาเตน็ ท์ 2 ชุด (2 เสา) ชุดละ 3 ท่อน (3 ท่อนต่อกนั เปน็ 1 ชดุ หรอื 1 เสา) 3. สมอบก 12 ตวั (ยดึ มุมพนื้ 4 ตวั ยดึ ชายหลังคา 6 ตวั หัว 1 ตัว ท้าย 1 ตวั ) 4. เชือกยึดสมอบก 8 เสน้ ทกุ เสน้ มดั ติดกับแผน่ เหลก็ สาหรับปรบั ความตึงหย่อนของเชือก (เชือกสั้น 6 เส้นใช้ยึดชายหลงั คา เชอื กยาว 2 เสน้ ใช้รง้ั หัวท้ายเต็นท์) วิธกี างเตน็ ทส์ าเร็จรูป ปฏิบัติดงั นี้ 1. ยดึ พน้ื ของเต็นท์ทั้ง 4 มมุ ด้วยสมอบก 4 ตวั 2. นาเสาชดุ ที่ 1 (ตอ่ 3 ทอ่ นเข้าดว้ ยกัน) มาเสียบทร่ี ูหลังคาเตน็ ท์ ให้คนที่1 จบั ไว้ 3. ใหค้ นที่ 2 ใชเ้ ชือกยาว 1 เสน้ ยึดจากหัวเสา (หรือห่วง) ไปยังสมอบกด้านหน้า (โดยผกู ด้วยเง่อื น ตะกรดุ เบ็ด หรอื ผกู เง่ือนกระหวดั ไม้ ไม่ต้องใช้เงื่อนผูร้ งั้ เพราะเป็นแผน่ ปรบั ความตึงอยู่แลว้ ) แลว้ ใชเ้ ชือกส้ัน 2 เสน้ ยดึ ชายเตน็ ทเ์ ขา้ กับสมอบกใหเ้ ต็นท์กางออกเปน็ รูปหนา้ จ่ัว 4. ใหค้ นที่ 2 เดินออ้ มไปอกี ด้านหนึ่งต่อเสาท่ี 2 เสยี บเข้ารูหลงั คา เต็นท์อกี ด้านหน่ึงแลว้ จับเสาไว้ ให้คนท่ี 1 ปล่อยมอื จากเสาที่ 1 แล้วนาเชอื กยาวเสน้ ที่ 2 ยึดจากหัวเสาที่ 2 ไปยังสมอบกด้านหลัง

5. ให้คนที่ 2 ปลอ่ ยมือจากเสาท่ี 2 ได้ เตน็ ท์จะไม่ลม้ ท้งั สองคนช่วยกนั ใชเ้ ชือกยดึ ชายหลงั คา เตน็ ท์ (จุดที่เหลือ) ให้เข้ากับสมอบกแล้วปรบั ความตึงหย่อนของเตน็ ท์ ใหเ้ รียบรอ้ ย หมายเหตุ เต็นท์ สาเร็จรูปมีหลายแบบ มีรูปทรงไมเ่ หมือนกนั บางแบบคล้ายเต็นทก์ ระแบะ เป็นต้น ใช้สะดวก และเบามากแต่บอบบาง เต็นทอ์ ย่างง่าย วิธีนี้ปจั จุบันสะดวกมาก ทง้ั ยังราคาถูกหาซ้ืองา่ ยใชป้ ระโยชน์ไดด้ สี ามารถใช้วสั ดอุ ุปกรณ์ทีห่ าไดใ้ นท้องถิ่น โดย ใชถ้ งุ ปยุ๋ หรือเส่ือเย็บต่อกันให้ได้เปน็ ผนื ใหญ่ ๆ สามารถใชแ้ ทนผ้าเตน็ ทไ์ ด้ จะให้มีขนาดใหญ่เทา่ ใดก็ไดต้ ามท่ี ต้องการ แต่สว่ นใหญ่มักจะทาเปน็ ผนื ใหญ่ใช้เป็น ที่พักของลูกเสอื ได้ทง้ั หมู่ วธิ ที า หาไม้สองท่อนมาทาเสา ปกั ลงในดินใหแ้ น่น แลว้ เอาไม้อีกอนั หนึ่งพาดทาเป็นขอื่ เสร็จแลว้ ใชถ้ งุ ท่ีเย็บหรือผา้ ใบ พาดกับขือ่ น้ัน ที่ปลายทั้งสองขา้ ง ร้ังเชอื กกบั สมอบก การนาวสั ดตุ า่ ง ๆ ทห่ี าได้ในท้องถิน่ จะ งา่ ย สะดวกและประหยดั เพื่อเป็นการสง่ เสริมและปฏิบัตติ ามแนวพระราชดาริเศรษฐกจิ พอเพียงของ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ล อดุลยเดช (รัชกาลท่ี 9)

ข้อควรระวงั ในการกางเต็นท์ เมือ่ ต้องการกางเตน็ ทห์ ลายหลังเปน็ แนวเดียวกัน ขั้นแรกเลง็ ให้สมอบกและ เสาตน้ แรกของทุก เตน็ ทอ์ ยู่ในแนวเดยี วกนั การกางเตน็ ท์แต่ละหลัง ให้เล็งสมอบกตวั แรก เสาแรก เสาหลงั และสมอบกตัวหลงั ท้งั 4 จดุ อยใู่ นแนวเดยี วกันเสาทุกตน้ ทยี่ ดึ เต็นท์จะต้อง ต้งั ฉากกับพืน้ เสมอหลงั คาเตน็ ทจ์ ะต้อง ไม่มรี อยยน่ สมอ บกด้านขา้ งของเต็นท์แต่ละหลงั จะตอ้ งเรยี งกนั อย่างเป็นระเบยี บ ถ้าเตน็ ทต์ งึ ไปอาจจะขาดได้ หรือ ถ้าหย่อน เกินไปกจ็ ะกันฝนไม่ได้ ซ่ึงจะเป็นสาเหตทุ าใหน้ ้าซึมได้ง่ายและถ้าหากลมพดั แรง อาจทาให้เตน็ ท์ขาดได้ การผูก เตน็ ท์ควรใช้เงอื่ นผูกรงั้ เพราะสามารถปรบั ให้ตงึ หย่อนไดต้ ามต้องการ การดแู ลรักษาเตน็ ท์ การดแู ลรกั ษาเต็นท์ให้มอี ายุการใช้งานท่ยี าวนาน หลายคนอาจจะคดิ วา่ เป็น เรือ่ งยาก ลองอา่ น วิธีการเหลา่ น้ดี ูแล้วคณุ จะรูว้ ่า เตน็ ท์ดูแลงา่ ยนิดเดียว 1. ฝกึ กางเตน็ ทใ์ ห้ถูกวิธี การท่คี ุณเรียนร้วู ิธกี ารกางเต็นท์อยา่ งถูกวิธี จะทาให้เตน็ ท์ของคุณไม่เกดิ ความเสยี หาย เพราะบางคร้ังการกางเต็นท์ไมถ่ ูกวิธี อาจทาให้อุปกรณ์บางชน้ิ เกิดความเสียหายได้ เช่น อาจจะ ใส่เสาเต็นท์ผิดอนั ทาใหเ้ กิดความเสียหายเวลางอเสาเข้ากับเตน็ ท์ เป็นต้น 2. ถ้าไม่จาเป็น อย่าเก็บเตน็ ท์ในขณะที่เปียก เพราะอาจจะทาให้เกิดกล่นิ อับได้ เราควรจะนาเตน็ ท์ มาผงึ่ ลมใหแ้ หง้ ก่อนและนาเศษส่งิ สกปรกออกจากเตน็ ท์ แล้วจงึ ปิดซปิ ให้เรยี บรอ้ ย 3. ไม่ควรใชส้ ารเคมีในการทาความสะอาดเตน็ ท์ เพราะสารเคมเี หลา่ นจี้ ะทาลายสารท่เี คลือบเต็นท์ไว้ ควรใชแ้ คผ่ ้าชุบน้าเช็ดก็พอ ห้ามใชแ้ ปรงขัดเพราะแปรงจะทาให้สารเคลอื บหลุดออกเชน่ กัน 4. ใช้ผา้ พลาสตกิ ปูรองพน้ื ผ้ารองพ้ืนจะใช้ปรู องพื้นกอ่ นกางเต็นท์ ประโยชน์ คอื ช่วยปกปอ้ งตวั เต็นท์ จากหินและก่งิ ไม้อันแหลมคม ซง่ึ สิง่ เหลา่ นี้อาจจะทาให้พน้ื เตน็ ท์ เกิดความเสียหายได้ และนอกจากนยี้ งั ช่วยลดเวลาในการทาความสะอาด เพราะเราเพยี งแต่ ทาความสะอาดท่ผี า้ ปูเท่านนั้ 5. ใชส้ มอบกปักเต็นท์ บางคนอาจคิดวา่ สมอบกไม่จาเปน็ เพราะเตน็ ท์สามารถทรงตวั ไดอ้ ยู่แล้ว แต่ บางครั้งเมื่อลมแรง เต็นท์อาจจะมกี ารพลิกซึ่งอาจจะทาใหเ้ ต็นท์เสยี หาย ถา้ ชว่ งทีค่ ณุ กางเต็นทม์ ีลมแรงควรจะ นาสมั ภาระเขา้ ไปไวใ้ นเต็นท์ แล้วปักสมอบกยึดไว้ ซึ่งจะช่วยป้องกันเต็นท์พลิกจากแรงลมได้ 6. ใช้อุปกรณ์ซ่อมแซมเต็นทถ์ ้าจาเปน็ หากเต็นท์คณุ เกิดการเสยี หาย เชน่ ผนังเตน็ ท์มีรอยฉีกขาด ควรใชพ้ วกผ้าเทปปดิ รอยขาดน้นั ไว้ มฉิ ะนนั้ รอยขาดน้ันจะใหญข่ น้ึ เรอื่ ยๆ (ลองคดิ ถงึ เส้ือผ้าทข่ี าดดู ถ้าเราย่ิงดึง กจ็ ะย่ิงขาดมากขน้ึ ) อุปกรณ์ซ่อมแซมเต็นทส์ ามารถหาซื้อได้ตามรา้ นอปุ กรณ์ทว่ั ไป

เก็งขอ้ สอบ สาหรับนกั ศึกษา กศน

ข้อสอบลกู เสือ กศน. ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1. อุดมการณข์ องการลูกเสอื ทว่ั โลก หมายถึงข้อใด ข. รัชสมยั ของรัชกาลท่ี 9 ก. การพัฒนาศักยภาพชมุ ชน ค. รชั สมยั ของทุกรชั กาล 6 ข. การพัฒนาศักยภาพสังคม ง. รัชสมัยของทกุ รชั กาล ค. การพฒั นาศักยภาพครอบครวั ง. การพฒั นาศักยภาพบุคคลใหเ้ ป็น 6. บรรดาลกู เสอื ทัง้ ปวง หมายถึงข้อใด ก. ลกู เสอื ชาวบา้ น/ลกู เสือไซเบอร์ พลเมืองดี ข. ลูกเสอื ในโรงเรียน/ลูกเสอื สารอง/ 2. แนวทางการพฒั นาลูกเสอื หมายถึงข้อใด ลูกเสอื จราจร ก. ฝกึ ให้มคี วามซ่ือสัตย์สุจริต ค. ลกู เสือหลกั สตู รพิเศษ/ลูกเสอื ปา่ ไม/้ ข. ฝกึ ให้รจู้ กั การบาเพญ็ ประโยชน์ ค. ฝึกให้มคี วามรอบคอบ ช่างสงั เกต ลูกเสือสามญั ง. ถูกทกุ ขอ้ ง. ลูกเสือในโรงเรยี น/ลกู เสอื หลักสูตร พเิ ศษ/ลูกเสือชาวบ้าน/ลูกเสือนอกโรงเรยี น 3. การพัฒนาสมั พนั ธภาพระหว่างบคุ คล หมายถึง 7. ประมขุ ของคณะลกู เสอื แห่งชาติ หมายถงึ ข้อใด ข้อใด ก. พระมหากษัตรยิ ์ ข. นายกรฐั มนตรี ก. การพฒั นาความผกู พันระหว่างชุมชน ค. ผูว้ ่าราชการจังหวดั ข. การเริ่มต้นทาความรูจ้ กั กบั บคุ คลใน ง. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ ชุมชน ค. การเสริมสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง 8. กองลูกเสือกองแรกของโลกตงั้ ขึ้นทปี่ ระเทศใด ชมุ ชนและสังคม ก. ประเทศองั กฤษ ง. การทาความรจู้ ัก ความผูกพันกับคน ข. ประเทศรัสเซยี ตงั้ แต่ 2 คนขน้ึ ไป ค. ประเทศฝรง่ั เศส ง. ประเทศฮอลันดา 4. วนั สถาปนาลูกเสือไทย หมายถงึ ข้อใด ก. 3 เมษายน 2454 9. คา่ ยพักแรมแหง่ แรกของโลก หมายถึงข้อใด ข. 3 พฤษภาคม 2454 ก. เกาะองั กฤษ ค. 3 มถิ นุ ายน 2454 ข. เกาะบราวน์ซี ง. 3 กรกฎาคม 2454 ค. เกาะกรนี แลนด์ ง. เกาะไอซ์แลนด์ 5. กจิ การลกู เสอื ในยคุ ปจั จบุ ัน หมายถงึ ข้อใด ก. รัชสมยั ของรัชกาลที่ 10

10. ความสาคญั ขององค์การลูกเสือโลก หมายถึง 14. สมชายเป็นลกู เสอื ท่ีแตง่ กายสภุ าพ มจี ิตใจ ขอ้ ใด งดงาม และพูดจาไพเราะอย่เู สมอ พฤติกรรมของ สมชายตรง กบั กฎของลูกเสือขอ้ ใด ก. มีหน้าท่จี ัดประชุมสมาชกิ สภาลกู เสอื โลก ข. มหี น้าทต่ี ดิ ตามดูแลกิจการลูกเสือของทกุ ก. ลูกเสือมเี กียรติ ประเทศ ข. ลูกเสอื มจี ิตใจร่าเรงิ ค. มีหน้าท่ีจดั งานชมุ นุมลกู เสือภาคพืน้ เอเชยี ค. ลูกเสอื เปน็ ผสู้ ภุ าพเรียบรอ้ ย – แปซิฟิก ง. ลกู เสือประพฤตชิ อบด้วยกาย วาจา ใจ ง. มหี นา้ ทีร่ ักษา ดารง และส่งเสรมิ กจิ การ ลูกเสือทั่วโลก 15. คณุ ธรรมที่ก่อใหเ้ กดิ ความเป็นระเบียบ เรยี บรอ้ ยของสงั คม หมายถึงขอ้ ใด 11. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คาปฏญิ าณของลูกเสอื ก. ขา้ จะชว่ ยเหลือผู้อ่ืนทุกเม่ือ ก. ความมวี ินัย ข. ข้าจะปฏบิ ตั ติ ามกฎของลกู เสือ ข. ความซือ่ สัตย์ ค. ข้าจะประพฤติชอบดว้ ยกาย วาจา ใจ ค. ความเอ้ืออาทร ง. ขา้ จะจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา และ ง. ความรบั ผิดชอบ พระมหากษัตริย์ 16. ผู้ปฏบิ ตั ิตนตรงต่อเวลา มีความเก่ยี วข้องกับ ข้อใด 12. ข้อใดคอื กฎของลูกเสอื ก. ลูกเสือบริการ ก. เป็นผมู้ ีวินยั ข. ลกู เสือมจี ิตอาสา ข. เป็นผู้มีความรบั ผิดชอบ ค. ลูกเสอื มีเกียรติเชื่อถือได้ ค. เป็นผูม้ ีความเสียสละ ง. ลกู เสือชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื ทุกเมื่อ ง. เปน็ ผมู้ ีความอดทน 13. “พอประมาณ” ในปรชั ญาของเศรษฐกิจ 17. ผ้ทู ี่เข้าแถวต่อคิวผอู้ ่ืน หมายถงึ ข้อใด พอเพยี งตรงกบั กฎของลูกเสือ หมายถึงข้อใด ก. ผู้มวี นิ ยั ข. ผมู้ คี วามอดทน ก. ลูกเสือเปน็ ผมู้ ัธยสั ถ์ ค. ผมู้ ีความประพฤติดี ข. ลกู เสือเปน็ ผ้มู ีใจร่าเรงิ ง. ผ้มู คี วามเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย ค. ลกู เสือเป็นผมู้ คี วามเรียบร้อย ง. ลกู เสอื เปน็ ผมู้ เี กียรตเิ ชื่อถือได้

18. สง่ิ ใดทีจ่ าเป็นท่สี ดุ เม่ือเราหลงป่าอยู่กลางป่า ๔๔ คือข้อใด 23. เมื่อกาหนดเปา้ หมายปลายทางจากมุมท่เี ราตงั้ ก. แผนที่ ไว้กบั เข็มทศิ แลว้ เราจะเดินโดยอาศัยเคร่ืองหมาย ข. เขม็ ทศิ อะไร บนเข็มทศิ ค. อาหาร ง. นา้ ดม่ื ก. ลูกศรช้ีทาง ข. เข็มทศิ เหนือ 19. ในแผนทสี่ ัญลักษณ์ หมายถึงอะไร ค. เขม็ กา้ งปลาทีช่ ไ้ี ป ก. เสน้ ชยั ง. ทศิ ทเ่ี ขม็ ก้างปลาซอ้ นกบั เข็มทิศ ข. คา่ ยทหาร ค. ค่ายลกู เสอื 24. สาหรับลกู เสือ “เชือก” มปี ระโยชน์อย่างไร ง. สถานศึกษา ก. เอาไวล้ ่าสตั ว์ ข. เอาไวใ้ ชป้ ฐมพยาบาล 20. ข้อใดไมใ่ ช่ปั๊มที่ใกลท้ ่ีสดุ ในการหาข้อมลู จาก ค. เอาไว้สรา้ งฐานผจญภัย GPS ง. เอาไวท้ ากิจกรรมเง่ือนเชือก ก. ป๊ัมแก๊ส NGV, LPG 25. หากเราจะผูกปากถงุ ขยะ ควรใช้เงอื่ นใด ข. ปม๊ั น้ามัน E20, E80 ก. เงอ่ื นพิรอด ค.ปมั๊ น้ามันปโิ ตรเลยี ม ข. เงือ่ นขัดสมาธิ ง. ปั๊มเตมิ พลงั งานไฟฟ้า ค. เงื่อนตะกรุดเบ็ด ง. เงื่อนบว่ งสายธนู 21. มุมมอง 2D บนโปรแกรม Google Earth ได้ ภาพท่ีเหมือนมมุ มองใด บน Google Map 26. เงอ่ื นเชือกที่เปน็ สัญลักษณใ์ นเครื่องหมาย ลกู เสือโลก คอื ข้อใด ก. Google Map hybrid ข. Google Map satellite ก. เงอ่ื นพริ อด ค. Google Map terrain ข. เงื่อนขัดสมาธิ ง. Google Map ค. เง่อื นตะกรุดเบด็ ง. เง่อื นบว่ งสายธนู 22. ทักษะท่สี าคัญของผ้ใู ช้เข็มทศิ คือข้อใด ก. การใช้เข็มทิศ กาหนดเปา้ หมาย 27. การปฐมพยาบาล หมายถึงขอ้ ใด ข. การคน้ หาทศิ เหนือโดยไมใ่ ชเ้ ข็มทิศ ก. การชว่ ยให้คนเจ็บมกี าลงั ใจดขี ึ้น ค. การจับเขม็ ทิศและการเคล่อื นท่ีพรอ้ มเขม็ ทศิ ข. การชว่ ยใหผ้ ู้บาดเจบ็ มสี ขุ ภาพแข็งแรง ง. การอา่ นมมุ จากเข็มทิศและการปรบั มมุ ที่ ค. การเตรียมอปุ กรณ์ช่วยเหลอื ผบู้ าดเจ็บ ง. การช่วยบรรเทาเบือ้ งต้น

28. ผปู้ ว่ ยเป็นลมแดด ควรได้รบั การปฐมพยาบาล 33. การลูกเสอื ในสถานศึกษามีการจัดหนว่ ย ท่ถี ูกต้องที่สุด คอื ข้อใด ลูกเสือ ดังน้ี ยกเว้นข้อใด ก. จัดใหน้ อนหงาย ก. กลมุ่ ลูกเสือ ข. ใหด้ มแอมโมเนยี ข. กองลกู เสือ ค. ขยายเคร่ืองแต่งกาย ค. หมลู่ กู เสือ ง. เช็ดตัวด้วยผ้าชุบนา้ เย็น ง. หมวดลูกเสอื 29. ขอ้ ควรคานึงในการสรา้ งมาตรการป้องกนั 34. บุคคลใด ถือเป็นผู้ให้กาเหนดิ ลูกเสือโลก ความปลอดภัยให้ผูอ้ ยู่คา่ ยพักแรม คอื ขอ้ ใด ก. โรเบริ ์ต สตีเฟนสนั สมิท เบเดน โพเอลล์ ก. อบุ ัตเิ หตุจากการเดนิ ทางบนพ้นื ที่ลาดเอียง ข. อดัม สมทิ ข. ความปลอดภยั เมอื่ อยใู่ กลต้ น้ ไม้ใหญ่ ค. เฮโรโดตสั ค. ระยะเวลาและฤดูกาลท่จี ะเขา้ ค่ายพักแรม ง. กาลเิ ลโอ กาลิเลอี ง. ควรคานงึ ถึงข้อมลู ทุกข้อ 35. ข้อใดไม่ใช่องค์กรลกู เสือโลก 30. ในการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสอื กศน. จะทา ก. สมชั ชาลูกเสือโลก ใหล้ กู เสือสว่ นใหญ่รสู้ กึ ปลอดภยั ในการอยู่รว่ มกนั ข. ศนู ย์อานวยการลกู เสอื โลก คือข้อใด ค. คณะกรรมการลูกเสอื โลก ง. สานักงานลูกเสอื โลก ก. มาตรการทเ่ี ป็นมาตรฐาน ข. ให้มเี วรยามรักษาความปลอดภยั 36. ไมแ้ กะเปน็ ทอ่ นเล็ก ๆสาหรับผทู้ ีผ่ า่ นการ ค. ควรมีการเปดิ ประชุมกองทุกวนั อบรมผบู้ ังคับบญั ชาลกู เสือข้ันความร้ชู ั้นสูง ง. ตอ้ งมเี กมใบแ้ ละรอบกองไฟ เรียกวา่ 31. บคุ คลใดต่อไปนี้ตารงตาแหน่งนายกสภา ก. เครอ่ื งหมายอนิ ทนู ลกู เสือไทย ข. เคร่อื งหมายนายหมู่ ค. เคร่ืองหมายประจาการ ก. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ ง. เคร่อื งหมายวูดแบดจ์ ข. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ค. นายกรัฐมนตรี 37. รางวลั สงู สุดขององค์การลกู เสือโลก คือ ง. ปลดั กระทรวงกลาโหม ก. เครื่องหมายลูกเสอื ประจาการ ข. เครอื่ งหมายลูกเสือสดุดบี รอนซว์ ลู ฟ์ 32. กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ขิ องคณะลกู เสือ ค. เครอ่ื งหมายลูกเสอื นายหมู่ แห่งชาติ มีจานวนเทา่ ใด ง. เครอ่ื งหมายวดู แบดจ์ ก. ไม่เกนิ 18 คน ข. 20 คน ค. ไม่เกิน 20 คน ง. 24 คน