Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 18ปุณยนุช-usa

18ปุณยนุช-usa

Published by ปุณยนุช คุณเจริญ, 2020-02-06 23:34:56

Description: 18ปุณยนุช-usa

Search

Read the Text Version

ระบบเศรษฐกจิ ของประเทศสหรัฐอเมรกิ า เสนอ อาจารย์จนั ทนา ลยั วรรณา จัดทาโดย นางสาวปุณยนชุ คณุ เจรญิ เลขท่ี 18 ปวช2/1คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ รายงานส่วนน้เี ป็นสว่ นหน่ึงของการเรียนวิชา เศรษฐศาสตร์เบื้องตน้ รหัสวิชา 2200 - 1001 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 วิทยาลัยเทคนคิ จันทบุรี ประวตั คิ วามเป็นมาของสหรฐั อเมรกิ า

คานา รายงานเล่มนจ้ี ัดทาขนึ้ เพ่ือเปน็ สว่ นหนง่ึ ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ชั้นปวช2/1เพ่ือให้ได้ศึกษาหาความร้ใู นเร่ือง เศรษฐกจิ และเรอ่ื งตา่ งๆในสหรัฐอเมริกาและไดศ้ ึกษาอย่างเขา้ ใจเพ่ือเป็นประโยชนก์ บั การเรียน ผจู้ ัดทาหวงั ว่า รายงานเล่มน้ีจะเปน็ ประโยชนก์ บั ผู้อา่ น หรือนกั เรียน นกั ศึกษา ทกี่ าลงั หาขอ้ มูลเรื่องน้ีอยู่ หากมี ขอ้ แนะนาหรือข้อผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอน้อมรับไว้และขออภยั มา ณ ทีน่ ี่ดว้ ย ผจู้ ดั ทา นางสาวปุณยนุช คณุ เจริญ

สารบญั เรื่อง หน้า สหรฐั อเมรกิ า 1 ภมู ิอากาศและการแบง่ เวลา 2 ประชากรศาสตร์ 3-4 วฒั นธรรม 5 อาหารประจาชาตอิ เมริกา 6-7 การปกครอง 8 เศรษฐกิจอเมรกิ า 9-10

1 สหรัฐอเมรกิ า (องั กฤษ: United States of America) โดยทว่ั ไปเรยี ก สหรฐั (United States) หรอื อเมริกา (America) เป็นสหพนั ธ์ สาธารณรัฐแบบมีรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และหนงึ่ เขตปกครองกลาง ห้าดนิ แดนปกครองตนเองสาคัญ และ เกาะเล็กตา่ ง ๆ[fn 1] โดย 48 รัฐและเขตปกครองกลางตงั้ อยู่ ณ ทวปี อเมริกาเหนอื ระหว่างประเทศแคนาดาและเม็กซิโก รฐั อะแลสกาอยมู่ ุมตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของทวีปอเมริกาเหนือ มีเขตแดนติดต่อกบั ประเทศแคนาดาทางทิศตะวนั ออกและ ขา้ มชอ่ งแคบเบรงิ จากประเทศรสั เซยี ทางทิศตะวนั ตก และรัฐฮาวายเปน็ กลุ่มเกาะในมหาสมุทรแปซิฟกิ กลาง ดินแดนของ สหรัฐกระจายอย่ตู ามมหาสมุทรแปซฟิ ิกและทะเลแคริบเบียน ครอบคลุมเขตเวลาเกา้ เขต ภูมศิ าสตร์ ภูมิอากาศและสตั ว์ ป่าของประเทศหลากหลายอยา่ งย่งิ สตั วป์ ระจาชาติ ไบซนั เป็นสัตว์ประจาชาตขิ องอเมริกาและเป็นสตั วเ์ ลย้ี งลูกด้วยนม แห่งชาติในครง้ั น้ีเป็นผลมาจากความพยายามผลกั ดันนานกวา่ 4 ปี ขององค์กร “Wildlife Conservation Society” และ สวนสัตว์บรองซ์ในนิวยอรก์ ท่เี มอ่ื ปี 1907 เคยปล่อยไบซนั ภายใต้การดูแลจานวน 15 ตัวคนื สพู่ ้ืนท่ปี ่าอนรุ ักษ์ในมลรฐั โอก ลาโฮม สหรัฐอเมริกามีพนื้ ทขี่ นาด 9.8 ลา้ นตารางกิโลเมตร มปี ระชากรราว 326 ล้านคน ทาให้มีพ้ืนทีข่ นาดใหญ่เปน็ อนั ดบั ท่ี 4 ของโลกและมีประชากรมากเป็นอันดบั ที่ 3 ของโลก เปน็ ประเทศซึ่งมีความหลากหลายทางเชือ้ ชาติและ วัฒนธรรม และเป็นทพี่ านักของประชากรเข้าเมอื งใหญ่สุดในโลก การมีลักษณะแบบเมืองทะยานเกนิ 80% ในปี 2010 และนาส่มู หภาค (megaregion) ทีเ่ ตบิ โตขนึ้ เมืองของของประเทศ คือ กรุงวอชิงตนั ดี.ซี. และนครใหญส่ ุดคือ นคร นิวยอร์กและใช้ ภาษาองั กฤษ (อเมริกนั องั กฤษ) เป็นภาษาประจาชาติโดยพฤตนิ ัย แมจ้ ะไมม่ ีภาษาราชการในระดบั รฐั บาลกลาง, บาง กฎหมาย เช่น ขอ้ กาหนดการเปน็ กลางของสหรฐั ฯ มาตรฐานเปน็ ภาษาอังกฤษ ในปี 2010 ประมาณ 230 ลา้ นคนหรือ 80% ของประชากรทมี่ ีอายุห้าปีและมากกวา่ พูดภาษาองั กฤษเท่านน้ั ท่ีบา้ น ภาษาสเปน, พูดโดย 12% ของประชากรท่ี บ้าน, เป็นภาษาท่ีพบมากที่สุดเปน็ ที่สองและเป็นภาษาทสี่ องทสี่ อนกันอย่างแพร่หลาย.ชาวอเมริกนั บางคน สนับสนุนการ ทาภาษาอังกฤษใหเ้ ปน็ ภาษาทางการของประเทศ เช่นมนั เป็นในอย่างน้อย 28 รัฐ ทงั้ ภาษาฮาวายและภาษาอังกฤษเป็นภาษาท่เี ป็นทางการในฮาวายตามกฎหมายของรัฐ.ในขณะท่ี ไม่มภี าษาราชการ, นิวเมก็ ซิโกมีกฎหมายให้ใช้ ทั้งภาษาองั กฤษและภาษาสเปน ในขณะที่ หลุยเซียนาจะใช้ภาษาองั กฤษและฝรัง่ เศส. รฐั อนื่ ๆ เชน่ แคลิฟอร์เนยี , ให้อานาจเอกสารสิ่งพิมพ์เป็นเวอร์ชันสเปนของเอกสารรัฐบาลบางอย่าง รวมท้ังแบบฟอร์มศาล. เขต อานาจศาลหลายแหง่ ท่ีมีผู้พดู ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษจานวนมาก ผลิตเอกสารของรฐั บาล โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ การลงคะแนน เสยี ง จะอยู่ในภาษาพดู ทใ่ี ชม้ ากทีส่ ุดใน เขตอานาจศาลนน้ั . ดนิ แดนโดดเด่ยี วหลายแหง่ ให้การยอมรบั อยา่ งเป็นทางการกับภาษาพืน้ เมืองของพวกเขา พร้อม กับภาษาอังกฤษ: ซามัว และชามอร์โรเป็นท่ยี อมรับจากอเมริกันซามวั และกวมตามลาดับ Carolinian และ ชามอร์โร เปน็ ท่ยี อมรบั จากหม่เู กาะมา เรยี นาเหนอื ; ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการของเปอรโ์ ตริโกและยงั เปน็ ภาษาพูดอยา่ งกวา้ งขวางมากขึ้นนอกเหนือจาก ภาษาองั กฤษ ที่นั่น ใน สหรฐั อเมรกิ าไมม่ ีการกาหนดศาสนาประจาชาติอยา่ งเป็นทางการ อย่างไรก็ตามจากการสารวจเรื่องศาสนามปี ระมาณ 76.7% ของชาวอเมรกิ นั นับถือศาสนาครสิ ต์ (52% นกิ ายโปรแตสแตนต์ 24.5% นกิ ายโรมันคาทอลิก และนกิ ายอื่นอีก 0.2%) โดยทเี่ หลือ เปน็ ชาวอเมรกิ ันนบั ถือศาสนาอน่ื หรอื ไม่นบั ถอื ศาสนาใดเลย

2 ภมู อิ ากาศและการแบ่งเวลา ภูมอิ ากาศ ในสหรฐั อเมรกิ าสามารถพบอากาศได้ทุกรปู แบบ ตั้งแตบ่ รรยากาศแบบแถบขัว้ โลกซึ่งหนาวตดิ ลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศท่รี ้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา ช่วงอากาศหนาวท่สี ุด คือเดอื นมกราคม และ ร้อนที่สดุ ช่วงเดือนกรกฎาคม ฤดูร้อน อยูใ่ นชว่ งเดอื นมิถนุ ายน สิงหาคม ฤดูใบไม้รว่ ง อยู่ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจกิ ายน ฤดหู นาว อยใู่ นชว่ งเดือนธันวาคม กมุ ภาพันธ์ ฤดูใบไมผ้ ลิ อยใู่ นช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม การแบง่ เวลา เนือ่ จากประเทศอเมริกามพี ืน้ ท่ีขนาดใหญ่ จงึ มกี ารแบง่ เวลาออกเป็น 4 ส่วน ดงั นี้ 1. Eastern Time Zone มีเวลาช้ากว่าประเทศไทยเท่ากบั 12 ช่วั โมง แตใ่ นช่วงเดือน มนี าคม-เมษายน จะมีการปรับเลื่อนเวลา อกี 1 ช่ัวโมง (Daylight Saving Time) มผี ลทาใหเ้ วลาของอเมริกาช้ากวา่ ในประเทศไทย 13 ชว่ั โมง เมอื งสาคัญท่ีอยใู่ นเขตน้ี ไดแ้ ก่ Boston, New York, Washington D.C., และMiama 2. Central Time Zone มเี วลาชา้ กวา่ ประเทศไทยเทา่ กับ 13 ชั่วโมง แตใ่ นชว่ งเดือน มนี าคม-เมษายน จะมีการปรับเลอ่ื นเวลา อกี 1 ช่วั โมง (Daylight Saving Time) มีผลทาใหเ้ วลาของอเมริกาชา้ กวา่ ในประเทศไทย 14 ชว่ั โมง เมืองสาคญั ที่อย่ใู นเขตนี้ ไดแ้ ก่ Chicago และ New Orleans 3. Mountain Time Zone มเี วลาชา้ กว่าประเทศไทยเท่ากบั 14 ชว่ั โมง แต่ในช่วงเดือน มนี าคม-เมษายน จะมีการปรับเล่อื นเวลา อกี 1 ชัว่ โมง (Daylight Saving Time) มผี ลทาให้เวลาของอเมริกาช้ากวา่ ในประเทศไทย 15 ชัว่ โมง เมืองสาคญั ท่ีอยใู่ นเขตนี้ ไดแ้ ก่ Denver และ Phoenix 4. Pacific Time Zone มีเวลาช้ากว่าประเทศไทยเทา่ กบั 15 ชว่ั โมง แต่ในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน จะมีการปรับเลื่อนเวลา อีก 1 ช่ัวโมง (Daylight Saving Time) มีผลทาให้เวลาของอเมริกาช้ากว่าในประเทศไทย 16 ชว่ั โมง เมืองสาคญั ที่อยใู่ นเขตนี้ ได้แก่ San Francisco, Seattle และ Hawaii

3 ประชากรศาสตร์ ประชากร สานักสารวจสามะโนประชากรของสหรฐั ประมาณการจานวนประชากรของประเทศในขณะน้ี จะมี 317,848,000 คนรวมทั้งประมาณ 11,200,000 คนทเ่ี ป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย. ประชากรสหรฐั เพมิ่ ขึ้นเกือบสเี่ ท่าในช่วงศตวรรษท่ี 20, จากประมาณ 76 ล้านคนในปี 1900. เปน็ ประเทศที่มปี ระชากรมากท่ีสดุ อนั ดับสามในโลก ตามหลังจีนและอนิ เดีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเปน็ เพียงประเทศอุตสาหกรรมท่สี าคัญเดียวเทา่ นนั้ ทก่ี ารเพม่ิ ข้ึนของประชากรจานวนมากไดถ้ ูก คาดไว้แล้ว. ด้วยอตั ราการเกดิ ของ 13 ต่อ 1,000, 35 % ตา่ กวา่ คา่ เฉลี่ยของโลก, อตั ราการเตบิ โตของประชากรเป็นบวกท่ี 0.9 % สงู กว่าประเทศทพี่ ัฒนาแล้วท้งั หลายอย่างมีนยั สาคัญ.ในปงี บประมาณ 2012 คนอพยพกวา่ หนงึ่ ลา้ น (สว่ นใหญ่ ของผูท้ ีเ่ ขา้ มาผา่ นทางการรวมครอบครวั ) ไดร้ ับอนญุ าตถิ่นท่ีอยู่ตามกฎหมาย. เม็กซโิ กเป็นแหลง่ ทม่ี าชัน้ นาของผอู้ ยู่อาศยั ใหมต่ ัง้ แต่กฎหมายข้อบัญญัติคนเขา้ เมืองปี 1965 จนี , อินเดยี และฟิลปิ ปนิ สเ์ ปน็ สป่ี ระเทศทีส่ ง่ คนเข้าเมืองสูงสดุ ทกุ ปี.คน อเมรกิ นั เก้า ลา้ นระบวุ า่ ตวั เองเปน็ รักรว่ มเพศ, กะเทย หรือแปลงเพศ.การสารวจในปี 2010 พบว่าเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของ ผชู้ ายและแปดเปอรเ์ ซ็นต์ของผหู้ ญงิ ระบุวา่ ตวั เองเปน็ เกย์, เลสเบีย้ น หรอื กะเทย. ประเทศสหรัฐอเมรกิ ามปี ระชากรท่ีมีความหลากหลายมาก, มี 31 กล่มุ ตระกูลท่ีมีสมาชิกมากกวา่ หนง่ึ ล้านคน ชาว อเมริกนั ผิวขาวเปน็ กลมุ่ เชอื้ ชาตทิ ี่ใหญ่ทส่ี ดุ ; เยอรมันอเมริกัน, ไอรชิ อเมริกนั และ องั กฤษอเมริกัน เป็นสามในส่ีกล่มุ ตระกลู ท่ีใหญ่ทีส่ ุดชาวอเมริกันดา เปน็ เช้ือชาติชนกลมุ่ น้อยที่ใหญท่ ส่ี ดุ และเปน็ กล่มุ ตระกูลทีใ่ หญ่เปน็ อนั ดับสาม เอเชียนอ เมริกันเปน็ เชอ้ื ชาติของชนกล่มุ น้อยที่ใหญ่เปน็ อนั ดบั สองของประเทศ กลุ่มชาตพิ ันธุ์เอเชียนอเมริกนั สามกลมุ่ ทใี่ หญท่ ่สี ุด ในประเทศคือ จนี อเมริกนั , ฟิลิปปนิ ส์อเมรกิ นั และอินเดยี นอเมรกิ ัน. ในปี 2010 ประชากรสหรัฐประมาณ 5.2 ลา้ นคนทม่ี ีบรรพบุรษุ เป็นอเมริกนั อินเดียน หรอื ชาวพื้นเมืองอลาสก้า (2.9 ล้านเฉพาะของบรรพบุรุษดังกลา่ ว) และ 1.2 ล้านทเ่ี ป็นชาวพ้ืนเมืองฮาวายหรือมบี รรพบรุ ุษบนเกาะแปซิฟิก (0.5 ล้านเฉพาะ)การสารวจสามะโนประชากรไดน้ ับว่ามีกว่า 19 ล้าน คนที่เป็น \"เชือ้ ชาตอิ ่นื ๆ\" ซ่งึ \"ไมส่ ามารถระบุไดว้ ่าเป็น อะไร\" ของประเภทเช้ือชาติอยา่ งเปน็ ทางการท้ังหา้ ในปี 2010. การเจรญิ เตบิ โตของประชากรชาวอเมรกิ ันเชอื้ สายสเปนและลาตนิ อเมรกิ า (คาใช้แทนกนั ได้ อยา่ งเป็นทางการ) เปน็ แนวโนม้ ประชากรทส่ี าคัญ ชาวอเมรกิ นั เช้ือสายสเปนจานวน 50.5 ลา้ นคน ถกู ระบุว่ามกี ารใช\"้ เช้ือชาติ\" ท่ีแตกต่าง รว่ มกนั โดยสานักสามะโนประชากร; 64% ของชาวอเมรกิ นั เชือ้ สายสเปนมเี ชอ้ื สายเม็กซิกันระหว่างปี 2000 ถงึ ปี 2010, ประชากรสเปนของประเทศเพิ่มขึ้น 43% ขณะทป่ี ระชากรทไี่ ม่ใช่สเปนเพมิ่ ขึ้นเพยี ง 4.9 %การเตบิ โตทีม่ ากข้นึ น้ีมาจาก การอพยพ; ในปี 2007, 12.6% ของประชากรสหรฐั เกดิ ในต่างประเทศ, 54% ของตวั เลขดังกล่าวเกิดในละตนิ อเมริกา. ความอดุ มสมบูรณ์ยงั เป็นปัจจัย; ในปี 2010 ค่าเฉล่ียของเชื้อสายสเปน (กลุ่มใดๆ) ผหู้ ญงิ ใหก้ าเนิดเด็ก 2.35 คนใน ชวี ิตของนาง เม่ือเทียบกบั 1.97 สาหรบั ผู้หญิงผวิ ดาทไ่ี ม่ใชเ่ ช้อื สายสเปน และ 1.79 สาหรับผหู้ ญิงผิวขาว ท่ีไมใ่ ช่เชอ้ื สาย สเปน (ท้งั สองกลุ่มมีอัตราการทดแทนตา่ กว่า 2.1).ชนกลุม่ น้อย (ตามท่ีกาหนดโดยสานักสามะโนประชากรวา่ เป็นทัง้ หมด

4 นอกจากทีไ่ ม่ใช่เช้ือสายสเปน, ไม่ใชผ่ วิ ขาวหลายเช้อื ชาติ) มีจานวน 36.3% ของประชากรในปี 2010และกว่า 50% ของ เด็กทีม่ ีอายตุ า่ กว่าหนึ่งปีถูกคาดหมายว่าจะเป็นส่วนใหญ่ในปี 2042.เร่ืองนีข้ ัดแย้งกบั รายงานโดยสานกั งานสถิติท่ี สาคญั แหง่ ชาติ, ขึน้ อยูก่ บั ข้อมลู การสารวจสามะโนประชากร สหรฐั , ซึ่งสรปุ วา่ 54% (2,162,406 ออกมาจาก 3,999,386 ในปี 2010) โดยการเกิดเป็นผวิ ขาวทไี่ ม่ใชเ่ ชื้อสายสเปน. ประมาณ 82% ของชาวอเมริกันท่อี าศยั อยู่ในเขตเมือง (รวมถงึ ชานเมือง ) ประมาณคร่ึงหนึง่ ของคนเหลา่ น้ี อาศยั อยู่ในเมืองที่มปี ระชากรกว่า 50,000 ในปี 2008, 273 สถานทท่ี ี่รวมกนั เปน็ หน่ึงเดยี วมีประชากรกวา่ 100,000 คน, เก้า เมอื งมีมากกว่าหน่งึ ลา้ นผูอ้ าศัย และ สี่เมอื งระดับโลกมีกว่าสองล้าน (New York City, Los Angeles, ชิคาโกและ เมอื งฮุ สตนั ).มี 52 เขตปริมณฑลที่มีประชากรมากกว่าหนง่ึ ลา้ น. จาก 50 พนื้ ทเ่ี มืองทเ่ี ติบโตเรว็ ทส่ี ดุ , 47 เมอื งท่อี ยภู่ าคตะวันตก หรอื ภาคใต้. พืน้ ที่เมืองใหญข่ องดัลลสั , แอตแลนตา และ ฟีนกิ ซ์ ทัง้ หมดน้เี พ่มิ ข้นึ มากกว่าหน่งึ ลา้ นคนระหว่างปี 2000 ถึง 2008.

5 วัฒนธรรม ประเทศสหรัฐอเมริกาเปน็ บ้านของหลายวฒั นธรรม และความหลากหลายของกลมุ่ ชาติพันธ์ุ, ประเพณี และ ค่านิยม นอกเหนอื จากคนอเมรกิ นั โดยกาเนิดและชาวพืน้ เมืองฮาวายทค่ี ่อนข้างน้อย อเมรกิ ันหรือบรรพบุรุษของพวกเขา เกอื บทุกคนได้อพยพมาต้งั รกรากหรอื ภายในห้าศตวรรษท่ีผ่านมา.วฒั นธรรมของชาวอเมริกันทเ่ี ป็นกระแสหลักเป็น วัฒนธรรมตะวนั ตกทีแ่ ปลงมาจากขนบธรรมเนียมประเพณีของผู้อพยพชาวยโุ รป ทีม่ อี ทิ ธิพลจากแหลง่ อน่ื ๆเป็นจานวนมาก เช่นประเพณีทถ่ี ูกนามาโดยพวกทาส จากแอฟริกา. การอพยพล่าสุดจากเอเชียและโดยเฉพาะอย่างยิง่ จากละตินอเมริกา ได้ เพิม่ การผสมผสานทางวฒั นธรรมที่ไดร้ ับการอธบิ ายวา่ เป็นทัง้ หม้อหลอมละลายเป็นเน้ือเดียวกัน และชามสลัดตา่ งชนิดกัน ในท่ีซงึ่ ผอู้ พยพและลูกหลานของพวกเขายังคงรกั ษา ลักษณะทางวฒั นธรรมทโ่ี ดดเดน่ แกนของวัฒนธรรมของชาวอเมริกนั ถูกก่อตั้งข้ึนโดยชาวอาณานคิ มอังกฤษโปรเตสแตนต์ และถูกขึนรูปโดยกระบวนการ การตงั้ ถ่ินฐานชายแดน ท่มี ลี ักษณะชาติพันธ์ทีถ่ ูกแปลงผ่านลงไปทีล่ ูกหลาน และส่งตอ่ ไปยังผูอ้ พยพผ่านทางการดดู ซึม ชาวอเมริกนั มีคุณสมบัตเิ ปน็ ประเพณีท่โี ดดเด่นด้วยจรยิ ธรรมทแี่ ข็งแกร่งในการทางาน, ในการแข่งขนั และการแสวงหา ผลประโยชน์ เชน่ เดียวกับความเชอื่ ทเ่ี ป็นหน่งึ เดียวใน\"หลักความเช่ือถือแบบอเมริกนั \" ท่เี น้นเสรภี าพ, ความเสมอภาค , ทรัพยส์ นิ ส่วนตัว, ประชาธปิ ไตย, กฎหมาย และความพอใจสาหรับการปกครองท่จี ากดั . ชาวอเมรกิ นั สร้างกุศลอย่างมาก ตามมาตรฐานโลก สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของอังกฤษในปี 2006 ชาวอเมริกนั อุทิศ 1.67% ของ GDP เพอื่ การกุศล มากกว่าประเทศอนื่ ๆ มากกวา่ สองเท่าของตาแหนง่ ทสี่ องคือองั กฤษท่ี 0.73 % และราวๆสิบสองเทา่ ของฝร่ังเศสที่ 0.14%. ความฝันของอเมริกัน หรือการรบั รวู้ า่ ชาวอเมริกนั ได้เพลิดเพลินกบั การเคลื่อนไหวทางสังคมทส่ี ูง มบี ทบาทสาคญั ในการ ดึงดูดผ้อู พยพ ไม่ว่าการรับร้นู ี้จะเป็นจริงหรอื ไม่ มนั ไดเ้ ปน็ หัวขอ้ ของการอภปิ รายในขณะทว่ี ฒั นธรรมกระแสหลกั ถือวา่ ประเทศสหรฐั อเมริกาเปน็ สังคมที่ไมม่ ีชนชั้น นกั วิชาการได้ระบุความแตกตา่ งอย่างมีนัยสาคัญ ระหว่างหลายชนชั้นทาง สังคมของประเทศ ที่มีผลตอ่ สังคม, ภาษาและคณุ คา่ . ภาพพจน์ตวั เองของชาวอเมริกนั , มมุ มองของสงั คม และความ คาดหวังทางวัฒนธรรม จะเก่ียวขอ้ งกับการประกอบอาชีพของพวกเขา ไปยงั ระดบั ท่ีใกล้ผดิ ปกต.ิ [300] ในขณะที่ชาว อเมริกันมีแนวโนม้ อยา่ งมากที่จะให้มลู คา่ ของความสาเรจ็ ทางเศรษฐกจิ และสงั คม, การเป็นคนสามัญหรอื ระดบั เฉล่ยี มีให้ เห็นโดยทว่ั ไปวา่ เป็นคุณลกั ษณะในทางบวก

6 อาหารประจาชาติอเมรกิ า ยังไมม่ กี ารบนั ทึกทชี่ ัดเจนวา่ ประเทศหรือชนชาติใดเปน็ ตน้ ตารับของแฮมเบอรเ์ กอร์ แต่คาท่ีใชเ้ รยี กขนม ปงั 2 ชิน้ ทมี่ ีเนอ้ื อยตู่ รงกลางวา่ แฮมเบอรเ์ กอรน์ ้ัน เร่มิ ตน้ ขึ้นทเ่ี มืองฮัมบรู ก์ (Hamburg) ประเทศเยอรมนี ขณะทีเ่ มนูกินด่วนแบบนย้ี ังไปฮิตตดิ อันดบั ทส่ี หรฐั แทน ส่วนคนในฮัมบูรก์เองนั้น กลบั นยิ มทานแซนด์วชิ มากกว่า อยา่ งไรก็ตามยังไม่มหี ลักฐานท่แี นช่ ัดว่าใครเป็นผู้ทแี่ นะนาใหช้ าวฮัมบรู ์กรู้จักกับการปรุงอาหารชนิดนี้ โดยมี ผู้กลา่ วถงึ ทมี่ าเอาไว้ 2 ทฤษฎีด้วยกนั โดยทฤษฎีแรกมีการกลา่ วเอาไว้วา่ ในชว่ งยุคกลาง เมอื งฮัมบูรก์ เปน็ เมือง ศูนยก์ ลางทางการคา้ ที่สาคัญระหวา่ งโลกอาหรับและยุโรป ทาให้พ่อค้าอาหรับเขา้ มาติดต่อกบั ชาวบ้าน และได้ แนะนาอาหารท่ีชอ่ื กะบาบ ซึ่งเป็นเนอ้ื ลูกแกะบดผสมเคร่ืองเทศ ทม่ี ักจะกินกันดบิ ๆ ให้กับชาวบ้าน หลังจากนน้ั ชาวเมืองฮัมบรู ก์ ไดด้ ดั แปลงเปลย่ี นจากเนื้อลกู แกะไปเปน็ เนื้อหมูหรอื วา่ เนื้อวัวแทน พร้อม กบั ปรุงรสขนึ้ ใหม่ จนกลายเป็น “ฮมั บรู ์กสเต็ก” และสุดทา้ ยก็พฒั นากลายมาเปน็ “แฮมเบอรเ์ กอร์” ในเวลา ต่อมา

7 สว่ นอกี ทฤษฎีนน้ั กล่าวไวว้ า่ ในชว่ งท่กี องทัพมองโกลของเจงกสี ข่านยกทพั บกุ รัสเซยี นน้ั เหล่าทหารจะกินเน้ือ ลูกแกะดิบที่ปัน้ เปน็ ก้อนกลมซึ่งเหลา่ ทหารมวี ิธีการทาใหเ้ นื้อนมิ่ ด้วยการวางไวใ้ ต้อานม้า จากนั้นชาวรัสเซยี กร็ บั เอาอาหารชนดิ นีไ้ ป และเรยี กว่า “ทารท์ ารส์ เตก็ ” เนือ่ งจากชาวรัสเซยี เรียกชาว มองโกลว่า “ทารท์ าร์” และในชว่ งศตวรรษที่ 17 รัสเซียเรมิ่ ทีจ่ ะค้าขายติดตอ่ กับเมืองฮัมบรู ์กและกไ็ ด้นา อาหารชนดิ นีไ้ ปเผยแพร่ด้วย โดยชาวเยอรมันได้เปลยี่ นไปใช้เนือ้ ววั ไปปรงุ รสดว้ ยเครือ่ งเทศในท้องถ่นิ จน กลายเปน็ “ฮัมบรู ์กสเต็ก” และอาจจะนาไปรมควนั หรอื วา่ หมกั เกลือ เพื่อท่ีจะสามารถเก็บไดน้ านระหวา่ งที่ กาลงั เดินทาง จากนน้ั ทหารเรือชาวเยอรมนั และผูอ้ พยพก็ไดน้ าเมนูนตี้ ดิ ตัวไปยงั สหรัฐฯดว้ ยในช่วง 1800s และในชว่ ง ทศวรรษท่ี 1820 หรอื 1830 นี่เองท่ีมีการนาชื่อ “แฮมเบอรเ์ กอรส์ เตก็ ” ไปปรากฏอยูบ่ นรายการอาหารของ ร้านอาหารท่ีช่อื เดลโมนิโก ซง่ึ ตง้ั อยูใ่ นนครนวิ ยอรก์ กอ่ นจะไดร้ ับความนิยมแพร่หลาย ไปอยา่ งรวดเร็ว ชว่ งต้นยุค 1900s ร้านอาหารในสหรัฐฯมากมายหลายร้านได้เร่ิมนาแฮมเบอร์เกอร์สเต็กมาใสร่ ะหว่าง ขนมปงั 2 ชน้ิ หรอื วา่ ใส่ข้างในขนมปงั และเมื่อแฮมเบอร์เกอรส์ เตก็ ถูกนามาใส่ไวข้ า้ งในขนมปัง จึงถูกเรียกว่า “แฮมเบอร์เกอร์แซนด์วิช” และผู้ที่คดิ ค้นขนมปังก้อนสาหรับแฮมเบอร์เกอรข์ ึน้ มาก็คือพ่อครวั ทีช่ ่อื เจ วอล เตอร์ แอนเดอร์สนั ในปี 1916 กอ่ นที่เขาค้นนจ้ี ะไปเปิดร้านอาหารทีช่ ่อื ไวทค์ าสเซลิ ในปี 1921 สาหรับชีสแฮมเบอร์เกอร์ หรอื ทีเ่ รียกสน้ั ๆวา่ ชีสเบอรเ์ กอรน์ ัน้ ว่ากันวา่ ผ้ทู เี่ ริ่มคิดค้นลงมอื ทาเปน็ คนแรก กค็ ือเชฟทชี่ ือ่ ไลโอเนล สไตน์เบอรเ์ กอร์ จากร้านอาหารที่ช่ือ ไรท์สปอต ในเมืองพาซาดีนา มลรฐั แคลฟิ อรเ์ นีย ส่วนผทู้ ่ีทาใหช้ ่อื เสียงของฟาสตฟ์ ูดสอ์ ย่างแฮมเบอร์เกอรไ์ ด้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุคปัจจบุ นั กค็ ือ เรย์ ครอก ซึ่งเร่ิมเปิดตวั ร้านแมคโดนลั ด์สาขาแรกชว่ งกลางทศวรรษท่ี 1950

8 การเมอื งการปกครอง มรี ูปแบบการปกครองแบบสหพนั ธรฐั (Federal Republic) แบ่งอานาจออกเปน็ 3 ฝา่ ย ภายใต้บทบญั ญัติแห่งรฐั ธรรมนญู แต่ ละฝ่ายไดร้ ับเลอื กในลักษณะที่แตกต่างกนั ออกไป จงึ มกี ารตรวจสอบและถ่วงดุลอานาจซึง่ กันและกัน (checks and balances) ประกอบดว้ ยพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คอื พรรครพี บั ลิกนั (Republican) และพรรคเดโมแครต (Democrat) ดังน้ี ฝา่ ยบริหาร มปี ระธานาธิบดี (President) เปน็ ประมุขและเป็นหัวหนา้ รฐั บาล (Chief of Executive) ไดร้ บั เลือกจากการ เลอื กตั้งท่วั ไป รว่ มกบั รองประธานาธบิ ดที ุก 4 ปี ในวนั อังคารแรกหลงั วนั จันทรแ์ รกของเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีมา จากการเลือกตง้ั ผ่านคณะผู้เลือกตัง้ (Electoral College) จานวน 538 คน ดารงตาแหน่งไม่เกิน 2 สมัย สมยั ละ 4 ปี ประธานาธิบดจี ะเปน็ ผูร้ ่างรัฐบัญญัตติ อ่ รัฐสภา และทาหนา้ ท่เี ป็นผู้บัญชาการทหารสงู สุด ผทู้ าสนธสิ ญั ญาต่าง ๆ ตลอดจน แตง่ ต้ังผู้พิพากษาเอกอคั รราชทูตและตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ของฝ่ายบริหารตั้งแตร่ ะดบั รองผู้ชว่ ยรัฐมนตรี (Deputy Assistant Secretary) ขึน้ ไป ฝ่ายนติ ิบญั ญตั ิ ประกอบด้วย 2 สภา คือ วุฒสิ ภา มีสมาชกิ จากแต่ละรัฐ รัฐละ 2 คน รวมเปน็ 100 คน ดารงตาแหนง่ สมยั ละ 6 ปี โดยสมาชกิ จานวน 1 ใน 3 ครบวาระ ทุก 2 ปี วุฒิสภามีอานาจให้ความเห็นชอบ หรอื ไม่เห็นชอบตอ่ บุคคลทีป่ ระธานาธบิ ดเี สนอขอแตง่ ต้ัง รวมท้ังคณะรฐั มนตรี และ ใหส้ ตั ยาบันสนธสิ ัญญา รองประธานาธิบดสี หรัฐฯ เป็นผดู้ ารงตาแหน่งประธานวุฒสิ ภาโดยตาแหนง่ (President of the Senate) สภาผู้แทนราษฎร มสี มาชิก 435 คน แบง่ ตามสัดสว่ นของประชากรในรฐั คอื ประชากร 575,000 คน ต่อ สมาชกิ 1 คน ดารง ตาแหนง่ สมัยละ 2 ปี ประธานสภา (Speaker of the House) มีเอ่ยี ม ฝา่ ยตุลาการ ประกอบดว้ ย ศาลชั้นต้น (Curcuit Court) ศาลอุทธรณ์ (Appeal Court) และศาลฎกี า (Supreme Court) ศาล ฎกี ามอี านาจทีจ่ ะล้มเลกิ กฎหมายใด ๆ และการปฏบิ ตั กิ ารของฝ่ายบรหิ ารทไี่ ด้วินิจฉัยแล้วว่าขัดต่อรฐั ธรรมนญู ในการแตง่ ต้ังผู้ พิพากษาศาลฎกี านั้น ประธานาธิบดเี ปน็ ผู้เสนอช่อื และวฒุ ิสภาเปน็ ผ้ใู หก้ ารรบั รอง โดยศาลสงู ของสหพนั ธ์มีผู้พิพากษาทั้งหมด 9 คน ซึง่ ตารงตาแหน่งได้โดยไมม่ ีการกาหนดวาระ สิทธิในการเลอื กต้งั : อายุ 18 ปขี น้ึ ไป

9 เศรษฐกิจสหรฐั อเมรกิ า เศรษฐกิจสหรฐั อเมริกาสหรัฐมีเศรษฐกจิ ทนุ นิยมผสมที่ขบั เคลอื่ นโดยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และผลผลติ ทีส่ งู สอดคล้องกบั กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, GDP ของสหรฐั อยู่ที่ 17.1 ล้านล้าน $ ถือว่าเปน็ 22% ของผลิตภัณฑ์รวม ของโลกที่อัตราแลกเปลย่ี นตลาด และกวา่ 19 % ของผลิตภัณฑ์รวมของโลกท่ีกาลังซ้ือเทา่ เทยี มกัน (องั กฤษ: purchasing power parity (PPP) แม้วา่ จะมีขนาดใหญ่กวา่ ของประเทศอืน่ ๆ จีดีพขี องชาตเิ ปน็ ประมาณ 5% เลก็ กวา่ PPP ในปี 2011 ของสหภาพยโุ รปที่มีประชากรประมาณมากกวา่ 62% จากปี 1983 ถงึ ปี 2008, อัตราการเจริญเตบิ โตแบบทบตน้ ต่อปีของ จดี ีพสี หรฐั อยู่ท่ี 3.3% เมอ่ื เทียบกบั คา่ เฉลยี่ ถว่ งนา้ หนัก 2.3% สาหรับสว่ นทีเ่ หลือของประเทศ G7 ประเทศน้ีอยใู่ นอันดบั ท่ี เกา้ ของโลกด้านจีดีพโี ดยประมาณต่อหัวประชากรและอนั ดับที่หกด้าน GDP ต่อหัวท่ี PPP. ค่าเงนิ ดอลลาร์ สหรัฐเป็นสกลุ เงนิ สารองหลักของโลก สหรัฐเป็นผู้นาเข้ารายใหญ่ที่สุดของสนิ คา้ และเป็นผสู้ ่งออกใหญ่เป็นอนั ดับสองแม้ว่าการสง่ ออกต่อหัวจะค่อนขา้ งตา่ ในปี 2010 การขาดดลุ รวมทางการคา้ ของสหรัฐอยทู่ ี่ $ 635 พนั ล้าน. แคนาดา, จนี , เมก็ ซิโก, ญีป่ นุ่ และเยอรมนเี ป็นคู่คา้ สงู สดุ . ในปี 2010, นา้ มนั เปน็ สนิ คา้ นาเขา้ ทีใ่ หญ่ทส่ี ุด ในขณะทีอ่ ปุ กรณก์ ารขนส่งเปน็ สนิ คา้ สง่ ออกท่ีใหญท่ สี่ ุดของประเทศ. จนี เปน็ ผ้ถู ือตา่ งประเทศที่ใหญ่ที่สดุ ของหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมรกิ า ในปี 2009 ภาคเอกชนคาดวา่ จะเปน็ 86.4 % ของเศรษฐกิจ โดยทกี่ ิจกรรมของรฐั บาลกลางคดิ เป็น 4.3% และกิจกรรม ของรฐั และรฐั บาลทอ้ งถิน่ (รวมถงึ การโอนของรฐั บาลกลาง) เปน็ สว่ นทีเ่ หลืออีก 9.3%. ในขณะท่เี ศรษฐกจิ ของประเทศได้ เข้าถงึ ระดับหลังอุตสาหกรรม (อังกฤษ: postindustrial) ของการพัฒนา และภาคบรกิ ารของประเทศที่ถือวา่ เปน็ 67.8% ของจดี ีพี, สหรฐั ก็ยงั คงเปน็ พลังอุตสาหกรรม สาขาธุรกจิ ชน้ั นาเมอื่ คิดตามใบเสรจ็ รบั เงนิ รวมของธุรกจิ คอื ค้าส่งและคา้ ปลีก เมื่อคิดตามรายไดส้ ุทธิ ธุรกิจชั้นนาเปน็ การผลิต ผลิตภัณฑ์เคมีเป็นสาขาการผลติ ช้นั นา. สหรัฐอเมรกิ าเปน็ ผู้ผลติ นา้ มนั รายใหญอ่ ันดับสามของโลก และเปน็ ผ้นู าเขา้ ราย ใหญ่ท่สี ุดของโลกด้วย. สหรฐั ยังอันดบั หนงึ่ ของโลกของผผู้ ลติ พลงั งานไฟฟ้าและนวิ เคลยี ร์ เชน่ เดียวกับก๊าซธรรมชาตเิ หลว, กามะถัน, ฟอสเฟต และเกลือ ในขณะทีภ่ าคเกษตรมีสัดส่วนนอ้ ยกวา่ 1% ของ GDPสหรัฐเป็นผู้ผลิตขา้ วโพดชั้นนาของโลก และถ่วั เหลอื ง สานักบริการสถิตกิ ารเกษตรแห่งชาติเกบ็ รกั ษาสถติ กิ ารเกษตรสาหรบั ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย ถว่ั ลสิ ง, โอ๊ต, ไรย์, ขา้ วสาลี, ข้าว, ผา้ ฝ้าย, ขา้ วโพด, ข้าวบาร์เลย์, หญ้าแหง้ , ดอกทานตะวนั และพืชนา้ มนั นอกจากน้ี กรมวชิ าการ เกษตรของสหรฐั (USDA) จดั หาสถติ เิ กีย่ วกบั ปศสุ ตั วเ์ ชน่ เน้อื วัว, เนื้อไก่, เนือ้ หมู พรอ้ มกบั ผลติ ภณั ฑน์ ม สมาคมการทา เหมืองแร่แห่งชาติให้ข้อมูลท่ีเก่ียวขอ้ งกับถา่ นหนิ และแรธ่ าตทุ รี่ วมถึง เบริลเลยี ม, ทองแดง, ตะก่ัว, แมกนีเซียม, สงั กะสี, ไทเทเนยี ม และอน่ื ๆ ในรปู แบบธุรกิจแฟรนไชส์, McDonald และ Subway เปน็ สองแบรนด์ทไ่ี ด้รับการยอมรบั มากท่ีสุด ในโลก โคคาโคลา่ เปน็ บรษิ ทั เครอ่ื งดื่มทไี่ ดร้ ับการยอมรับมากท่ีสดุ ในโลก การใช้จา่ ยของผบู้ รโิ ภคมสี ดั ส่วนเปน็ 71% ของเศรษฐกจิ สหรฐั ในปี 2013.[199] ในเดือนสิงหาคม 2010, แรงงานอเมรกิ ัน ประกอบด้วย 154.1 ลา้ นคน มี 21.2 ลา้ นคนเปน็ เจา้ หนา้ ที่ของรัฐ ซงึ่ รัฐเป็นสนามชนั้ นาของการจ้างงาน การจ้างงานภาค

10 เอกชนท่ีใหญท่ สี่ ุดคือการดแู ลสขุ ภาพและการช่วยเหลือสงั คม มีจานวน 16.4 ลา้ นคน ประมาณ 12% ของคนงานอยู่ใน สหภาพ เมอ่ื เทยี บกบั 30% ในยโุ รปตะวนั ตกธนาคารโลกจัดอนั ดับประเทศสหรัฐอเมริกาใหเ้ ป็นท่หี นงึ่ ในความสะดวก 10 ในการจ้างงานและปลดออกจากงาน สหรฐั อเมริกาเทา่ นัน้ ที่เป็นเศรษฐกิจข้นั สูงที่ไมร่ บั ประกันคนงานวา่ จะได้รับค่าแรงใน วนั หยดุ และเปน็ หน่ึงในไมก่ ี่ประเทศเทา่ น้นั ใน โลกท่ีไมจ่ า่ ยเงนิ ลาพักกับครอบครัวตามสิทธิตามกฎหมาย เหมือนกับ ประเทศอืน่ ๆเช่น ปาปัวนวิ กินี, ซรู นิ าม และไลบีเรยี . ในปี 2009 ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับสามในโลกสาหรบั ผลผลติ แรงงานสงู ทีส่ ดุ ต่อคน ตามหลงั ลกั เซมเบิร์กและนอร์เวย์ เปน็ ทส่ี ี่สาหรับผลผลติ ตอ่ ช่ัวโมง ตามหลังสองประเทศ ขา้ งตน้ และ เนเธอรแ์ ลนด์ ภาวะถดถอยทวั่ โลกระหว่างปี 2008 ถึง 2012 มีผลกระทบอย่างมีนัยสาคัญสาหรบั ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ีมีการสง่ ออก ยงั คงตา่ กวา่ ศักยภาพท่ีมตี ามรายงานของสานกั งบประมาณรัฐสภา. การถดถอยนาไปสู่การวา่ งงานที่สูง (ซึ่งถูกทาให้ลดลง แตย่ ังคงสูงกว่าระดบั กอ่ นภาวะถดถอย) พร้อมดว้ ยความเชอ่ื ม่ันผบู้ ริโภคที่ต่า, มลู ค่าบ้านทีล่ ดลงอย่างต่อเน่ือง และการ เพม่ิ ข้ึนในการเขา้ ยดึ และการลม้ ละลายสว่ นบุคคล, วกิ ฤตหน้ที ีเ่ พมิ่ ขึ้นของรฐั บาลกลาง, อตั ราเงนิ เฟ้อและราคานา้ มนั ปโิ ตรเลียมและราคาอาหารทีเ่ พม่ิ ข้นึ ยงั คงมีการบันทึกสดั ส่วนการตกงานในระยะยาว, รายได้ของครวั เรือนลดลงอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื ง และภาษีและงบประมาณของรัฐบาลกลางทีเ่ พ่ิมข้ึนการสารวจในปี 2011 พบว่า มากกวา่ คร่ึงหน่ึงของ ชาว อเมรกิ ันทงั้ หมดคิดว่าสหรฐั ยังคงอยใู่ นภาวะถดถอยหรือแม้กระท่ังภาวะซมึ เศร้า แมจ้ ะมี ขอ้ มูลอย่างเป็นทางการที่แสดงให้ เห็นการฟน้ื ตวั อย่างเจียมเน้ือเจียมตัวเปน็ ประวตั ิศาสตร์

บรรณานกุ รม “ประวตั ิความเปน็ มาของสหรัฐอเมรกิ า” เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/jun2800428004/sersthkic-shrathxmerika สบื ค้นเม่อื วนั ท่ี 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 “อเมริกา ข้อมลู ท่ัวไปของ ประเทศอเมริกา ประเทศสหรฐั อเมรกิ า USA” เข้าถึงได้จาก : https://www.educatepark.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8 %99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8 %A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2/about_usa/ สบื ค้นเม่อื วนั ที่ 7 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2563 “ขอ้ มลู ท่วั ไปประเทศอเมรกิ า” เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://www.tornok.com/?page_id=195 สืบคน้ เมือ่ วนั ที่ 7 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2563


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook