หนว ยการเรียนรูท่ี 1 จาํ นวนนบัผลการเรยี นรทู ่คี าดหวงั 1. บอกความหมายของตัวประกอบได 2. สามารถหาตวั ประกอบของจํานวนนับใดๆ ได 3. บอกความหมายของจาํ นวนเฉพาะได 4. บอกไดว า จํานวนนับใดเปนจาํ นวนเฉพาะ จํานวนนบั 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10 , . . . เรยี กวา “จํานวนนบั ” ดงั นนั้ จาํ นวนนบั ท่ีนอ ยท่ีสดุ คือ.......................................................... จาํ นวนนบั ทม่ี ากทีส่ ดุ คอื .......................................................... จากจาํ นวนนบั 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10 , . . . 1, 3, 5, 7, 9, . . . เรียกวา จาํ นวนคี่ 2, 4, 6, 8, . . . เรยี กวา จาํ นวน....................... เพราะฉะนน้ั จํานวนนบั จงึ ประกอบไปดว ยจํานวนคูและจํานวนค่ีจํานวนนับคูจาํ นวนนบั คตู วั ที่ 1 คอื 2 = 2(1)จาํ นวนนับคตู วั ท่ี 2 คอื 4 = 2(2)จํานวนนับคตู วั ท่ี 3 คอื 6 = 2(3)จํานวนนบั คตู วั ท่ี 4 คือ 8 = 2(4) Mจํานวนนบั คูต วั ท่ี 10 คอื ...................................................................................................................... Mจาํ นวนนบั คตู วั ท่ี n คอื ...................................................................................................................... ♦ จาํ นวนนบั คู : เปน จาํ นวนนบั ที่ 2 หารลงตวั หรอื เปน จํานวนนบั ทมี่ ี 2 เปน ตวั ประกอบ
คณติ ศาสตรร ะดับมธั ยมศึกษาปท่ี 1 -2-จาํ นวนนับค่ี = 2(1)-1จํานวนนับค่ีตวั ที่ 1 คือ 1 = 2(2)-1จาํ นวนนับคต่ี วั ท่ี 2 คอื 3 = 2(3)-1จํานวนนบั คตี่ วั ท่ี 3 คอื 5 = 2(4)-1จาํ นวนนับค่ีตวั ท่ี 4 คือ 7 Mจํานวนนบั คี่ตวั ท่ี 10 คือ...................................................................................................................... Mจํานวนนับค่ตี วั ที่ n คือ ......................................................................................................................♦ จาํ นวนนบั คี่ : เปนจาํ นวนนับที่ 2 หารไมลงตัว เหลอื เศษ 1หรอื เปน จาํ นวนนบั ทไ่ี มมี 2 เปน ตวั ประกอบนกั เรยี นจงตอบคําถามตอไปน้ี ª จาํ นวนนับคตู วั ท่ี 12 คอื .......................................................................................................... ª จํานวนนบั คตู วั ท่ี 20 คอื .......................................................................................................... ª จาํ นวนนับคีต่ วั ที่ 15 คอื .......................................................................................................... ª จํานวนนับคีต่ วั ที่ 30 คอื .......................................................................................................... ª 2 เปน จาํ นวนนบั คูจ ํานวนหน่งึ จาํ นวนนับคถู ัดไป คอื 4 จาํ นวนคูทงั้ สองตา งกันอย.ู ............ ª 50 เปน จาํ นวนนบั คูจํานวนหน่งึ จาํ นวนนับคถู ัดไป คอื .......จาํ นวนคทู ง้ั สองตา งกนั อย.ู ............ ª 146 เปนจํานวนนับคูจาํ นวนหนึ่ง จาํ นวนนบั คูถ ดั ไป คือ.......จาํ นวนคทู งั้ สองตางกันอย.ู ............ ª ถา a เปนจาํ นวนนบั คูจ าํ นวนหนง่ึ จาํ นวนนับคถู ดั ไป คือ.................................................. ª ถา a + 2 เปน จาํ นวนนับคจู าํ นวนหน่ึง จาํ นวนนบั คูถัดไป คือ.................................................. ª ถา a - 7 เปน จํานวนนับคูจ ํานวนหนึง่ จาํ นวนนับคถู ัดไป คอื .................................................. ª 3 เปน จํานวนนับคีจ่ าํ นวนหนง่ึ จาํ นวนนับคี่ถัดไป คือ 5 จาํ นวนค่ที ัง้ สองตา งกนั อยู............. ª 19 เปน จาํ นวนนบั ค่ีจาํ นวนหนงึ่ จํานวนนับคี่ถดั ไป คอื .......จาํ นวนคูทงั้ สองตางกนั อย.ู ........... ª ถา b เปน จํานวนนบั คีจ่ าํ นวนหนง่ึ จํานวนนบั ค่ถี ดั ไป คือ.................................................. ª ถา b + 3 เปนจํานวนนับคจี่ าํ นวนหนึ่ง จํานวนนบั ค่ถี ดั ไป คือ.................................................. ª ถา b - 9 เปน จํานวนนับค่จี ํานวนหน่งึ จาํ นวนนับคี่ถัดไป คอื ..................................................จากขางตน สามารถสรปุ ไดว า ถา x เปนจาํ นวนนับคจู ํานวนหนึง่ จาํ นวนนบั คูถดั ไป คือ x+2 ถา y เปนจาํ นวนนับค่จี าํ นวนหนง่ึ จาํ นวนนบั ค่ีถัดไป คือ y+2
คณิตศาสตรร ะดับมัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 -3-1.1 ตวั ประกอบ จํานวนนับทห่ี าร 16 ลงตัว ไดแ ก 1, 2, 4, 8, 16 เราสามารถกลา วไดว า 1, 2, 4, 8, 16 เปนตวั ประกอบของ 16 จํานวนนบั ทห่ี าร 20 ลงตวั ไดแก..................................................................................... เราสามารถกลา วไดว า..................................................................................................... จาํ นวนนับทหี่ าร 81 ลงตวั ไดแก. .................................................................................... เราสามารถกลาวไดว า ..................................................................................................... ถา a เปนจํานวนนับจํานวนหนึง่ จาํ นวนนบั ทหี่ าร a ลงตัว ไดแ ก. ........................................ เราสามารถกลา วไดว า..................................................................................................... ตวั ประกอบของจาํ นวนนบั ใด ๆ คือ จาํ นวนนับทหี่ ารจาํ นวนนบั นัน้ ไดล งตวั 1 , 2 , 7, 14ตัวอยางท่ี 1 จงหาตัวประกอบของ 14 จาํ นวนนบั ทห่ี าร 14 ลงตวั ไดแ ก ...................... ดงั น้นั ตัวประกอบของ 14 คอื 1 , 2 , 7, 14ตัวอยางท่ี 2 จงหาตัวประกอบของ 23 จํานวนนบั ทห่ี าร 23 ลงตวั ไดแ ก 1, 23 ดังน้นั ตวั ประกอบของ 23 คอื 1 , 23ตวั อยา งท่ี 3 จงหาตัวประกอบของ b พิจารณาตวั ประกอบของ b ในรปู ผลคณู ดงั น้ี b = 1×b ดังนน้ั ตัวประกอบของ b คือ 1 , bตวั อยางที่ 4 จงหาตัวประกอบของ 2a พิจารณาตวั ประกอบของ 2a ในรปู ผลคูณ ดงั น้ี 2a = 2 × a ; 2a = 1 × 2a ดงั นัน้ ตวั ประกอบของ 2a คือ 1 , 2 , a , 2a
คณิตศาสตรร ะดับมัธยมศึกษาปท ่ี 1 -4-ตัวอยางท่ี 4 จงพจิ ารณาวา 25 เปนตวั ประกอบของ 525 หรือไม เพราะเหตใุ ด25 เปน ตัวประกอบของ 525 ตองพจิ ารณาวาเพราะวา 25 หาร 525 ไดผ ลลพั ธ 21 25 หาร 525 ลงตวั หรอื ไมแสดงวา 25 หาร 525 ไดลงตัวดงั นั้น 25 จึงเปน ตวั ประกอบของ 525ตวั อยางที่ 5 จงหาจาํ นวนนับทน่ี อยทีส่ ุด ทม่ี ี 1, 2, 4, 8 เปน ตัวประกอบ พจิ ารณาตวั ประกอบท่มี ากทส่ี ุด คอื 8 พบวา 1 หาร 8 ลงตวั 2 หาร 8 ลงตวั และ 4 หาร 8 ลงตวั ดงั นั้น จํานวนนบั ทน่ี อยทส่ี ุดท่มี ี 1, 2, 4, 8 เปน ตวั ประกอบ คอื 8♦ สาระนารู ♦ 1 เปน ตวั ประกอบของจํานวนนับทุกจาํ นวนมมุ นาคิด ในการหาตวั ประกอบของจาํ นวนนับ เราจะสามารถรูไดอ ยา งไรวา เราสามารถหาไดถกู ตอ ง ครบถวนทกุ ตวั มหี ลักการในการตรวจสอบ เชน ตองการหาตัวประกอบทั้งหมดของ24วา มกี ีต่ วั→ แยกตัวประกอบของ 24 โดยเขยี นใหอ ยใู นรปู ผลคณู ของจํานวนเฉพาะ ดงั นี้ 24 = 2 × 2 × 2 × 3 = 23 × 3→ พิจารณาเลขช้กี ําลังของ 2 และ 3 ดังน้ี 2 มเี ลขชก้ี ําลงั เปน 3 และ 3 มเี ลขช้กี าํ ลงั เปน 1→ นาํ เลขชกี้ าํ ลังแตละตวั บวกดวยหนงึ่ แลวนํามาคณู กัน ดงั น้ี (3+1) × (1+1) = 8→ ผลลัพธทไ่ี ดบ อกถึงจาํ นวนท่ีเปน ตัวประกอบทงั้ หมดของ 24 วา มกี ตี่ ัว ดงั นน้ั ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 24 มี 8 ตวั คอื 1 2 3 4 6 8 12 24
คณิตศาสตรร ะดับมัธยมศึกษาปที่ 1 -5- แบบฝกหดั ที่ 1ใหนักเรยี นตอบคําถามตอไปน้ีขอ 1. ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 17 คอื .............................................................................................ขอ 2. ตัวประกอบทงั้ หมดของ 24 คือ .............................................................................................ขอ 3. ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 60 คอื .............................................................................................ขอ 4. ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 60 คือ .............................................................................................ขอ 5. ตัวประกอบทง้ั หมดของ d คือ .............................................................................................ขอ 6. ตัวประกอบทงั้ หมดของ 2c คือ .............................................................................................ขอ 7. ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 4ab คอื .............................................................................................ขอ 8. ตวั ประกอบทงั้ หมดของ 8pg คือ...............................................................................................ขอ 9. ตวั ประกอบทง้ั หมดของ 15pg คอื .............................................................................................ขอ 10. 15 เปนตัวประกอบของ 225 หรอื ไม เพราะเหตใุ ด.......................................................................................................................................................ขอ 11. 7 เปนตวั ประกอบของ 497 หรอื ไม เพราะเหตใุ ด.......................................................................................................................................................ขอ 12. 31 เปน ตัวประกอบของ 326 หรือไม เพราะเหตใุ ด.......................................................................................................................................................ขอ 13. 4 เปน ตัวประกอบของจํานวนใดบา ง ....................................................................................ขอ 14. 9 เปน ตวั ประกอบของจํานวนใดบาง ....................................................................................ขอ 15. จาํ นวนนับทนี่ อยท่สี ดุ ท่มี ี 1 , 2 , 3 , 9 เปน ตัวประกอบ คอื .....................................................ขอ 16. จาํ นวนนบั ทน่ี อยท่สี ดุ ทมี่ ีตวั ประกอบตางๆ กนั 3 ตัว คอื ........................................................ขอ 17. ผลบวกของจาํ นวนนบั คูสองจาํ นวนใดๆ ไดผลลัพธเปน จาํ นวนนบั คู หรือ จาํ นวนนบั คี่………………………………………………………………………………………………………………ขอ 18. ถา 3m เปน จํานวนนบั คจ่ี ํานวนหนงึ่ จํานวนนบั คี่ถดั ไป คอื ......................................................
คณิตศาสตรระดับมธั ยมศึกษาปท ่ี 1 -6-1.2 จาํ นวนเฉพาะ ตัวประกอบของ 2 คอื 1 และ 2 ตัวประกอบของ 11 คอื 1 และ 11 ตวั ประกอบของ 43 คือ 1 และ 43จํานวนนบั ทมี่ ากกวา 1 และมีตัวประกอบเพียง 2 ตวั คอื 1 และ ตัวเองเรยี กวา “จํานวนเฉพาะ” ตะแกรงของเอราโตสเทเนส ( The Sieve of Eratosthenes ) เปน วธิ ีการหาจาํ นวนเฉพาะของเอราโตสเทเนส นกั คณิตศาสตรช าวกรกี ซึง่ คดิ ไวเม่อื ประมาณ 2,200 ปม าแลว โดยการตัดจาํ นวนทไี่ มใ ชจ าํ นวนเฉพาะทง้ิ เชน หาจํานวนเฉพาะระหวา ง 1 ถึง 40 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 401) 1 ไมเ ปนจํานวนเฉพาะ ตัด 1 ทงิ้2) 2 เปนจาํ นวนเฉพาะ วงไว3) จาํ นวนทีม่ ี 2 เปนตัวประกอบไมใชจาํ นวนเฉพาะ ใหนกั เรยี นตัดทง้ิ4) ถา 3 เปน จาํ นวนเฉพาะวงไว ถา ไมใ ช ตัดทงิ้ จํานวนที่มี 3 เปน ตัวประกอบ นกั เรียนจะวงไวห รือ ตัดท้งิ5) ใหน ักเรยี นทํากับ 5 เชน เดยี วกนั กบั ที่ทาํ ในขอ 4)6) จาํ นวนท่เี หลอื จากการตดั ทง้ิ จะเปนจาํ นวนเฉพาะระหวา ง 1 ถึง 40 ใหน กั เรียนหาวา มีจาํ นวน ใดบาง
คณิตศาสตรร ะดับมัธยมศึกษาปท่ี 1 -7- แบบฝก หดั ท่ี 2ใหนกั เรยี นตอบคาํ ถามตอไปน้ีขอ 1. จาํ นวนเฉพาะ ต้งั แต 27 ถึง 53 คอื ............................................................................................ขอ 2. จาํ นวนเฉพาะ ต้ังแต 57 ถงึ 83 คือ............................................................................................ขอ 3. 87 เปน จํานวนเฉพาะหรอื ไม เพราะเหตใุ ด.................................................................................ขอ 4. จํานวนเฉพาะทน่ี อ ยทสี่ ดุ คือ....................................................................................................ขอ 5. จาํ นวนเฉพาะทมี่ ากทส่ี ดุ ท่ีเปน เลข 2 หลกั คือ...........................................................................ขอ 6. จาํ นวนเฉพาะทนี่ อยทสี่ ุด แตม ากกวา 151 คอื ...........................................................................ขอ 7. ตวั ประกอบเฉพาะของ 210 มีอะไรบาง..................................................................................... แบบฝกหัดเพม่ิ เตมิ 1ใหนกั เรยี นแสดงวธิ ที ํา (ลงในสมุด)1. 8 เปนตวั ประกอบของจํานวนตอ ไปนี้หรือไม เพราะเหตใุ ด1) 8 2) 46 3) 136 4) 42. จงหาตวั ประกอบทงั้ หมดของจํานวนตอไปน้ี1) 10 2) 13 3) 117 4) 1323. จงหาจํานวนนบั ทนี่ อ ยทส่ี ดุ ทม่ี ีจํานวนทุกจาํ นวนในแตละขอ ตอไปนี้เปน ตวั ประกอบ1) 1 , 2 , 4 2) 1 , 2 , 3 , 6 3) 1 , 3 , 44) 1 , 3 , 4 , 8 5) 1 , 5 6) 1 , 114. จงหาจาํ นวนนับทนี่ อ ยทส่ี ดุ ทม่ี ีตวั ประกอบตา งๆ กัน 1) 6 ตัว 2) 5 ตวั5. ขอความตอ ไปน้จี รงิ หรอื เท็จ 1) จํานวนนบั ที่ลงทา ยดว ย 0 , 2 , 4 , 6 และ 8 ทกุ จาํ นวนเปน จํานวนคู 2) จาํ นวนนบั ที่ลงทา ยดวย 1 , 3 , 5 , 7 และ 9 ทุกจาํ นวนเปนจํานวนคี่ 3) จาํ นวนนบั ทกุ จาํ นวนคณู ดว ย 2 แลว ไดจ ํานวนคู 4) จาํ นวนนับทกุ จาํ นวนคูณดวย 3 แลว ไดจาํ นวนคี่
คณติ ศาสตรระดับมธั ยมศกึ ษาปท่ี 1 -8-6. ผลลพั ธตอไปนี้เปน จาํ นวนคูหรอื จาํ นวนค่ี จงยกตวั อยา งพรอ มใหเ หตผุ ล 1) ผลบวกของจํานวนคูสองจาํ นวนใดๆ 2) ผลบวกของจาํ นวนค่ีสองจํานวนใดๆ 3) ผลบวกของสองจาํ นวนใดๆ ท่ีจํานวนหนึ่งเปน จาํ นวนคู และอกี จาํ นวนหนง่ึ เปน จาํ นวนคี่7. ใหน กั เรยี นดคู วามสมั พนั ธระหวา งผลบวกของจาํ นวนคี่กบั จํานวนทอ่ี ยใู นรูปเลขยกกาํ ลงั ทม่ี ีเลขชก้ี าํ ลงั เทากบั สองตอ ไปนี้ แลวหาคาํ ตอบเตมิ ใน ใหถูกตอง1 = 1 = 121 + 3 = 4 = 221+3+5 = 9 = 321 + 3 + 5 +7 ==1+3+5+7+9 ==1 + 3 + 5 + 7 + 9 + . . . + 37 + 39 = =8. จงหาจาํ นวนเฉพาะที่อยรู ะหวา ง 40 ถงึ 609. จงหาจํานวนเฉพาะท่มี ากท่สี ุดทน่ี อ ยกวา 6010. มจี าํ นวนเฉพาะทง้ั หมดก่ีจาํ นวนทนี่ อยกวา 6011. จาํ นวนคทู กุ จาํ นวนไมเ ปนจาํ นวนเฉพาะใชห รือไม เพราะเหตใุ ด12. จาํ นวนเฉพาะทุกจาํ นวนเปน จํานวนคใ่ี ชหรือไม เพราะเหตุใด13. จํานวนคท่ี กุ จาํ นวนเปน จาํ นวนเฉพาะใชห รอื ไม เพราะเหตุใด14. 91 เปน จาํ นวนเฉพาะหรอื ไม15. 13× 7 เปนจาํ นวนเฉพาะหรือไม16. จงหาจาํ นวนเฉพาะทม่ี ากท่สี ดุ ซ่งึ เปน จาํ นวนท่ีมสี องหลกั17. จงหาจาํ นวนเฉพาะ ตงั้ แต 89 ถึง 12718. จงหาจาํ นวนเฉพาะ ระหวาง 131 ถงึ 15119. จงหาผลบวกของจาํ นวนเฉพาะ ระหวา ง 157 ถึง 19
คณติ ศาสตรร ะดับมธั ยมศึกษาปที่ 1 -9-ผลการเรยี นรูที่คาดหวัง 1. บอกความหมายของตัวประกอบเฉพาะ พรอ มยกตัวอยา งได 2. บอกความหมายของการแยกตัวประกอบของจาํ นวนนบั ใดๆ ได 3. สามารถแยกตวั ประกอบของจาํ นวนนบั ใดๆ ได1.3 การแยกตัวประกอบ ตัวประกอบของ 12 คอื 1 , 2 , 3 , 4 , 6 และ 12 ª ตวั ประกอบของ 12 ทเี่ ปน จาํ นวนเฉพาะ คอื ............................ ตวั ประกอบทเ่ี ปน จาํ นวนเฉพาะ เรียกวา ตัวประกอบเฉพาะตวั อยา งท่ี 15 ตัวประกอบเฉพาะของ 4 คือ 2 ตัวประกอบเฉพาะของ 6 คอื 2 , 3 ตัวประกอบเฉพาะของ 9 คือ 3 ตวั ประกอบเฉพาะของ 10 คอื 2 , 5 พจิ ารณาประโยค 12 = 2×6 โดยที่ 2 เปนตวั ประกอบของ 12 และ 6 เปน ตวั ประกอบของ 12 เรยี กประโยค 12 = 2×6 วา เปนการเขยี น 12 ในรูป การคณู ของตวั ประกอบ ของ 12 ซ่ึงสามารถเขียน 12 ในรปู การคณู ของตวั ประกอบอน่ื ที่ไมซ า้ํ กับประโยคทเี่ ขียนมาแลว ไดอกี หลายประโยค เชน 12 = 1×12 ,12 = 3×4 ประโยค 12 = 2× 2×3 แสดงการเขียน 12 ในรูป การคูณของตัวประกอบเฉพาะ เรยี กประโยคน้วี าการแยกตัวประกอบของ 12 การแยกตวั ประกอบ ของจาํ นวนนับใด ๆ คอื ประโยคทแ่ี สดงการเขียนจาํ นวน น้ันในรูปการคณู ของตวั ประกอบเฉพาะตวั อยางที่ 16 จงแยกตวั ประกอบของ 18 คือ 18 = 2×3×3 จงแยกตวั ประกอบของ 40 คอื 40 = 2×2×2×5
คณติ ศาสตรร ะดับมัธยมศึกษาปท ี่ 1 -10- ในการแยกตวั ประกอบของจาํ นวนทม่ี ีตวั ประกอบหลายๆ จาํ นวน อาจหาตัวประกอบทลี ะ 2 ตวั หลายๆข้นั จนไดต วั ประกอบทกุ ตวั เปน จํานวนเฉพาะ เชน ตองการแยกตวั ประกอบของ 420 มวี ธิ คี ิดดงั นี้ คอื 420 = 2×210 = 2×2×105 = 2×2×3×35 = 2×2×3×5×7 นั่นคือ แยกตัวประกอบของ 420 ไดเปน 420 = 2× 2×3×5×7 หรอื เขียนเปน แผนภาพ ดังน้ี 420 2 × 210 2 × 105 3 × 35 5× 7 ในการแยกตัวประกอบขา งตน มตี วั ประกอบเฉพาะบางตวั ซํา้ กนั เราจะเขียนตวั ประกอบเฉพาะเหลา นนั้ โดยใชความรเู รอ่ื งเลขยกกําลงั เชน ในการแยกประกอบของ 18 มี 3 เปน ตวั ประกอบเฉพาะซ้ํากนัอยู 2 ตวั เราจะเขียน 3×3 ดว ย 32 สัญลกั ษณ 32 เรียกวา เลขยกกาํ ลังที่มี 3 เปน ฐาน และ 2 เปนเลขช้ีกาํ ลงั และอา นวา สามยกกาํ ลงั สองตวั อยางท่ี 17 จงแยกตวั ประกอบของ 36 และเขยี นใหอยูในรปู การคณู กันของเลขยกกาํ ลงัวิธีทาํ 36 = 2×2×3×3 = 22 ×32ตวั อยางที่ 18 จงแยกตัวประกอบของ 600 และเขียนใหอ ยูใ นรูปการคณู กนั ของเลขยกกาํ ลังวธิ ีทาํ 600 = 2×2×2×3×5×5 = 23 ×3×52 แบบฝก หัดเพ่มิ เติม 2ใหนักเรยี นแสดงวธิ ีทํา (ลงในสมดุ )ขอ 1. จงแยกตวั ประกอบของจาํ นวนตอไปน้ี 1.1 189 1.2 333 1.3 513 1.4 735 1.5 1,421 1.6 1,859 1.7 2,057 1.8 4,050ขอ 2. จงหาจาํ นวนนับทีน่ อยท่สี ดุ ทมี่ ีตัวประกอบเฉพาะไมซ าํ้ กนั 4 ตัว
แบบฝกหัดท่ี 3ใหนักเรยี นตอบคําถามตอ ไปน้ี ขอ 6. จงแยกตวั ประกอบของ 36ขอ 1. จงแยกตัวประกอบของ 25 ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 7. 23 ×3 คอื การแยกตวั ประกอบของ 18ขอ 2. จงแยกตัวประกอบของ 9,009 ใชห รอื ไม.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 8. จงหาจาํ นวนนับทน่ี อยท่สี ดุ ทมี่ ีตวั.................................................................... ประกอบเฉพาะตางๆ กนั 2 ตัว.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 9. จงแยกตวั ประกอบของ 18×16ขอ 3. จงหาจาํ นวนนับทนี่ อยทีส่ ุดทม่ี ีตัว ....................................................................ประกอบตางๆ กนั 4 ตวั ........................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ....................................................................ขอ 4. จงหาจาํ นวนนบั ทีน่ อ ยทส่ี ดุ ทม่ี ตี วั ....................................................................ประกอบตา งๆ กัน 5 ตัว ........................................................................................................................................ ขอ 10. จงแยกตวั ประกอบของ.................................................................... 12×9×32×15 ..........................................ขอ 5. จงหาจาํ นวนนับที่นอ ยที่สดุ ทม่ี ตี ัว ....................................................................ประกอบเฉพาะตางๆ กัน 3 ตัว ........................................................................................................................................ .......................................................................................................................................
คณติ ศาสตรร ะดับชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 1 -12-ผลการเรยี นรูทค่ี าดหวงั 1. บอกความหมายของตัวหารรวมมาก (ห.ร.ม.) ได 2. สามารถตวั หารรว มมาก (ห.ร.ม.) ของจาํ นวนนับใดๆ 2 จํานวนขึ้นไปทกี่ าํ หนดใหไ ด1.4 ตวั หารรวมมาก( ห.ร.ม. ) ตัวประกอบของ 12 คือ 1 , 2 , 3 , 4 , 6 , 12 หมายความวา ตวั ประกอบแตล ะตวั เปนตัวหารทห่ี าร 12 ลงตัว ตวั ประกอบของ 16 คอื 1 , 2 , 4 , 8 , 16 หมายความวา ตวั ประกอบแตละตัวเปนตวั หารท่ีหาร 16 ลงตวั จะพบวา ตัวประกอบของ 12 และตวั ประกอบของ 16 มตี วั ประกอบรว มกันอยู 3 จาํ นวน คือ 12 และ 4 หมายความวา ตวั ประกอบรว ม 1 , 2 และ 4 ตา งกเ็ ปน ตวั หารรว มที่หาร 12 และ 16 ลงตวั แตต ัวหารรวม 1 , 2 และ 4 ทัง้ 3 จํานวนนี้ มี 4 เปน ตัวหารรว มทม่ี ากทส่ี ดุ น่นั คอื 4 เปนตวั หารรวมทม่ี ากทสี่ ุดของ 12 และ 16 เรยี กวา 4 เปน ห.ร.ม. ของ 12 และ 16 ห.ร.ม. คอื ตวั ประกอบรว มหรือตัวหารรวมทีม่ ากทส่ี ดุ ทนี่ าํ ไปหารจํานวน นับใดๆ 2 จาํ นวนขึ้นไปไดล งตวัวิธกี ารหา ห.ร.ม.ตัวอยา งที่ 19 จงหา ห.ร.ม. ของ 16 , 24 และ 56 วิธีท่ี 1 ใชว ธิ หี าตวั ประกอบรวมที่มากทส่ี ุด ตวั ประกอบของ 16 คอื 1 , 2 , 4 , 8 , 16 ตวั ประกอบของ 24 คอื 1 , 2 , 3 , 4 , 6 , 8 , 12 , 24 ตัวประกอบของ 56 คือ 1 , 2 , 4 , 7 , 8 , 14 , 28 , 56 ตวั ประกอบรว มของ 16 , 24 และ 56 คือ 1 , 2 , 4 , 8 ตัวประกอบรว มทมี่ ากท่ีสดุ คอื 8 ∴ ห.ร.ม. ของ 16 , 24 และ 56 คือ 8
คณิตศาสตรระดับช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 1 -13- วิธีที่ 2 ใชว ธิ แี ยกตัวประกอบ 16 แยกตัวประกอบได = 2 × 2 × 2 × 2 24 แยกตัวประกอบได = 2 × 2 × 2 × 3 56 แยกตวั ประกอบได = 2 × 2 × 2 × 7 ∴ ห.ร.ม. ของ 16 , 24 และ 56 คอื 2×2×2 = 8 วิธที ่ี 3 ใชว ิธหี ารสัน้ 2 16 24 56 2 8 12 28 2 4 6 14 237 ห.ร.ม. ของ 16 , 24 และ 56 คือ 2×2×2 = 8ตัวอยางที่ 20 จงหา ห.ร.ม. ของ 360 และ 288 วิธีท่ี 3 ใชว ิธหี ารสั้น 4 360 288 9 90 72 2 10 8 54ตอบ ห.ร.ม. ของ 360 และ 288 คอื 4×9×2 = 72วิธีท่ี 4 ใชว ธิ ตี ง้ั หาร 2 แถว 4 1 360 288 288 288 72 0ตอบ ห.ร.ม. ของ 360 และ 288 คือ 72
คณติ ศาสตรร ะดับช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 1 -14- 173 865 5 865ตัวอยา งที่ 21 จงหา ห.ร.ม. ของ 1903 , 1038 และ 865 วธิ ที ี่ 4 ใชว ธิ ตี งั้ หาร 2 แถว 0 1 1903 1038 1 1038 865 5 865 173 865 0ตอบ ห.ร.ม. ของ 1903 , 1038 และ 865 คอื 173ตัวอยางท่ี 22 จงหา ห.ร.ม. ของ a2b3c2 , ab4c2 และ a3bc4 วธิ ีท่ี 2 ใชว ิธแี ยกตัวประกอบ a2b3c2 แยกตวั ประกอบได = a × a × b × b × b × c × c ab4c2 แยกตวั ประกอบได = a × b × b × b × b × c × c a3bc4 แยกตวั ประกอบได = a × a × a × b × c × c × c × c ตอบ ห.ร.ม. ของ a2b3c2 , ab4c2 และ a3bc4 คอื a× b× c× c = abc2ตวั อยา งท่ี 23 จงหา ห.ร.ม. ของ 5 และ 7 วธิ ที าํ เราไมสามารถแยกตวั ประกอบของ 5 และ 7 ได แต 1 เปนตวั ประกอบรว มของทกุ ๆจํานวน ตอบ ห.ร.ม. ของ 5 และ 7 คอื 1 แบบฝกหัดเพิม่ เติม 3ใหนกั เรยี นแสดงวธิ ที ํา (ลงในสมุด) 4) 8 กบั 56ขอ 1.จงหา ห.ร.ม. ของ 5) 51 กบั 85 6) 78 , 104 และ 143 1) 9 กับ 15 2) 25 กับ 75 3) 16 , 24 และ 32ขอ 2. 35 เปน ห.ร.ม. ของ 175 และ 385 จงหาตัวประกอบรว มทง้ั หมดของ 175 และ 385
คณติ ศาสตรร ะดับช้นั มัธยมศึกษาปที่ 1 -15-แบบฝก หดั ท่ี 4ใหนักเรยี นตอบคาํ ถามตอไปน้ี ....................................................................ขอ 1. 21 กับ 18 มีตวั ประกอบรวม คือ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................ ............................................................ขอ 2. 13 กบั 17 มตี วั ประกอบรว ม คือ.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 7. จงหา ห.ร.ม. ของ 108 และ 120.................................................................... ....................................................................ขอ 3. ตัวหารรว มทมี่ ากที่สดุ ของ 36 และ 48 ....................................................................คือ................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 8. จงหา ห.ร.ม. ของ 180 , 210 และ 270.................................................................... ....................................................................ขอ 4. ตวั ประกอบรว มท้งั หมดของ 125 และ ....................................................................300 คอื ......................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 9. จงหา ห.ร.ม. ของ m2n , mn2 และ....................................................................ขอ 5. จงหาจาํ นวนนบั ทมี่ ากทส่ี ดุ ทหี่ าร 81 m2n2และ 72 ลงตัว ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ขอ 10. จงหา ห.ร.ม. ของ x2y3z4 , x3yz2 ,ขอ 6. จงหาจาํ นวนนับท่มี ากทสี่ ุดทหี่ าร 100 , xy 4z3 และ x3 y 3z3150 และ 200 ลงตวั .................................................................... .................................................................... ....................................................................
ผลการเรยี นรูท คี่ าดหวัง1. สามารถหา ห.ร.ม. ของจํานวนนับ เม่อื กาํ หนดจาํ นวนนับตง้ั แตส องจํานวนขึ้นไปได2. สามารถวเิ คราะหโจทยปญ หา ห.ร.ม.โดยใชกระบวนการแกโจทยป ญ หาได3. สามารถแกโ จทยป ญหาโดยใชต วั หารรวมมากไดโจทยปญหา ห.ร.ม.ตวั อยา งที่ 24 จงหาจํานวนนบั ทม่ี ากท่ีสุดที่หาร 272 และ 446 แลว เหลอื เศษ 11 เทากันวิธีทํา นาํ 272 – 11 = 261และ 446 – 11 = 435น่นั คอื จํานวนนับทม่ี ากท่สี ดุ ทีเ่ ราตองการ จะหาร 261 และ 435 ลงตัวหา ห.ร.ม. ของ 261 และ 435 1 261 435 1 เราตองการหาจํานวนนบั ทมี่ ากท่สี ุดท่ี 174 261 หาร 261 และ 435 ลงตวั นน่ั กค็ ือ เรา 87 174 2 ตองหา ห.ร.ม. ของจาํ นวนนับทงั้ สอง 174 น่ันเอง 0จะได ห.ร.ม. ของ 261 และ 435 คือ 87ตอบ จาํ นวนนบั ทม่ี ากที่สุดทห่ี าร 272 และ 446 แลวเหลอื เศษ 11 เทา กนั คือ 87ตัวอยา งท่ี 25 หอ งประชมุ กวา ง 18 เมตร ยาว 24 เมตร จะตดิ พดั ลมเพดานใหแ ตล ะตวั หางเทาๆ กนัและตัวท่อี ยใู กลฝ าผนงั อยหู า งจากฝาผนงั เทา กับทอ่ี ยหู า งจากพัดลมตวั อ่นื ๆ ดว ย จงหาวา1. จะตดิ พัดลมใหหา งกนั ไดม ากที่สุดก่เี มตร2. จะติดพดั ลมไดท ั้งหมดกตี่ วัวธิ ีทาํ เนือ่ งจากตอ งตดิ พัดลมใหห า งเทา กันและหา งกนั มากท่สี ดุดงั นนั้ ระยะหางทตี่ อ งการ คอื จาํ นวนที่มากทีส่ ุดทจี่ ะหาร 24 และ 18 ลงตวั จํานวนท่ีตองการจงึ เปน ห.ร.ม. ของ 24 และ 18ห.ร.ม. ของ 24 และ 18 คอื 6น่ันคือ จะติดพดั ลมใหห า งกนั ไดม ากทส่ี ดุ 6 เมตรดังนนั้ แบง ดา นกวา งได 18 =3 ชว ง ตดิ พดั ลมได 2 แถว แบงดา นยาวได 24 = 4 ชว ง ติด 6 6พดั ลมไดแถวละ 3 ตวัดงั นนั้ ติดพดั ลมไดทง้ั หมด 2×3 = 6 ตวั 1. ตดิ พดั ลมใหห างกนั ไดมากท่สี ดุ 6 เมตรตอบ 2. ตดิ พดั ลมไดท้ังหมด 6 ตัว
คณิตศาสตรร ะดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 -17- แบบฝก หัดท่ี 5ใหนักเรยี นตอบคําถามตอ ไปน้ีขอ 1. 72 เปน ห.ร.ม. ของ 216 และ 432 ใชหรือไม....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 2. จงหาจาํ นวนนบั ที่มากทส่ี ดุ ทห่ี าร 741 และ 937 แลวเหลอื เศษ 13 เทา กัน..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 3. จงหาจาํ นวนนับทม่ี ากท่สี ุด ซง่ึ เมอื่ นําไปหารจํานวนนบั 74, 98 และ 114 จะเหลือเศษเทากนั..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 4. นักเรยี นโรงเรียนสาธติ ชัน้ ม.1 หองหนงึ่ มนี กั เรียนชาย 20 คน นกั เรยี นหญงิ 25 คน ตองการแบงนกั เรยี นออกเปน กลมุ ๆ ทําโครงงานคณิตศาสตร โดยแตล ะกลมุ ใหมีจํานวนนกั เรียนมากท่ีสดุและมีจาํ นวนเทา ๆ กันเปน นกั เรียนชายลว นหรอื นักเรียนหญิงลว น จะแบง นกั เรยี นไดก ลมุ ละกีค่ นและจาํ นวนกก่ี ลุม..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
คณติ ศาสตรร ะดับชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 1 -18-ขอ 5. ตองการขดุ หลมุ เพอื่ ปลกู มะมว งในที่ดนิ รปู สเ่ี หล่ยี มผืนผา ซงึ่ กวาง 18 เมตร ยาว 25.5 เมตรและลอมรั้วมีระยะหา งจากขอบร้ัวเทา กบั ระยะหา งจากหลมุ อื่นๆ จงหาวา ปลกู มะมว งไดอ ยา งนอยทส่ี ดุ ก่ตี น…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..ขอ 6. มีผา อยผู นื หนง่ึ กวา ง 36 เซนติเมตร ยาว 180 เซนตเิ มตร ถา ตอ งการตัดเปน รปู สี่เหล่ยี มจัตรุ สั ท่มี ีความยาวของดา นเปน จํานวนเตม็ ซ่ึงมีหนว ยเปนเซนติเมตรโดยไมใหเหลือเศษและขนาดของผา ท่ีตดัออกมคี วามยาวดานละไมตา่ํ กวา 5 เซนตเิ มตร จะตดั ไดม ากที่สุดก่ผี นื และนอยท่สี ุดกผ่ี นื…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..ขอ 7. กระดาษรูปสีเ่ หลยี่ มผืนผา แผน หนึ่งยาว 60 เซนติเมตร กวา ง 18 เซนติเมตร ถา ตอ งการตดิกระดาษแผน นี้ดวยกระดาษสรี ูปส่เี หล่ียมจัตุรสั หลายๆ สี จะตอ งตดั กระดาษสีมขี นาดใหญท ี่สดุ เทาไรจงึ จะติดกระดาษแผน นไ้ี ดพอดี และจะตอ งติดก่แี ผน…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………..
คณติ ศาสตรร ะดับชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 1 -19- แบบฝก หัดเพมิ่ เตมิ 4ใหนักเรยี นแสดงวธิ ีทํา (ลงในสมดุ )ขอ 1. มเี ชอื กอยู 3 เสน ยาว 3.5 , 4.9 และ 5.6 เมตร ถาจะแบงเปนเสน สัน้ ๆ ใหเ ทา ๆ กนั และยาวทส่ี ดุทจี่ ะยาวได จะไดเ ชือกยาวเสนละก่ีเมตร และไดเชอื กกเ่ี สนขอ 2. นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 1 , 2 และ 3 ของโรงเรยี นแหง หนงึ่ มจี ํานวนดงั น้ี 216 คน , 198 คนและ 162 คน ตามลาํ ดับ ถาทางโรงเรยี นตอ งการแบงนักเรียนเหลานอี้ อกเปน กลมุ ๆ ละเทา ๆ กนัโดยนักเรยี นในแตละกลมุ ตอ งเปน นกั เรยี นในชนั้ เดยี วกัน เพ่อื เปนเวรรกั ษาความสะอาดในโรงเรยี น จะแบงนักเรียนไดอ ยางมากท่สี ดุ กลุมละกีค่ น และแบง ไดท ง้ั หมดกก่ี ลุมขอ 3. จรุ ีมีผาอยูผนื หน่ึงกวาง 0.75 เมตร ยาว 1.25 เมตร ตอ งการตัดเปน รูปส่เี หลย่ี มจัตุรัสเพอ่ื ทาํผา เช็ดหนาโดยไมเหลือเศษ และขนาดของผา ท่ีตดั ออกมีความยาวดานละประมาณ 20 ถึง 30เซนตเิ มตร จรุ ีจะตดั ผา เชด็ หนาไดมากท่สี ดุ ก่ีผนืขอ 4. จงหาจาํ นวนนับท่มี ากทีส่ ุดทหี่ าร 15 , 23 และ 31 แลว เหลือเศษ 1 , 2 และ 3 ตามลาํ ดบัขอ 5. ตองการตดิ ตัง้ พัดลมเพดานในหอ งประชมุ ซึ่งกวา ง 18 เมตร ยาว 24 เมตร โดยใหพดั ลมแตละตัวมรี ะยะหา งเทากันและตวั ท่อี ยูใกลฝ าผนงั มรี ะยะหา งจากฝาผนงั เทากับระยะหางจากพัดลมตวัอื่นๆ จงหาวาตอ งใชพดั ลมอยางนอ ยทส่ี ดุ กีต่ ัวขอ 6. จงหาจาํ นวนนบั ท่มี ากที่สดุ ทห่ี าร 676 และ 460 แลวเหลอื เศษ 1 เทา กันขอ 7. จงหาจาํ นวนนบั ทีม่ ากท่สี ดุ ทห่ี าร 70 และ 105 แลวเหลือเศษ 2 และ 3 ตามลาํ ดับขอ 8. มสี มอยสู ามชนิด ชนดิ ทห่ี น่ึงมี 48 ผล ชนดิ ทสี่ องมี 60 ผล และชนดิ ทส่ี ามมี 84 ผล ตอ งการแบงสมออกเปนกอง กองละเทา ๆ กนั ใหแ ตล ะกองมจี าํ นวนมากทสี่ ุดและไมเหลอื เศษ โดยท่ีสม แตล ะชนิดไมปะปนกนั จะแบง สมไดกกี่ อง กองละกผี่ ลขอ 9. นักเรยี นกลุมหนงึ่ เปน ชาย 64 คน เปนหญงิ 96 คน ถา ตองการจดั แถวนักเรยี นชายและนกั เรียนหญงิ ใหไ ดแถวละเทา ๆ กนั และไดแถวยาวท่สี ุด โดยไมใหน กั เรยี นชายและนกั เรยี นหญิงอยูในแถวเดียวกนั จะจัดไดกแ่ี ถว และแถวละกีค่ นขอ 10. ไมอัดแผน หน่งึ กวา ง 104 เซนตเิ มตร ยาว 195 เซนติเมตร นาํ มาตัดเปน แผน รปู สเี่ หลยี่ มจตั ุรัสท่ีมีขนาดเทากนั ทกุ แผนใหไ ดแ ผนขนาดใหญท ี่สดุ และไมเ หลือเศษ จะไดไมอ ดั รูปสเี่ หลยี่ มจัตุรัสกี่แผน และแตล ะแผน มขี นาดเทา ใดขอ 11. จงทาํ 24 ใหเ ปน เศษสว นอยางตา่ํ 36 78ขอ 12. จงทาํ 108 ใหเปน เศษสว นอยา งต่าํ เราจะทราบไดอยา งไรวาคาํ ตอบทีไ่ ดเปน เศษสวนอยา งตาํ่ขอ 13. ห.ร.ม. ของจํานวนนบั สองจาํ นวนใดๆ มากกวาหรือเทากับ 1 เสมอหรือไม เพราะเหตใุ ด
คณิตศาสตรร ะดับชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 1 -20-ผลการเรยี นรทู คี่ าดหวงั 1. บอกความหมายของตัวคณู รว มนอ ย (ค.ร.น.) ได 2. สามารถหาตวั คูณรว มนอ ย (ค.ร.น.) ของจาํ นวนนบั ใดๆ 2 จาํ นวนข้ึนไปท่ีกําหนดใหได1.5 ตวั คูณรวมนอ ย( ค.ร.น. ) จํานวนท่มี ี 12 เปนตวั คณู รว ม ไดแก 12 , 24 , 36 , 48 , 60 , 72 , 84 , 96 , . . . จาํ นวนที่มี 16 เปน ตวั คณู รว ม ไดแ ก 16 , 32 , 48 , 64 , 80 , 96 , . . . จะพบวา 12 และ 16 มตี วั คณู รว มกันอยูหลายจํานวน คอื 48 , 96 , 144 , . . . แตต วั คูณรว มทนี่ อ ยทสี่ ุด คอื 48 เรียกวา 48 เปน ค.ร.น. ของ 12 และ 16 ค.ร.น. คอื ตวั คณู รว มท่ีนอ ยท่ีสุดทจ่ี าํ นวนนบั ใดๆ 2 จาํ นวนข้นึ ไปหาร ตัวคณู รว มทนี่ อยทสี่ ดุ นั้นลงตวัวิธีการหา ค.ร.น.ตัวอยา งที่ 26 จงหา ค.ร.น. ของ 16 , 24 และ 56 วธิ ีที่ 1 ใชว ธิ หี าตัวคูณรว มทนี่ อ ยทส่ี ดุ 16 จาํ นวนท่ีมี 16 เปนตัวคณู รว ม ไดแ ก 16 , 32 , 48 , 64 , 80 , 96 ,112 , 128 , 144 , 160 176 , 192 , 208 , 224 , 240 , 256 , 272 , 288 304 , 320 , 366 , . . . 24 จํานวนทมี่ ี 24 เปน ตวั คณู รวม ไดแก 24 , 48 , 72 , 96 , 120 , 144 , 168 , 192 , 216 240 , 264 , 288 , 312 , 336 , . . . 56 จํานวนท่ีมี 56 เปนตวั คูณรว ม ไดแก 56 , 112 , 168 , 224 , 280 , 336 , . . . ตวั คณู รวมทน่ี อ ยทีส่ ุด คอื 336 ค.ร.น. ของ 16 , 24 และ 56 คอื วิธที ี่ 2 ใชว ธิ หี ารสนั้ 2 16 24 56 4 8 12 28 237ค.ร.น. ของ 16 , 24 และ 56 คอื 2×4×2×3×7 = 336
คณติ ศาสตรร ะดับชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 1 -21-ตวั อยางที่ 27 จงหา ค.ร.น. ของ 270 , 252 และ 324 วิธีที่ 2 ใชว ิธหี ารสั้น 3 270 252 324 3 90 84 108 2 30 28 36 3 15 14 18 2 5 14 6 573ค.ร.น. ของ 270 , 252 และ 324 คอื 3×3×2×3×2×5×7×3 = 11,340ตัวอยา งท่ี 28 จงหา ค.ร.น. ของ 615 และ 861 วิธที ี่ 3 ใชว ธิ ตี ง้ั หาร 2 แถว 2 615 861 1 492 615 123 246 2 246 0 123 615 861 57 ค.ร.น. ของ 615 และ 861 คอื 123×5×7 = 4,305ตวั อยางที่ 29 จงหา ค.ร.น. ของ a2b3c2 , ab4c2 และ a3bc4a2b3c2 แยกตวั ประกอบได = a × a × b × b × b × c × cab4c2 แยกตวั ประกอบได = a × b × b × b × b × c × ca3bc4 แยกตวั ประกอบได = a × a × a × b × c × c × c × cค.ร.น. ของ a2b3c2 , ab4c2 และ a3bc4 คอื a×a×a×b×b×b×b×c×c×c×c = a3b4c4
คณิตศาสตรร ะดับชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 1 -22- แบบฝกหัดท่ี 6ใหน ักเรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปนี้ขอ 1. จํานวนที่มี 4 เปน ตวั คูณรว ม ไดแก…………………..…………………………………………….ขอ 2. จาํ นวนท่มี ี 8 เปน ตวั คูณรวม ไดแก………………………………………………………………...ขอ 3. ตวั คณู รว มกนั ของขอ 1. และ 2. ไดแก… …………………………………………………………..ขอ 4. ตวั คูณรว มทนี่ อ ยทสี่ ุดของขอ 3. คือ………………………………………………………………..ขอ 5. ตวั คูณรว มทน่ี อ ยท่สี ดุ ของ 4 และ 8 คือ...................................................................................ขอ 6. ค.ร.น. ของ 36 กับ 48 คือ ขอ 8. ค.ร.น. ของ 21 , 48 และ 35 คือ.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................ขอ 7. ค.ร.น. ของ 60 , 90 และ 120 คือ ขอ 9. ค.ร.น. ของ 7, 35 และ 140 คอื.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................
คณติ ศาสตรร ะดับชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 1 -23-ขอ 10. ค.ร.น. ของ 2m และ nm คอื ขอ 13. ค.ร.น. ของ a2bc , 2b และ 4abc2 คอื.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................ขอ 11. ค.ร.น. ของ m4n8 และ m9n คอื ขอ 14. ค.ร.น. ของ 6ac , ab2 และ 2c คอื.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................ขอ 12. ค.ร.น. ของ ab , b และ abc2 คอื ขอ 15. ค.ร.น. ของ 2bd , 10ab และ 5ac คอื.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................
ตวั อยา งที่ 30 ระฆัง 3 ใบ เริม่ ตีดงั พรอ มกนั ครัง้ แรกในเวลา 9.00 น. ถาระฆงั ใบท่หี น่ึงตีดงั ทกุ ๆ 15นาที ระฆงั ใบทส่ี องตีดงั ทุกๆ 20 นาที ระฆังใบท่สี ามตดี งั ทกุ ๆ 25 นาที เมอื่ ตดี งั พรอ มกนั คร้งั แรกแลวครง้ั ตอ ไปจะตีดงั พรอมกนั เมอื่ เวลาผา นไปก่ีนาที และตีดังพรอ มกนั ครงั้ ตอ ไปในเวลาก่ีนาฬิกา ระฆังใบทห่ี นงึ่ ตีดังทุกๆ 15 นาที คือ 15 , 30 , 45 , 60 , 75 , 90 , . . . ระฆงั ใบทส่ี องตีดงั ทกุ ๆ 20 นาที คือ 20 , 40 , 60 , 80 , 100 , 120 , . . . ระฆงั ใบทสี่ ามตดี ังทุกๆ 25 นาที คือ 25 , 50 , 75 , 100 , 125 , 150 , . . . จะพบวาระฆงั ท้งั สามใบจะตดี งั พรอ มๆกนั อกี ครง้ั จะตอ งเปน การหาตัวคณู รวมทนี่ อ ยที่สุดนั่นเอง ใชวธิ ีหารสน้ั 5 15 20 25 345ค.ร.น. ของ 15 , 20 และ 25 คอื 5× 3× 4× 5 = 300ตอบ ครั้งตอ ไปจะตดี ังพรอ มกนั เมอื่ เวลาผา นไป 300 นาที = 5 ชั่วโมง จะตดี งั พรอ มกันคร้งั ตอไป ในเวลา 9.00 น. + 5 ชวั่ โมง = 14.00 น. แบบฝกหัดที่ 7ขอ 1. 180 เปน ค.ร.น. ของ 90 และ 150 ใชห รือไม.........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 2. จงหาจาํ นวนนบั ท่ีนอ ยทส่ี ดุ ทหี่ ารดว ย 30 และ 42 แลวเหลอื เศษ 5 เทา กนั...................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
คณติ ศาสตรระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 1 -25-ขอ 3. จงหาจาํ นวนนับที่นอ ยทส่ี ุดทน่ี าํ 25 และ 45 ไปหารแลวเหลือเศษ 9 เทา กัน..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 4. นกั เรียน 4 คน วง่ิ รอบสนามวงกลม โดยวง่ิ รอบสนาม 1 รอบ คนที่ 1 ใชเ วลา 5 นาที คนท่ี 2 ใชเวลา 12 นาที คนที่ 3 ใชเ วลา 10 นาที คนท่ี 4 ใชเวลา 15 นาที ถาเร่มิ ออกวง่ิ พรอมๆ กนั นานเทา ใดคนทงั้ สจี่ งึ จะวง่ิ อยใู นตาํ แหนง เดยี วกันอกี.............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 5. ทหารเรอื 3 คน ใหส ญั ญาณธงลงจากเสาพรอมๆ กัน โดยคนแรกใหส ญั ญาณทุก ๆ 20 นาที คนที่ 2 ใหสัญญาณทกุ ๆ 25 นาที คนที3่ ใหส ญั ญาณทกุ ๆ 30 นาที ถา ครัง้ แรกใหส ญั ญาณพรอ มกนัเวลา 8.30 น. ครง้ั ทส่ี องจะใหสัญญาณธงลงจากเสาพรอมกนั เมอ่ื เวลาเทา ใด..................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
คณติ ศาสตรระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 1 -26- แบบฝกหัดท่ี 8ขอ 1. จงหา ห.ร.ม. โดยวธิ ตี ัง้ หารสองแถวของจาํ นวนตอ ไปน้ี1.1 276 กับ 391 1.4 2313 กบั 1028.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................1.2 407 กับ 333 1.5 639 กบั 923.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................1.3 536 กบั 1675 1.6 1908 กบั 1749.................................................................... ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ....................................................................
ขอ 2. จงหา ค.ร.น. โดยวธิ ีตงั้ หารสองแถวของ จาํ นวนตอไปน้ี2.1 2499 กับ 3213........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................2.2 2355 กับ 4239........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 3. จงหา ห.ร.ม. โดยวธิ ีตัง้ หารสองแถวของ 869 , 632 และ 1185............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 4. จงหา ค.ร.น. โดยวธิ ตี ้ังหารสองแถวของ 413 , 295 และ 649............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ขอ 5. จงหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. โดยวธิ ตี ้งั หารสองแถวของ 295 , 555 และ 407............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
คณิตศาสตรร ะดับชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 1 -28- แบบฝกหดั เพมิ่ เติม 5ใหนกั เรยี นแสดงวธิ ีทํา (ลงในสมดุ )ขอ 1. จงแสดงวิธหี า ค.ร.น. ของจํานวนตอ ไปน้ี1.1 40 และ 60 1.2 120 และ 150 1.3 10, 20 และ 30 1.4 8, 32 และ 56ขอ 2. จงหาจาํ นวนนับท่ีนอ ยทีส่ ดุ ซง่ึ หารดวย 36 , 54 และ 63 แลวเหลอื เศษ 7 ทกุ จํานวนขอ 3. รา นขายขนมแหง หน่ึงรับขนมจากผูผลิตเปน งวด ๆ ดังนี้รับขนมปง ไสไกทกุ 2 วนั รับขนมเคกทุก 3 วัน และรบั คุกก้ีทกุ 4 วนั โดยมขี อ ตกลงกับผูผลติ วา เมอ่ื มาสงขนมใหมจ ะรับขนมเกา ที่เหลือกลบั ไป ต๊ิกไปซอ้ื ขนมทรี่ า นนใี้ นวนั ที่ 1 พฤศจิกายน ซงึ่ ตรงกับวนั ที่รานรับขนมทง้ั สามชนิดพรอ มกนั พอดี อยากทราบวาติ๊กควรไปซื้อขนมทีร่ า นนค้ี รงั้ ตอไปเมอื่ ใดจึงจะไดขนมทมี่ าสงใหมท ง้ั สามชนิดขอ 4. จงหา ค.ร.น. ของจาํ นวนในแตละขอ ตอ ไปน้ี4.1 38 และ 57 4.2 13 และ 29 4.3 53 และ 694.4 24, 60 และ 120 4.5 7, 51 และ 147 4.6 3, 11 และ 47ขอ 5. จงใชค วามรเู กย่ี วกับ ค.ร.น. หาผลลพั ธต อไปนี้5.1 ⎛⎝⎜ 4 − 2 ⎞⎟⎠ + 7 3 5 305.2 7 + ⎜⎝⎛ 9 − 5 ⎞⎠⎟ 15 10 85.3 ⎛⎜⎝ 7 − 1 ⎟⎞⎠ − 7 12 16 24ขอ 6. จงหาจาํ นวนนบั ท่นี อ ยท่ีสุดซึง่ หารดวย 9 , 16 และ 24 แลว เหลือเศษ 5 เทากนัขอ 7. นายแมน เกบ็ สม จากสวนไวกองหนง่ึ เขามกี ลอ งอยสู ามขนาด คือกลอ งเล็กจุ 9 ผล กลองกลางจุ12 ผล และกลอ งใหญจ ุ 20 ผล ไมว าจะเลอื กใชก ลอ งขนาดใดกต็ ามเพยี งขนาดเดยี วกส็ ามารถบรรจุสมกองน้ไี ดห มดพอดี อยากทราบวา สม กองนมี้ อี ยา งนอยทสี่ ดุ กี่ผลขอ 8. การเดนิ ทางจากเมอื ง ก ไปเมือง ข ไปไดสามทาง ในแตละวนั นายทา ปลอยรถโดยสารออกพรอมกนัท้ังสามเสน ทาง เวลา 7.30 น. และจะปลอ ยรถโดยสารแตล ะเสนทางในครัง้ ตอ ไปดงั นี้ เสน ทางทหี่ นงึ่ รถออกทกุ 30 นาที เสน ทางทส่ี อง รถออกทกุ 40 นาที เสนทางท่สี าม รถออกทุก 50 นาทีจงหาวา นายทา จะปลอยรถโดยสารทงั้ สามเสน ทางพรอมกนั ครั้งตอ ไปในเวลาเทาใด
คณติ ศาสตรระดับชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 1 -29-ขอ 9. นางสายใจมลี กู สาวสามคน คอื สวย คม และขาํ ลกู สาวทงั้ สามคนอยตู า งจังหวดั แตทกุ คนจะแวะมาเยยี่ มแมเ สมอ โดยตกลงกนั วา สวยมาเยีย่ มแมท ุก 4 วนั คมมาเยย่ี มแมทกุ 5 วนั และขาํ มาเยี่ยมแมท กุ6 วนั ถา ลูกทงั้ สามคนมาเยยี่ มแมพ รอมกนั เมื่อวนั ท่ี 13 เมษายน จงหาวา คร้ังตอ ไปแมจะไดพ บลกู พรอ มกนั สองคนเมื่อใดและสามคนเมอ่ื ใดขอ 10. ค.ร.น. ของจาํ นวนนบั สองจํานวนใดๆ มากกวา หรอื เทา กบั จาํ นวนใดจาํ นวนหนง่ึ ในสองจํานวนนน้ัเสมอใชห รอื ไม เพราะเหตุใดขอ 11. ห.ร.ม. ของจาํ นวนนบั สองจาํ นวนใดๆ หาร ค.ร.น. ของจาํ นวนนบั สองจาํ นวนนน้ั ไดล งตวั เสมอใชหรอื ไม เพราะเหตใุ ด ชวนคิด ความสัมพันธระหวา ง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนบั สองจาํ นวนใด ๆจงทํากิจกรรมตอ ไปน้ีขอ 1. หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 6 และ 10ขอ 2. จากจาํ นวนทก่ี ําหนดใหในขอ 1 จงหา 2.1 ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 2.2 ผลคูณของสองจาํ นวนนน้ัขอ 3. ใหส งั เกตผลลัพธท ไี่ ดจ าก 1) และ 2) ของขอ 2 ผลลัพธท ีไ่ ดมีความสัมพนั ธกนั อยางไรขอ 4. หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 8 และ 28 แลว ดาํ เนนิ กิจกรรมตามขอ 2 และขอ 3ขอ 5. ลองกาํ หนดจาํ นวนนบั สองจาํ นวนใดๆ แลวดาํ เนนิ กจิ กรรมตามขอ 1 ขอ 2 และขอ 3ขอ 6.จากกิจกรรมขอ 1 ถงึ ขอ 5 สงั เกตเหน็ หรือไมวา เมอ่ื กาํ หนดจาํ นวนนับสองจาํ นวนให ผลคณู ของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. กับผลคณู ของจํานวนนบั สองจาํ นวนนนั้ สมั พันธกนั อยา งไรขอ 7. จาํ นวนสองจํานวนมี ห.ร.ม. เปน 6 ค.ร.น. เปน 72 และถาจาํ นวนหนง่ึ คือ 18 จงใชข อสรปุ จากขอ6 หาจํานวนอกี จํานวนหนง่ึขอ 8. ใหตรวจสอบจํานวนทหี่ าไดใ นขอ 7 กับ 18 วา มี ห.ร.ม. เปน 6 ค.ร.น. เปน 72 จรงิ หรือไม
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: