บทท่ี 8 แนวคดิ ในการวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ 1
แนวคิดในการวดั ผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ในความหมายที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันมาแต่เดมิ น้ัน การประเมินผลเป็ น กิจกรรมท่ีเกิดขนึ้ ภายหลังกิจกรรมการเรียนรู้ แต่หลกั สูตรแบบอิงมาตรฐาน มุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จนปรากฏเป็ นคุณสมบัติเด่นชัดติดตัวผู้เรียนไปอย่าง ยั่งยนื และนาไปใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวติ หลกั การของการประเมนิ ตามสภาพจริงน้ันถือว่าการประเมินผลกบั การ เรียนรู้เกิดขนึ้ อย่างผสมผสานกันเม่อื มกี จิ กรรมการเรียนรู้ผู้เรียนจะ แสดงพฤติกรรมต่างๆ ซ่ึงเป็ นข้อมูลท่ีใช้ประเมินตามสภาพจริงได้ในทันที ด้วย เหตุดงั กล่าวการประเมนิ จากการปฏิบัติจริงจึงมีความสาคญั มากขนึ้ การวดั และประเมินเป็ นไปตามสภาพความเป็ นจริง 2
กระบวนการวัดผลการเรียนรู้แบ่งได้ตามแนวทาง 3 ประการ คือ 1. วดั ครบถ้วนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ได้จริง 1) วดั ความสามารถทางความรู้ ความคิดได้จริง (Cognitive Ability) 2) วดั ความสามารถในการปฏบิ ตั ไิ ด้จริง (Performance/Practice Ability) 3) วดั คุณลักษณะทางจติ ใจได้จริง (Affective Characteristics) 2. วดั ได้ตรงความเป็ นจริง คอื ส่ิงที่วดั ได้น้ันเป็ นข้อมูล เป็ นการแสดงพฤติกรรม ท่ีสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ท้ังความสามารถทางความรู้ ความคดิ ความสามารถในการปฏิบัติและคุณลกั ษณะทางจติ ใจ 3. เลือกสรร คิดค้นเคร่ืองมอื และเทคนิคการวดั ผลท่ีเป็ นการวดั พฤติกรรมที่แท้จริงท่ี แสดงออกซึ่งความสามารถของผู้เรียน ซ่ึงอาจได้จากการสังเกตพฤติกรรม ผู้เรียน สังเกตจากการปฏิบัติภาระงาน (Tasks) 3
การวดั และประเมนิ ตามสภาพจริงน้นั มขี ้อควรคานึงดงั นี้ 1. การออกแบบการวดั และประเมนิ ตามสภาพจริง 2. การแปลจุดประสงค์การเรียนรู้ออกเป็ นภาระงานท่ผี ู้เรียนจะต้องปฏิบตั ิ 3. การใช้วธิ ีกาหนดผ้เู รียนเป็ นกลุ่มเลก็ ให้หมุนเวยี นกนั ทาหน้าที่ วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ตามแนวการปฏิรูปการศึกษาเน้นการประเมนิ ตามสภาพจริง มวี ธิ ีการดงั นี้ 1. สังเกตการแสดงออกเป็ นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม 2. ชิน้ งาน ผลงาน รายงาน 3. การสัมภาษณ์ 4. บนั ทึกของผ้เู รียน 5. การประชุมปรึกษาหารือร่วมกนั ระหว่างผู้เรียนและผ้สู อน 6. การวดั และประเมนิ ผลภาคปฏบิ ตั ิ (Practical Assessment) 7. การวดั และประเมนิ ผลด้านความสามารถ (Performance Assessment) 8. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้โดยใช้แฟ้ มผลงาน (Portfolio Assessment) 4 9. อน่ื ๆ
ผู้มสี ่วนเกี่ยวข้องในการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เดิมที่เน้นให้ผู้สอนเป็ นผู้ประเมนิ ปัจจุบันซ่ึงควรประกอบด้วย ตัวผู้เรียน เพอ่ื น ของผู้เรียน ผู้สอน พ่อแม่ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องอืน่ ๆ วธิ ีการให้คะแนนในการประเมนิ ตามสภาพจริง 1. การให้คะแนนแบบไม่ชัดเจน (ตามใจผู้ประเมิน) 2. การให้คะแนนแบบถูกผิดชัดเจน เช่น ในการตรวจข้อสอบแบบปรนัย 3. การให้คะแนนแบบมาตรประมาณค่า (Rating Scales) 4. การให้คะแนนแบบรูบริค (Rubric) รูบริค หรือเกณฑ์ระดบั ความสามารถเป็ นสิ่งที่ผู้สอนและผู้เรียนตกลงร่วมกันว่าจะใช้ในการประเมนิ กิจกรรม หรืองานต่างๆ นอกเหนือจากการให้คะแนนด้วยวธิ ีต่างๆ ดงั กล่าวแล้ว ในการประเมินผลการ เรียนรู้ผู้สอนอาจใช้ข้อมูลในรูปแบบอนื่ ๆ เช่น ข้อมูลจากบันทึกต่างๆ 5
แนวทางการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนแบบ รูบริค การให้คะแนนแบบ รูบริค เป็ นนวตั กรรมการประเมนิ ผลการเรียนรู้ที่สาคัญ ปัญหาสาคญั ของการให้คะแนนแบบ รูบริค คอื การสร้างเกณฑ์ที่เหมาะสม ข้นั ตอนในการสร้างเกณฑ์การให้คะแนนแบบ รูบริค 1. กาหนดประเดน็ ในการประเมิน โดยเขยี นนิยามปฏิบัติการและความหมายให้ ชัดเจน คุณภาพหรือปริมาณงานหรือพฤติกรรม มาใช้เป็ นประเด็นในการประเมิน 2. กาหนดจานวนระดับ ซ่ึงอาจเป็ น 5 ระดับหรือ 3 ระดับ แล้วแต่ความเหมาะสม 3. พจิ ารณาให้ระดับ 3 เป็ นเกณฑ์ที่เป็ นไปตามมาตรฐานของหลักสูตร 4. พจิ ารณาให้ระดบั 2 เป็ นเกณฑ์ท่ี “เกอื บผ่าน” คือจะต้องมกี ารปรับปรุงแก้ไข 5. พจิ ารณาให้ระดบั 4 เป็ นเกณฑ์ท่ีมีคุณภาพสูงกว่าระดับ 3 6. พจิ ารณาให้ระดบั 1 เป็ นเกณฑ์ที่มีคุณภาพต่ากว่าระดับ 2 7. ทดลองใช้และประเมนิ ความเช่ือม่นั ของ รูบริค โดยใช้ผู้ประเมนิ 2 คนหรือ 6 คนเดยี ว
วธิ ีท่ี 1 แยกประเดน็ พจิ ารณาออกเป็ นประเด็นย่อย แล้วกาหนดเป็ นตาราง พจิ ารณาความถูกต้องในแต่ละประเด็น กาหนดระดบั คะแนนตามจานวนที่ปฏิบัติ ได้ถูกต้อง ตัวอย่าง กาหนดให้ผู้เรียนศึกษาว่าผ้า 3 ชนิด ชนิดใดจะซับน้าได้ดีที่สุด โดย ให้อุปกรณ์การทดลองประกอบด้วย หลอดแก้ว ถาด หลอดหยด และตาช่ังเกณฑ์ การให้คะแนนจะพจิ ารณาจาก วธิ ีการ การทาให้อิ่มตัว กาหนดพจิ ารณาผลการชั่ง และการลงสรุปผล 7
ตัวอย่าง Rubrics ประเมนิ การนาเสนอ 8
ตัวอย่าง Rubrics ประเมนิ แฟ้ มสะสมงาน 9
ตัวอย่าง Rubrics ประเมนิ พฒั นาการของแฟ้ มสะสมงาน 10
ตัวอย่าง Rubrics ประเมนิ เจตคติต่อการร่วมกจิ กรรม 11
ตัวอย่างแบบประเมินความสามารถในการทาการทดลองแบบให้คะแนนด้วย วธิ ีรูบริค 12
13
การประเมิน/ตัดสินผลการเรียน การจดั การศึกษามีจุดมุ่งหมายเพอื่ พฒั นาผู้เรียนให้เกดิ สัมฤทธิผล ตามหลกั สูตรดงั น้ัน การจดั การจดั การเรียนรู้ทุกวชิ าตามหลกั สูตร มี ความหมายและมีความสาคัญต่อการพฒั นาผู้เรียน ในการประเมนิ ตามสภาพจริงต้องมีการประเมินทุกระยะ ประเมิน รอบด้าน 360 องศาประเมินอย่างต่อเน่ือง ผ้สู อนจะต้องสรุปผลการ ประเมินผ้เู รียนจากข้อมูล โดยมีการประเมนิ ดงั นี้ 1. การประเมินงานแต่ละชิ้น เช่น ชิ้นงาน หรือโครงงาน 14
15
2. การประเมินผลรวมท้งั รายวิชาตลอดภาคเรียน การประเมนิ ย่อย (Formative) น้าหนัก 8 ส่วน ประกอบด้วย 1) รายงาน น้าหนัก 2 ส่วน 2) การทดสอบย่อย 3 คร้ัง แต่ละคร้ังน้าหนัก 1 ส่วน รวม 3 ส่วน 3) โครงงานกล่มุ น้าหนัก 2 ส่วน 4) แฟ้ มสะสมงาน น้าหนัก 1 ส่วน การประเมนิ ผลรวม (Summative) น้าหนัก 2 ส่วน 16
17
การประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic Assesment) ความหมาย การประเมนิ ตามสภาพจริงเป็ นการประเมนิ จากการปฏบิ ัตงิ านหรือกจิ กรรมอย่างใด อย่างหนึง่ แนวคิดและหลกั การของการประเมนิ ตามสภาพจริง 1. ไม่เน้นการประเมนิ ทกั ษะพนื้ ฐานแต่เน้นการประเมนิ ทกั ษะการคดิ ทีซ่ ับซ้อนในการ ทางานความร่วมมอื ในการแก้ปัญหา และการประเมนิ ตนเองท้งั ภายในและภายนอก ห้องเรียน 2. เป็ นการวดั และประเมนิ ความก้าวหน้าของผ้เู รียน 3. เป็ นการสะท้อนให้เห็นการสังเกตสภาพงานปัจจบุ นั ของผู้เรียน และส่ิงท่ีผู้เรียนได้ ปฏิบตั จิ ริง 4. เป็ นการให้ความสาคญั กบั งานทเ่ี ป็ นจริงโดยพจิ ารณาจากงานหลายๆ ชิ้น 5. ผ้ปู ระเมนิ ควรมหี ลายคน มกี ารประชุมกนั เพอื่ แลกเปลย่ี นข้อมูลเกย่ี วกบั ตวั ผู้เรียน 6. การประเมนิ ต้องดาเนินการไปพร้อมกบั การจดั การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 7. นาการประเมนิ ตนเองมาใช้เป็ นส่วนหนึ่งของการประเมนิ ตามสภาพทแี่ ท้จริง 8. ควรมกี ารประเมนิ ท้ัง การประเมนิ ทีเ่ น้นการปฏิบัตจิ ริง และการประเมนิ จากแฟ้ ม สะสมงาน 18
ลกั ษณะสาคัญของการวัดและการประเมินผลจากสภาพจริง 1. ใช้วิธีการประเมนิ กระบวนการคดิ ท่ีซับซ้อน 2. เป็ นการประเมนิ ความสามารถของผู้เรียน 3. เป็ นการประเมนิ ทีเ่ ปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมประเมินผล 4. ข้อมูลทป่ี ระเมินได้จะต้องสะท้อนให้เห็นถงึ กระบวนการ 5. ประเมินความสามารถของผู้เรียนในการถ่ายโอนการเรียนรู้ไปสู่ ชีวิตจริงได้ 6. ประเมินด้านต่างๆ ด้วยวิธีท่หี ลากหลายในสถานการณ์ต่างๆ อย่าง ต่อเนื่อง 19
ข้นั ตอนการประเมนิ ตามสภาพจริง 1. กาหนดวตั ถุประสงค์และเป้ าหมายในการประเมนิ 2. กาหนดขอบเขตในการประเมนิ 3. กาหนดผู้ประเมนิ 4. เลอื กใช้เทคนิคและเคร่ืองมอื ในการประเมนิ 5. กาหนดเวลาและสถานทท่ี จ่ี ะประเมนิ 6. วเิ คราะห์ผลและวธิ ีการจดั การข้อมูลการประเมิน 7. กาหนดเกณฑ์ในการประเมิน อาจกล่าวสรุปได้ว่าการประเมินตามสภาพจริงเป็ นข้นั ตอนที่ผ้สู อน และผู้เรียนร่วมกนั กาหนดผลสัมฤทธ์ิทต่ี ้องการโดยวเิ คราะห์จาก หลกั สูตร 20
เทคนิค/วธิ ีการที่ใชใ้ นการประเมินตามสภาพจริง 21 1. การสงั เกต 2. การสมั ภาษณ์ 3. การตรวจงาน เป็นการวดั และประเมินผลท่ีเนน้ การนาผลการ ประเมินไปใชท้ นั ทีใน 2 ลกั ษณะนิสยั และคุณลกั ษณะท่ีดีในการทางาน ซ่ึง ผสู้ อนควรมีความยดื หยนุ่ การประเมิน จากการตรวจงานมากข้ึน ดงั น้ี 1) ไม่จาเป็นตอ้ งนาชิ้นงานทุกชิ้นมาประเมิน 2) จากแนวคิดตามขอ้ 1 ชิ้นงานที่หยบิ มาประเมินของแต่ละคน 3) อาจประเมินชิ้นงานท่ีผเู้ รียนทานอกเหนือจากทผี่ สู้ อนกาหนด 4) ผลการประเมิน ไม่ควรบอกเป็นคะแนนหรือระดบั คุณภาพ 4. การรายงานตนเอง ใหผ้ เู้ รียนเขียนบรรยายหรือตอบคาถามส้ันๆ 5. การใชบ้ นั ทึกจากผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ ง เป็นการรวบรวมขอ้ มูลความคิดเห็น 6. การใชข้ อ้ สอบแบบเนน้ การปฏิบตั ิจริง
เทคนิค/วิธีการที่ใชใ้ นการประเมินตามสภาพจริง (ต่อ) 22 ในกรณที ผี่ ้สู อนต้องการใช้แบบทดสอบขอเสนอแนะให้ใช้ แบบทดสอบภาคปฏบิ ัติที่เน้นการปฏบิ ัติจริง ซึ่งมีลักษณะดงั ต่อไปนี้ 1) ปัญหาต้องมคี วามหมายต่อผู้เรียน 2) เป็ นปัญหาที่เลยี นแบบสภาพจริงในชีวติ ของผ้เู รียน 3) แบบสอบต้องครอบคลุมท้ังความสามารถและเนือ้ หา 4) ผู้เรียนต้องใช้ความรู้ความสามารถ ความคิดหลายๆ ด้าน 5) ควรมคี าตอบถูกได้หลายคาตอบ และมีวธิ ีการหาคาตอบ 6) มเี กณฑ์การให้คะแนนตามความสมบูรณ์ของคาตอบอย่าง ชัดเจน 7. การประเมินโดยใช้แฟ้ มสะสมงาน
กล่าวโดยสรุป วิธีการให้คะแนนตามแนวประเมินตามสภาพ จริง เน้นท่ีการให้ข้อมูลท่สี ามารถบ่งชี้ถงึ ความสาเร็จหรือความ รอบรู้ของผ้เู รียนว่ามีลกั ษณะอย่างไรและความสาเร็จหรือความ รอบรู้ในระดบั ทีแ่ ตกต่างกนั น้ัน มลี กั ษณะแตกต่างกนั อย่างไร ไม่ใช่ให้ความหมายเพยี งแค่การ ได้/ตก หรือ ผ่าน/ไม่ผ่าน หรือ ระดบั ของการผ่านเท่าน้ัน นอกจากนีก้ ารนาผลประเมนิ ไปใช้ ประโยชน์ด้านการตัดสินผลการเรียนกม็ ีความสาคญั เป็ นอนั ดับ รองจากการนาไปใช้เพอ่ื พฒั นาผู้เรียนและตวั ผู้สอน หัวใจสาคัญของการประเมนิ ตามสภาพจริง คือ ต้องสอน และ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสภาพจริง 23
แบบทดสอบท้ายบท 24
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: