ก ๑ คำนำ การเขียนย่อความ เป็นการอ่านจับใจความสำคัญของเรื่อง แล้วนำใจความสำคัญของเรื่องมา เรียบเรียงใหม่ให้เป็นสำนวนภาษาของผู้ย่อเอง โดยเขียนให้ถกู ต้องตามรูปแบบของย่อความ การย่อความที่ดี ผู้ย่อต้องอ่านเรื่องให้เข้าใจและจับใจความสำคัญให้ได้ แล้วนำใจความสำคัญมาเรี ยบเรียงใหม่ให้สั้นด้วย ถ้อยคำทสี่ ละสลวย กระชับ เข้าใจงา่ ย ได้ใจความถูกต้องตามเนื้อเรอื่ งเดิม ซง่ึ สอดคล้องกับหลักสตู รแกนกลาง ศึกษาขนั้ พ้ืนฐานพุทธศักราชการ ๒๕๕๑ กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ดังนนั้ แบบฝกึ เสริมทักษะการเขียน ย่อความ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จัดทำขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา ทักษะการเขียนย่อความ และเพื่อใช้เป็นสื่อเสริมประสบการณ์ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชา ภาษาไทย ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ช่วยให้นักเรียนเกิดทักษะการ เขยี นยอ่ ความภายในเล่มประกอบด้วย ใบความรู้ ใบงาน แบบทดสอบท้ายเล่ม และเฉลยคำตอบ ผู้วิจัยมีความคาดหวังให้แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนย่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เสริมสร้างให้เกิดการกระตุ้น เพิ่มความเร้าใจแก่นักเรียนให้มีความสนใจต่อการเรยี นรู้ การฝึกและมเี จตคติทด่ี ีตอ่ การเรียนภาษาไทยย่ิงข้ึน ขอขอบพระคุณผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง และผู้มีส่วนร่วมทุกท่านที่ให้คำปรึกษา แนะนำ เอื้ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ จนผลงานสำเรจ็ ลลุ ่วงด้วยดี ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิง่ วา่ แบบฝึก เสรมิ ทักษะการเขียนย่อความ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๔ จะเป็นประโยชน์ต่อการ เรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สามารถนำไปบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ ได้เป็น อย่างดียิง่ นางสาวนฤมล ศริ ธิ รี กลุ ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
ข ๒ สารบัญ เรื่อง หนา้ คำนำ ..................................................................................................................................... ก สารบัญ ................................................................................................................................. ข คำชี้แจงเกยี่ วกับแบบฝกึ เสริมทกั ษะ ..................................................................................... ค คำชี้แจงการใช้แบบฝกึ เสริมทักษะสำหรับครู ........................................................................ ง คำชแ้ี จงการใช้แบบฝกึ เสริมทักษะสำหรบั นักเรยี น ............................................................... จ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั ................................................................................................ ๑ สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด (Concept) .......................................................................... ๑ จดุ ประสงค์การเรียนการสอน................................................................................................ ๑ แบบทดสอบก่อนเรยี นที่ ๑ เร่อื ง การอ่านแบบสำรวจ .......................................................... 3 ใบความรูท้ ี่ ๑ เรอื่ ง การอ่านแบบสำรวจ............................................................................. 5 ใบงานท่ี ๑ เร่อื ง การอ่านแบบสำรวจ ................................................................................ 6 แบบทดสอบหลงั เรียนท่ี ๑ เรอื่ ง การอา่ นแบบสำรวจ ......................................................... 9 แบบทดสอบกอ่ นเรียนท่ี ๒ เรื่อง การต้งั คำถาม .................................................................... 11 ใบความรู้ที่ ๒ เรอ่ื ง การตัง้ คำถาม ..................................................................................... 13 ใบงานท่ี ๒ เรอ่ื ง การต้งั คำถาม ............................................................................................ 14 แบบทดสอบหลงั ที่ ๒ เร่ือง การต้ังคำถาม ............................................................................ 18 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นที่ ๓ เร่อื ง การอา่ นแบบสำรวจและการตัง้ คำถาม .............................. 20 ใบความรทู้ ่ี ๓ เรอื่ ง การอ่านแบบสำรวจและการตั้งคำถาม .................................................. 22 ใบงานท่ี ๓ เรอ่ื ง การอ่านแบบสำรวจและการต้ังคำถาม ...................................................... 23 แบบทดสอบหลังเรยี นท่ี ๓ เรือ่ ง การอ่านแบบสำรวจและการต้ังคำถาม............................... 27 แบบทดสอบหลังเรยี นแบบฝกึ ท่ี ๒ เรือ่ ง การสำรวจและต้งั คำถามเรื่องท่เี ขียนยอ่ ความ....... 29 32 บรรณานุกรม................................................................................................ .......................... 33 ภาคผนวก...................................................................................................................... ........ 34 เฉลยคำตอบใบงาน .............................................................................................................. 35 เฉลยแบบทดสอบ ............................................................................................................... ประวตั ยิ อ่ ของผู้วิจยั ...........................................................................................................
ค ๓ คำชแ้ี จงเกยี่ วกับแบบฝกึ เสริมทกั ษะ การเขียนย่อความเป็นการจับประเด็นสำคัญหรือสรุปใจความสำคัญของเรื่องต่างๆ แล้วนำมา เรียบเรียงขึ้นใหม่เป็นข้อความที่กระชบั รัดกุม ด้วยสำนวนภาษาของผู้ย่อเอง โดยความหมายของเร่ืองจะไม่ เปล่ยี นแปลงไปจากเดมิ และจะต้องยอ่ ความได้ถูกตอ้ งตามรูปแบบของการย่อความ แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนย่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ นี้ เป็นแบบฝึกที่ผู้จัดทำสร้างขึ้นเพื่อนนำไปให้ผู้เรียนใช้พัฒนาทักษะการเขียนย่อความให้มีประสิทธิภาพ เพราะการเขียนย่อความมีบทบาทและความสำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ทั้งด้านพัฒนาทักษะการอ่าน การคิด และการเขียน โดยได้จัดทำแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนย่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ จำนวน ๕ แบบฝึก ประกอบดว้ ย แบบฝึกเสริมทักษะการเขยี นยอ่ ความ ชุดที่ ๑ การเขียนแบบขน้ึ ต้นยอ่ ความ แบบฝกึ เสริมทักษะการเขียนยอ่ ความ ชดุ ท่ี ๒ การสำรวจและตงั้ คำถามจากเรอื่ งทเ่ี ขียนย่อความ แบบฝกึ เสริมทักษะการเขยี นย่อความ ชุดที่ ๓ การอ่านสงิ่ ทตี่ ง้ั คำถาม การทบทวนสิ่งท่ีอ่านในใจ และการอ่านทบทวนสง่ิ ท่สี รปุ ไว้ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะการเขยี นยอ่ ความ ชุดที่ ๔ การตั้งช่ือเร่ืองทเ่ี ขยี นย่อความ แบบฝึกเสรมิ ทักษะการเขยี นย่อความ ชุดท่ี ๕ การเขยี นยอ่ ความจากส่อื ตา่ งๆ
ง ๔ คำชี้แจงในการใช้ แบบฝกึ เสริมทกั ษะการเขยี นยอ่ ความ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ สำหรับครู ๑. ครคู วรศึกษาคำช้ีแจงในการใช้แบบฝกึ เสริมทักษะการเขียนย่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๔ ๒. แบบฝกึ เสริมทกั ษะการเขียนยอ่ ความ กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๕ แบบฝึก ประกอบด้วย แบบฝึกเสริมทักษะการเขยี นย่อความ ชดุ ที่ ๑ การเขยี นแบบขน้ึ ต้นยอ่ ความ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะการเขียนย่อความ ชุดที่ ๒ การสำรวจและตัง้ คำถามจากเรอ่ื งท่เี ขียนยอ่ ความ แบบฝึกเสรมิ ทักษะการเขียนย่อความ ชุดท่ี ๓ การอ่านสิง่ ที่ต้ังคำถาม การทบทวนส่ิงที่อา่ นในใจ และการอา่ นทบทวนสิ่งทีส่ รุปไว้ แบบฝกึ เสริมทักษะการเขียนยอ่ ความ ชุดท่ี ๔ การต้งั ช่ือเรื่องท่เี ขียนยอ่ ความ แบบฝึกเสริมทักษะการเขยี นยอ่ ความ ชดุ ท่ี ๕ การเขยี นย่อความจากสอ่ื ตา่ งๆ แบบฝึกแตล่ ะชดุ ประกอบดว้ ย ชอ่ื แบบฝึก จุดประสงค์ คำชีแ้ จง กจิ กรรมการเรียนการสอน และแบบทดสอบย่อยของแต่ละชุดฝึก ๓. กอ่ นใช้แบบฝกึ เสรมิ ทักษะการเขียนย่อความ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ก่อนเรียน (pre-test) ๔. ครูแจกแบบฝกึ ใหน้ ักเรยี นทำเฉพาะสว่ นทรี่ ะบใุ นแผนการจัดการเรยี นรู้รายช่วั โมงนนั้ ๆ ๕. นักเรยี นจะต้องทำแบบฝึกตามลำดับข้ันจะขา้ มข้ันไมไ่ ด้และฝกึ อย่างสมำ่ เสมอจนนกั เรียนสามารถ พฒั นาการเขยี นยอ่ ความได้จรงิ ๖. ครูควรทำความเขา้ ใจกบั นักเรียนให้มวี นิ ยั ในตนเองในการทำแบบฝึก โดยเนน้ ให้นกั เรียนมี ความซอื่ สตั ย์ต่อตนเอง ๗. เมือ่ นักเรียนทำแบบฝกึ แต่ละชดุ เรยี บรอ้ ยแล้ว ครูตรวจแบบฝกึ ทกุ ครั้ง คืนแบบฝึกให้นักเรียน พร้อมอธิบายข้อผดิ พลาด ๘. หลงั ใช้แบบฝึกเสริมทักษะการเขยี นย่อความ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ครบทุกแบบฝกึ แล้วให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลงั เรียน (post-test)
จ ๕ คำชแ้ี จงในการใช้ แบบฝกึ เสริมทักษะการเขียนยอ่ ความ สำหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ สำหรับนักเรียน ๑. แบบฝึกเสริมทักษะการเขียนย่อความ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จำนวน ๕ แบบฝึก ประกอบด้วย แบบฝึกเสริมทักษะการเขยี นย่อความ ชุดท่ี ๑ การเขยี นแบบข้นึ ตน้ ย่อความ แบบฝึกเสริมทักษะการเขยี นยอ่ ความ ชุดที่ ๒ การสำรวจและตั้งคำถามจากเร่ืองท่ีเขยี นย่อความ แบบฝกึ เสริมทักษะการเขียนยอ่ ความ ชุดที่ ๓ การอา่ นส่ิงที่ตง้ั คำถาม การทบทวนส่งิ ทอ่ี ่านในใจ และการอ่านทบทวนสิ่งที่สรปุ ไว้ แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการเขียนย่อความ ชุดท่ี ๔ การตงั้ ชือ่ เรอื่ งท่ีเขยี นยอ่ ความ แบบฝึกเสรมิ ทักษะการเขยี นย่อความ ชดุ ที่ ๕ การเขียนย่อความจากสื่อตา่ งๆ แบบฝึกแต่ละชุดประกอบด้วย ชื่อแบบฝึก จุดประสงค์ คำชี้แจง กิจกรรมการเรียนการสอน และ แบบทดสอบย่อยของแต่ละชุดฝึกโดยในแต่ละแบบฝึกประกอบด้วยงานเขียนประเภทข่าว สารคดี บทความ ร้อยกรอง และเรื่องส้ัน ๒. ใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธก์ิ อ่ นเรยี น (pre-test) ตามท่ีได้รบั มอบหมาย ๓. เม่ือนกั เรยี นรับแบบฝึกแล้ว อ่านคำส่งั ใหเ้ ขา้ ใจ จากน้ันปฏบิ ตั ิกิจกรรมแตล่ ะขั้นตอนอยา่ งเคร่งครัด ๔. ให้นักเรียนทำแบบฝึกเป็นรายบุคคล แล้วเก็บรวบรวมคืนครูทุกครั้งหลังจากปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ในแต่ละชั่วโมง ๕. นักเรียนควรทำแบบฝึกที่ครูมอบหมายตามลำดับด้วยความซื่อสัตย์เพื่อให้เกิดความรู้และได้ประโยชน์ อย่างแท้จริง ๖. เมื่อเรียนจบและทำแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนย่อความ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ครบทุกแบบฝกึ แล้วใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิห์ ลังเรียน (post-test)
๑ ๖ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั สาระและมาตรฐานการเรียนรรู้ ายปี ชว่ งชั้นท่ี ๔ (ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย) สาระที่ ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่อื สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่อื งราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ตัวชี้วัด ม. ๔-๖/๓ เขียนยอ่ ความจากสอ่ื ท่ีมีรปู แบบ และเน้ือหาหลากหลาย ม. ๔-๖/๔ ผลติ งานเขยี นของตนเองในรปู แบบต่างๆ ม. ๔-๖/๕ ประเมินงานเขียนของผู้อนื่ แล้วนำมาพัฒนางานเขยี นของตนเอง ม. ๔-๖/๘ มมี ารยาทในการเขียน สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม. ๔-๖/๓ การเขียนย่อความจากส่อื ต่างๆ เช่น กวนี พิ นธ์ และวรรณคดี เรื่องสั้น สารคดี นวนิยาย บทความทางวิชาการ และวรรณกรรมพน้ื บ้าน ม. ๔-๖/๔ การเขียนในรูปแบบตา่ งๆ เช่น สารคดี บนั เทิงคดี ม. ๔-๖/๕ การประเมินคุณค่างานเขยี นในด้านตา่ งๆ เชน่ แนวคดิ ของผเู้ ขียน การใชถ้ ้อยคำ การเรยี บเรยี ง สำนวนโวหาร กลวธิ ีในการเขียน ม. ๔-๖/๘ มารยาทในการเขียน สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Concept) การสำรวจและตั้งคำถามจากเร่ืองท่ีเขียนย่อความ การย่อความที่ดี ผู้ย่อต้องอ่านเรื่องให้เข้าใจและจับใจความสำคัญให้ได้ แล้วนำใจความสำคญั มาเรียบเรียงใหมใ่ ห้ส้นั ดว้ ยถ้อยคำท่ีสละสลวย กระชับ เข้าใจง่าย ได้ใจความถูกตอ้ งตามเนือ้ เร่อื งเดิม วิธีการอ่านอะไรก็เข้าใจและจำได้มากขึ้นด้วยเทคนิค SQ3R เทคนิคนี้ถูกคิดขึ้นตั้งแต่ปี ๑๙๔๖ โดย Francis P. Robinson เป็นระบบในการอา่ นหนังสอื ใหเ้ ราเขา้ ใจขอ้ มลู ไดม้ ากขึ้น ๑. การอา่ นแบบสำรวจ (Survey) อ่านบทนั้นผ่านๆ ก่อน ดูย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย ถ้าเป็นหนังสือท้ังเลม่ ก็อา่ น คำนำ สารบัญ แล้วพลิกดูแต่ละหัวข้อคร่าวๆ เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เห็นภาพรวมก่อนว่า ผู้อ่านกำลังจะได้รู้ เรื่องอะไรบ้าง เรื่องไหนที่ผู้อ่านรู้แล้ว และผู้อ่านยังไม่รู้ เห็นการเชื่อมโยงของข้อมูล เห็นรูปภาพหรือ แผนภมู ิท่ีผ้เู ขยี นใช้
๒ ๗ ๒. การตั้งคำถาม (Question) ตั้งคำถามเกี่ยวกับหัวข้อที่อ่าน ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ผู้อ่านสงสัยอยู่แล้วหรือเพิ่งคิดถึง ระหว่างอา่ นผ่านๆ เช่น - แนวคดิ หลักของบทความนค้ี ืออะไร - ผเู้ ขียนตอ้ งการจะสอ่ื อะไรจากตัวอย่างนี้ - ฉันจะเอาแนวคิดตรงนี้ไปใช้ได้อย่างไร ๓. การอา่ นทเี่ นน้ สง่ิ ที่ต้งั คำถาม (Read) การมคี ำถามในใจเวลาอา่ น จะทำใหค้ ณุ โฟกสั จับใจความท่ีสำคัญได้ดีขึน้ อ่านตามปกติ ไปทลี ะย่อหน้าแลว้ จดบันทึกใจความสำคัญ และความคิดเหน็ ของคุณออกมาการเช่ือมโยงสิ่งท่ีคุณอ่านอยู่ กับสิ่งที่คณุ รอู้ ยู่แลว้ จะทำใหค้ ุณเข้าใจมากขน้ึ ด้วย ๔. การทบทวนสงิ่ ทอี่ า่ นในใจ (Recall) นึกในใจวา่ คุณอา่ นอะไรไปแลว้ บ้างผมเรียกวิธีนว้ี ่าการ ‘สรปุ ในใจ'คือคุณสรุปเน้ือหาที่ อา่ นมาท้งั หมดในใจแลว้ คุณจะรเู้ ลยว่าส่วนไหนที่ผา่ นมาคุณเข้าใจหรอื ไม่เข้าใจเพือ่ ทีจ่ ะกลบั ไปอา่ นใหม่อีก รอบขั้นตอนนี้ควรทำจนกว่าคุณจะพอใจกับผลลัพธ์ คือสรุปในใจได้ครบถ้วนตอบคำถามของคุณจาก ข้นั ตอนที่ ๒ ไดท้ ้งั หมด ๕. การอา่ นทบทวนส่ิงที่สรุปไว้ (Review) ทบทวนสิ่งที่ได้อ่านไปแล้วโดยการอ่านสรุปที่จดไว้ หรืออ่านใหม่ทั้งหมดการทบทวน ช่วยในการเอาสิ่งที่คุณอ่านไปไว้ในความจำระยะยาวในเล่มนี้จะจัดการเรียนการสอนสองขั้นตอนเท่านั้น คอื สำรวจและตง้ั คำถาม (Survey and Question) จดุ ประสงคก์ ารเรียนการสอน ๑. นกั เรียนสามารถอา่ นสิ่งท่อี า่ นนนั้ ผ่านๆ และเห็นภาพรวมของเรอ่ื งท่ีอ่านได้ ๒. นกั เรยี นสามารถตงั้ คำถามเกย่ี วกบั ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการอา่ นแบบสำรวจนได้
๓ ๘ แบบทดสอบกอ่ นเรียนท่ี ๑ เรื่อง การอ่านแบบสำรวจ คำชี้แจง : ให้นักเรยี นทำเคร่ืองหมายกากบาท () ลงในชอ่ งคำตอบท่ีถกู ทส่ี ดุ เพียงขอ้ เดียว ของกระดาษคำตอบ ๑. การอ่านแบบสำรวจหมายความวา่ อย่างไร ก. การค้นหาท่ีมาของเรื่องท่ีอ่าน ข. การอ่านแบบคน้ หา คำนำ สารบญั บทคัดย่อ คำที่เนน้ หรือเนือ้ หาครา่ ว ๆ ค. การคน้ หาหลักฐาน เอกสาร อ้างองิ ของเรื่องท่อี ่าน ง. การคน้ หาประวัตผิ ้เู ขยี น ๒. นายบญุ มีแสดงออกอยา่ งไรจงึ เรยี กว่าเป็นการอ่านแบบสำรวจ ก. นายบญุ มีเขียนกรอบความคิด และตั้งจดุ มงุ่ หมายในการอ่าน ข. นายบญุ มีเขียนแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั บทความที่อ่าน ค. นายบุญมเี ขยี นบรรยายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั เรอื่ งท่ีอ่าน ง. ถูกทกุ ข้อ ๓. นางสาวกระทแิ สดงออกออย่างไรจงึ เรยี กว่าเปน็ การอา่ นแบบสำรวจ ก. นางสาวกระทเิ ขยี นตำราจากเร่อื งท่อี ่านอย่างคร่าว ๆ ข. นางสาวกระทเิ ขยี นจดุ ประสงคก์ ารอ่านกอ่ นการอ่านทง้ั หมด ค. นางสาวกระทิบนั ทึกบทสรุปของเร่ืองที่อ่าน ง. ขอ้ ข และ ค ถูกต้อง ๔. นางสาวกรนาถแสดงออกออยา่ งไรจงึ เรยี กวา่ เป็นการอา่ นแบบสำรวจ ก. นางสาวกรนาถเขียนสง่ิ ท่ีรู้สึกข้นึ มาเองก่อนการอา่ น ข. นางสาวกรนาถเขยี นคำตอบของคำถามทา้ ยบท ค. นางสาวกรนาถเขยี นข้อความทช่ี อบตา่ ง ๆ ง. นางสาวกรนาถเขียนประโยคหลกั ของแต่ละย่อหนา้ ของเรือ่ งที่ต้องการอ่าน ๕. การอา่ นแบบสำรวจมีประโยชน์อยา่ งไร ก. ทำใหผ้ ้อู า่ นเขา้ ใจสิง่ ทีผ่ เู้ ขยี นตอ้ งการส่ือไดด้ ี ข. ทำใหผ้ อู้ ่านสามารถตง้ั คำถามในการอา่ นและมองหาคำตอบเป็นหลัก ค. เปน็ การอา่ นสำหรบั คนมีเวลาน้อย ง. ข้อ ก และ ข้อ ข เป็นข้อท่ีถกู ต้อง
๔ ๙ กระดาษคำตอบ แบบทดสอบก่อนเรยี นที่ ๑ เรอ่ื ง การอ่านแบบสำรวจ คะแนนเตม็ ๕ คะแนน คะแนนที่ได้ ...............................คะแนน
๕ ๑๐ ใบความรู้ท่ี ๑ การอา่ นแบบสำรวจ (Survey) การอ่านแบบสำรวจ (Survey) หมายถึง การอ่านบทนัน้ ผ่านๆ ก่อน ดูย่อหน้าแรกและยอ่ หน้าสุดท้าย ถ้าเป็นหนังสอื ทั้งเล่มก็อ่านคำนำ สารบัญ แล้วพลิกดูแต่ละหัวข้อครา่ วๆ เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เห็นภาพรวมก่อน วา่ ผอู้ า่ นกำลังจะไดร้ เู้ รอ่ื งอะไรบ้าง เรือ่ งไหนที่ผู้อา่ นรูแ้ ลว้ และผอู้ ่านยงั ไมร่ ู้ เห็นการเชือ่ มโยงของข้อมลู เห็น รปู ภาพหรอื แผนภูมทิ ผ่ี ู้เขยี นใช้ เมอ่ื อา่ นแบบสำรวจ คำตอบคอื พบการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดนิ หายใจร้ายแรงคร้ังแรกท่ปี ระเทศจีน ต่อมาองค์การอนามัย โลกได้กำหนดชอ่ื โรคชนดิ นี้วา่ “ไวรัสโควิด-19”
๖ ๑๑ ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง การอา่ นแบบสำรวจ คำชีแ้ จง : ให้นักเรยี นจับกลุ่มเล็ก แล้วอา่ นสำรวจ โดยตรวจสอบส่วนท่เี ปน็ ชือ่ เรือ่ ง สว่ นนำ ส่วนรอง ส่วนนำ และสว่ นสรุป ของเรื่องที่ครูกำหนดให้ แล้วเขยี นและรายงานส่ิงที่ไดห้ น้าชั้นเรียน เมอ่ื โลกล็อกดาวน์ธรรมชาติกฟ็ ืน้ คืน พพี ที วี ี นวิ มเี ดีย คดั เลือก 36 ข่าวแหง่ ปี 2563 : การแพรร่ ะบาดของโควดิ -19 ในความน่ากลัวของ โรคภัยไข้เจ็บ ยังมีความงดงามของธรรมชาติที่เห็นกัน เมื่อโลกสงบสุขไร้ผู้คน ไร้นักท่องเที่ยว เราจึงได้เห็น การฟนื้ คืนของธรรมชาตแิ ละสตั ว์ปา่ ทอ่ี อกมาทวงพ้นื ท่ีบ้านของเขาคนื คงปฏิเสธไมไ่ ด้วา่ ส่วนหนึ่งทธี่ รรมชาตกิ ลบั มาฟน้ื ตัวอีกคร้ังในช่วงล็อกดาวน์ คอื สถานทท่ี อ่ งเที่ยวทาง ธรรมชาติ ทั้งหมู่เกาะน้อยใหญ่ ภูเขา หรือ ผืนป่า ต่างไร้นักท่องเที่ยว โดยพบว่า ว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ชาวตา่ งชาติทีเ่ ดินทางเข้ามาในประเทศไทยระหวา่ งชว่ งเดือนมกราคมถึงเมษายนลดลงจาก 13.99 ล้านคน ในปี 2562 เหลือ 6.69 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 หรือลดลงประมาณ 52.17% (กอง เศรษฐกจิ การท่องเท่ียวและกฬี า กระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี า) ขณะเดยี วกัน ในชว่ งเวลาดงั กล่าว เพื่อเปน็ การปอ้ งกันการแพรร่ ะบาดโควิด -19 สำหรับประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประกาศปิดพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวในสังกัดของกระทรวงฯ ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติกว่า 148 แห่งทั่วประเทศ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 36 แห่ง และเขตห้ามล่า สัตว์ป่าอีก 48 แห่ง โดยในระยะสั้น ทรัพยากรทางธรรมชาติทั้งทางบกและทางทะเลของประเทศไทยมี โอกาสฟื้นตวั เช่น ในอทุ ยานภูซาง จังหวัดพะเยา พบว่าพืชพนั ธไุ์ ม้หายากกลบั มาเจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว สัตว์ป่าต่างๆ เช่น หมูป่า กระรอกบิน ผีเสื้อชนิดตา่ งๆ นกนานาชนิดที่ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็น สามารถพบ เห็นได้บ่อยครั้ง นอกจากนี้ ทรัพยากรทางทะเลในหลายพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศไทยมีโอกาสฟ้ืน ตวั อย่างเห็นได้ชัด อยา่ งนอ้ ยในระยะสัน้ โดยเฉพาะปะการงั และหญ้าทะเล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวลดลง การปล่อยน้ำเสียจากแหล่งชุมชนและ โรงแรมที่พักตลอดแนวชายฝั่งลดลงส่งผลให้คุณภาพน้ำทะเลดีขึ้น ทำให้ปะการังและหญ้าทะเลฟื้นตั วและ เติบโตดีขึ้น ปะการังบางชนิดอาจเคยถูกรบกวนจากกิจกรรมการท่องเที่ยวทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการัง ฟอกขาว แตเ่ ม่อื มีการระงบั การท่องเที่ยว ปะการังเหลา่ น้ีกจ็ ะมีการก่อตัวและงอกใหม่ ขณะทสี่ ตั วท์ ะเล เช่น เต่ามะเฟือง พะยนู ปลาโลมาอริ วดี และปลาฉลามหูดำ มีคนพบเหน็ สตั ว์ทะเลเหลา่ นีบ้ ่อยครั้งขึ้นโดยเฉพาะ ในช่วงที่มีการปดิ อุทยานแหง่ ชาตทิ างทะเล 23 แห่ง ดังนั้น การนำแนวคิด Green Tourism และ Building Back Better มาใช้ในการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติหลังเหตุการณ์โควิด-19 จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง คือ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควร เรง่ ดำเนินการเพอ่ื วางแผนระยะยาวในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มมี 4 เรอ่ื ง
๗ ๑๒ 1. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรเดินหน้าดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาค ส่วนทั้งประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวมีความรู้ ความตระหนักและเห็นความสำคัญของการดูแลและ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ สัตว์ป่า สัตว์ทะเล ทรัพยากรทางทะเล ฯลฯ โดยอาจร่วมมือกั บ กระทรวงศกึ ษาธิการในการสอดแทรกประเด็นเหลา่ นไี้ ว้ในหลักสตู รตัง้ แตร่ ะดับประถมศึกษา และร่วมมือกับ กระทรวงการทอ่ งเที่ยวและกีฬาในการใหข้ ้อมลู และสร้างความตระหนกั ให้กับนักทอ่ งเทยี่ ว 2. การดำเนนิ มาตรการเพ่อื แกป้ ัญหา Overtourism ในระยะยาว เชน่ การจำกดั จำนวนนักทอ่ งเท่ียว ทส่ี ามารถเขา้ ไปยงั แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตใิ นชว่ งเวลาต่างๆ โดยเมืองไทยอทุ ยานแห่งชาติใชว้ ิธี จองคิว ผา่ น แอพ QueQ เพอ่ื จำกัดจำนวนนักท่องเท่ยี ว สแกนแอพ ไทยชนะ สวมหนา้ กากอนามัย รกั ษาระยะห่าง ฯลฯ หรือมาตรการปิดแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติเพื่อให้ธรรมชาติบริเวณแหล่งท่องเที่ยวได้รบั การฟื้นฟู ซึง่ แนวทางนีก้ ระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมกี ารดำเนินการในบางพืน้ ท่ีอยู่แล้ว แต่ควรมีการ พิจารณาตอ่ ยอดหรือขยายผลไปยงั แหลง่ ทอ่ งเที่ยวในพนื้ ทอ่ี ่ืนๆ ตอ่ ไป 3.ประเทศไทยควรพลิกวิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาสในการปรับเปลีย่ นและยกเครื่องกลยุทธ์ในการ ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยปรับเปลี่ยนจากการท่องเที่ยวแบบที่เน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นการ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ (Quality Tourism) เช่น การท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) ซึ่งเป็นการ ทอ่ งเท่ียวแบบทีเ่ ป็นมติ รตอ่ ส่ิงแวดล้อม และสุดทา้ ยคือ ส่งเสริมการนำแนวคิด “Building Back Better” ซ่งึ เป็นแนวคิดท่ใี ช้ในการจัดการภัย พิบัติมาใช้ โดยหลักการภายใตแ้ นวคิดดังกล่าวคือการบริหารจดั การเพื่อให้สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและ ทรพั ยากรธรรมชาตหิ ลงั สถานการณโ์ ควิด-19 สิน้ สุดลงดกี ว่าชว่ งที่เกดิ โควดิ -19 เพ่ือใหท้ รัพยากรธรรมชาติ และระบบนเิ วศมีความยัง่ ยืนและมีภมู คิ มุ้ กนั ในอนาคต ที่มา โดย PPTV Online เผยแพร่ 24 ธ.ค. 2563 ,09:00น. https://www.pptvhd36.com/news/ประเดน็ ร้อน/138900
๘ ๑๓ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................. ....................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... .................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................... ............. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
๙ ๑๔ แบบทดสอบหลงั เรียนท่ี ๑ เรือ่ ง การอ่านแบบสำรวจ คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นทำเคร่ืองหมายกากบาท () ลงในชอ่ งคำตอบที่ถกู ทีส่ ุดเพียงขอ้ เดียว ของกระดาษคำตอบ ๑. การอ่านแบบสำรวจหมายความว่าอยา่ งไร ก. การค้นหาที่มาของเร่ืองที่อ่าน ข. การอา่ นแบบคน้ หา คำนำ สารบัญ บทคัดย่อ คำท่ีเน้น หรือเนื้อหาคร่าว ๆ ค. การค้นหาหลักฐาน เอกสาร อา้ งอิงของเรอื่ งที่อ่าน ง. การคน้ หาประวตั ผิ เู้ ขยี น ๒. นายบญุ มีแสดงออกอยา่ งไรจึงเรยี กวา่ เปน็ การอา่ นแบบสำรวจ ก. นายบุญมีเขยี นกรอบความคดิ และต้ังจดุ มงุ่ หมายในการอ่าน ข. นายบุญมีเขยี นแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั บทความที่อ่าน ค. นายบญุ มเี ขยี นบรรยายเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับเรือ่ งทีอ่ ่าน ง. ถกู ทกุ ข้อ ๓. นางสาวกระทิแสดงออกออย่างไรจึงเรียกว่าเป็นการอา่ นแบบสำรวจ ก. นางสาวกระทิเขียนตำราจากเรื่องทอี่ า่ นอยา่ งคร่าว ๆ ข. นางสาวกระทิเขยี นจุดประสงคก์ ารอ่านกอ่ นการอ่านทง้ั หมด ค. นางสาวกระทบิ นั ทึกบทสรปุ ของเร่ืองที่อ่าน ง. ขอ้ ข และ ค ถูกต้อง ๔. นางสาวกรนาถแสดงออกออย่างไรจงึ เรียกวา่ เปน็ การอ่านแบบสำรวจ ก. นางสาวกรนาถเขยี นสิ่งทรี่ ู้สกึ ขน้ึ มาเองก่อนการอา่ น ข. นางสาวกรนาถเขียนคำตอบของคำถามทา้ ยบท ค. นางสาวกรนาถเขียนข้อความท่ชี อบตา่ ง ๆ ง. นางสาวกรนาถเขียนประโยคหลกั ของแตล่ ะย่อหนา้ ของเร่ืองท่ตี ้องการอ่าน ๕. การอา่ นแบบสำรวจมีประโยชนอ์ ย่างไร ก. ทำให้ผอู้ ่านเขา้ ใจสิ่งทผี่ ู้เขียนต้องการสื่อไดด้ ี ข. ทำให้ผ้อู ่านสามารถต้งั คำถามในการอา่ นและมองหาคำตอบเป็นหลกั ค. เปน็ การอ่านสำหรบั คนมเี วลาน้อย ง. ขอ้ ก และ ข้อ ข เป็นข้อที่ถูกต้อง
๑๐ ๑๕ กระดาษคำตอบ แบบทดสอบหลังเรียนท่ี ๑ เร่อื ง การอ่านแบบสำรวจ คะแนนเตม็ ๕ คะแนน คะแนนท่ไี ด้ ...............................คะแนน
๑๑ ๑๖ แบบทดสอบก่อนเรยี นที่ ๒ เร่ือง การตัง้ คำถาม คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท () ลงในช่องคำตอบที่ถูกทสี่ ุดเพียงขอ้ เดยี ว ของกระดาษคำตอบ ๑. การตงั้ คำถามเกย่ี วกับหัวขอ้ ท่ีอ่าน หมายความว่าอย่างไร ก. การเกดิ คำถามเกยี่ วกับส่ิงที่ผอู้ ่านสงสยั อยู่แลว้ เมอ่ื อา่ นแบบสำรวจ หรอื เพิ่งคิดถึงระหวา่ งอา่ นผ่านๆ ข. การเกิดคำถามเม่ืออา่ นจบ ค. การเกดิ คำถามเมอื่ ทำข้อสอบไม่ได้ ง. การเกดิ คำถามเม่ืออ่านแล้วไม่เข้าใจ ๒. เมือ่ ต้องการรู้สถานที่ท่ีเกี่ยวข้องกับสงิ่ ท่อี า่ นจะต้ังคำถามอยา่ งไร ก. เหตุการณน์ ีเ้ กิดขน้ึ ที่ไหน ข. เหตุการณ์นีเ้ กดิ ขึน้ เพราะอะไร ค. เหตกุ ารณ์นบ้ี านปลายหรือไม่ ง. เหตุการณ์น้ีเป็นประโยชน์กบั ใครบา้ ง ๓. เมื่อต้องการร้กู รอบแนวคิดหลกั ของสิ่งท่อี ่านจะต้ังคำถามว่าอย่างไร ก. เรือ่ งนี้ใครเป็นพระเอก ข. เร่อื งนมี้ ีจดุ จบอย่างไร ค. เรื่องน้ีมแี นวคดิ อย่างไร ง. เรื่องน้ีเกดิ จากอะไร ๔. เมื่อต้องการรูจ้ ุดประสงคใ์ นการเขยี นของผ้เู ขียนจะตัง้ คำถามว่าอย่างไร ก. ผเู้ ขยี นต้องการบรรยายเกี่ยวกับอะไร ข. ผเู้ ขยี นได้ตีพิมพเ์ ร่ืองนี้ท่ีไหน ค. ผเู้ ขียนต้องการรายไดจ้ ากเรอ่ื งน้ใี ชไ่ หม ง. ผู้เขยี นต้องการสื่ออะไร ๕. เมอ่ื ตอ้ งการรถู้ งึ ประโยชนข์ องสงิ่ ทอี่ า่ นนจี้ ะตง้ั คำถามอยา่ งไร ก. ความรูเ้ ก่ยี วกบั เรื่องน้ีสามารถเกดิ กับใคร ข. ความรเู้ กย่ี วกับเรอื่ งน้สี ามารถนำไปประยุกต์ใชก้ ับสง่ิ ใดไดบ้ า้ ง ค. ความร้เู กย่ี วกบั เร่อื งน้มี สี าเหตมุ าจากอะไร ง. ความรเู้ ก่ยี วกบั เรือ่ งน้ีมีการคดั ลอกมาจากทใ่ี ด
๑๒ ๑๗ กระดาษคำตอบ แบบทดสอบก่อนเรยี นที่ ๒ เรื่อง การตั้งคำถาม คะแนนเต็ม ๕ คะแนน คะแนนทไ่ี ด้ ...............................คะแนน
๑๓ ๑๘ ใบความรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง การต้ังคำถาม (Question) จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรยี นรู้และเข้าใจวิธกี ารตงั้ คำถามเก่ียวกบั สิ่งทีอ่ า่ น และสามารถตั้งคำถามเกย่ี วกับส่ิงที่อ่านได้ การตัง้ คำถาม การตง้ั คำถามเก่ยี วกบั หวั ข้อท่ีอ่าน หมายถึง การเกิดคำถามเกีย่ วกบั สงิ่ ท่ผี ู้อ่านสงสัยอยู่แล้ว เมื่ออา่ นแบบสำรวจ หรือเพ่ิงคดิ ถึงระหวา่ งอา่ นผา่ นๆ เช่น - แนวคดิ หลักของบทความน้ีคืออะไร - ผู้เขียนตอ้ งการจะสอื่ อะไรจากตัวอยา่ งน้ี - ฉนั จะเอาแนวคิดตรงน้ีไปใช้ได้อย่างไร
๑๔ ๑๙ ใบงานที่ ๒ เร่อื ง การตง้ั คำถาม จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรียนรแู้ ละเขา้ ใจวิธีการตัง้ คำถามเก่ยี วกบั สิ่งที่อา่ น และสามารถต้งั คำถามเกย่ี วกบั ส่งิ ท่อี า่ นได้ นทิ านเวตาลเรอื่ งท่ี ๑๐ เวตาลกลา่ ววา่ คร้งั นขี้ า้ พเจา้ ใหเ้ กดิ กระเหม่นตาซ้าย หัวใจเตน้ แรงแลตาก็มดื มัว เป็นลางไม่ดีเสียแล้ว แต่ขา้ พเจา้ ก็จะเล่าเรื่องจรงิ ถวายอีกเร่ืองหน่งึ แลเพราะเหตุ ข้าพเจ้าเบ่อื หนา่ ยการถูกแบกสะพายไปมาเป็น หลายเที่ยวแล้ว แม้พระองค์ไม่ทรงเบื่อเปน็ ผู้แบกก็จริง ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาที่ยากทลู ถามสักที ถ้าทรงตอบ ได้ พระปัญญาก็มากย่งิ ทข่ี า้ พเจา้ คิดวา่ จะมใี นพระราชาพระองค์ใด ในโบราณกาลเมืองใหญ่เมืองหนึ่งชื่อกรุงธรรมปุระ พระราชาทรงนามท้าวมหาพล มีมเหสีซึ่งแม้มี พระราชธิดาจำเริญวัยใหญ่แล้ว มเหสียังเป็นสาวงดงาม ถ้าจะเปรียบกับพระราชบุตรี ก็คล้ายพี่กับน้องย่ิง กวา่ แมแ่ ลลกู ที่เป็นเชน่ นี้ไม่ใช่เพราะพระราชธดิ ามีอาการแกเ่ กนิ อายุ ท่ีจริงเป็นด้วยพระราชมารดาเป็นสาว ไม่รู้จกั แก่ แลความสาวของพระนางเป็นเครอื่ งประหลาดของคนท้ังหลาย เมื่อท้าวมหาพลจะสิ้นบุญนั้น เกิดศึกขึ้นที่กรุงธรรมปุระ ข้าศึกมีกำลังมาก แลชำนาญการศึก ใช้ทั้ง ทองคำแลเหล็กเป็นอาวุธ คือใช้ทองคำซื้อน้ำใจนายทหารแลไพร่พลของพระราชาให้เอาใจออกหากจาก พระองค์ แลใช้เหลก็ เป็นอาวธุ ฆา่ ฟันคนทซี่ ้ือน้ำใจไม่ได้ ข้าศึกใชท้ องคำบา้ งใชเ้ หล็กบา้ งเป็นอาวุธดังนี้ จนใน ที่สุดรี้พลของท้าวมหาพลหรอร่อยย่อยยับไป ท้าวมหาพลเห็นจะรักษาชีวิตพระองค์ไว้ไม่ได้ด้วยวิธีรบ ก็คิด จะรักษาด้วยวิธีหนี จึ่งพาพระมเหสีแลพระราชธิดาออกจากกรุงไปในเวลาเที่ยงคืนจำเพาะสามพระองค์ พระราชาทรงพานางทั้งสองเลด็ ลอดพ้นแนวทัพขา้ ศึกไปแล้ว ก็ตั้งพระพักตร์มุ่งไปเมืองซึง่ เป็นเมืองเดมิ ของ พระมเหสี วันรุ่งขึ้นพระราชานำนางทั้งสองเดินไปจนเวลาสาย ถึงท้องทุ่งเห็นหมู่บ้านหมู่หนึ่งแต่ไกล ไม่ทรง ทราบว่าเปน็ หมู่บา้ นโจร แต่ทรงสงสัยไม่วางพระหฤทัย จงึ่ ตรสั ใหพ้ ระมเหสีแลพระราชธิดาหยุดน่ังกำบังอยู่ ในแนวไม้ พระองค์ทรงถืออาวธุ เดนิ ตรงเขา้ ไปส่หู มบู่ ้าน เพ่อื จะหาอาหารเสวยแลสู่นางทงั้ สององค์ ฝ่ายพวกภลิ ลซ์ ่งึ อยู่ในหมูบ่ า้ นนน้ั ประพฤตติ วั เป็นโจรอยโู่ ดยปกติ ครั้นเหน็ ชายคนเดยี วแต่งตวั ด้วย ของมคี า่ เดนิ เขา้ ไปเช่นน้นั ก็คุมกันออกมาจะเข้าชงิ ทรัพยใ์ นพระองค์พระราชา ท้าวมหาพลทรงเหน็ ดงั นั้นก็ ทรงพระแสงธนูยงิ พวกโจรลม้ ตายลงเป็นอนั มาก ฝา่ ยนายโจรไดท้ ราบข่าววา่ มีผ้มู ที รัพย์มาฆ่าฟันพวกตนลง ไปเป็นอนั มากดังนั้น กก็ ระทำสัญญาเรยี กพลโจรออกมาท้งั หมด แล้วเขา้ ลอ้ มรบพระราชา ทา้ วมหาพล พระองค์เดียวเหลอื กำลงั จะต่อสูป้ อ้ งกันอาวุธพวกโจรได้ ก็สนิ้ พระชนม์ลงในที่นนั้ พวกภิลลก์ ็ช่วยกันเข้า ปลดเปลอ้ื งของมีค่าออกจากพระองค์ แลว้ พากนั คืนเข้าสบู่ ้านแหง่ ตน
๑๕ ๒๐ ฝ่ายพระมเหสีและพระราชธิดาทรงแอบดูอยู่ในแนวไม้ เห็นพวกโจรเข้ากลุ้มรุมรบพระราชาก็ทรง ตกใจเป็นกำลัง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ครั้นเห็นพวกภิลล์ทำลายพระชนม์พระราชาลงไปแล้ว สองนาง พระองค์สั่นพากันหนีห่างออกไปจากหมู่บา้ นโจร ทางจะไปทางไหนหาทราบไม่ ความมุ่งมาดมีอยู่แต่วา่ จะ หนีให้พ้นมือพวกภิลล์ซึ่งเป็นคนชาติต่ำช้าเท่านั้น นางทั้งสองทรงกำลังน้อย แต่อำนาจความกลัวพาให้ เสดจ็ เดินไปเปน็ ทางถงึ ๔ โกรศ ออ่ นเพลยี พระกำลัง ทรงดำเนนิ ต่อไปไม่ได้ ก็หยุดนง่ั พักอยู่ใต้ร่มไมร้ มิ ทาง พะเอิญมีพระราชาอีกพระองค์หนึ่ง ทรงนามท้าวจันทรเสน เสด็จออกยิงสัตว์ป่ากับพระราชบุตร จำเพาะสองพระองค์ กษตั ริย์ทั้งสองทรงม้าไปตามแนวป่า เหน็ รอยเทา้ หญงิ สองคนก็ทรงชักมา้ หยุดดู พระ ราชบิดาตรัสว่ารอยเท้าคนทำไมมามีอยใู่ นป่าแถบนี้ พระราชบุตรทลู วา่ “รอยเท้าเหล่านเ้ี ป็นรอยเทา้ หญิงสองคน รอยเทา้ ชายคงจะโตกวา่ น้ี” พระราชาตรสั ว่า “เจา้ ของรอยเทา้ เหล่าน้ีเปน็ หญิงจริงอย่างเจา้ ว่า และน่าประหลาดทีม่ หี ญิงมาเดิน อยู่ในป่า แต่ถ้าจะพูดตามเรื่องในหนังสือ หญิงที่พระราชาพบในป่า มักจะงามกว่าหญิงที่จะหาได้ในกรุง เหมือนดอกไม้ป่าที่งามกว่าดอกไม้ในสวน มาเราจะตามนางทั้งสองนี้ไป ถ้าพบนางงามจริงดังว่า เจ้าจง เลือกเอาเปน็ เมยี คนหนง่ึ ” พระราชบุตรทลู ตอบว่า “รอยเทา้ นางทง้ั สองนี้มีขนาดไม่เท่ากนั แมเ้ ทา้ มขี นาดย่อมทั้งสองนางก็ยัง ใหญ่กว่ากันอยูค่ นหนึ่ง ข้าพเจ้าจะเลือกนางเทา้ เลก็ เป็นภริยาข้าพเจา้ เพราะคงจะเป็นสาวน้อยตามขนาด แหง่ เทา้ ส่วนนางเท้าเข่ืองนน้ั คงจะเป็นสาวใหญ่ ขอพระองค์จงรับไปไว้เป็นราชชายา” ท้าวจันทรเสนตรัสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึ่งกล่าวดังนี้ พระราชมารดาของเจ้าสิ้นพระชนม์ไปไม่กี่วัน เจ้า จะอยากมีแมเ่ ลี้ยงเร็วเท่านีเ้ จียวหรอื ” พระราชบุตรทูลตอบว่า “ขอพระองค์อย่ารับสั่งเช่นนั้น เพราะบ้านของผู้เป็นใหญ่ในครอบครัวนั้น ถ้าไม่มีแม่เรือนก็เป็นบ้านที่ว่าง อนึ่งพระองค์ย่อมจะทรงทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความว่า ใครผูไ้ มใ่ ชค่ นโงไ่ ม่ยอมคนื สู่ซึง่ ไม่มนี างท่ีรักผู้มรี ปู งามคอยรบั รองในขณะท่ีกลบั ถงึ เรอื นนั้น แม้เรียกว่าเรอื นก็มใิ ชอ่ นื่ คอื คุกซึ่งไม่มโี ซ่เท่าน้นั เอง พระองคย์ อ่ มทรงทราบได้ดว้ ยพระองค์เองวา่ ความสขุ แหง่ พ่อบา้ นซ่ึงอยเู่ ดย่ี วน้ันมีไม่ไดใ้ นบ้าน แลมไี ม่ได้นอกบ้าน เพราะไม่มีท่ีหวังว่าจะได้ความสุขเมื่อกลับมา สู่เรือนแหง่ ตน” ทา้ วจนั ทรเสนทรงนิ่งตรองอยู่ครหู่ นึ่ง แล้วตรัสตอบพระราชบุตรว่า “ถา้ นางเทา้ เขื่องมีลักษณะเป็น ท่พี ึงใจ ขา้ ก็จะทำตามคำเจา้ วา่ ” ครั้นกษัตรยิ ์ทัง้ สององค์ทรงกระทำสัญญาแบ่งนางกนั ดงั น้ีแลว้ ก็ทรงชกั ม้าตามรอยเท้านางเข้าไปใน ป่า สักครูห่ นึง่ เหน็ สองนางน่ังพักอยู่ใต้ร่มไม้ กษตั รยิ ส์ ององค์เสด็จลงจากม้าเข้าไปถามทุกข์แห่งนางทั้งสอง นางก็เล่าเรื่องให้ทรงทราบทุกประการ พระราชากับพระราชบุตรก็เชิญนางทั้งสองขึ้นหลังม้าองค์ละองค์ นางพระบาทเขื่อง คอื พระราชธดิ าข้ึนทรงม้ากับท้าวจนั ทรเสน นางพระบาทเล็กคือพระมเหสีขน้ึ ทรงม้ากับ พระราชบุตร สอ่ี งคก์ เ็ สด็จเขา้ กรุง กล่าวสั้น ๆ ท้าวจันทรเสนแลพระราชบุตรก็ทำการวิวาหะทั้งสองพระองค์ แต่กลับคู่กันไป คือพระ ราชบิดาทรงวิวาหะกับพระราชบุตรี พระราชบุตรทรงวิวาหะกับพระมเหสี แลเพราะเหตุที่คาดขนาด เท้าผิด ลูกกลับเป็นเมียพ่อ แม่กลับเป็นเมียลูก ลูกกลับเป็นแม่เลี้ยงของผัวแม่ตัวเอง แลแม่กลับเป็น ลกู สะใภข้ องผัวแหง่ ลูกตน แลต่อมาบุตรแลธิดาก็เกิดจากนางทง้ั สอง แลบุตรแลธดิ าแห่งนางทั้งสองก็มีบุตร แลธดิ าต่อ ๆ กันไป
๑๖ ๒๑ เวตาลเล่ามาเพียงนี้ก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจะตั้งปัญหาทูลถามพระองค์ ว่า ลูกท้าวจันทรเสนที่เกิดจากธิดาท้าวมหาพล แลลูกมเหสีท้าวมหาพลที่เกิดกับพระราชบุตรท้าวจันทร เสนน้นั จะนับญาตกิ นั อย่างไร พระวิกรมาทิตย์ได้ทรงฟังปัญหาเวตาลก็ทรงตรึกตรองเอาเรื่องพ่อกับลูก แม่กับลูกแลพี่กับน้องมา ปนกันยุ่ง แลมิหนำยังซ้ำมีเรื่องแม่เลี้ยงกับแม่ตัว แลลูกสะใภ้กับลูกตัวอีกเล่า พระราชาทรงตีปัญหายังไม่ ทันแตก พอทรงนึกขึ้นได้ว่า การพาเวตาลไปส่งให้แก่โยคีนั้น จะสำเร็จได้ก็ด้วยไม่ทรงตอบปัญหา จึ่งเป็น อนั ทรงนิ่งเพราะจำเป็นแลเพราะสะดวก แลรบี สาวก้าวดำเนนิ เร็วข้ึน ครัน้ เวตาลทูลเย้าให้ตอบปัญหาด้วย วิธกี ล่าววา่ โง่ จะรบั ส่ังอะไรไมไ่ ดก้ ็ทรงกระแอม เวตาลทูลถามว่า “รบั สงั่ ตอบปญั หาแล้วไมใ่ ชห่ รือ” พระราชาไมท่ รงตอบวา่ กระไร เวตาลก็นิง่ อยู่ครหู่ นงึ่ แล้วทลู ถามวา่ “บางทีพระองค์จะโปรดฟังเร่ือง สน้ั ๆ อกี สกั เรือ่ งหนงึ่ กระมงั ” ครั้งน้ีแมแ้ ตก่ ระแอม พระวกิ รมาทิตย์ก็ไม่ทรงกระแอม เวตาลจ่ึงกล่าวอีกคร้ังหน่งึ ว่า “เมื่อพระองค์ ทรงจนปญั ญาถึงเพียงนี้แล้ว บางทพี ระราชบตุ รซึ่งทรงปัญญาเฉลียวฉลาดจะทรงแก้ปัญหาได้บ้างกระมัง” แตพ่ ระธรรมธวัชพระราชบุตรทรงน่งิ สนิททีเดียว (https://vajirayana.org/นทิ านเวตาล/นทิ านเวตาลเรอ่ื งท่ี-๑๐)
๑๗ ๒๒ คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำชอ่ื หัวขอ้ ชื่อรอง หรือประโยคแรกของแตล่ ะย่อหนา้ มาเปล่ียนเป็นคำถาม ตวั อย่างเช่น : \"หน้าท่ีของไขสันหลงั \" กลายเป็น \"ไขสนั หลังมีหนา้ ท่ีอะไร\" คำถามท่ี 1 : .................................................................................................................................................. ................................................................... คำถามท่ี 2 : .............................................................................................................................. .................... ................................................................... คำถามที่ 3 : .............................................................................................................................. .................... ................................................................... คำถามท่ี 4 : .................................................................................................................................................. ................................................................... คำถามท่ี 5 : .................................................................................................................................................. ................................................................... คำถามท่ี 6 :.............................................................................................................................. .................... ................................................................... คำถามท่ี 7 : .................................................................................................................................................. ................................................................... คำถามท่ี 8 : .............................................................................................................................. .................... ................................................................... คำถามที่ 9 : .................................................................................................................................................. ................................................................... คำถามที่ 10 :.............................................................................................................................. .................... ...................................................................
๑๘ ๒๓ แบบทดสอบหลังเรยี นท่ี ๒ เรื่อง การต้งั คำถาม คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนทำเครื่องหมายกากบาท () ลงในช่องคำตอบที่ถูกทส่ี ุดเพียงข้อเดียว ของกระดาษคำตอบ ๑. การตงั้ คำถามเกยี่ วกับหัวข้อที่อา่ น หมายความวา่ อย่างไร ก. การเกดิ คำถามเกยี่ วกบั สิ่งท่ีผอู้ ่านสงสัยอยู่แลว้ เม่ืออ่านแบบสำรวจ หรอื เพิง่ คิดถงึ ระหว่างอา่ นผ่านๆ ข. การเกดิ คำถามเมื่ออ่านจบ ค. การเกิดคำถามเมอ่ื ทำข้อสอบไม่ได้ ง. การเกดิ คำถามเมื่ออา่ นแล้วไม่เข้าใจ ๒. เม่อื ต้องการรู้สถานที่ทีเ่ กี่ยวข้องกับสิ่งทอี่ ่านจะตั้งคำถามอย่างไร ก. เหตกุ ารณน์ ้เี กดิ ขน้ึ ที่ไหน ข. เหตุการณ์นเี้ กิดขนึ้ เพราะอะไร ค. เหตุการณน์ ี้บานปลายหรือไม่ ง. เหตุการณน์ ีเ้ ป็นประโยชน์กับใครบา้ ง ๓. เมอ่ื ตอ้ งการรูก้ รอบแนวคิดหลกั ของสิ่งที่อ่านจะตั้งคำถามวา่ อยา่ งไร ก. เร่ืองนีใ้ ครเปน็ พระเอก ข. เรอ่ื งน้ีมีจดุ จบอย่างไร ค. เรื่องน้ีมแี นวคิดอย่างไร ง. เรื่องน้เี กิดจากอะไร ๔. เมือ่ ตอ้ งการรจู้ ดุ ประสงค์ในการเขียนของผเู้ ขียนจะต้ังคำถามว่าอยา่ งไร ก. ผู้เขียนตอ้ งการบรรยายเก่ียวกับอะไร ข. ผเู้ ขยี นได้ตีพิมพเ์ ร่ืองนี้ที่ไหน ค. ผ้เู ขียนต้องการรายไดจ้ ากเรอ่ื งนใ้ี ชไ่ หม ง. ผูเ้ ขยี นต้องการส่ืออะไร ๕. เมอ่ื ตอ้ งการรูถ้ งึ ประโยชน์ของสิ่งท่ีอา่ นน้ีจะต้ังคำถามอยา่ งไร ก. ความรูเ้ กย่ี วกบั เร่ืองน้สี ามารถเกดิ กบั ใคร ข. ความรู้เก่ยี วกับเรอ่ื งนีส้ ามารถนำไปประยกุ ต์ใชก้ ับสิง่ ใดได้บา้ ง ค. ความร้เู กี่ยวกับเร่ืองนมี้ สี าเหตุมาจากอะไร ง. ความรู้เกี่ยวกบั เร่ืองน้ีมีการคัดลอกมาจากท่ีใด
๑๙ ๒๔ กระดาษคำตอบ แบบทดสอบหลงั เรียนท่ี ๒ เรอื่ ง การต้งั คำถาม คะแนนเต็ม ๕ คะแนน คะแนนที่ได้ ...............................คะแนน
๒๐ ๒๕ แบบทดสอบก่อนเรียนท่ี ๓ เร่อื ง การสำรวจและการต้ังคำถามสิง่ ทอี่ ่าน คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนทำเคร่ืองหมายกากบาท () ลงในช่องคำตอบที่ถูกทสี่ ดุ เพียงข้อเดียว ของกระดาษคำตอบ ๑. การสำรวจบทที่อา่ นหมายความว่าอยา่ งไร ก. การค้นหาท่ีมาของเร่ืองที่อ่าน ข. การคน้ หา คำนำ สารบัญ บทคดั ย่อ คำที่เน้น หรือเน้อื หาครา่ ว ๆ ค. การคน้ หาหลักฐาน เอกสาร อ้างอิงของเรือ่ งทีอ่ ่าน ง. การค้นหาประวตั ผิ เู้ ขยี น ๒. ทำไมต้องอ่านแบบสำรวจ ก. เพอ่ื เห็นถึงกรอบความคดิ และตั้งจดุ มงุ่ หมายในการอา่ น ข. เพอื่ ค้นหาสงิ่ ทต่ี ำราต้องการส่อื ในภาพรวม ค. เพอื่ ให้เกดิ ความเขา้ ใจในส่ิงท่ีตอ้ งการอ่าน ง. ถกู ทกุ ข้อ ๓. การต้งั คำถามเกดิ ขึ้นเวลาใด ก. หลังจากทีไ่ ด้ศึกษาตำราอย่างครา่ ว ๆ ข. ก่อนการอ่านท้ังหมด ค. หลงั จากท่อี า่ นจนเข้าใจทั้งหมดแล้ว ง. ขอ้ ข และ ค ถูกต้อง ๔. คำถามที่ตงั้ ได้มาจากทใี่ ดบา้ ง ก. เป็นคำถามท่ผี ้อู ่านรูส้ ึกข้นึ มาเองหลงั จากการอา่ นแบบคร่าว ๆ ข. คำถามทา้ ยบท ค. ขอ้ ความท่ีเนน้ ตา่ ง ๆ ง. ถกู ทกุ ข้อ ๕. ทำไมการตั้งคำถามจึงเป็นสงิ่ จำเป็นสำหรับการอา่ น ก. เพอื่ ใหผ้ ู้อ่านสามารถทำขอ้ สอบได้ ข. เพอ่ื ให้ผู้อ่าน ได้อ่านโดยมองหาคำตอบเปน็ หลัก ค. เป็นการเตรียมพรอ้ มให้สมองสำหรับการรบั รแู้ ละการเรียนรู้ในการอ่าน ง. ข้อ ข และ ข้อ ค เป็นข้อที่ถกู ต้อง
๒๑ ๒๖ กระดาษคำตอบ แบบทดสอบกอ่ นเรียนท่ี ๓ เร่ือง การสำรวจและการตง้ั คำถามสิง่ ที่อ่าน คะแนนเตม็ ๕ คะแนน คะแนนที่ได้ ...............................คะแนน
๒๒ ๒๗ ใบความร้ทู ี่ ๓ เรอ่ื ง การอ่านแบบสำรวจ และการต้งั คำถาม จดุ ประสงค์การเรยี นการสอน ๑. นกั เรยี นสามารถอา่ นส่ิงที่อ่านน้นั ผา่ นๆ และเหน็ ภาพรวมของเร่ืองที่อ่านได้ ๒. นกั เรียนสามารถต้งั คำถามเกี่ยวกับหวั ข้อท่อี า่ นได้ ๑. การอา่ นแบบสำรวจ (Survey) อา่ นบทนนั้ ผา่ นๆ ก่อน ดูย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย ถา้ เป็นหนังสือทง้ั เลม่ ก็อา่ นคำนำ สารบญั แลว้ พลิกดูแต่ละหัวข้อครา่ วๆ เพื่อทผ่ี ู้อา่ นจะได้เห็นภาพรวมกอ่ นวา่ ผอู้ ่านกำลังจะไดร้ ้เู รื่อง อะไรบา้ ง เร่ืองไหนท่ีผอู้ ่านรูแ้ ล้ว และผอู้ ่านยงั ไม่รู้ เหน็ การเช่ือมโยงของข้อมูล เหน็ รูปภาพหรือแผนภมู ิ ทผี่ เู้ ขยี นใช้ ๒. การตงั้ คำถาม (Question) ต้ังคำถามเกยี่ วกับหัวข้อท่ีอา่ น ซึ่งอาจเป็นสิ่งท่ีผู้อ่านสงสัยอยแู่ ล้วหรอื เพ่ิงคิดถงึ ระหว่างอ่าน ผ่านๆ เช่น - แนวคดิ หลักของบทความนี้คอื อะไร - ผเู้ ขยี นตอ้ งการจะส่ืออะไรจากตวั อยา่ งนี้ - ฉันจะเอาแนวคิดตรงน้ีไปใช้ไดอ้ ย่างไร
๒๓ ๒๘ ใบงานท่ี ๓ เรอื่ ง การอ่านแบบสำรวจ และการตง้ั คำถาม จุดประสงค์การเรยี นการสอน ๑. นักเรียนสามารถอา่ นสงิ่ ท่ีอา่ นนน้ั ผ่านๆ และเหน็ ภาพรวมของเรื่องท่ีอ่านได้ ๒. นักเรียนสามารถต้ังคำถามเก่ียวกับหัวขอ้ ท่อี ่านได้ คำช้แี จง ๑. ใหน้ กั เรยี นอ่านสงิ่ ที่กำหนดให้ แล้วข้อความหลักหรอื ข้อความทแี่ สดงภาพรวมของสงิ่ ที่อา่ น ๒. ให้นกั เรียนนำสิ่งทเ่ี ขียนมาต้ังคำถาม ทำอย่างไรครวั เรือนเกษตรกร จะไดร้ ับการเยยี วยาจากรฐั บาลครบถว้ น ? (ทมี่ า: https://tdri.or.th/2020/04/cash-handouts-for-farmers-2/) รศ.ดร. ยงยทุ ธ แฉลม้ วงษ์ ครัวเรือนเกษตรกรซ่ึงผลิตอาหารเลยี้ งคนไทยมาหลายช่ัวคน ปัจจบุ ันอายุเฉลยี่ ก็มากกวา่ 57 ปแี ลว้ ตามสถติ ขิ องสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) มีอยู่ 5.9 ลา้ นครัวเรอื น ในปี 2561 เกษตรกรเหล่านี้มรี ายได้เพม่ิ ขึ้นทุกปีเฉลยี่ ประมาณร้อยละ 7.6 ต่อปีซ่งึ ดูดมี อี นาคต แต่เมื่อเจาะลึก ลงไปจะพบว่าไม่เป็นความจริง พวกเขามีรายได้เพียง 370,000 บาทต่อครัวเรือน เป็นรายได้จาก การเกษตรจริงๆ เพียงรอ้ ยละ 53 เทา่ นั้น รายได้อีกสว่ นหนึ่งร้อยละ 47 มาจากกิจกรรมที่ไม่ใช่การเกษตร โดยเฉลย่ี ภาพรวมรายจา่ ยยังน้อยกวา่ รายได้ ทำให้เหลอื รายได้สุทธิ 74,483 บาทตอ่ ครวั เรือน และใช้เงิน ส่วนนี้ดูแลสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 3.83 คน คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อครัวเรือนต่อปี 19,447 บาท หรือเฉลี่ยวันละ 53 บาท แต่ละครัวเรือนมีหนี้สูงถึง 212,586 บาทต่อปี ซึ่งเป็นหนี้สินที่ต้องชำระทุกปี จากรายได้ อย่างไรก็ไม่พอใช้หนี้ ที่เกษตรกรอยู่ได้ก็ด้วยการใช้วิธี “ผลัดผ้าขาวม้า” คือหมุนเวียนคืนเงินกู้ เก่าแลว้ กไู้ ปใชจ้ ่ายปตี ่อไปเกษตรตอ้ งเป็นหนกี้ ับ ธ.ก.ส. ไปตลอดชวี ติ ในหลายฤดูการผลติ ชว่ ง 4-5 ปที ่ผี ่านมา เกษตรประสบปญั หาราคาพชื ผลตกต่ำตอ่ เนือ่ ง และปที เ่ี พ่ิง ผ่านมาเกษตรกรต้องประสบภยั แล้งรายได้ไมพ่ อรายจ่าย ไม่พอใช้หนี้และเมือ่ ต้นปกี ็มปี ัญหาการระบาด โค วิด-19 ซึ่งดูเหมือนไม่ได้กระทบการเกษตรโดยตรงแต่เป็นที่ทราบกันว่ารายได้บางส่วนที่จุนเจือครอบครัว เกษตรกรนั้นเป็นรายได้ที่ครอบครัวช่วยกันหามาจากรายได้นอกการเกษตร หรือเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ ครอบครวั
๒๔ ๒๙ เมอ่ื ธรุ กรรมทางเศรษฐกิจหยดุ ชะงกั ลง และรัฐใช้หลายมาตรการ เชน่ ใช้ พ.ร.ก. การบรหิ ารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ห้ามบุคคลออกนอกบ้านบางช่วงเวลา ให้ประชาชนอยู่กับบ้าน สถาน ประกอบการทส่ี ุ่มเส่ยี งต่อคนมาชุมนุมจำนวนมากต้องปดิ ตัวลง (shut down) ห้ามเคลอ่ื นย้ายไปจังหวัดอ่ืน โดยไม่จำเป็น หลายจังหวัด lock down ตัวเอง ประชาชนต้องอยู่ห่างกันในลักษณะ social distancing ปิดสนามบินและ/หรือจำกัดเที่ยวบินเพ่ือไม่ใหผ้ โู้ ดยสารเปน็ พาหะในการนำโรคจากภายนอกเข้ามาเพิ่มเติม ในประเทศ และอีกหลายมาตรการที่รัฐนำมาใช้เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ โควิด-19 แพร่กระจายไปยังประชากร จำนวนมากและต้องการให้มาตรการดา้ นการแพทย์และสาธารณสุขมปี ระสิทธภิ าพท่สี ดุ ในการหยุดยั้งโรคท่ี ยังไมม่ ียารกั ษาโดยตรงและยังไม่มวี ัคซีนป้องกัน จึงไมส่ ามารถคาดเดาได้ว่าเหตุการระบาดของโควดิ -19 น้ี จะหยดุ ลงเมื่อไร จากประสบการณ์ของประเทศที่เป็นจดุ เริม่ ของการแพร่ระบาด คือ จีนนั้นสถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดย ใช้เวลาเกือบสามเดือนที่ทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดนิ่งเกือบหมดและก็อยู่ในช่วงเฝ้าระวังซึ่งก็ไม่รู้ว่า เมอ่ื ไรประชาชนจะสามารถกลับมาใชช้ วี ติ ไดต้ ามปรกติซึ่งประเทศไทยกค็ งประสบปญั หาไม่ต่างกัน ด้วยเหตุผลต่างๆนานาที่กล่าวมา รัฐบาลก็เล็งเหน็ ว่าหลายอาชพี ต้องถูกกระทบจากการใชม้ าตรการ ท่ีเขม้ งวดของรฐั จึงได้จัดสรรงบประมาณหลายแสนล้านเพ่ือเยยี วยาประชากรกลมุ่ ตา่ งๆทีต่ ้องเดือดร้อนจาก มาตรการดงั กล่าวโดยกำหนดเง่ือนไขใหผ้ ู้ทเี่ ดือดร้อนหรอื คิดวา่ ตัวเองเดือดร้อนได้ทำการลงทะเบียน เราไม่ ทงิ้ กนั เพือ่ ขอรบั สิทธิ ปจั จบุ ันมีผู้แจง้ ขอรับความชว่ ยเหลือจากรฐั มากกว่า 27 ลา้ นคนบางกลมุ่ ทร่ี ัฐบาลได้คัดกรองแล้วว่า เดือดร้อนมากที่สุดก่อนและได้เริ่มทยอยจ่ายเยียวยารอบแรกคนละ 5,000 บาทคนละ 3 เดือน การ เยียวยาส่วนนี้รัฐบาลได้เตรียมเงินไว้ถึง 1.0 ล้านล้านบาทหรือประมาณร้อยละ 5.3 ของจีดีพี ซึ่งรัฐคงไม่ สามารถจะชว่ ยเหลือได้ทุกคนจึงต้องมีการคดั กรองเพื่อใหร้ ัฐสามารถจ่ายเงินให้กับผู้เดือดร้อนจริงๆและอยู่ ในกรอบงบประมาณทรี่ ัฐสามารถหามาได้ ซ่งึ ยอมรับวา่ ไม่ใช่เร่อื งงา่ ยโดยเฉพาะข้อมูลทใี่ ชค้ ัดกรอง เกษตรกรซง่ึ เปน็ อาชีพกลุ่มใหญ่ของประเทศก็เป็นกล่มุ ทีร่ ัฐต้องการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเช่นกัน ซ่งึ เปน็ เร่ืองที่ดีแต่ตวั เลขครวั เรือนเกษตรกรยังไมน่ ิ่งจากตัวเลขของ สศก. จำนวนครัวเรอื นเกษตร 5.9 ล้าน ครัวเรือนโดยมีตัวเลขลูกค้า ธ.ก.ส. ประมาณ 6 ล้านคนและเมื่อรวมสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและกลุ่ม อื่นๆรวมแล้วก็ได้จำนวน 9 ล้านราย ซึ่งทุกหน่วยงานที่มีรายชื่อเกษตรกรเหล่านี้อยู่ก็สามารถโอนเงินให้ เกษตรกรได้ทันทีที่รฐั มเี งนิ
๒๕ ๓๐ อยา่ งไรกต็ ามผู้เขียนลองใช้ข้อมลู จากฐานอ่ืน คือ ของสำนกั งานสถิติแห่งชาติ จากชุดการสำรวจการ มีงานทำของประชากร ไตรมาส 3 ปี 2562 โดยการคัดกรองครัวเรือนที่มีคนทำการเกษตร 1 คนพบว่ามี ครัวเรือนลักษณะนี้ถึง 18.83 ล้านครัวเรือน โดยสามารถจัดแบ่งแรงงานกลุ่มนี้ออกเป็น 7 กลุ่ม (1) ทำ การเกษตรอยา่ งเดียว 11.81 ลา้ นคนเป็นกลมุ่ ใหญท่ สี่ ุด (2) กล่มุ สมาชิกเปน็ พนักงานบรกิ าร พนกั งานขาย พนักงานการตลาด ค้าขาย online ประมาณ 1.94 ล้านคน (3) กลุ่มสมาชิกทำอาชพี พื้นฐาน เช่น รับจ้าง การเกษตร รับจ้างทั่วไป เป็นต้น ประมาณ 1.76 ล้านคน (4) กลุ่มสมาชิกทำธุรกิจที่ต้องใช้ทักษะสูง ประมาณ 1.17 ล้านคน (5) กลุ่มสมาชิกเป็นช่างเทคนิคงานวิชาชีพชั้นสูง เช่น เป็นข้าราชการหน่วยงาน ต่างๆ ประมาณ 1.08 ล้านคน (6) กลุ่มสมาชิกลูกจ้างแรงงาน ประมาณ 0.72 ล้านคน และ (7) กลุ่ม สมาชกิ ทีท่ ำงานเป็นเสมียน ประมาณ 0.35 ล้านคน ถ้าจะทำการคัดกรองอกี ช้ันเพื่อให้ได้คนทีเ่ ดือดร้อนและเกีย่ วข้องกับภาคการเกษตรก็จะพบว่า กลุ่ม สมาชิก 2-7 โดยไม่รวมกลุ่มท่ี 3 มีรวมกัน 4.18 ลา้ นคนก็จะเหลือครวั เรือนในกลุ่มทำการเกษตร กลุ่ม 1 และ กลุ่ม 3 จำนวน 13.57 ล้านคน ซึ่งจำนวนที่นำเสนอนี้ถ้าเทียบเพียงกลุ่มที่ 1 จำนวน 11.81 ล้าน คนกม็ ากกวา่ ท่ี ธ.ก.ส. เคยเสนอไว้ 9 ล้านคนซึง่ ถา้ จะยึดถือจำนวนนี้ก็คงมีเกษตรกรอีกหลายล้านคนท่ีต้อง ผิดหวังและตอ้ งอย่อู ยา่ งยากลำบากในช่วงการระบาดโควิด-19 ยงั ไม่หยุดระบาด การช่วยเหลอื เกษตรกรและครัวเรือนเกษตรกรดังได้แสดงสถิติไปแลว้ ไม่ใช่เร่ืองง่ายท่ีจะหาครัวเรือน ทีส่ มาชกิ ทุกคนทำการเกษตร ดังน้ันรฐั บาลจะใช้วิธีการคัดกรองอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้หายแคลงใจได้ว่า การช่วยเหลือครัวเรือนเกษตรกรผิดพลาดหรือคลาดเคล่ือน ทางออกก็คือ ให้ดูที่หัวหน้าครัวเรือนเป็นหลัก เช่น มีครัวเรือนเกษตร 5.9 ล้านรายหรือถ้าดูจาก เงือ่ นไขทีผ่ ูเ้ ขยี นลองคัดกรองดจู ากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ครัวเรือนมเี กษตรกรหนึ่งคนมีถึง 11.81 ล้านคนก็ให้ ธ.ก.ส.ซึ่งมีทะเบียนเกษตรกรอยู่แล้ว โอนเงินให้ได้เลย และถ้าใจดีหน่อยก็ให้บวกภรรยาและ หรือสามีด้วยอีกหนึ่งคน (ซึ่งบางคนก็อาจจะเป็นหม้าย) รวมแล้วก็อาจจะเป็น 9 ล้านคนตามที่รัฐมีข้อมูล เบื้องต้นอยู่แล้วก็ได้อย่าไปคิดมากเรื่องครัวเรือนเกษตรร่ำรวยหรือครัวเรือนเกษตรยากจนเป็นการพิสูจน์ ยาก แตส่ ำหรับเกษตรกรท่ีตกหล่นเพราะเปน็ เกษตรกรที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ธ.ก.ส.กใ็ หผ้ ้ใู หญ่บ้านช่วยสำรวจ ครัวเรือนที่เหลือจ่ายเงินใหอ้ ีกรอบก็ยังไม่สายเกินไปเพราะถา้ เงือ้ ง่าราคาแพง เกษตรกรบางคนก็อาจจะอด ตายไปเสยี กอ่ นทจ่ี ะไดร้ ับเงินช่วยเหลือ
๒๖ ๓๑ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................. ....................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
๒๗ ๓๒ แบบทดสอบหลังเรยี นท่ี ๓ เรอื่ ง การสำรวจและการตง้ั คำถามสิง่ ทอี่ ่าน คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท () ลงในช่องคำตอบที่ถูกทสี่ ดุ เพียงข้อเดียว ของกระดาษคำตอบ ๑. การสำรวจบทที่อา่ นหมายความว่าอยา่ งไร ก. การคน้ หาที่มาของเรื่องที่อ่าน ข. การค้นหา คำนำ สารบญั บทคดั ย่อ คำท่ีเน้น หรือเน้ือหาครา่ ว ๆ ค. การค้นหาหลักฐาน เอกสาร อา้ งอิงของเรอ่ื งท่ีอ่าน ง. การคน้ หาประวัตผิ เู้ ขียน ๒. ทำไมต้องอา่ นแบบสำรวจ ก. เพื่อเห็นถึงกรอบความคิด และตงั้ จดุ มุง่ หมายในการอา่ น ข. เพ่ือคน้ หาสง่ิ ท่ีตำราต้องการส่อื ในภาพรวม ค. เพ่อื ให้เกิดความเข้าใจในส่ิงท่ีตอ้ งการอ่าน ง. ถูกทกุ ข้อ ๓. การต้งั คำถามเกิดขน้ึ เวลาใด ก. หลังจากทไ่ี ด้ศกึ ษาตำราอย่างครา่ ว ๆ ข. ก่อนการอา่ นท้ังหมด ค. หลังจากทอี่ า่ นจนเข้าใจท้ังหมดแล้ว ง. ข้อ ข และ ค ถูกต้อง ๔. คำถามทต่ี ัง้ ไดม้ าจากทีใ่ ดบา้ ง ก. เปน็ คำถามทผ่ี ูอ้ า่ นรสู้ ึกข้นึ มาเองหลงั จากการอ่านแบบครา่ ว ๆ ข. คำถามทา้ ยบท ค. ข้อความท่ีเน้นตา่ ง ๆ ง. ถกู ทุกข้อ ๕. ทำไมการตัง้ คำถามจึงเป็นสิง่ จำเป็นสำหรับการอา่ น ก. เพือ่ ให้ผู้อา่ นสามารถทำขอ้ สอบได้ ข. เพ่อื ใหผ้ ู้อา่ น ได้อ่านโดยมองหาคำตอบเป็นหลัก ค. เปน็ การเตรยี มพรอ้ มให้สมองสำหรับการรับรแู้ ละการเรียนรู้ในการอ่าน ง. ข้อ ข และ ข้อ ค เปน็ ข้อที่ถกู ต้อง
๒๘ ๓๓ กระดาษคำตอบ แบบทดสอบหลังเรยี นที่ ๓ เร่ือง การสำรวจและการตัง้ คำถามส่งิ ที่อ่าน คะแนนเตม็ ๕ คะแนน คะแนนท่ไี ด้ ...............................คะแนน
๒๙ ๓๔ แบบทดสอบหลังเรียนแบบฝกึ ที่ ๒ เร่อื ง การอา่ นแบบสำรวจและการต้ังคำถาม คำช้ีแจง ๑. ใหน้ กั เรยี นอ่านสง่ิ ที่กำหนดให้ แล้วข้อความหลักหรอื ข้อความทแี่ สดงภาพรวมของส่ิงทอี่ า่ น คะแนนเต็ม ๕ คะแนน ๒. ให้นกั เรยี นนำส่งิ ท่ีเขียนมาต้ังคำถาม คะแนนเตม็ ๕ คะแนน ๓. คะแนนเต็มรวมทั้งหมด ๑๐ คะแนน ชีวติ คิดบวก สู้โควดิ (ท่ีมา : https://www.nsf.or.th/node/798) จากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดเช้ือไวรสั โควดิ -19 ทีเ่ กิดข้ึน สง่ ผลกระทบหลายด้าน ท้งั ดา้ นจติ ใจ สังคม เศรษฐกิจ เรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องปากท้องและเงินทอง แต่อยากให้ทุกคนลองมองว่าในทุก เหตกุ ารณท์ ีเ่ รามองวา่ เปน็ วิกฤติ “ยอ่ มมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ” เรามาลองเปลยี่ นมุมมองกบั สถานการณ์การ แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้กันดีกว่า เพราะอาจจะทำให้เรามีพลังใจสู้กับวิกฤตการณ์ครั้งนี้ และ เป็นจดุ เปล่ียนเพ่ือให้เราไดป้ รับทัศนคติในมุมใหม่ เขา้ ใจโลกปัจจบุ ันมากขึน้ รวมถงึ เพ่ือเตรียมตัวต้ังรับเม่ือ สถานการณเ์ ชน่ นีก้ ลบั มาใหม่อีกครงั้ พัฒนาแนวทางการทำงานที่ดีกว่า มเี วลาพัฒนาศักยภาพตัวเอง จากสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นน้ี เราอาจใชเ้ วลาทบทวนแนวทางการทำงานของตัวเอง ด้วยการ เพิม่ ศักยภาพในการใชเ้ ทคโนโลยี ยุค 5G ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพสงู สุด การนำนวัตกรรมตา่ งๆ อาทิ แอปพลิเค ชนั แพลตฟอร์มต่างๆ เขา้ มาช่วยอำนวยความสะดวกและเพ่ิมประสิทธภิ าพในการทำงานใหม้ ากข้ึน รวมถึง การใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ด้วยการใฝห่ าความรูเ้ พม่ิ เตมิ เชน่ การลงเรียนออนไลน์ตามความสนใจและ ความชอบของตัวเอง เพิม่ ประสบการณ์ให้มากขึ้น และสามารถเพ่ิมเปน็ ชอ่ งทางการหารายได้เสรมิ ได้ ปรับวถิ ีชีวิตใหม/่ มีเวลาให้ตัวเองมากข้นึ ในสถานการณเ์ ช่นนี้ ทำให้เรามีโอกาสใส่ใจ ดูแลตัวเองมากข้นึ ท้งั ทางดา้ นสขุ ภาพกาย และจติ ใจ ใช้เวลาออกกำลังกาย หรือหางานอดิเรกต่าง ๆ ทำ เช่น การอา่ นหนงั สอื ดูหนัง ฟงั เพลง เป็นตน้ เพื่อรักษา สุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรงอยูเ่ สมอ รวมถึงสังเกตตัวเองวา่ มีอาการปว่ ยหรือไม่ หากมีควรรบี พบแพทย์โดย ดว่ นเพื่อลดการแพร่ระบาดเช้อื ไวรัสโควิด- 19 รวมถงึ ภาวะเครยี ด ซมึ เศร้าทีอ่ าจจะแฝงมาโดยท่ี เราไมร่ ู้ตวั
๓๐ ๓๕ รจู้ ักการวางแผนทางการเงิน เราทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเรา ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดเช้ือ ไวรัสโควิด- 19 ทำให้หลายคนขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากเกดิ ข้อจำกัดในเร่ืองของรายได้ ฉะน้ัน เราควร มกี ารวางแผนในการใช้จา่ ยเงนิ ควรวเิ คราะหค์ า่ ใช้จ่ายแตล่ ะประเภทใหช้ ัดเจน อาทิ • ค่าใช้จ่ายท่จี ำเป็น เช่น คา่ อาหาร ค่านำ้ ค่าไฟ คา่ ผ่อนบา้ น ค่าผอ่ นรถ เปน็ ต้น • คา่ ใชจ้ ่ายยามฉกุ เฉนิ เชน่ ค่ายา คา่ ซ่อมบำรุงต่างๆ เป็นต้น ตัดค่าใชจ้ ่ายท่ีไมจ่ ำเปน็ และฟุ่มเฟือยออก รวมถงึ ชะลอการสร้างหนี้ใหม่เพื่อลดภาระการใช้จ่ายที่ จะเพิ่มขึ้น และหากเราเริม่ เก็บออมเงนิ วันละเลก็ น้อยเพือ่ อนาคต และเตรียมตัวสำหรบั สถานการณ์ฉุกเฉนิ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเทคนิคการออมแต่ละคนก็ขึ้นกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป เช่น การหยอด กระปุก ฝากประจำธนาคาร ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์ การซื้อสินทรพั ยเ์ พ่ือเก็งกำไร การนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม เช่น RMF SSF รวมถึงการออมเงินกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซงึ่ เหมาะกับคนทม่ี อี าชีพอสิ ระ ไม่มีรายได้ประจำ เพื่อแก่ตวั ไปจะไดม้ เี งินออมใช้ในวยั เกษียณ กระชับความสมั พนั ธ์ในครอบครวั ใหอ้ บอุ่น จากวิกฤตการณ์ครง้ั น้ี ทำใหเ้ ราเกดิ ความตระหนกั ถึงการป้องกันตวั เองและคนทเ่ี รารกั ให้ห่างไกล จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัวดีข้ึน เพราะไดใ้ ชเ้ วลาอยู่ด้วยกันที่บา้ น รวมถึงไดแ้ สดงออกถงึ ความรกั ห่วงใย ใส่ใจกันมากข้นึ …ลองเปลีย่ นมุมมองเชิงบวกกันเถอะค่ะ…
๓๑ ๓๖ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................. ...................................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................ ............................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................. ....................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................... .................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................... ............. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ........ ........................................................................................................................................................................
๓๒ ๓๗ บรรณานุกรม กรมวชิ าการ. (๒๕๕๑). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรสุ ภาลาดพร้าว. กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๒). คูม่ อื การเรยี นการสอนภาษาไทย คิดและเขยี นเชงิ สร้างสรรค์: เรียงความ ย่อความและสรุปความ ช่วงชั้นท่ี ๒ - ๔. พิมพ์ครัง้ ที่ ๒. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ องค์การคา้ . กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๑). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. https://drive.google.com/file/d/๑mKyU๖tkVWlL๕b๖vfwHNEzqkcqVXf_H-m/view
๓๘ ภาคผนวก แนะแนวการตอบและเฉลยแบบทดสอบ
๓๔ ๓๙ แนะแนวคำตอบใบงานท่ี ๑ การอา่ นแบบสำรวจ - เมือ่ โลกลอ็ กดาวนธ์ รรมชาตกิ ฟ็ ื้นคืน - พพี ที วี ี นวิ มีเดีย คัดเลือก 36 ขา่ วแห่งปี 2563 : การแพรร่ ะบาดของโควิด-19 - ธรรมชาตกิ ลบั มาฟนื้ ตัวอีกครั้งในช่วงล็อกดาวน์ - เพือ่ เปน็ การปอ้ งกนั การแพร่ระบาดโควิด -19 สำหรับประเทศไทย กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและ ส่งิ แวดลอ้ มได้ประกาศปิดพื้นทีแ่ หลง่ ทอ่ งเท่ียวในสังกดั ของกระทรวงฯ - การนำแนวคิด Green Tourism และ Building Back Better มาใชใ้ นการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ หลงั เหตุการณ์โควิด-19 จงึ เปน็ อีกทางเลือกหนึง่ แนะแนวคำตอบใบงานที่ ๒ การตง้ั คำถาม ๑. นิทานเรื่องน้คี ือนิทานอะไร ๒. เวตาลเปน็ ใคร ๓. พระวกิ รมาทิตย์เปน็ ใคร ๔. ทา้ วมหาพลคอื ใคร ๕. เกดิ อะไรข้ึนที่กรงุ ธรรมปุระ ๖. พระราชาของกรุงธรรมปุระนำพระมเหสีและพระราชธิดาหนีไปถงึ ที่ใด ๗. พวกภลิ ล์คอื พวกใด อาศัยอย่ทู ่ใี ด ๘. ทา้ วจนั ทเสนกับพระราชบุตรเสดจ็ ไปท่ใี ด ๙. รอยเทา้ ของคนบอกอะไร ๑๐. ทำไมพระวิกรมาทติ ยแ์ ละพระธรรมธวัชจงึ ไม่ตอบคำถามของเวลา แนะแนวคำตอบใบงานที่ ๓ การอา่ นแบบสำรวจและการตั้งคำถาม ๑. การอา่ นแบบสำรวจ - ทำอย่างไรครวั เรอื นเกษตรกร จะไดร้ บั การเยยี วยาจากรฐั บาลครบถ้วน ? - ทมี่ า: https://tdri.or.th/2020/04/cash-handouts-for-farmers-2/ - รศ.ดร. ยงยทุ ธ แฉล้มวงษ์ - ครัวเรอื นเกษตรกร - เกษตรกรเหล่าน้มี ีรายไดเ้ พ่ิมขึ้นทุกปีเฉลี่ยประมาณร้อยละ 7.6 ตอ่ ปซี งึ่ ดูดมี ีอนาคต แตเ่ มอื่ เจาะลกึ ลงไปจะพบว่าไม่เปน็ ความจริง - ปญั หาการระบาด โควิด-19 ไม่ได้กระทบการเกษตรโดยตรง - ไม่สามารถคาดเดาไดว้ ่าเหตุการระบาดของโควดิ -19 น้ีจะหยดุ ลงเม่ือไร - จากประสบการณ์ของประเทศที่เปน็ จดุ เริ่มของการแพรร่ ะบาด ใช้เวลาจดั การเป็นเวลาเท่าใด - การลงทะเบียน เราไมท่ ิ้งกันเพอื่ ขอรบั สทิ ธิ
๓๕ ๔๐ - เกษตรกรซ่งึ เปน็ อาชีพกล่มุ ใหญข่ องประเทศกเ็ ปน็ กลุ่มท่รี ัฐตอ้ งการให้ความชว่ ยเหลือเยียวยา - ขอ้ มลู จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากชุดการสำรวจการมีงานทำของประชากร - การคัดกรองอีกชนั้ เพ่ือให้ได้คนที่เดือดร้อนและเกี่ยวขอ้ งกับภาคการเกษตร - การช่วยเหลอื เกษตรกรและครัวเรือนเกษตรกรดังไดแ้ สดงสถติ ิไปแล้วไม่ใชเ่ รอ่ื งงา่ ย - ทางออกก็คอื ให้ดูที่หวั หนา้ ครัวเรือนเปน็ หลัก ๒. การต้ังคำถาม - ช่ือบทความเก่ยี วกับอะไร - ใครเป็นคนเขยี นบทความ - ทำไมข้อมูลท่เี กษตรกรเหลา่ นี้มรี ายไดเ้ พิม่ ข้ึนทุกปีจึงไม่เป็นความจริง - ปญั หาการระบาด โควดิ -19 มีผลกระทบการเกษตรโดยตรงหรือไม่ - ทำไมไมส่ ามารถคาดเดาไดว้ ่าเหตกุ ารระบาดของโควิด-19 นีจ้ ะหยุดลงเมอ่ื ไร - ประเทศท่เี ปน็ จุดเริ่มของการแพร่ระบาด ใช้เวลาในการจัดการเปน็ เวลาเท่าใด - การลงทะเบยี นเราไม่ท้ิงกันเพื่อขอรับสิทธเิ ก่ียวกบั อะไร - เกษตรกรซ่งึ เปน็ อาชีพกล่มุ ใหญข่ องประเทศก็เป็นกลมุ่ ทร่ี ัฐต้องการให้ความชว่ ยเหลือเยียวยาใช่ หรอื ไม่ - ขอ้ มูลการมีงานทำของประชากรได้มาจากที่ใด - รัฐบาลมวี ธิ ีการใดการคัดกรองเพ่ือให้ได้คนท่เี ดือดรอ้ นและเกยี่ วข้องกับภาคการเกษตร - การช่วยเหลือเกษตรกรและครวั เรือนเกษตรกรมปี ัญหาอยา่ งไร และวิธีการใดคือทางออก เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลังเรียนท่ี ๑ เรือ่ ง การอา่ นแบบสำรวจ ๑. ข ๒. ก ๓. ค ๔. ง ๕. ง เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลังเรียนท่ี ๒ เรอ่ื ง การตั้งคำถาม ๑. ก ๒. ก ๓. ค ๔. ง ๕. ข เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลังเรียนท่ี ๓ เรอื่ ง การอา่ นแบบสำรวจและการต้ังคำถาม ๑. ข ๒. ง ๓. ก ๔. ง ๕. ง
๓๖ ๔๑ แนวการตอบแบบทดสอบทา้ ยแบบฝึกเสริมทกั ษะการเขยี นยอ่ ความท่ี ๒ ๑. การอา่ นแบบสำรวจ - ชวี ิตคิดบวก สโู้ ควิด - ทม่ี า : https://www.nsf.or.th/node/798) - ในทุกเหตกุ ารณท์ ่เี รามองว่าเป็นวกิ ฤติ “ย่อมมโี อกาสซ่อนอยูเ่ สมอ” - พฒั นาแนวทางการทำงานท่ีดกี ว่า มเี วลาพฒั นาศักยภาพตัวเอง - ปรบั วิถีชวี ิตใหม่/มเี วลาให้ตัวเองมากขึ้น - รู้จกั การวางแผนทางการเงนิ - กระชับความสมั พันธ์ในครอบครวั ให้อบอนุ่ ๒. การตงั้ คำถาม - การคิดบวกอย่างไรถึงจะส้โู ควิดได้ - บทความนี้คัดลอกมาจากที่ไหน - ในทุกเหตุการณ์ท่ีเรามองวา่ เปน็ วิกฤติ “ย่อมมโี อกาสซ่อนอย่เู สมอ” จรงิ ไหม - ในช่วงโควดิ จะใช้เวลาพฒั นาแนวทางการทำงานท่ีดีกว่าอย่างไร - ในชว่ งโควิดจะปรบั วถิ ชี วี ิตใหม่อย่างไร - จะวางแผนทางการเงนิ อยา่ งไรใหผ้ า่ นวกิ ฤติโควิดได้ - กระชบั ความสมั พนั ธใ์ นครอบครวั ให้อบอุ่นอย่างไรในชว่ งโควิด
๓๗ ๔๒ ประวตั ผิ วู้ ิจัย ชอ่ื นางสาวนฤมล ศริ ธิ ีรกุล วนั เดือน ปเี กิด 5 เมษายน 2522 สถานทอี่ ยู่ปัจจุบนั 222/46 ตำบลเมอื งเก่า อำเภอเมือง จงั หวัดขอนแก่น โทร. 081-5548687 ภูมิลำเนา 584/15 ถนนหน้าเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จงั หวัดขอนแกน่ ตำแหนง่ ปัจจบุ นั ครูชำนาญการพเิ ศษ สถานทท่ี ำงาน โรงเรียนเทศบาลวดั กลาง สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแกน่ จงั หวัดขอนแก่น ประวตั กิ ารศกึ ษา ประถมศกึ ษา โรงเรยี นเทศบาลสวนสนกุ พ.ศ. 2534 มธั ยมศกึ ษา โรงเรยี นกัลยาณวตั ร พ.ศ. 2540 ปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต พ.ศ. 2545 ปริญญาโท ศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑิต พ.ศ. 2555 ประวตั ิการทำงาน ครผู ู้ช่วยโรงเรยี นเทศบาลวดั กลาง พ.ศ. 2548 ครู (คศ.1) โรงเรียนเทศบาลวดั กลาง พ.ศ. 2553 ครูชำนาญการโรงเรยี นเทศบาลวดั กลาง พ.ศ. 2556 ครชู ำนาญการพิเศษโรงเรียนเทศบาลวดั กลาง พ.ศ. 2560
๔๓
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: