Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงาน เซปักตะกร้อ

รายงาน เซปักตะกร้อ

Published by chaitawat 000, 2023-02-23 08:01:13

Description: รายงาน เซปักตะกร้อ

Search

Read the Text Version

เรื่อง กฬี าตะกร้อ โดย นาย อณโุ ณทัย ลุ้งบ้าน ช้ัน ม.5/1 เลขที่10 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนเทศบาล6 (วดั ตันตยาภิรม)

คำนำ ตะกร้อ เป็ นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลกั ฐานแน่นอนว่ามี มาต้งั แต่สมยั ใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ ใกล้เคยี งกม็ กี ารเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จากดั จานวน เล่นเป็ นหมู่หรือเดีย่ วก็ ได้ ตามลานที่ กว้างพอสมควร ตะกร้อท่ใี ช้เดิมใช้หวายถกั เป็ นลกู ตะกร้อ ปัจจุบนั นิยมใช้ลกู ตะกร้อพลาสติก การเตะตะกร้อเป็ นการเล่นท่ีผู้เล่นได้ออกกาลงั กายทุกสัดส่วน ความสังเกต มีไหวพริบ ทาให้มีบุคลกิ ภาพดี มคี วามสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ ว่าเป็ น เอกลกั ษณ์ของไทยอย่างหน่ึง

สารบัญ หน้า ประวตั ิกฬี าตะกร้อ 1 ลกั ษณะการเล่น 2 ท่ำเตะ,กฎและข้อบังคบั สนำมแขง่ ขนั 3 ตำข่ำย 4 อำ้ งอิง 5 6

เซปักตะกร้อ เป็นกีฬำพ้นื เมืองของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เซปักตะกร้อแตกต่ำงจำกกีฬำท่ี คลำ้ ยกนั ของฟตุ วอลเลย์ โดยใชล้ ูกท่ีทำจำกหวำยและอนุญำตใหผ้ เู้ ล่นใชเ้ ทำ้ , เขำ่ , หนำ้ อก และ ศีรษะเพือ่ สัมผสั ลูก ประวตั ิ ในกำรคน้ ควำ้ หลกั ฐำนเกี่ยวกบั แหล่งกำเนิดกำรเล่นกีฬำตะกร้อในอดีตน้นั ยงั ไมส่ ำมำรถหำ ขอ้ สรุปไดอ้ ยำ่ งชดั เจนวำ่ ตะกร้อน้นั กำเนิดจำกท่ีใด กำรเลน่ ตะกร้อมีวิวฒั นำกำรอยำ่ งตอ่ เนื่องมำ ตำมลำดบั ท้งั ดำ้ นรูปแบบและวตั ถุดิบในกำรทำจำกสมยั แรกเป็นผำ้ , หนงั สัตว,์ หวำย, จนถึง ประเภทสำรสังเครำะห์ (พลำสติก) มีหลำยประเทศในแถบเอเชียท่ีเลน่ กีฬำประเภทน้ีคลำ้ ยกนั • มีหลกั ฐำนกำรเล่นตะกร้อในรัฐสุลต่ำนมะละกำช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 15 โดยมีกำร บนั ทึกในพงศำวดำรมลำยู (มลำย:ู Sejarah Melayu) • พมำ่ มีกำรเลน่ เป็นกีฬำท่ีมีมำยำวนำน ซ่ึงเรียกวำ่ \"ช่ีนโลน่ \" • ฟิ ลิปปิ นส์ นิยมเลน่ กีฬำชนิดน้ีกนั มำนำนแลว้ โดยมีชื่อเรียกวำ่ ซิปะก์ • ประเทศจีนมีเกมกีฬำท่ีคลำ้ ยตะกร้อ แต่เป็นกำรเตะลกู หนงั ปักขนไก่ ซ่ึงปรำกฏใน ภำพเขียนและพงศำวดำรจีน • ประเทศเกำหลีมีเกมกีฬำลกั ษณะคลำ้ ยคลึงกบั ของจีนแตใ่ ชด้ ินเหนียวห่อดว้ ยผำ้ สำลี เอำหำงไก่ฟ้ำปัก แทนกำรใชล้ ูกหนงั ปักขนไก่

ลกั ษณะกำรเลน่ กำรเลน่ ตะกร้อสำมำรถเล่นไดห้ ลำยแบบ ดงั น้ี • การเล่นเป็ นทีม ผเู้ ล่นจะลอ้ มเป็นวง ผเู้ ริ่มตน้ จะใชเ้ ทำ้ เตะลกู ตะกร้อไปใหอ้ ีกผรู้ ับ หน่ึง ผรู้ ับจะตอ้ งมีควำมว่องไวในกำรใชเ้ ทำ้ รับและเตะส่งไปยงั อีกผหู้ น่ึง จึงเรียกวิธี เลน่ น้ีวำ่ \"เตะตะกร้อ\" ควำมสนุกอยทู่ ี่กำรหลอกลอ่ ท่ีจะเตะไปยงั ผใู้ ด ถำ้ ผเู้ ตะท้งั วงมี ควำมสำมำรถเสมอกนั จะโยนและรับไมใ่ หต้ ะกร้อถึงพ้นื ไดเ้ ป็นเวลำนำนมำก กลำ่ ว กนั วำ่ ท้งั วนั หรือท้งั คืนก็ยงั มี แต่ผเู้ ล่นยงั ไม่ชำนำญกโ็ ยนรับไดไ้ มก่ ่ีคร้ัง ลกู ตะกร้อก็ ตกถึงพ้ืน • การติดตะกร้อ (เล่นเดยี่ ว) เป็นศิลปะกำรเลน่ ตะกร้อ คือ เตะตะกร้อใหไ้ ปติดอยทู่ ี่ส่วน ใดส่วนหน่ึงของร่ำงกำย และตอ้ งถ่วงน้ำหนกั ใหอ้ ยนู่ ำน แลว้ ใชอ้ วยั วะส่วนน้นั ส่งไป ยงั ส่วนอ่ืนโดยไม่ใหต้ กถึงพ้นื เช่น กำรติดตะกร้อท่ีหลงั มือ ขอ้ ศอก หนำ้ ผำก จมกู เป็นตน้ ผเู้ ลน่ ตอ้ งฝึกฝนอยำ่ งมำก • ตะกร้อตดิ บ่วง กำรเตะตะกร้อติดบว่ ง ใชบ้ ว่ งกลมๆแขวนไวใ้ หส้ ูงสุด แตผ่ เู้ ล่นจะ สำมำรถเตะใหล้ อดบ่วงไปยงั ผอู้ ่ืนได้ กลำ่ วกนั วำ่ บ่วงท่ีเล่นเคยสูงสุดถึง 7 เมตร และ ยง่ิ เขำ้ บ่วงจำนวนมำกเท่ำไรยงิ่ แสดงถึงควำมสำมำรถ ถือเป็นกำรฝึกฝนไดด้ ี

ท่ำเตะ ทำ่ เตะตะกร้อมีหลำยทำ่ ที่แสดงใหเ้ ห็นถึงควำมงดงำมและควำมวอ่ งไว ตำมปกติจะใชห้ ลงั เทำ้ แต่ผู้ เลน่ ตะกร้อจะมีวิธีเตะที่พลิกแพลง ใชห้ นำ้ เทำ้ เข่ำ ไขวข้ ำ (เรียกวำ่ ลกู ไขว)้ ไขวข้ ำหนำ้ ไขวข้ ำหลงั ศอก ขอ้ สำคญั คือ ควำมเหนียวแน่นท่ีตอ้ งรับลูกใหไ้ ดเ้ ป็นอยำ่ งดีเมื่อลูกมำถึงตวั ผเู้ ล่นมกั ฝึกกำรเตะ ตะกร้อดว้ ยทำ่ ตำ่ ง ๆ ลีลำในกำรเตะตะกร้อมี 4 แบบ คือ กำรเตะเหนียวแน่น (กำรรับใหไ้ ดอ้ ยำ่ งดี) กำรเตะแมน่ คู่ (กำรโตต้ รงคู)่ กำรเตะดูงำมตำ (ทำ่ เตะสวย มีสงำ่ ) กำรเตะท่ำมำก (เตะไดห้ ลำยทำ่ ) กฎและข้อบังคบั กำรแข่งขนั ตะกร้อในระดบั นำนำชำติ เรียกเกมกีฬำชนิดน้ีวำ่ เซปักตะกร้อ โดยเป็นกำรแขง่ ขนั ของผู้ เลน่ 2 ทีม ทำกำรโตต้ ะกร้อขำ้ มตำขำ่ ยเพอ่ื ใหล้ งในแดนของคูต่ ่อสู้ สำมำรถแบ่งแยกยอ่ ยเป็น 2 ประเภทคือ \"เรกู\" หรือทีม 3 คน และ \"ดบั เบิล้ เรกู\" หรือก็คือ ตะกร้อคู่ (คำวำ่ เรกู เป็นภำษำมลำยู แปลวำ่ ทีม)

สนำมแข่งขนั สนำมแข่งขนั ขนำดมำตรฐำน สนำมแข่งขนั เซปักตะกร้อ มีรูปร่ำงส่ีเหลี่ยมผืนผำ้ ขนำดประมำณ 2 เทำ่ ของสนำม แบดมินตนั มีควำมยำว 13.40 เมตร กวำ้ ง 6.1 เมตร เพดำนหรือส่ิงกีดขวำงอื่นใด ตอ้ งอยสู่ ูง กวำ่ สนำมไม่นอ้ ยกวำ่ 8 เมตร จำกพ้นื สนำม (ไม่เป็นพ้ืนหญำ้ หรือพ้นื ทรำย) และตอ้ งไมม่ ีส่ิงกีด ขวำงอ่ืนใดในระยะ 3 เมตรจำกขอบสนำมโดยรอบ ควำมกวำ้ งของเสน้ ขอบท้งั หมดวดั จำกดำ้ นนอกเขำ้ มำไม่เกิน 4 เซนติเมตร ส่วนเส้นแบ่ง แดนควำมกวำ้ งไม่เกิน 2 เซนติเมตร โดยลำกเสน้ แบง่ แดนท้งั 2 ขำ้ งออกตำมแนวขวำง แนวเส้น ทบั พ้ืนที่ของแตล่ ะแดนเท่ำๆกนั เสน้ ขอบท้งั หมดนบั รวมเป็นส่วนหน่ึงของแดนสำหรับผเู้ ล่นแต่ละ ฝ่ ำย ปลำยของเสน้ แบง่ แดน ใชเ้ ป็นจุดศูนยก์ ลำงลำกเส้นโคง้ คร่ึงวงกลมควำมกวำ้ งเส้น 4 เซนติเมตร โดยขอบในของเส้นโคง้ คร่ึงวงกลมมีรัศมี 90 เซนติเมตร กำหนดไวเ้ ป็นตำแหน่งยนื ของผเู้ ล่นหนำ้ ซำ้ ย และหนำ้ ขวำ ในขณะที่ส่งลูก แดนท้งั สองจะมีวงกลมซ่ึงกำหนดเป็นจุดยนื สำหรับผสู้ ่งลูก โดยวำดเป็นวงกลมขอบในมีรัศมี 30 เซนติเมตร ควำมกวำ้ งของเส้นคือ 4 เซนติเมตร จุดศูนยก์ ลำงอยทู่ ่ีระยะ 2.45 เมตรจำกเสน้ หลงั ของแตล่ ะแดน และอยกู่ ่ึงกลำงตำมแนวกวำ้ งของสนำม

ตำข่ำย ตำข่ำยจะถูกขึงก้นั แบง่ แดนท้งั สองออกจำกกนั ทำจำกวสั ดุจำพวกเชือกหรือไนลอน ควำมสูง ของตำขำ่ ยบริเวณก่ึงกลำง คือ 1.52 เมตรสำหรับนกั กีฬำชำย (1.42 เมตรสำหรับนกั กีฬำหญิง) ส่วนควำมสูงบริเวณเสำยึดตำข่ำย คือ 1.55 เมตรสำหรับนกั กีฬำชำย (1.45 เมตรสำหรับ นกั กีฬำหญิง) ตำข่ำยมีขนำดรู 6–8 เซนติเมตร ผืนตำข่ำยมีควำมกวำ้ ง 70 เซนติเมตร และยำวไม่ นอ้ ยกวำ่ 6.1 เมตร

อ้างองิ :https://th.wikipedia.org/wiki/%E0 %B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%9B%E0 %B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0% B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B 9%89%E0%B8%AD


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook