Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งเรียนรู้นาคำน้อย9

แหล่งเรียนรู้นาคำน้อย9

Published by akkaraanong somthong, 2019-12-20 01:52:54

Description: แหล่งเรียนรู้นาคำน้อย9

Keywords: แหล่งเรียนรู้

Search

Read the Text Version

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรียนรู้ หม่บู า้ นกศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสวุ รรณคหู า จังหวัดหนองบวั ลาภู คานา หมู่บ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกุดผ้ึง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัด หนองบัวลาภู เป็นหมู่บ้านท่ีส่งเสริมการใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาหมู่บา้ นให้มีระบบบริหารจัดการ ชุมชน ด้วยการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม สาหรับปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อ เสริมสรา้ งวิถีชีวติ ทเ่ี หมาะสมเป็นชมุ ชนเข้มแข็งพึ่งตนเองได้หมู่บ้าน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุวรรณคูหา ได้สร้างและพัฒนาชุมชนแห่ง การเรยี นรู้ ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผงึ้ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู มฐี านการเรียนรู้ 11 ฐานการเรียน ท่ีมีทุนในชุมชน เป็นวิทยากรเป็นแหล่งเรียนรู้การศึกษาท่ีเก้ือหนุนให้บุคคลใน ชุมชนสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชวี ิต โดยการกระจายโอกาสทางการศกึ ษาให้ทวั่ ถงึ ภายใต้สงิ่ ท่ีมอี ยใู่ นสังคมรอบ ๆ ตวั ท้ังท่มี ีชีวิตและไมม่ ีชีวติ เชน่ จากประสบการณ์ของวิทยากรหรือ ปราชญ์ชาวบ้าน จากแปลงสาธิต จากศูนย์เรียนรู้ ฯลฯ โดยมุ่งหวังให้เกิดการเรียนรู้ จากประสบการณ์ จริง ในลักษณะของการศึกษานอกระบบหรือการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างไม่เป็นทางการ ท่ีไมเ่ น้นการ เรียนรู้ เฉพาะในหอ้ งเรยี น แหลง่ เรียนร้ทู ี่หลากหลายในชมุ ชนจึงเปน็ อีกส่ิงหนง่ึ ที่จะก่อประโยชนต์ ่อกระบวนการเรียนรู้ ท่ีทาให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพจากประสบการณ์ตรง ซึ่งสัมผัสและ จับต้องได้ท้ังนี้ ความสาคัญของแหล่งเรียนรู้ใน ชุมชน ไม่ได้มีเฉพาะต่อสมาชิกในชุมชนเท่านั้น แต่ ยังรวมถึงบุคคลท่ัวไปและผู้ที่ศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาได้ใช้ ประโยชน์จากแหลง่ เรียนรู้เพ่ือดาเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ที่กอ่ ให้เกิดการเรียนรู่ร่วมกนั และก่อใหเ้ กดิ การจารึกขอ้ มูลชุมชนท่ี เป็นระบบด้วย กศน.อาเภอสวุ รรณคหู า หวงั เปน็ อยา่ งยิ่งวา่ แหล่งเรียนรู้ หมูบ่ ้าน กศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพยี ง ณ บา้ นนาคา นอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบัวลาภู จะเปน็ ต้นแบบ เป็นแหล่งเรียนรู้ ให้คนในชมุ ชน ประชาชนท่ี สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ นาความรู้ หรือประสบการณ์ที่ได้นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน เผยแพร่ เพ่ือให้เกิดสังคมการเรียนรู้ อยา่ งยัง่ ยนื ศน.อาเภอกสวุ รรณคูหา

แหลงเรยี นรู้ หมูบ่ ้านกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู สารบญั

แหลงเรียนรู้ หมบู่ ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกุดผ้ึง อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู ชื่อผลงาน “หม่บู า้ น กศน.ตน้ แบบ บ้านสุขพอเพียงบา้ นนาคาน้อย” ชือ่ เจ้าของผลงาน ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสวุ รรณคหู า หนว่ ยงาน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอสุวรรณคหู า

แหลงเรียนรู้ หมู่บ้านกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู บทที่ 1 บทนา ขอ้ มูลท่ัวไป ช่ือผลงาน “หมบู่ า้ น กศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพยี งบา้ นนาคานอ้ ย” ช่อื เจา้ ของผลงาน ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอสวุ รรณคูหา หนว่ ยงาน ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุวรรณคหู า ความเปน็ มาและความสาคัญ หมบู่ า้ น “หมบู่ า้ น กศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพยี ง”เปน็ โครงการเพ่ือส่งเสริมการใช้หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาหมู่บ้านให้มีระบบบริหารจัดการชุมชน ด้วยการนาปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม สาหรับปรับเปลี่ยนความคิดเพ่ือเสริมสร้างวิถีชีวิตท่ีเหมาะสม เป็นชุมชนเขม้ แขง็ พง่ึ ตนเองไดห้ มบู่ ้าน ซ่ึงจะเห็นได้ว่าหมู่ 8 มีกิจกรรมการดาเนินงานภายในหมู่บ้านที่ สอดคล้องกับโครงการเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้เป็นหมู่บ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสุข พอเพียงกศน.ตาบลกดุ ผ้ึง สังกัดศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอสวุ รรณคหู า จึงได้ ให้การสนับสนุนและส่งเสริมในการขับเคล่ือนกิจกรรมโครงการ “หมู่บ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง” จากการค้นหาปัญหา อุปสรรค (SWOT) พบจุดเด่น จุดด้อยของชุมชน ยังขาดการเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชนใหเ้ กดิ ความยง่ั ยนื ปัจจุบันหมู่ 8 มีความพร้อมในการพัฒนาค่อนข้างสูง มีพลังชุมชนเข้มแขง็ หมายรวมถึงผู้นาชุมชน กลุ่มองค์กรต่างๆ ดังนั้นประชาชนได้ร่วมกันขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ต้นแบบ เพ่ือให้หมู่บ้าน/ชุมชนสามารถบริหาร จัดการชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวิถีชีวิตตามแนวคิด ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึงได้รวมกันส่งเสริมกลุ่มอาชีพให้ก้าวสู่ OTOP ของชุมชน ครัวเรือนมีอาชีพ เสริม ชุมชนรูจ้ ักสามคั คี มีการชว่ ยเหลือซงึ่ กันและกัน สามารถพ่งึ ตนเองได้ ลกั ษณะทัว่ ไปของหมบู่ ้านสขุ พอเพียง บา้ นนาคานอ้ ย บา้ นนาคาน้อย ตง้ั อยู่ หมทู่ ี่ 8 ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสุวรรณคหู า จังหวดั หนองบวั ลาภู ซึง่ ในตาบลกุดผึ้ง มจี านวนหมบู่ า้ นทั้งหมด 11 หมูบ่ า้ น จานวน 159 ครวั เรือน มรี ะยะทางห่างจากอาเภอสวุ รรณคหู าประมาณ 4 กโิ ลเมตร โดยมีอาณาเขต ตดิ ต่อกับพน้ื ทใ่ี กล้เคยี ง ดังน้ี ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดตอ่ กับ ตาบลนาสี อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบัวลาภู ทศิ ใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับ ตาบลนาดา่ น และตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู ทิศตะวนั ออก มอี าณาเขตตดิ ต่อกับ ตาบลจาปา อาเภอบา้ นผือ จังหวัดอุดรธานี ทิศตะวนั ตก มอี าณาเขตติดตอ่ กบั ตาบลบา้ นโคก อาเภอสุวรรณคหู า จังหวัดหนองบัวลาภู สภาพภมู ิอากาศ

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกดุ ผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู สภาพโดยท่ัวไปจัดอยู่ในภูมิอากาศเย็นสบาย อากาศจะร้อนจัดเดือนมีนาคม ถึงเมษายน อากาศจะ หนาวเยน็ ในชว่ งเดอื น พฤศจกิ ายนถงึ เดอื นกุมภาพันธ์ ฤดูฝนจะเริม่ เดอื น พฤษภาคม ถึงเดือนตลุ าคม อาชพี ของชมุ ชน ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทานา ปลูกอ้อย ปลูกมันสาปะหลัง ยางพาราและ เล้ียงสัตว์ (โค กระบือ) ชาวบ้านส่วนใหญ่มีวิถีชวี ิตแบบพอเพียง มีการปลูกผัดสวนครัวสาหรบั รับประทานเอง ในครอบครวั เป็นการชว่ ยลดราจ่าย และสามารถเพิ่มรายได้ใหแ้ กค่ รอบครัวอีกทางหน่งึ รวมทัง้ ในการ เพาะปลูกชาวบ้านในหมู่บ้านนาคาน้อยจะหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี จะใช้ปุ๋ยหมักที่ผลิตเองมาใช้ในการ บารงุ รกั ษาพชื ผกั ท่ปี ลกู เพื่อเปน็ การดูแลสุขภาพของตนเอง และรักษาส่งิ แวดลอ้ ม ระดบั การศกึ ษา ประชาชนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนาคาน้อย ส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา จนถึงระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ดา้ นสงั คมเศรษฐกิจ สภาพการดาเนินชีวิตของประชาชนบ้านนาคาน้อยเป็นชุมชนชนบท มีญาติพี่น้องอาศัยอยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงกัน เป็นสังคมแบบเครือญาติที่เกื้อกูลกันพูดคุยปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ เป็นสังคมที่พ่ึงพาซึ่งกันและ กัน มีการปฏบิ ัติกจิ กรรมชุมชนร่วมกันอย่างตอ่ เนอื่ ง รายไดข้ องประชาชนจะอยใู่ นระดบั ปานกลาง บ้านนาคาน้อยเป็นหมู่บ้านที่มี 159 ครัวเรือนมีประชากร 817 คน เพศหญิง 410 คน เพศชาย 407 ประชากรช่วงอายุ 0-14 ปี จานวน 154 คนชาย 86 คน หญิง 68 คนช่วงอายุ 15- 59 ปี จานวน 585 คนชาย 275 คนหญิง 310 คนช่วงอายุ 60 ปี ขึ้นไป จานวน 81 คน ชาย 37 คนหญิง 44 คน ปัจจุบันมีนายสุริยา ปลัดศรี เป็นผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทานา ปลูกอ้อย ปลูกมันสาปะหลังยางพาราและเลี้ยงสัตว์ (โค กระบือ)ชาวบ้านส่วนใหญ่มีชีวิตแบบพอพียง มีการ ปลูกพืชผักสวนครัว ท้ังหน้าบ้านและภายในบ้านเพื่อไว้ทากินในครัวเรือน ทาให้สามารถลดรายจ่าย และ สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวได้ และในหมู่บ้านนาคาน้อยมีนักศึกษา กศน. จานวน 24 คน เป็น นักศึกษาระดับช้ัน ม.ต้น จานวน 11 คน และ ม.ปลาย จานวน 13 คน ซึ่งนักศึกษาทุกคนล้วนมีการ ดารงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง อีกทั้งชาวบ้านนาคาน้อยทุกหลังคาเรือนจะไม่มีการนาสารเคมีเข้ามาเข้ามาใช้ใน ครัวเรอื น จะนิยมทาปุ๋ยหมักใช้เอง ในการนามาใสพ่ ืชผักและต้นไม้ และจากการท่ีคณะบุคลากรของ กศน.ได้ลงพ้ืนท่ี พบกลุ่มนักศึกษาทาให้ได้เห็นสภาพจริงของชาวบ้าน จึง ตอ้ งการพัฒนาความรูข้ องหม่บู ้านให้เปน็ หมู่บ้าน กศน.ชมุ ชนต้นแบบบ้านสขุ พอเพียง โดยนาความรู้จากอาชีพ ที่ชาวบ้านประกอบอาชีพอยู่แล้วมาพัฒนาเป็นองค์ความรู้ร่วมกับสานักงานพัฒนาชุมชนอาเภอสุวรรณคูห า โดยการให้แต่ละอาชีพเป็นรากฐานการเรียนรู้ ซ่ึงให้หมู่บ้านมีท้ังหมด 11ฐาน ซ่ึงแต่ละฐานน้ันเป็นเจ้าของ กิจกรรมแตะละฐานเป็นนักศึกษาของ กศน. ทั้งสน้ิ ดงั นั้นจงึ ต้องการพัฒนาฐานต่อยอดใหช้ มุ ชนสามารถเลี้ยง ตนเองได้และดารงอย่อู ย่างยัง่ ยืน

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ า้ นกศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู สถานศกึ ษาทาหนา้ ที่ในการผลิตพลเมืองที่มีคุณภาพของชาติ เปน็ แหล่งการเรยี นรู้ พฒั นาทางด้าน สติปัญญา ทางด้านร่างกาย ทางด้านอารมณ์ และทางด้านสังคม ในสังคมปัจจุบันมีความเจริญและพัฒนา ทางด้านเทคโนโลยีมากมาย การพัฒนาด้านจิตใจ คุณธรรมและจริยธรรมยังมีน้อย ดังนั้น สถานศึกษาจึงได้ จัดทาโครงการ ส่งเสริมเศรษฐกิจพอพียง เพื่อเป็นการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้เกิดกับนักเรียน นักเรียน สามารถเรียนรู้ในสถานศึกษาได้อย่างมีความสุข เม่ือนักเรียนมีคุณธรรมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว จะทา ให้ผลการเรียนดีขึ้น และบรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติท่ีว่านักเรียนเป็นผู้ท่ี ดี เก่ง มสี ขุ และดารงชวี ติ ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสุข เปน็ พลเมืองท่ีมคี ณุ ภาพของประเทศชาติต่อไป วตั ถุประสงค์/เปา้ หมายของการดาเนนิ งาน 1. เพือ่ พัฒนาบา้ นนาคานอ้ ยเปน็ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ชมุ ชนตน้ แบบ 2. เพ่ือยกระดับบา้ นนาคานอ้ ยสคู่ วามเป็นเลิศด้านการดารงชวี ติ แบบเศรษฐกิจพอเพียง เปา้ หมาย เปา้ หมายเชิงปรมิ าณ - นักศกึ ษา กศน.อาเภอสวุ รรณคูหา - ประชาชนหมู่บา้ นนาคานอ้ ย

แหลงเรียนรู้ หมบู่ า้ นกศน.ตน้ แบบ บ้านสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกดุ ผง้ึ อาเภอสวุ รรณคหู า จังหวดั หนองบวั ลาภู วธิ กี ารปฏบิ ัติท่ีดี (Best Pracice) 1 ขน้ั ตอนการดาเนนิ งาน FLOW CHART วางแผนและเตรียมการ ศกึ ษาขอ้ มูล วิธกี าร รายละเอียดตา่ งๆ ทดลองทาแฟ้มเพ่ือเปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ิ การจดั ทาคูม่ ือการใชร้ ะบบ การประชุมชี้แจงนกั ศกึ ษาภาคคเี ครือขายและผู้เก่ยี วข้อง การเผยแพร่ การประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ ระบบ

แหลงเรยี นรู้ หม่บู ้านกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู 2 ขัน้ ตอนวิธีการดาเนินการ 1 วางแผนและเตรียมการ ศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ กาหนดปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหา ปรกึ ษา หารือ ดาเนนิ การศกึ ษารูปแบบ และแนวทางการดาเนนิ การ 2 ศกึ ษาข้อมูล วิธีการ รายละเอียดต่างๆ 3. ทดลองทาแฟม้ เพอ่ื เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ ทาการทดลองทาแฟ้มสะสมผลงานตามข้ันตอนต่างๆของระบบ ซึ่งมีข้อมูลปรากฏ เช่น ปก ผลงาน ขอ้ มูลส่วนตัว และผลงาน เป็นตน้ เพ่ือเปน็ ตัวอยา่ งในการปฏิบัติ 4. การจัดทาคู่มือการใชร้ ะบบ จดั ลาดบั ขนั้ ตอนของกระบวนการปฏบิ ตั งิ าน ให้สามารถปฏบิ ัติงานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง มีทศิ ทาง เดียวกัน สามารถนาไปปฏิบัติงานได้จริง โดยใช้ภาพประกอบ พร้อมคาอธิบายข้ันตอนการปฏิบัติงานอย่าง ละเอียดใช้ภาษาท่ีอ่านได้ง่าย ชัดเจน อ่านแล้วรู้ลาดับของการปฏิบัติว่าอะไรก่อนหลัง พร้อมทั้งให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องร่วมทบทวนเอกสาร เพือ่ แก้ไขเอกสารใหส้ อดคล้องกบั การปฏบิ ตั ิจริง 5. การประชุมชี้แจงนกั ศึกษาภาคเี ครือขา่ ยและผเู้ กย่ี วข้อง ประชุมชี้แจงนักศึกษาภาคีเครือข่ายและผู้เก่ียวข้อง กศน.อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัด หนองบวั ลาภู ถงึ วตั ถุประสงค์การ วิธกี ารศกึ ษาเรยี นรู้ การเตรียมขอ้ มูล รูปแบบ การจดั ทา สูก่ ารนาไปปฏิบัติ จรงิ 6. การเผยแพร่ เผยแพร่การทาแฟ้มสะสมผลงาน ในรูปแบบออนไลน์ ทางเว็ปไซต์ Line กลุ่มนักศึกษา Facebook และPage กศน.อาเภอ กศน.ตาบลกุดผึ้ง Lineกลุ่มงานภาคคีเครือข่าย ปกครองอาเภอสุวรรณ คูหา ใหก้ ับผสู้ นใจนาไปใช้ และได้เรยี นรู้เพิม่ เติม 7. การประเมินผลและปรบั ปรงุ ระบบ ดาเนินการตรวจสอบ พฒั นาจากการนามาใช้ปฏบิ ตั จิ รงิ พร้อมทง้ั ประเมนิ ความพึงพอใจใน การศึกษาเรียนรู้ และนาข้อมลู มาปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ยอดให้ดขี นึ้ ไป ผลการดาเนินงาน 1. สามารถเก็บผลงานไดง้ า่ ย สะดวกต่อการจัดเกบ็ และนาเสนอผลงาน 2. สามารถลดปริมาณของเอกสารและค่าใช้จายในการจัดทาเอกสารนาเสนอผลงาน เอกสาร ประชาสัมพนั ธ์ลงได้ 3. มีงานและชิ้นงานสวยงาม และสามารถสง่ ผลงานได้สะดวกข้ึน 4. ระบบมีการใชง้ านง่ายและไม่ซบั ซอ้ น 5. สามารถนาไปตอ่ ยอดความร้แู ละเผยแพร่ได้ ปจั จยั เก้อื หนุนและปจั จัยแหง่ ความสาเร็จ 1. ผบู้ ริหารให้ความสาคัญและสนบั สนุนการพัฒนาระบบงาน 2. มีท่ีปรกึ ษาท่ใี หค้ าปรกึ ษาทด่ี ี ซึ่งสง่ ผลใหเ้ กดิ การทางานทม่ี ีประสิทธิภาพ และนาไปใชไ้ ด้จริง

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู 3. การประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม 4. ผู้เรยี น ประชาชนท่ัวไปมีความสนใจและใหค้ วามรว่ มมอื เปน็ อย่างดี บทเรยี นทไี่ ด้รับ กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดารงอยู่ และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยมี พ้ืนฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิง ระบบท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความม่ันคง และความย่ังยืนของการพัฒนา คุณลักษณะ เศรษฐกิจ พอเพยี งสามารถนามาประยุกต์ใช้กบั การปฏบิ ตั ติ นได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบตั ิบนทางสายกลาง และการ พฒั นาอย่างเปน็ ขนั้ ตอน การเผยแพร่/การไดก้ ารยอมรบั - เผยแพร่ให้กับนักศึกษา กศน.ตาบลกุดผึง้ อาเภอสวุ รรณคหู า นาไปส่กู ารปฏิบัติ

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ า้ นกศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพยี ง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู บทที่ 2 เอกสารทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ในบทนี้ผู้รายงานโครงการหมู่บา้ น กศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพียง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผง้ึ อาเภอสวุ รรณคหู า จะได้นาเสนอแนวคิดในการรายงาน ตามลาดบั ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. การวเิ คราะห์บทเรียน 3. เอกสารท่เี ก่ียวขอ้ งแต่ละกิจกรรม นิยามศพั ท์ นยิ ามศพั ทม์ ดี ังต่อไปน้ี เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความสามารถของชุมชนเมือง รัฐ ประเทศ หรือภูมิภาคหนึ่ง ๆ ในการ ผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารทุกชนิดเพอื่ เล้ยี งสังคมน้ัน ๆ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งพ่ึงพาปัจจัยตา่ งๆ ที่เราไม่ได้เป็นเจา้ ของ เศรษฐกิจพอเพยี งในระดับบคุ คลนนั้ คอื ความสามารถในการดารงชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน มคี วาม เป็นอยู่อย่างประมาณตน ตามฐานะ ตามอัตภาพ และท่ีสาคัญไม่หลงใหลไปตามกระแสของวัตถุนิยม มี อิสรภาพ เสรีภาพ ไม่พันธนาการอยู่กับสิ่งใด หากกล่าวโดยสรุป คือ หันกลับมายึดเส้นทางสายกลาง ในการ ดารงชีวติ สถานศกึ ษา หมายถงึ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอสุวรรณคูหา นกั เรยี น หมายถงึ นกั เรยี นทีเ่ รยี นอยู่ในโรงเรยี นบา้ นสะพานหันในปีการศกึ ษานน้ั ๆ ความพอเพยี ง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ลและการสรา้ งภูมิคุม้ กันที่ดใี นตวั พอประมาณ คือ การทาอะไรที่พอเหมาะ พอควร สมดุลกับอัตภาพ ศักยภาพของตนเอง และ สภาวะแวดลอ้ ม เง่ือนไขความรู้ คือ ความรอบรู้ ความรอบคอบและระมัดระวัง ในการนาเอาหลักวิชาการมาใช้ กลา่ วคือ จะเอาหลกั วิชาการมาใช้ ตอ้ งรจู้ รงิ รอบรู้ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดารัสชี้แนะ แนวทาง การดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทาง เศรษฐกจิ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้า แนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดารงอยู่ได้อย่างม่ันคง และยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตนแ์ ละความเปลย่ี นแปลงมีหลกั พจิ ารณา ดังนี้ กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็นโดยมี พื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิง ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัยและวกิ ฤติ เพื่อความมั่นคงและความยง่ั ยนื ของการพฒั นา คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยกุ ต์ใชก้ ับการปฏบิ ัตติ นได้ในทุกระดบั โดย เน้นการปฏบิ ัติบนทางสายกลาง และการพฒั นาอยา่ งเป็นขั้นตอน

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผึง้ อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบวั ลาภู คานยิ าม ความพอเพียงจะต้องประกอบดว้ ย 3 คณุ ลักษณะพร้อม ๆ กัน ดังน้ี 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกิดไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ นื่ เชน่ การผลติ และการบริโภคทอ่ี ยใู่ นระดบั พอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไป อย่างมเี หตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตุปจั จยั ทีเ่ กยี่ วข้องตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทาน้ัน ๆ อยา่ งรอบคอบ 3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการ เปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึนโดยคานึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นใน อนาคตทั้งใกล้และไกล เง่ือนไข การตัดสินใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้อง อาศยั ทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรมเป็นพืน้ ฐาน กล่าวคอื 1. เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่าง ที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการวางแผนและความ ระมัดระวงั ในข้ันปฏบิ ตั ิ 2. เงื่อนไขความธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนกั ในคุณธรรม มีความ ช่ือสตั ยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มคี วามพากเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการดาเนินชีวิต แนวทางปฏิบัติ/ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ จากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การ พัฒนาท่ีสมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ให้บูรณาการเข้ากับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป้าหมายสาคัญ ของการจัดการศึกษาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง คือ การปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนรู้จักการใช้ชีวิตที่ พอเพียง เห็นคณุ ค่าของทรพั ยากรต่างๆ ฝกึ การอยู่ร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งเอ้ือเฟือ้ เผ่อื แผ่และแบ่งปัน มีจิตสานกึ รักษ์ สิ่งแวดล้อม และเห็นคุณค่าของวัฒนธรรม ค่านิยม เอกลักษณ์ และความเป็นไทยการจัดการศึกษาตามหลัก เศรษฐกจิ พอเพียง ดาเนินการไดใ้ น 2 ส่วน 1. การบริหารสถานศกึ ษาในด้านต่างๆ 2. การจัดการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น ซง่ึ ประกอบดว้ ย - การสอดแทรกสาระเศรษฐกจิ พอเพยี งในหลักสตู รและสาระเรียนรูใ้ นหอ้ งเรยี น - การประยกุ ตห์ ลกั เศรษฐกจิ พอเพียงในการจัดกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นนอกหอ้ งเรียน การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น ครูเป็นบุคลากรท่ีสาคัญในการถ่ายทอดความรู้ และปลูกฝังหลักคิดต่างๆ ให้แกเ่ ดก็ โดยครูตอ้ งเขา้ ใจอย่างถูกต้อง สามารถวิเคราะห์ความพอเพยี ง ไม่พอเพยี งของตนเองและครอบครัว ได้และทาตวั เปน็ แบบอย่างท่ีดีในการดาเนินชีวติ แบบพอเพยี ง

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ ้านกศน.ตน้ แบบ บา้ นสุขพอเพียง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู เศรษฐกิจพอเพียงและการประยกุ ตใ์ ช้ด้านการศึกษา หลักแนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือการพัฒนาทต่ี ้งั อยู่บนพืน้ ฐานของทางสายกลาง และความ ไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทา ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง มหี ลักพจิ ารณาอยู่ 5 สว่ น ดงั น้ี กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาท่ีชี้แนะแนวทางการดารงอยู่ และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยมี พ้ืนฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิง ระบบที่มีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความม่ันคง และความยั่งยืนของการพัฒนา คุณลักษณะ เศรษฐกิจ พอเพียงสามารถนามาประยุกตใ์ ชก้ ับการปฏบิ ัติตนไดใ้ นทกุ ระดับ โดยเน้นการปฏบิ ตั ิบนทางสายกลาง และการ พฒั นาอย่างเปน็ ขน้ั ตอน คานยิ าม ความพอเพียงจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กันดังนี้ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ่นื เช่นการผลิต และการบรโิ ภคทอี่ ย่ใู นระดับพอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดย พจิ ารณาจากเหตปุ จั จยั ทเ่ี กยี่ วข้องตลอดจนคานึงถงึ ผลที่คาดว่าจะเกดิ ขน้ึ จากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้าน ตา่ ง ๆ ท่จี ะเกดิ ข้ึนโดยคานงึ ถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ตา่ ง ๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตท้งั ใกล้และ ไกล เงื่อนไข การตดั สนิ ใจและการดาเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้ และคุณธรรมเป็นพนื้ ฐาน กลา่ วคือ เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความ ระมัดระวงั ในขน้ั ปฏิบัติ เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซ่อื สัตย์สจุ รติ และมีความอดทน มีความเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการดาเนินชีวติ แนวทางปฏิบัติ / ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนา ท่ีสมดุล และย่ังยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความรู้ และ เทคโนโลยี

แหลงเรยี นรู้ หมูบ่ า้ นกศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผง้ึ อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู แนวทางการประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการ ปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน โดยมีการกาหนด คานิยาม ความพอเพียงจะต้อง ประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อมๆกันคือความพอประมาณ ( Moderation) ความมีเหตุผล (Reasonableness) และการมีภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี (Self-immunity) ถ้าขาดคุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งไป ก็จะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นความพอเพียงและในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยเงื่อนไขท้ังความรู้และคุณธรรม เป็นพ้ืนฐานในการตัดสนิ ใจและดาเนนิ กิจกรรม ซึง่ มนี ักวิชาการหลายๆทา่ นไดใ้ ห้ความหมายความสาคัญดงั นี้ 1. ความพอประมาณ สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการและเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (2550,น.13) ได้ให้ความหมายของความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อความจาเป็นและเหมาะสมกับ ฐานะของตนเอง สิ่งแวดล้อม รวมทั้งวัฒนธรรมในแต่ละท้องถ่ิน ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และต้องไม่ เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ น่ื ความมเี หตผุ ล ความหมายของความมีเหตผุ ล หมายถึง ความสามารถในการใชส้ ติปญั ญาคิดใคร่ครวญ และไตรต่ รองอยา่ งรอบคอบเพื่อคน้ หาสาเหตุหรือตน้ ตอของปัญหา การทาความเข้าใจกับสงิ่ นั้นๆอยา่ งละเอียด โดยไม่หลงเชื่องมงายด้วยว่าเป็นเพียงการรับฟังหรือทาตามกันมา อีกท้ังต้องพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยเหตุ ผลได้โดยไม่ผูกพันติดกับตนเองหรือประโยชน์ของผู้ใด แต่อยู่บนหลักของทางสายกลางท่ีต้องอาศัยกา ร พิจารณาเหตุและปัจจัยแวดล้อมที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้าน ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการ กระทากอ่ ให้เกิดผลดหี รอื ผลเสียต่อตนเอง ผ้อู น่ื และสงั คม สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2550,น.14) ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจดาเนินการเรื่องต่างๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักกฎหมาย หลักวิชาการ หลักศีลธรรมและ วัฒนธรรมทด่ี ีงาม คิดถึงปัจจัยทเ่ี กี่ยวข้องอย่างถว้ นถี่ โดยคานึงผลท่คี าดวา่ จะเกิดข้นึ จากการกระทาน้นั ๆอย่าง รอบคอบ

แหลงเรียนรู้ หมู่บ้านกศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพยี ง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกดุ ผึง้ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู การมีภูมคิ ุม้ กนั ทดี่ ี เป็นวิธีการท่จี ะนาไปสู่วถิ ีเศรษฐกิจพอเพียงถ้าสามารถทีจ่ ะพึ่งตนเองไดม้ ากเท่าไหร่ ภูมิคุ้มกันก็จะมากข้ึนและมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใดก็สามารถจัดการได้ การมีภูมิคุ้มกันที่ดีจะช่วยทาให้ กิจการสามารถดารงอยไู่ ด้ในลักษณะไมเ่ ส่ียงมากจนเกนิ ไป โดยทีภ่ ูมคิ มุ้ กันนน้ั จะต้องมาจากการพึ่งตนเองให้ได้ เป็นส่วนใหญ่ หมายถึง ใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่เองหรือหาได้ง่ายในท้องถ่ินให้มากที่สุด ใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมที่ สามารถจัดการได้หรือควบคุมได้ หรือมีทุนของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นด้านสติปัญญาประกอบกับ ความสามารถส่วนบุคคล ทุนทางสังคมและวัฒนธรรมคือการช่วยเหลือเก้ือกูลและร่วมมือกันทุนท่ีเป็น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทุนทางกายภาพท่ีมนุษย์เป็นผู้สร้างข้ึนไม่ว่าจะเป็นเงินทุนเคร่ืองมือ เครื่องใช้ ตลอดจนเทคโนโลยใี นการผลติ การตลาดทส่ี ามารถจัดการไดโ้ ดยไมย่ ากจนเกินไป การมีภมู คิ ุ้มกันที่ดี ในตวั เป็นการลดหรอื ควบคุมความเส่ียงไม่ใหก้ ่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรคจนกิจการนั้นๆต้องถูกกระทบและเกิด การสญู เสีย 1. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องควรมีอยู่รอบด้าน เพื่อประกอบการการวางแผน และความ ระมัดระวังในข้ันปฏิบัติ ซ่ึงสามารถสรุปใจความได้ดังนี้ เง่ือนไขความรู้ คือ การ มีความรู้จริง รอบคอบและ ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย ความรู้จริงนั้นคือ ปัญญา ส่วนความรอบคอบและระมัดระวังน้ันก็คือสติ ทงั้ น้ีการมคี วามร้ซู ่ึงประกอบด้วย รู้จริง รอบคอบ และระมัดระวัง คือการมีปัญญาที่ถูกกากับด้วยสติในเชิงพุทธ ธรรม คอื อุเบกขา คือสติที่กากบั ปญั ญาให้มคี วามพรอ้ มท่ีจะเรยี นรหู้ รอื ทาความเข้าใจทุกอยา่ งในความเปน็ จริง 2. เงื่อนไขคุณธรรม สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(2550,น.10) กล่าวถึง เกษม วัฒนชยั องคมนตรผี ทู้ รงคุณวฒุ ิดา้ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง ซึ่งไดก้ ล่าวว่าคณุ ธรรมคอื หลกั ท่ใี จแต่ละ คนยึดในเร่ืองความดี ความงาม ความจริง ถ้าใจคนนั้นปลิ้นปล้อนตลอดเวลาแสดงว่าไม่มีคุณธรรม เง่ือนไข คุณธรรม จะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจประกอบด้วยมีความตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสัตย์สุจริต รู้รัก สามัคคี ไม่โลภ ไม่ตระหน่ี และรู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่นมีความอดทน มีความเพียรใช้สติปัญญาการดาเนินชีวิต ถ้า ใจของคนน้ันซื่อสุจริตแสดงว่ามีคุณธรรม คณุ ธรรมอยู่ในสมอง เปน็ หลักคดิ หลกั ยดึ ของใจจะออกมาให้เห็นโดย พฤติกรรม คือ ทางวาจา ทางกาย และสังคม ซ่ึงแต่ละคนจะมีมาตรฐานของคุณธรรมกาหนดไว้ในระดับที่ แตกต่าง เง่ือนไขความสาคัญของคุณธรรม จะประกอบด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตต่อตนเองครอบครัวและสังคม ซึ่งหมายถึง การประพฤติปฏิบัติทางกาย วาจา ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี ความรับผิดชอบและความจริงใจท่ีมี ต่อตนเอง ครัวครัวและผู้อื่น ไม่คิดหลอกลวง คดโกงหรือฉ้อฉล ปัจจุบันได้มีความพยายามในการนาหลัก คุณธรรมจริยธรรมจริยธรรมสอดแทรกอยู่ในทุกมิติของการพัฒนาสังคมท้ังเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การเมือง สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา โดยเน้นคุณธรรมนาความรู้ และรวมไปถึงความรับผิดชอบ ความตั้งใจจริง เพื่อทาหน้าทีข่ องตนเองใหส้ าเร็จลลุ ว่ ง อย่างระมดั ระวงั รอบคอบและตรงไปตรงมา มีความโปร่งใส ไม่แสวงหา ประโยชน์ในทางมิชอบให้แก่ตนเองและพวกพ้องซ่ึงจะเป็นการทาลายช่ือเสียง ความน่าเช่ือถือและความ ไว้วางใจที่มีต่อตนเอง ขยัน อดทนด้วยการกระทางานทุกอย่างด้วยความตั้งใจและมุมานะเพียรพยายามอย่าง เข้มแข็งไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคทั้งปวงเพื่อให้งานท่ีทาบรรลุผลสาเร็จต้องอาศัยความอดทนอดกล้ัน รู้จักยับย้ังช่ังใจหรือข่มใจอย่างย่ิงยวด เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา และเหตุการณ์ท่ีอาจทาให้ล้อเลิกความเพียร การใช้สตปิ ัญญา มากากับและควบคมุ ตนเองให้มคี วามตนื่ รู้อยตู่ ลอดเวลา โดยสามารถครองสตใิ ห้สารวม ระมัดระวังและรอบคอบ และโอบอ้อมอารีมีการเสียสละแบ่งปัน ลดละความเห็นแก่ตัวหรืความโลภตระหนี่ ด้วยการแบ่งปันให้กับผู้สมควรให้ในรูปแบบต่างๆทั้งแรงกาย กาลังทรัพย์ กาลังปัญญา ในทางพุทธธรรมคือ การมเี มตตา กรุณา และมุทิตา

แหลงเรียนรู้ หมบู่ า้ นกศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพยี ง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกุดผ้ึง อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู การปฏิบัติตามแนวหลกั เศรษฐกิจพอเพียง 1. ยึดหลกั พออยู่ พอกนิ และพอใช้ 2. ยึดหลกั ความประหยดั ตดั ทอนค่าใชจ้ า่ ย ลดความฟ่มุ เฟอื ยในการดารงชพี ความเปน็ อยูท่ ี่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องประหยัดไปในทางทถ่ี ูกตอ้ ง 3. ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องสุจรติ 4. ละเลกิ การแกง่ แย่งผลประโยชนแ์ ละแข่งขันในการค้าขาย ประกอบอาชีพแบบตอ่ สู้กันอยา่ งรนุ แรง 5. มุ่งเนน้ หาข้าวหาปลา กอ่ นม่งุ เน้นหาเงนิ หาทอง 6. ทามาหากินกอ่ นทามาค้าขาย 7. ภูมิปัญญาชาวบ้านและที่ดนิ ทากนิ คอื ทุนทางสงั คม 8. ตง้ั สติทม่ี น่ั คง รา่ งกายท่ีแข็งแรงปัญญาทเ่ี ฉียบแหลม การประยุกต์ใชป้ รชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในระดบั บคุ คลและครอบครวั 1. ด้านเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ใช้ชีวิตแบบพอควร คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ มี ภูมคิ ุ้มกนั ไม่เส่ียงเกนิ ไป การเผือ่ ทางเลือกสารอง 2. ด้านจิตใจ มจี ติ ใจที่เข้มแขง็ พงึ่ ตนเองได้ มีจิตสานกึ ท่ดี ี เออ้ื อาทรประนปี ระนอมนึกถงึ ผลประโยชน์ สว่ นรวมเป็นหลัก 3. ดา้ นสงั คม ชว่ ยเหลอื เกือ้ กูลกัน รู้รักสามคั คี สรา้ งความเข้มแขง็ ใหค้ รอบครัวและชมุ ชน 4. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ เลือกใช้ ทรัพยากรทม่ี ีอยู่อยา่ งคุม้ ค่า และเกิดประโยชนส์ งู สุด ฟ้นื ฟูทรพั ยากรเพ่ือใหเ้ กดิ ความยง่ั ยืนสงู สุด 5. ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อม (ภูมิ สงั คม) พัฒนาเทคโนโลยจี ากภูมิปญั ญาชาวบา้ นเองกอ่ น กอ่ ให้เกิดประโยชน์กบั คนหมูม่ าก สรปุ หลกั การปฏิบัติตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงหมายถึงการดารงชวี ติ ของสมาชิกโดยการพ่ึงตนเอง เป็นหลัก ครอบคลุมท้ังทางด้านจิตใจ สังคม เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติละสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเศรษฐกิจ บนพ้นื ฐาน ดังนี้ ความพอประมาณได้แก่ การใช้ทรัพยากรทุกชนดิ อย่างประหยัดและ มีประสิทธิภาพสูงสุด ลด ต้นทุนใช้แรงงานภายในครอบครัวการผลิตโดยวิธีการทางธรรมชาติ ใช้แรงงานภายในครอบครัวแทนการจ้าง งานภายนอก ใช้จ่ายพอประมาณเหมาะสมกับรายได้ที่มี และการผลิตแต่ละคร้ังใช้เงินทุนของตนเอง ความมี เหตุผล ได้แก่ การทาการเกษตรหลักวิชาการ มีการวางแผนการผลิต ใช้เทคโนโลยีท่ีถูกหลักวิชาการ ใช้ ทรัพยากรหรือวัตถุดิบเพ่ือการผลิตภายในท้องถิ่น การลงทุนค่อยเป็นค่อยไป เลือกการผลิตที่เหมาะสมกับ สภาพแวดล้อมและสามารถสร้างรายได้ท่ีแน่นอน การมีภูมิคุ้มกันท่ีดี ได้แก่ การมีผลผลิตในปริมาณที่เพียงพอ ต่อการ จาหน่าย มีกาไรจากการจาหน่ายสามารถชาระหน้ีสนิ ได้ มีทุนสาหรับการผลิตครงั้ ต่อไปและมีเงินออม ไว้ใช้ยามจาเป็น และยังรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีความพร้อมต่อความเปล่ียนแปลง ทุกด้าน และมีการรวมกลุ่มในการประกอบอาชีพ การมีความรู้ ได้แก่ การใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ผสมผสาน ความรู้ทางวิชาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ได้รับการฝึกอบรม ศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพ่ือเพ่ิมพนู องค์ความรู้อย่างสม่าเสมอ การมีคุณธรรม ได้แก่ การยดึ มนั่ ใน หลักคาสอนทางพระพทุ ธศาสนา มีการเสยี สละเพอื่ ส่วนรวม มีการผลิตภายใต้คณุ ธรรมมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า แบง่ ปันใหผ้ อู้ ืน่ โดยไม่หวังส่งิ ตอบแทน

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสุวรรณคหู า จังหวดั หนองบวั ลาภู ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการนาหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ต์ใช้ ผลที่ได้รับจากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน ดาเนินไปตามทางสายกลาง พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลงในทุกด้านของเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมความรู้ และเทคโนโลยีด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันท่ีดี อันจะนาไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุข ร่วมกัน โดยสรุปหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การน้อมนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติใน ชีวิตประจาวัน ทุกคนสามารถนามาปฏิบัติได้ต้องเกิดจากจิตสานึก มีศรัทธาเช่ือมั่น เห็นคุณค่า และนาไป ปฏบิ ตั ิด้วยตนเอง 1. ความพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัว มุ่งเน้นให้บุคคลและครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสามารถ ดาเนนิ ชีวติ โดยไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผ้อู ื่นไมท่ าอะไรเกนิ ตัวรวมท้งั ใฝร่ ู้และมีการพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงในอนาคตและเป็นท่ีพ่ึงให้ผู้อื่นได้ในท่ีสุด เช่น หาปัจจัยสี่มาเลี้ยงตนเองและ ครอบครัวจากการประกอบสัมมาชีพ รู้ข้อมูลรายรับ-รายจ่าย ประหยัดแต่ไม่ใช่ตระหนี่ ลด-ละ-เลิก อบายมุข สอนให้เด็กรู้จักคุณค่า รู้จักใช้ และรู้จักออม เงินและสิ่งของเครื่องใช้ ดูแลรักษาสุขภาพ มีการแบ่งปันภายใน ครอบครัว ชุมชน และสังคมรอบข้าง รวมถึงการรักษาวัฒนธรรม ประเพณี และการอยู่ร่วมกับ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม ครอบครัวของฉันอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนว พระราชดาริทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทรง ดังนี้ 1. พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครวั ไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลงั บ้าน 2-3 ต้น พอท่ีจะมีไว้กิน เองในครัวเรอื น แบง่ ใหเ้ พอ่ื นบา้ นบ้าง เหลือจงึ ขายไป 2. พออยู่พอใช้ ทาให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล) คุณพ่อของฉันและฉันมักเน้นเกี่ยวกับเร่ืองไฟฟ้า และน้าประปา ท่านให้พวกเราช่วยกันประหยัด ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือโรงเรียน ก็ควรปิดน้า ปิดไฟ เมื่อเลิกใช้ งานทุกคร้ัง 3. ความพออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อ่ืน เพราะเรา จะหลงตดิ กบั วตั ถุ ชวี ิต โดยจะอยใู่ นกิจกรรม “ออมวนั น้ี เศรษฐวี นั หน้า” 4. เมอื่ มีรายได้แต่ละเดอื น จะแบง่ ไว้ใช้จา่ ย 3 ส่วน เปน็ ค่านา้ คา่ ไฟ ค่าโทรศพั ท์ ค่า จิปาถะ ท่ีใชใ้ นครวั เรอื น รวมทั้งค่าเสื้อผา้ เครอ่ื งใชบ้ างอยา่ งท่ีชารุด เป็นตน้ 2. ความพอเพียงระดับชุมชน คนในชุมชน คนในชุมชนมีการรวมกลุ่มกันทาประโยชน์เพื่อ ส่วนรวม ช่วยเหลือเก้ือกูลกันภายในชุมชนบนหลักของความรู้ รัก สามัคคี สร้างเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันใน ชุมชนและนอกชุมชนท้ังด้านธุรกิจเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การรวมกลุ่ม อาชีพ องค์การเงินสวัสดิการชุมชน การใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินและทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในชุมชน มาสร้างประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม รวมท้ังการช่วยดูแลรักษาความสงบความสะอาด ความเป็นระเบียบ เรียบร้อย เพื่อเสรมิ สร้างชุมชนใหม้ คี วามเข้มแขง็ และมีความเปน็ อยู่ที่พอเพยี ง 3. ความพอเพียงในภาคธุรกิจเอกชน เริ่มจากความมุ่งมั่นในการดาเนินธุรกิจที่หวังผลประโยชน์ หรือกาไรในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น แสวงหาผลตอบแทนบนพื้นฐานของการแบ่งปัน มุ่งให้ทุกฝ่ายที่ เก่ียวข้องได้รับผลประโยชน์อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมท้ังลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงานด้านการขยาย ธุรกิจต้องทาอย่างค่อยเป็นไป มีการเตรียมพร้อมต่อการเปล่ียนแปลงท่ีอาจเกิดขึ้น มีความซ่ือสัตย์ รับผิดชอบ ต่อสังคมและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ มที่สาคัญตอ้ งสรา้ งเสริมความร้แู ละสวสั ดิการให้แก่พนักงานอย่าง

แหลงเรียนรู้ หมบู่ า้ นกศน.ตน้ แบบ บ้านสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกุดผ้งึ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู เหมาะสม รวมทั้งต้องมีความรู้และเข้าใจในธุรกิจของตนเองรู้จักคู่ค้า ศึกษาคู่แข่ง และเรียนรู้การตลาดอย่าง ถ่องแท้ ผลิตในสิง่ ทีถ่ นัดและทาตามกาลงั สรา้ งเอกลกั ษณ์ที่แตกต่างและพัฒนาคุณภาพผลติ ภัณฑ์อยา่ งต่อเน่ือง 4. ความพอเพียงระดับประเทศ เป็นการบริหารจัดการประเทศ โดยเร่ิมจากการวางรากฐานให้ ประชาชนส่วนใหญ่อยู่อย่างพอมีพอกินและพึ่งตนเองได้ มีความรู้และคุณธรรมในการดาเนินชีวิต มีการ รวมกลุ่มของชุมชนหลายๆแห่ง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สืบทอดภูมิปัญญาและร่วมกันพัฒนาตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงอย่างรู้ รัก สามัคคี เสริมสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างชุมชนให้เกิดเป็นสังคมแห่งความ พอเพยี งในทสี่ ุด

แหลงเรียนรู้ หมูบ่ ้านกศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกุดผ้งึ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวัดหนองบวั ลาภู บทที่ 3 วธิ ดี าเนินการดาเนินงาน การดาเนนิ โครงการหม่บู า้ น กศน.ตน้ แบบ บา้ นสุขพอเพียง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบล กดุ ผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา ได้ดาเนินการตามข้นั ตอนตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1 .การศกึ ษาเอกสารที่เกยี่ วขอ้ งกบั การจดั การโครงการ 2. กลุ่มเป้าหมาย 3. การดาเนินการ 4. การตดิ ตามและประเมินผลโครงการแตล่ ะข้ันตอนมีรายละเอยี ดดังต่อไปนี้ ลกั ษณะท่ัวไปของหมบู่ า้ นสขุ พอเพียง บ้านนาคานอ้ ย บ้านนาคาน้อย ตงั้ อยู่ หมูท่ ี่ 8 ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบัวลาภู ซงึ่ ในตาบลกุดผ้ึง มจี านวนหมบู่ ้านทง้ั หมด 11 หมบู่ ้าน จานวน 159 ครัวเรือน มีระยะทางห่างจากอาเภอสวุ รรณคูหาประมาณ 4 กิโลเมตร โดยมอี าณาเขต ติดต่อกบั พ้ืนที่ใกล้เคยี ง ดังน้ี ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับ ตาบลนาสี อาเภอสุวรรณคหู า จงั หวัดหนองบวั ลาภู ทิศใต้ มีอาณาเขตติดต่อกบั ตาบลนาด่าน และตาบลนาดี อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัด หนองบัวลาภู ทิศตะวันออก มอี าณาเขตตดิ ต่อกับ ตาบลจาปา อาเภอบา้ นผือ จงั หวดั อุดรธานี ทิศตะวันตก มีอาณาเขตติดตอ่ กับ ตาบลบ้านโคก อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวดั หนองบัวลาภู สภาพภมู อิ ากาศ สภาพโดยท่ัวไปจัดอยู่ในภูมิอากาศเย็นสบาย อากาศจะร้อนจัดเดือนมีนาคม ถึงเมษายน อากาศจะ หนาวเย็นในช่วงเดือน พฤศจิกายนถงึ เดือนกมุ ภาพันธ์ ฤดฝู นจะเรมิ่ เดือน พฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม อาชพี ของชมุ ชน ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทานา ปลูกอ้อย ปลูกมันสาปะหลัง ยางพาราและ เล้ียงสัตว์ (โค กระบือ) ชาวบ้านส่วนใหญ่มีวิถีชวี ิตแบบพอเพียง มีการปลูกผัดสวนครัวสาหรบั รับประทานเอง ในครอบครัว เป็นการช่วยลดราจ่าย และสามารถเพ่ิมรายได้ให้แก่ครอบครัวอีกทางหน่ึง รวมท้ั งในการ เพาะปลูกชาวบ้านในหมู่บ้านนาคาน้อยจะหลีกเล่ียงการใช้สารเคมี จะใช้ปุ๋ยหมักท่ีผลิตเองมาใช้ในการ บารุงรักษาพชื ผักทีป่ ลูก เพอ่ื เป็นการดแู ลสขุ ภาพของตนเอง และรักษาสิ่งแวดลอ้ ม ระดบั การศึกษา ประชาชนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนาคาน้อย ส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา จนถึงระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ดา้ นสังคมเศรษฐกิจ สภาพการดาเนินชีวิตของประชาชนบ้านนาคาน้อยเป็นชุมชนชนบท มีญาติพ่ีน้องอาศัยอยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงกัน เป็นสังคมแบบเครือญาติที่เก้ือกูลกันพูดคุยปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ เป็นสังคมที่พึ่งพาซึ่งกันและ กัน มีการปฏิบตั ิกจิ กรรมชุมชนรว่ มกนั อย่างตอ่ เนือ่ ง รายไดข้ องประชาชนจะอยู่ในระดับปานกลาง

แหลงเรียนรู้ หม่บู ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพยี ง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู การศกึ ษาเอกสารที่เก่ียวข้องกับโครงการเศรษฐกจิ พอเพียง ผู้รับผิดชอบโครงการได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารท่ีเกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางในการดาเนินการ ดังนี้ 1. ศึกษาเอกสาร / คู่มือ ข้อมูลจากหนังสือ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือเป็นแนวทางเก่ียวกับ การจดั โครงการเศรษฐกิจพอเพียง 2.ศึกษาขั้นตอนการดาเนนิ โครงการหมู่บ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง เพื่อเป็นแนวทางในการ จดั เตรยี มงาน วัสดุอุปกรณ์ และบคุ ลากรใหเ้ หมาะสม กลุ่มเปา้ หมาย กลุ่มเป้าหมายของโครงการหมู่บา้ น กศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพียง ในครงั้ น้ี ได้แก่ ประชาชนท่ัวไป สถานท่ีและระยะเวลาดาเนนิ การ สถานที่ดาเนินการ ไดแ้ ก่ บา้ นนาคาน้อย หมูท่ ี่ 8 ตาบลกดุ ผึ้ง อาเภอสวุ รรณคูหา ระยะเวลาดาเนนิ การ (โครงการเศรษฐกิจพอเพยี ง) ตลอดปีการศึกษา โดยมีการดาเนนิ การดังน้ี 1. ข้นั ตอนการเตรียมตวั 1.1 การกาหนดเป้าหมายการดาเนินงานตาม โครงการ“หมบู่ ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสุข พอเพยี ง” 1.2 เขา้ รว่ มฝึกอบรมโครงการ “หมบู่ า้ น กศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพยี ง” เพ่ือรับทราบ แนวทาง ข้นั ตอน กระบวนการ และเปา้ หมาย/วตั ถุประสงค์ของการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกจิ พอเพียงตน้ แบบฯ 1.3 ศึกษารายละเอียดแนวทาง ขัน้ ตอน กระบวนการ และเป้าหมาย/วตั ถุประสงคข์ อง การ“หมูบ่ ้าน กศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพยี ง” ให้เข้าใจอยา่ งชดั เจนรว่ มกับกศน.อาเภอสุวรรณคูหา 1.4 เตรียมความพรอ้ มพ้นื ทด่ี าเนนิ การ กาหนดกลุ่มเปา้ หมายการพัฒนา “หมบู่ า้ น

แหลงเรียนรู้ หมบู่ า้ นกศน.ตน้ แบบ บ้านสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกุดผ้งึ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู กศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง”การสร้างความเข้าใจ ชี้แจงโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ พรอ้ มทงั้ ประสานความร่วมมือกบั แกส่ ่วนราชการ ภาคีการพฒั นา องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล 1.5 จดั เตรียมเอกสาร/วัสดอุ ปุ กรณใ์ นการจัดการประชุมกลุ่มเป้าหมาย ๒. ข้นั ตอนดาเนนิ การ ๒.๑ ประชุมชี้แจงและทาความเข้าใจให้กับหมู่บ้านในการดาเนินงาน“หมู่บ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง” โดยจัดให้มีการแลกเปล่ียนความคิดเห็นในเวทีการประชุม เพ่ือให้เกิดความชัดเจนในการ ดาเนนิ งานตามโครงการฯ ๒.๒ การสร้างแกนนาในการขบั เคลอื่ นกิจกรรม ซ่ึงประกอบไปดว้ ย ผใู้ หญ่บ้าน ผชู้ ่วย ผใู้ หญ่บ้าน สมาชกิ กรรมการหมู่บ้าน ประธานกลุ่มอาชีพ - มีความสมัครใจที่จะเข้าร่วมโครงการ - มีการดาเนินกจิ กรรมตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งอยบู่ า้ งแล้ว - เป็นผูน้ าชุมชนทง้ั ทเ่ี ปน็ ทางการและไมเ่ ป็นทางการ กลยทุ ธใ์ นการทางาน - การใช้เวทีประชาคม เพ่ือให้ชาวบ้านมีส่วนรว่ มในการตัดสนิ ใจการสร้างการเรียนรู้แนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง - การประชมุ เชิงปฏิบัติการสรา้ งความเข้าใจแก่ชุมชน โดยให้ผูเ้ ขา้ รว่ มโครงการได้มีสว่ นร่วม ในทุกกระบวนการของโครงการ - บรรยายเรือ่ งแนวคดิ และการดาเนินชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง - การแบ่งกล่มุ ผเู้ ขา้ ร่วมอบรมเพอ่ื ให้ผเู้ ข้าร่วมอบรมไดน้ าเสนอ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ - การมีส่วนร่วมในการตดั สินใจ วธิ กี ารดาเนนิ งาน จดั ทาขอ้ มลู ฐานการเรยี นรู้ทงั้ 11 ฐาน กจิ กรรมชมุ ชน การดาเนินกิจกรรมของชุมชนจะมีผู้นาชุมชน คือ ผู้ใหญ่บ้านนาคาน้อย เป็นแกนนาในการดาเนิน กิจกรรมในดา้ นเศรษฐกิจพอเพยี ง จนหม่บู า้ นนาคาน้อยสามารถเป็นหมูบ่ ้านตน้ แบบบ้านสขุ พอเพยี งได้ ในการ ดาเนินกิจกรรมจะมีการดาเนินการในรูปคณะกรรมการ โดยมีชาวบ้านในแต่ละกลุ่มอาชีพในชุมชนร่วมเป็น คณะกรรมการเพ่ือให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วม ในชุมชนมีการร่วมกิจกรรมสาคัญตามประเพณี เช่น การทาบุญใน วนั สาคัญๆ การปฏิบัติกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ การแจ้งข่าวสารต่างๆทางหอกระจายข่าว กิจกรรมพัฒนา หม่บู ้านในวันสาคัญๆต่างๆ นอกจากนี้บ้านนาคาน้อยยังเป็นหมบู่ ้านเศรษฐกิจพอเพียงชุมชนต้นแบบ ซึ่งมีการ จัดฐานการเรียนรู้ในด้านเศรษฐกิจพอเพียงทั้งให้ความรู้ประชาชนในชุมชน และผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ โยมีการ มอบหมายตัวแทนกลุ่มอาชีพท่ีเป็นฐานการเรียนรู้ให้เป็นผู้ดูแล มีการแต่งตั้งในรูปคณะกรรมการ มีการแต่งต้ัง ประธานเพือ่ เป็นผดู้ ูแล และบรหิ ารจดั การ โดยมีฐานการเรียนรู้ทงั้ หมด จานวน 11 ฐาน ประกอบด้วย

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกดุ ผึ้ง อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ฐานท่ี 1 ฐานจักสาน ด้วยการนาเอาไม้ไผใ่ นท้องถิ่นมาเหลาเป็นตอก และลงมือจักสานเป็นอุปกรณ์ ที่ใช้ในครัวเรือน เช่น สุ่มตักจับปลา ตะกร้า ไซ ตุ้มดักกบ ซึ่งจะมีสมาชิกที่สนใจร่วมกิจกรรมจักสานเข้าร่วมใน การจดั ทาผลงานเพื่อนามาจาหน่าย และใชใ้ นครวั เรอื น หรอื นาออกแสดงในงานตา่ งๆทั้งในและนอกจังหวดั ฐานที่ 2 ฐานปยุ๋ หมกั เล้ียงไกพ่ ื้นบ้าน ซงึ่ เปน็ การผลติ ปยุ๋ หมักนามาใชใ้ นการเพาะปลกู ของเกษตรกร เพ่ือสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี และมีกิจกรรมการเล้ียงไก่พ้ืนเมืองควบคู่ ด้วย โดยใช้วิธีการเลี้ยงแบบปล่อย โดยให้ไก่กินอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ รสชาติขอไก่พ้ืนเมืองมีรสอร่อย เนอื้ แนน่ มีมันนอ้ ย ฐานท่ี 3 ฐานป๋ยุ อินทรีย์ปริมาณมากแบบไม่พลิกกลับกอง เป็นการนาวัสดเุ หลือใชใ้ นการเกษตรมา ใช้ประโยชน์ ซ่ึงได้แก่ ฟางข้าว นามาวางทับกันให้สูงไม่เกิน 10 เซนติเมตร มีฐานกว้าง 205 เมตร และโปรย ทับด้วยมูลสัตว์ 1 ส่วน แล้วรดน้า ฟางที่ใช้จะใช้ 4 ส่วน มูลสัตว์ 4 เข่ง เพ่ือให้เป็นสัดส่วน 4 ต่อ 1 ปุ๋ยจะ นามาใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ มือ่ มีอายุครบ 60 วนั เป็นการเกษตรอินทรยี ท์ หี่ ลีกเลย่ี งการใชส้ ารเคมี ซงึ่ ได้ประโยชน์ท้ัง ผู้ทาการเกษตรและผู้บรโิ ภค อกี ทัง้ เป็นการดแู ลส่งิ แวดล้อมอกี ด้วย ฐานที่ 4 ฐานทอผ้ามัดหมี่ เป็นกลุ่มท่ีจัดตั้งขึ้นมาเพื่อทอผ้าใช้เองในครอบครัว และเมื่อมีพอใช้จึง ขยายผลไปสู่การจาหน่าย ซ่ึงสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนได้เป็นอย่างดี และเป็นการสืบทอด ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ให้คงอยู่ตอ่ ไป ฐานท่ี 5 ฐานการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอมัดหมี่ ซ่ึงเป็นการต่อยอดจากการทอผ้ามัดหมี่ที่ใช้เองใน ครอบครัว เมื่อนามาจาหน่ายก็จะมีการนามาแปรูปให้มีความหลากหลาย เช่น การแปรรูปเป็นเสื้อผ้า กางเกง ทั้งที่ใชเ้ องและจาหน่าย เป็นผลติ ภัณฑใ์ นกลุ่มเพื่อเป็นการสร้างรายไดใ้ ห้กับสมาชิก และสรา้ งรายไดเ้ สรมิ ให้กับ ครอบครัวอกี ทางหนง่ึ ฐานที่ 6 ฐานการเลี้ยงจ้ิงหรีด จิ้งหรีดปัจจุบันเป็นอาหารที่ประชาชนสว่ นหนงึ่ นิยมบริโภค เน่ืองจาก มีโปรตีนสูง ปลอดสารพิษ และจะหายากในบางฤดู จึงสามารถสร้างรายได้ดีให้กับผู้เลี้ยง หากมีการบริหาร จดั การท่ดี ี ก็จะมีจิง้ หรดี จาหนา่ ยไดต้ ลอดท้งั ปี ฐานท่ี 7 ฐานตะกร้าสานจากเชือกมัดฟาง เป็นการผลิตจากเชือกมัดฟางเพ่ือใช้เองในครัวเรือน เพราะมีความคงทนแข็งแรง และตอ่ ยอดเป็นการจาหน่าย ซง่ึ ก็สามารถสร้างรายได้เสริมให้ครอบครวั ได้อีกทาง หนึ่ง ทางชุมชนจึงมีการจัดต้งั กลุ่มข้นึ เพอ่ื ให้ความร้แู กป่ ระชาชนและผ้ทู ่สี นใจ ฐานที่ 8 ศาลารักการอ่านบ้านหนังสือชุมชน เป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้รู้จักใช้ เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีแหล่งค้นคว้าหาความรู้ และช่วยส่งเสริมเด็กและเยาวชนให้หันมาอ่านหนังสือเพ่ิม มากขึ้น โดยมอบหมายให้ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุวรรณคูหาเป็นผู้ดูแล โดยมี กศน.ตาบลกุดผง้ึ เป็นผ้ดู ูแลโดยตรง ฐานท่ี 9 สวนครบเครื่อง เกิดจากชาวบ้านมีเวลาว่างหลังจากการทานา และเกิดปัญหาการว่างงาน ขาดรายได้ จึงร่วมกันจัดทาสวนครบเครื่องข้ึน เพื่อปลูกผักสวนครัวเกือบทุกชนิด เพื่อใช้ประกอบอาหารของ ครอบครัวในแต่ละมื้อ และเพื่อช่วยลดรายจ่ายในครอบครัว อีกท้ังยังได้บริโภคผักท่ีปลอดสารพิษ ซึ่งแต่ละ ครัวเรือนจะเลือกปลูกผักที่แตกต่างกันเพ่ือจะได้มีการแลกเปลี่ยนกันเพื่อใช้ในการบริโภค ไม่ต้องซ้ือหาและมี ผักครบทกุ ชนดิ ท่ตี ้องการ

แหลงเรียนรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ฐานท่ี 10 สวนเกษตรผสมผสาน เป็นการดาเนินการจัดทาเกษตรแบบทฤษฎีใหม่ตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ 9 และถือเป็นแนวทางการทาเกษตรท่ีเหมาะสม สาหรับเกษตรกรในยุคปจั จบุ นั เปน็ การเพาะปลูกเพื่อใช้บริโภคในครวั เรือนเปน็ อันดับแรก มีการเพาะปลูกข้าว พืชผัก การเล้ียงสัตว์ เช่น ปลา เป็นต้น เป็นการลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ให้กับครอบครัว เป็นการลดต้นทุนการ ผลติ และเพ่ือพรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพธรรมชาติ เป็นการปรบั สภาพของพ้ืนทีใ่ ห้เหมาะสมกับบริบท ของสิ่งแวดล้อมในชุมชน ตามความถนัดของเกษตรกร โดยใช้ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประจาตาบลเป็นกลไกในการส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้ ฐานที่ 11 ซีรูเลียมลดการใช้สารเคมี ดินดี สุขภาพแข็งแรง ซีรูเลี่ยม เป็นพืชคลุมดินตระกูลถ่ัว มี อายุข้ามปีและเป็นพชื วันสั้น รากจะมปี มตรึงไนโตรเจนจากอากาศ ซ่งึ เป็นการชว่ ยเพิ่มออกซิเจนในดินให้พืชได้ ใชป้ ระโยชน์ในการสร้างอาหาร บ้านนาคาน้อยเป็นชุมชนตัวอย่างชุมชนหนึ่งที่สามารถนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนว พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้กับประชาชนในชุมชนให้นาไปใช้ใน ชีวิตประจาวัน จนสามารถเป็นชุมชนต้นแบบได้ ประชาชนมีชีวิตท่ีดีความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน จากการเข้าใจหลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และดาเนนิ รอยตาม มีการดาเนนิ กิจกรรมกลุ่มจนสามารถสรา้ งชุมชนให้เป็นชุมชนที่ เข้มแขง็ ได้ นามาซงึ่ ความสขุ ใหก้ ับชมุ ชนไดเ้ ป็นอย่างดี

แหลงเรยี นรู้ หมูบ่ า้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสุขพอเพียง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกุดผ้ึง อาเภอสวุ รรณคหู า จังหวัดหนองบวั ลาภู บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน 1. ผลการดาเนนิ การ/ผลสมั ฤทธ์/ิ ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั โดยเกดิ ฐานการเรยี นรู้ในหมู่บ้าน กศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคาน้อย ดงั นี้ ฐานที่ 1 ฐานจักสาน ผรู้ ับผดิ ชอบนายประดิษฐ์ บวั มี ดว้ ยการนาเอาไม้ไผใ่ นท้องถ่นิ มาเหลาเป็นตอก และลงมือจักสานเป็นอปุ กรณ์ท่ีใช้ในครวั เรือน เช่น สมุ่ ดกั จบั ปลา ตะกร้า ไซ ตมุ้ ดักกบ ซ่ึงสมาชิกส่วนใหญเ่ ป็นผ้มู ีความสามารถดา้ นจักสานและทาเครือ่ งจักสานอยู่แลว้ ทาเพ่ือใช้ในครวั เรือนและจาหน่าย ฐานที่ 2 ฐานปยุ๋ หมัก+เลี้ยงไกพ่ นื้ บ้านนายสรุ ิยัน ปลัดศรี ในการเพาะปลูกของเกษตรกร ส่ิงที่มคี วามจาเปน็ และสาคัญทีส่ ุดคอื ความอุดมสมบรู ณข์ องดนิ ความอดุ ม สมบรู ณ์ของดินจะไดม้ าจากการทม่ี ีอินทรยี วตั ถสุ ะสมอยใู่ นดินอยมู่ าก จลุ นิ ทรยี ์ดนิ จะใช้อินทรยี วัตถเุ ปน็ สารอาหารแล้วปลดปล่อยแร่ธาตทุ ่ีจาเป็นใหแ้ ก่พชื ในปรมิ าณที่พืชต้องการอยา่ งเพยี งพอ ไก่พน้ื เมืองปล่อยเลีย้ งได้ไมเ่ สียเวลาในการเลีย้ งดูมาก และกินอาหารที่มอี ยู่ตามธรรมชาตไิ ด้ไม่เหมือนไกพ่ นั ธ์ซุ ึง่ ทั้งไก่เนื้อและไกไ่ ขจ่ ะตอ้ งเลยี้ งในโรงเรือนอย่างดี รสชาตขิ องไก่พื้นเมืองมรี สอร่อย เน้ือแน่น มมี นั นอ้ ย ฐานที่ 3 ฐานปยุ๋ อินทรีย์ปรมิ าณมากแบบไม่พลิกกลบั กองผรู้ ับผดิ ชอบ บ้านนาคาน้อยทุกหลงั คาเรือน ขน้ั ตอน 1. นาฟางข้าว 4 ส่วน วางเป็นชน้ั บาง ๆ สงู ไมเ่ กนิ 10 เซนติเมตร ฐานกว้าง 2.5 เมตร โปรยทบั ด้วยมลู สัตว์ 1 สว่ น แลว้ รดนา้ (อย่างเชน่ นาฟาง 16 เขง่ มาวางหนา 10 ซม. โรยทับด้วยมลู สตั ว์ 4 เขง่ เพ่อื ให้เปน็ สดั สว่ น 4 ต่อ 1 เป็นตน้ ) ทาเช่นน้ี 15 - 17 ชน้ั รดนา้ แต่ละชั้นใหม้ คี วามชื้น ข้นึ กองเปน็ รูปสามเหลีย่ มท่มี ีความสงู 1.50 เมตร ชน้ั บนสดุ เป็นมูลสตั ว์ 2. ตลอดเวลา 60 วนั ให้รักษาความชืน้ ภายในกองปยุ๋ ใหม้ คี วามเหมาะสมอย่เู สมอตลอดเวลา (มี คา่ ประมาณร้อยละ 60 – 70) โดยมี 3 ขั้นตอนดังน้ี ข้ันตอนที่ 1 รดนา้ ภายนอกกองปุ๋ยทุกวนั ๆ ละคร้ัง โดยไม่ใหม้ ีน้าไหลนองออกมาจากกองปยุ๋ มาก เกินไป ขั้นตอนที่ 2 เมื่อครบวันท่ี 10 ใชไ้ ม้หรอื เหล็กแทงกองปุย๋ ใหเ้ ปน็ รลู ึกถงึ ข้างลา่ งแล้วกรอกนา้ ลงไป ระยะห่างของรปู ระมาณ 40 เซนตเิ มตร ทาขัน้ ตอนที่สองน้ี 5 คร้ัง ระยะเวลาห่างกนั 10 วนั 3. เม่ือกองปุ๋ยมีอายุครบ 60 วัน ก็หยดุ ใหค้ วามชืน้ กองปยุ๋ จะมคี วามสูงเหลอื เพียงประมาณ 1 เมตร แล้วทาป๋ยุ อินทรยี ใ์ ห้แห้งเพ่ือใหจ้ ุลินทรียส์ งบตวั ไมใ่ ห้เป็นอันตรายตอ่ รากพืช ฐานที่ 4. ฐานผา้ ทอมัดหมผี่ ู้รบั ผดิ ชอบนางนยิ ม กาญจแก้ว ซึ่งเปน็ ฐานการเรยี นร้ทู ี่แสดงให้เหน็ วิถชี วี ิตของคนอสี านอย่างแท้จริง กลุ่มทอผา้ มัดหมบ่ี ้านนาคา

แหลงเรียนรู้ หมบู่ ้านกศน.ตน้ แบบ บ้านสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกุดผึ้ง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู น้อย จัดตั้งเม่ือปี 2559 เพอื่ ดาเนินการทอผา้ ตอนแรกทาขึน้ เพื่อใชเ้ อง ตอ่ มาจงึ ทาข้นึ เพ่ือ จาหน่าย สามารถสรา้ งอาชีพ สรา้ งรายได้ใหก้ ับชาวบา้ นในชุมชนได้ มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและสบื ทอดภมู ิปญั ญาต่อไป ราคาผ้าทอ ผา้ ถุง 500 บาท ผา้ ขาวม้า 70 บาท ฐานท่ี 5 ฐานแปรรูปผลติ ภัณฑผ์ ้าทอมดั หม่ีผรู้ บั ผดิ ชอบนางประยตั ิ จันทฟอง เนือ่ งจากบ้านนาคาน้อยมีกลุ่มผ้าผ้ามดั หมข่ี นึ้ ใช้เอง จงึ นาผลิตภัณฑท์ ีไ่ ดจ้ ากทอผ้ามดั หมน่ี ามาแปรรปู เปน็ เสือ้ ผา้ กางเกงขึ้นไวใ้ ชเ้ อง เหลอื จากการใช้งานในครัวเรือนก็นามาจัดจาหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ในกลมุ่ สร้าง รายไดใ้ หส้ มาชิกในกล่มุ เพอ่ื ใหค้ รอบครวั มีรายได้เสริม ฐานท่ี 6 ฐานการเลีย้ งจ้ิงหรดี ผรู้ ับผดิ ชอบนางลาไย ฝา่ ยราศรี ปจั จุบันคนนิยมบริโภคจิ้งหรีดเป็นอาหาร เพราะมีโปรตีนสูง ปลอดสารพษิ ในธรรมชาติจะหาจิ้งหรดี มาเพื่อบริโภคได้ไมม่ ากนกั บางฤดูมีมาก บางฤดูแทบจะหาไม่ไดเ้ ลย เชน่ ฤดหู นาว จ้งิ หรดี จะขนายพนั ธุช์ า้ นาง ลาไย ฝ่ายราศรี ได้เลงเห็นชอ่ งทางจึงได้ดาเนนิ การเลีย้ งเพือ่ บริโภคในครวั ส่วนท่ีเหลือกน็ าออกมาจาหนา่ ย สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กค่ รอบครวั หากมกี ารจัดการที่ดี จะมจี งิ้ หรีดไวบ้ ริโภคหรือจาหนา่ ยได้ตลอดทั้งปี ฐานที่ 7. ฐานตะกรา้ จากเชอื กมดั ฟาง ผรู้ บั ผิดชอบ นางประยัติ จันทฟอง การทาตะกร้าจากฟางเชือกมัดฟาง มีวัตถุประสงค์ เพื่อผลิตตะกร้าจากเชือกมัดฟางที่เหลือใช้และเพื่อศึกษา ความคงทนแข็งแรงของตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ตอนแรกกลุ่มแม่บ้านได้ผลิตใช้เองในครัวเรือน ต่อมานาง ประยัติจันทฟอง ได้มองเห็นช่องทางสร้างรายได้เสรมิ ให้กลมุ่ แม่บ้าน บ้านนาคาน้อยจึงได้จัดต้ังกล่มุ ผลิตภัณฑ์ ตะกรา้ จากเชือกมดั ฟาง ฐานท่ี 8 ศาลารักการอา่ นประจาชุมชน จานวน 10 ค้มุ การอ่านเป็นการแสวงหาความรูท้ คี่ รอบคลุมกจิ กรรมหลายดา้ น เชน่ การรับรู้ การตระหนัก การ พฒั นา การสนองตอบ และการใชจ้ ินตนาการ เปน็ ตน้ การอา่ นจึงสัมพันธก์ บั การทางานของสมอง การ ตอบสนองทางรา่ งกาย และอารมณ์ ซงึ่ จะสง่ ผลไปถึงการเปลย่ี นแปลงทศั นคติ บคุ ลกิ ภาพตลอดจนการ ประพฤตปิ ฏิบัตขิ องผู้อา่ นเอง ด้วยคุณคา่ ดงั กล่าว กศน.อาเภอสวุ รรณคูหาร่วมกบั กศน.ตาบลกุดผึ้งจึงมงุ่ จัด ศาลารักการอ่านข้นึ เพือ่ ปลูกฝังให้นกั เรียนมีนิสัยรกั การอ่าน อนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ การเรยี นรู้ และการ ดารงชวี ิต ของนกั เรยี นทงั้ ในปัจจุบนั และในอนาคต ฐานที่ 9 สวนครบเคร่ือง เน่ืองจากชาวบา้ นมีปญั หาการว่างงานไมม่ รี ายได้ท่เี พยี งพอ จึงไดร้ ่วมกันจดั ทา สวนครบเคร่ืองขึ้นโดยในสวน ครบเคร่อื งนนั้ จะมีพืชผกั สวนครัวเกือบทกุ ชนดิ ครอบคลุมในการประกอบอาหารแต่ละม้ือ เพื่อท่จี ะลด คา่ ใช้จ่ายในครัวเรอื นและไดบ้ ริโภคผกั ทีป่ ลอดสารพิษ เน่อื งจากผกั เปน็ พืชทปี่ ลูกไดง้ ่าย และผกั ยังเปน็ พชื

แหลงเรียนรู้ หมู่บ้านกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู เศรษฐกจิ ทสี่ ร้างรายไดใ้ ห้ผ้ปู ลกู ได้เป็นอยา่ งดี เพราะผักเป็นอาหารทม่ี ีประโยชนแ์ ละมีคุณคา่ ทางอาหารสงู สามารถนาไปปรุงเปน็ อาหารไดห้ ลายอยา่ ง และมรี าคาค่อนข้างถูกเม่ือเปรียบเทยี บกบั อาหารชนิดอื่น สามารถ บรโิ ภคไดท้ กุ เพศทกุ วยั ดังนั้นผักจงึ เป็นทตี่ ้องการของผบู้ ริโภคเป็นจานวนมาก จึงให้เกษตรกรที่ว่างงานมี ความร้คู วามสามารถและทกั ษะในการประกอบอาชีพ เป็นการแกป้ ัญหาการวา่ งงานและสง่ เสรมิ ความเขม้ แขง็ ใหแ้ กเ่ ศรษฐกิจชมุ ชนและนาไปเปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคตได้อยา่ งม่นั คงและย่ังยืน ฐานท่ี 10 เกษตรทฤษฎใี หมผ่ สมผสาน การทาการเกษตรในปัจจบุ นั มีความเส่ยี งตอ่ การเปล่ยี นแปลงของสภาพแวดล้อมและภยั ธรรมชาติ การ เปลย่ี นแปลงและการแข่งขันทางเศรษฐกจิ เกษตรกรจะตอ้ งสรา้ งภูมิคุ้มกนั เพื่อให้พร้อมสาหรบั การ เปล่ยี นแปลงดังกลา่ ว การทาเกษตรทฤษฎใี หมต่ ามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งเป็นแนวทางทาการเกษตรท่ี เหมาะสาหรบั เกษตรกรในปจั จุบนั ด้วยเหตุผลเป็นการผลติ เพอ่ื การบรโิ ภคในครอบครวั เปน็ อนั ดับแรก ได้แก่ มี ข้าว พืชอาหาร แหล่งน้าและการเล้ยี งปลา ทีอ่ ยู่อาศัย การลดต้นทนุ การผลติ การเพ่มิ รายได้ เพื่อพร้อมรบั การ เปลยี่ นแปลงของสภาพธรรมชาติและราคา การปรับใช้เทคโนโลยีทเี่ หมาะสมและสอดคล้องกบั ศักยภาพของ พืน้ ทแ่ี ละความถนดั ของเกษตรกร โดยใชศ้ ูนยบ์ รกิ ารและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรประจาตาบล เปน็ กลไก ในการสง่ เสรมิ และถ่ายทอดความรู้ ฐานท่ี 11 ซรี ูเลียมลดการใช้สารเคมี ดนิ ดี สุขภาพดี ซรี เู ลยี ม เป็นพืชคลมุ ดนิ ตระกูลถั่ว อายขุ า้ มปีและเปน็ พชื วันสัน้ มถี นิ่ กาเนิดในอเมริกาใต้ รากจะมปี มตรงึ ไนโตรเจนจากอากาศ สามารถปลูกได้ทัว่ ทกุ ภาคของประเทศไทย ลักษณะของลาตน้ เป็นเถาเลอื้ ยเข็งแรง เหน็ ขนไมช่ ดั ใบสีเขยี วเข้มเป็นมนั คล้ายใบโพธิใ์ บค่อนข้างหนา ดอกเปน็ ชอ่ สีม่วง ซรี เู ลยี มจะเริม่ ออกดอก ในช่วงปลายเดอื นพฤศจิกายนจนถงึ เดือนกมุ ภาพนั ธ์ ฝักจะมีลักษณะแบนยาวมีสนี ้าตาลเข้มเมื่อแก่ ฝักจะ แตกออกมาเองเมื่อแห้งจัด เมลด็ มขี นาดใหญ่ เปลือกหุ้มเมล็ดหนาเมล็ดมีสเี หลืองจนถึงน้าตาล ผิวเรยี บเป็น มัน น้าหนัก 1 กิโลกรมั ระบบรากมีท้ังรากแกว้ แลพรากฝอย โดยมกี ารดาเนินเพื่อสรา้ งความเข้าใจในฐานการเรยี นรู้อย่างแทจ้ รงิ กจิ กรรมดังน้ี 1.1 กจิ กรรมเรียนรูต้ นเอง และเรยี นรู้ร่วมกนั เพ่ือแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ 1.2 การอบรมทฤษฎีเก่ียวกับกิจกรรมการดารงชีวิตตามแนววิถชี วี ติ เศรษฐกจิ พอเพียง ได้แก่ 1. การสาธติ กิจกรรมการดาเนินชีวติ ตามแนววถิ เี ศรษฐกจิ พอเพียง 2. การจัดเวทีประชาคมเพอื่ ติดตามและประเมนิ ผล/การจดั การความรู้ 3. จดั เวทีประชาคมเพื่อติดตามและประเมินผลการจดั การความรู้วิธีการปฏิบตั ทิ ่ปี ระสบ ผลสาเร็จ 1.3 กลยุทธ์ในการทางาน 1. การชแ้ี จงทาความเข้าใจสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ เกีย่ วกับปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2. การประสานงาน สรา้ งความคุ้นเคยกับคนในหม่บู า้ น

แหลงเรียนรู้ หมู่บ้านกศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกดุ ผ้งึ อาเภอสุวรรณคหู า จังหวดั หนองบวั ลาภู 3. ตอ้ งสร้างครัวเรอื นตัวอยา่ งท่ปี ระกอบอาชีพ และดารงชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง 4. ปรับทัศนคติ ลดรายจา่ ย เพ่มิ รายได้ ขยันขนั แขง็ 2 ปัจจยั สู่ความสาเรจ็ 1. การสร้างทมี งานเป็นสิง่ สาคญั มากในการทางานให้ประสบผลสาเร็จเพราะการทางานพัฒนาชุมชน เป็นงานทใ่ี ชห้ ลกั \"การมีส่วนร่วม\" ในทกุ ระดบั ภาคสว่ นทงั้ จากภาครฐั องค์กรภาคประชาชน และประชาชน เพือ่ ใหก้ ารขับเคล่อื นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงประสบความสาเร็จและพ่ึงตนเองได้ 2. การประสานงาน เป็นการบรู ณาการทางานร่วมกบั ผ้นู าชุมชน แกนนากลมุ่ องค์กรชุมชนแกนนา กลมุ่ องคก์ รเครือขา่ ย ทมี งานภาคกี ารพฒั นาระดับตาบล/อาเภอ เพื่อค้นหาข้อมลู รวบรวมผลงานของกลุ่ม องค์กรตา่ งๆ จัดทาเอกสารความรู้ในการขยายผลส่หู มบู่ ้านอ่นื 3. ผ้นู าชุมชนมศี กั ยภาพและมีภาวะผ้นู า เสียสละ มกี ารบริหารจัดการหมบู่ ้านที่ดี ประกอบดว้ ย ผู้ใหญบ่ า้ น สมาชิก อบต. และประชาชน มีความเข้มแข็ง มคี วามพรอ้ ม มคี วามสามคั คี ใน การเข้าร่วมการพฒั นาหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ

แหลงเรียนรู้ หม่บู ้านกศน.ตน้ แบบ บ้านสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู ฐานท่ี 1 ฐานจกั สาน ผูร้ ับผดิ ชอบนายประดิษฐ์ บัวมี ด้วยการนาเอาไม้ไผ่ในท้องถน่ิ มาเหลาเป็นตอก และลงมือจักสานเป็นอุปกรณท์ ี่ใช้ในครวั เรอื น เชน่ ส่มุ ดกั จับ ปลา ตะกรา้ ไซ ตุ้มดักกบ ซ่งึ สมาชกิ สว่ นใหญ่เป็นผูม้ คี วามสามารถด้านจักสานและทาเคร่อื งจักสานอยู่แลว้ ทาเพื่อใชใ้ นครวั เรือนและจาหน่าย ฐานท่ี 2 ฐานป๋ยุ หมกั +เลี้ยงไกพ่ ื้นบ้านนายสรุ ยิ นั ปลัดศรี ในการเพาะปลูกของเกษตรกร สิ่งท่ีมีความจาเป็นและสาคัญท่ีสุดคือความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความอุดม สมบูรณ์ของดินจะได้มาจากการท่ีมีอินทรียวัตถุสะสมอยู่ในดินอยู่มาก จุลินทรีย์ดินจะใช้อินทรียวัตถุเป็น สารอาหารแลว้ ปลดปลอ่ ยแร่ธาตุท่ีจาเปน็ ให้แกพ่ ชื ในปรมิ าณทีพ่ ืชต้องการอย่างเพียงพอ ไก่พ้ืนเมอื งปล่อยเลีย้ งได้ไมเ่ สียเวลาในการเลยี้ งดูมาก และกนิ อาหารทีม่ ีอยตู่ ามธรรมชาติได้ไม่เหมอื นไก่พันธ์ุซ่ึง ทง้ั ไกเ่ นอ้ื และไก่ไขจ่ ะตอ้ งเล้ยี งในโรงเรอื นอย่างดี รสชาติของไก่พนื้ เมอื งมีรสอรอ่ ย เนื้อแนน่ มีมันน้อย

แหลงเรียนรู้ หมู่บ้านกศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกดุ ผ้ึง อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ฐานท่ี 3 ฐานปยุ๋ อินทรีย์ปรมิ าณมากแบบไมพ่ ลกิ กลับกองผรู้ บั ผดิ ชอบ บ้านนาคานอ้ ยทกุ หลังคา เรือน ข้ันตอน 1. นาฟางข้าว 4 สว่ น วางเปน็ ชนั้ บาง ๆ สูงไมเ่ กนิ 10 เซนติเมตร ฐานกว้าง 2.5 เมตร โปรยทับดว้ ยมลู สตั ว์ 1 ส่วน แลว้ รดน้า (อยา่ งเชน่ นาฟาง 16 เข่ง มาวางหนา 10 ซม. โรยทับด้วยมลู สัตว์ 4 เขง่ เพ่อื ใหเ้ ปน็ สัดส่วน 4 ตอ่ 1 เปน็ ตน้ ) ทาเช่นนี้ 15 - 17 ชน้ั รดนา้ แต่ละชน้ั ให้มีความชื้น ข้ึนกองเป็น รูปสามเหลยี่ มที่มีความสงู 1.50 เมตร ชนั้ บนสุดเปน็ มูลสัตว์ 2. ตลอดเวลา 60 วัน ใหร้ กั ษาความช้ืนภายในกองปุย๋ ใหม้ คี วามเหมาะสมอย่เู สมอตลอดเวลา (มี คา่ ประมาณร้อยละ 60 – 70) โดยมี 3 ขน้ั ตอนดังน้ี ขั้นตอนที่ 1 รดนา้ ภายนอกกองป๋ยุ ทุกวนั ๆ ละครั้ง โดยไม่ใหม้ นี า้ ไหลนองออกมาจากกองป๋ยุ มาก เกินไป ข้ันตอนท่ี 2 เม่ือครบวันที่ 10 ใชไ้ ม้หรอื เหลก็ แทงกองปุ๋ยให้เปน็ รูลกึ ถงึ ขา้ งล่างแล้วกรอกน้าลงไป ระยะห่างของรปู ระมาณ 40 เซนตเิ มตร ทาขน้ั ตอนทีส่ องน้ี 5 ครง้ั ระยะเวลาหา่ งกนั 10 วัน 3. เมือ่ กองปยุ๋ มีอายุครบ 60 วนั กห็ ยดุ ใหค้ วามช้นื กองปุ๋ยจะมีความสงู เหลอื เพยี งประมาณ 1 เมตร แล้วทาปุย๋ อินทรียใ์ ห้แห้งเพื่อใหจ้ ุลินทรีย์สงบตัวไมใ่ หเ้ ปน็ อันตรายตอ่ รากพืช

แหลงเรยี นรู้ หม่บู า้ นกศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพยี ง ณ บ้านนาคาน้อย ตาบลกดุ ผ้ึง อาเภอสุวรรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู ฐานที่ 4. ฐานผา้ ทอมัดหมี่ผ้รู ับผิดชอบนางนิยม กาญจแก้ว ซงึ่ เป็นฐานการเรียนร้ทู ี่แสดงใหเ้ ห็นวถิ ชี วี ิตของคนอสี านอย่างแท้จริง กลุ่มทอผ้ามัดหม่ีบ้านนาคาน้อย จัดตั้งเมื่อปี 2559 เพ่ือดาเนินการทอผ้า ตอนแรกทาขึ้น เพื่อใช้เอง ต่อมาจึงทาขึ้นเพื่อจาหน่าย สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชนได้ มีรายไดเ้ พิ่มมากขึน้ และสืบทอดภูมปิ ัญญาต่อไป ราคาผา้ ทอ ผ้าถุง 500 บาท ผ้าขาวม้า 70 บาท ฐานที่ 5 ฐานแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ผา้ ทอมัดหมี่ผูร้ ับผิดชอบนางประยตั ิ จนั ทฟอง เนอื่ งจากบ้านนาคาน้อยมีกลุ่มผา้ ผ้ามดั หม่ขี น้ึ ใชเ้ อง จงึ นาผลติ ภัณฑท์ ไี่ ดจ้ ากทอผ้ามัดหม่ีนามาแปรรูป เปน็ เสื้อผา้ กางเกงขนึ้ ไว้ใชเ้ อง เหลือจากการใช้งานในครวั เรือนก็นามาจัดจาหน่ายเป็นผลิตภัณฑใ์ นกลุ่มสรา้ ง รายได้ให้สมาชิกในกลมุ่ เพอ่ื ใหค้ รอบครัวมรี ายไดเ้ สรมิ

แหลงเรียนรู้ หม่บู ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสุขพอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวดั หนองบวั ลาภู ฐานท่ี 6 ฐานการเล้ียงจ้งิ หรีด ผรู้ ับผดิ ชอบนางลาไย ฝ่ายราศรี ปจั จบุ ันคนนยิ มบรโิ ภคจ้ิงหรดี เปน็ อาหาร เพราะมีโปรตีนสูง ปลอดสารพิษ ในธรรมชาติจะหาจงิ้ หรีด มาเพ่ือบริโภคได้ไมม่ ากนัก บางฤดูมีมาก บางฤดแู ทบจะหาไม่ได้เลย เช่นฤดูหนาว จงิ้ หรีดจะขนายพนั ธุช์ า้ นาง ลาไย ฝา่ ยราศรี ได้เลงเหน็ ชอ่ งทางจึงได้ดาเนนิ การเลี้ยงเพื่อบริโภคในครวั สว่ นทเ่ี หลือก็นาออกมาจาหน่าย สรา้ งรายได้ให้แกค่ รอบครัว หากมกี ารจัดการท่ีดี จะมีจิ้งหรีดไว้บริโภคหรือจาหน่ายไดต้ ลอดทง้ั ปี ฐานที่ 7. ฐานตะกรา้ จากเชอื กมดั ฟาง ผู้รับผิดชอบ นางประยัติ จนั ทฟอง การทาตะกร้าจากฟางเชือกมัดฟาง มีวัตถุประสงค์ เพ่ือผลิตตะกร้าจากเชือกมัดฟางที่เหลือใช้และเพื่อศึกษา ความคงทนแข็งแรงของตะกร้าจากเชือกมัดฟาง ตอนแรกกลุ่มแม่บ้านได้ผลิตใช้เองในครัวเรือน ต่อมานาง ประยัติจันทฟอง ได้มองเห็นช่องทางสร้างรายได้เสรมิ ให้กลมุ่ แม่บ้าน บ้านนาคาน้อยจึงได้จัดต้ังกลุ่มผลติ ภัณฑ์ ตะกร้าจากเชือกมดั ฟาง

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ า้ นกศน.ตน้ แบบ บ้านสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกดุ ผง้ึ อาเภอสวุ รรณคูหา จังหวดั หนองบวั ลาภู ฐานที่ 8 ศาลารักการอา่ นประจาชุมชน จานวน 10 คมุ้ การอ่านเป็นการแสวงหาความร้ทู ค่ี รอบคลุมกิจกรรมหลายดา้ น เชน่ การรบั รู้ การตระหนัก การ พัฒนา การสนองตอบ และการใชจ้ นิ ตนาการ เปน็ ต้น การอา่ นจงึ สัมพนั ธก์ บั การทางานของสมอง การ ตอบสนองทางร่างกาย และอารมณ์ ซ่ึงจะส่งผลไปถึงการเปล่ยี นแปลงทศั นคติ บุคลกิ ภาพตลอดจนการ ประพฤติปฏบิ ตั ิของผูอ้ ่านเอง ด้วยคณุ คา่ ดงั กล่าว กศน.อาเภอสวุ รรณคหู ารว่ มกบั กศน.ตาบลกดุ ผ้งึ จึงมุ่งจัด ศาลารักการอ่านขน้ึ เพอ่ื ปลกู ฝงั ใหน้ ักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน อนั จะเป็นประโยชนต์ อ่ การเรยี นรู้ และการ ดารงชวี ติ ของนักเรยี นทง้ั ในปัจจบุ นั และในอนาคต ฐานที่ 9 สวนครบเครื่อง เนอ่ื งจากชาวบา้ นมีปญั หาการว่างงานไม่มีรายได้ท่เี พยี งพอ จึงได้รว่ มกนั จัดทา สวนครบเครือ่ งขน้ึ โดยในสวน ครบเครอ่ื งนั้นจะมพี ืชผักสวนครัวเกอื บทกุ ชนดิ ครอบคลุมในการประกอบอาหารแต่ละมื้อ เพ่ือทจี่ ะลด ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและไดบ้ ริโภคผกั ทป่ี ลอดสารพิษ เนือ่ งจากผกั เป็นพชื ทปี่ ลกู ได้ง่าย และผกั ยงั เปน็ พืช เศรษฐกจิ ทส่ี ร้างรายได้ใหผ้ ู้ปลกู ได้เปน็ อย่างดี เพราะผักเป็นอาหารท่ีมีประโยชน์และมีคุณคา่ ทางอาหารสงู สามารถนาไปปรุงเปน็ อาหารได้หลายอยา่ ง และมรี าคาค่อนขา้ งถูกเม่ือเปรยี บเทยี บกบั อาหารชนดิ อ่นื สามารถ บริโภคได้ทกุ เพศทุกวัย ดังนั้นผกั จึงเปน็ ท่ีต้องการของผบู้ รโิ ภคเป็นจานวนมาก จึงใหเ้ กษตรกรทว่ี ่างงานมี ความรู้ความสามารถและทกั ษะในการประกอบอาชีพ เปน็ การแก้ปัญหาการวา่ งงานและสง่ เสริมความเขม้ แขง็ ให้แกเ่ ศรษฐกิจชมุ ชนและนาไปเปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคตได้อย่างม่นั คงและย่ังยนื

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ต้นแบบ บา้ นสุขพอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกุดผ้งึ อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ฐานท่ี 10 เกษตรทฤษฎใี หม่ผสมผสาน การทาการเกษตรในปัจจบุ ันมีความเสย่ี งต่อการเปลย่ี นแปลงของสภาพแวดลอ้ มและภัยธรรมชาติ การ เปลย่ี นแปลงและการแข่งขันทางเศรษฐกจิ เกษตรกรจะตอ้ งสร้างภมู คิ ้มุ กนั เพ่ือให้พรอ้ มสาหรับการ เปลี่ยนแปลงดังกล่าว การทาเกษตรทฤษฎใี หม่ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางทาการเกษตรท่ี เหมาะสาหรับเกษตรกรในปัจจบุ ัน ด้วยเหตผุ ลเป็นการผลิตเพอ่ื การบริโภคในครอบครัวเปน็ อนั ดบั แรก ได้แก่ มี ขา้ ว พืชอาหาร แหลง่ นา้ และการเลยี้ งปลา ท่ีอยู่อาศยั การลดต้นทนุ การผลติ การเพิม่ รายได้ เพื่อพร้อมรับการ เปลี่ยนแปลงของสภาพธรรมชาตแิ ละราคา การปรับใช้เทคโนโลยที ่ีเหมาะสมและสอดคล้องกบั ศักยภาพของ พืน้ ท่ีและความถนัดของเกษตรกร โดยใชศ้ ูนยบ์ รกิ ารและถ่ายทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรประจาตาบล เป็นกลไก ในการสง่ เสรมิ และถ่ายทอดความรู้ ฐานท่ี 11 ซรี ูเลียมลดการใช้สารเคมี ดินดี สขุ ภาพดี ซรี เู ลยี ม เป็นพชื คลมุ ดนิ ตระกูลถว่ั อายขุ า้ มปแี ละเปน็ พชื วันสั้น มถี นิ่ กาเนิดในอเมริกาใต้ รากจะมปี มตรึง ไนโตรเจนจากอากาศ สามารถปลูกได้ทวั่ ทุกภาคของประเทศไทย ลกั ษณะของลาตน้ เป็นเถาเล้ือยเขง็ แรง เห็นขนไม่ชัด ใบสีเขียวเข้มเป็นมันคล้ายใบโพธใ์ิ บคอ่ นข้างหนา ดอกเป็นชอ่ สีมว่ ง ซรี ูเลยี มจะเริม่ ออกดอก ในชว่ งปลายเดือนพฤศจกิ ายนจนถึงเดือนกมุ ภาพันธ์ ฝักจะมีลกั ษณะแบนยาวมีสนี า้ ตาลเข้มเมื่อแก่ ฝักจะ แตกออกมาเองเมื่อแห้งจดั เมล็ดมขี นาดใหญ่ เปลือกหุ้มเมลด็ หนาเมลด็ มีสเี หลอื งจนถึงน้าตาล ผวิ เรยี บเป็น มัน น้าหนกั 1 กโิ ลกรัม ระบบรากมที ้ังรากแก้วแลพรากฝอย

แหลงเรียนรู้ หมู่บ้านกศน.ต้นแบบ บ้านสขุ พอเพยี ง ณ บา้ นนาคาน้อย ตาบลกดุ ผงึ้ อาเภอสวุ รรณคหู า จงั หวัดหนองบวั ลาภู ผลการดาเนนิ งานการนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในครัวเรอื น ด้านความพอประมาณ ผล พบว่า ประชาชนบ้านนาคาน้อย มีการจับจ่ายใช้สอยในครอบครัวอย่าง รอบคอบ มีการจับจ่ายใช้สอยอย่างรอบคอย มีการวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ มีการแบ่งเงินเป็นส่วนๆ เพ่ือให้เหลือไว้ในการออม มีการนาวัสดุที่มีในชุมชนมาใช้ประโยชน์มีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์และผลิตสิ่งของใช้ เองในครัวเรือน มีการบริหารจัดการราได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และมีการวางแผนการใช้จ่ายให้เป็นระบบ ย่งิ ข้นึ ด้านความมีเหตุผล พบว่า ประชาชนบ้านนาคาน้อย มีความรอบคอบในการจับจ่ายใช้สอยมากข้ึน มี การเรียนรู้การวางแผนการเงินและได้รับความรู้เพิ่มเตมิ จากการเข้ารับการอบรมการจัดทาบัญชีครัวเรอื น จาก หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุวรรณคูหา สานักงาน พัฒนาชุมชนอาเภอสุวรรณคูหา เป็นต้น ประชาชนในชุมชนมีการจัดแบ่งรายได้ไว้ใช้ยามเจ็บป่วย และยาม ฉุกเฉนิ อยา่ งเป็นระบบ หลงั จากการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยุกตใ์ ชใ้ นครอบครวั ด้านระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี พบว่า ประชาชนบ้านนาคาน้อย พบว่า ประชาชนได้มีการวางแผนกับ ครอบครัวเก่ียวกับการออมเงิน ไว้ใช้ในยามจาเป็น หรือฉุกเฉินมากขึ้น และมีการวางแผนแบ่งเงินท่ีมีไว้พัฒนา ตนเองท้ังในด้านการประกอบอาชีพ และการพัฒนาตนเองในด้านอื่นๆท่ีเป็นระบบและต่อเน่ืองมากข้ึน ประชาชนในแต่ละครอบครวั มกี ารเตรยี มความพรอ้ มของครอบครวั ในการรบั การเปล่ียนแปลง เงื่อนไขความรู้ พบว่า ประชาชนบ้านนาคาน้อยและครอบครัว มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดีย่ิงข้ึน จากการเข้ารับการอบรมพัฒนาจากหน่วยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวข้อง และจาก การปฏิบัติจริงในการดาเนินชีวิต ประชาชนส่วนใหญ่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทั้งที่ชุมชนจัด และหน่วยงาน ราชการจัดขึ้นเก่ียวกับเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนใกล้เคียง ได้เข้ามาศึกษาดูงาน มีการ นาผลิตผลท่ีเกิดจากการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้รว่ มนาเสนอแก่สาธารณชนในการเขา้ ร่วมงานต่างๆ ท้ังในจังหวัดหนองบัวลาภู และจังหวัดใกล้เคียง ประชาชนท่ีเข้าร่วมโครงการในด้านเศรษฐกิจ พอเพียงกับชุมชน จะเรียนรู้การแก้ปัญหาทั้งท่ีเกิดข้ึนจากการดาเนินชีวิต และการประกอบอาชีพได้อย่างมี เหตุผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ด้านปัญหารายรับรายจ่าย ปัญหาการประกอบอาชีพ เกษตรกรรมทตี่ อ้ งพ่ึงธรรมชาติ เป็นตน้ เง่ือนไขคุณธรรม พบว่า ประชาชนบ้านนาคาน้อยมีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับสมาชิกใน ครอบรัว ในด้านการออม ความซื่อสัตย์ มีการจัดกิจกรรมด้านศาสนาให้ประชาชได้ร่วมกันปฏบิ ัติเพ่ือส่วนรว่ ม อยา่ งตอ่ เน่อื ง เชน่ การทาความสะอาดชุมชน การรกั ษาป่าชมุ ชน เปน็ ตน้ เพือ่ ใหป้ ระชาชนได้เรียนรค็ ุณค่าของ ทรพั ยากรในท้องถน่ิ และร่วมกนั รักษาไวเ้ พอ่ื ให้สามารถเป็นแหล่งหาอาหารให้กับชุมชนได้ ไม่เห็นแกต่ ัว และใช้ แต่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ประชาชนส่วนใหญ่มีความขยันและเรียนร็ท่ีจะพัฒนาอาชีพของตนเองอยู่อย่าง ต่อเนื่อง เมื่อมีงบประมาณของภาครัฐเข้ามาสนับสนุนจะเข้าร่วมรับการพัฒนาตนเอง และนาความรู้ที่ได้มา พัฒนาตนเอง และอาชีพใหม้ กี ารพัฒนาอยู่อย่างตอ่ เนื่อง

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ า้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสุขพอเพยี ง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสวุ รรณคูหา จงั หวัดหนองบวั ลาภู ด้านความสาเรจ็ ในการนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปปฎิบตั ิ 1. การมีชวี ิตท่ีสมดุล /มัน่ คง/ยงั่ ยืน พบวา่ การนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการดาเนิน ชวี ติ ชว่ ยใหป้ ระชาชนมีความเป็นอยู่ท่ดี ีขึน้ ครอบครวั สามารถพ่ึงตนเองไดด้ ีข้ึนในระดับหนึ่ง เน่ืองจากไม่ต้อง จับจ่ายซื้อของใช้ในครัวเรือนทั้งหมด แต่ยังมีการปลูกพืชผักบริโภคเองบ้าง ผลิตส่ิงของใช้เองในครอบครัวเอง บ้าง เปน็ ต้น ประชาชนมเี งนิ ออมบางส่วนไว้ใช้ยามจาเปน็ จากท่ไี ม่มเี หลือและเป็นหนี้เป็นสนิ มีการใชจ้ ่ายท่ีมี เหตผุ ลมากข้นึ เนอื่ งจากรู้จักการวางแผนการใช้จ่ายเงินมากขึ้น ชวี ติ ครอบครัวของประชาชนในด้านเศรษฐกิจดี ขึ้นมชี ีวิตทม่ี คี วามสุขข้ึน 2. การมีเศรษฐกิจที่สมดุล/มั่นคง/ย่ังยืน พบว่า การนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการ ดาเนินชีวิต ช่วยให้ประชาชนมีการเรียนรู้การประหยัดเก็บออม มีการหารายได้เสริมจากการเข้าร่วมกลุ่มกับ สมาชิกอ่ืนๆเพื่อผลิตสินค้าออกจาหน่าย และใช้เองในครอบครัว สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนในการสร้าง รายได้ให้กับครอบครัว สนใจเข้ารับการอบรมพัฒนาตนเองเกี่ยวกับอาชีพที่หน่วยงานต่างๆจัดขึ้น เพื่อนา ความรูท้ ี่ไดม้ าพฒั นาตนเอง มีการจับจ่ายเงนิ ที่มเี หตุผลมากขน้ึ ไม่ใชจ้ ่ายอย่างสุลุ่ยสุรา่ ย 3. การมีสงั คมทีส่ มดุล/มน่ั คง/ยง่ั ยืน พบว่า การนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในการดาเนิน ชีวิต ช่วยให้ประชาชนสามารถปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพสังคมในสถานการณ์ต่างๆได้ดีข้ึน เช่น เม่ือหมดฤดู การทาเกษตรกจ็ ะมกี ารรวมกลุ่มกนั เพ่ือนาทรพั ยากรณ์ต่างๆท่ีมีในท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ อื่นๆต่อไป แทนการเข้าไปหางานทาในต่างจังหวัด หรือกรุงเทพฯอย่างในสมัยก่อน มีการรวมกลุ่มแลกเปล่ียน เรียนรู้เก่ียวกับการประกอบอาชีพ ทาให้สัมพันธภาพของคนในชุมชนดีข้ึน สังคมมีความเข้มแข็งข้ึนมีการ ชว่ ยเหลือตนเองและชว่ ยเหลอื สมาชิกในชุมชนดว้ ยตนเองเพม่ิ มากขึ้น 4. การมีสภาพแวดล้อมที่สมดุล/มั่นคง/ย่ังยืน พบว่า การนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ใน การดาเนินชีวิต ช่วยให้ประชาชนในชุมชนสนใจเรียนรู้การดูแลสิ่งแวดล้อมของชุมชนเพ่ิมมากขึ้น เข้าใจ ธรรมชาติและเร่ิมเรียนร็ประโยชนข์ องการอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่อย่างมีระบบ ไม่มีการทาลายป่าเนื่องจาก ประชาชนมีความเข้าใจเก่ียวกับการดูแลรักษาป่าเพ่ือให้เป็นแหล่งอาหาร ซึ่งในชุมชนจะมีเน้ือท่ีสาหรับป่า ธรรมชาติของชุมชนที่ใชป้ ระโยชน์ในการเปน็ แหล่งอาหารใหก้ ับประชาชน เช่น เป็นแหล่งของเห็ด และอาหาร ป่าที่ประชาชนสามารถเก็บไปขายหรือประกอบอาหารได้ โดยชุมชนได้ร่วมกันดูแลรักษาป่าชุมชนร่วมกันเป็น อยา่ งดี

แหลงเรยี นรู้ หมบู่ ้านกศน.ต้นแบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บา้ นนาคานอ้ ย ตาบลกดุ ผงึ้ อาเภอสุวรรณคหู า จังหวัดหนองบวั ลาภู บทเรยี นทไ่ี ด้รับ - ชมุ ชนเกดิ การเรียนรู้ในชมุ ชน รักษาวถิ ีชีวติ แบบดงั้ เดิม มีความชว่ ยเหลอื ซ่งึ กันและกนั คดิ เปน็ ทา เปน็ อย่างมีเหตุผล มีความซ่ือสัตย์สจุ ริต รับผิดชอบมีวินัย - เป็นการพฒั นาภมู ปิ ัญญาชาวบา้ น และการดาเนินชวี ิตด้านการเกษตรกรรม - เป็นการรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม - เปน็ ชมุ ชนทมี่ รี ายได้ และลดคา่ ใช้จา่ ยในครัวเรอื น เกิดเป็นชุมชนที่เขม้ แข็ง เป็นชมุ ชนที่ดาเนินชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ในการพัฒนาชุมชนใหย้ ง่ั ยนื การเผยแพร่ การศึกษาดงู านจากกศน.อาเภอเมอื งหนองบัวลาภู ได้มโี อกาสตอ้ นรบั ท่านผ้ตู รวจราชการ กระทรวงศึกษาธกิ าร และเป็นแหล่งศกึ ษาเรยี นเรยี น หรือ ชมุ ชนศึกษา ได้รับรางวลั หม่บู ้านพอเพียงรอง ชนะเลิศของพฒั นาชมุ ชนระดับจงั หวัด

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู

แหลงเรยี นรู้ หมู่บา้ นกศน.ตน้ แบบ บา้ นสขุ พอเพียง ณ บ้านนาคานอ้ ย ตาบลกุดผง้ึ อาเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบวั ลาภู


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook