1 บทที่ 1 วิวฒั นาการของระบบเครอ่ื งทาํ ความเยน็ เทคโนโลยขี องโลกยุคปจจุบนั ไดส รางสรรส่ิงอํานวยความสะดวกใหม นษุ ยย างมากมาย สง่ิ หนงึ่ ท่ีมนุษยจํานวนมากยอมรับเขา มาใหม บี ทบาทและเปน สวนหนึ่งในการดํารงชีวิต ไดแ ก เคร่อื งทําความเยน็ และเคร่ืองปรับอากาศ เชน ใชตเู ย็นและตูแชเ ยน็ เพ่อื การถนอมอาหารไมใ หบดู เนาเสยี เร็ว ใหอ าหารสดคงสภาพไดนาน ใชแชเ ย็นเคร่อื งด่มื เพื่อรักษาคณุ ภาพรสชาดอาหาร มีการใชเครอื่ งปรับอากาศเพื่อปรับอุณหภูมิแวดลอมใหพ อเหมาะตอ การอยูอาศัยท้ังในบา นเรอื น สถานประกอบการ สํานกั งาน รานคา โรงงานอุตสาหกรรมโรงพยาบาล รวมไปถงึ ยานพาหนะ ทงั้ นก้ี ็เพื่อสนองตอบตอ ความตอ งการความสะดวกสบายของมนุษยใ หอยูและทาํ งานอยางมคี วามสขุ ภายใตสภาพแวดลอมทีด่ ีและอณุ หภูมิทีเ่ หมาะสมนั่นเอง1.1 คุณประโยชนข องเครอ่ื งทาํ ความเยน็ เคร่อื งทําความเยน็ และเครอ่ื งปรับอากาศถูกนําไปประยุกตใ ชใ นงานตางๆ อยางกวางขวาง เชน ดา นการอยูอาศัย เชน ใชตูเย็นแชถ นอมอาหารในเกอื บทกุ ครวั เรอื น ใชเครื่องปรับอากาศในอาคารบานเรอื น คอนโดมิเนยี ม หอ งพัก โรงแรม เปนตน ดานการขนสง เชนใชในยานพาหนะ ในรถยนต รถไฟ รถไฟฟา เรอื เคร่ืองบิน ในสถานีขนสง ทาอากาศยาน การขนสงอาหารสดและอาหารแชแข็ง เปน ตน ดา นการอตุ สาหกรรม เชน ใชควบคมุ อณุ หภูมใิ นกระบวนการผลติ การแชเยน็ เพ่อื คงสภาพวัตถุดิบอุตสาหกรรมหอ งเยน็ การผลิตนํา้ แข็งและไอศครีม เปน ตน ดานการแพทยและวิทยาศาสตร เชนการปรับอากาศหอ งผาตัดคนไข ปรับอากาศหอ งปฏิบัติการตา งๆการแชเยน็ สารเคมีและตวั ยาตา งๆ การแชแข็งนาํ้ เช้อื หรือหยุดการเตบิ โตของเซลและแบคทีเรีย เปน ตน ดา นการเกษตร เชน การปลูกพชื หรือเลย้ี งสัตวบ างชนดิ ตองปรับสภาพอุณหภมู ใิ หเหมาะสม การเก็บหรอื ยดื อายผุ ลผลติ ทางการเกษตร การเก็บรักษาพนั ธุพืช การแชแข็งน้ําเชอื้ เพอื่ การผสมเทียม เปนตน ดานการคาและธรุ กจิ เชนการปรับอากาศในสํานักงาน ศนู ยก ารคา ธนาคาร สถานบันเทิง การเกบ็และโชวส ินคา อาหารสดตา งๆ ตามมินมิ ารตและซูเปอรม ารเ กต็ เปนตน จึงเหน็ ไดว า เมือ่ เครื่องทําความเย็นและเครือ่ งปรับอากาศถูกใชงานอยูอยางมากมาย ทกุ หนทุกแหงในชีวิตมนุษยป จจบุ นั จะตอ งมีสวนเกย่ี วขอ ง การดาํ เนินธุรกิจและอุตสาหกรรมการผลติ การจําหนายและการบริการระบบเครอ่ื งทําความเยน็ จึงมกี ารขยายตัวและมีความตอ งการชา งผูมีความรคู วามชาํ นาญ เพื่อใหบ รกิ ารตดิ ต้งั บํารุงรกั ษา และซอ มแซมเมื่อเครือ่ งชาํ รดุ ดงั นั้นการศกึ ษาทางดา นระบบการทาํ ความเยน็ และเคร่ืองปรบั อากาศใหร ูจรงิ ปฏิบัตไิ ดจริง จะเปนอีกทางเลือกหนึ่งของอาชีพท่มี อี นาคต เครื่องทาํ ความเย็นและเครื่องปรบั อากาศ 1 โดย รศ.บญุ ชัด เนติศักดิ์ คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั ลําปาง 2551
21.2 ประวตั แิ ละวิวัฒนาการของเครอ่ื งทาํ ความเย็น ชาวจีนเปน ชนชาตแิ รก ท่รี จู กั การเก็บรักษาน้าํ แขง็ จากธรรมชาตเิ พ่อื การทาํ ความเยน็ เปน เวลานับพันปมาแลว ชาวฮบิ รสู ชาวกรีก และชาวโรมนั รจู ักการนําหิมะจาํ นวนมากฝงไวในหลุมแลวคลุมดว ยฉนวน เปนการเกบ็ หิมะไวเพอื่ ใชห ิมะที่เก็บไวม าผสมทําเปน เคร่ืองดม่ื เยน็ ชาวอียิปตโ บราณรจู ักการทําความเย็นโดยการใชนํา้ สะอาดใสไ วในหมอ ดนิ แลว นาํ ไปวางไวบ นหลังคาบา นตลอดทั้งคนื เพอื่ ใหนาํ้ ไดรับความเยน็ แลวจงึ นาํ นาํ้น้ันมาใชด ่ืมในตอนกลางวนั ทก่ี ลา วมานี้เปน ภมู ิปญญาการทาํ ความเย็นจากธรรมชาตขิ องคนในยคุ โบราณ เมอื่วิทยาศาสตรเ จรญิ ขึน้ จงึ มีการประดิษฐค ดิ คน การทาํ น้ําแขง็ ขึ้นใช ดงั มีประวตั ิพอสังเขปดังนี้ คําวา “การทําความเย็น” (to refrigerate) ไดรบั การบันทึกไวในป พ.ศ. 2093 (ค.ศ. 1550) หมายถงึการใชส ารเคมี เชน โซเดยี มไนเตรตหรอื โปแตซเซียมไนเตรตใสลงในนา้ํ แลวเปนผลใหอณุ หภมู ิของนํา้ ลดตํา่ ลง พ.ศ. 2143 ในสงั คมของชาวฝร่งั เศสมีแฟชัน่ การดื่มเครอ่ื งดมื่ เยน็ โดยการจบั คอขวดเครอ่ื งด่ืมแชและหมนุ ขวดในถังนา้ํ เย็น ท่ีใสเกลอื โซเดยี มไนเตรต (saltpeter) จะไดเ ครอื่ งด่มื ทเ่ี ย็นจดั ซงึ่ วิธีนี้จะถูกนาํ มาใชทาํน้าํ แข็งและนา้ํ ผลไมแ ชแ ข็ง พ.ศ. 2327 วิลเลยี ม คูลเลน (William Cullen) แหง มหาวทิ ยาลัยกลาสโกว (Glasgow) ไดสาธิตการทําความเยน็ เปนครั้งแรก โดยการทําใหเ อธลิ อีเธอร (ethyl ether) เดือดในสุญญากาศ แตเ ขาไมไ ดน ําผลการทดลองมาสกู ารปฏบิ ตั ิ รปู ท่ี 1.1 ภาพวาดตน แบบเครือ่ งทําความเยน็ ของวิลเลียม คูลเลน (ท่ีมา : http://inventors.about.com/library/inventors/blrefrigerator.htm) พ.ศ. 2342 มีการขนสง นํา้ แข็งจาก นวิ ยอรกไปยงั เซาตคาโรไลนา ในประเทศ สหรฐั อเมริกา แตเมอื่ ถึงปลายทางจะเหลอื นํ้าแขง็ เพยี งเลก็ นอย สว นใหญละลายเนือ่ งจาก ยังไมทราบวธิ ีการเกบ็ รักษารูปท่ี 1.2 การขนสงนา้ํ แข็งดวยรถมา(ท่ีมา : http://www.history-magazine.com/refrig.html) เคร่ืองทาํ ความเย็นและเครอ่ื งปรับอากาศ 1 โดย รศ.บุญชัด เนติศักดิ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง 2551
3 พ.ศ. 2343 เฟรเดอรกิ ทเู ดอร (Frederic Tudor) ชาวนิวอิงแลนด คนพบวิธตี ดั นํ้าเข็งจากธรรมชาตใิ หเปนกอน เขามองเห็นศกั ยภาพของธุรกิจนา้ํ แขง็ เขารว มมอื กับนาฮาเนียล เวธ (Nahaniel Wyeth) คิดคนทดลองใชฉ นวนตางๆ ในการเกบ็ รกั ษานํ้าแข็ง เชน ฝง ไวในขีเ้ ล่ือย บรรจุลงหีบเพอ่ื คงสภาพกอนน้าํ แขง็ ใหคงทนสาํ หรับขนสงไปจําหนา ยในที่ตา งๆ เปนการเร่มิ ใชป ระโยชนจ ากนํา้ แขง็ ในเรือ่ งเชงิ ธรุ กิจการทาํ ความเย็นคนสมัยน้นั ใหฉ ายาทูเดอรวา “ราชาน้าํ แข็ง” (Ice king) พ.ศ. 2346 โทมัส มูร (Thomas Moore) ชาวนา อเมริกันในรฐั แมรีแลนดใชคําเรยี ก “ตูเ ยน็ ” (refrigerator) เปน คนแรก พ.ศ. 2348 โอลเิ วอร อีแวนส (Oliver Evans) ชาว อเมรกิ ันออกแบบเคร่อื งทาํ ความเยน็ เปนครั้งแรก โดยใชวิธอี ดั ไอ แตเ ขาไมไดส รางเคร่อื งนี้ รปู ที่ 1.3 ตเู ยน็ นา้ํ แข็งทเ่ี รยี กวาไอซบ อกซ (ท่ีมา : http://www.history.com) พ.ศ. 2377 จาคอบ เพอรกนิ ส (Jacob Perkins) ชาวอเมรกิ นั แตไ ปทาํ งานในอังกฤษ เขามีชีวิตอยูระหวาง พ.ศ.2309 – 2392 เขาเปนนักประดษิ ฐท มี่ ผี ลงานทางเครอ่ื งกลมากมาย และเขาไดป ระดิษฐเครือ่ งทําความเยน็ ระบบอดั ไอ (vapor compression) ขนึ้ เปน ครั้งแรกของโลกขณะท่ีเขาอายไุ ด 35 ป ไดจดทะเบียนลิขสทิ ธิ์ แตเขาไมไดท าํ ธุรกิจน้ี จนกระท่งั หลงั จากเขาเสียชีวติ ทายาทจึงไดตัง้ บรษิ ทั ในอเมรกิ าท่มี ีกิจการเกย่ี วกับระบบเครื่องทาํ ความเย็น พ.ศ. 2385 จอหน กอรร ี (John Gorrie) นักฟสกิ สชาวอเมริกันไดออกแบบสรางเครื่องทาํ ความเยน็ ที่โรงพยาบาลฟลอรดิ า โดยใชอ ากาศเปน สารทําความเย็น อาศยั หลกั ของการอัดกาซสงผา นคอยลร ะบายความรอน แลว ปลอยใหข ยายตัวไดความเยน็ อนั เปนหลกั การเบือ้ งตนของการทาํ ความเยน็ ในปจจบุ นั เขาไดพัฒนาและจดทะเบียนลิขสิทธิ์ท่ีรฐั ฟลอรดิ า สหรัฐอเมริกาในป พ.ศ. 2394 ตอมาภายหลงั อเล็กซานเดอร ซี. ทวนิ ิ่ง(Alexander C. Twining) ไดน าํ วิธกี ารของจอหน กอรรี ไปพฒั นาใหใ ชซัลฟูริกอเี ธอร (sulfuric ether) เปน สารทําความเย็น พ.ศ. 2396 เจมส แฮรร ิสนั (James Harrison) เปน ชางพิมพชาวสก็อตตแ ลนดทไ่ี ปอาศัยอยูในออสเตรเลียไดปรับปรุงพัฒนาเคร่อื งทาํ ความเย็นแบบใชซัลฟรุ ิกอเี ธอรใ หมีคณุ ภาพดีข้ึนกวา ทเี่ คยมีมา พ.ศ. 2398 นกั วทิ ยาศาสตรชาวเยอรมนั ไดประดษิ ฐเคร่ืองทาํ ความเย็นระบบแอบซอรป ชนั(absorption system) พ.ศ. 2410 เจ.บ.ี สเุ ธอรแลนด (J.B. Sutherland) แหง เมืองดที รอยต รัฐมชิ ิแกน สหรฐั อเมริกา ไดออกแบบและสรางตูโ บก้ีรถไฟหองเยน็ เพือ่ ขนสงอาหารสด เขาทาํ ชองใสนา้ํ แขง็ ไวท ผ่ี นังทกุ ดาน ตรงกลางบรรจอุ าหารพวกนม เนย อาหารทะเล ซึ่งเขาไดจ ดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว เคร่อื งทําความเยน็ และเครื่องปรับอากาศ 1 โดย รศ.บุญชัด เนติศักด์ิ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั ลําปาง 2551
4 รูปที่ 1.4 โบกรี้ ถไฟหองเย็น (ทีม่ า : http://www.history-magazine.com/refrig.html) รูปท่ี 1.5 ภาพวาดสิทธิบัตรเครื่องทําความเย็นของโทมสั เอลกนิ ส (ท่ีมา : http://inventors.about.com/library/inventors/blrefrigerator.htm) พ.ศ. 2422 โทมัส เอลกินส (Thomas Elkins) ชาวอเมริกัน เชอื้ สายอาฟรกิ ัน ไดจดสิทธบิ ัตรเครือ่ งทําความเย็นในสหรฐั หมายเลข 221222 พ.ศ. 2453 เร่ิมมกี ารผลิตตูเยน็ ท่ใี ชในบา นเปน คร้งั แรก พ.ศ. 2454 วลิ เลียม ฮาวิแลนด แครเ รยี ร (William Haviland Carrier) วศิ วกรปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยคอรเ นลลไ ดคิดสูตรไซโครเมตรกิ (Psychrometric) ใหก บั สมาคมวิศวกรรมเครื่องกลแหงอเมริกาซงึ่ นบั วา มปี ระโยชนอ ยางมหาศาลในการคํานวณท่ีเกี่ยวของกับระบบปรบั อากาศ ซงึ่ ใชงานมาจนทุกวันน้ีนอกจากนใ้ี นป พ.ศ.2464 เขาไดค ิดคนและจดทะเบียนลขิ สิทธเิ์ คร่ืองทาํ ความเย็นแบบแรงเหวี่ยงหนีศนู ย(centrifugal) ซึ่งเขานํามาใชแ ทนแบบลูกสูบ และในป พ.ศ.2471 เขาไดพัฒนาเครื่องปรบั อากาศท่ใี ชตามบานเรอื น เครอ่ื งทาํ ความเยน็ และเคร่ืองปรับอากาศ 1 โดย รศ.บุญชัด เนติศักด์ิ คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง 2551
5รปู ที่ 1.6 เอกสารตพี ิมพ์ิการพฒั นาเครอื่ งปรบั อากาศของวลิ เลยี ม แครเรยี ร(ที่มา : http://www.inventor.about.com/library/weekly/aa081797.html)พ.ศ. 2456 เจ.เอ็ม. ลาเซน (J.M. Lasen) ไดผลติ เครื่องทําความเย็นควบคุมดวยมอืพ.ศ. 2461 บรษิ ัทเคลวิเนเตอร (Kelvinator Co.) ไดผลิตตเู ยน็ ซ่ึงควบคุมโดยอตั โนมตั ิเปนครั้งแรกและทําเปน ระบบอตุ สาหกรรมการผลิตตเู ย็นจาํ หนา ยในสหรฐั อเมริกา ยอดจําหนายถงึป พ.ศ. 2463 มากกวา 200 เครื่องพ.ศ. 2463 ตูเ ยน็ เร่มิ ไดรบั ความสนใจจากผบู รโิ ภค มีอุตสาหกรรมการผลติ เกิดข้ึนทั้งในอเมริกาและยุโรป โดยตเู ย็นกลายเปนเฟอรนเิ จอรชิน้ หนงึ่ ในครวัรูปที่ 1.7 ภาพโฆษณาเครื่องปรับอากาศแบบติดหนา ตา ง(ทม่ี า : http://www.inventor.about.com/library/weekly/aa081797.html) พ.ศ. 2464 ตูเ ย็นในสหรฐั อเมริกาถกู ผลิตข้นึ จาํ หนายมากกวา 5000 เครือ่ ง พ.ศ. 2466 มีการผลติ ตแู ชแ ข็งเพอื่ แชอาหารเปนครั้งแรก พ.ศ. 2469 บริษัทเยเนอรัลอิเล็กทรกิ (GE) ไดผ ลิตตูเย็นทีใ่ ชมอเตอรค อมเพรสเซอรแ บบเฮอรเ มติกเปนครั้งแรก พ.ศ. 2470 บริษัทอิเล็กโทรลักซ (Electrolux) ไดผลิตตูเย็นระบบแอบซอรปชันควบคุมอัตโนมัติจําหนายในสหรัฐ และในปนี้เองมีการผลิตเคร่ืองปรบั อากาศที่ใชตามบา นเรอื นออกจําหนา ยเปน คร้งั แรกดวย พ.ศ. 2474 จาํ นวนตูเย็นที่ผลิตจําหนายในสหรัฐมีจํานวนสงู ถึงประมาณ 1 ลานเครอื่ ง และอีก 6 ปตอ มาคือ พ.ศ. 2480 จํานวนตูเ ยน็ มปี ระมาณ 6 ลา นเครือ่ ง พ.ศ. 2483 มกี ารผลิตเครอื่ งปรับอากาศเพอื่ ติดตัง้ ในรถยนต มากกวา 3000 คนั พ.ศ. 2493 ชวงหลังสงครามโลกครง้ั ที่ 2 มกี ารผลติ ตูเย็นสมยั ใหมออกจําหนา ย ในสหรฐั อเมริกาชาวนามากกวา 80 เปอรเ ซ็นต และบานในชนบทมากกวา 90 เปอรเ ซนตมตี เู ย็นใชเครื่องทําความเย็นและเครอื่ งปรบั อากาศ 1 โดย รศ.บญุ ชดั เนติศักดิ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั ลําปาง 2551
6 สาํ หรับประเทศไทยมีโอกาสใชเ ทคโนโลยีเคร่ืองทาํ ความเยน็ และเคร่ืองปรบั อากาศเชนกัน โดยตูเย็นสมยั แรกตอ งนาํ เขา จากตางประเทศ ปจ จบุ ันอตุ สาหกรรมเคร่ืองทําความเย็นภายในประเทศสามารถผลติช้ินสว นอปุ กรณระบบทําความเย็นไดคอ นขางทันสมยั จงึ มกี ารผลิตตเู ย็น เครอ่ื งทํานา้ํ เย็น ตูแช และเครอ่ื งปรับอากาศ เพอ่ื จาํ หนายในประเทศและสงออกจาํ หนา ยไปอกี หลายประเทศ ประมาณวา ภาวะการดาํ รงชีวิตของคนไทยจาํ นวนไมนอยทั้งในเมืองและชนบทมตี เู ย็นใชภ ายในครวั เรอื น บานเรือนสาํ นักงานติดเครือ่ งปรับอากาศ รถยนตน ั่งสวนบคุ คล รถยนตโ ดยสารเกอื บทุกคนั ติดเครือ่ งปรับอากาศ รูปท่ี 1.8 ตูเย็นสมยั ใหมท่ีใชใ นครัวเรอื น เคร่อื งทาํ ความเยน็ และเครอ่ื งปรบั อากาศ 1 โดย รศ.บุญชดั เนติศักดิ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั ลําปาง 2551
71.4 บทสรุป มนุษยร จู ักวิธกี ารทําความเยน็ และใชประโยชนจ ากการทําความเยน็ มาเปนระยะเวลานานแลว มกี ารนําระบบการทาํ ความเยน็ จากวิธธี รรมชาติมาใชในการถนอมอาหาร ภายหลังจึงมีการประดิษฐคดิ คน เครอื่ งทําความเยน็ โดยนักวิทยาศาสตรเ พอื่ นําไปใชป ระโยชนในดา นตางๆ มากมาย ชีวติ ของเราปจจบุ ันจงึ เก่ยี วของมีสวนไดใชเ ครอ่ื งทําความเย็นอยางหลกี เลี่ยงไมได โดยเฉพาะยา งย่ิงประเทศไทยเราเปน ประเทศท่มี ีอากาศรอ นมเี ครอ่ื งทาํ ความเย็นตดิ ตง้ั ใชงานเปนจาํ นวนมาก การศกึ ษาเก่ียวกับระบบทําความเยน็ จะสามารถใชความรเู ขาไปจัดการซอม สรา งดัดแปลง และดูแลบรกิ ารระบบคําความเย็นใหมปี ระสทิ ธภิ าพไดคาํ ถามทายบท 1. สารเคมีตัวใดทีใ่ สล งในนํา้ แลวทาํ ใหอ ุณหภมู ิของนาํ้ ลดลง ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… 2. บอกประโยชนของระบบทําความเยน็ ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… 3. การขนสง นา้ํ แขง็ ระยะทางไกล ทําอยางไรนํา้ แข็งจงึ คงสภาพไดนาน ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… 4. จงเลา วธิ ีทาํ ความเย็นพ้นื บาน ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… 5. ชาวจีนโบราณทาํ ความเยน็ อยา งไร ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… เคร่อื งทาํ ความเยน็ และเคร่ืองปรับอากาศ 1 โดย รศ.บุญชดั เนติศักดิ์ คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั ลําปาง 2551
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: