หลกั สูตรต้านทุจรติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) และแผนการจดั การเรียนรู้ “การปอ้ งกันการทุจรติ ” หลกั สตู รการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๖ โรงเรียนบา้ นบัวถนน สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาบรุ ีรมั ย์ เขต ๒ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
ก ประกาศโรงเรยี นบ้านบัวถนน เร่อื ง ให้ใช้หลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา Anti-Corruption Education ในสถานศกึ ษา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ----------------------------------------------------------- ยุทธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ -๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตร์ ท่ี ๑ “สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจรติ ” ได้มุ่งเน้นให้ความสำคญั ในกระบวนการปรับสภาพ สังคมให้เกิดภาวะท่ี “ไมท่ นต่อการทจุ รติ ” โดยเร่มิ ตง้ั แต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมในทกุ ระดบั ชว่ ง วยั ตั้งแต่ปฐมวยั เพ่ือสรา้ งวัฒนธรรมตอ่ ต้านการทุจริต และปลกู ฝงั ความพอเพียง มวี ินยั ซ่ือสัตย์สจุ รติ ยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมมากกวา่ ประโยชน์สว่ นตน เปน็ การดำเนินการผ่านสถาบนั หรอื กลุม่ ตัวแทนที่ทำหน้าท่ี ในการกล่อมเกลาสงั คมใหม้ คี วามเป็นพลเมืองทด่ี ี มีจิตสาธารณะ เสยี สละเพอ่ื สว่ นรวมและเสรมิ สร้างให้ ทกุ ภาคสว่ นมีพฤตกิ รรมท่ีไมย่ อมรับและต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มี คำส่งั ที่ ๖๔๖/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ แต่งต้ังคณะอนกุ รรมการจดั ทำหลกั สูตร หรอื ชุดการ เรยี นรูแ้ ละสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ ริต เพือ่ ดำเนนิ การจดั ทำหลักสูตรหรือชุดการ เรียนรแู้ ละส่อื ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทุจริต นำไปใช้ในการเรยี นการสอนให้กับนกั เรียน นักศกึ ษาในทุกระดับชนั้ เรยี นท้งั ในสว่ นของการศึกษาต้งั แต่ระดบั ปฐมวยั อนบุ าล ประถมศึกษา มธั ยมศึกษา และอดุ มศึกษา ทงั้ ภาครัฐและเอกชน รวมท้ังอาชวี ศึกษาและการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย นอกจากนี้ ยังรวมถึงสถาบันการศึกษาอน่ื ท่ีเกีย่ วข้อง เพ่ือให้ครอบคลุม กลุ่มเป้าหมายทีเ่ ก่ียวข้องกับการศกึ ษาท้ังระบบ รวมท้งั บคุ ลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมท้ังภาค ประชาชน เพอื่ เป็นการปลูกฝังจติ สานกึ ในการแยกแยะประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ว่ นรวม จติ พอเพียงต้านทุจรติ และสร้างพฤติกรรมที่ไม่ยอมรบั และไม่ทนต่อการทุจรติ โรงเรียนบ้านบัวถนน จงึ ไดจ้ ัดทำหลกั สูตรหลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา Anti-Corruption Education ในสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ขน้ึ คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและคณะกรรมการ สถานศึกษาขัน้ พื้นฐานโรงเรยี นได้ตรวจสอบผ้เู รยี นสามารถนำไปใชใ้ นการดำรงชีวิตประจำวันอยา่ งมี คณุ คา่ ต่อสงั คม จงึ เห็นสมควรแล้ววา่ มีความเหมาะสม สอดคลอ้ งกับนโยบายขา้ งตน้ จงึ อนุญาตให้ใช้ หลักสูตรได้
ข ทั้งนห้ี ลักสตู รโรงเรยี นไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน เม่ือวนั ท่ี ๑ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๖ จงึ ประกาศให้ใชใ้ ชห้ ลกั สตู รต้านทจุ รติ ศึกษา Anti-Corruption Education ในสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ตั้งแตบ่ ัดน้ีเปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงช่อื ........................................ ลงช่อื .............................. (นายพิน สุบนิ รมั ย)์ (นายจรญั วารินทร์) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านบวั ถนน
ค คำนำ ยทุ ธศาสตร์ชาติวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ได้กำหนดยุทธศาสตรท์ ่ี ๑ สร้างสังคมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ ริต อนั มีกลยุทธว์ า่ ดว้ ยเรื่องของการปรับฐาน ความคดิ ทุกชว่ งวยั ตง้ั แต่ปฐมวยั ให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสรมิ ให้มีระบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมเพื่อต้านทจุ ริต ประยกุ ต์หลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นเคร่ืองมือตา้ นทุจรติ เสริมพลงั การมีสว่ นรว่ มของชุมชน (Community) และบูรณา การทุกภาคสว่ นเพ่อื ต่อตา้ นการทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จงึ ไดม้ คี ำส่งั แตง่ ตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำหลกั สูตรหรอื ชุดการเรียนรู้และส่ือ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกนั การทุจรติ ขนึ้ เพ่ือศึกษา วเิ คราะห์ และรวบรวมขอ้ มลู กำหนด แนวทางและขอบเขตในการจัดทำหลักสตู ร ยกรา่ งและจัดทำเน้อื หาหลักสตู รหรอื ชุดการเรียนร้แู ละส่อื ประกอบการเรยี นรู้ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ เพ่ิมเติม กำหนดแผนหรือแนวทางการนำหลักสตู รไปใช้ใน หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้อง และดำเนินการอนื่ ๆ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนกุ รรมการจดั ทำหลกั สูตรหรอื ชุดการเรยี นรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทุจริตได้รว่ มกนั สร้างหลกั สตู รต้านทุจรติ ศึกษา (Anti-Corruption Education) ประกอบดว้ ย ๕ หลักสูตร ดงั นี้ ๑. หลักสูตรการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน (รายวชิ าเพมิ่ เติม การปอ้ งกนั การทุจรติ ) ๒. หลกั สตู ร อุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลกั สูตรตามแนวทางรบั ราชการ กลุ่มทหารและตำรวจ ๔. หลกั สูตรสรา้ งวิทยากรผนู้ ำการเปล่ียนแปลงสู่สงั คมท่ีไมท่ นต่อการทุจริต และ ๕. หลกั สตู รโคช้ เพือ่ การรคู้ ิดตา้ นทจุ รติ หลกั สตู รดงั กลา่ วไดผ้ ่านกระบวนการนำไปทดลองใช้ เพ่ือปรบั ปรุงให้ มีประสิทธิภาพ สำหรบั การใช้ในกล่มุ เปา้ หมายตอ่ ไป นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการจัดทำหลกั สูตรหรือชดุ การเรียนรแู้ ละสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทุจรติ ยังได้คดั เลือกสอื่ การเรียนรู้ จากแหลง่ ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพอ่ื ประกอบการเรียนการสอนต่อไป โรงเรียนบ้านบวั ถนน จงึ จดั ทำหลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) เพ่อื สรา้ งความรคู้ วามเข้าใจและทักษะให้แกผ่ เู้ รยี นในเรอ่ื งการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต STRONG : จติ พอเพยี งต้านทจุ ริต และ พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสงั คม เพอื่ รว่ มกนั ป้องกนั หรือต่อต้านการทุจริต มิให้มีการทจุ ริตเกิดขึน้ ใน สงั คมไทย ร่วมสร้างสังคมไทยท่ไี ม่ทนตอ่ การทจุ ริตต่อไป โรงเรียนบา้ นบัวถนน
สารบญั หน้า ประกาศโรงเรียน……………………………………………………………………………………..........................................ก คำนำ………………………………………………………………………………………………………........................................ข สารบญั ....................................................................................................................... .................................ค หลักสตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา…………………………………………………………………………...........…...........................๑ รายละเอียดของหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา…………………………………………………….......................................๒ หลกั สตู รการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน..………………………………………………………………….........................................๓ ชอื่ หลักสูตร..................……………………………………………………………………………………...…..........................๓ จดุ ม่งุ หมายของรายวิชา……………………………………………………………………………………...….........................๓ คำอธิบายรายวิชา…………………………………………………………………………………………………..........................๔ ผลการเรยี นรู้………………………………………………………………………………………………………...........................๔ โครงสรา้ งรายวชิ า…………………………………………………………………………………….…………….........................๕ กิจกรรมการเรยี นรู้…………………………………………………………………………………………….…..........................๖ สอื่ การเรยี นรแู้ ละแหลง่ เรยี นรู้…………………………………………………………………………………........................๖ การวัดและประเมินผล…………………………………………………………………………………………...........................๖ ตารางชัว่ โมงการจัดการเรยี นการสอน………………………………………………………………………........................๗ แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๑…………………………………………………………………………………….………….........................๙ หนว่ ยที่ ๑-๖……………………………………………………………………………….............๑๐-๑๐๘ หนว่ ยท่ี ๒…………………………………………………………………………………….…………….................๑๐๙ หนว่ ยที่ ๑-๖……………………………………………………………………………….......…๑๑๐-๑๕๗ หน่วยที่ ๓…………………………………………………………………………………….…………….................๑๕๘ หนว่ ยท่ี ๑-๗………………………………………………………………………………..........๑๕๙-๒๔๘ หน่วยที่ ๔…………………………………………………………………………………….…………….................๒๔๙ หนว่ ยท่ี ๑-๕………………………………………………………………………................…๒๕๐-๓๒๔ ภาคผนวก…………………………………………………………………………………….………….................…๓๒๕ เอกสารอ้างองิ …………………………………………………………………………………….……….................๓๒๖ คำสงั่ โรงเรยี น…………………………………………………………………………………….…….................…๓๒๗
1 หลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) ยุทธศาสตร์ชาตวิ า่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ -๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ ที่ ๑ “สรา้ งสงั คมท่ีไม่ทนต่อการทจุ รติ ” ได้มุ่งเนน้ ใหค้ วามสำคัญในกระบวนการปรบั สภาพ สังคมใหเ้ กิดภาวะท่ี “ไม่ทนต่อการทจุ รติ ” โดยเร่ิมตงั้ แต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดบั ช่วงวัย ตั้งแตป่ ฐมวัย เพอื่ สร้างวฒั นธรรมต่อตา้ นการทจุ ริต และปลกู ฝังความพอเพียง มวี นิ ัย ซอ่ื สัตย์ สุจรติ ยดึ ประโยชนส์ ว่ นรวมมากกว่าประโยชนส์ ว่ นตน เปน็ การดำเนนิ การผา่ นสถาบนั หรือกล่มุ ตวั แทนที่ ทำหนา้ ที่ในการกล่อมเกลาสงั คมใหม้ ีความเปน็ พลเมืองทีด่ ี มีจติ สาธารณะ เสียสละเพือ่ ส่วนรวมและ เสรมิ สร้างให้ทกุ ภาคสว่ นมีพฤติกรรมที่ไม่ยอมรบั และต่อตา้ นการทุจรติ ในทุกรูปแบบและไดก้ ำหนดกล ยทุ ธ์ ๔ กลยทุ ธ์ กลา่ วคอื กลยุทธท์ ่ี ๑ ปรบั ฐานความคดิ ทุกชว่ งวัย ตั้งแต่ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม กลยทุ ธท์ ี่ ๒ ส่งเสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกลอ่ ม เกลาทางสงั คมเพอ่ื ต้านทจุ ริต กลยุทธ์ท่ี ๓ ประยกุ ตห์ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ เครอ่ื งมือต้าน ทจุ รติ และกลยทุ ธ์ที่ ๔ เสรมิ พลังการมีสว่ นร่วมของชุมชน(Community)และบูรณาการทุกภาคส่วนเพ่ือ ต่อตา้ นการทุจรติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ ไดม้ ีคำสั่งท่ี ๖๔๖/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ แตง่ ต้งั คณะอนุกรรมการจดั ทำหลกั สูตร หรือชดุ การเรยี นร้แู ละส่ือประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการ ทุจริตซงึ่ ประกอบด้วยผ้ทู รงคุณวุฒหิ รือผเู้ ชยี่ วชาญจากหน่วยงานดา้ นการศึกษา และหน่วยงานที่ เกีย่ วขอ้ งในการจดั ทำหลกั สตู รการเรยี นการสอน จากท้ังภายในและภายนอกหน่วยงาน รวมท้งั ผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรภาคเอกชนเพื่อดำเนินการจดั ทำหลักสตู รหรือชุดการเรียนรู้และสือ่ ประกอบการ เรยี นรู้ ดา้ นการป้องกันการทุจริต นำไปใช้ในการเรียนการสอนให้กบั นักเรยี น นกั ศึกษาในทกุ ระดับชั้น เรียนทงั้ ในสว่ นของการศึกษาตัง้ แตร่ ะดบั ปฐมวัยอนบุ าล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอดุ มศึกษา ทงั้ ภาครฐั และเอกชน รวมทง้ั อาชวี ศกึ ษาและการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย นอกจากน้ี ยังรวมถึงสถาบนั การศึกษาอ่ืนทเ่ี ก่ยี วข้อง เชน่ สถาบันการศึกษาในสังกัดสำนักงานตำรวจแหง่ ชาติ สถาบนั การศึกษาทางทหาร เป็นตน้ เพื่อให้ครอบคลุมกล่มุ เปา้ หมายทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การศกึ ษาทัง้ ระบบ รวมทัง้ บุคลากรภาครัฐและรฐั วิสาหกจิ รวมทั้งภาคประชาชน เพอื่ เปน็ การปลกู ฝงั จติ สานึกในการ แยกแยะประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์สว่ นรวมจติ พอเพียงตา้ นทจุ ริต และสรา้ งพฤติกรรมทไี่ ม่ยอมรบั และไม่ทนต่อการทจุ ริต เพ่ือเปน็ การปอ้ งกนั การทจุ รติ โดยเร่มิ ปลูกฝงั นกั เรียนตั้งแต่ปฐมวัยจนถงึ มัธยมศึกษาปที ี่ ๖ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน จงึ จดั ทำรายวชิ าเพิม่ เติม “การป้องกัน การทุจริต” ใหส้ ถานศกึ ษาทุกแหง่ นำไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนเพ่อื ปลูกฝงั และสรา้ งวัฒนธรรม ตอ่ ตา้ นการทจุ ริตใหแ้ กน่ ักเรียนสรา้ งความตระหนักให้นักเรียน ยึดถอื ประโยชนส์ ่วนรวมมากกว่า ประโยชน์สว่ นตน มีจิตพอเพียงต้านทจุ รติ ละอายและเกรงกลัวทีจ่ ะไมท่ จุ รติ และไมท่ นต่อการทุจรติ ทกุ รปู แบบ
2 เพ่ือเป็นการป้องกันการทุจริต โดยเร่ิมปลูกฝังนักเรียนต้ังแต่ปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จึงจัดทำรายวิชาเพ่ิมเติม “การป้องกันการทุจริต” ให้ สถานศึกษาทุกแห่งนำไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนเพ่ือปลกู ฝังและสร้างวัฒนธรรมตอ่ ต้านการทุจริต ให้แก่นักเรียนสร้างความตระหนักให้นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิต พอเพยี งตา้ นทจุ ริต ละอายและเกรงกลัวท่ีจะไม่ทจุ รติ และไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ทกุ รูปแบบ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ในฐานะองค์กรรับผดิ ชอบการจัดการศึกษาให้แก่ นักเรียน ตงั้ แต่ระดบั ปฐมวัย จนถงึ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ จึงได้จัดทำรายวชิ าเพิ่มเติม “การปอ้ งกันการ ทุจริต”ประกอบด้วย เนอ้ื หา ๔ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ ๑) การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์สว่ นรวม ๒) ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต ๓) STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ รติ และ ๔) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสงั คม ซง่ึ ท้ัง ๔ หนว่ ย นี้ จะจัดทำเปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ต้ังแตช่ น้ั ปฐมวัย จนถงึ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ เพ่ือใหส้ ถานศกึ ษา ทกุ แหง่ นำไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน เพื่อปลกู ฝงั และป้องกนั การ ทจุ รติ ให้แก่นกั เรียนทุกระดับ ทง้ั น้ี เปน็ การสรา้ งพลเมืองทซี่ ื่อสัตยส์ จุ รติ ใหแ้ กป่ ระเทศชาติ ปัญหาคอรบั ชันลดลง และดัชนีภาพลักษณ์ คอรับชนั ของประเทศไทย มีค่าคะแนนสูงขึ้น บรรลตุ ามเปา้ ประสงคข์ องยุทธศาสตรช์ าติว่าด้วย การ ป้องกนั และปราบปรามการทุจริตระยะที่ ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) โรงเรียนบา้ นบัวถนน หวงั เปน็ อย่างยิ่งวา่ หลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education จะสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจและทักษะใหแ้ ก่ผูเ้ รียนในเร่อื งการคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไมท่ นต่อการทุจริต STRONG : จิต พอเพียงต้านทุจรติ และพลเมือง กับความรบั ผิดชอบต่อสังคม เพื่อร่วมกันป้องกันหรือต่อตา้ นการทุจริต มใิ ห้มกี ารทุจริตเกดิ ขึ้นในสงั คมไทย ร่วมสรา้ งสังคมไทยทไ่ี มท่ นตอ่ การทุจริตต่อไป รายละเอยี ดของหลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) กรอบการจดั ทำหลักสตู รหรือชดุ การเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกนั การ ทจุ ริต โดยทีป่ ระชุม ได้เหน็ ชอบรว่ มกนั ในการจดั ทำหลักสูตรหรอื ชุดการเรยี นรแู้ ละสือ่ ประกอบการ เรยี นรู้ ดา้ นการป้องกันการทุจริต หวั ข้อวิชา ๔ วิชา ประกอบด้วย ๑) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒) ความอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต ๓) STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ รติ ๔) พลเมอื งและความรับผิดชอบต่อสงั คม เน้ือหาหลกั สูตรหรือชุดการเรียนรู้ ดา้ นการป้องกันการทจุ ริต โดยได้แบง่ กลุม่ ตามการเรียนการ สอนในแตล่ ะชว่ งชนั้ และการฝึกอบรมในแต่ละกลุม่ เปา้ หมาย เป็น ๕ กลุม่ ดงั น้ี กลุ่ม ๑ หลักสตู รการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน (ระดับปฐมวยั และป.๑-ม.๖) มชี อื่ หลักสูตรวา่ “รายวชิ าเพิ่มเติม การปอ้ งกันการทจุ ริต กลุม่ ๒ หลกั สตู รอุดมศึกษา มีชอ่ื หลกั สูตร “วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart” กลุ่ม ๓ หลักสูตรกลุ่มทหารและตำรวจ มีชือ่ หลักสูตร “หลกั สตู รตามแนวทางรับราชการ กลุ่ม ทหารและตำรวจ” กลมุ่ ๔ หลักสูตรวิทยากร มีชือ่ หลักสตู ร “สร้างวิทยากรผนู้ ำการเปลี่ยนแปลงสูส่ งั คมท่ีไม่ทนต่อ
3 การทุจรติ ” กลมุ่ ๕ หลักสูตรโค้ช มชี ่ือหลกั สตู ร “โค้ชเพื่อการรคู้ ิดต้านทจุ รติ ” หลักสูตรการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ดำเนินการจดั ทำเปน็ แผนการจดั การเรียนรโู้ ดยแยกเป็น ๑๓ ระดับชนั้ ปี ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดบั ประถมศึกษาชัน้ ปที ่ี ๑ - ๖ และระดบั มธั ยมศึกษาชน้ั ปีที่ ๑ - ๖ ในแตล่ ะระดับช้ันปี จะใช้เวลาเรยี นทง้ั ปี จำนวน ๔๐ ชั่วโมง ต้องจัดทำเน้ือหาและกิจกรรมการเรียนการ สอนให้แตกตา่ งกนั ตามความเหมาะสมและการเรียนรู้ในแตล่ ะช่วงวยั หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ชอ่ื หลักสูตร “รายวิชาเพม่ิ เตมิ การป้องกันการทุจริต” ตามท่สี ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ ร่วมกับสำนกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้อง ดำเนินการจดั ทำหลักสตู รหรือชดุ การ เรียนรแู้ ละสือ่ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกันการทุจริต สำหรบั ใช้เป็นเนอื้ หามาตรฐานกลางให้ สถาบนั การศึกษาหรือหนว่ ยงานทเี่ ก่ยี วข้องนำไปใชใ้ นการเรียนการสอนให้กบั กลมุ่ เป้าหมายครอบคลมุ ทุกระดับชน้ั เรยี น เพอ่ื ปลูกฝังจติ สำนึกในการแยกประโยชนส์ ่วนบุคคลและประโยชน์สว่ นรวม จติ พอเพียง การไม่ยอมรบั และไมท่ นตอ่ การทจุ รติ โดยใชช้ ื่อวา่ หลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา (Anti- Corruption Education) หลกั สูตรท่ี ๑ หลักสูตรการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน โดยมีแนวทางการนำไปใช้ตาม ความเหมาะสมของแตล่ ะโรงเรยี น ดงั นี้ ๑.นำไปจัดเปน็ รายวิชาเพมิ่ เติมของโรงเรยี น ๒.นำไปจดั ในช่วั โมงลดเวลาเรยี นเพิ่มเวลารู้ ๓.นำไปบรู ณาการกับการจัดการเรยี นการสอนในกลุ่มสาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและ วฒั นธรรม (สาระหนา้ ทพ่ี ลเมือง) หรือนำไปบรู ณาการกับกลมุ่ สาระการเรียนรอู้ ่นื ๆ จุดมุง่ หมายของรายวิชา เพื่อให้นักเรียน ๒.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒.๒ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ ๒.๓ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับ STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ ๒.๔ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม ๒.๕ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒.๖ ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้ละอายและไม่ทนตอ่ การทจุ ริตทุกรปู แบบ ๒.๗ ปฏบิ ตั ิตนเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ๒.๘ ปฏบิ ตั ติ นตามหน้าท่ีพลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสงั คม คำอธิบายรายวิชา ศึกษาเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอาย และความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจริต รหู้ น้าท่ขี องพลเมืองและ รบั ผิดชอบต่อสงั คมในการต่อต้านการทจุ รติ
4 โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงาน กระบวนการเรียนรู้ ๕ ข้ันตอน (๕ STEPs) การอภปิ ราย การสบื สอบ การแก้ปญั หา ทักษะการอ่านและ การเขยี น เพ่ือให้มคี วามตระหนักและเห็นความสำคัญของการตอ่ ตา้ นและการป้องกนั การทจุ ริต ผลการเรยี นรู้ ๑. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชน์ ส่วนรวม ๒. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทจุ รติ ๔. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๕. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๖. ปฏิบัติตนเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ ๗. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทุจรติ ๘. ปฏิบตั ิตนตามหนา้ ท่ีพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ๙. ตระหนักและเหน็ ความสำคัญของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ รติ รวมทงั้ หมด ๙ ผลการเรยี นรู้
ระดับมัธยมศึกษา 5 โครงสรา้ งรายวิชา ระดบั มธั ยมศึกษาชั้นปที ี่ ๓ รวมช่วั โมง ลำดับ หน่วยการเรยี นรู้ เร่อื ง ๑๒ ๑ การคิดแยกแยะระหว่าง - การคิดแยกแยะ ๘ ผลประโยชน์ สว่ นตน - ระบบคดิ ฐาน ๒ ๑๐ และผลประโยชน์ - ระบบคดิ ฐาน ๑๐ ๑๐ สว่ นรวม - ความแตกตา่ งระหว่างจริยธรรมและ การ ทจุ รติ (ชุมชน สงั คม) - ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์ ส่วนรวม (ชุมชน สงั คม) และการขัดกนั ระหวา่ งประ โยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม (ชุมชน สงั คม) - ผลประโยชน์ทับซ้อน (ชุมชน สงั คม)และรูป แบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน(ชมุ ชน สังคม) ๒ ความละอายและความ - การทำการบา้ น/ชนิ้ งาน ไมท่ นต่อการ ทุจริต - การทำเวร/การทำความสะอาด - การสอบ - การแต่งกาย - การเลอื กตัง้ - การรวมกลุ่มเพอ่ื สรา้ งสรรคต์ า้ นทจุ ริต ๓ STRONG / จติ พอเพยี ง - ความพอเพยี ง ตอ่ ตา้ นการทุจรติ - ความโปร่งใส - ความตนื่ รู้ - ความรู้ - จิตพอเพียงต่อต้านทุจรติ - มุ่งไปข้างหนา้ - ความเอื้ออาทร ๔ พลเมอื งกบั ความ - การเคารพสิทธิหน้าท่ตี ่อตนเองและผูอ้ ืน่ รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม - ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย กับการเป็น พลเมืองทด่ี มี ีสว่ นร่วมในการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต - ความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและผ้อู ่นื - ความเป็นพลเมือง - ความเปน็ พลโลก
6 ลำดับ หน่วยการเรยี นรู้ เรอื่ ง รวมช่วั โมง รวม ๔๐ กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิดและแนวการสอน กิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ีใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน เนน้ การใชท้ ฤษฎีการเรียนรู้ การสร้าง ความรู้ ไดแ้ ก่ ๑) ทฤษฎีคอนสตรคั ติวิสต์ (Construction Theory) ๒) ทฤษฎคี อนสตรัคติวิสต์เชิงสงั คม (Social Constructivism Theory) ๓) ทฤษฎคี อนสตรคั ตวิ ิสตเ์ ชงิ ปญั ญา (Cognitive Constructivism) ๔) ทฤษฎปี ระมวลผลข้อมลู (Information Processing Theory) ๕) ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ๖) ทฤษฎกี ารเรียนร้แู บบรว่ มมือ (Cooperative Learning Theory) ในการ จดั การเรยี นการสอน โดยภาพรวมจะใช้กลยุทธ์การสอนท่เี น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั คือจดั ตามความแตกต่าง ของเด็กแตล่ ะคน ด้วยการสอนโดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ คดิ สงั เคราะห์ การฝึกปฏิบัตจิ รงิ การทำ โครงงานสบื สวนสอบสวน กระบวนการเรียนรู้ ๕ ขนั้ ตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การแก้ปัญหา ตลอดจนใชเ้ ทคนิคการสอนที่หลากหลายเหมาะกับผเู้ รยี นแต่ละวัย ส่อื การเรียนรแู้ ละแหลง่ เรยี นรู้ จัดกิจกรรมด้วยส่อื การเรียนรู้ที่เก่ียวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ เชน่ วดี โิ อ ขา่ ว VTR นทิ าน การ์ตนู ภาพยนตรส์ ้นั เอกสารแก้ทจุ ริตคิดฐานสอง สอื่ สิงพิมพ์ต่าง ๆ ใบความรู้ ใบงาน วัสดุ อปุ กรณ์ตา่ ง ตลอดจนแหล่งเรียนร้ทู ่ีใช้คอมพวิ เตอร์ในการสืบคน้ การวดั และประเมินผล ๑ การประเมนิ การเรยี นรู้ โดยใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ การเรียนรูใ้ นดา้ น -ความรคู้ วามเขา้ ใจ -การปฏิบตั ิ -คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ เครอ่ื งมอื ทใี่ ชป้ ระเมิน -แบบสอบ -แบบประเมนิ การปฏบิ ัติงาน -แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงาน ๒ การประเมินผล นักเรียนผ่านการประเมินทุกกิจกรรม ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป จงึ จะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การ ประเมิน
7 ตารางช่ัวโมงการจัดการเรยี นการสอน ประกอบดว้ ย ๔ หน่วยการเรียนรู้ คือ ๑) การคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒) ความไมท่ นและความอายต่อการทจุ รติ ๓) STRONG : จติ พอเพียงตา้ นทุจริต และ ๔) พลเมืองกับ ความรับผิดชอบตอ่ สงั คม โดยกำหนดช่วั โมงการจัดการเรยี นการสอนดงั นี้ ท่ี หนว่ ยการเรียนรู้ ระดับการศึกษา ปฐมวยั ป.๑-๓ ป.๔-๖ ม.๑-ม.๓ (ชว่ั โมง) (ชว่ั โมง) (ช่ัวโมง) (ช่วั โมง) ๑ การคดิ แยกแยะระหว่าง ๑๔ ๑๖ ๑๔ ๑๒ ผลประโยชนส์ ่วนตนและ ประโยชนส์ ่วนรวม ๒ ความไม่ทนและความอายตอ่ ๑๒ ๑๐ ๑๐ ๘ การทุจริต ๓ STRONG : จติ พอเพียงต่อต้าน ๙ ๔ ๖ ๑๐ การทุจริต ๔ พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อ ๕ ๑๐ ๑๐ ๑๐ สังคม รวม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ โดยหลกั สูตรรายวิชาเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกันการทุจริต การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กำหนดเปน็ ๑ หลกั สตู ร และแยกเปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ ได้แก่ ระดบั ปฐมวัย ระดับประถมศึกษาช้ันปที ี่ ๑ - ๖ ระดบั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑-๓ ทั้งน้ี ในแต่ละระดับชนั้ ปี จะใช้เวลาเรียนทั้งปี จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ซงึ่ จะมี เน้ือหาและกจิ กรรมการเรียนการสอนท่ีแตกต่างกนั ตามความเหมาะสมและการเรียนรู้ในแตล่ ะช่วงวยั -
8 หน่วยที่ ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวม
9 แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ช่ือหน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื งการคิดแยกแยะ เวลา ๒ ชั่วโมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ผลประโยชนส์ ่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ๑.๓ ตระหนกั และเหน็ ความสำคัญของการต่อต้านและป้องกันการทจุ ริต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ ๒.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ๒.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒.๓ ตระหนกั และเหน็ ความสำคัญของการต่อต้านและป้องกันการทจุ รติ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ ๑) สาเหตุของการทุจรติ และทศิ ทางการปอ้ งกันการทจุ รติ ในประเทศไทย ๒) ทฤษฎี ความหมาย และรปู แบบของการขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชน์ ส่วนรวม (Conflict of interest) ๓) แก้ “ทจุ รติ ” ตอ้ งคดิ แยกแยะปรบั วิธคี ิด พฤติกรรมเปล่ียน สังคมเปล่ยี นประเทศชาติเปลี่ยน โลกเปลี่ยน ๔) ตวั อยา่ งการขัดกันระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวมในรปู แบบตา่ งๆ ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด) ๑) ความสามารถในการคดิ (ทักษะการสังเกต ทกั ษะการระบุ) ๒) ความสามารถในการส่อื สาร (อา่ น ฟัง พูด เขียน) ๓) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ (วเิ คราะห์ จัดกล่มุ สรปุ ) ๓.๓ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ๒) ซือ่ สตั ย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในส่ิงท่ดี งี ามเพ่ือสว่ นรวม ๓) กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์ ๔) ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรยี นท้งั ทางตรง และทางอ้อม ๕) รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม ๖) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวงั ดีตอ่ ผอู้ ื่น เผื่อแผแ่ ละแบ่งปัน ๗) เข้าใจเรยี นรู้การเป็นประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุขที่ถูกตอ้ ง
10 ๘) มรี ะเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้นอ้ ยร้จู ักการเคารพผูใ้ หญ่ ๙) มีสติรูต้ วั รคู้ ดิ ร้ทู ำ รู้ปฏบิ ัตติ ามพระราชดำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ๑๐) ร้จู กั ดำรงตนอย่โู ดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดำรสั ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอย่หู ัว รจู้ ักอดออมไว้ใชเ้ มอื่ ยามจำเป็น มไี วพ้ อกินพอใชถ้ ้าเหลอื ก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่ จะขยายกิจการเมื่อมีความพรอ้ ม เม่ือมีภมู ิคุ้มกนั ท่ีดี ๑๑) มีความเข้มแขง็ ทัง้ รา่ งกายและจติ ใจไม่ยอมแพต้ อ่ อำนาจฝ่ายต่างๆ หรือกเิ ลส มคี วาม ละอายเกรงกลวั ต่อบาปตามหลักของศาสนา ๔.กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขัน้ ตอนการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี ๑ ๑. ครูนำขา่ ว (วดี ที ัศน)์ เรื่อง เตอื นสัง่ เก็บโต๊ะร้านผัดไทยประตูผี และวดี ที ัศน์ เรอื่ ง แก้ ทจุ รติ คิดฐาน ๒ มาใหน้ ักเรียนดู จากน้ันครูใหน้ กั เรยี นจับคู่สนทนาท่ีไดด้ ขู ่าวว่าเกิดอะไร เพราะเหตุ ใด ทำสรปุ เปน็ Mind Mapping นำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน นักเรยี นและครูสรปุ ร่วมกันทลี ะเรอ่ื ง ๒. ครนู ำวดี ที ัศน์ เร่ือง รู้ทนั การโกง ตอนผลประโยชน์ทบั ซ้อน ภัยเงียบ ทำลายชาติ มาให้ นกั เรียนดทู ีห่ นา้ ช้ันเรยี นจากน้นั ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันจำแนกแยกแยะ ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมพร้อมอภิปรายจากวีดีทศั น์ทีร่ บั ชม ๓. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง เกย่ี วกับผลประโยชนส์ ว่ นตนและ ผลประโยชน์ สว่ นรวม พรอ้ มทั้งสะท้อนใหเ้ ห็นถงึ วถิ ชี ีวติ สภาพน้ันๆ ๔. จากวดี ที ศั น์ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นในประเด็น มนุษย์มคี วามสมั พันธ์ปรับ วิธคี ดิ พฤตกิ รรมเปลีย่ น สังคมเปลี่ยน ประเทศชาติเปลยี่ น โลกเปลีย่ นอย่าไร จากวดี ีทศั นท์ ่ีได้รบั ชม จากน้ันให้นักเรียนทำ Mind Mapping พร้อมสรปุ นำเสนอหน้าชน้ั เรยี น ๕. ใหน้ กั เรียนจับคสู่ ำรวจสภาพปญั หาสาเหตุการทจุ ริตในโรงเรียน ชัว่ โมงท่ี ๒ ๑. สนทนาอภิปรายทบทวนประเดน็ ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒. แบ่งนกั เรียนออกเป็น ๕ กลุม่ กลมุ่ ละเท่าๆ กนั พร้อมแจกกระดาษชาร์ทและปากกาเคมี ๓. แจกใบความรู้ที่ ๑ – ๕ ดงั น้ี (ครอู าจจะใชว้ ธิ ีจับสลากก็ได้ตามความเหมาะสม) กล่มุ ท่ี ๑ ใบความร้ทู ี่ ๑ เร่ือง การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์ ส่วนรวม กลมุ่ ที่ ๒ ใบความรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง ทฤษฎี ความหมาย และรูปแบบของการขัดกันระหวา่ ง ประโยชน์ สว่ นตนกบั ประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of interest) กลมุ่ ที่ ๓ ใบความรู้ที่ ๓ เรอื่ ง แก้ “ทจุ ริต” ตอ้ งคิดแยกแยะปรับวิธีคดิ พฤติกรรมเปล่ยี น สงั คมเปลี่ยนประเทศชาติเปลี่ยน โลกเปล่ยี น กลมุ่ ที่ ๔ ใบความรทู้ ่ี ๔ เรื่อง ตัวอยา่ งการขัดกันระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนกับประโยชน์ สว่ นรวมในรูปแบบตา่ งๆ กลมุ่ ท่ี ๕ ใบความรู้ที่ ๕ เรอื่ ง กฎหมายที่เก่ยี วข้องกบั การป้องกนั การขดั กนั ระหวา่ ง ประโยชน์ส่วนตน กบั ประโยชนส์ ่วนรวม ๔. แตล่ ะกลมุ่ ศึกษาใบความรู้ท่ีได้รบั มอบหมาย พรอ้ มสรุปประเดน็ สำคัญจากใบความร้ลู ง กระดาษชาร์ท และนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน
11 ๕. ครู นกั เรียน รว่ มกนั อภปิ รายสรุปเกยี่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ สว่ นรวม ๖. มอบหมายชิ้นงานให้นักเรยี นสบื คน้ เร่ืองของผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ทพ่ี บในสังคมปัจจุบันและจัดทำเปน็ รายงานสง่ ๔.๒ สอื่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) สอื่ การเรียนรู้ ๑. วีดีทัศน์ เรื่องเตือนส่งั เก็บโตะ๊ ร้านผัดไทยประตูผี ๒. วีดีทศั น์เรือ่ ง รู้ทนั การโกง ตอนผลประโยชนท์ ับซ้อน ภยั เงียบ ทำลายชาติ ๓. หนงั สอื เรียน/หนงั สอื พมิ พ์ ฯลฯ ๔. ภาพขา่ ว ฯลฯ ๕. กระดาษชารท์ พร้อมปากกาเคมี ๖. ใบความรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม ๗. ใบความรู้ท่ี ๒ เรื่อง ทฤษฎี ความหมาย และรูปแบบของการขดั กันระหว่าง ประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชน์ สว่ นรวม (Conflict of interest) ๘. ใบความรทู้ ี่ ๓ เรอ่ื ง แก้ “ทจุ รติ ” ต้องคดิ แยกแยะปรับวธิ คี ิด พฤติกรรมเปลี่ยน สงั คมเปลี่ยนประเทศชาตเิ ปล่ียน โลกเปลย่ี น ๙. ใบความร้ทู ่ี ๔ เร่อื ง ตวั อย่างการขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตนกับประโยชน์ สว่ นรวมในรูปแบบต่างๆ ๑๐. ใบความรู้ท่ี ๕ เรอื่ ง กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกบั การป้องกนั การขัดกันระหวา่ ง ประโยชนส์ ว่ นตนกับประโยชน์สว่ นรวม ๒) แหล่งการเรยี นรู้ ๑. แหลง่ เรียนรใู้ นโรงเรียน ชมุ ชน /สถานการณท์ พ่ี บไดใ้ นชุมชน ๒. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น ๓. หอ้ งเทคโนโลยใี นโรงเรยี น ๔. สถาบันพระปกเกล้า ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมิน ๑) การสังเกต ๒) การประเมินช้นิ งาน ๕.๒ เครื่องมอื ที่ใช้ในการประเมนิ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรยี นเป็นรายบุคคล ๒) แบบประเมินชิ้นงาน ๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ ๑) เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพพฤตกิ รรมการทำงานของนักเรยี น
12 เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ดี ๗-๑๐ ๔-๖ พอใช้ ๑-๓ ปรับปรงุ ๒) เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดมี าก ๑๔-๑๗ ดี ๑๐-๑๓ พอใช้ ปรบั ปรุง ตำ่ กวา่ ๑๐ ๖. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................. .............................. .................................................................................................... ....................................................... ลงชอ่ื ........................................ครผู สู้ อน (..................................................) ๗. ความคดิ เห็นผู้บรหิ าร ............................................................................................................................. ................................ ............................................................................................................................. .............................. .................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชอ่ื .....................................ผบู้ ริหาร (นายจรญั วารนิ ทร์) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นบา้ นบวั ถนน ๘. ภาคผนวก - แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรยี นเป็นรายบุคคล - แบบประเมินผลงาน - ใบความรทู้ ่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม - ใบความรู้ที่ ๒ ทฤษฎี ความหมาย และรปู แบบของการขดั กันระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกับ ประโยชนส์ ว่ นรวม
13 - ใบความรทู้ ี่ ๓ แก้ “ทุจรติ ”ต้องคิดแยกแยะปรับวธิ ีคิด พฤติกรรมเปลีย่ นสังคมเปลี่ยน ประเทศชาตเิ ปลี่ยน โลกเปล่ยี น - ใบความรู้ ๔ ตวั อยา่ งการขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ว่ นรวมในรูปแบบ ต่างๆ - ใบความรู้ท่ี ๕ กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้องกบั การป้องกนั การขดั กนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตนกับ ประโยชน์ส่วนรวม
14 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล กลุม่ ที่…….......... คำช้ีแจง ผูส้ อนสงั เกตการณ์ทำงานของนักเรยี น โดยทำเครอ่ื งหมายถกู ลงในช่องท่ีตรงกับความเป็นจรงิ ที่ พฤติกรรม ความสนใจ การมีสว่ น การรับฟัง การตอบ ความ รวม ในการเรยี น ร่วมแสดง ความคดิ เห็น คำถาม รับผิดชอบ คะแนน ความคิดเห็น ของผู้อนื่ ตอ่ งานที่ ในการ ไดร้ บั ช่อื สกลุ อภิปราย มอบหมาย ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๒ ๑ ๐ ๑๐ เกณฑ์การประเมิน ให้คะแนน ๐ ถ้าการทำงานนน้ั อยู่ในระดับต้องปรับปรุง ใหค้ ะแนน ๑ ถ้าการทำงานนนั้ อยใู่ นระดับพอใช้ ให้คะแนน ๒ ถา้ การทำงานนน้ั อยูใ่ นระดับดี ลงชอื่ …………………………………………………… (…………………………………………………..) ผปู้ ระเมิน
15 แบบประเมินผลงาน คำชีแ้ จง ใหค้ รูผูส้ อนประเมินผลงานงานนกั เรียนตามรายการที่กำหนดแลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกบั หมายเลข ที่ รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ ๔ ๓ ๒๑ ๑ ตรงตามจดุ ประสงค์ ๒ มีความถูกต้อง ๓ ภาษาท่ใี ช/้ วธิ กี ารนำเสนอเขา้ ใจง่าย ๔ มีความคิดสร้างสรรค์ ๕ มีความเปน็ ระเบยี บชัดเจน เกณฑ์การประเมนิ ให้ ๔ คะแนน ผลงานสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ ๓ คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องบางสว่ น ให้ ๒ คะแนน ผลงานมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ ๑ คะแนน ผลงานมขี ้อบกพร่องมาก เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๘-๒๐ ดมี าก ๑๔-๑๗ ดี ๑๐-๑๓ พอใช้ ตำ่ กวา่ ๑๐ ปรบั ปรุง
16 ใบความรูท้ ่ี ๑ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๑ สาเหตขุ องการทุจริตและทิศทางการปอ้ งกันการทจุ รติ ในประเทศไทย การทุจรติ เปน็ หนงึ่ ในประเด็นที่ทั่วโลกแสดงความกังวล อันเน่อื งมาจากเปน็ ปัญหาท่ีมีความ ซบั ซ้อน ยากต่อการจดั การและเกีย่ วข้องกับทุกภาคส่วน เป็นทีย่ อมรบั กนั ว่าการทุจรติ นัน้ มีความเป็น สากล เพราะมกี าร ทจุ รติ เกดิ ขนึ้ ในทกุ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศทีพ่ ัฒนาแล้วหรือประเทศท่ีกำลัง พัฒนา การทจุ รติ เกิดข้นึ ทงั้ ในภาครฐั และภาคเอกชน หรือแมก้ ระทง่ั ในองค์กรท่ีไม่แสวงหาผลกำไรหรอื องค์กรเพ่ือการกุศล ในปัจจบุ ันการกลา่ วหาและการฟอ้ งร้องคดี การทจุ รติ ยังมบี ทบาทสำคญั ในดา้ น การเมืองมากกวา่ ช่วงท่ผี ่านมา รฐั บาลในหลายประเทศมีผลการปฏบิ ัติงานที่ไม่โปรง่ ใสเทา่ ทค่ี วร องคก์ ร ระดับโลก หลายองค์กรเสอ่ื มเสยี ชื่อเสยี ง เน่อื งมาจาก เหตุผลด้านความโปรง่ ใส ส่อื มวลชนท่ัวทง้ั โลกต่าง เฝ้ารอท่จี ะได้นำเสนอข่าวอือ้ ฉาวและการประพฤตผิ ิดจรยิ ธรรม ดา้ นการทจุ ริต โดยเฉพาะบคุ คลซ่ึงดำรง ตำแหน่งระดบั สูงต่างถูกเฝา้ จับจ้องว่าจะถกู สอบสวนเมื่อใด อาจกล่าว ไดว้ า่ การทจุ รติ เป็นหน่ึงในปัญหา ใหญท่ ่ีจะขัดขวางการพฒั นาประเทศใหเ้ ป็นรฐั สมัยใหม่ ซ่งึ ต่างเป็นทีท่ ราบกัน ดีวา่ การทจุ รติ ควรเป็น ประเดน็ แรก ๆ ท่ีควรให้ความสำคญั ในวาระของการพัฒนาประเทศของทุกประเทศ เห็นไดช้ ดั วา่ การทุจรติ ส่งผลกระทบอย่างมากกบั การพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ใน ประเทศที่กำลงั พฒั นา เชน่ เดยี วกนั กับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชยี แปซิฟิกกม็ คี วามกงั วลในปญั หาการ ทจุ ริตด้วยเชน่ เดยี วกนั โดยเหน็ พ้องตอ้ งกันวา่ การทุจรติ เปน็ ปัญหาใหญท่ ี่กำลงั ขดั ขวางการพัฒนา เศรษฐกิจ การเมอื ง และ สังคม ให้กา้ วไปสูร่ ฐั สมยั ใหม่ และควรเปน็ ปญั หาท่คี วรจะต้องรีบแกไ้ ขโดยเร็ว ทีส่ ดุ การทจุ รติ นน้ั อาจเกิดขึ้นไดใ้ นประเทศทม่ี สี ถานการณ์ ดังต่อไปน้ี ๑) มีกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อกำหนด จำนวนมากทเี่ กีย่ วข้องกบั การดำเนินการทางธรุ กิจ ซงึ่ จะเป็นโอกาสท่ีจะทำใหเ้ กิดเศรษฐผล หรอื มูลค่าเพ่ิม หรอื กำไรส่วนเกินทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะ อย่างย่งิ หากมาตรการหรือขอ้ กำหนดดังกล่าวมีความซบั ซ้อน คลุมเครอื เลือกปฏิบัติ เป็นความลับ หรอื ไมโ่ ปรง่ ใส ๒) เจา้ หน้าท่ผี ู้มีอำนาจมีสิทธ์ิขาดในการใชด้ ุลยพินจิ ซ่ึงให้ อิสระในการเลอื กปฏบิ ัตเิ ป็นอย่าง มากว่าจะเลือกใช้อำนาจใด กับใครก็ได้ ๓) ไมม่ ีกลไกท่ีมปี ระสิทธภิ าพหรอื องค์กรที่มีหนา้ ทีค่ วบคมุ ดูแลและจัดการต่อการกระทำใด ๆ ของเจา้ หนา้ ที่ทมี่ ีอำนาจโดยเฉพาะอย่างยง่ิ ประเทศท่ี กำลังพฒั นา การทุจริตมีแนวโน้มท่จี ะเกิดข้นึ ได้ อยา่ งมาก โดยไม่ใชเ่ พียง เพราะวา่ ลักษณะประชากรนั้นแตกต่าง จากภูมิภาคอืน่ ที่พฒั นาแล้ว หากแต่ เป็นเพราะกลมุ่ ประเทศทก่ี ำลังพัฒนาน้ันมีปัจจัยภายในต่างๆทเี่ อื้อหรือสนับสนุนต่อการเกดิ การทุจรติ อาทิ ๑) แรงขับเคล่ือนท่ีอยากมรี ายได้ เปน็ จำนวนมากอนั เป็นผลเน่อื งมาจาก ความจน ค่าแรงใน อตั ราที่ต่ำ หรือมีสภาวะความเสีย่ งสูงในดา้ นต่าง ๆ เช่น ความเจบ็ ปว่ ย อุบตั เิ หตุ หรือการวา่ งงาน ๒) มสี ถานการณห์ รอื โอกาสทอี่ าจกอ่ ให้เกดิ การทุจรติ ไดเ้ ป็นจำนวนมาก และมีกฎระเบียบ ตา่ งๆ ที่อาจนำไปสู่ การทุจรติ ๓) การออกกฎหมายและกระบวนการยุตธิ รรมทไี่ ม่เข้มแขง็ ๔) กฎหมายและประมวลจริยธรรม ไม่ไดร้ ับการพฒั นาใหท้ ันสมยั ๕) ประชากรในประเทศยังคงจำเป็นตอ้ งพ่งึ พาทรัพยากรธรรมชาตอิ ยู่เปน็ จำนวนมาก
17 ๖) ความไม่มีเสถยี รภาพทางการเมือง และเจตจำนงทางการเมืองทไี่ ม่เขม้ แขง็ ปัจจัยตา่ ง ๆ ดังกลา่ ว จะนำไปสู่ การทจุ รติ ไม่ว่าจะเปน็ ทจุ ริตระดบั บนหรอื ระดับล่างก็ตาม ซ่ึงผลท่ีตามมาอย่างเหน็ ไดช้ ัดเจนมดี ้วยกนั หลายประการ เช่น การทจุ ริตทำใหภ้ าพลกั ษณข์ องประเทศดา้ นความโปร่งใสน้นั เลวรา้ ยลง การลงทนุ ในประเทศโดยเฉพาะอย่างยง่ิ จากนกั ลงทุนตา่ งชาตลิ ดนอ้ ยลง ส่งผลกระทบทำให้ การเติบโตทางเศรษฐกิจลดน้อยลงไปดว้ ย เช่นกัน หรอื การทุจรติ ทำใหเ้ กิดชอ่ งว่างของความไม่เท่าเทยี ม ทก่ี วา้ งขึน้ ของประชากรในประเทศหรืออีกนัยหนงึ่ คือระดับความจนนั้นเพิ่มสงู ขน้ึ ในขณะที่กลุ่มคนรวย กระจุกตวั อยู่เพียงกลุ่มเล็ก ๆ กลมุ่ เดยี ว นอกจากน้ี การทุจรติ ยงั ทำใหก้ ารสร้างและปรับปรุง สาธารณูปโภคต่าง ๆ ของประเทศนน้ั ลดลงทง้ั ในดา้ นปรมิ าณและคุณภาพ รวมทั้งยังอาจนำ พาประเทศไปสูว่ ิกฤติทางการเงนิ ทรี่ ้ายแรงได้อีกดว้ ย การเปลี่ยนแปลงวิธคี ิด (Paradigm Shift) จงึ เปน็ เร่ืองสำคัญอย่างมาก ต่อการดำเนินงานดา้ น การ ตอ่ ตา้ นการทุจรติ ตามค าปราศรัยของประธานทีไ่ ด้กล่าวตอ่ ทป่ี ระชมุ องคก์ ารสหประชาชาติ ณ นครนวิ ยอร์กสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ว่า“การทุจริตเป็นหน่งึ ในความท้าทายทม่ี ีความสำคัญ มากในศตวรรษท่ี ๒๑ ผนู้ ำโลกควรจะเพิ่มความพยายามข้ึนเป็นสองเทา่ ที่จะสรา้ งเคร่ืองมือที่มีความ เข้มแข็งเพ่ือรอื้ ระบบการทุจริตที่ ซอ่ นอยอู่ อกให้หมดและนำทรพั ย์สนิ กลับคนื ใหก้ บั ประเทศ ตน้ ทางท่ีถูก ขโมยไป…”ท้ังนไ้ี มเ่ พียงแตผ่ ้นู ำโลก เท่านั้นท่ีต้องจรงิ จังมากข้ึนกบั การต่อต้านการทุจริตเราทุกคนใน ฐานะประชากรโลกก็มคี วามจำเป็นที่จะต้องเอา จริงเอาจงั กับการตอ่ ต้านการทจุ ริตเช่นเดยี วกนั โดยท่วั ไปอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้ท่ีจรงิ แล้วการ ทุจรติ น้นั เป็นเร่ืองใกล้ตัวทุกคนในสังคมมาก การเปลีย่ นแปลงระบบวธิ กี ารคดิ เป็นเรอื่ งสำคญั หรือความสามารถ ในการการแยกแยะระหว่าง ประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม เปน็ สง่ิ จำเปน็ ที่จะต้องเกิดขน้ึ กับทุกคนในสงั คม ตอ้ งมี ความตระหนักไดว้ า่ การกระทำใดเป็นการลว่ งล้ำสาธารณประโยชน์ การกระทำใดเปน็ การกระทำท่ีอาจ เกิดการทับซอ้ นระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ส่วนรวม ต้องคำนงึ ถึงประโยชนข์ อง ประเทศชาตเิ ปน็ อันดบั แรกก่อนท่จี ะคำนึงถึงผลประโยชนส์ ่วนตนหรอื พวกพ้อง การทจุ ริตในสงั คมไทยระหว่างช่วงกวา่ ทศวรรษทผ่ี ่านมาส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลและ เปน็ อุปสรรคสำคญั ต่อการพัฒนาประเทศในทุกมติ ิ รปู แบบการทจุ รติ จากเดิมที่เปน็ การทุจริตทางตรงไม่ ซบั ซ้อน อาทิ การรับสินบน การจดั ซ้ือจัดจา้ ง ในปจั จบุ นั ได้ปรับเปลี่ยนเปน็ การทจุ รติ ท่ีซับซ้อนมากข้นึ ตัวอยา่ งเชน่ การทจุ รติ โดยการทำลายระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การกระทำที่เปน็ การขัดกนั แหง่ ผลประโยชน์ หรือผลประโยชน์ทบั ซ้อน และการทุจรติ เชิงนโยบาย สำหรบั ประเทศไทยได้กำหนดทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ ซึง่ มีความสอดคล้อง กับ สถานการณท์ างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความรนุ แรง รวมถึงการสร้างความ ตระหนักในการประพฤติปฏิบตั ิตนดว้ ยความซือ่ สัตยส์ ุจริตของคนในสงั คม ท้ังน้ี สำนักงาน ป.ป.ช. ใน ฐานะองคก์ รหลกั ด้าน การดำเนนิ งานป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ รวมทั้งบรู ณาการการทำงาน ด้านการต่อตา้ นการทุจรติ เข้ากับ ทกุ ภาคสว่ น ดังน้นั สาระสำคัญที่มีความเชือ่ มโยงกบั ทิศทางการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ท่ีสำนกั งาน ป.ป.ช. มีดงั น้ี ๑. รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๒. วาระการปฏริ ูปที่ ๑ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบของสภา ปฏริ ปู แห่งชาติ ๓. ยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๔. แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
18 ๕. โมเดลประเทศไทยสคู่ วามมนั่ คง ม่งั คั่ง และย่ังยืน (Thailand ๔.๐) ๖. ยทุ ธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตระยะท่ี ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐– ๒๕๖๔) รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยพุทธศกั ราช ๒๕๖๐ กำหนดในหมวดที่ ๔ หน้าที่ของ ประชาชน ชาวไทยวา่ “...บุคคลมหี น้าที่ ไมร่ ว่ มมือหรือสนับสนุนการทจุ ริต และประพฤติมชิ อบทุก รูปแบบ” ถือได้ว่าเปน็ คร้งั แรกทีร่ ฐั ธรรมนญู ได้กำหนดให้การป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ เป็นหนา้ ที่ ของประชาชนชาวไทยทุกคน นอกจากน้ี ยงั กำหนดชัดเจนในหมวดท่ี ๕ หน้าทข่ี องรฐั ว่า “รฐั ต้อง สง่ เสรมิ สนบั สนนุ และใหค้ วามรู้แก่ประชาชนถึงอนั ตรายที่เกดิ จากการทุจรติ และประพฤติมิชอบทง้ั ภาครัฐและภาคเอกชนและจัดใหม้ ีมาตรการและ กลไกทมี่ ีประสทิ ธภิ าพเพื่อป้องกนั และขจัดการทจุ รติ และประพฤติมชิ อบดงั กลา่ วอย่างเขม้ งวด รวมท้งั กลไกใน การสง่ เสริมให้ประชาชนรวมตวั กัน เพื่อมสี ว่ น ร่วมในการรณรงคใ์ หค้ วามรูต้ ่อต้านการทุจริต หรือชีเ้ บาะแส โดย ได้รบั ความคมุ้ ครองจากรฐั ตามท่ี กฎหมายบัญญตั ิ ” การบริหารราชการแผน่ ดนิ รฐั ต้องเสรมิ สรา้ งให้ประชาชน ได้รบั บรกิ ารท่สี ะดวก มี ประสิทธิภาพที่สำคญั คือ ไมเ่ ลอื กปฏบิ ัติตามหลักการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองท่ีดี ซึ่งการบริหารงาน บุคคลของหนว่ ยงานของรฐั ต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมตามท่กี ฎหมายบัญญัติ โดยอยา่ งน้อย ตอ้ งมี มาตรการป้องกนั มใิ ห้ผู้ใดใช้อำนาจหรือกระทำการโดยมชิ อบแทรกแซงการปฏิบัติหนา้ ท่ี หรือ กระบวนการแต่งตัง้ หรือการพจิ ารณาความดีความชอบของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั และรัฐต้องจดั ใหม้ ี มาตรฐานทางจริยธรรม เพ่ือใหห้ นว่ ยงานใช้เปน็ หลกั ในการกำหนดประมวลจรยิ ธรรมสำหรับเจ้าหน้าท่ี ในหน่วยงาน ซึง่ ตอ้ งไมต่ ่ำกวา่ มาตรฐานทางจรยิ ธรรมดังกล่าว การทรี่ ัฐธรรมนญู ได้ให้ความสำคัญต่อ การบริหารราชการที่มปี ระสิทธิภาพและการบริหารบุคคลท่ีมคี ณุ ธรรมนน้ั สบื เนื่องมาจากชว่ งระยะเวลา ที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาท่ีเกยี่ วข้องกับการบริหารบคุ คล มกี ารโยกย้ายแตง่ ตงั้ ทไ่ี ม่เป็นธรรม บงั คบั หรอื ชี้นำ ใหข้ า้ ราชการหรอื เจ้าหนา้ ทขี่ องรัฐปฏิบตั งิ านโดยไม่ยึดม่ันในหลักผลประโยชนแ์ ห่งรฐั รวมถึงการมงุ่ เน้น การแสวงหาผลประโยชนใ์ ห้กับตนเองรวมถึงพวกพ้องรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ จึงไดม้ ีความพยายามทีจ่ ะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนวา่ ตอ้ งการสรา้ ง ประสทิ ธิภาพในระบบการ บรหิ ารงานราชการแผน่ ดินและเจา้ หนา้ ที่ของรฐั ตอ้ งยึดม่ันในหลกั ธรรมาภบิ าลและมีคุณธรรม จริยธรรมตามทกี่ ำหนดเอาไว้ วาระการปฏริ ปู ท่ี ๑ การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบของสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติสภาปฏิรปู แหง่ ชาติในฐานะองค์กรที่มบี ทบาทและอำนาจหนา้ ทีใ่ นการปฏริ ูปกลไก และ ปฏบิ ัตงิ านด้านการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ได้มีข้อเสนอเพื่อปฏริ ูปด้านการป้องกันและปราบปรามการ ทจุ ริตและประพฤติมิชอบ เพ่ือแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ยงั่ ยืน เปน็ รปู ธรรม ปฏบิ ัติได้ สอดคล้องกับ มาตรฐานสากลและบริบทของสังคมไทย โดยเสนอใหม้ ียุทธศาสตร์ การแก้ไข ปัญหา ๓ ยุทธศาสตร์ ประกอบดว้ ย (๑) ยทุ ธศาสตรก์ ารปลูกฝงั “คนไทย ไมโ่ กง ”เพื่อปฏิรูปคนให้มจี ิตสำนึก สรา้ งจติ สำนึกทต่ี วั บคุ คลรบั ผดิ ชอบชั่วดีอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ มองวา่ การทจุ รติ เป็นเร่ืองน่ารงั เกียจเป็นการเอา เปรียบสังคมและสงั คมไม่ยอมรับ (๒) ยุทธศาสตร์การป้องกันดว้ ยการเสรมิ สร้างสงั คมธรรมาภิบาล เพ่ือเป็นระบบป้องกันการ ทจุ รติ เสมือนการสรา้ งระบบภูมติ า้ นทานแก่ทุกภาคส่วนในสังคม (๓) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพ่ือปฏริ ปู ระบบ และกระบวนการจดั การต่อกรณีการทจุ รติ ใหม้ ี ประสิทธภิ าพ ใหส้ ามารถเอาตัวผูก้ ระทำความผดิ มาลงโทษได้ ซง่ึ จะทำาใหเ้ กดิ ความเกรงกลัวไมก่ ล้าที่
19 จะกระทำการทจุ ริตข้นึ อีกในอนาคต ยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) สภาขบั เคลอ่ื นการปฏิรูปประเทศได้ กำหนดให้กฎหมายวา่ ด้วยยุทธศาสตรช์ าตมิ ผี ลบงั คับภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ หรอื ภายในรัฐบาลน้ี และ กำหนดใหห้ นว่ ยงาน ของรฐั ทุกหน่วยงานนำยทุ ธศาสตรช์ าติ ยทุ ธศาสตรด์ า้ นตา่ งๆ แผนพฒั นาด้านต่างๆ มาเปน็ แผนแม่บทหลักใน การกำหนดแผนปฏบิ ัติการและแผนงบประมาณ ยทุ ธศาสตรช์ าติดงั กล่าวเปน็ ยทุ ธศาสตร์ทีย่ ึดวตั ถปุ ระสงค์ หลกั แห่งชาตเิ ปน็ แมบ่ ทหลกั ทิศทางดา้ นการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต การสรา้ งความโปร่งใสและ ธรรมาภบิ าลในการบริหารราชการแผ่นดิน ของหนว่ ยงานภาครัฐทกุ หน่วยงานจะถูกกำหนดจากยุทธศาสตรช์ าติ สภาขบั เคลอ่ื นการปฏิรูปแหง่ ชาติ วางกรอบยทุ ธศาสตร์ชาติ ในระยะ ๒๐ ปี โดยมีกรอบ วสิ ยั ทศั น์ “ประเทศไทยมคี วามมน่ั คง ม่ังคง่ั ย่งั ยนื เปน็ ประเทศพฒั นาแล้ว ดว้ ยการพัฒนาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง”คตพิ จนป์ ระจำชาติว่า“มนั่ คงมัง่ คัง่ ยั่งยนื ”ประกอบดว้ ย๖ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ความม่ันคง ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ การสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๓ การพฒั นาและเสริมสร้างศักยภาพคน ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ การสรา้ งโอกาสความเสมอภาคและ เทา่ เทยี มกันทางสงั คม ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๕ การ สรา้ งการเติบโตบนคณุ ภาพชวี ติ ท่เี ปน็ มิตรต่อส่ิงแวดล้อม และยุทธศาสตร์ท่ี ๖ การปรบั สมดลุ และพฒั นา การ บริหารจดั การภาครฐั ในยทุ ธศาสตร์ที่ ๖ ไดก้ ำหนดกรอบแนวทางทส่ี ำคญั ๖ แนวทาง ประกอบด้วย (๑) การปรบั ปรุงการบรหิ ารจัดการรายได้และรายจ่ายของภาครฐั (๒) การพฒั นาระบบ การให้บรกิ ารประชาชนของ หนว่ ยงานภาครฐั (๓) การปรับปรุงบทบาท ภารกิจ และโครงสร้างของหนว่ ยงานภาครัฐใหม้ ีขนาดที่เหมาะสม (๔) การวางระบบบริหารงานราชการแบบบูรณาการ (๕) การพฒั นาระบบบรหิ ารจัดการกำลงั คนและพัฒนา บุคลากรภาครฐั ในการปฏบิ ัตริ าชการ (๖) การต่อต้านการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ (๗) การปรบั ปรุงแก้ไข กฎหมาย ระเบยี บ และขอ้ บงั คบั ให้มีความชดั เจน ทนั สมัย เปน็ ธรรม และสอดคลอ้ งกบั ข้อบังคับสากลหรอื ข้อตกลงระหว่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาหนว่ ยงานภาครัฐและ บคุ ลากรท่ีมีหน้าที่เสนอความเหน็ ทางกฎหมาย ให้มศี ักยภาพ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) กำหนดใน ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๖การบรหิ ารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจรติ และประพฤติมชิ อบและธรรมาภิบาลใน สงั คมไทย ในยทุ ธศาสตร์น้ี ได้กำหนดกรอบ แนวทางการการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตและ คอร์รัปชัน มงุ่ เนน้ การสง่ เสรมิ และพัฒนาปลูกฝงั ค่านยิ ม วัฒนธรรม วิธีคดิ และกระบวนทัศน์ใหค้ นมี ความตระหนัก มคี วามรเู้ ท่าทันและมีภมู ติ า้ นทานต่อโอกาสและการชักจงู ใหเ้ กดิ การทุจริตคอรร์ ปั ชนั และ มีพฤติกรรมไมย่ อมรบั การทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้ง สนับสนุนทุกภาคสว่ น ในสงั คมได้เขา้ มามีสว่ น ร่วมในการป้องกันและปราบรามการทุจริต และมุ่งเนน้ ใหเ้ กิด การส่งเสรมิ ธรรมาภบิ าลในภาคเอกชน เพื่อเป็นการตัดวงจรการทุจริตระหว่างนกั การเมือง ข้าราชการ และนัก ธรุ กิจออกจากกัน ท้ังน้ี การ บริหารงานของส่วนราชการตอ้ งมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โมเดลประเทศไทยสูค่ วามม่ันคงมั่งค่งั และย่ังยืน (Thailand ๔.๐)เปน็ โมเดลที่นอ้ มนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเป็นแนวคิดหลกั ในการบริหารประเทศถอดรหัสออกมาเป็น๒
20 ยทุ ธศาสตร์สำคัญ คือ (๑) การสรา้ งความเขม้ แข็งจากภายใน (StrengthfromWithin)และ (๒) การเช่ือมโยงกบั ประชาคมโลกในยุทธศาสตร์ การสร้างความเขม้ แขง็ จากภายใน Thailand ๔.๐ เน้นการปรับเปล่ียน ๔ ทศิ ทางและเนน้ การ พัฒนาที่สมดุลใน ๔ มติ ิ มิติทีห่ ยบิ ยก คือ การยกระดบั ศักยภาพและคณุ คา่ ของ มนษุ ย์ (Human Wisdom) ด้วยการพฒั นาคนไทยให้เปน็ “มนษุ ยท์ ีส่ มบูรณ”์ ผ่านการปรบั เปลย่ี น ระบบนเิ วศน์ การเรียนรู้เพ่ือเสรมิ สรา้ ง แรงบันดาลใจบ่มเพาะความคดิ สรา้ งสรรค์ ปลูกฝังจติ สาธารณะ ยดึ ประโยชน์สว่ นรวมเป็นทต่ี ั้งมคี วามซ่ือสัตย์ สุจริต มีวนิ ัย มีคณุ ธรรมจริยธรรม มคี วามรับผิดชอบ เน้น การสร้างคุณคา่ ร่วม และค่านิยมท่ีดี คือ สงั คมทมี่ ีความหวงั (Hope) สังคมท่เี ปี่ยมสขุ (Happiness) และ สงั คมทีม่ ีความสมานฉันท์ (Harmony) ยทุ ธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตระยะท่ี ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔) ท่กี ำหนดวสิ ัยทัศน์“ประเทศไทยใสสะอาดไทยทง้ั ชาติตา้ นทุจรติ ”(ZeroTolerance& Clean Thailand) กำหนดยทุ ธศาสตร์หลักออกเป็น๖ยุทธศาสตรค์ อื ยุทธศาสตรท์ ี่๑สร้างสงั คมที่ไม่ทนต่อการทจุ รติ เปน็ ยุทธศาสตร์ทมี่ งุ่ เน้นการกระบวนการปรบั สภาพทางสังคมใหเ้ กดิ ภาวะ“ไม่ทนต่อการทจุ ริต”โดยเร่มิ ต้งั แตก่ ระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมสรา้ งวฒั นธรรมต่อต้านการทจุ รติ ปลูกฝงั ความพอเพียง มีวินัย ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต มีจิตสาธารณะ จิตอาสา และความเสียสละเพ่อื ส่วนรวมปลูกฝงั ความคดิ แบบดิจิทลั (Digital Thinking) ใหส้ ามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งประโยชน์สว่ นตวั และประโยชนส์ ่วนรวม และ ประยกุ ตห์ ลักปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ เครื่องมือต้านทจุ รติ สาระสำคัญทัง้ ๖ ดา้ นดังกล่าวจะ เปน็ เครอื่ งมือชี้นำทิศทางการปฏบิ ัตงิ านและการบรู ณาการด้านตอ่ ต้านการทจุ ริตของประเทศโดยมี สำนกั งาน ป.ป.ช. เป็นองค์กรหลกั ในการบรู ณาการงานของภาคส่วนต่าง ๆ เข้าดว้ ยกนั และเพื่อให้ เป็นไปในทิศทางเดยี วกัน
21 ใบความรู้ท่ี ๒ ๒.ทฤษฎี ความหมาย และรูปแบบของการขัดกันระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนกบั ประโยชน์สว่ นรวม (Conflict of interest) คำวา่ Conflict of Interest มีผใู้ ห้คำแปลเป็นภาษาไทยไวห้ ลากหลายเชน่ “การขดั กนั แห่ง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม”หรือ“การขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ ส่วนรวม”หรือ“การขัดกันระหวา่ งผลประโยชนส์ าธารณะและผลประโยชน์ส่วนตน”หรอื “ประโยชน์ทบั ซอ้ น”หรือ“ผลประโยชนท์ ับซ้อน”หรอื “ผลประโยชนข์ ัดกัน”หรอื บางท่านแปลว่า“ผลประโยชน์ขัดแยง้ ” หรือ “ความขัดแย้ง ทางผลประโยชน์” การขดั กันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกบั ประโยชนส์ ่วนรวม หรือท่ีเรียกวา่ Conflict of Interest นนั้ ก็ มลี กั ษณะทำนองเดยี วกันกับกฎศีลธรรม ขนบธรรมเนียมจารตี ประเพณี หลักคุณธรรม จริยธรรม กลา่ วคือ การกระทำใด ๆ ท่ีเปน็ การขัดกันระหว่างประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชน์ส่วนรวม เป็นสง่ิ ที่ควร หลกี เลี่ยงไม่ควรจะ กระทำ แต่บคุ คล แตล่ ะคน แต่ละกลมุ่ แต่ละสงั คม อาจเห็นว่าเรอ่ื งใดเป็นการขดั กัน ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน กบั ประโยชนส์ ่วนรวมแตกต่างกันไป หรือเม่ือเหน็ วา่ เป็นการขัดกนั แล้วยงั อาจ มรี ะดับของความหนกั เบา แตกต่างกัน อาจเห็นแตกตา่ งกนั ว่าเรือ่ งใดกระทำได้กระทำไม่ได้แตกตา่ งกัน ออกไปอีก และในกรณีที่มีการฝา่ ฝืน บางเรื่องบางคนอาจเห็นว่าไมเ่ ป็นไร เปน็ เร่ืองเลก็ น้อย หรอื อาจ เห็นเป็นเร่ืองใหญ่ ต้องถูกประณาม ตำหนิ ติฉิน นนิ ทา ว่ากลา่ ว ฯลฯ แตกต่างกันตามสภาพของสงั คม โดยพ้นื ฐานแล้ว เรอื่ งการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ ส่วนบคุ คลและประโยชน์ส่วนรวม เปน็ กฎ ศลี ธรรม ประเภทหน่งึ ที่บุคคลไมพ่ งึ ละเมิดหรือฝา่ ฝนื แตเ่ นอ่ื งจากมีการฝ่าฝืนกันมากข้ึน และบคุ คล ผฝู้ ่าฝนื ก็ไมม่ ีความเกรงกลัวหรือละอายตอ่ การฝ่าฝืนนั้น สังคมก็ไมล่ งโทษหรือลงโทษไม่เพยี งพอทจี่ ะมี ผลเปน็ การห้ามการกระทำดังกลา่ ว และในที่สุดเพื่อหยุดย้ังเรอ่ื งดงั กลา่ วน้ี จึงมกี ารตรากฎหมายที่ เก่ียวขอ้ งกบั การขดั กันแหง่ ผลประโยชน์ มากข้ึน ๆ และเปน็ เรอื่ งท่สี งั คมใหค้ วามสนใจมากขนึ้ ตามลำดับ ๒.๒.๑ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง“การขดั กันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชนส์ ว่ นรวม ” “จรยิ ธรรม” และ “การทุจริต การขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวม หมายถงึ การท่ีเจา้ หน้าทข่ี องรฐั กระทำการใดๆตามอำนาจหน้าทเ่ี พื่อประโยชนส์ ว่ นรวมแตก่ ลับเข้าไปมสี ่วนไดเ้ สียกบั กจิ กรรมหรือการ ดำเนินการ ทเ่ี ออ้ื ผลประโยชน์ใหก้ ับตนเองหรอื พวกพอ้ ง ทำให้การใช้อำนาจหนา้ ทเ่ี ป็นไปโดยไมส่ จุ รติ กอ่ ให้เกดิ ผลเสียต่อภาครัฐ จริยธรรมเปน็ กรอบใหญท่ างสงั คมทเี่ ป็นพืน้ ฐานของแนวคิดเก่ียวกบั การ ขดั กันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนกบั ประโยชน์ส่วนรวมและการทุจรติ การกระทำใดทผ่ี ิดต่อกฎหมายการ ขัดกันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนกับประโยชน์สว่ นรวมและการทุจริต ย่อมเปน็ ความผิดต่อจริยธรรมด้วย แต่ตรงกันขา้ มการกระทำใดท่ีฝ่าฝนื จริยธรรมอาจไม่เป็นความผดิ เกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ สว่ นตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวมและการทจุ ริต เชน่ การมพี ฤตกิ รรมสว่ นตัวทไี่ มเ่ หมาะสม การมีพฤติกรรม ชูส้ าว เป็นตน้ ๒.๒.๒ รปู แบบของการขัดกันระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม การขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมมไี ด้หลายรูปแบบไม่จำกดั อยู่เฉพาะใน รปู แบบของตัวเงนิ หรือทรัพย์สนิ เทา่ นน้ั แต่รวมถึงผลประโยชน์อืน่ ๆ ท่ไี ม่ได้อยูใ่ นรปู แบบของตัวเงนิ หรือ ทรัพย์สนิ ด้วย ทั้งนี้ John Langford และ Kenneth Kernaghan ไดจ้ ำแนกรูปแบบของ การขัดกัน ระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ออกเปน็ ๗ รปู แบบ คอื ๑) การรบั ผลประโยชนต์ ่าง ๆ (Accepting Benefits) เชน่ การรับของขวญั จาก
22 บริษัทธรุ กิจ บรษิ ัทขายยาหรืออุปกรณ์การแพทย์สนับสนนุ คา่ เดินทางให้ผูบ้ รหิ ารและเจา้ หน้าที่ไป ประชมุ เรอื่ งอาหาร และยาที่ตา่ งประเทศ หรือหนว่ ยงานราชการรบั เงนิ บรจิ าคสร้างสำนักงานจากธุรกจิ ที่เป็นลูกค้าของหน่วยงาน หรือแม้กระทั่งในการใชง้ บประมาณของรฐั เพื่อจดั ซ้ือจดั จา้ งแล้วเจา้ หนา้ ที่ ไดร้ ับของแถม หรอื ประโยชน์อืน่ ตอบแทน เปน็ ต้น ๒) การทำธรุ กิจกบั ตนเอง (Self - Dealing) หรือเป็นคสู่ ญั ญา (Contracts) หมายถึง สถานการณท์ ี่ผดู้ ำรงตำแหนง่ สาธารณะ มสี ว่ นไดเ้ สยี ในสัญญาที่ทำกบั หนว่ ยงานท่ีตนสงั กดั ตวั อยา่ งเช่น การใช้ ตำแหนง่ หน้าที่ทำให้หน่วยงานทำสัญญา ซอ้ื สนิ ค้าจากบริษัทของตนเอง หรอื จ้าง บริษทั ของตนเป็นทปี่ รกึ ษา หรือซื้อท่ีดนิ ของตนเองในการจัดสรา้ งสำนกั งาน สถานการณ์เชน่ น้ีเกดิ บทบาทท่ีขัดแยง้ เชน่ เป็นทงั้ ผูซ้ ้อื และผขู้ ายในเวลาเดียวกัน ๓) การทำงานหลงั จากออกจากตำแหนง่ หนา้ ท่สี าธารณะหรือหลงั เกษยี ณ (Post - Employment) หมายถงึ การท่ีบุคคลลาออกจากหนว่ ยงานของรฐั และไปทำงานในบริษทั เอกชนที่ ดำเนินธุรกจิ ประเภทเดยี วกนั เช่น ผูบ้ รหิ ารหรอื เจ้าหนา้ ที่ขององค์การอาหารและยา ลาออกจากงาน ราชการและไปทำงานในบรษิ ัทผลติ หรือ ขายยา หรือผบู้ รหิ ารกระทรวงคมนาคมหลังเกษียณออกไป ทำงานเปน็ ผบู้ รหิ ารของบรษิ ัทธรุ กจิ สอื่ สาร ๔) การทำงานพิเศษ (Outside Employment or Moonlighting) ในรปู แบบน้ีมีได้ หลายลักษณะ เชน่ ผ้ดู ำรงตำแหน่งสาธารณะต้งั บริษัทดำเนนิ ธรุ กิจ ท่เี ปน็ การแขง่ ขันกบั หน่วยงานหรือ องค์การสาธารณะทต่ี นสังกัด หรอื การรับจา้ งเป็นท่ีปรึกษาโครงการ โดยอาศัยตำแหนง่ ในราชการสร้าง ความน่าเชื่อถือว่าโครงการของผ้วู ่าจา้ งจะไม่มปี ัญหาติดขดั ในการพจิ ารณาจากหน่วยงานท่ที ี่ปรึกษา สงั กัดอยู่ หรือในกรณีที่ เป็นผู้ตรวจสอบบญั ชีของกรมสรรพากร กร็ บั งานพเิ ศษเป็นที่ปรึกษาหรือเป็น ผู้ทำบัญชีใหก้ บั บริษัทที่ต้องถูกตรวจสอบ ๕) การรู้ขอ้ มูลภายใน (Inside Information) หมายถงึ สถานการณ์ท่ผี ดู้ ำรงตำแหน่ง สาธารณะใช้ประโยชน์จากการรู้ข้อมลู ภายในเพือ่ ประโยชนข์ องตนเอง เช่น ทราบว่ามีการตัดถนนผา่ น บรเิ วณใด กจ็ ะเขา้ ไปซ้อื ที่ดนิ น้นั ในนามของภรรยา หรือทราบวา่ จะมกี ารซ้อื ขายท่ดี นิ เพื่อทำโครงการ ของรัฐกจ็ ะเข้าไปซื้อทด่ี ินนน้ั เพอ่ื เกง็ กำไรและขายให้กบั รฐั ในราคาทสี่ งู ขึ้น ๖) การใชท้ รัพย์สนิ ของราชการเพื่อประโยชนธ์ รุ กิจส่วนตัว (Using your Employer’s Property for Private Advantage)เชน่ การนำเครื่องใชส้ ำนักงานต่างๆ กลบั ไปใช้ที่บ้าน การนำ รถยนต์ ราชการไปใชใ้ นงานส่วนตัว ๗) การนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตง้ั เพ่ือประโยชนท์ างการเมือง(Pork -Barreling)เชน่ การทีร่ ัฐมนตรีอนมุ ตั โิ ครงการไปลงพืน้ ท่หี รือบา้ นเกิดของตนเอง หรือการใช้งบประมาณ สาธารณะเพื่อหาเสยี งเม่ือพิจารณา“ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผดิ เก่ยี วกบั การขดั กันระหวา่ ง ประโยชน์ สว่ นตนกบั ประโยชนส์ ว่ นรวมพ.ศ.”ทำใหม้ รี ปู แบบเพิ่มเติมจากท่ีกล่าวมาแลว้ ข้างตน้ อีก๒กรณี คือ ๘) การใชต้ ำแหนง่ หนา้ ทแี่ สวงหาประโยชนแ์ ก่เครือญาตหิ รือพวกพ้อง (Nepotism) หรอื อาจจะเรยี กว่าระบบอปุ ถัมภพ์ ิเศษ เช่น การทเ่ี จา้ หนา้ ที่ของรฐั ใช้อิทธิพลหรอื ใช้อำนาจหน้าทท่ี ำให้ หนว่ ยงานของตนเขา้ ทำสัญญากบั บริษทั ของพนี่ ้องของตน ๙) การใชอ้ ิทธพิ ลเข้าไปมผี ลตอ่ การตัดสนิ ใจของเจา้ หนา้ ท่รี ัฐ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น (Influence) เพอ่ื ให้เกิดประโยชน์แกต่ นเองหรือพวกพ้อง เชน่ เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ใช้ตำแหนง่ หน้าทข่ี ่มขู่ผู้ ใต้บงั คบั บญั ชาให้หยดุ ทำการตรวจสอบบริษัทของเครอื ญาติของตน
23 ดงั นัน้ จงึ สามารถสรุปรปู แบบของการกระทำที่เข้าข่ายเปน็ การขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ น ตนกบั ประโยชน์ส่วนรวม (Conflict of Interest) เปน็ ๙ รูปแบบ ดงั นี้ การรับผลประโยชนต์ า่ งๆ (Accepting benefits) การทำธรุ กจิ กับตนเอง (Self – dealing) หรือเปน็ คสู่ ัญญา (Contracts) การทำงานหลงั จากออกจากตำแหน่งหน้าท่ีสาธารณะ หรือหลงั เกษียณ (Post – employment) การทำงานพิเศษ (Outside employment or moonlighting) การร้ขู ้อมลู ภายใน (Inside information) การใชท้ รพั ย์สินของราชการเพอื่ ประโยชน์ธรุ กิจส่วนตัว (Using your employer’s property for private advantage) การนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตง้ั เพ่อื ประโยชน์ทางการเมือง (Pork - barreling) การใชต้ ำแหน่งหน้าท่แี สวงหาประโยชน์แกเ่ ครือญาติหรือพวกพ้อง (Nepotism) การใชอ้ ทิ ธิพลเข้าไปมีผลตอ่ การตดั สนิ ใจของเจ้าหน้าทร่ี ัฐหรอื หน่วยงานของรฐั อืน่ (influence)
24 ใบความรูท้ ี่ ๓ ๓ แก้ “ทจุ ริต”ต้องคดิ แยกแยะปรบั วิธีคดิ พฤติกรรมเปลย่ี นสงั คมเปล่ียนประเทศชาติเปลี่ยน โลกเปลีย่ น คิดได้ คดิ เปน็ คิดดี คิดแบบไหนไม่ทุจรติ การทป่ี ระโยชนส์ ว่ นตนขัดกบั ประโยชนส์ ่วนรวมทำให้ประโยชน์สว่ นรวมต้องตกไปเปน็ ประโยชนส์ ่วนตนซง่ึ เป็นสาเหตมุ าจากการที่มี ระบบการคิด ท่ีไมถ่ ูกต้อง - ไมส่ ามารถแยกประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวมได้ - ไม่แยกเร่ืองตำแหนง่ หน้าทกี่ ับเร่ืองสว่ นตนออกจากกนั จึงใช้ระบบเลขฐานสิบ (Analog) และระบบเลขฐานสอง (Digital)มาใชแ้ ยกแยะการแก้“ทจุ ริต” ทำไม เรามาเข้าใจและมาคิดแบบระบบเลขกนั เถอะ Analog Thinking ระบบเลข “ฐานสบิ ” (decimal number system) หมายถงึ ระบบ เลขท่ีมตี ัวเลข ๑๐ ตวั คอื ๐ , ๑ , ๒ , ๓ , ๔ , ๕ , ๖ , ๗ , ๘ , ๙ เป็นระบบคิดเลขท่ีเราใช้ในชีวิตประจำวันกันมาตั้งแต่จำ ความกนั ได้ ไม่ Analogว่าจะเป็นการใช้บอกปริมาณหรือบอกขนาด ช่วยใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่ ตรงกนั ใน การสอ่ื ความหมายสอดคลอ้ งกับระบบ “Analog” ท่ใี ชค้ ่า Thinking ต่อเน่อื งหรือสัญญาณซ่ึงเปน็ ค่า ตอ่ เนือ่ ง หรอื แทนความหมายของข้อมลู โดยการใช้ฟงั ก์ชน่ั ท่ีตอ่ เนื่องหรือ Continuous Digital Thinking ระบบเลข “ฐานสอง ” (binary number system) หมายถงึ ระบบเลขท่ีมีสญั ลักษณเ์ พยี งสอง ตวั คือ ๐ (ศูนย)์ กับ (หน่ึง) Digital Thinking สอดคลอ้ งกับการทำงานระบบ Digital ทมี่ ลี ักษณะการ ทำงานภายในเพยี ง ๒ จังหวะ คือ ๐ กับ ๑ หรอื ON กบั OFF ตดั เดด็ ขาด หรอื Discret เม่อื นำระบบเลข “ฐานสิบ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital”มาปรับใช้เปน็ แนวคดิ คอื ระบบคดิ “ฐานสิบ Analog” และ ระบบคดิ “ฐานสอง Digital” จะเห็นไดว้ า่ ...ระบบคดิ “ฐานสิบ Analog ” เปน็ ระบบการคดิ วิเคราะห์ข้อมูลท่ีมีตวั เลขหลายตวั และอาจหมายถงึ โอกาสที่จะเลือกได้ หลายทาง เกิดความคิดทห่ี ลากหลาย ซบั ซอ้ นหากนำมาเปรียบเทยี บกบั การปฏิบตั งิ านของ เจ้าหนา้ ท่ี ของรัฐ จะทำให้เจ้าหน้าที่ของรฐั ตอ้ งคดิ เยอะ ต้องใชด้ ุลยพินจิ เยอะ อาจจะนำประโยชนส์ ว่ นตนและ ประโยชนส์ ว่ นรวมมาปะปนกันได้ แยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวมออกจากกันไม่ได้ ระบบคิด “ฐานสอง Digital” เป็นระบบการคิดวเิ คราะหข์ ้อมลู ทสี่ ามารถเลือกได้เพียง ๒ ทางเท่าน้นั คือ ๐ (ศนู ย์) กบั ๑ (หน่งึ ) และอาจหมายถึงโอกาสทีจ่ ะเลือกได้เพียง ๒ ทาง เชน่ ใช่ กับ ไม่ใช่, เท็จ กับ จรงิ , ทำได้ กับ ทำไม่ได้, ประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ่วนรวม เป็นตน้ จึงเหมาะกับ การนำมาเปรยี บเทยี บกบั การปฏิบัติงานของเจา้ หน้าทขี่ องรัฐท่ีต้องสามารถแยกเรอ่ื งตำแหน่งหนา้ ทก่ี บั เรอ่ื งสว่ นตวั ออกจากกนั ได้อย่าง เด็ดขาด และไม่กระทำการที่เป็นการขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน และประโยชน์สว่ นรวม ระบบความคดิ แยกแยะให้ได้เรอื่ งการขัดกนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนบุคคลกบั ประโยชนส์ ว่ นรวม
25 ระบบคดิ สงั คมโลกสมยั ก่อน ยุค Analog - ยอมรบั กบั คำพูดทีว่ า่ ทุจรติ บา้ งไม่เปน็ ไร ถา้ เราไดป้ ระโยชน์ - ไม่สามารถแยกประโยชน์สว่ นตนออกจากประโยชนส์ ว่ นรวมได้ - ประโยชน์ทับซอ้ น/สินบน/ทุจริตคอรร์ ับชัน่ - ระบบอปุ ถัมภ์ นำความสมั พนั ธส์ ่วนตวั มาใช้อย่างไม่ถูกต้อง สงั คมโลกสมยั ใหม่ ยคุ Digital - ไม่ยอมรบั กบั คำพดู ทว่ี ่าทุจริตบ้างไม่เปน็ ไร ถา้ เราได้ประโยชน์ - แยกประโยชน์ส่วนตนออกจากประโยชน์สว่ นรวมได้ - เห็นประโยชนส์ าธารณมาก่อนประโยชนส์ ว่ นตน ตวั อยา่ ง ระบบคิดฐานสิบ & ระบบคิดฐานสอง ระบบคิดฐานสบิ ระบบคิดฐานสอง เอาวัสดุครภุ ณั ฑห์ ลวงไปใช้ที่บ้าน ไมร่ บั ของขวัญจากผ้มู าตดิ ตอิ ราชการ เอารถยนตห์ ลวงมาใช้ในธุระส่วนตัว ไมใ่ ช้รถหลวงในเรื่องสว่ นตวั เอาโทรศัพทห์ ลวงมาโทรตดิ ต่อธุระสว่ นตวั ไมใ่ ช้โทรศัพท์หลวงโทรธุระส่วนตวั เอาอปุ กรณ์ไฟฟ้าส่วนตัวมาชาร์จทบี่ า้ น ไมน่ ำอปุ กรณ์ไฟฟ้าส่วนตัวมาชาร์จที่ทำงาน ใชน้ ำประปาหลวงมาลา้ งรถส่วนตัว ไม่นำวัสดุครภุ ณั ฑห์ ลวงไปใช้ท่ีบ้าน คดิ ให้ได้ คดิ ใหด้ ี คิดให้เปน็ คิดได้ ๑. คิดกอ่ นทำ (ก่อนกระทำการทุจริต) ๒. คิดถึงผลเสยี ผลกระทบต่อประเทศชาติ (ความเสยี หายที่เกิดขึ้นกบั ประเทศในทกุ ๆ ด้าน) ๓. คิดถงึ ผไู้ ด้รับบทลงโทษจากการกระทำการทุจรติ (เอามาเปน็ บทเรยี น) ๔. คิดถึงผลเสียผลกระทบทจี่ ะเกิดขึน้ กับตนเอง (จะต้องอยู่กบั ความเสย่ี งที่จะถูกร้องเรยี น ถูก ลงโทษไลอ่ อก และติดคุก) ๕. คิดถงึ คนรอบข้าง (เสอ่ื มเสียต่อครอบครวั และวงศต์ ระกูล) คิดดี ๑. คิดแบบพอเพียงไมเ่ บียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบยี นผ้อู ืน่ และไมเ่ บยี ดเบียนประเทศชาติ ๒. คดิ อย่างรบั ผดิ ชอบตามบทบาทหน้าท่ี กฎระเบยี บ ๓. คิดตามคุณธรรมวา่ “ทำดีได้ดี ทำช่วั ได้ชั่ว”
26 คิดเป็น ๑. คิดแยกเรอื่ งประโยชน์ส่วนบคุ คลและประโยชน์ส่วนรวมออกจากกัน อย่างชดั เจน ๒. คิดแยกเรื่องตำแหนง่ หนา้ ที่ กบั เรื่องสว่ นตัวออกจากกัน ๓. คดิ ทีจ่ ะไมน่ ำประโยชน์ส่วนตนกบั ประโยชน์สว่ นรวมมาปะปนกัน มาก้าวก่ายกนั ๔. คดิ ท่จี ะไมเ่ อาประโยชนส์ ว่ นรวมมาเปน็ ประโยชน์สว่ นตน ๕. คิดทจ่ี ะไมเ่ อาผลประโยชน์สว่ นรวมมาตอบแทนบญุ คุณสว่ นตน ๖. คิดเห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์สว่ นตน เครือญาติ และพวกพ้อง
27 ใบความรู้ ๔ ๔. ตัวอย่างการขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมในรปู แบบต่างๆ ๑. การรบั ผลประโยชนต์ ่าง ๆ ๑.๑ นายสุจรติ ขา้ ราชการชัน้ ผู้ใหญ่ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการในพ้ืนที่จังหวัดบุรรี มั ย์ ซง่ึ ใน วันดังกลา่ ว นายรวย นายก อบต. ได้มอบงาช้างจำนวนหนึง่ ค่ใู ห้แก่ นายสุจรติ เพ่ือเปน็ ของท่ีระลกึ นาย สจุ รติ ได้ มอบงานช้างดังกลา่ วให้หน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบมลู คา่ พร้อมทง้ั ดำเนนิ การให้ถูกต้องตาม ระเบียบและกฎหมาย แตต่ ่อมา นายสจุ ริต พจิ ารณาแล้วเห็นว่า ไมส่ มควรรับงาช้างดังกล่าวไว้ จงึ เรง่ ให้ หน่วยงานต้นสงั กัด คนื งาช้างใหแ้ ก่นายรวย ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๓ ประกอบประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เร่อื ง หลักเกณฑก์ ารรับทรัพย์สนิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาของ เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๗ ประกอบขอ้ ๕ (๒) ได้กำหนด วา่ เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ผ้ใู ดไดร้ บั ทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ ่ืนใดจากบคุ คลอ่ืนท่ีมใิ ชญ่ าติซ่งึ มีมูลค่าเกินกว่า สามพนั บาท แล้วประสงค์จะรับทรัพยส์ ินน้ันไวเ้ ปน็ สิทธิของตน จะต้องแจ้งรายละเอยี ดข้อเทจ็ จริง เกี่ยวกับการรับทรพั ยส์ ินนนั้ ต่อผู้บังคบั บัญชาหรือผมู้ อี ำนาจแตง่ ต้ังถอดถอนหรือคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร หรอื ประธาน วฒุ ิสภา หรือประธานสภาทอ้ งถ่นิ แลว้ แตก่ รณี ในทันทที ่ี สามารถกระทำได้ เพ่ือใหว้ ินจิ ฉัยวา่ มีเหตุผลความจำเปน็ ความเหมาะสม และสมควรทจ่ี ะใหเ้ จ้าหน้าที่ ของรัฐผ้นู ้ัน รับทรัพยส์ นิ น้นั ไวเ้ ปน็ สทิ ธิของตนหรอื ไม่ เม่ือข้อเท็จจรงิ ในเร่อื งนี้ปรากฏว่า เมื่อนายสุจริต ขา้ ราชการช้นั ผใู้ หญ่ ได้รับงาช้างแลว้ ได้สง่ ให้ หนว่ ยงานต้นสังกัดตรวจสอบมูลคา่ พร้อมท้ังดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย แต่ตอ่ มา นายสจุ ริต พิจารณาเห็นวา่ ไมส่ มควรรบั งาชา้ งดงั กลา่ วไว้ จึงสง่ คืนให้นายรวยไป โดยใช้ระยะเวลาใน การตรวจสอบ ระเบยี บแนวทางปฏิบัติและข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือความรอบคอบ และส่งคืนงาช้าง แกน่ าย รวยภายใน ๓ วนั จากขอ้ เท็จจรงิ จงึ ฟังไดว้ า่ นายสุจรติ มไิ ดม้ ีเจตนาหรือมีความประสงค์ท่จี ะรับงาชา้ ง นัน้ ไวเ้ ป็นสิทธขิ องตน แต่อย่างใด ๑.๒ การทีเ่ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั รบั ของขวัญจากผู้บริหารของบริษทั เอกชน เพื่อช่วยให้ บริษัทเอกชนรายนนั้ ชนะการประมลู รบั งานโครงการขนาดใหญ่ของรฐั ๑.๓ การท่บี รษิ ทั แหง่ หนึง่ ใหข้ องขวัญเปน็ ทองคำมูลคา่ มากกว่า ๑๐ บาท แก่เจา้ หนา้ ท่ใี นปีท่ี ผา่ นมา และปนี ี้เจ้าหน้าท่เี ร่งรัดคืนภาษีใหก้ ับบรษิ ัทนน้ั เป็นกรณพี ิเศษ โดยลัดควิ ให้ก่อนบรษิ ทั อน่ื ๆ เพราะคาดวา่ จะไดร้ ับของขวัญอีก ๑.๔ การทเ่ี จา้ หน้าที่ของรฐั ไปเป็นคณะกรรมการของบริษัทเอกชน หรือรฐั วิสาหกิจและได้รบั ความบันเทงิ ในรูปแบบต่าง ๆ จากบริษัทเหล่านน้ั ซ่ึงมผี ลตอ่ การให้คำวนิ จิ ฉัยหรือข้อเสนอแนะทเี่ ปน็ ธรรมหรอื เป็นไปในลักษณะที่เอ้ือประโยชน์ ตอ่ บริษัทผูใ้ หน้ ้ัน ๆ ๑.๕ เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐได้รับชุดไมก้ อล์ฟจากผบู้ ริหารของบริษทั เอกชน เมื่อตอ้ งทำงานที่ เก่ยี วขอ้ งกับ บริษัทเอกชนแห่งนน้ั ก็ช่วยเหลือใหบ้ รษิ ทั นน้ั ได้รบั สัมปทาน เนอ่ื งจากรู้สกึ ว่าควรตอบ แทนทเ่ี คยได้รบั ของขวญั มา ๒. การทำธุรกจิ กับตนเองหรอื เป็นคูส่ ัญญา ๒.๑ นติ กิ ร ฝา่ ยกฎหมายและเร่งรัดภาษอี ากรค้าง สำนกั งานสรรพากรจงั หวัดในสว่ นภมู ิภาค หารายได้พิเศษโดยการเปน็ ตัวแทนขายประกนั ชีวิตของบริษัทเอกชน ได้อาศัยโอกาสทตี่ นปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ เร่งรดั ภาษอี ากรคา้ งผู้ประกอบการรายหนงึ่ หาประโยชนใ์ ห้แกต่ นเองด้วยการขายประกันชีวติ ให้แก่
28 หุน้ ส่วนผ้จู ัดการของผู้ประกอบการดังกลา่ ว รวมท้ังพนักงานของผ้ปู ระกอบการนัน้ อกี หลายคน ในขณะท่ี ตนกำลงั ดำเนนิ การเรง่ รดั ภาษอี ากรค้าง พฤติการณ์ของเจ้าหนา้ ทดี่ ังกลา่ วเป็นการอาศยั ตำแหน่งหน้าที่ ราชการของตนหาประโยชนใ์ หแ้ ก่ ตนเอง เปน็ ความผดิ วินัยอย่างไม่รา้ ยแรง ตามมาตรา ๘๓ (๓) ประกอบมาตรา ๘๔ แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๒ การทเี่ จ้าหน้าทใ่ี นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทำสัญญาใหห้ นว่ ยงานต้นสงั กัดซ้ือ คอมพวิ เตอร์ สำนักงานจากบรษิ ทั ของครอบครัวตนเอง หรือบรษิ ัททีต่ นเองมหี ุ้นส่วนอยู่ ๒.๓ ผูบ้ รหิ ารหน่วยงานทำสัญญาเช่ารถไปสัมมนาและดงู านกับบริษัท ซ่ึงเป็นของเจ้าหนา้ ท่ี หรอื บรษิ ัททผี่ ูบ้ ริหารมีหนุ้ ส่วนอยู่ ๒.๔ การทีผ่ ้ตู รวจสอบบญั ชภี าครฐั รบั งานพิเศษเปน็ ท่ปี รึกษา หรือเปน็ ผทู้ ำบัญชใี หก้ ับบรษิ ัทท่ี ตอ้ งถูกตรวจสอบ ๒.๕ ภรรยาอดตี นายกรัฐมนตรี ประมลู ซ้ือที่ดนิ ย่านถนนรัชดาภเิ ษกใกลก้ ับศนู ย์วัฒนธรรมแหง่ ประเทศไทย จากกองทนุ เพื่อการฟ้นื ฟแู ละพฒั นาระบบสถาบันการเงินในการกำดแู ลของธนาคารแหง่ ประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดยอดีตนายกรัฐมนตรี ซ่ึงในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน ฐานะเจ้าพนักงาน มหี นา้ ท่ีดูแลกิจการของกองทุนฯ ได้ลงนามยินยอมในฐานะคสู่ มรสให้ภรรยาประมลู ซ้อื ท่ดี นิ และทำสัญญาซ้ือขายทีด่ ิน ส่งผลให้เป็นคสู่ ัญญาหรือมีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี ในสัญญาซ้ือท่ดี นิ โฉนด แปลงดงั กล่าว อนั เปน็ การขดั กนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นการฝ่าฝนื ตอ่ กฎหมาย มคี วามผดิ ตามพระราชบญั ญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการ ทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๐ (๑) ๓. การทำงานหลงั จากออกจากตำแหน่งหนา้ ที่สาธารณะหรือหลังเกษยี ณ ๓.๑ อดตี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนง่ึ เพิง่ เกษียณอายุราชการไปทำงานเป็นที่ ปรกึ ษาในบริษทั ผลิตหรือขายยา โดยใชอ้ ิทธพิ ลจากที่เคยดำรงตำแหนง่ ในโรงพยาบาลดังกล่าว ให้ โรงพยาบาลซื้อยาจากบริษัท ทต่ี นเองเปน็ ที่ปรึกษาอยู่ พฤตกิ ารณเ์ ช่นน้มี ีมลู ความผดิ ทั้งทางวนิ ัยและทาง อาญาฐานเป็นเจ้าหน้าทข่ี องรัฐ ปฏบิ ัติหรอื ละเวน้ การปฏิบัติอยา่ งใดในพฤติการณ์ที่อาจทำใหผ้ ู้อืน่ เชอื่ วา่ ตนมตี ำแหน่งหรือหน้าท่ี ทัง้ ท่ีตนมไิ ดม้ ีตำแหน่งหรือหนา้ ท่นี ้ัน เพ่ือแสวงหาประโยชน์ทม่ี ิควรได้โดยชอบ ดว้ ยกฎหมายสำหรบั ตนเองหรอื ผอู้ ื่นตาม พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมวา่ ดว้ ยการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒๓ ๓.๒ การทีผ่ ู้บรหิ ารหรอื เจ้าหน้าทขี่ ององค์กรดา้ นเวชภณั ฑ์และสขุ ภาพออกจากราชการไป ทำงานในบรษิ ัทผลติ หรอื ขายยา ๓.๓ การท่ีผูบ้ รหิ ารหรือเจ้าหนา้ ทีข่ องหนว่ ยงานที่เกษยี ณแลว้ ใช้อิทธิพลที่เคยดำรง ตำแหน่งในหนว่ ยงานรัฐ รบั เปน็ ท่ปี รกึ ษาใหบ้ ริษัทเอกชนที่ตนเคยตดิ ต่อประสานงาน โดยอา้ งวา่ จะได้ ตดิ ต่อกับหนว่ ยงาน รฐั ได้อย่างราบรน่ื ๓.๔ การว่าจา้ งเจา้ หน้าทผ่ี ูเ้ กษยี ณมาทำงานในตำแหน่งเดิมที่หนว่ ยงานเดมิ โดยไมค่ ุม้ ค่ากบั ภารกจิ ที่ ได้รบั มอบหมาย ๔. การทำงานพิเศษ ๔.๑ เจา้ หน้าทตี่ รวจสอบภาษี ๖ สำนักงานสรรพากรจังหวัดในสว่ นภูมภิ าค ไดจ้ ดั ต้งั บริษัท รบั จ้างทำบญั ชีและใหค้ ำปรึกษาเก่ียวกับภาษีและมผี ลประโยชนเ์ กย่ี วข้องกับบริษทั โดยรับจ้างทำบญั ชี และยน่ื แบบแสดงรายการใหผ้ ู้เสยี ภาษีในเขตจังหวัดที่รับราชการอยู่และจังหวดั ใกลเ้ คยี ง กลับมี
29 พฤติการณช์ ่วยเหลือผ้เู สยี ภาษใี ห้ เสียภาษนี ้อยกวา่ ความเป็นจรงิ และรับเงินค่าภาษีอากรจากผู้เสียภาษี บางรายแลว้ มไิ ดน้ ำไปยนื่ แบบแสดงรายการชำระภาษีให้ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าท่ีดังกล่าว เปน็ การไม่ ปฏิบัตติ ามข้อบังคบั กรมสรรพากรวา่ ดว้ ย จรรยาขา้ ราชการ กรมสรรพากร พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๙ (๗) (๘) และอาศัยตำแหน่งหนา้ ที่ราชการของตน หาประโยชน์ใหแ้ กต่ นเอง เป็นความผดิ วินยั อย่างไมร่ ้ายแรง ตามมาตรา ๘๓ (๓) แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บ ข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. ๒๕๕๑ อีกท้ังเปน็ การปฏิบัติ หน้าทีร่ าชการโดยมชิ อบ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ ทางราชการโดยรา้ ยแรง และปฏบิ ัตหิ น้าทรี่ าชการ โดยทจุ รติ และยงั กระทำการอันไดช้ ่ือว่าเปน็ ผ้ปู ระพฤติชวั่ อย่างรา้ ยแรงเปน็ ความผิดวินัยอย่างรา้ ยแรง ตามมาตรา ๘๕ (๑) และ (๔) แห่งพระราชบัญญตั ริ ะเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔.๒ การทีเ่ จา้ หนา้ ที่ของรัฐอาศยั ต าแหน่งหน้าท่ที างราชการรับจ้างเปน็ ที่ปรกึ ษา โครงการ เพื่อให้บริษัทเอกชนทีว่ ่าจ้างนนั้ มคี วามนา่ เชื่อถือมากกวา่ บริษัทคู่แข่ง ๔.๓ การท่เี จ้าหน้าที่ของรฐั ไม่ทำงานท่ีได้รบั มอบหมายจากหน่วยงานอยา่ งเต็มที่ แตเ่ อา เวลาไปรับ งานพิเศษอน่ื ๆ ที่อย่นู อกเหนืออำนาจหน้าทที่ ไี่ ด้รับมอบหมายจากหนว่ ยงานตามกฎหมาย ๕. การรขู้ อ้ มูลภายใน ๕.๑ นายชา่ ง ๕ แผนกชุมสายโทรศัพท์เคลอ่ื นที่ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ไดน้ ำ ขอ้ มูลเลข หมายโทรศัพทเ์ คลื่อนทร่ี ะบบ ๔๗๐ MHZ และระบบปลดล็อคไปขายใหแ้ ก่ผูอ้ ื่น จำนวน ๔๐ หมายเลข เพ่ือนำไป ปรับจนู เขา้ กับโทรศัพท์ เคลอื่ นที่ที่นำไปใชร้ ับจา้ งใหบ้ ริการโทรศัพท์แกบ่ ุคคลทว่ั ไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ช้มี ูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑ มาตรา ๑๕๗ และ มาตรา ๑๖๔ และมคี วามผดิ วินยั ข้อบงั คับองคก์ ารโทรศัพทแ์ หง่ ประเทศไทยวา่ ด้วยการพนักงาน พ.ศ. ๒๒๕๓๖ ข้อ ๔๔ และ ๔๖ ๕.๒ การท่ีเจา้ หนา้ ที่ของรฐั ทราบข้อมลู โครงการตดั ถนนเขา้ หมบู่ ้าน จึงบอกใหญ้ าตพิ น่ี ้อง ไปซื้อที่ดินบริเวณโครงการดังกล่าว เพอื่ ขายให้กบั ราชการในราคาที่สงู ข้ึน ๕.๓ การที่เจา้ หนา้ ที่หน่วยงานผูร้ ับผิดชอบโครงขา่ ยโทรคมนาคมทราบมาตรฐาน (Spec) วสั ดอุ ุปกรณ์ทจ่ี ะใชใ้ นการวางโครงขา่ ยโทรคมนาคม แล้วแจ้งข้อมลู ให้กับบริษัทเอกชนที่ตนรู้จกั เพื่อให้ ไดเ้ ปรียบในการประมลู ๖. การใชท้ รัพย์สนิ ของราชการเพื่อประโยชนส์ ว่ นตน ๖.๑ คณบดคี ณะแพทย์ศาสตร์ ใช้อ านาจหน้าทโ่ี ดยทจุ ริต ด้วยการสง่ั ใหเ้ จ้าหนา้ ท่นี ำเก้าอ้ี พร้อมผา้ ปลอกคมุ เก้าอ้ี เครอื่ งถ่ายวดิ โี อ เคร่ืองเลน่ วดิ โี อ กลอ้ งถ่ายรูป และผา้ เต็นท์ นำไปใชใ้ นงาน มงคลสมรสของบตุ รสาว รวมท้ังรถยนต์ รถตูส้ ว่ นกลาง เพ่ือใช้รบั ส่งเจ้าหนา้ ท่เี ข้าร่วมพธิ ี และขนยา้ ย อปุ กรณ์ทง้ั ท่ีบ้านพักและงานฉลองมงคลสมรสท่ีโรงแรม ซงึ่ ล้วนเปน็ ทรพั ยส์ ินของทางราชการการกระทำ ของจำเลยนับเป็นการใช้อำนาจ โดยทจุ ริต เพอ่ื ประโยชนส์ ่วนตนอนั เปน็ การเสียหายแก่รัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ช้ีมลู ความผิดวนิ ยั และอาญา ตอ่ มาเรือ่ งเขา้ สกู่ ระบวนการในช้ันศาล ศาล พเิ คราะหพ์ ยานหลักฐานโจทกแ์ ลว้ เห็นว่าการกระทำของจำเลย เปน็ การทจุ ริตตอ่ ตำแหนง่ หนา้ ท่ีฐาน เป็นเจ้าพนักงานมหี นา้ ท่ีซอ้ื ทำจดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ดๆ ใชอ้ ำนาจใน ตำแหน่งโดยทจุ ริตอันเปน็ การ เสียหายแก่รัฐและเปน็ เจา้ พนักงานปฏิบัตหิ น้าที่โดยมชิ อบ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๑๕๑ และ ๑๕๗ จงึ พพิ ากษาให้จำคุก ๕ ปี และปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท คำใหก้ ารรับสารภาพ เป็นประโยชน์ แก่การพจิ ารณาคดี ลดโทษให้ก่งึ หน่ึง คงจำคุกจำเลยไว้ ๒ ปี ๖ เดือนและปรบั ๑๐,๐๐๐ บาท ๖.๒ การท่เี จ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ผมู้ ีหนา้ ที่ขับรถยนต์ของส่วนราชการ นำนำ้ มัน ในรถยนต์ไป
30 ขาย และนำเงินมาไว้ใชจ้ ่ายส่วนตวั ทำใหส้ ่วนราชการตอ้ งเสยี งบประมาณ เพื่อซอ้ื น้ำมันรถมากกว่าทคี่ วร จะเป็นพฤตกิ รรม ดังกลา่ วถือเป็นการทจุ ริต เบียดบังผลประโยชน์ของสว่ นรวมเพื่อประโยชนข์ องตนเอง และมีความผดิ ฐานลกั ทรัพย์ ๖.๓ การทีเ่ จา้ หนา้ ทรี่ ัฐ ผ้มู อี ำนาจอนุมตั ิใหใ้ ช้รถราชการหรือการเบิกจา่ ย ค่าน้ำมัน เชื้อเพลงิ นำรถยนต์ของส่วนราชการไปใชใ้ นกจิ ธรุ ะส่วนตวั ๗. การนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตั้งเพอ่ื ประโยชนใ์ นทางการเมือง ๗.๑ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตำบลแหง่ หน่งึ รว่ มกบั พวก แก้ไขเปลี่ยนแปลง รายละเอยี ดโครงการปรบั ปรุงและซ่อมแซมถนนคนเดนิ ใหม่ ในตำบลทีต่ นมฐี านเสยี งโดยไมผ่ า่ นความ เห็นชอบจากสภาฯ และตรวจรบั งานทง้ั ท่ีไมถ่ ูกต้องตามแบบรูปรายการที่กำหนด รวมท้งั เมอ่ื ดำเนินการ แลว้ เสร็จไดต้ ดิ ปา้ ยชอื่ ของตนและพวกการกระทำดังกลา่ วมีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบ เรียบร้อย หรอื สวสั ดิภาพของประชาชน หรอื ละเลยไมป่ ฏิบตั ติ าม หรอื ปฏบิ ตั ิการไม่ชอบดว้ ยอำนาจ หนา้ ท่ี มมี ูลความผิดทงั้ ทางวินยั อย่างรา้ ยแรงและทางอาญา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือแจง้ ผลการ พิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหผ้ ู้มอี ำนาจ แต่งต้งั ถอดถอน และสำนกั งานคณะกรรมการการ เลือกตัง้ ทราบ ๗.๒ การท่นี กั การเมืองในจังหวัด ขอเพิ่มงบประมาณเพื่อนำโครงการตดั ถนน สร้าง สะพานลงในจังหวัด โดยใช้ชอื่ หรือนามสกุลของตนเองเป็นชอื่ สะพาน ๗.๓ การทร่ี ัฐมนตรีอนมุ ตั ิโครงการไปลงในพื้นทีห่ รอื บ้านเกิดของตนเอง ๘. การใชต้ ำแหน่งหนา้ ทแี่ สวงหาประโยชนแ์ ก่เครือญาติ พนกั งานสอบสวนละเว้นไม่นำบนั ทึกการจับกุมที่เจา้ หน้าที่ตำรวจชุดจบั กุม ทำข้ึนในวันเกิด เหตุรวมเขา้ สำนวน แต่กลบั เปลยี่ นบันทึกและแก้ไขข้อหาในบันทึก การจับกุม เพื่อช่วยเหลือผูต้ อ้ งหาซึ่ง เป็นญาติ ของตนให้รับโทษน้อยลง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาแลว้ มีมูลความผดิ ทางอาญาและทาง วินยั อยา่ งรา้ ยแรง ๙. การใชอ้ ทิ ธพิ ลเขา้ ไปมีผลต่อการตัดสินใจของเจา้ หน้าท่ีรฐั หรอื หนว่ ยงานของรัฐอนื่ ๙.๑ เจ้าหน้าทข่ี องรัฐใช้ตำแหนง่ หน้าท่ใี นฐานะผู้บรหิ าร เข้าแทรกแซงการปฏบิ ตั ิงานของ เจ้าหน้าที่ ให้ปฏบิ ัติหน้าทีโ่ ดยมชิ อบดว้ ยระเบยี บ และกฎหมายหรือฝ่าฝนื จรยิ ธรรม ๙.๒ นายเอ เปน็ หวั หนา้ สว่ นราชการแห่งหนง่ึ ในจงั หวดั รูจ้ กั สนิทสนมกับ นายบี หัวหนา้ ส่วน ราชการ อกี แห่งหนึ่งในจงั หวัดเดยี วกนั นายเอ จงึ ใช้ความสัมพันธส์ ่วนตัวฝากลกู ชาย คอื นายซี เขา้ รบั ราชการภายใต้ สงั กัดของนายบี ๑๐. การขัดกันแห่งผลประโยชน์สว่ นบุคคลกับประโยชนส์ ่วนรวมประเภทอ่ืนๆ ๑๐.๑ การเดนิ ทางไปราชการต่างจังหวดั โดยไม่คำนึงถึงจำนวนคน จำนวนงาน และจำนวนวนั อย่างเหมาะสม อาทิ เดินทางไปราชการจำนวน ๑๐ วนั แต่ใช้เวลาในการทำงานจรงิ เพยี ง ๖ วนั โดยอกี ๔ วนั เป็นการ เดินทางทอ่ งเท่ยี วในสถานท่ีต่าง ๆ ๑๐.๒ เจ้าหนา้ ท่ีผูป้ ฏบิ ตั ิไม่ใช้เวลาในราชการปฏิบัตงิ านอยา่ งเต็มที่ เนื่องจากต้องการปฏิบตั งิ าน นอกเวลาราชการ เพราะสามารถเบิกเงนิ งบประมาณคา่ ตอบแทนการปฏบิ ตั งิ านนอกเวลาราชการได้ ๑๐.๓ เจ้าหน้าท่ีของรัฐลงเวลาปฏบิ ตั ิงานนอกเวลาราชการ โดยมิได้อยู่ปฏบิ ัติงานในช่วงเวลา น้นั อยา่ งแท้จริง แตก่ ลบั ใช้เวลาดังกล่าวปฏิบตั กิ ิจธุระส่วนตวั
31 ใบความรทู้ ี่ ๕ ๕. กฎหมายที่เก่ยี วข้องกบั การป้องกนั การขดั กนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกบั ประโยชน์ส่วนรวม พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๑๐๐ หา้ มมิให้เจ้าหน้าที่ของรฐั ผู้ใดดำเนนิ กจิ การดังต่อไปนี้ (๑) เปน็ คสู่ ญั ญาหรือมสี ่วนได้เสียในสัญญาทีท่ ำกับหน่วยงานของรฐั ทเ่ี จา้ หน้าที่ของรัฐผูน้ ั้น ปฏิบัตหิ นา้ ที่ ในฐานะทเี่ ป็นเจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรอื ดำเนินคดี (๒) เปน็ ห้นุ สว่ นหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุน้ ส่วนหรือบริษัททเี่ ขา้ เปน็ คสู่ ัญญากบั หน่วยงานของรัฐท่ี เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ผนู้ ัน้ ปฏิบัติหน้าทีใ่ นฐานะท่ีเป็นเจา้ หนา้ ที่ของรัฐซ่งึ มีอำนาจกำกับดูแล ควบคมุ ตรวจสอบ หรือดำเนนิ คดี (๓) รับสมั ปทานหรอื คงถอื ไวซ้ งึ่ สัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หนว่ ยงานของรัฐ รัฐวสิ าหกจิ หรือ ราชการส่วนทอ้ งถ่นิ หรือเขา้ เป็นค่สู ญั ญากบั รฐั หน่วยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รัฐวสิ าหกิจ หรือ ราชการสว่ น สว่ นถิ่นอนั มีลักษณะเปน็ การผกู ขาดตัดตอน ทง้ั น้ี ไม่วา่ โดยทางตรงหรอื ทางอ้อม หรอื เปน็ หนุ้ ส่วนหรือผู้ถอื หนุ้ ในหา้ งหุ้นส่วนหรือบรษิ ัทที่รบั สมั ปทานหรือเข้าเปน็ คูส่ ญั ญาในลักษณะดงั กล่าว (๔) เข้าไปมีส่วนได้เสยี ในฐานะเป็นกรรมการ ทป่ี รึกษา ตัวแทน พนกั งานหรือลูกจ้างในธรุ กจิ ของเอกชนซึง่ อยู่ภายใต้การกำกับ ดแู ล ควบคมุ หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรฐั ที่เจ้าหน้าที่ของรฐั ผู้ น้ันสงั กัดอยหู่ รือปฏิบัตหิ นา้ ท่ีในฐานะเปน็ เจา้ หนา้ ที่ของรฐั ซงึ่ โดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของ เอกชนนั้นอาจขัด หรือ แย้งต่อประโยชนส์ ่วนรวม หรือประโยชนข์ องทางราชการ หรอื กระทบต่อความมี อสิ ระในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีของเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผนู้ นั้ เจา้ หน้าทข่ี องรฐั ตำแหนง่ ใดทตี่ ้องหา้ มมิใหด้ ำเนนิ กิจการตามวรรคหนง่ึ ให้เป็นไปตามท่ี คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ใหน้ ำบทบัญญตั ิตามมาตรา ๑๐๐ มา ใช้บังคบั กบั คู่สมรสของเจา้ หน้าที่ รัฐตามวรรคสอง โดยใหถ้ ือว่าการดำเนินกิจการของคูส่ มรสดงั กล่าว เป็นการดำเนินกจิ การของเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั มาตรา ๑๐๓ ห้ามมใิ หเ้ จ้าหน้าท่ขี องรฐั ผ้ใู ดรบั ทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพยส์ ิน หรือประโยชนอ์ นั ควรไดต้ ามกฎหมาย หรอื กฎ ข้อบังคับทีอ่ อกโดยอาศัยอำนาจ ตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมายเว้นแต่การรบั ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ตามหลกั เกณฑ์ และจำนวนทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด บทบัญญัตใิ นวรรคหนึ่งให้ใช้บงั คบั กับการรบั ทรพั ย์สินหรือประโยชนอ์ ื่นใดของผูซ้ ่งึ พน้ จากการ เป็น เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั มาแลว้ ยังไมถ่ ึงสองปีด้วยโดยอนโุ ลม มาตรา ๑๐๓/๑ บรรดาความผดิ ท่บี ญั ญัติไวใ้ นหมวดนี้ให้ถอื เป็นความผดิ ฐานทุจรติ ต่อหนา้ ที่ หรือความผิดต่อตำแหน่งหนา้ ทร่ี าชการหรือความผดิ ต่อตำแหนง่ หน้าท่ใี นการยุตธิ รรมตามประมวล กฎหมายอาญาด้วย
32 ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ เรอื่ ง หลักเกณฑ์การรับ ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อืน่ ใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๓ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๐๓ แห่งพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าด้วยการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติจงึ กำหนด หลกั เกณฑ์และจำนวนทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ ่ืนใดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับจาก บุคคลไดโ้ ดยธรรมจรรยาไว้ดงั นี้ ข้อ ๓ ในประกาศนี้ “การรับทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ ่นื ใดโดยธรรมจรรยา ” หมายความว่า การรับทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใดจากญาตหิ รือจากบคุ คลทใ่ี ห้กนั ในโอกาสต่าง ๆ โดยปกตติ ามขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือ วัฒนธรรม หรอื ให้กนั ตามมารยาทท่ีปฏิบตั ิกันในสังคม “ญาติ” หมายความว่า ผ้บู ุพการี ผู้สบื สนั ดาน พี่นอ้ งร่วมบดิ ามารดาหรอื รว่ มบดิ าหรือมารดา เดยี วกัน ลุง ปา้ นา้ อา คสู่ มรส ผู้บพุ การหี รือผูส้ บื สันดานของคสู่ มรส บุตรบญุ ธรรมหรือผรู้ ับบุตรบญุ ธรรม “ประโยชนอ์ ่นื ใด” หมายความวา่ สงิ่ ท่ีมลู ค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทงิ การรับ บรกิ ารการรบั การฝึกอบรม หรอื สงิ่ อนื่ ใดในลกั ษณะเดียวกัน ขอ้ ๔ ห้ามมิให้เจ้าหนา้ ท่ีของรัฐผูใ้ ด รับทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใด จากบคุ คล นอกเหนือจากทรัพยส์ ินหรอื ประโยชน์อนั ควรไดต้ ามกฎหมาย หรอื กฎ ข้อบังคบั ท่ีออกโดยอาศัยอำนาจ ตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย เวน้ แตก่ ารรบั ทรัพยส์ นิ หรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาตามท่ีกำหนด ไว้ในประกาศนี้ ขอ้ ๕ เจ้าหนา้ ทีข่ องรฐั จะรบั ทรัพย์สินหรือประโยชน์อนื่ ใดโดยธรรมจรรยาได้ ดังต่อไปนี้ (๑) รบั ทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชน์อ่ืนใดจากญาติซึ่งให้โดยเสนห่ าตามจำนวนท่เี หมาะสมตาม ฐานานุรูป (๒) รบั ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์อ่นื ใดจากบุคคลอื่นซงึ่ มิใชญ่ าติมีราคาหรือมลู ค่าในการรับจาก แตล่ ะบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกินสามพนั บาท (๓) รับทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์อ่นื ใดท่กี ารให้นัน้ เป็นการให้ในลกั ษณะใหก้ ับบุคคลท่ัวไป ข้อ ๖ การรบั ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดจากต่างประเทศ ซึง่ ผใู้ หม้ ิไดร้ ะบุใหเ้ ปน็ ของสว่ นตัว หรอื มรี าคาหรือมูลค่าเกินกวา่ สามพนั บาท ไมว่ ่าจะระบเุ ปน็ ของส่วนตัวหรอื ไม่ แตม่ ีเหตุผลความจำเป็นท่ี จะตอ้ งรบั ไว้ เพ่ือรกั ษาไมตรี มิตรภาพ หรอื ความสัมพันธ์อันดีระหวา่ งบคุ คล ให้เจา้ หน้าที่ของรัฐผ้นู นั้ รายงานรายละเอยี ดข้อเทจ็ จริงเกี่ยวกบั การรบั ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์ดงั กลา่ วใหผ้ ูบ้ ังคบั บญั ชาทราบ โดยเร็ว หากผู้บงั คับบัญชาเห็นวา่ ไม่มเี หตทุ จี่ ะอนุญาตใหเ้ จ้าหนา้ ทผี่ ้นู นั้ ยดึ ถือทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์ ดงั กล่าวนน้ั ไวเ้ ปน็ ประโยชนส์ ่วนตน ใหเ้ จ้าหน้าทขี่ องรฐั ผนู้ ้ันสง่ มอบทรัพยส์ นิ ใหห้ นว่ ยงานของรัฐที่ เจา้ หน้าท่ขี องรฐั ผู้นั้นสังกัดทันที ขอ้ ๗ การรบั ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใดท่ีไมเ่ ป็นไปตามหลักเกณฑ์ หรือ มรี าคาหรือมีมูลค่า มากกวา่ ทก่ี ำหนดไว้ในข้อ ๕ ซงึ่ เจ้าหน้าที่ของรัฐไดร้ ับมาแล้วโดยมีความจำเปน็ อย่างยง่ิ ทตี่ อ้ งรบั ไว้เพ่ือ รกั ษา ไมตรี มติ รภาพ หรือความสมั พันธอ์ ันดรี ะหวา่ งบุคคล เจา้ หนา้ ที่ของรัฐผู้น้นั ต้องแจ้งรายละเอยี ด ขอ้ เท็จจริง เกีย่ วกบั การรบั ทรัพยส์ นิ หรือประโยชนน์ ัน้ ต่อผบู้ งั คับบัญชา ซ่ึงเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ผบู้ ริหารสูงสุดของรัฐวสิ าหกจิ หรือผ้บู รหิ ารสูงสุดของหนว่ ยงาน สถาบัน หรือองค์กรที่เจ้าหน้าทีข่ องรัฐผู้
33 นัน้ สังกดั โดยทนั ทที ่ี สามารถกระทำได้ เพ่อื ให้วนิ จิ ฉยั ว่ามีเหตุผลความจำเปน็ ความเหมาะสม และ สมควรทจ่ี ะให้เจ้าหน้าทขี่ องรัฐผนู้ น้ั รบั ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์นนั้ ไว้เปน็ สทิ ธขิ องตนหรือไม่ ในกรณีที่ผ้บู งั คับบัญชาหรอื ผู้บรหิ ารสงู สุดของรัฐวสิ าหกจิ หนว่ ยงานหรอื สถาบนั หรือองค์กรท่ี เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ผู้นั้นสังกัด มีคำส่งั ว่าไมส่ มควรรบั ทรัพย์สนิ หรือประโยชนด์ ังกล่าว ก็ให้คืนทรัพย์สนิ หรือ ประโยชน์นัน้ แก่ผใู้ ห้โดยทันที ในกรณีที่ไม่สามารถคืนใหไ้ ด้ ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ขี องรัฐผ้นู ้ันสง่ มอบทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์ดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ สิทธิของหนว่ ยงานท่ีเจา้ หน้าท่ขี องรฐั ผู้นนั้ สงั กัดโดยเรว็ เม่อื ได้ดำเนินการตามความในวรรคสองแล้ว ใหถ้ ือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้น้นั ไม่เคยไดร้ ับ ทรพั ย์สินหรอื ประโยชนด์ ังกล่าวเลย ในกรณที เ่ี จา้ หนา้ ท่ีของรัฐผไู้ ด้รบั ทรัพย์สนิ ไว้ตามวรรคหนึ่งเป็นผ้ดู ำรงตำแหน่งผบู้ งั คับบัญชา ซ่ึงเปน็ หวั หนา้ สว่ นราชการระดับกระทรวงหรอื เทียบเท่า หรอื เปน็ กรรมการหรอื ผบู้ รหิ ารสงู สดุ ของ รฐั วสิ าหกจิ หรือเปน็ กรรมการหรอื ผบู้ ริหารสงู สุดของหน่วยงานของรฐั ใหแ้ จง้ รายละเอียดขอ้ เท็จจริง เก่ยี วกบั การรับทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์น้นั ต่อผมู้ ีอำนาจแต่งตัง้ ถอดถอน ส่วนผูท้ ่ีดำรงตำแหนง่ ประธาน กรรมการและกรรมการในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนญู หรือผดู้ ำรงตำแหน่งทไ่ี มม่ ผี บู้ ังคับบัญชาทีม่ ี อำนาจถอดถอนให้แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท้ังนี้ เพ่อื ดำเนินการตามความในวรรคหน่ึงและวรรค สอง ในกรณีทีเ่ จา้ หน้าที่ของรัฐผไู้ ด้รับทรัพยส์ ินตามวรรคหน่งึ เปน็ ผู้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชกิ วุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถ่ิน ให้แจง้ รายละเอียดขอ้ เท็จจริง เกี่ยวกบั การรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนเ์ ท่าน้นั ตอ่ ประธาน สภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒสิ ภา หรือ ประธานสภาทอ้ งถิน่ ท่ีเจ้าหน้าที่ของรฐั ผู้น้ัน เป็นสมาชิก แลว้ แตก่ รณี เพื่อดำเนนิ การตามวรรคหน่ึงและ วรรคสอง ข้อ ๘ หลกั เกณฑก์ ารรบั ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดของเจ้าหนา้ ทขี่ องรัฐ ตามประกาศฉบบั นใ้ี ห้ใช้บังคบั แกผ่ ู้ซึ่งพน้ จากการเป็นเจ้าหนา้ ที่ของรฐั มาแล้วไม่ถงึ สองปดี ว้ ย ระเบยี บสำนักนายกรัฐมนตรวี า่ ด้วยการให้หรอื รับของขวัญของเจ้าหน้าท่ขี องรฐั พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยท่ที ่ีผา่ นมาคณะรัฐมนตรีไดเ้ คยมีมตคิ ณะรฐั มนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบตั ใิ นการให้ ของขวัญและรบั ของขวญั ของเจ้าหน้าที่ของรฐั ไว้หลายครั้งเพื่อเปน็ การเสรมิ สร้างคา่ นิยมให้เกดิ การ ประหยดั มใิ ห้มีการเบยี ดเบียนขา้ ราชการโดยไมจ่ ำเปน็ และสร้างทศั นคติทไ่ี ม่ถูกต้องเนื่องจากมกี าร แขง่ ขันกันให้ของขวญั ในราคา แพงทง้ั ยังเปน็ ช่องทางให้เกิดการประพฤติมิชอบอนื่ ๆ ในวงราชการอีก ด้วยและในการกำหนดจรรยาบรรณของเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ประเภทต่าง ๆ ก็มกี ารกำหนดในเร่อื งทำนอง เดยี วกัน ประกอบกบั คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติไดป้ ระกาศกำหนด หลักเกณฑ์และจำนวนทเ่ี จ้าหน้าท่ขี องรัฐจะรับทรัพยส์ นิ หรือประโยชนอ์ น่ื ใดโดยธรรมจรรยาได้ ฉะนนั้ จึง สมควรรวบรวมมาตรการเหล่านัน้ และกำหนดเป็นหลกั เกณฑ์การปฏบิ ตั ขิ องเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐในการให้ ของขวญั และรบั ของขวัญไว้เป็นการถาวรมีมาตรฐานอยา่ งเดียวกนั และมีความชัดเจนเพื่อเสรมิ มาตรการ ของคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้เป็นผลอยา่ งจริงจัง ท้ังน้ี เฉพาะในส่วนท่ี คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาตไิ ม่ไดก้ ำหนดไว้ อาศยั อำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แห่งพระราชบญั ญัติระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรฐั มนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี จึงวางระเบยี บไว้ดงั ตอ่ ไปนี้
34 ข้อ ๓ ในระเบยี บนี้ \"ของขวญั \"หมายความว่า เงิน ทรพั ยส์ ิน หรอื ประโยชน์อืน่ ใดที่ให้แก่กัน เพื่ออัธยาศยั ไมตรี และให้หมายความรวมถงึ เงนิ ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใดทใ่ี ห้เป็นรางวลั ให้โดยเสน่หาหรือเพื่อการ สงเคราะห์ หรือ ใหเ้ ปน็ สินน้ำใจ การใหส้ ิทธพิ เิ ศษซง่ึ มิใชเ่ ป็นสทิ ธทิ ี่จัดไวส้ ำหรบั บคุ คลทวั่ ไปในการไดร้ ับ การลดราคาทรัพย์สนิ หรือการให้สทิ ธิพเิ ศษในการไดร้ บั บริการหรือความบนั เทงิ ตลอดจนการออก คา่ ใช้จ่ายในการเดินทาง หรือ ท่องเที่ยวค่าท่ีพัก ค่าอาหาร หรือสงิ่ อน่ื ใดในลกั ษณะเดยี วกนั และไมว่ า่ จะ ใหเ้ ปน็ บตั ร ต๋ัว หรือหลักฐานอื่นใด การ ชำระเงินให้ลว่ งหน้า หรือการคืนเงนิ ให้ในภายหลงั \"ปกตปิ ระเพณีนยิ ม\" หมายความวา่ เทศกาลหรือวันสำคญั ซง่ึ อาจมกี ารให้ของขวัญกนั และให้ หมายความรวมถึงโอกาสในการแสดงความยนิ ดี การแสดง ความขอบคณุ การต้อนรับ การแสดงความ เสียใจ หรอื การให้ความช่วยเหลือตามมารยาท ท่ีถือปฏบิ ัติกนั ในสังคมดว้ ย \"ผู้บงั คับบัญชา\"ใหห้ มายความรวมถึง ผ้ซู งึ่ ปฏบิ ัติหนา้ ทหี่ ัวหนา้ หน่วยงาน ทแ่ี บ่งเป็นการภายใน ของ หนว่ ยงานของรฐั และผซู้ ึ่งดำรงตำแหนง่ ในระดบั ที่สงู กวา่ และไดร้ ับมอบหมายให้มีอำนาจบังคบั บญั ชาหรือกำกบั ดแู ลด้วย \"บุคคลในครอบครัว\"หมายความว่า ค่สู มรส บตุ ร บิดา มารดา พน่ี ้องรว่ มบดิ ามารดาหรือรว่ ม บดิ าหรอื มารดาเดยี วกัน ขอ้ ๔ ระเบยี บน้ไี ม่ใชบ้ งั คบั กบั กรณีการรับทรพั ย์สนิ หรือประโยชนอ์ ื่นใดของเจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ซง่ึ อย่ภู ายใต้บังคับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต ขอ้ ๕ เจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จะให้ของขวัญแก่ผู้บังคับบญั ชาหรอื บคุ คลในครอบครัวของ ผ้บู งั คับบัญชา นอกเหนือจากกรณปี กติประเพณนี ิยมท่มี ีการให้ของขวญั แก่กันมิได้ การให้ของขวญั ตามปกตปิ ระเพณนี ิยมตามวรรคหนงึ่ เจ้าหน้าทข่ี องรฐั จะให้ของขวญั ที่มรี าคา หรือมูลค่าเกนิ จำนวนท่ีคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติกำหนดไว้ สำหรบั การ รับทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ ่ืนใด โดยธรรมจรรยาของเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐตามกฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการปอ้ งกัน และปราบปรามการทจุ ริตมิได้ เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั จะทำการเร่ียไรเงนิ หรอื ทรัพยส์ ินอืน่ ใดหรือใช้เงินสวสั ดกิ ารใด ๆ เพ่อื มอบให้ หรือจดั หาของขวัญให้ผบู้ งั คบั บัญชาหรอื บคุ คลในครอบครัวของผูบ้ งั คบั บัญชาไมว่ า่ กรณีใด ๆ มิได้ ข้อ ๖ ผบู้ งั คับบัญชาจะยนิ ยอมหรอื รเู้ ห็นเปน็ ใจใหบ้ คุ คลในครอบครวั ของตนรับของขวัญจาก เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ซงึ่ เปน็ ผูอ้ ยู่ในบังคบั บญั ชามิได้ เว้นแตเ่ ป็นการรับของขวัญตามข้อ ๕ ข้อ ๗ เจ้าหน้าท่ีของรฐั จะยนิ ยอมหรือรเู้ ห็นเปน็ ใจให้บคุ คลในครอบครวั ของตนรบั ของขวัญ จากผู้ทเี่ ก่ยี วข้องในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ของเจา้ หน้าที่ของรฐั มิได้ ถ้ามใิ ช่เปน็ การรบั ของขวญั ตามกรณีที่ กำหนดไวใ้ น ข้อ ๘ ผ้ทู ่ีเกยี่ วข้องในการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ของเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ตามวรรคหนง่ึ ได้แก่ ผ้มู า ตดิ ต่องานหรือผูซ้ ่งึ ได้รบั ประโยชน์จากการปฏบิ ัตงิ านของเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐ ในลักษณะดังต่อไปน้ี (๑) ผซู้ งึ่ มคี ำขอให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการอย่างหน่ึงอยา่ งใด เชน่ การขอใบรับรอง การ ขอให้ออกคำสง่ั ทางปกครอง หรือการร้องเรียนเป็นต้น (๒) ผซู้ ง่ึ ประกอบธุรกจิ หรอื มีส่วนได้เสียในธุรกิจท่ีทำกบั หนว่ ยงานของรฐั เชน่ การจัดซอื้ จัดจา้ ง หรอื การได้รับสัมปทาน เปน็ ตน้ (๓) ผู้ซึ่งกำลังดำเนินกิจกรรมใด ๆ ท่มี ีหน่วยงานของรัฐเป็นผูค้ วบคุมหรือกำกับดูแล เช่น การ ประกอบกิจการโรงงานหรอื ธุรกิจหลักทรพั ย์ เปน็ ตน้ (๔) ผ้ซู ่งึ อาจไดร้ บั ประโยชนห์ รอื ผลกระทบจากการปฏบิ ตั ิหน้าทห่ี รอื ละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ที่
35 ของเจ้าหน้าทข่ี องรฐั ขอ้ ๘ เจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐจะยินยอมหรือรู้เหน็ เปน็ ใจใหบ้ คุ คลในครอบครัวของตนรบั ของขวัญ จากผทู้ เ่ี ก่ยี วข้องในการปฏิบตั ิหน้าท่ขี องเจา้ หน้าท่ีของรัฐได้เฉพาะกรณี การรับของขวญั ท่ีให้ตามปกติ ประเพณนี ยิ มและของขวญั น้ันมรี าคาหรอื มูลค่าไม่เกนิ จำนวนทีค่ ณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทจุ รติ แหง่ ชาติ กำหนดไว้สำหรบั การรบั ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชน์อ่นื ใดโดยธรรมจรรยาของเจา้ หน้าท่ี ของรฐั ตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต ขอ้ ๙ ในกรณที ่บี คุ คลในครอบครัวของเจา้ หน้าที่ของรัฐรับของขวัญแลว้ เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐทราบ ในภายหลังวา่ เปน็ การรับของขวัญโดยฝ่าฝืนระเบียบน้ี ให้เจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐปฏบิ ตั ติ ามหลักเกณฑ์ท่ี คณะกรรมการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติกำหนดไวส้ ำหรับการรบั ทรัพย์สนิ หรือ ประโยชน์ อ่ืนใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ทม่ี ีราคาหรอื มลู คา่ เกินกวา่ ท่ีกำหนดไว้ ตาม กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ขอ้ ๑๐ ในกรณีท่ีเจา้ หน้าทข่ี องรฐั ผใู้ ดจงใจปฏิบตั ิเกย่ี วกบั การใหข้ องขวญั หรือรับของขวญั โดย ฝา่ ฝืนระเบยี บนี้ ใหด้ ำเนนิ การดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่เจา้ หนา้ ทีข่ องรฐั เป็นขา้ ราชการการเมอื ง ให้ถือวา่ เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ผนู้ ้นั ประพฤติ ปฏิบตั ไิ มเ่ ป็นไปตามคุณธรรมและจริยธรรม และให้ดำเนินการตาม ระเบยี บที่นายกรฐั มนตรีกำหนดโดย ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีวา่ ด้วยมาตรฐานทางคุณธรรมและจรยิ ธรรมของข้าราชการการเมือง (๒) ในกรณที เ่ี จ้าหนา้ ทีข่ องรัฐเปน็ ข้าราชการประเภทอน่ื นอกจาก (๑) หรือพนักงานขององค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น หรอื พนักงานของรัฐวิสาหกิจให้ถือวา่ เจ้าหน้าที่ของรฐั ผู้นน้ั เป็นผูก้ ระทำความผิดทางวนิ ยั และใหผ้ ู้บังคับบัญชามีหนา้ ทดี่ ำเนินการให้มกี าร ลงโทษทางวนิ ยั เจา้ หน้าที่ของรฐั ผู้น้นั ขอ้ ๑๑ ใหส้ ำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรมี หี น้าท่ีสอดส่อง และให้คำแนะนำในการปฏิบตั ิ ตามระเบียบน้ีแกห่ นว่ ยงานของรัฐ ในกรณีท่ีมีผู้ร้องเรียน ต่อสำนกั งานปลัดสำนักนายรัฐมนตรวี ่า เจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ผใู้ ดปฏบิ ัตใิ นการให้ของขวญั หรือรับของขวัญฝา่ ฝืนระเบยี บน้ี ใหส้ ำนกั งานปลดั สำนกั นายกรัฐมนตรีแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ของรฐั ผู้น้ันเพ่อื ดำเนินการตามระเบียบน้ี ขอ้ ๑๒ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการเสรมิ สร้างใหเ้ กิดทัศนคติในการประหยดั แก่ประชาชนท่วั ไปใน การแสดงความยนิ ดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดงการต้อนรบั หรือการแสดงความเสียใจใน โอกาสต่างๆ ตามปกติ ประเพณนี ิยมใหเ้ จา้ หนา้ ที่ของรัฐพยายามใชว้ ธิ ีการแสดงออกโดยใชบ้ ตั รอวยพร การลงนามในสมุดอวยพร หรือใช้บัตรแสดงความเสียใจ แทนการให้ของขวัญ ใหผ้ ้บู งั คบั บัญชามหี นา้ ท่ีเสริมสร้างค่านยิ มการแสดงความยินดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดงการตอ้ นรับ หรือการแสดงความเสยี ใจ ด้วยการปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอยา่ งแนะนำหรือกำหนด มาตรการจูงใจ ทจ่ี ะพัฒนาทัศนคติ จิตสำนึกและพฤติกรรมของผู้อย่ใู นบงั คบั บัญชาให้เป็นไปในแนวทาง ประหยัด
36 ระเบยี บสำนกั นายกรฐั มนตรวี ่าด้วยการเร่ยี ไรของหนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๔ ขอ้ ๔ ในระเบียบนี้ “การเรี่ยไร” หมายความวา่ การเกบ็ เงินหรือทรัพย์สนิ โดยขอร้องใหช้ ่วยออกเงินหรอื ทรพั ยส์ นิ ตามใจสมัคร และให้หมายความรวมถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้หรอื บริการซึง่ มกี ารแสดง โดยตรงหรอื โดยปริยายว่า มิใช่เป็นการซ้อื ขาย แลกเปล่ียน ชดใชห้ รือบรกิ ารธรรมดา แต่เพอื่ รวบรวมเงนิ หรอื ทรพั ย์สินท่ีได้มาท้งั หมดหรอื บางสว่ นไปใช้ในกิจการอย่างใดอยา่ งหนึ่งนัน้ ด้วย “เขา้ ไปมสี ่วนเกีย่ วขอ้ งกับการเรย่ี ไร” หมายความว่า เข้าไปชว่ ยเหลือโดยมีส่วนร่วมในการจดั ใหม้ ี การเรีย่ ไรในฐานะเปน็ ผู้ร่วมจัดใหม้ ีการเรย่ี ไร หรือเป็นประธานกรรมการ อนุกรรมการ คณะทำงาน ทปี่ รึกษาหรือในฐานะอ่ืนใดในการเรี่ยไรนัน้ ข้อ ๖ หน่วยงานของรฐั จะจัดให้มีการเรยี่ ไรหรือเขา้ ไปมสี ่วนเก่ยี วข้องกับการเรย่ี ไรมไิ ด้ เว้นแต่ เป็นการเร่ียไร ตามข้อ ๑๙ หรือได้รบั อนุมตั จิ าก กคร. หรอื กคร. จงั หวดั แล้วแตก่ รณี ท้ังน้ี ตาม หลกั เกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ในระเบยี บนี้ หนว่ ยงานของรัฐซึ่งจะตอ้ งได้รับอนญุ าตในการเร่ียไรตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การควบคมุ การ เรยี่ ไรนอกจากจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายว่าดว้ ยการควบคุมการเร่ยี ไรแล้ว จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ทกี่ ำหนดไว้ ในระเบยี บนดี้ ้วย ในกรณีนี้ กคร. อาจก าหนดแนวทางปฏบิ ัตขิ องหน่วยงานรัฐดังกลา่ วให้ สอดคลอ้ งกับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรย่ี ไรก็ได้ ข้อ ๘ ใหม้ คี ณะกรรมการควบคุมการเรย่ี ไรของหนว่ ยงานของรัฐ เรียกโดยย่อวา่ “กคร.” ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีทน่ี ายกรฐั มนตรีมอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ ผแู้ ทนสำนัก นายกรัฐมนตรี ผแู้ ทนกระทรวงกลาโหม ผ้แู ทนกระทรวงการคลงั ผูแ้ ทนกระทรวงมหาดไทย ผแู้ ทน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ผู้แทน กระทรวงสาธารณสขุ ผแู้ ทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผแู้ ทน สำนกั งานคณะกรรมการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงนิ แผ่นดนิ และผทู้ รงคุณวุฒซิ ึ่งนายกรัฐมนตรแี ต่งต้ังอีก ไมเ่ กินสีค่ นเป็นกรรมการ และผแู้ ทนสำนักงาน ปลดั สำนักนายกรฐั มนตรเี ปน็ กรรมการและเลขานุการ กคร. จะแต่งตง้ั ขา้ ราชการในสำนักงานปลดั สำนักนายกรฐั มนตรีจำนวนไม่เกนิ สองคนเป็น ผูช้ ว่ ยเลขานุการกไ็ ด้ ขอ้ ๑๘ การเร่ียไรหรือเขา้ ไปมสี ่วนเกีย่ วข้องกับการเรยี่ ไรท่ี กคร. หรือ กคร. จงั หวัด แลว้ แต่ กรณี จะพจิ ารณาอนมุ ตั ิให้ตามขอ้ ๖ ได้นั้น จะต้องมีลกั ษณะและวัตถปุ ระสงค์อยา่ งหน่ึงอยา่ งใด ดงั ต่อไปนี้ (๑) เป็นการเรย่ี ไรทห่ี น่วยงานของรัฐเปน็ ผู้ดำเนนิ การเพื่อประโยชน์แก่หนว่ ยงานของรัฐนัน้ เอง (๒) เป็นการเร่ยี ไรท่ีหนว่ ยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการเพ่ือประโยชน์แก่การป้องกนั หรอื พฒั นา ประเทศ (๓) เป็นการเรยี่ ไรท่หี นว่ ยงานของรฐั เป็นผ้ดู ำเนินการเพ่ือสาธารณประโยชน์ (๔) เป็นกรณีทหี่ นว่ ยงานของรฐั เข้าไปมสี ่วนเกย่ี วข้องกบั การเรย่ี ไรของบุคคลหรอื นติ ิบคุ คลท่ี ได้รับอนญุ าตจากคณะกรรมการควบคุมการเร่ยี ไรตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคุมการเรี่ยไรแล้ว ข้อ ๑๙ การเรี่ยไรหรือเขา้ ไปมีส่วนเก่ียวข้องกับการเรีย่ ไรดังต่อไปนี้ใหไ้ ดร้ ับยกเว้นไมต่ ้องขอ อนุมตั ิ จาก กคร. หรือ กคร. จงั หวดั แลว้ แต่กรณี (๑) เปน็ นโยบายเร่งดว่ นของรฐั บาล และมมี ตคิ ระรฐั มนตรีให้เรี่ยไรได้
37 (๒) เปน็ การเร่ียไรที่รฐั บาลหรอื หน่วยงานของรัฐจำเป็นตอ้ งดำเนนิ การ เพอ่ื ชว่ ยเหลือผู้เสียหาย หรือบรรเทาความเสียหายท่ีเกิดจากสาธารณภัยหรือเหตกุ ารณใ์ ดท่สี ำคญั (๓) เปน็ การเรีย่ ไรเพื่อรว่ มกนั ทำบญุ เนื่องในโอกาสการทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน (๔) เป็นการเรีย่ ไรตามขอ้ ๑๘ (๑) หรือ (๓) เพ่ือให้ได้เงนิ หรือทรพั ยส์ ินไมเ่ กนิ จำนวนเงินหรือ มลู คา่ ตามท่ี กคร. กำหนดโดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา (๕) เป็นการเขา้ ไปมสี ว่ นเกีย่ วข้องกบั การเรยี่ ไรตามขอ้ ๑๘ (๔) ซึ่ง กคร. ได้ประกาศในราช กจิ จานุเบกษายกเว้นให้หน่วยงานของรฐั ดำเนนิ การได้โดยไม่ต้องขออนมุ ตั ิ (๖) เปน็ การให้ความรว่ มมอื กับหนว่ ยงานของรัฐอื่นทไ่ี ดร้ ับอนุมตั หิ รือไดร้ บั ยกเวน้ ในการขอ อนมุ ัตติ ามระเบียบนี้แล้ว ขอ้ ๒๐ ในกรณีท่หี นว่ ยงานของรัฐไดร้ บั อนุมัตหิ รือได้รบั ยกเว้นตามขอ้ ๑๙ ให้จดั ให้มีการ เรีย่ ไรหรอื เข้าไปมสี ่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไร ใหห้ น่วยงานของรฐั ดำเนินการดงั ต่อไปน้ี (๑) ใหก้ ระทำการเรี่ยไรเปน็ การทวั่ ไป โดยประกาศหรอื เผยแพร่ตอ่ สาธารณชน (๒) กำหนดสถานทีห่ รือวธิ ีการทจ่ี ะรับเงินหรือทรัพย์สนิ จากการเรยี่ ไร (๓) ออกใบเสรจ็ หรือหลกั ฐานการรับเงนิ หรอื ทรัพยส์ ินใหแ้ กผ่ ้บู รจิ าคทกุ ครัง้ เวน้ แต่โดย ลกั ษณะแห่งการเรี่ยไรไมส่ ามารถออกใบเสร็จหรอื หลักฐานดังกล่าวได้ ก็ให้จดั ทำเปน็ บัญชีการรับเงนิ หรือทรัพย์สินน้ันไว้ เพอ่ื ให้สามารถตรวจสอบได้ (๔) จัดทำบญั ชีการรบั จ่ายหรือทรัพยส์ นิ ทไ่ี ด้จากการเร่ยี ไรตามระบบบัญชขี องทางราชการ ภายใน เกา้ สบิ วันนับแตว่ นั ทส่ี น้ิ สุดการเร่ียไร หรือทุกสามเดือน ในกรณีทเ่ี ป็นการเรยี่ ไรท่ีกระทำอย่าง ต่อเน่อื งและปดิ ประกาศเปดิ เผย ณ ทท่ี ำการของหน่วยงานของรฐั ที่ไดท้ ำการเรยี่ ไรไม่น้อยกว่าสามสิบ วันเพ่อื ใหบ้ ุคคลทัว่ ไป ได้ทราบและจัดใหม้ ี เอกสารเกีย่ วกับการดำเนินการเรีย่ ไรดงั กล่าวไว้ ณ สถานที่ สำหรับประชาชนสามารถใช้ในการคน้ หาและศึกษาข้อมูลข่าวสารของราชการดว้ ย (๕) รายงานการเงินของการเร่ียไรพรอ้ มท้ังส่งบัญชตี าม (๔) ให้สำนักงานการตรวจเงินแผน่ ดนิ ภายในสามสิบวันนบั แต่วันทไ่ี ด้จัดทำบญั ชตี าม (๔) แล้วเสร็จ หรือในกรณีทีเ่ ป็นการเร่ยี ไรทไ่ี ด้กระทำ อยา่ ง ตอ่ เนอื่ ง ใหร้ ายงานการเงนิ พร้อมทัง้ ส่งบัญชีดงั กลา่ วทุกสามเดือน ขอ้ ๒๑ ในการเร่ียไรหรอื เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรยี่ ไร หา้ มมิให้หน่วยงานของรัฐ ดำเนินการดงั ต่อไปน้ี (๑) กำหนดประโยชนท์ ีผ่ ้บู ริจาคหรือบุคคลอืน่ จะได้รับซึ่งมิใชป่ ระโยชนท์ ห่ี นว่ ยงาน ของรฐั ไดป้ ระกาศไว้ (๒) กำหนดใหผ้ ูบ้ ริจาคตอ้ งบรจิ าคเงนิ หรอื ทรัพยส์ นิ เป็นจำนวนหรือมูลคา่ ที่แน่นอน เว้นแต่ โดยสภาพมคี วามจำเป็นตอ้ งกำหนดเปน็ จำนวนเงนิ ทแ่ี นน่ อน เช่น การจำหนา่ ยบัตรเข้าชมการ แสดงหรอื บตั รเข้ารว่ มการแข่งขนั เป็นต้น (๓) กระทำการใด ๆ ท่เี ปน็ การบังคับให้บุคคลใดทำการเร่ยี ไรหรือบริจาค หรือกระทำ การในลกั ษณะทที่ ำให้บคุ คลน้ันต้องตกอยใู่ นภาวะจำยอมไม่สามารถปฏเิ สธหรือหลกี เลี่ยงทีจ่ ะไมช่ ่วยทำ การเรยี่ ไรหรอื บริจาคไมว่ า่ โดยทางตรงหรือทางอ้อม (๔) ให้เจ้าหน้าทขี่ องรฐั ออกทำการเรี่ยไร หรือใช้ ส่งั ขอร้อง หรือบงั คับให้ ผใู้ ต้บงั คับบัญชาหรือบุคคล อ่ืนออกทำการเร่ยี ไร ขอ้ ๒๒ เจา้ หน้าทขี่ องรฐั ที่เขา้ ไปมสี ว่ นเกี่ยวขอ้ งกับการเร่ยี ไรของบคุ คลหรือนิติบคุ คลท่ีได้รบั อนญุ าตจากคณะกรรมการควบคมุ การเรยี่ ไรตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรยี่ ไรซ่งึ มิใชห่ น่วยงาน
38 ของรัฐจะต้องไม่กระทำการดังตอ่ ไปน้ี (๑) ใช้หรอื แสดงตำแหน่งหนา้ ทีใ่ ห้ปรากฏในการดำเนินการเรี่ยไรไมว่ ่าจะเปน็ การ โฆษณาดว้ ยสง่ิ พิมพ์ตามกฎหมายว่าดว้ ยการพิมพห์ รือสอ่ื อย่างอน่ื หรือดว้ ยวธิ ีการอนื่ ใด (๒) ใช้ ส่งั ขอร้อง หรือบังคับให้ผู้ใต้บงั คับบัญชา หรือบคุ คลใดช่วยทำการเรี่ยไรให้ หรือกระทำใน ลักษณะที่ทำให้ผู้ใต้บงั คับบญั ชาหรอื บุคคลอ่นื น้ันตอ้ งตกอยูใ่ นภาวะจำยอมไมส่ ามารถ ปฏเิ สธหรือหลีกเลี่ยงที่จะไมช่ ว่ ยทำการเรี่ยไรให้ได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม
39 แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ ๑ ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ เร่อื ง ระบบคดิ ฐาน ๒ เวลา ๒ ชวั่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๑.๓ ตระหนกั และเห็นความสำคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทุจรติ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ ๒.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับระบบการคดิ ฐาน ๒ ๒.๒ สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้โดยใชร้ ะบบการ คิดฐาน ๒ ๒.๓ ตระหนักและเห็นความสำคัญของการต่อตา้ นและป้องกนั การทุจรติ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ ระบบคดิ “ฐาน๒( Digital)” เปนระบบการคดิ วเิ คราะหขอมลู ทีส่ ามารถเลอื กไดเ้ พียง ๒ ทาง เทา่ น้ันคือ ๐ (ศูนย์ กบั ๑ (หนึ่ง) และอาจหมายถึงโอกาส ท่ีจะเลอื กได้เพยี ง ๒ ทาง เช่น ใช่ กับ ไมใช่ , จริง กับ เท็จ, ทำได้ กับ ทำไมไ่ ด,้ ประโยชนส์ ่วนตน กับ ประโยชนส่วนรวม เป็นต้น ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กิด) ๑) ความสามารถในการส่ือสาร (ทกั ษะการอ่าน ทกั ษะการฟัง ทกั ษะการพดู ทักษะการเขียน) ๒) ความสามารถในการคดิ (ทักษะการวเิ คราะห์ ทกั ษะการจัดกลุ่ม ทกั ษะการสรปุ ) ๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ๒) ซอื่ สัตย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณ์ในสิ่งทีด่ งี ามเพอื่ ส่วนรวม ๓) ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศึกษาเล่าเรียนท้งั ทางตรง และทางอ้อม ๔) มศี ลี ธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี อ่ ผู้อนื่ เผื่อแผแ่ ละแบ่งปัน ๕) มีระเบียบวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผนู้ ้อยร้จู ักการเคารพผ้ใู หญ่ ๖) มีความเขม้ แข่งทัง้ รา่ งกายและจิตใจไม่ยอมแพต้ ่ออำนาจฝา่ ยต่างๆ หรอื กิเลส มี ความละอายเกรงกลัวตอ่ บาปตามหลกั ของศาสนา ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ (วิธสี อนโดยการจัดการเรียนรแู้ บบ แสดงบทบาทสมมุติ) (Role Playing) ๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้ ๑) ชว่ั โมงท่ี ๑ ขนั้ ที่ ๑ ขั้นอุ่นเคร่ือง ๑. แจง้ วตั ถปุ ระสงค์ และรปู แบบกิจกรรมทีจ่ ะใหน้ กั เรียนปฏบิ ัติการเรยี นการสอนโดยแสดง
40 บทบาทสมมุติ การกระทำท่เี กิดจากการคดิ ระบบฐาน ๒. แบ่งกลุ่มนกั เรียนเป็น ๕ กลมุ่ ๓. ศึกษาใบความรู้เรอ่ื งระบบคิดฐานสอง ๔. แต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรุปลงกระดาษชาร์ทพร้อมนำเสนอหน้าชัน้ เรยี น ขัน้ ที่ ๒ ขั้นคัดเลือกผ้แู สดง ๑ แต่ละกลุ่มรว่ มกนั กำหนดบทบาทการแสดงให้สอดคล้องกับใบความรู้ทนี่ ักเรียนไดศ้ ึกษา ตามหัวขอ้ ต่อไปน้โี ดยการจบั ฉลาก การนำวัสดคุ รภุ ัณฑ์หลวงมาใช้ส่วนตวั การรับของขวัญจากผู้มาติดต่อราชการ การใชโ้ ทรศพั ท์หลวงในเรือ่ งส่วนตัว การนำอปุ กรณ์ไฟฟ้ามาชาร์ตทที่ ำงาน การใชน้ ้ำประปาหลวงมาลา้ งรถยนต์ส่วนตวั ๒. ร่วมกนั เขียนบทละคร ๓. แตล่ ะกลมุ่ คัดเลือกสมาชิกเพ่ือรบั บทบาทการแสดงตามความชอบและถนดั ๔. ซักซอ้ มการแสดงตามที่ได้ตกลงกันไว้ ขนั้ ท่ี ๓ ขัน้ จัดฉาก ๕. ออกแบบและจัดฉากตามที่ได้ตกลงและออกแบบ ๖. ครกู ำกบั ติดตามดแู ลและแนะนำการออกแบบจัดฉากใหอ้ ยใู่ นความเหมาะสมพอเพยี ง และสอดคลอ้ งกับเนื้อเร่ืองท่ีแตล่ ะกลมุ่ กำหนดจากการจบั ฉลาก ขน้ั ท่ี ๔ ขน้ั เตรยี มผูส้ ังเกตการณ์ ๑๑. ครูอธบิ ายและช้ีแจงนักเรียนแต่ละกลุ่มถึงประเด็นในการสื่อสารผา่ นบทบาทสมมุติ ๒) ชว่ั โมงท่ี ๒ ขน้ั ท่ี ๕ ขั้นแสดงและตัดสินการแสดง ๑. แสดงบทบาทสมมุติจนครบทุกกล่มุ ขน้ั ที่ ๖ ขน้ั อภปิ รายและประเมินผล ๒. ร่วมกันอภิปรายประเดน็ จากเรื่องท่ีได้รับชมการแสดงทัง้ เห็นดว้ ยและไม่เหน็ ด้วยใน พฤติกรรมของผู้แสดง ข้ันท่ี ๗ ขัน้ แลกเปลยี่ นประสบการณ์และสรุป ๓. รว่ มกนั อภิปราย แลกเปลย่ี นประสบการณ์ของแต่ละคนในชวี ติ จรงิ เพอื่ ใหผ้ นู้ กั เรยี นมี แนวคดิ ทกี่ ว้างขวางมากข้นึ ๔. ร่วมกันสรปุ องคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการเรียน เปน็ ผังมโนทศั น์ ๕. ทำแบบทดสอบหลังเรยี น ข้นั ที่ ๘ ขน้ั สรปุ อา้ งอิง ๖. มอบหมายให้นักเรยี นคิดเพิ่มเติมเกย่ี วกับบทบาทของแตล่ ะคนในสถานการณ์ใหม่ที่ ใกลเ้ คยี งกบั เรอื่ งทไ่ี ดเ้ รยี นไปแลว้ เพอื่ จะนำไปสู่การตดั สินใจท่จี ะปรับปรงุ พฤติกรรมทีเ่ หมาะสมในการ ปฏบิ ัติตน ๗. รว่ มกนั ตัง้ ปณิธานในการป้องการการทุจริตใหห้ มดไปจากสงั คมไทย ๔.๒ สอ่ื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้
41 ๑) สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. ใบความรู้ เรื่องระบบคดิ ฐาน ๒ ๒. ใบงาน เร่ืองระบบคดิ ฐานสอง ๓. แบบทดสอบ ๔. วีดที ศั น์ เรอื่ ง แก้ทจุ ริต คดิ ฐานสอง ๕. เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ที่เช่อื มตอ่ ระบบอนิ เตอร์เนต็ ๒) แหล่งเรียนรู้ ๑. หอ้ งสมดุ โรงเรยี น ๒. แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ http://web.uprightschool.net/ https://www.nacc.go.th/more_news.php?cid=๕๙๒ https://youtu.be/FEfrARhWnGc ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑) ประเมินชน้ิ งาน/การนำเสนองาน ๒) สังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ๓) สงั เกตคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๔) ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ ๕.๒ เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/การนำเสนองาน ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ๓) สงั เกตคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๔) ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน ๑) แบบประเมินชน้ิ งาน/การนำเสนอผลงาน ๑. นักเรยี นต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ ใน ระดบั ดขี น้ึ ไป ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล ๒. นักเรยี นตอ้ งผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ใน ระดับดีข้ึนไป ๓) แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓. นักเรียนต้องผา่ นเกณฑ์การประเมิน ใน ระดับดขี ึน้ ไป ๔) แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ ๔. นกั เรยี นตอ้ งผา่ นเกณฑ์การประเมิน ใน ระดับดขี ึ้นไป ๖. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... ................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ............................... ลงช่ือ........................................ครูผสู้ อน (..................................................)
42 ๗. ความคิดเหน็ ผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................ ........................................................ .. ............................................................................................................................. ................................ ลงช่ือ.....................................ผู้บริหาร (นายจรญั วารนิ ทร์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบา้ นบวั ถนน ๘.ภาคผนวก - ใบความรู้ เรอื่ ง ระบบคิดฐานสอง (Digital) - ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง ระบบคดิ ฐานสอง (Digital) - แบบประเมินชนิ้ งานและการนำเสนอผลงาน เรอ่ื ง ระบบคิดฐานสอง - แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานของนักเรยี นเป็นรายบุคคล - แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของนักเรยี น - แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ “ระบบการคิดฐาน ๒”
43 ใบความรู้ เรื่อง ระบบคิดฐานสอง (Digital) ความหมาย ระบบคดิ “ฐานสอง(Digital)” เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ ข้อมลู ทีส่ ามารถ เลอื กได้เพยี ง ๒ ทางเท่านน้ั คอื ๐ (ศูนย์ กับ ๑ (หนงึ่ ) และอาจหมายถงึ โอกาส ทจี่ ะเลือกได้เพียง ๒ ทาง เช่น ใช่ กับ ไม่ใช่, จรงิ กับ เท็จ, ทำได้ กับ ทำไม่ได,้ ประโยชนส์ ว่ นตน กบั ประโยชน์ ส่วนรวม เป็นต้น จงึ เหมาะกับการนำมาเปรียบเทียบกับการปฏิบตั งิ าน ของเจ้าหน้าที่ของ รัฐท่ีต้องสามารถแยก เรอ่ื งตำแหน่ง หน้าทกี่ ับเรื่องส่วนตวั ออกจากกันได้ อย่ง เด็ดขาด และไม่ กระทำการที่ เป็นการขดั กัน ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม “การปฏบิ ัตงิ านแบบใช้ระบบคิดฐานสอง (Digital)” คือ การท่เี จ้าหน้าทข่ี องรฐั มรี ะบบการคดิ ทส่ี ามารถแยกเรื่องตำแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วน บุคคลออกจากกนั ได้อย่างชัดเจน ว่าสิ่งไหนถกู ส่งิ ไหนผิด สง่ิ ไหนทำได้สงิ่ ไหนทำไม่ได้ ส่ิงไหนคอื ประโยชน์ส่วนบคุ คลสง่ิ ไหน คือประโยชน์ส่วนรวม ไม่นำมาปะปนกัน ไมน่ ำบุคลากรหรอื ทรัพยสนิ ของ ราชการมาใช้เพ่ือ ประโยชน์ส่วนบุคคล ไมเ่ บียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมหรือของหน่วยงาน เหนือกว่ ประโยชน์ของส่วนบคุ คล เครือญาติ และพวกพ้อง ไมแ่ สวงหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ ราชการ ไม่รับทรัพย์สินหรอื ประโยชน์อื่นใดจากการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี กรณีเกดิ การขดั กนั ระหว่างประโยชน์ ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กจ็ ะยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
44 ใบงานที่ ๑ เรื่อง ระบบคิดฐานสอง (Digital) คำส่งั ใหน้ ักเรยี นเตรียมแสดงบทบาทสมมตุ ิจากประเดน็ ดังตอ่ ไปน้ี ๑) การรบั ของขวัญจากผู้มาตดิ ต่อราชการ ๒) การใช้โทรศัพทห์ ลวงในเรื่องสว่ นตวั ๓) การนำอปุ กรณ์ไฟฟ้าส่วนตวั มาชาร์ตท่ีทำงาน ๔) การนำน้ำประปาหลวงมาลา้ งรถยนตส์ ่วนตัว ๕) การนำวสั ดุครุภัณฑ์หลวงมาใชส้ ่วนตวั เรอ่ื ง ......................................................................................................................................................... รายชือ่ นักแสดงและบทบาทที่ไดร้ บั ............................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................... ........................................ วาดรูปฉากประกอบการแสดงพร้อมเตรียมจัดสถานท่ีแสดง เนือ้ เร่ือง ............................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................... ....................................... อภปิ รายสรปุ ผล .................................................................................................................................................. ........... ....................................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................... ........................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314