รายงาน เรื่อง การกาหนดราคา จัดทาโดย1. นางสาวนันทยิ า หงษ์สา รหสั 5932040041 2 สคธ 22. นางสาวปิ ยะมาศ อนิ ยมิ้ รหสั 5932040045 2 สคธ 23. นางสาวสุมาลี แซมสีม่วง รหัส 5932040053 2 สคธ 2 เสนอ อาจารย์ วรัญญา ต้งั เจริญวรคุณ รายงานเล่มนีเ้ ป็ นส่วนหน่ึงของวชิ าหลกั การตลาด ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2560
คานา รายงานเล่มน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของวิชาหลกั กาตลาด รหสั วชิ า 3200-1003 รายงานเล่มน้ีมีเน้ือหาเก่ียวกบัความหมายของราคาและการกาหนดราคา (Price and Pricing) วตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคา นโยบายการกาหนดราคา (Pricing Policy) กลยุทธ์การกาหนดราคา (Pricing Strategy) ปัจจยั ที่มีอิทธิพลในการกาหนดราคาและข้นั ตอนในการกาหนดราคา เพ่ือใหน้ กั ศึกษาและนอ้ งๆไดค้ น้ ควา้ หาขอ้ มูลในรายงานเล่มน้ีมีเน้ือหาสาระที่ทนั สมยั และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดห้ ลายรูปแบบ กลุ่มดิฉนั หวงั วา่ รายงานเล่มน้ีคงมีประโยชน์แก่นอ้ งๆรุ่นหลงั ไมม่ ากก็นอ้ ย จดั ทาโดย นางสาวนนั ทิยา หงษส์ า นางสาวปิ ยะมาศ อินยมิ้ นางสาวสุมาลี แซมสีม่วง
สารบญั หน้าหน่วยที่ 8 การกาหนดราคา 4 5-7 1. ความหมายของราคาและการกาหนดราคา (Price and Pricing) นางสาวนนั ทิยา หงษส์ า 7 - 12 2. วตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคา (นางสาวนนั ทิยา หงษส์ า) 12 -16 3. นโยบายการกาหนดราคา (Pricing Policy) (นางสาวสุมาลี แซมสีมว่ ง) 16 -19 4. กลยทุ ธ์การกาหนดราคา (Pricing Strategy) (นางสาวสุมาลี แซมสีมว่ ง) 20 - 26 5. ปัจจยั ที่มีอิทธิพลในการกาหนดราคา (นางสาวปิ ยะมาศ อินยมิ้ ) 6. ข้นั ตอนในการกาหนดราคา (นางสาวปิ ยะมาศ อินยมิ้ )
บทที่ 8 เรื่อง การกาหนดราคา1. ความหมายของราคาและกาหนดราคา (Price and Pricing) มีผใู้ หค้ วามหมายของคาวา่ ราคา (Price) ไวห้ ลายทศั นะดว้ ยกนั ดงั น้ี ราคา หมายถึง สิ่งที่บุคคลจ่ายสาหรับส่ิงที่ไดม้ า ซ่ึงแสดงเป็นมลู ค่าในรูปของเงินตรา (ศิริวรรณ เสรีรัตน์ม, 2543 1 : 107) ราคา หมายถึง มลู คา่ ของผลิตภณั ฑห์ รือบริการที่แสดงค่าออกมาในรูปหน่วยเงินหรือหน่วยแลกเปล่ียนอ่ืน ๆ (วทิ วสั รุ่งเรืองผล, 2549 : 131) สรุปไดว้ า่ ราคา หมายถึง มูลค่าของสินคา้ หรือบริการที่กาหนดในรูปตวั เงินอยา่ งเหมาะสมกบัอรรถประโยชน์ของสินคา้ หรือบริการน้นัแหล่งท่ีมา: หนงั สือวชิ าหลกั การตลาด บทที่ 8 ราคา ( Price ) หมายถึง จานวนเงินที่ใชใ้ นการแลกเปลี่ยนเพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงผลิตภณั ฑโ์ ดยผซู้ ้ือและผขู้ ายตกลงกนั ราคาเป็นปัจจยั หน่ึงของส่วนประสมการตลาดที่จะทาใหเ้ กิดความพงึ พอใจต่อผบู้ ริโภค หากประเมินวา่ ผลิตภณั ฑน์ ้นั มีมูลค่า (Value) และทาใหเ้ กิดอรรถประโยชน์ (Utility) เหมาะสมกบั ราคาหรือจานวนเงินที่จา่ ย ในการกาหนดราคาสินคา้ น้นั มีส่ิงท่ีกิจการจะตอ้ งพิจารณาเพอื่ ใชป้ ระกอบการตดั สินใจ เช่น กาไร จากการขาย การยอมรับของผซู้ ้ือ การเปรียบเทียบกบั ราคาของคู่แข่งขนั เป็ นตน้ ซ่ึงตน้ คานึงถุงอนาคตหากกิจการตอ้ งลงราคาสินคา้ ลงอีก กส็ ามารถกระทาไดโ้ ดยไมข่ าดทุน 1. การกาหนดราคาจากตน้ ทุน (Cost Based Pricing) เป็นวธิ ีการกาหนดราคาท่ีง่ายและสะดวกท่ีสุดโดยใชต้ น้ ทุนต่อหน่วยมาเป็ นพ้ืนฐาน 2. การกาหนดราคาจากอุปสงค์ (Demand Based Pricing) เป็นการกาหนดราคาโดยคานึงปริมาณความตอ้ งการซ้ือสินคา้ ชนิดใดชนิดหน่ึงของลูกคา้ ท่ีมีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกวา่ ความยดื หยนุ่ ของอุปสงคต์ อ่ ราคา(Price Elasticity of Demand)แหล่งท่ีมา: https://prezi.com/stwh248_xocw/presentaion/
2. วตั ถุประสงค์ของการกาหนดราคา การกาหนดราคาของผลิตภณั ฑ์ โดยทว่ั ๆ ไมม่ ีวตั ถุประสงคพ์ อสรุปได้ 3 ประการ ดงั น้ี 1. วตั ถุประสงค์มุ่งผลกาไร (Profit Oriented Objective) กาไรหรือผลตอบแทนท่ีไดร้ ับจากการดาเนินกิจการทางธุรกิจ จดั เป็นวตั ถุประสงคแ์ รก และวตั ถุประสงคห์ ลกั ของการดาเนินธุรกิจทุกประเภททุกขนาดเพราะผลตอบแทนหรือกาไรตามเป้ าหมายท่ีกาหนด เป็นสิ่งท่ีแสดงถึงประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของการดาเนินงาน แสดงถึงความอยรู่ อดของกิจการ กาไรโดยทว่ั ไปมี 2 ลกั ษณะคือ 1. กาไรสูงสุด เป็นการกาหนดราคาท่ีตอ้ งการผลตอบแทนสูงถา้ ตอ้ งการกาไรสูงสุดในระยะส้นั ตอ้ งกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการใหส้ ูง เหมาะสาหรับสินคา้ หรือบริการที่ยงั ไม่มีคูแ่ ขง่ ขนั หรือสินคา้ หรือบริการที่ง่ายต่อการลอกเลียนแบบ การกาหนดราคาสูงในระยะแรก ๆ เพอื่ ใหไ้ ดก้ าไรสูงสุดก่อนที่จะมีคูแ่ ขง่ ขนั เขา้ มาเสนอสินคา้ หรือบริการทดแทน หรือเขา้ มาแบ่งส่วนตลาดไป 2. กาไรตามเป้ าหมายในการลงทุนในการลงทุน เป็นการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการเพ่ือใหไ้ ด้ผลตอบแทน ตามเป้ าหมายที่กิจการกาหนดไว้ เช่น ตอ้ งการผลตอบแทนร้อยละ 20 ของเงินลงทุน หรือร้อยละ25 จากยอดขาย การกาหนอตั ราผลตอบแทนท่ีแน่นอนมีส่วนดีต่อกิจการ คือ สามารถใชเ้ งินทุนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ แต่กิจการจะประสบผลการสาเร็จตามเป้ าหมายได้ 2. วตั ถุประสงค์มุ่งปริมาณการขาย (Sales Oriented Objective) การกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการตามวตั ถุประสงคน์ ้ี นกั การตลาดหรือธุรกิจมีความเชื่อวา่ การขายปริมาณมากจะทาใหเ้ กิดรายไดส้ ูงสุดอนั นามาซ่ึงกาไรสูงสุดดว้ ย นอกจากน้ีการขายปริมาณมาก ๆ จะทาใหส้ ินคา้ เป็นที่ยอมรับของตลาดอยา่ งกวา้ งขวาง เป็นการเพิม่ ส่วนแบง่ ตลาด (Market Share) ท้งั น้ีตอ้ งพจิ าณาความยดื หยนุ่ ของอุปสงคป์ ฏิกิริยาคู่แขง่ ขนั ตน้ ทุนในการขายท่ีเพ่ิมข้ึนจากการขยายตลาด และผลการใชช้ ่องทางการจดั จาหน่ายมาประกอบในการตดั สินใจ 3. วตั ถุประสงค์มุ่งการแข่งขัน (Competitive Oriented Objective) การกาหนดราคาตามวตั ถุประสงค์น้ี ธุรกิจควรคานึงถึงปฏิกิริยาของคู่แข่งขนั ในตลาด และปรับเปล่ียนไปตามสถานการณ์การแข่งขนั ในขณะน้นัซ่ึงธุรกิจสามารถพจิ ารณาตดั สินใจในการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการเพือ่ การแข่งขนั ได้ 3 ลกั ษณะ 1. หลีกเล่ียงการแข่งขนั เป็นการกาหนดราคาสินคา้ หริอบริการในระดบั เดียวกบั ราคาของคู่แขง่ ขนั เพ่ือหลีกเลี่ยงการทาสงครามดา้ นราคา แต่จะหนั ไปใชก้ ลยทุ ธ์ส่วนประสมการตลาดตวั อื่นแทน เช่น การส่งเสริมการขาย การสร้างความคุม้ คา่ แก่ผลิตภณั ฑ์ 2. การแขง่ ขนั ดา้ นราคา เป็นการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการใหต้ ่ากวา่ ราคาของคูแ่ ข่งขนั เพือ่ ดึงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แขง่ ขนั การกาหนดราคาตามวตั ถุประสงคน์ ้ีจะทาใหเ้ กิดสถานการณ์ การทาสงครามทางราคาเกิดข้ึน ซ่ึงมกั ไม่เกิดผลดีต่อผขู้ ายรายใดเลย ในปัจจุบนั ผปู้ ระกอบการตา่ ง ๆ จึงไมน่ ิยมกาหนดราคาเพือ่
วตั ถุประสงคน์ ้ี นอกจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่ตอ้ งการขจดั คู่แขง่ ขนั ขนาดเล็กกวา่ ในบางโอกาส เพอื่ ครอบครองส่วนแบ่งตลาดใหม้ ากข้ึน 3. การกาหนดราคาคงที่หรือการกาหนดราคาเพ่ือเสถียรภาพ เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ท่ีจาหน่ายให้คงที่อยใู่ นระดบั ใดระดบั หน่ึง และจะไม่เปล่ียนแปลงราคาไปตามสถานการณ์ เป็นการหลีกเลี่ยงการแขง่ ขนั ดา้ นราคาหรือป้ องกนั สงครามดา้ นราคา และสร้างความมนั่ ใจใหเ้ กิดแก่ผซู้ ้ือ การกาหนดราคาลกั ษณะน้ี จะใชไ้ ด้ผลดีธุรกิจท่ีมีขนาดใหญ่มีความมงั่ คงดา้ นการตลาดหรือเป็ นผนู้ าในตลาด ธุรกิจมีส่วนแบง่ ตลาดและกาไรอยใู่ นเกณฑท์ ี่พงึ พอใจ หากตอ้ งการส่วนแบ่งตลาดเพิม่ จะใชว้ ธิ ีการปรับปรุงผลิตภณั ฑแ์ ละบริการดา้ นต่าง ๆ แทนการเปล่ียนแปลงราคาแหล่งท่ีมา: หนงั สือวชิ าหลกั การตลาด บทท่ี 8 วตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคาน้นั มีอยหู่ ลายประการ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั นโยบายของกิจการสถานการณ์การแข่งขนั และสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ รวมท้งั การพิจารณาถุงวตั ถุประสงคร์ วมของกิจการและวตั ถุประสงค์ทางการตลาดดว้ ยวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคาที่สาคญั มีดงั น้ี 1. การกาหนดราคาทม่ี ุ่งรายได้จากการขาย โดยมวี ตั ถุประสงค์ดงั นี้ 1) เพอ่ื ตอ้ งการรายไดเ้ พ่มิ ข้ึน เป็ นวตั ถุประสงคส์ าคญั ของกิจการท่ีสร้างรายไดใ้ หม้ ากพอท่ีจะคุม้ กบัค่าใช่จ่ายต่าง ๆเพือ่ นาไปขยายกิจการตอ่ ไป 2) เพื่อตอ้ งการเพ่ิมเงินสดหมุนเวยี น ในกรณีที่กิจการเผชิญกบั ปัญหาเงินทุนหมุนเวยี น ขาดแคลนจนไม่สามารถชาระหน้ีได้ จึงจาเป็นตอ้ งปรับราคาและส่วนลด 2. การกาหนดราคาทมี่ ุ่งกาไร โดยมีวตั ถุประสงค์ดังนี้ 1) เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลตอบแทน (กาไร) จากการลงทุน เช่น ตอ้ งการผลตอบแทน 20% จากการลงทุนตอ้ งการผลตอบแทน 15% จากยอดขาย เป็นตน้ 2) เพ่อื ใหไ้ ดก้ าไรสูงสุด กิจการท่ีแสวงหาผลกาไรสูงสุดกเ็ พื่อตอ้ งการคืนทุนอยางรวดเร็ว เป็ นการมุง่ หวงั ผลในระยะส้ัน 3) เพอ่ื ดารงการดาเนินธุรกิจใหค้ งอยตู่ ่อไป กรณีที่กิจการเผชิญกบั ปัญหาวกิ ฤติในช่วงท่ีเศรษฐกิจซบเซา อาจตอ้ งลดราคาสินคา้ เพ่ือใหก้ ิจการสามารถดาเนินอยไู่ ด้ 3. การกาหนดราคาทม่ี ุ่งยอดขายหรือปริมาณการขาย โดยมีวตั ถุประสงค์ดงั นี้ 1) เพอ่ื เพิ่มยอดขาย เนื่องจากกิจการตอ้ งการใหล้ ูกคา้ เก่าซ้ือผลิตภณั ฑเ์ พม่ิ มากข้ึนขณะเดียวกนั ก็แสวงหาลูกคา้ กลุ่มใหญ่ท่ีมีจานวนมากข้ึนดว้ ย
2) เพ่ือรักษาส่วนครองตลาด ในกรณีท่ีกิจการเป็ นผนู้ าของผลิตภณั ฑน์ ้นั และตอ้ งการรักษาความเป็ นผนู้ าอยตู่ ่อไป 3) เพ่อื เพ่มิ ส่วนของตลาด หรือขายตลาดใหม้ ีส่วนครองตลาดเพมิ่ มากข้ึน 4. การกาหนดราคาทม่ี ุ่งการแข่งขัน โดยมีวตั ถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อเผชิญกบั การแขง่ ขนั เนื่องจากกิจการไม่ตอ้ งการเผชิญกบั สงครามดา้ นราคากบั คูแ่ ข่งขนั 2) เพือ่ หลีกเล่ียงการแขง่ ขนั ในกรณีท่ีกิจการเป็ นผเู้ ริ่มตน้ ทาธุรกิจในทอ้ งถ่ินหน่ึงและไม่ตอ้ งการให้กิจการอ่ืนเขา้ มาแขง่ ขนั ดว้ ย จึงตอ้ งต้งั ราคาสินคา้ ใหต้ ่า 3) เพอ่ื ตดั ราราของคูแ่ ขง่ ขนั ในกรณีที่กิจการตอ้ งการขจดั แขง่ ขนั ออกจากตลาดและตอ้ งการแยง่ลูกคา้ ของคู่แขง่ ขนั 5. การกาหนดราคาทมี่ ุ่งสังคม โดยมวี ตั ถุประสงค์ดังนี้ 1) เพ่อื การปฏิบตั ิตามลกั จรรยาบรรณที่ดี เป็ นการแสดงวา่ กิจการไม่เอาเปรียบสงั คมดว้ ยการกาหนดราคาใหต้ ่ากวา่ ระดบั ที่ควรจะเป็น 2) เพื่อรักษาภาวะการจา้ งงาน เป็ นการสร้างภาพลกั ษณ์วา่ กิจการเป็นผสู้ ร้างงานใหก้ บั การผลิตและการจา้ งงานใหก้ บั สงั คม ดว้ ยการกาหนดราคาในระดบั ที่ทาใหเ้ กิดการผลิตและการจา้ งแรงงานแหล่งที่มา: https://sites.google.com/site/onlinelearningseries/3. นโยบายการกาหนดราคา (Pricing Policy) เม่ือกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคาแลว้ นาวตั ถุประสงคม์ าใชพ้ จิ ารณากาหนดในการกาหนดนโยบายราคา เพ่ือเป็ นแนวทางในการตดั สินใจเลือกกาหนดราคาให้แก่ผลิตภณั ฑข์ องธุรกิจ นโยบายการกาหนดราคาโดยทวั่ ไปมี 3 ลกั ษณะ คือ 1. นโยบายระดบั ราคา ( Price Level Policy) นโยบายระดบั ราคาเป็นแนวทางการกาหนดราคา โดยพิจารณาจากราคาตลาด นามาตดั สินใจในการกาหนดระดบั ราคาสินคา้ ของกิจการวา่ จะเป็นไปในลกั ษณะใด ซ่ึงสามารถพิจารณาได้ 3 ระดบั ดงั น้ี 1. การกาหนดระดบั ราคาตามตลาด เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ตามราคาสินคา้ ของคูแ่ ข่งขนั ในตลาดขณะน้นั เพ่อื หลีกเล่ียงการแข่งขนั ดา้ นราคาหรือป้ องกนั การเกิดสงครามดา้ นราคาแตกต่างระหวา่ ผลผลิตภณั ฑ์ใหโ้ ดดเด่นได้ เหมาะสาหรับสินคา้ หรือบริการท่ีผบู้ ริโภครู้จกั เป็นอยา่ งดี หรือใชเ้ ป็นประจา สามารถหาสินคา้ทดแทนไดง้ ่าย
2. การกาหนดระดบั ราคาสูงกวา่ ราคาตลาด เป็นการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการหรือบริการใหส้ ูงกวา่ราคาสินคา้ หรือบริการของคู่แขง่ ขนั ในตลาด ใชไ้ ดผ้ ลดีสาหรับสินคา้ หรือบริการที่มีลกั ษณะพเิ ศษที่คู่แข่งขนั ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ สามารถสร้างความแตกต่างระหวา่ งสินคา้ หรือบริการไดอ้ ยา่ งชดั เจน ผบู้ ริโภคมีความจงรักภกั ดีต่อตราสินคา้ การกาหนดราคาสูงกวา่ จึงไม่เป็นอุปสรรคหรือเกิดปัญหาแต่อยา่ งใด 3. การกาหนดระดบั ราคาต่ากวา่ ราคาตลาด เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ใหต้ ่ากวา่ ราคาสินคา้ ของคู่แข่งขนั เหมาะสาหรับธุรกิจที่เสียเปรียบทางการตลาดอนั เนื่องจากมีขนาดเลก็ กวา่ ส่วนแบ่งตลาดนอ้ ยกวา่ตอ้ งการไดส้ ่วนแบง่ ตลาดมากข้ึน เพ่อื กระจายสินคา้ ใหแ้ พร่หลายมากกวา่ เดิม ตอ้ งการลูกคา้ จานวนมากข้ึน แต่จะใชไ้ ดผ้ ลดีกบั สินคา้ ท่ีมีความยดื หยนุ่ ของอุปสงคม์ าก 2. นโยบายราคาเดยี ว (One Price Policy) เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ชนิดเดียวกนั ปริมาณท่ีเท่ากนั ในระดบั ราคาเดียวกนั ไมว่ า่ จะขายใหก้ บั ผซู้ ้ือหรือปริโภครายใด นโยบายการกาหนดราคาแบบน้ีจะนามาใชก้ บัหา้ งสรรพสินคา้ หรือร้านคา้ ปลีกขนาดใหญ่ มีขอ้ ดี คือ สามารถสร้างความมน่ั คงใจใหก้ บั ผซู้ ้ือหรือผบู้ ริโภคได้เป็นอยา่ งดี และสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดา้ นการต่อรองราคาอีกดว้ ย 3. นโยบายหลายราคาหรือราคายดื หยุ่นได้ (Flexible Price Policy) เป็นการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการประเภทเดียวกนั ในราคาที่แตกต่างกนั สาหรับลูกคา้ แต่ละราย แต่จะแตกตา่ งกนั มากนอ้ ยเพียงใดน้นัข้ึนอยกู่ บั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งผซู้ ้ือกบั ผขู้ าย ความสามารถในการตอ่ รองของผซู้ ้ือหรือผบู้ ริโภคปริมาณสินคา้ ที่จะซ้ือขาย และเงื่อนไขอื่น ๆ ท่ีกิจการนามาใชใ้ นแตล่ ะโอกาสแหล่งท่ีมา: หนงั สือวชิ าหลกั การตลาด บทท่ี 8 นโยบายการกาหนดราคา1. การต้งั ราคาตามแนวภูมิศาสตร์ (Geographical Pricing) 1.1 การต้งั ราคาสินคา้ แบบ F.O.B. เป็นการต้งั ราคาท่ีไมร่ วมคา่ ขนส่งโดยค่าขนส่งเป็นภาระท่ีผซู้ ้ือตอ้ งเสียเองผขู้ ายจะจ่ายใหเ้ ฉพาะค่าขนยา้ ยสินคา้ เท่าน้นั 1.2 การต้งั ราคาส่งมอบราคาเดียว (การต้งั ราคาแบบแสตมป์ ไปรษณีย)์ เป็นการต้งั ราคาสินคา้ ที่เท่ากนัสาหรับผซู้ ้ือทุกรายไมว่ า่ จะอยใู่ กลห้ รือไกลโดยจะมีการรวมค่าขนส่งไวใ้ นราคาสินคา้ แลว้ 1.3 การต้งั ราคาตามเขตเป็ นการต้งั ราคาใหแ้ ตกตา่ งกนั ตามเขตทางภูมิศาสตร์ที่กาหนด โดยจะคิดราคาสาหรับผซู้ ้ือที่อยใู่ นเขตเดียวกนั ในราคาที่เทา่ กนั 1.4 การต้งั ราคาแบบผขู้ ายรับภาระคา่ ขนส่ง เป็ นการต้งั ราคาที่ผขู้ ายรับภาระคา่ ขนส่งจริงท้งั หมดหรือเพยี งบางส่วน
1.5 การต้งั ราคาจากจุดฐานท่ีกาหนด วธิ ีน้ีจะมีการกาหนดจุดฐานหรือจุดเริ่มตน้ สาหรับการคิดค่าขนส่งใหก้ บั ผซู้ ้ือในจานวนท่ีเท่ากนั ไม่วา่ ผซู้ ้ือจะอยทู่ ่ีใดก็ตาม2. นโยบายการใหส้ ่วนลดและส่วนยอมให้ ส่วนลด(Discounts) ส่วนที่ลดใหจ้ ากราคาที่กาหนดไวใ้ นรายการเพ่ือใหผ้ ซู้ ้ือกระทาหนา้ ท่ีทางการตลาดบางอยา่ งท่ีเป็นประโยชน์ต่อผขู้ าย ส่วนยอมให(้ Allowances) ส่วนลดท่ีผขู้ ายลดใหก้ บั ผซู้ ้ือเพอ่ื ใหผ้ ซู้ ้ือทาการส่งเสริมการตลาดใหก้ บั ผขู้ าย 2.1 ส่วนลดปริมาณ เป็นจานวนเงินที่ผขู้ ายยอมใหผ้ ซู้ ้ือหกั ออกจากราคาที่กาหนดไว้ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ กระตุน้ ใหซ้ ้ือในปริมาณที่มากข้ึน 2.2 ส่วนลดการคา้ หรือส่วนลดตามหนา้ ที่ เป็นส่วนลดท่ีผผู้ ลิตจ่ายใหก้ บั คนกลางในช่องทางการจาหน่ายเพื่อใหผ้ ซู้ ้ือทาหนา้ ท่ีทางการตลาดบางอยา่ งแทนผผู้ ลิต 2.3 ส่วนลดเงินสด เป็นส่วนลดจากราคาขายที่ผซู้ ้ือไดร้ ับจากการชาระค่าสินคา้ ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด เช่น 2/10, n/30หมายความวา่ ถา้ ชาระค่าสินคา้ ภายใน 10 วนั นบั จากวนั ท่ีประกฎในใบอินวอยซ์ จะไดร้ ับส่วนลด2% และตอ้ งไมเ่ กิน 30 วนั 2.4 ส่วนลดตามฤดูกาล เป็นส่วนลดที่ใหก้ บั ผซู้ ้ือท่ีมีการส่ังซ้ือสินคา้ ในช่วงนอกฤดูกาลขายหรือช่วงที่ขายไม่ดีเช่น การลดราคาคา่ หอ้ งพกั โรงแรม ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นตน้ 2.5 ส่วนยอมใหจ้ ากการนาสินคา้ เก่ามาแลก เป็นการที่ผขู้ ายขายสินคา้ ใหมโ่ ดยยอมใหผ้ ซู้ ้ือนาสินคา้ เก่าท่ียงั มีมลู คา่ มาแลกซ้ือ 2.6 ส่วนยอมใหส้ าหรับการส่งเสริมการตลาด เป็นจานวนเงินท่ีผผู้ ลิตยอมใหห้ กั ออกจากราคาขายเพื่อเป็ นการช่วยเหลือคา่ ใชจ้ ่ายในการส่งเสริมการตลาดบางอยา่ ง เช่น การโฆษณา การจดั แสดงสินคา้ เป็ นตน้ 2.7 ส่วนยอมใหจ้ ากการผลกั ดนั สินคา้ เป็นผลตอบแทนท่ีผผู้ ลิตหรือผคู้ า้ ส่งใหก้ บั ผคู้ า้ ปลีกสาหรับมอบใหก้ บั พนกั งานขายเพ่ือเนน้ การขายสินคา้ รายการใดรายการหน่ึงโดยเฉพาะมกั ใชก้ บั สินคา้ ท่ีมีการเคล่ือนไหวชา้ หรือมีกาไรส่วนเกินสูง3. กลยทุ ธ์การต้งั ราคาเพอื่ การส่งเสริมการตลาด (Promotional Pricing)
3.1 การต้งั ราคาล่อใจ (Loss Leader Pricing) เป็นการต้งั ราคาสินคา้ ที่ราคาเทา่ ทุนหรือต่ากวา่ ทุน (ตวั ยอมขาดทุน) เพ่ือดึงดูดลูกคา้ ใหเ้ ขา้ ร้านโดยหวงัใหล้ ูกคา้ ซ้ือสินคา้ ตวั อื่นๆที่ไม่ไดล้ ดราคาไปดว้ ย 3.2 การต้งั ราคาเหยื่อล่อ (Bait Pricing) เป็นวธิ ีการดึงลูกคา้ เขา้ ร้านโดยการโฆษณาวา่ มีสินคา้ ลดราคาต่ากวา่ ทุนแตผ่ ขู้ ายมีเจตนาไม่ตอ้ งการที่จะขายสินคา้ ท่ีเป็นเหยือ่ ล่อท่ีไดโ้ ฆษณาเอาไว้ โดยการทาใหล้ ูกคา้ เกิดความยากลาบากในการหาซ้ือ ผขู้ ายกจ็ ะทาการโนม้ นา้ วใหซ้ ้ือสินคา้ ตวั อื่นท่ีไมไ่ ดล้ ดราคาแทน 3.3 การต้งั ราคาในเทศกาลพเิ ศษ เป็นการต้งั ราคาสินคา้ ให้ต่ากวา่ ราคาปกติ เนื่องในเทศกาลพิเศษตา่ งๆ เช่น ครบรอบกิจการ ปี ใหม่ เปิ ดเทอมเปิ ดสาขาใหม่ เป็นตน้ 3.4 การขายเชื่อแบบคิดดอกเบ้ียต่า เป็นการกระตุน้ ยอดขายโดยการใหส้ ินเชื่อแบบคิดดอกเบ้ียต่าสาหรับราคาสินคา้ ปกติ 3.5 สญั ญาการรับประกนั และการใหบ้ ริการ เป็นการรับประกนั หรือการใหบ้ ริการฟรีแทนการลดราคาสินคา้ 3.6 การลดราคาเพ่ือส่งเสริมการขาย เป็นการลดราคาลงมาจากราคาปกติเล็กนอ้ ย เพอ่ื กระตุน้ ใหเ้ กิดการซ้ือมากข้ึน ตดั สินใจซ้ือไดเ้ ร็วข้ึน 3.7 การคืนเงิน เป็นต้งั ราคาเพื่อส่งเสริมการตลาดท่ีผบู้ ริโภคมีสิทธ์ิไดร้ ับคา่ สินคา้ คืนหากไมพ่ อใจในสินคา้ หรือบริการ จากการซ้ือสินคา้ ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด4. การต้งั ราคาใหแ้ ตกตา่ งกนั (Discrimination Pricing) 4.1 การต้งั ราคาตามกลุ่มลูกคา้ โดยจะพจิ ารณาจากรายไดข้ องลูกคา้ ลกั ษณะทางเศรษฐกิจ สงั คม อายุ เพศ ทาเลที่ต้งั หรือสถานท่ีของผซู้ ้ือเช่น หอ้ งพกั ที่ติดทะเลจะราคาแพงกวา่ หอ้ งพกั ท่ีไมต่ ิดทะเล หรือบตั รชมคอนเสิร์ต ดา้ นหนา้ จะราคาแพงกวา่ดา้ นหลงั เป็นตน้ 4.2 การต้งั ราคาตามรูปแบบผลิตภณั ฑ์ จะพจิ ารณาจากคุณภาพ ตราสินคา้ ขนาดผลิตภณั ฑ์ หรือการใหบ้ ริการ 4.3 การต้งั ราคาตามภาพลกั ษณ์
เป็นการต้งั ราคาตามภาพลกั ษณ์ของสินคา้ ท่ีแตกตา่ งกนั ในสายตาของผบู้ ริโภค ถา้ ผลิตภณั ฑใ์ ดมีภาพลกั ษณ์ที่ดีในสายตาของผบู้ ริโภคกส็ ามารถต้งั ราคาสูงได้ 4.4 การต้งั ราคาตามเวลา ช่วงเวลาท่ีลูกคา้ มีความตอ้ งการมากราคาก็จะสูงกวา่ ปกติ ตวั อยา่ งเช่น ค่าโทรศพั ทใ์ นช่วงกลางคืนจะมีราคาถูกกวา่ ตอนกลางวนั เป็ นตน้ 4.5 การต้งั ราคาตามคูแ่ ข่ง ตลาดของสินคา้ ที่มีคู่แข่งเป็นจานวนมากการต้งั ราคากจ็ ะต่ากวา่ ตลาดที่มีคูแ่ ข่งจานวนนอ้ ย5. กลยทุ ธ์การต้งั ราคาตามหลกั จิตวทิ ยา (Psychological Pricing) 5.1 การต้งั ราคาตามความเคยชิน เป็นการต้งั ราคาไวใ้ นระดบั ราคาท่ีผบู้ ริโภคคุน้ เคย เช่น หนงั สือพมิ พฉ์ บบั ละ 8 บาท น้าอดั ลมกระป๋ องละ 13บาท เป็นตน้ 5.2 การต้งั ราคาเลขค่ีและเลขคู่ การต้งั ราคาเลขคี่จะนิยมใชก้ บั สินคา้ หรือบริการที่ตอ้ งการใหผ้ บู้ ริโภครู้สึกวา่ มีราคาถูก เช่น 99 บาท 199 บาทเป็นตน้ ซ่ึงจะช่วยกระตุน้ ใหเ้ กิดการซ้ือท่ีมากกวา่ ส่วนการต้งั ราคาเลขคู่ หรือจานวนเตม็ มกั ใชก้ บั สินคา้ ท่ีมีชื่อเสียง คุณภาพดีหรือสินคา้ ที่ผบู้ ริโภครู้จกั นอ้ ย 5.3 การต้งั ราคาสินคา้ ที่มีชื่อเสียง สาหรับสินคา้ หรือบริการที่มีช่ือเสียง นิยมใชก้ ารต้งั ราคาสินคา้ ท่ีคอ่ นขา้ งสูง (Skimming Pricing) เพื่อเป็นการสร้างภาพลกั ษณ์ใหก้ บั สินคา้6. การต้งั ราคาสาหรับสินคา้ ใหม่ (New Product Pricing) 6.1 การต้งั ราคาระดบั สูง (Skimming Pricing) ใชใ้ นกรณีที่สินคา้ มีความแตกต่างจากคูแ่ ข่งขนั เป็นสินคา้ เจาะจงซ้ือ ไดร้ ับการคุม้ ครองดา้ นลิขสิทธ์ิเลียนแบบไดย้ าก 6.2 การต้งั ราคาต่าหรือการต้งั ราคาเพื่อเจาะตลาด (Penetration Pricing) ใชใ้ นกรณีท่ีเป็นที่สามารถใชส้ ินคา้ อ่ืนทดแทนได้ ไมม่ ีความแตกตา่ งจากคูแ่ ขง่ สินคา้ สะดวกซ้ือ7. นโยบายระดบั ราคา (The Level of Price Policy) 7.1 การต้งั ราคา ณ ระดบั ราคาตลาด เป็นการต้งั ราคาใหเ้ ท่ากบั คู่แขง่ ขนั ใชใ้ นกรณีท่ีสินคา้ ไม่มีความแตกตา่ ง เป็ นสินคา้ ท่ีผบู้ ริโภคคุน้ เคย ณระดบั ราคาน้นั เป็ นตลาดท่ีมีผขู้ ายนอ้ ยราย 7.2 การต้งั ราคา ณ ระดบั ราคาต่ากวา่ ราคาตลาด เป็นการต้งั ราคาท่ีต่ากวา่ คู่แข่งขนั ในตลาด เพอื่ ขยายตลาด ป้ องกนั ไม่ใหค้ ูแ่ ข่งเขา้ มา สินคา้ มีคุณภาพต่า
7.3 การต้งั ราคา ณ ระดบั ราคาสูงกวา่ ราคาตลาด เป็นการต้งั ราคาที่สูงกวา่ คู่แข่งขนั ในตลาด ในกรณีที่สินคา้ มีตน้ ทุนท่ีสูงกวา่ มีความแตกตา่ งจากคูแ่ ข่ง8. นโยบายราคาเดียวกบั นโยบายหลายราคา (One Price and Variable Price) 8.1 นโยบายราคาเดียว คือ การที่ผผู้ ลิตคิดราคาสินคา้ ชนิดหน่ึงสาหรับผซู้ ้ือทุกรายในราคาเดียวกนั ภายใตส้ ถานการณ์ที่เหมือนกนั 8.2 นโยบายหลายราคา คือ การต้งั ราคาสินคา้ ท่ีไม่ไดก้ าหนดไวแ้ น่นอนตายตวั ราคาสินคา้ ที่คิดกบั ผซู้ ้ือแต่ละรายจะไมเ่ ท่ากนั ข้ึนอยู่กบั การต่อรองของผซู้ ้ือแตล่ ะรายแหล่งที่มา: https://sistes.google.com/site/lakkantalad/nyobay-laea-klyuthth-ka-rkaa-hn-dra-kha4. กลยุทธ์การกาหนดราคา (Pricing Strategy) 1. ความหมายกลยทุ ธ์การกาหนดราคา กลยทุ ธ์การกาหนดราคา หมายถึง หลกั เกณฑห์ รือแนวทางการปฏิบตั ิเกี่ยวกบั การกาหนดราคาเพ่ือให้ผบู้ ริโภคยอมรับราคาสินคา้ และบรรลุวตั ถุประสงคข์ องกิจการ 2. รูปแบบของกลยทุ ธ์การกาหนดราคา 1. กลยทุ ธ์การกาหนดราคาสูง (Skimming Pricing) เป็นกลยทุ ธ์การกาหนดราคาสินคา้ ใหส้ ูงที่สุดเท่าที่จะทาได้ ใชไ้ ดผ้ ลดีกบั สินคา้ หรือบริการที่มีความแปลกใหม่ สินคา้ หรือบริการที่คู่แข่งขนั ยงั ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ สินคา้ ท่ีเพิ่งนาออกสู่ตลาดเป็นคร้ังแรกยงั ไม่มีคู่แขง่ ขนั สินคา้ ท่ีมีคุณภาพ ดีเด่นเป็นพิเศษหรือสินคา้ ที่เนน้ การสร้างภาพพจนใ์ นระดบั สูง นอกจากน้ียงั เป็นผลดีตอ่ การดาเนินกิจการ ในการช่วยลดความเล่ียงตอ่ ความผิดพลาดของการประมาณตน้ ทุนไม่ถูกตอ้ ง สามารถชดเชยค่าใชจ้ า่ ยในช่วงแนะนาผลิตภณั ฑอ์ อกสู่ตลาด ทาใหก้ ิจการไดก้ าไรสูงและมีโอกาสคืนทุนเร็วข้ึน 2. กลยทุ ธ์การกาหนดราคาต่าเพ่อื เจาะตลาด (Penetration Prcing) กลยทุ ธ์การกาหนดราคาแบบน้ีมีลกั ษณะตรงกนั ขา้ มกบั รูปแบบแรก เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ใหต้ ่าเพ่ือเจาะตลาดนามาใชเ้ พือ่ วตั ถุประสงคใ์ นการเพ่มิ การครองส่วนแบ่งตลาดหรือขจดั คูแ่ ข่งขนั เหมาะสาหรับสินคา้ หรือบริการที่การแขง่ ขนั ในตลาดมีความสูงเขม้ ขน้ สูง อุปสงคม์ ีความยดื หยนุ่ มาก มีวงจรชีวติ ยาวนาน สินคา้ หรือบริการไมม่ ีความแตกต่าง เช่น สินคา้ ท่ีใชใ้ นชีวติ ประจาวนั หรือสินคา้ ที่สามารถหาสินคา้ อ่ืนทดแทนได้ 3. กลยทุ ธ์การกาหนดราคาในเชิงจิตวทิ ยา (Psychological Pricing) เป็นการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการท่ีอาศยั หลกั จิตวทิ ยาเขา้ ช่วย โดยการศึกษาพฤติกรรมของผซู้ ้ือแลว้ นาวธิ ีการในการกาหนดราคาสินคา้
หรือบริการที่จะทาใหผ้ ซู้ ้ือ มีความรู้สึกอยากซ้ือ ราคาไม่แง หรือมีคุณค่าควรแก่การซ้ือสามารถใชไ้ ดห้ ลายแบบดงั น้ี (1) การกาหนดราคาเลขค่ี เลขคู่ (Odd-Even Pricig) การกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการแบบน้ี นกั การตลาดมีความเช่ือวา่ ผซู้ ้ือมกั นิยมซ้ือสินคา้ ที่กาหนดราคาเป็ นเลขคี่หรือราคาท่ีไมใ่ ช่จานวนเตม็ เป็นเสษมากวา่ราคาที่กาหนดเป็นเลขคู่หรือจานวนเตม็ เช่นการกาหนดราคาสินคา้ 33 บาท แทนท่ีจะกาหนดราคา 100 บาทหรือกาหนดราคา 199 บาท แทนการกาหนดราคา 200 บาท เพราะทาใหผ้ ซู้ ้ือ มีความรู้สึกวา่ ผขู้ ายพยายามลดราคาอยา่ งเตม็ ท่ีแลว้ โอกาสการตดั สินใจซ้ือมีมากวา่ การกาหนดราคาเป็นเลขคูห่ รือจานวนเตม็ ส่วนสินคา้ หรือบริการท่ีกาหนดราคาเป็นเลขคูห่ รือจานวนเตม็ จะใชไ้ ดผ้ ลดี (2) การกาหนดราคาในช่วงระดบั (Price Lining) การกาหนดราคาในลกั ษณะน้ีเป็ นการกาหนดราคาสินคา้ ท่ีมีคุณภาพไมเ่ หมือนกนั ใหม้ ีระดบั ราคาค่าบริการดดั ผมไว้ 200 บาท 300 บาท และ 500 บาท โดยใชน้ ้ายาดดั ผมในคุณภาพตา่ งกนั ลูกคา้ สามารถเลือกใชบ้ ริการไดห้ ลายระดบั ง่ายตอ่ การตดั สินใจเลือกซ้ือสินคา้ หรือบริการใหต้ รงตามความตอ้ งการไดม้ ากข้ึน (3) การกาหนดราคาเพอ่ื แสดงถึงเกียรติ (Prestige Pricing) เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ใหส้ ูงเป็นพิเศษเพ่อื ยกระดบั ภาพพจน์ของสินคา้ และแสดงฐานะทางสงั คมของผใู้ ชส้ ินคา้ น้นั สินคา้ หรือบริการท่ีเหมาะสมสาหรับการกาหนดราคาแบบน้ี คือ สินคา้ ท่ีมีลกั ษณะพิเศษ เช่น รถยนตจ์ ากกลุ่มประเทศยโุ รป เป็ นตน้ (4) การกาหนดราคาเพ่อื ส่งเสริมการขาย (Sale Promtion Pricing) การกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการในลกั ษณะน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ตอ้ งการเพ่มิ ปริมาณการขายในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึงใหม้ ีปริมาณสูงข้ึน หรือตอ้ งการใชร้ าคากระตุน้ หรือจูงใจใหเ้ กิดสินคา้ หรือบริการในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง ซ่ึงเป็ นช่วงเวลาส้นั ๆ จึงจะทาใหเ้ กิดผลดีวธิ ีการที่นามาใชส้ ามารถทาไดห้ ลายวธิ ี เช่น การนาสินคา้ หลาย ๆ ชิ้นมาบรรจุไวใ้ นหีบห่อเดียวกนั แลว้ กาหนดราคาให้ต่ากวา่ การแยกซ้ือทีละชิ้น (5) การกาหนดราคาแบบล่อใจ (Loss Leader Pricing) เป็นการกาหนดราคาสินคา้ ชนิดใดชนิดหน่ึงให้ต่ามาก ๆ หรือบางงคร้ังต่ากวา่ ทุน เพอ่ื สามารถดึงดูดความสนใจลูกคา้ ใหเ้ ขา้ มาซ้ือสินคา้ ในร้านและสร้างโอกาสในการซ้ือสินคา้ อ่ืน ๆเพ่มิ ข้ึน ซ่ึงสินคา้ ที่นามากาหนดใหร้ าคาต่าตอ้ งเป็นสินคา้ ที่มีช่ือเสียงเป็นที่สนใจของผบู้ ริโภค เช่น เคร่ืองเสียงช้นั นาลดราคา 50-80% เส้ือผา้ สุภาพสตรีตรายห่ี อ้ ท่ีมีช่ือเสียงลดรา 20-80 % เป็นตน้ 4. การกาหนดราคาแบบใหส้ ่วนลด (Discount Pricing) เป็ นการกาหนดราคาสินคา้ เพ่ือใหส้ ่วนลดแก่ผู้ซ้ือในกรณีต่าง ๆ ดงั น้ี (1) ส่วนลดการคา้ (Trade Discount) ส่วนลดในลกั ษณะน้ีเป็นส่วนลดที่ผผู้ ลิตใหแ้ ก่ผคู้ า้ ส่งหรือผคู้ า้ปลีก เป็นส่วนลดท่ีใหใ้ นแต่ละช่องทางการจดั จาหน่ายเพื่อการเสนอกาไรใหแ้ ก่คนกลางซ่ึงทาหนา้ ท่ีบางอยา่ ง
แทนผผู้ ลิต ไดแ้ ก่ การจดั จาหน่ายสินคา้ การส่งสินคา้ การส่งเสริมการขาย การเก็บรักษาสินคา้ คงคลงั โดยอตั ราส่วนลดจะไม่เท่ากนั (2) ส่วนลดปริมาณ (Quantity Discount) เป็นส่วนลดท่ีผผู้ ลิตหรือคนกลางใหก้ บั ผซู้ ้ือในกรณีซ้ือสินคา้ในปริมาณท่ีกาหนด หรือซ้ือคร้ังละจานวนมาก การใหส้ ่วนลดปริมาณสามารถกระทาได้ 2 ลกั ษณะ (ก) ส่วนลดปริมาณสะสม เป็ นส่วนลดท่ีผขู้ ายใหก้ บั ผซู้ ้ือเมื่อผซู้ ้ือ ซ้ือสินคา้ ในปริมาณที่กาหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กาหนด เช่น ซ้ือสินคา้ รวมมลู คา่ 100,000 ภายใน 3 เดือน จะไดส้ ่วนลด 15 % (ข) ส่วนลดปริมาณไมส่ ะสม เป็นส่วนลดที่ผขู้ ายใหแ้ ก่ผซู้ ้ือเม่ือซ้ือสินคา้ หรือบริการในแตล่ ะคร้ังตามปริมาณที่กาหนด แต่ไมส่ ามารถท่ีนายอดการซ้ือแตล่ ะคร้ังมาสะสมได้ เช่น ซ้ือสิคา้ หรือบริการครบ 50,000 บาทไดส้ ่วนลดร้อยละ 5 เกินกวา่ 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ไดส้ ่วนลดร้อยละ 10 เกินกวา่ 100,000 บาทข้ึนไปไดส้ ่วนลดร้อยละ 20 เป็นตน้ (3) ส่วนลดเงินลด (Cash Discount) เป็นการกาหนดส่วนลดที่ผขู้ ายข้ึนมีวตั ถุประสงค์ เพ่อื จงู ใจใหผ้ ซู้ ้ือชาระคา่ สินคา้ หรือบริการเป็ นเงินสดภายในระยะเวลาที่กาหนด เพ่ือใหธ้ ุรกิจสามารถนาเงินสดมาใชห้ มุนเวยี นในกิจการไดเ้ ร็วข้ึน (4) ส่วนลดนอกฤดูกาล (Seasonal Discount) เป็นส่วนลดท่ีผขู้ ายลดใหแ้ ก่ผซู้ ้ือที่ซ้ือสินคา้ หรือบริการนอกฤดูกาลของสินคา้ หรือบริการน้นั การใหส้ ่วนลดแบบน้ีเป็นการกระตุน้ หรือจงู ใจใหม้ ีการซ้ือสินคา้ หรือบริการในช่วงท่ีไมใ่ ช่ฤดูกาลขาย เพอื่ ใหม้ ีการสง่ั ซ้ือสินคา้ หรือบริการท่ียงั มีเหลืออยู่ หรือมีความตอ้ งการลดลงกวา่ ปกติ ทาใหผ้ ผู้ ลิตหรือผขู้ ายสามารถรักษาระดบั การขายหรือระดบั การผลิตไดแ้ น่นอนมากข้ึน สามารถวางแผนทางการตลาดไดช้ ดั เจนข้ึนและเป็นการลดระดบั การจดั เก็บสินคา้ คงคลงั ไดใ้ นอีกระดบั หน่ึง 3. วธิ ีการกาหนดราคา (Price Determinations) วธิ ีการกาหนดราคาสินคา้ สามารถดาเนินการไดห้ ลายวธิ ี ดงั น้ี 1. วธิ ีการกาหนดราคาโดยมุง่ ตน้ ทุน (Cost Oriented Pricing) เป็นวธิ ีการกาหนดราคาท่ีใหค้ วามสาคญัตอ่ ตน้ ทุนในการผลิตหรือการจดั หาสินคา้ หรือบริการมาจาหน่าย เป็นวธิ ีการที่นิยมใชก้ นั มากเพราะเป็นวธิ ีท่ีครอบคลุมตน้ ทุนรวมท้งั สิ้น สอดคลอ้ งกบั การคานวณผลการดาเนินงานตามระบบบญั ชีสามารถใชไ้ ดก้ บั การดาเนินธุรกิจการผลิตและจดั จาหน่าย ซ่ึงพจิ ารณาดาเนินการได้ 2 ลกั ษณะ ดงั น้ี (1) การกาหนดราคาโดยมุ่งตน้ ทุนของร้านคา้ ปลีกและร้านคา้ ส่ง ธุรกิจท่ีดาเนินการเก่ียวกบั การจดัจาหน่ายสินคา้ ท้งั การส่งและการคา้ ปลีกนิยมใชก้ ารกาหนดราคาดว้ ยวธิ ีการมุง่ ตน้ ทุนโดยนาตน้ ทุนต่อหน่วยของสินคา้ หรือบริการท่ีซ้ือมาเป็นพ้ืนฐานในการกาหนดราคา แลว้ บวกส่วนเพมิ่ ท่ีตอ้ งการเขา้ ไปจะไดร้ าคาของสินคา้
(2) การกาหนดราคาโดยมุ่งตน้ ทุนของผผู้ ลิต ธุรกิจการผลิตการกาหนดราคาโดยมุ่งตน้ ทุนม่สามารถใช้วธิ ีเดียวกบั ธุรกิจจดั จาหน่าย เพราะตน้ ทุนของธุรกิจการผลิตมีหลายลกั ษณะ ไดแ้ ก่ตน้ ทุนดา้ นวตั ถุดิบ ตน้ ทุนคา่ แรงงาน และตน้ ทุนค่าใชจ้ ่ายอื่น ๆ ในการผลิต ตน้ ทุนบางชนิดจ่ายในภาพรวมแตบ่ างชนิดเป็นตน้ ทุนต่อหน่วยการผลิต การกาหนดราคาโดยมุง่ ตน้ ทุนของผผู้ ลิตมีวธิ ีการท่ีแตกต่างไปจากของผจู้ ดั จาหน่าย 2. วธิ ีการกาหนดราคาโดยมุง่ อุปสงค์ (Demand Oriented Pricing) การกาหนดราคาวธิ ีน้ีจะให้ความสาคญั กบั ลกั ษณะความตอ้ งการสินคา้ ของ(บริโภคหรือผใู้ ชท้ างธุรกิจ โดยพจิ ารณาจากปัจจยั ที่สาคญั 2ประการ ดงั น้ี (1) คุณคา่ ของสินคา้ ในสายตาของผบู้ ริโภค สินคา้ บางชนิดแมต้ น้ ทุนในการผลิตต่า แต่ถา้ เป็นสินคา้ ท่ีมีคุณค่าในสายตาผบู้ ริโภคหรือสินคา้ ท่ีผบู้ ริโภคมีความตอ้ งการ กส็ ามารถที่จะกาหนดราคาใหส้ ูงได้ (2) ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอุปสงคห์ รือปริมาณความตอ้ งการกบั การกาหนดราคาในระดบั ต่าง ๆ ปริมาณความตอ้ งการจะมีความตอ้ งการจะมีความสมั พนั ธ์กบั ระดบั ราคาสินคา้ หรือบริการ ในทางตรงกนั ขา้ มหมายความวา่ ถา้ กาหนดราคาสินคา้ หรือบริการในระดบั สูง จะทาใหป้ ริมาณความตอ้ งการในสินคา้ หรือบริการของตลาดลดลง แต่ในทางตรงกนั ขา้ มถา้ กาหนดราคาสินคา้ หรือบริการให้อยใู่ นระดบั ต่า ปริมาณความตอ้ งการจะสูงข้ึน ฉะน้นั การจะกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการใหอ้ ยใู่ นระดบั ใดน้นั ควรจะทาการพจิ ารณาเปรียบเทียบลกั ษณะความสมั พนั ธ์ระหวา่ งปริมาณความตอ้ งการสินคา้ หรือบริการแหล่งที่มา: หนงั สือวชิ าหลกั การตลาดบทที่ 8 กลยทุ ธ์การต้งั ราคา หมายถึง วธิ ีการตา่ ง ๆ ที่ใชส้ าหรับการต้งั ราคาสินคา้ ตามนโยบายราคาที่ได้กาหนดไว้ เพื่อใหผ้ ซู้ ้ือยอมรับราคาที่ต้งั ข้ึนมา ซ่ึงกลยทุ ธ์การต้งั ราคา มีดงั น้ี 1. การต้ังราคาตามแนวภูมศิ าสตร์ (Geographical Pricing) เป็นการต้งั ราคาโดยพจิ ารณาจากเขตพ้นื ท่ีตา่ ง ๆ วธิ ีการต้งั ราคาตามแนวภมู ิศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1.1 การต้งั ราคาแบบ F.O.B. Pricing (Free On Board Pricing) เป็นการต้งั ราคาสินคา้ รวมค่าขนส่งถึงเรือ เทา่ น้นั ค่าขนส่งหลงั จากน้นั เป็นภาระของผซู้ ้ือท่ีตอ้ งเสียเอง1.2 การต้งั ราคาตามเขต (Zone Pricing) เป็นการต้งั ราคาใหแ้ ตกตา่ งกนั ตามเขตภมู ิศาสตร์ 1.3 การต้งั ราคาส่งมอบราคาเดียว (Uniform Delivered Pricing) เป็นการต้งั ราคาเดียวสาหรับผซู้ ้ือทุกรายไม่วา่ จะขายแบบผขู้ ายพ้นื ท่ีใด 1.4 การต้งั ราคาแบบผขู้ ายรับภาระค่าขนส่ง (Freight Absorption Pricing) เป็นการต้งั ราคาที่ผขู้ ายรับภาระค่าขนส่งบางส่วน เพ่ือตอ้ งการเจาะตลาดผซู้ ้ือท่อยไู่ กลออกไป
1.5 การต้งั ราคา ณ จุดฐาน (Base Point Pricing) เป็นการต้งั ราคาโดยกาหนดจากราคาสินคา้ ณโรงงานรวมคา่ ขนส่งจากจุดฐานที่อยใู่ กลผ้ ซู้ ้ือมากท่ีสุด 2. การต้ังราคาตามหลกั จิตวทิ ยา (Psychological Pricing) เป็นการต้งั ราคาโดยอาศยั ความรู้สึกของผู้ซ้ือที่ทีตอ่ ราคา ซ่ึงวธิ ีการต้งั ราคาตามหลกั จิตวทิ ยา ดงั น้ี 2.1 การต้งั ราคาแบบเลขคี่หรือเลขคู่ (Odd or Even Pricing) การต้งั ราคาแบบเลขค่ี (Odd Pricing)เป็นการกาหนดใหร้ าคาลงทา้ ยดว้ ยเลขคี่ โดยจะใหล้ งทา้ ยดว้ ยเลข 9 เช่น 49 บาท 99 บาท 199 บาท เป็นตน้ การต้ังราคาสินค้าแบบเลขคี่แหล่งท่ีมา: http://geawwalee.blogspot.com/2012/09/1-1.html5.ปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลในการกาหนดราคา กิจกรรมในการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการใหไ้ ดร้ ะดบั ราคาที่เหมาะสม บรรลุเป้ าหมายของกิจการและผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชแ้ ละกลุ่มเป้ าหมายเกิดความพงึ พอใจ กิจการตอ้ งพจิ ารณาปัจจยั ต่าง ๆ ประกอบหลายประการ ดงั น้ี 1. วตั ถุประสงค์และภาพพจน์ของธุรกจิ ในสายตาของผู้บริโภค เป็นการพจิ ารณาเก่ียวกบั วตั ถุประสงค์ในการกาหนดราคาของกิจการวา่ ใหค้ วามสาคญั กบั วตั ถุประสงคใ์ นเรื่องใด และภาพพจน์ของธุรกิจในสายตาผบู้ ริโภคอยใู่ นระดบั ใด 2. ลกั ษณะความต้องการของผ้บู ริโภคทม่ี ีต่อสินค้า เป็นการพิจารณาเก่ียวกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคที่มีตอ่ สินคา้ ถา้ สินคา้ ของธุรกิจเป็นที่ตอ้ งการของตลาด สามารถกาหนดราคาสูงได้ แต่ถา้ ปริมาณความตอ้ งการของตลาดมีนอ้ ยหรือสมารถหาสินคา้ อื่นทดแทนได้ การกาหนดราคาไม่ควรสูงกวา่ ราคาตลาด 3. ต้นทนุ ของสินค้า เป็ นปัจจัยสาคญั ในการกาหนดราคา ผปู้ ระกอบการตอ้ งคานวณตน้ ทุนค่าใชจ้ ่ายที่เกิดข้ึนในการผลิตหรือการจดั จาหน่ายสินคา้ หรือบริการวา่ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง มีจานวนเทา่ ไหร่เพื่อใหท้ ราบ
ตน้ ทุนรวม เพราะการกาหนดราคาสินคา้ ตอ้ งไม่ทาใหก้ ิจการขาดทุน แตต่ อ้ งสร้างกาไรแก่กิจการตามที่ตอ้ งการราคาขายจึงควรครอบคลุมตน้ ทุนของสินคา้ ตน้ ทุนการดาเนินงาน และตน้ ทุนอื่น ๆ 4. คู่แข่งขัน การกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการตอ้ งพิจารณาเกี่ยวกบั สภาพของคูแ่ ข่งขนั ท่ีดาเนินการอยู่ในตลาด ในดา้ นระดบั ราคาสินคา้ หรือบริการของคู่แขง่ ขนั สถานภาพและกิจกรรมการตลาดของคูแ่ ขง่ ขนั เป็ นตน้ เพื่อนามาประกอบการตดั สินใจในการกาหนดราสินคา้ หรือบริการวา่ ควรกาหนดราคาเทา่ เทียมกนั หรือแตกตา่ งจากคูแ่ ขง่ ขนั จึงจะประสบความสาเร็จในตลาด 5. วงจรชีวติ ผลติ ภัณฑ์ ปัจจยั ในขอ้ น้ีธุรกิจตอ้ งพิจารณาใหช้ ดั เจนวา่ ผลิตภณั ฑข์ องธุรกิจอยใู่ นระยะใดของวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์ เพราะสินคา้ หรือบริการที่อยใู่ นวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑร์ ะยะต่างกนั การกาหนดราคาจะแตกต่างกนั ถา้ อยใู่ นระยะแนะนาสาหรับสินคา้ หรือบริการท่ียงั ไมเ่ กิดคู่แขง่ ขนั ธุรกิจจะกาหนดราคาใหส้ ูงหรือต่าไดต้ ามความตอ้ งการ 6. ความแตกต่างระหว่างผลติ ภัณฑ์ สินคา้ หรือบริการท่ีมีคุณลกั ษณะต่างกนั ในดา้ นคุณภาพ รูปแบบความคงทน การบริการหลงั การขาย ฯลฯ สามารถกาหนดราคาใหแ้ ตกตา่ งกนั ไดแ้ มจ้ ะเป็นสินคา้ หรือบริการชนิดเดียวกนั ก็ตาม เช่น ปากกาลูกลื่นกบั ปากกาหมึกซึมราคาตา่ งกนั เป็นตน้ 7. คนกลางในช่องทางการจัดจาหน่าย ปัจจยั เกี่ยวกบั คนกลางทางการตลาด ธุรกิจควรจะพจิ ารณาวา่ การกาหนดราคาในระดบั ใดจึงจะทาใหค้ นกลางยอมรับและเตม็ ใจท่ีจะนาสินคา้ ไปจาหน่าย ลกั ษณะการบริหารท่ีคนกลางใหแ้ ก่ลูกคา้ ความร่วมมือของคนกลางในการส่งเสริมทางการตลาด และพจิ ารณาถึงจานวนคนกลางในช่องทางการจดั จาหน่ายวา่ มีมากนอ้ ยเพยี งใด 8. การส่งเสริมการตลาด เป็นกิจกรรมทางการตลาดท่ีก่อใหเ้ กิดค่าใชจ้ า่ ยในการดาเนินงานการกาหนดราคาควรพจิ ารณาเก่ียวกบั กิจกรรมการส่งเสริมการตลาด เพราะค่าใชจ้ า่ ยเกี่ยวกบั การส่งเสริมตลาดจดั เป็นส่วนหน่ึงของตน้ ทุนทางการตลาดที่ตอ้ งนามาประกอบในการกาหนดราคา 9. พฤติกรรมการซื้อของผ้บู ริโภค ปัจจยั เกี่ยวกบั พฤติกรรมการซ้ือของผบู้ ริโภค จะนามาพจิ ารณาความถ่ีในการซ้ือสินคา้ ถา้ สินคา้ ที่ผบู้ ริโภคซ้ือประจา หรือเป็นสินคา้ ที่ใชส้ ิ้นเปลืองใชใ้ นการดาเนินชีวติ ประจาวนั เช่น สบู่ ยาสีฟัน น้าปลา น้ามนั เป็ นตน้ 10. สภาวะเศรษฐกจิ การพจิ ารณาเกี่ยวกบั สภาวะเศรษฐกิจในขณะน้นั ๆ และแนวโนม้ ท่ีจะเป็นไปในอนาคตวา่ อยใู่ นสภาวะเงินเฟ้ อหรือเงินฝืด การกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการจะมีระดบั ราคาที่แตกต่างกนั 11. บทบาทของรัฐบาลและกฎหมาย การกาหนดราคาจาเป็นตอ้ งพิจารณาถึงนโยบายของรัฐบาลหรือกฎหมายและระเบียบท่ีทางราชการกาหนด เพือ่ กาหนดราคาใหส้ อดคลอ้ งกบั กฎหมาย ระเบียบและนโยบายของรัฐบาล มิฉะน้นั จะไดร้ ับผลกระทบในการดาเนินงานได้ เช่น รัฐบาลมีนโยบายควบคุมราคาสินคา้ บางประเภทธุรกิจท่ีผลิตหรือจาหน่ายสินคา้ ประเภทน้นั จะกาหนดราคาสูงกวา่ ราคาที่รัฐบาลควบคุมไมไ่ ด้ แมว้ า่ ผซู้ ้ือเตม็ ใจท่ีจะซ้ือก็ตาม มิฉะน้นั จะไดร้ ับโทษตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิไว้แหล่งที่มา: หนงั สือวชิ าหลกั การตลาด บทท่ี 8
ปัจจยั ที่ผบู้ ริหารทางการตลาดตอ้ งศึกษาก่อนการกาหนดนโยบาย กลยทุ ธ์ และยทุ ธวธิ ีในการกาหนดราคาจาแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. ปัจจยั ภายในกิจการ (Internal Factors) เป็นปัจจยั ท่ีกิจการสามารถกาหนด และควบคุมได้ ไดแ้ ก่วตั ถุประสงคท์ างการตลาด กลยทุ ธ์ส่วนประสมการตลาด ตน้ ทุนและผมู้ ีอานาจในการตดั สินใจเก่ียวกบั ราคา 2. ปัจจยั ภายนอกกิจการ (External Factors) เป็นปัจจยั ที่กิจการไมส่ ามารถควบคุมได้ แตต่ อ้ งคานึงถึงในการจดั การราคา ไดแ้ ก่ ตลาด อุปสงคข์ องตลาด การแข่งขนั ผจู้ าหน่ายวตั ถุดิบ ผจู้ ดั จาหน่าย สภาพเศรษฐกิจ รัฐบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ1 ปัจจัยภายในกจิ การ มีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 1.1 วตั ถุประสงคท์ างการตลาด (Marketing Objectives) ก่อนการกาหนดราคา ผบู้ ริหารจะทาการกาหนดกลยทุ ธ์ตา่ ง ๆ ทางการตลาดไวแ้ ลว้ จะเร่ิมจากการกาหนดกลุ่มลูกคา้ เป้ าหมาย การวางตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ การกาหนดส่วนประสมการตลาดอ่ืน ๆ จากน้นั จึงทาการกาหนดราคาใหส้ อดคลอ้ งกบั กลยทุ ธ์ดงั กล่าว การกาหนดวตั ถุประสงคเ์ ป็นแนวทางในการกาหนดราคาใหง้ ่ายข้ึน และนาไปสู่ความสาเร็จทางการตลาดไดใ้ นท่ีสุด การกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา เพอ่ื เป็นแนวทางในการกาหนดนโยบายราคากลยทุ ธ์ราคา และวธิ ีการในการกาหนดราคา วตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา แบง่ ไดด้ งั น้ี 1.1.1 วตั ถุประสงคเ์ พื่อความอยรู่ อดของกิจการ (Survival) ในภาวะเศรษฐกิจตกต่า อานาจการซ้ือลดลงส่งผลใหย้ อดขายกิจการลดลง การแขง่ ขนั สูง ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน หากเกิดสถานการณ์ดงั กล่าว วตั ถุประสงคใ์ นการต้งั ราคาพอครอบคลุมตน้ ทุนผนั แปรและตน้ ทุนคงท่ี บางส่วนทาใหร้ าคาสินคา้ลดลงอาจมีกาไรเพียงเล็กนอ้ ยหรือไมม่ ีเลย เพ่อื ใหส้ ามารถจาหน่ายไดใ้ นระยะเวลาน้นั ๆ จนกวา่ จะพน้วกิ ฤตการณ์ จึงคอ่ ยปรับราคากนั ใหม่ 1.1.2 วตั ถุประสงคเ์ พื่อกาไรสูงสุด (Current Profit Maximization) วตั ถุประสงคน์ ้ีตอ้ งการกาไรสูงสุงสภาพคล่องทางการเงินหรือผลตอบแทนในการลงทุนในระยะส้นั ๆ แต่มีขอ้ จากดั ท่ีตอ้ งทราบถึงความสมั พนั ธ์ของอุปสงคแ์ ละตน้ ทุน ณ ระดบั ราคาตา่ ง ๆ เพ่ือเลือกกาหนดราคาท่ีใหไ้ ดผ้ ลตอบแทนท่ีสูงสุดอยา่ งไรก็ตามการกาหนดวตั ถุประสงคน์ ้ีอาจมีผลตอ่ การดาเนินธุรกิจระยะยาว 1.1.3 วตั ถุประสงคเ์ พ่ือส่วนครองตลาด(Market Share Leadership)วตั ถุประสงคน์ ้ีจะเป็นวตั ถุประสงค์ในระยะยาว การกาหนดราคาสินคา้ ไวต้ ่าจะส่งผลใหไ้ ดส้ ่วนครองตลาดสูงสุด และสามารถลดตน้ ทุนลงได้ต่าสุดดว้ ย 1.1.4 วตั ถุประสงคเ์ พื่อเป็นผนู้ าดา้ นคุณภาพ (Product Quality Leadership) การกาหนดราคาสูงแสดงถึงคุณภาพของสินคา้ ในระดบั สูง ซ่ึงจะทาใหไ้ ดร้ ับกาไรต่อหน่วยสูงดว้ ย โดยเฉพาะสินคา้ ที่กิจการตอ้ งลงทุนในการวจิ ยั และพฒั นาไปมาก 1.1.5 วตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคาลกั ษณะอื่น ๆ เช่น การกาหนดราคาเพ่ือป้ องกนั การเขา้ สู่ตลาดของคูแ่ ข่งขนั การรักษาเสถียรภาพของราคา นอกจากน้ีองคก์ ารที่ไมไ่ ดห้ วงั ผลกาไรยงั มีวตั ถุประสงคใ์ นการ
กาหนดราคาท่ีแตกต่างออกไป เช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา กิจการสาธารณูปโภคซ่ึงแสดงถึงวตั ถุประสงคก์ ารกาหนดราคาเพือ่ สงั คมคือทุกคนตอ้ งมีการรับบริการจึงกาหนดราคาต่าแตพ่ ออยไู่ ด้ รัฐอาจตอ้ งสนบั สนุนบา้ งเพือ่ ความสุขของประชาชนกต็ อ้ งทา 1.2 กลยทุ ธ์ส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix Strategy)การกาหนดราคาตอ้ งคานึงถึงความสัมพนั ธ์ของส่วนประสมการตลาดอ่ืน ๆ ผลิตภณั ฑ์ ช่องทางการจดั จาหน่าย และการส่งเสริมการตลาด การกาหนดราคาสูงก่อใหเ้ กิดภาพพจนท์ ่ีดีกบั ผลิตภณั ฑ์ ขณะเดียวกนั การกาหนดราคาผลิตภณั ฑใ์ หม่สูงเป็นการชกั จูงคูแ่ ขง่ ใหเ้ ขา้ มาสู่ตลาดไดเ้ ร็วข้ึน และการพฒั นาผลิตภณั ฑอ์ าจตอ้ งเปล่ียนแปลงราคาหรือการส่งเสริมการตลาดใหส้ อดคลอ้ งกนั ดว้ ย การเลือกช่องทางการจดั จาหน่ายตอ้ งสอดคลอ้ งกบั การกาหนดราคาสูงหรือต่าดว้ ยสินคา้ สะดวกซ้ือ โดยทว่ั ไปการกาหนดราคาต่าจะมีการจดั จาหน่ายอยา่ งกวา้ งขวางขณะท่ีผลิตภณั ฑท์ ่ีกาหนดราคาสูงตอ้ งเลือกช่องทางการจดั จาหน่ายเฉพาะ คือไม่ตอ้ งขายหลายแห่งกไ็ ด้ การส่งเสริมการตลาดของผลิตภณั ฑแ์ ต่ละชนิดท่ีแตกต่างกนั ไปตามกลุ่มลูกคา้ เป้ าหมาย ส่งผลต่อคา่ ใชจ้ ่ายในการส่งเสริมการตลาดและส่งผลต่อการกาหนดราคาดว้ ย 1.3 ตน้ ทุน (Cost) ตน้ ทุนเป็นปัจจยั พ้นื ฐานในการกาหนดราคา โดยการรวมตน้ ทุนที่เก่ียวขอ้ งบวกกาไรเป็นราคาขายแตต่ น้ ทุนที่ต่ากวา่ ยอ่ มไดเ้ ปรียบ ดงั น้นั การศึกษาถึงโครงสร้างของตน้ ทุนนอกเหนือจากการกาหนดตน้ ทุนรวมมาจากตน้ ทุนคงท่ี ตน้ ทุนผนั แปร และตน้ ทุนก่ึงผนั แปรแลว้ ยงั ตอ้ งคานึงถึงปริมาณการผลิตที่ก่อใหเ้ กิดตน้ ทุนต่าสุดอนั อาจจะเกิดจากประสบการณ์ของกิจการ หรือทาเลที่ต้งั เป็นตน้ 1.4 ผมู้ ีอานาจในการกาหนดราคามีอานาจในการตดั สินใจเก่ียวกบั ราคา การกาหนดราคามีฝ่ ายต่าง ๆเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง เช่น ฝ่ ายผลิต ฝ่ ายการเงิน ฝ่ ายขาย และฝ่ ายการตลาด ดงั น้นั จึงจาเป็นตอ้ งมีการกาหนดผรู้ ับผดิ ชอบในการตดั สินใจเก่ียวกบั ราคา สาหรับกิจการขนาดเลก็ ผบู้ ริหารเพยี งคนเดียวจะทาการตดั สินใจแตก่ ิจการขนาดใหญอ่ าจมีหลายฝ่ ายเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง โดยกาหนดผรู้ ับผดิ ชอบเป็นผบู้ ริหารระดบั กลาง เช่นผจู้ ดั การผลิตภณั ฑห์ รือผจู้ ดั การฝ่ ายการตลาด สาหรับสินคา้ อุตสาหกรรมอาจกาหนดใหพ้ นกั งานขายเขา้ มามีส่วนร่วมในการกาหนดราคาดว้ ยกไ็ ด้แหล่งท่ีมา: http://www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sms/market/Unit5/Subm1/U513-1.htm
6. ข้นั ตอนในการกาหนดราคา การกาหนดราคาประกอบดว้ ยการดาเนินงาน 5 ข้นั ตอน 1. ศึกษาตลาดเป้ าหมาย ข้นั ตอนแรกของการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการ คือ ธุรกิจตอ้ งศึกษาและกาหนดวา่ ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชแ้ ละกลุ่มเป้ าหมายคือใคร ตอ้ งการอะไรจากสินคา้ หรือบริการท่ีซ้ือตอ้ งการอยา่ งไรมีแรงจงู ใจในการตดั สินใจซ้ือยา่ งไร ความถ่ีในการซ้ือมีมากนอ้ ยเพยี งใด จานวนที่ซ้ือแต่ละคร้ัง 2. ศึกษาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปริมาณความตอ้ งการกบั ราคา เป็นข้นั ตอนท่ีพจิ ารณาเก่ียวกบั ปริมาณความตอ้ งการสินคา้ หรือบริการในระดบั ราคาที่แตกตา่ งกนั เพอ่ื หาแนวทางการกาหนดราคาท่ีตลาดเป้ าหมายยอมรับได้ นาไปใชพ้ ิจารณากาหนดแนวทางการกาหนดราคาท่ีธุรกิจพอใจ เช่น สินคา้ กาหนดราคาไวท้ ่ี 50 บาทจะมีปริมาณความตอ้ งการซ้ือ 200,000 ชิ้น แตก่ าหนดราคาท่ี 60 บาท ปริมาณความตอ้ งการเทา่ กบั 180,000 ชิ้นและถา้ กาหนดที่ 80 บาท ปริมาณความตอ้ งการเทา่ กบั 50,000 ชิ้น เป็นตน้ 3. พิจารณาการกาหนดราคาของคูแ่ ขง่ ขนั ข้นั ตอนน้ีธุรกิจตอ้ งศึกษาการกาหนดราคาของคูแ่ ขง่ ขนั ท่ีอยู่ในตลาดเป้ าหมายน้นั วา่ มีลกั ษณะอยา่ งไร ผลท่ีไดร้ ับในการกาหนดราคามีมากนอ้ ยเพยี งใด โดยการสอบถามขอ้ มลู จากพอ่ คา้ คนกลางหรือโดยการสารวจตลาด นาขอ้ มูลเก่ียวกบั ราคาของคู่แข่งขนั มาเปรียบเทียบเพ่ือศึกษาความเป็นไปไดใ้ นการกาหนดราคาสินคา้ ธุรกิจตอ่ ไป 4. ศึกษาตน้ ทุนในการผลิตสินคา้ และตน้ ทุนทางการตลาด เน่ืองจากการผลิตหรือจาหน่ายสินคา้ ปริมาณที่แตกตา่ งกนั ทาให้เกิดตน้ ทุนในระดบั ที่แตกต่างกนั ดว้ ย กิจการตอ้ งศึกษาดูวา่ การผลิตหรือจดั จาหน่ายสินคา้ ในปริมาณที่ตอ้ งการเกิดตน้ ทุนในดา้ นต่าง ๆ รวมท้งั สิ้นจานวนเทา่ ไหร่ เพราะตน้ ทุนท่ีเกิดข้ึนไมว่ า่ จะเป็นตน้ ทุนเกี่ยวกบั สินคา้ หรือตน้ ทุนทางการตลาด กิจการจะตอ้ งนามาใชเ้ ป็นพ้นื ฐานในการกาหนดราคาของสินคา้ หรือบริการ 5. การกาหนดระดบั ราคาที่เหมาะสม หลกั จากไดพ้ จิ ารณาปัจจยั ต่าง ๆ และดาเนินการตามข้นั ตอนดงั กล่าวแลว้ กิจการจะเลือกกาหนดราคาสินคา้ 2-3 ระดบั นาผลตอบแทนในแต่ละระดบั ราคามาเปรียบเทียบกนัระดบั ราคาใดไดร้ ับผลตอบแทนมีความสอดคลอ้ งกบั นโยบายการกาหนดราคาของกิจการสอดคลอ้ งกบัวตั ถุประสงคท์ ่ีกิจการกาหนดมากท่ีสุด มีโอกาสทางการตลาด และสามารถทาใหก้ ิจการอู่รอดไดจ้ ะกาหนดราคาระดบั น้นั และสามารถปรับเปล่ียนไดเ้ มื่อสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ทางตลาดเปลี่ยนแปลงไปแหล่งที่มา: หนงั สือวชิ าหลกั การตลาด บทท่ี 8
ราคาเป็นองคป์ ระกอบของส่วนประสมการตลาดท่ีนารายไดใ้ หก้ บั กิจการ ขณะที่องคป์ ระกอบอื่น ๆก่อใหเ้ กิดคา่ ใชจ้ ่าย ดงั น้นั การกาหนดราคาที่เหมาะสมมีความสาคญั ต่อกาไรของกิจการ แตก่ ารกาหนดราคาตอ้ งคานึงถึงปัจจยั ตา่ ง ๆ หลายประการ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ กลุ่มลูกคา้ พฤติกรรมการตดั สินใจซ้ือของลูกคา้ มีความยงุ่ ยากซบั ซอ้ น ลูกคา้ บางรายเลือกซ้ือสินคา้ ท่ีราคาสูงแทนการเลือกสินคา้ ที่ราคาต่าท้งั น้ีเพราะลูกคา้ตดั สินใจซ้ือจากคุณค่าของสินคา้ ไม่ใช่ราคา ดงั น้นั การกาหนดราคาตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ผลประโยชน์ท่ีลูกคา้จะไดร้ ับและคุม้ คา่ มากที่สุด ธุรกิจตอ้ งมีกาหนดราคาเมื่อมีการแนะนาสินคา้ เขา้ สู่ตลาด ดงั น้นั ธุรกิจตอ้ งมีการกาหนดเปรียบเทียบตาแหน่งของคุณภาพและราคา เช่น ราคาของรถยนตท์ ่ีมีคุณภาพดีมาก ราคาสูงมาก การกาหนดกลยทุ ธ์เปรียบเทียบระหวา่ งราคาและคุณภาพอธิบายไดโ้ ดยภาพที่ 9.1 ดงั น้ี กลยทุ ธ์ที่อยใู่ นช่อง 1, 5 และ 9 ตามเส้นทแยงมุมสอดคลอ้ งกนั และสามารถใชไ้ ดใ้ นตลาดเดียวกนัโดยกลุ่มลูกคา้ อาจเลือกซ้ือผลิตภณั ฑค์ ุณภาพดีราคาสูง ผลิตภณั ฑค์ ุณภาพปานกลาง ราคาปานกลาง และผลิตภณั ฑค์ ุณภาพต่ากวา่ ในราคาต่าได้ ข้ึนอยกู่ บั วา่ ลูกคา้ ตอ้ งการผลิตภณั ฑค์ ุณภาพระดบั ใด ช่อง 2, 3 และ 6 เป็นกลยทุ ธ์ท่ีใหค้ วามคุม้ ค่ากบั ผซู้ ้ือ เน่ืองจากต้งั ราคาต่ากวา่ ราคาที่ควรจะเป็ น หรือคุณภาพสินคา้ ดีกวา่ ราคาท่ีจา่ ยไปนน่ั เอง ตาแหน่งราคาในช่อง 4, 7 และ 8 เป็นการต้งั ราคาแบบหลอกลวง หรือเอาเปรียบผบู้ ริโภคโดยต้งั ราคาเกินคุณภาพที่แทจ้ ริงของผลิตภณั ฑ์ กรณีน้ีเมื่อผบู้ ริโภคทราบก็จะไมก่ ลบั มาซ้ืออีกและอาจจะบอกต่อผบู้ ริโภคอ่ืน ๆไม่ใหม้ าซ้ืออีกดว้ ย นอกเหนือจากการกาหนดตาแหน่งของราคาและคุณภาพผลิตภณั ฑแ์ ลว้ การกาหนด ราคามีข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
1. การกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา 2. การพจิ ารณาอุปสงค์ 3. การคาดคะเนตน้ ทุน 4. การวเิ คราะห์ตน้ ทุน ราคา และผลิตภณั ฑข์ องคู่แข่งขนั 5. การเลือกวธิ ีการกาหนดราคา 6. การตดั สินใจเลือกราคาข้นั สุดทา้ ย1. การเลอื กวตั ถุประสงค์การกาหนดราคา (Selecting the Pricing Objective) การกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคาน้นั ตอ้ งศึกษาถึงตลาดเป้ าหมายและพฤติกรรมของกลุ่มดงั กล่าวและวางตาแหน่งผลิตภณั ฑท์ ่ีเหมาะสมไวก้ ่อน จึงเลือกวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา การกาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการกาหนดราคา เพื่อความอยรู่ อดของกิจการ เพือ่ กาไรสูงสุด เพือ่ ส่วนครองตลาดหรือเพือ่เป็นผนู้ าดา้ นคุณภาพ ฯลฯ ซ่ึงจะขอกล่าวในรายละเอียดในเรื่องที่ 9.1.32. การพจิ ารณาอปุ สงค์ (Determining Demand) การศึกษาถึงอุปสงคท์ าใหท้ ราบถึงปริมาณความตอ้ งการซ้ือสินคา้ ของลูกคา้ ที่มีต่อสินคา้ ในระดบั ต่าง ๆกนั ของสินคา้ น้นั ๆ นอกจากน้ี การศึกษาถึงพฤติกรรมของผบู้ ริโภค เรื่องความอ่อนไหวต่อราคาของผซู้ ้ือ(Price Sensitivity) และความยดื หยนุ่ ของอุปสงคต์ ่อราคา (Price Elasticity of Demand) ความยดื หยนุ่ ของอุปสงคต์ อ่ ราคา หมายถึง อตั ราการเปล่ียนแปลงปริมาณผลิตภณั ฑท์ ี่ตอ้ งการซ้ือตอ่ อตั ราการเปล่ียนแปลงของราคา ถา้ ราคาเปลี่ยนแปลงไปนิดเดียว ส่งผลใหค้ วามตอ้ งการซ้ือเปล่ียนแปลงไปมากกวา่ เช่น ราคาน้ามนัลดลงเพียงลิตรละ 30 สตางค์ แต่ผบู้ ริโภคเติมน้ามนั มากข้ึนมากข้ึนกวา่ ท่ีเคยเติมหรือเพิ่มข้ึนเพยี งลิตรละ 30
สตางค์ ผบู้ ริโภคกลบั รู้สึกวา่ ราคาแพงข้ึนมามากจึงเติมนอ้ ย เป็นตน้ แสดงวา่ ค่าความยดื หยนุ่ ของอุปสงค์มีมาก (Elastic Demand) ค่าความยดื หยนุ่ จะมากกวา่ 1 ดงั ภาพ ท่ี 7.2 แต่ถา้ เราคาเปล่ียนแปลงแลว้ ทาใหป้ ริมาณความตอ้ งการซ้ือเปลี่ยนแปลงไปในสดั ส่วนที่นอ้ ยกวา่ ราคาความยดื หยนุ่ จะนอ้ ยกวา่ 1 เช่น ราคาสินคา้ ท่ีมีภาพพจนส์ ูง แสดงวา่ ค่าความยดื หยนุ่ ของอุปสงคน์ อ้ ย (InelasticDemand) ตวั อยา่ งเช่น เส้ือผา้ ราคา 2,000 บาท หากราคาลดลงมาเป็น 1,800 บาท ผบู้ ริโภคก็ยงั คงซ้ือในปริมาณเทา่ เดิม หรือราคาเพิ่มข้ึนใน 2,200 บาท ผบู้ ริโภคกลบั ไม่คอ่ ยรู้สึกวา่ แตกตา่ งกนั มาก ดงั ภาพท่ี 7.3 ความยดื หยนุ่ ของอุปสงคต์ ่อราคาเป็นการพจิ ารณาการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซ้ือที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีการเปล่ียนแปลงราคาเกิดข้ึน ซ่ึงมีปัจจยั ต่าง ๆ ที่มีผลกระทบ ไดแ้ ก่ ลกั ษณะความเป็นเอกลกั ษณ์ของผลิตภณั ฑน์ ้นั ๆ ผซู้ ้ือจะมีความไวต่อราคานอ้ ยลง ถา้ สินคา้ น้นั มีความเป็ นเอกลกั ษณ์มากการรับรู้เก่ียวกบัผลิตภณั ฑท์ ี่ทดแทนกนั ไดข้ องผซู้ ้ือ ถา้ ผซู้ ้ือรับรู้ถึงผลิตภณั ฑจ์ ะมาทดแทนไดน้ อ้ ยความไวตอ่ ราคาจะลดนอ้ ยลงผซู้ ้ือจะมีความไวต่อราคาลดลง ถา้ ผซู้ ้ือไม่สามารถเปรียบเทียบคุณภาพของผลิตภณั ฑน์ ้นั ๆ กบั ผลิตภณั ฑ์อื่นได้ ผซู้ ้ือท่ีมีสัดส่วนของรายไดส้ ูงเม่ือเทียบกบั คา่ ใชจ้ ่ายในการซ้ือผลิตภณั ฑ์ ความไวตอ่ ราคาจะลดลง
ผลประโยชน์สุดทา้ ยท่ีผซู้ ้ือจะไดร้ ับเม่ือเทียบกบั เงินท่ีเสียไป การมีผรู้ ่วมเฉล่ียคา่ ใชจ้ า่ ยที่จะตอ้ งจา่ ยไปท่ีมีผลทาใหจ้ า่ ยเงินนอ้ ยลง ค่าใชจ้ า่ ยที่ตอ้ งจ่ายกบั เงินลงทุนจมและคุณภาพของสินคา้ ท่ีซ้ือ ซ่ึงจะมีผลตอ่ ความไวต่อราคาของผซู้ ้ือท้งั สิ้น3. การคาดคะเนต้นทนุ (Estimating Costs) จากอุปสงคท์ ี่ทาการศึกษาในขอ้ ท่ี 2 สามารถนามาคาดคะเนปริมาณสินคา้ ท่ีจะจาหน่ายได้ ซ่ึงทาให้ทราบถึงตน้ ทุน ผลตอบแทนในการลงทุนและเป็นพ้นื ฐานในการกาหนดราคาซ้าสองได้ ในเรื่องของตน้ ทุนจาเป็นตอ้ งศึกษาถึงโครงสร้างของตน้ ทุนดงั น้ี ประเภทของต้นทุน ตน้ ทุนในการกาเนินธุรกิจโดยทว่ั ไปแบ่งเป็นตน้ ทุนคงท่ี ซ่ึงเป็นตน้ ทุนที่ไมเ่ ปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการผลิต เช่น คา่ เช่า เงินเดือนผบู้ ริหาร เป็นตน้ ส่วนตน้ ทุนผนั แปรหมายถึง ตน้ ทุนที่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการผลิต เช่น คา่ วตั ถุดิบ คา่ แรงงาน คา่ น้า ค่าไฟ เป็ นตน้ ปริมาณการผลิตท่ีทาใหเ้ กิดตน้ ทุนต่า (Economy of Scales) เป็นปริมาณการผลิตท่ีสูงจนถึงระดบั หน่ึงจะทาใหไ้ ดต้ น้ ทุนต่อหน่วยต่าที่สุด เป็นการใชต้ น้ ทุนคงที่ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุด แตถ่ า้ ขยายการผลิตต่อไปกลบั จะทาใหต้ น้ ทุนต่อหน่วยสูงข้ึน ดงั ภาพที่ 7.4 การเปลี่ยนแปลงของตน้ ทุนตามปริมาณการผลิตสะสมตน้ ทุนเฉลี่ยตอ่ หน่วยจะต่าลงอีก ถา้ กิจการมีประสบการณ์ หรือมีความชานาญ (Experience Curve or Learning Curve) ซ่ึงสามารถนาไปใชไ้ ดใ้ นกรณีของการใชร้ าคาเจาะตลาด จะทาใหต้ น้ ทุนต่อหน่วยลดลง ดงั น้นั การใชก้ าลงั การผลิตใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุด (Capacity Utilization) ยอ่ มทาใหต้ น้ ทุนเฉลี่ยต่าลงได้ เช่นกนั ความแตกต่างของตน้ ทุนในการนาเสนอ (Differentiated Marketing Offers) วธิ ีการนาเสนอสินคา้ ต่อ
ลูกคา้ ที่แตกตา่ งกนั เงื่อนไขในการขายท่ีแตกตา่ งกนั เช่น การจดั ส่งสินคา้ ทุกวนั กบั สปั ดาห์ละคร้ัง ก่อใหเ้ กิดตน้ ทุนตา่ งกนั ดงั น้นั บางทีมีการจดั ทาบญั ชีตน้ ทุนแยกตามกิจกรรม (Activity-Based Accounting: ABC)แทนการใชบ้ ญั ชีตน้ ทุนแบบเดิม จะช่วยใหผ้ บู้ ริหารมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของตน้ ทุนไดอ้ ยา่ งชดั เจน การกาหนดตน้ ทุนตามลูกคา้ เป้ าหมาย (Target Costing) เป็นการทาวจิ ยั ถึงความตอ้ งการของกลุ่มลูกคา้ เป้ าหมายก่อน เพ่อื นามากาหนดเป็นคุณสมบตั ิของสินคา้ ท่ีลูกคา้ ตอ้ งการ จากน้นั จึงทาการเกง็ ราคาสินคา้ ของตนใหด้ ึงดูดใจมากกวา่ คูแ่ ขง่ ขนั และไปทาการผลิตสินคา้ น้นั ๆ ใหเ้ หลือตน้ ทุนท่ีเรียกวา่ TargetCosting โดยการออกแบบ ลดส่วนประกอบ ลดคุณสมบตั ิ ฯลฯ ท่ีไมจ่ าเป็ นซ่ึงส่งผลใหต้ น้ ทุนลดลง ตรงขา้ มกบั วธิ ีการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ท่ีออกแบบผลิตภณั ฑ์ และดาเนินการผลิตก่อนแลว้ คอ่ ยกาหนดราคาภายหลงั4. การวเิ คราะห์ต้นทุน ราคา และผลติ ภณั ฑ์ของคู่แข่ง (Analyzing Competitor’s Costs, Prices, andOffers) นอกเหนือจาก 3 การคาดคะเนตน้ ทุนแลว้ ผบู้ ริหารราคายงั ตอ้ งพิจารณาถึง คู่แขง่ ขนั โดยคานึงถึงการต้งั ราคาสินคา้ ของคูแ่ ขง่ ขนั ท้งั คู่แขง่ ขนั โดยตรงหรือคูแ่ ขง่ ขนั ทางออ้ ม ในการพจิ ารณาเปรียบเทียบราคากบั คูแ่ ขง่ ขนั ตอ้ งวเิ คราะห์ถึงพ้ืนฐานของราคา ท้งั ตน้ ทุน ราคา ส่วนประสมการตลาดอื่น ๆ ที่เสนอใหก้ บัลูกคา้ ของคูแ่ ขง่ ขนั และเปรียบเทียบดว้ ยวา่ การกาหนดราคาสินคา้ ของเราจะส่งผลใหค้ ู่แขง่ ขนั มีปฏิกิริยาเช่นใดบา้ ง5. การเลอื กวธิ ีการกาหนดราคา (Selecting a Pricing Method) สามารถเลือกวธิ ีการต้งั ราคาไดห้ ลายวธิ ีต้งั ราคาโดยมุง่ ตน้ ทุน มุง่ ที่ผบู้ ริโภคหรืออุปสงค์ หรือต้งั ราคาโดยมุ่งที่คู่แข่งขนั เป็นตน้ จากภาพท่ี 7.5 แสดงใหเ้ ห็นถึงส่ิงท่ีตอ้ งพิจารณาท่ีกล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ คือ อุปสงคข์ องผบู้ ริโภค(Customers’ Demand) ซ่ึงในที่น้ีหมายถึง ความตอ้ งการและกาลงั ซ้ือที่ผบู้ ริโภคมี จึงจะกาหนดราคาสูงสุดไดไ้ มเ่ กินจุดน้ี ส่วนตน้ ทุน (Cost) และราคาของคู่แขง่ ขนั (Competitor’s Price) เป็นประเด็นที่จะตอ้ งพิจารณาตอ่ ไป โดยตน้ ทุนจะเป็นพ้ืนฐานในการกาหนดราคาข้นั ต่าท่ีสุด หมายความวา่ ขายต่ากวา่ น้ีไมไ่ ดอ้ ีกแลว้จึงไดช้ ่วงของราคาที่สามารถขายไดแ้ ลว้ จึงพจิ ารณาเปรียบเทียบกบั ราคาของคู่แข่งขนั หรือสินคา้ ทดแทนซ่ึงอยู่ในช่วง (Interval) เดียวกนั เพือ่ เป็นจุดเทียบราคาเพอ่ื การแขง่ ขนั
วธิ ีการในการกาหนดราคามีหลายวธิ ีไดด้ งั น้ี 1. วธิ ีการกาหนดราคาแบบบวกเพม่ิ 2. วธิ ีการกาหนดราคาแบบคานึงถึงคุณคา่ 3. วธิ ีการกาหนดราคาโดยคานึงถึงคู่แขง่ ขนั ดงั จะไดก้ ล่าวรายละเอียดในตอนที่ 9.2 ตอ่ ไป6. การตดั สินใจเลอื กราคาข้ันสุดท้าย (Selecting the Final Price) เป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยการกาหนดราคาขาย ซ่ึงจะมีการปรับราคาใหเ้ หมาะสมยงิ่ ข้ึน โดยการพิจารณาถึงการต้งั ราคาทางจิตวทิ ยา เช่น ผบู้ ริโภคมองวา่ ราคาเป็ นตวั บง่ บอกถึงคุณภาพของสินคา้ การใชเ้ ลขคี่ทาใหส้ ินคา้ ดูราคาถูกกวา่ เป็นตน้ เช่น แทนท่ีจะต้งั ราคา 100 บาท อาจจะต้งั ราคาท่ี 99 บาท การต้งัราคาข้นั สุดทา้ ยอาจตอ้ งคานึงถึงปัจจยั อ่ืน ๆ อีก 6.1 อิทธิพลของปัจจยั ส่วนประสมการตลาดอ่ืน ๆ เช่น หากผลิตภณั ฑม์ ียห่ี ้อเป็ นที่นิยมอาจต้งั ราคา สูงได้ หรือผลิตภณั ฑม์ ีการโฆษณา ทาใหผ้ บู้ ริโภคทราบถึงคุณภาพที่ดีก็อาจต้งั ราคาสูงได้ หรือผลิตภณั ฑท์ ี่วางขายในแหล่งท่ีขนส่งไกล ราคากอ็ าจสูงไดเ้ ช่นกนั 6.2 นโยบายราคาของบริษทั บางบริษทั ไมต่ อ้ งการใหเ้ กิดการแขง่ ขนั ทางดา้ นราคา จึงกาหนด นโยบายไม่ใหต้ ดั ราคา เป็นตน้ 6.3 ผลกระทบตอ่ ผอู้ ื่น เช่น ผจู้ ดั จาหน่ายจะขายไดง้ ่าย ไดก้ าไรพอหรือไม่ คู่แขง่ ขนั จะเขา้ มาแขง่ ขนั หรือไม่ ผบู้ ริโภคจะมีกาลงั ซ้ือหรือไม่ เป็ นตน้แหล่งที่มา: www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sms/market/unit5/subm1/u512-1.htm
บรรณานุกรมหนงั สือวชิ าหลกั การตลาด บทท่ี 8https://prezi.com/stwh248_xocw/presentaion/https://sites.google.com/site/onlinelearningseries/https://sistes.google.com/site/lakkantalad/nyobay-laea-klyuthth-ka-rkaa-hn-dra-khahttp://geawwalee.blogspot.com/2012/09/1-1.htmlhttp://www.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sms/market/Unit5/Subm1/U513-1.htmwww.stou.ac.th/stouonline/lom/data/sms/market/unit5/subm1/u512-1.htm
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: