Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรทุจริต ป.2

หลักสูตรทุจริต ป.2

Published by charunwarin.321, 2023-06-04 00:50:26

Description: หลักสูตรทุจริต ป.2

Search

Read the Text Version

หลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) และแผนการจดั การเรยี นรู้ “การป้องกนั การทุจรติ ” หลักสตู รการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๒ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๖ โรงเรยี นบา้ นบวั ถนน สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาบุรีรมั ย์ เขต ๒ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ก ประกาศโรงเรยี นบ้านบัวถนน เร่อื ง ให้ใช้หลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา Anti-Corruption Education ในสถานศกึ ษา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ----------------------------------------------------------- ยุทธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ -๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตร์ ท่ี ๑ “สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจรติ ” ได้มุ่งเน้นให้ความสำคญั ในกระบวนการปรับสภาพ สังคมให้เกิดภาวะท่ี “ไมท่ นต่อการทจุ รติ ” โดยเร่มิ ตง้ั แต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสงั คมในทกุ ระดบั ชว่ ง วยั ตั้งแต่ปฐมวยั เพ่ือสรา้ งวัฒนธรรมตอ่ ต้านการทุจริต และปลกู ฝงั ความพอเพียง มวี ินยั ซ่ือสัตย์สจุ รติ ยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมมากกวา่ ประโยชน์สว่ นตน เปน็ การดำเนินการผ่านสถาบนั หรอื กลุม่ ตัวแทนที่ทำหน้าท่ี ในการกล่อมเกลาสงั คมใหม้ คี วามเป็นพลเมืองทด่ี ี มีจิตสาธารณะ เสยี สละเพอ่ื สว่ นรวมและเสรมิ สร้างให้ ทกุ ภาคสว่ นมีพฤตกิ รรมท่ีไมย่ อมรับและต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มี คำส่งั ที่ ๖๔๖/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ แต่งต้ังคณะอนกุ รรมการจดั ทำหลกั สูตร หรอื ชุดการ เรยี นรูแ้ ละสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั การทจุ ริต เพือ่ ดำเนนิ การจดั ทำหลักสูตรหรือชุดการ เรียนรแู้ ละส่อื ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทุจริต นำไปใช้ในการเรยี นการสอนให้กับนกั เรียน นักศกึ ษาในทุกระดับชนั้ เรยี นท้งั ในสว่ นของการศึกษาต้งั แต่ระดบั ปฐมวยั อนบุ าล ประถมศึกษา มธั ยมศึกษา และอดุ มศึกษา ทงั้ ภาครัฐและเอกชน รวมท้ังอาชวี ศึกษาและการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัย นอกจากนี้ ยังรวมถึงสถาบันการศึกษาอน่ื ท่ีเกีย่ วข้อง เพ่ือให้ครอบคลุม กลุ่มเป้าหมายทีเ่ ก่ียวข้องกับการศกึ ษาท้ังระบบ รวมท้งั บคุ ลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมท้ังภาค ประชาชน เพอื่ เป็นการปลูกฝังจติ สานกึ ในการแยกแยะประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ว่ นรวม จติ พอเพียงต้านทุจรติ และสร้างพฤติกรรมที่ไม่ยอมรบั และไม่ทนต่อการทุจรติ โรงเรียนบ้านบัวถนน จงึ ไดจ้ ัดทำหลกั สูตรหลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา Anti-Corruption Education ในสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ขน้ึ คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและคณะกรรมการ สถานศึกษาขัน้ พื้นฐานโรงเรยี นได้ตรวจสอบผ้เู รยี นสามารถนำไปใชใ้ นการดำรงชีวิตประจำวันอยา่ งมี คณุ คา่ ต่อสงั คม จงึ เห็นสมควรแล้ววา่ มีความเหมาะสม สอดคลอ้ งกับนโยบายขา้ งตน้ จงึ อนุญาตให้ใช้ หลักสูตรได้

ข ทั้งนห้ี ลักสตู รโรงเรยี นไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน เม่ือวนั ท่ี ๑ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๖ จงึ ประกาศให้ใชใ้ ชห้ ลกั สตู รต้านทจุ รติ ศึกษา Anti-Corruption Education ในสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๖ ตั้งแตบ่ ัดน้ีเปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงช่อื ........................................ ลงช่อื .............................. (นายพิน สุบนิ รมั ย)์ (นายจรญั วารินทร์) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านบวั ถนน

ค คำนำ ยทุ ธศาสตร์ชาตวิ า่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ได้กำหนดยุทธศาสตร์ท่ี ๑ สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทจุ รติ อนั มกี ลยุทธว์ ่าด้วยเรื่องของการปรับฐาน ความคดิ ทุกช่วงวัยตงั้ แต่ปฐมวยั ให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม ส่งเสรมิ ให้มีระบบและกระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมเพื่อตา้ นทจุ ริต ประยุกต์หลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นเคร่ืองมือต้านทุจริต เสริมพลงั การมีสว่ นร่วมของชุมชน (Community) และบูรณา การทุกภาคส่วนเพอ่ื ต่อต้านการทจุ ริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงไดม้ ีคำส่ังแตง่ ตง้ั คณะอนุกรรมการจัดทำหลกั สูตรหรอื ชุดการเรียนรู้และสอื่ ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการป้องกันการทุจรติ ข้ึน เพ่ือศึกษา วเิ คราะห์ และรวบรวมข้อมลู กำหนด แนวทางและขอบเขตในการจัดทำหลกั สูตร ยกรา่ งและจัดทำเน้อื หาหลักสตู รหรือชดุ การเรียนร้แู ละส่อื ประกอบการเรยี นรู้ พิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติม กำหนดแผนหรอื แนวทางการนำหลักสตู รไปใช้ใน หน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง และดำเนินการอน่ื ๆ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนกุ รรมการจัดทำหลกั สูตรหรือชุดการเรยี นรแู้ ละสือ่ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกนั การทุจริตได้รว่ มกันสร้างหลักสตู รต้านทจุ รติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ดงั นี้ ๑. หลกั สูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน (รายวชิ าเพิม่ เติม การปอ้ งกนั การทุจรติ ) ๒. หลกั สตู ร อุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลกั สูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตำรวจ ๔. หลกั สูตรสรา้ งวทิ ยากรผนู้ ำการเปล่ียนแปลงสูส่ ังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ ริต และ ๕. หลกั สตู รโคช้ เพอ่ื การรู้คิดตา้ นทุจรติ หลกั สตู รดงั กลา่ วไดผ้ ่านกระบวนการนำไปทดลองใช้ เพ่อื ปรบั ปรุงให้ มีประสิทธิภาพ สำหรับการใชใ้ นกล่มุ เป้าหมายตอ่ ไป นอกจากน้ี คณะอนุกรรมการจดั ทำหลกั สตู รหรือชดุ การเรียนรแู้ ละส่ือประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกนั การทจุ รติ ยงั ได้คดั เลอื กสอ่ื การเรียนรู้ จากแหลง่ ต่างๆ ทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ เพือ่ ประกอบการเรียนการสอนต่อไป โรงเรียนบ้านบวั ถนน จงึ จดั ทำหลกั สตู รต้านทุจรติ ศึกษา (Anti-Corruption Education) เพ่อื สรา้ งความรคู้ วามเข้าใจและทักษะให้แกผ่ เู้ รยี นในเรอ่ื งการคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต STRONG : จติ พอเพียงต้านทจุ รติ และ พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม เพ่อื ร่วมกนั ป้องกนั หรือต่อต้านการทุจริต มิใหม้ ีการทจุ รติ เกดิ ข้ึนใน สงั คมไทย ร่วมสร้างสังคมไทยทีไ่ ม่ทนตอ่ การทจุ ริตต่อไป โรงเรียนบา้ นบวั ถนน

สารบญั หน้า ประกาศโรงเรียน……………………………………………………………………………………................……….................ก คำนำ…………………………………………………………………………………….................…………………………..............ข สารบญั ................................................................………...............................................................................ค หลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษา…………………………………….................…………………………………………...........…....๑ รายละเอียดของหลักสูตรตา้ นทจุ ริตศกึ ษา……………………………………….................…………………….............๒ หลักสตู รการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน..…………………………………………………………………….................……...............๓ ชอ่ื หลักสตู ร..................……………………………………………………………………………………...…..........................๓ จดุ มงุ่ หมายของรายวชิ า……………………………………………………………………………………...….........................๓ คำอธิบายรายวิชา………………………………………………………………………………………………….........................๔ ผลการเรยี นรู้………………………………………………………………………………………………………..........................๔ โครงสรา้ งรายวิชา…………………………………………………………………………………….……………........................๔ กจิ กรรมการเรียนรู้…………………………………………………………………………………………….….........................๕ สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้………………………………………………………………………………...........................๕ การวัดและประเมินผล…………………………………………………………………………………………...........................๖ ตารางชั่วโมงการจดั การเรยี นการสอน……………………………………………………………………...........................๖ แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยที่ ๑………………………………………………………………………………………...................................๗ หน่วยท่ี ๑-๘………………………………………………………………………………..................๘-๗๑ หนว่ ยท่ี ๒……………………………………………………………………………………….................................๗๒ หน่วยท่ี ๑-๕………………..............……………………………………………………………..๗๓-๑๑๐ หน่วยท่ี ๓………………………………………………………………………………………..............................๑๑๑ หน่วยที่ ๑-๔…………………………..............……………………………………………… ๑๑๒-๑๔๔ หน่วยท่ี ๔………………………………………………………………………………………..............................๑๔๕ หนว่ ยท่ี ๑-๖…………..............…………………………………………………………….....๑๔๖-๑๙๕ ภาคผนวก………………………………………………………………………………………............................................๑๙๖ เอกสารอ้างองิ ………………………………………………………………………………………......................................๑๙๗ คำสงั่ โรงเรยี น………………………………………………………………………………………......................................๑๙๘

1 หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา (Anti-Corruption Education) ยุทธศาสตร์ชาตวิ ่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตร์ ท่ี ๑ “สร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทจุ ริต” ได้มุ่งเนน้ ใหค้ วามสำคญั ใน กระบวนการปรับสภาพสังคมให้เกิดภาวะท่ี “ไม่ทนตอ่ การทุจรติ ” โดยเริ่มตงั้ แต่กระบวนการกลอ่ ม เกลาทางสงั คมในทุกระดับชว่ งวยั ตัง้ แต่ปฐมวยั เพอ่ื สร้างวัฒนธรรมตอ่ ต้านการทุจรติ และปลูกฝงั ความพอเพียง มีวนิ ัย ซอื่ สตั ย์สุจริตยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมมากกว่าประโยชน์สว่ นตน เปน็ การ ดำเนินการผา่ นสถาบันหรือกลมุ่ ตัวแทนท่ีทำหน้าที่ในการกลอ่ มเกลาสงั คมให้มคี วามเป็นพลเมอื งท่ี ดี มีจติ สาธารณะ เสียสละเพ่อื สว่ นรวมและเสริมสรา้ งใหท้ กุ ภาคส่วนมีพฤติกรรมท่ีไม่ยอมรบั และ ต่อต้านการทจุ ริตในทกุ รูปแบบและได้กำหนดกลยุทธ์ ๔ กลยทุ ธ์ กลา่ วคือ กลยทุ ธท์ ี่ ๑ ปรบั ฐาน ความคดิ ทุกชว่ งวยั ต้งั แต่ปฐมวัยใหส้ ามารถแยกระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชน์ สว่ นรวม กลยทุ ธท์ ่ี ๒ ส่งเสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อตา้ นทุจริต กล ยทุ ธ์ท่ี ๓ ประยกุ ต์หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นเคร่ืองมือตา้ นทุจริต และกลยทุ ธท์ ี่ ๔ เสรมิ พลงั การมีสว่ นรว่ มของชุมชน(Community)และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อตา้ นการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ ได้มีคาสั่งท่ี ๖๔๖/๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ แต่งตงั้ คณะอนกุ รรมการจัดทำหลักสูตร หรือชดุ การเรียนรแู้ ละส่ือประกอบการเรยี นรู้ ด้านการปอ้ งกนั การ ทุจริตซ่ึงประกอบดว้ ยผู้ทรงคุณวุฒิหรือผ้เู ชยี่ วชาญจากหนว่ ยงานด้านการศึกษา และหน่วยงานท่ี เกยี่ วข้องในการจัดทำหลกั สูตรการเรยี นการสอน จากท้งั ภายในและภายนอกหน่วยงาน รวมท้ัง ผทู้ รงคุณวุฒจิ ากองค์กรภาคเอกชนเพื่อดำเนินการจัดทำหลกั สูตรหรือชดุ การเรียนรู้และส่ือ ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการปอ้ งกันการทจุ รติ นำไปใช้ในการเรียนการสอนให้กบั นักเรียน นักศกึ ษาในทุกระดบั ช้นั เรียนทัง้ ในส่วนของการศึกษาตัง้ แต่ระดับปฐมวยั อนบุ าล ประถมศึกษา มธั ยมศึกษา และอดุ มศึกษา ท้งั ภาครฐั และเอกชน รวมทัง้ อาชีวศึกษาและการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัย นอกจากนี้ ยงั รวมถงึ สถาบนั การศกึ ษาอื่นที่เกี่ยวข้อง เชน่ สถาบันการศึกษาในสังกดั สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันการศึกษาทางทหาร เป็นตน้ เพื่อให้ ครอบคลุมกลุ่มเปา้ หมายท่ีเก่ียวขอ้ งกับการศึกษาทั้งระบบ รวมทัง้ บคุ ลากรภาครัฐและรฐั วิสาหกิจ รวมท้งั ภาคประชาชน เพื่อเป็นการปลูกฝงั จิตสานึกในการแยกแยะประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชน์ ส่วนรวมจิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต และสร้างพฤติกรรมทไ่ี ม่ยอมรับและไมท่ นต่อการทุจรติ เพ่ือเป็นการป้องกันการทุจรติ โดยเริ่มปลูกฝังนักเรียนต้ังแต่ปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาปี ท่ี ๖ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จึงจัดทำรายวิชาเพ่ิมเติม “การป้องกันการ ทุจริต” ให้สถานศึกษาทุกแห่งนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรม ต่อต้านการทุจริตให้แก่นักเรียนสร้างความตระหนักให้นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวท่ีจะไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการ ทุจริตทุกรปู แบบ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน ในฐานะองค์กรรบั ผดิ ชอบการจัดการศึกษา ใหแ้ กน่ ักเรียน ต้ังแตร่ ะดบั ปฐมวัย จนถึงช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ จึงได้จดั ทำรายวชิ าเพม่ิ เติม “การ ปอ้ งกันการทุจริต”ประกอบด้วย เน้อื หา ๔ หน่วยการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ ๑) การคิดแยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒) ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ ๓) STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ และ ๔) พลเมืองและ ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ซง่ึ ทัง้ ๔ หน่วยนี้ จะจัดทำเป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ ตงั้ แต่ชนั้ ปฐมวัย จนถึง ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ เพื่อให้สถานศึกษาทกุ แหง่ นำไปใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน เพือ่ ปลกู ฝังและป้องกนั การ ทจุ ริต

2 ให้แก่นกั เรียนทกุ ระดับ ทง้ั นี้ เป็นการสร้างพลเมอื งทซี่ ื่อสัตย์สุจริตใหแ้ ก่ประเทศชาติ ปัญหาคอรับ ชนั ลดลง และดชั นภี าพลกั ษณ์คอรบั ชนั ของประเทศไทย มีคา่ คะแนนสงู ข้นึ บรรลุตามเป้าประสงค์ ของยุทธศาสตรช์ าตวิ ่าดว้ ย การปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตระยะที่ ๓ (พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) โรงเรยี นบา้ นบัวถนน หวังเปน็ อยา่ งยิง่ วา่ หลักสตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา : Anti-Corruption Education จะสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจและทกั ษะใหแ้ กผ่ เู้ รียนในเร่ืองการคดิ แยกแยะระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทุจริต และพลเมือง กบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม เพื่อรว่ มกนั ป้องกนั หรือตอ่ ต้าน การทจุ รติ มิให้มกี ารทุจรติ เกิดข้นึ ในสงั คมไทย รว่ มสรา้ งสังคมไทยท่ีไมท่ นตอ่ การทุจรติ ตอ่ ไป รายละเอียดของหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา (Anti-Corruption Education) กรอบการจดั ทำหลักสตู รหรือชดุ การเรยี นรู้และสอื่ ประกอบการเรยี นรู้ ดา้ นการป้องกนั การทจุ รติ โดยที่ประชุม ได้เห็นชอบรว่ มกนั ในการจดั ทำหลักสูตรหรอื ชุดการเรยี นรแู้ ละส่ือ ประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกันการทุจริต หวั ข้อวิชา ๔ วชิ า ประกอบด้วย ๑) การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๓) STRONG : จิตพอเพยี งตา้ นทุจรติ ๔) พลเมอื งและความรับผิดชอบตอ่ สังคม เนอื้ หาหลกั สูตรหรอื ชุดการเรียนรู้ ดา้ นการปอ้ งกันการทุจริต โดยไดแ้ บ่งกลุ่มตามการ เรยี นการสอนในแต่ละชว่ งชน้ั และการฝกึ อบรมในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เป็น ๕ กล่มุ ดังนี้ กลุ่ม ๑ หลกั สตู รการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน (ระดับปฐมวัย และป.๑-ม.๖) มชี ือ่ หลักสูตรวา่ “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต กลมุ่ ๒ หลักสูตรอุดมศึกษา มชี ่อื หลักสตู ร “วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart” กล่มุ ๓ หลักสูตรกลุ่มทหารและตำรวจ มีช่อื หลักสูตร “หลักสตู รตามแนวทางรับราชการ กลมุ่ ทหารและตำรวจ” กลุม่ ๔ หลกั สตู รวิทยากร มชี ่ือหลกั สตู ร “สร้างวิทยากรผนู้ ำการเปล่ยี นแปลงสสู่ งั คมที่ไม่ ทนตอ่ การทุจริต” กลมุ่ ๕ หลกั สตู รโค้ช มีชือ่ หลักสตู ร “โค้ชเพ่อื การรคู้ ิดต้านทจุ ริต” หลกั สูตรการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ดำเนินการจัดทำเปน็ แผนการจดั การเรียนร้โู ดยแยกเปน็ ๑๓ ระดับช้ันปี ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดบั ประถมศึกษาชนั้ ปีที่ ๑ - ๖ และระดับมัธยมศึกษาช้ันปีท่ี ๑ - ๖ ในแต่ละระดบั ชั้นปี จะใชเ้ วลาเรียนท้ังปี จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง ต้องจัดทำเน้อื หาและกิจกรรม การเรยี นการสอนให้แตกต่างกนั ตามความเหมาะสมและการเรยี นรู้ในแตล่ ะช่วงวยั หลักสูตรการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ชอื่ หลักสตู ร “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทจุ ริต” ตามทสี่ ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ รว่ มกับ สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน และหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง ดำเนินการจดั ทำหลกั สูตร หรอื ชดุ การเรยี นรูแ้ ละส่ือประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกนั การทุจรติ สำหรบั ใช้เป็นเนอื้ หา มาตรฐานกลางให้สถาบนั การศึกษาหรือหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้องนำไปใชใ้ นการเรียนการสอนให้กับ กลมุ่ เปา้ หมายครอบคลุมทุกระดับช้ันเรียน เพ่ือปลกู ฝังจติ สำนึกในการแยกประโยชนส์ ว่ นบุคคล

3 และประโยชนส์ ่วนรวม จิตพอเพยี ง การไม่ยอมรบั และไม่ทนต่อการทุจรติ โดยใช้ชอ่ื วา่ หลักสูตร ต้านทจุ ริตศึกษา (Anti-Corruption Education) หลกั สตู รท่ี ๑ หลกั สูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยมแี นวทางการนำไปใชต้ ามความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน ดงั นี้ ๑.นำไปจัดเป็นรายวชิ าเพมิ่ เติมของโรงเรยี น ๒.นำไปจัดในช่วั โมงลดเวลาเรียนเพม่ิ เวลารู้ ๓.นำไปบูรณาการกับการจัดการเรยี นการสอนในกลุม่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม (สาระหน้าที่พลเมือง) หรือนำไปบูรณาการกบั กล่มุ สาระการเรยี นรู้อนื่ ๆ จุดมุ่งหมายของรายวิชา เพื่อใหน้ กั เรยี น ๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกบั ผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒ มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต ๓ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ ๔ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับพลเมืองและมีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม ๕ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๖ ปฏิบตั ิตนเป็นผลู้ ะอายและไมท่ นต่อการทจุ รติ ทุกรูปแบบ ๗ ปฏิบัตติ นเปน็ ผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจริต ๘ ปฏิบตั ิตนตามหนา้ ท่พี ลเมอื งและมีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม ความ ละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจรติ รู้หน้าที่ของพลเมือง และรับผิดชอบต่อสังคมในการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต โดยใชก้ ระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝกึ ปฏิบัตจิ ริง การทำโครงงาน กระบวนการเรยี นรู้ ๕ ขั้นตอน (๕ STEPs) การอภปิ ราย การสบื สอบ การแกป้ ญั หา ทกั ษะการอา่ น และการเขียน เพื่อให้มีความตระหนกั และเห็นความสำคัญของการต่อตา้ นและการป้องกันการ ทจุ รติ ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ๒. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต ๓. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ ๔. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๖. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจรติ ทุกรปู แบบ ๗. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผูท้ ี่ STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ ๘. ปฏิบัติตนตามหน้าท่ีพลเมืองและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม ๙. ตระหนกั และเหน็ ความสำคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทจุ ริต รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรยี นรู้

4 ระดับประถมศึกษา เรื่อง จำนวนช่วั โมง ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๑๖ - การคิดแยกแยะ ลำดบั หน่วยการเรยี นรู้ - ประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ๑๐ ๑. การคิดแยกแยะระหวา่ ง ส่วนรวม ๔ - ระบบคิดฐาน ๒ ผลประโยชน์ส่วนตน - ระบบคดิ ฐาน ๑๐ ๑๐ และผลประโยชน์ สว่ นรวม - การทำการบา้ น ๒. ความละอายและความ - การทำเวร ไมท่ นต่อการทจุ ริต - การสอบ - กจิ กรรมนกั เรียน ๓. STRONG / จิตพอเพยี ง ต่อต้านการทจุ ริต STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต - ความพอเพยี ง ๔. พลเมืองกับความ - ความโปร่งใส รับผิดชอบต่อสงั คม - ตา้ นทุจริต - ความเอ้อื อาทร รวม ๔๐ พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบต่อสงั คม -- เร่ืองการเคารพสทิ ธิหน้าที่ตอ่ ตนเอง และ ผูอ้ ่นื - การเคารพสทิ ธหิ นา้ ท่ตี อ่ ชมุ ชนและ สังคม - ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผิดชอบ (ต่อห้องเรียน) - คุณลกั ษณะของพลเมืองทดี่ ี - หน้าท่ขี องพลเมืองทด่ี ี

5 กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ และแนวการสอน กิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน เน้นการใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ การสร้าง ความรู้ ไดแ้ ก่ ๑) ทฤษฎีคอนสตรคั ตวิ สิ ต์ (Construction Theory) ๒) ทฤษฎคี อนสตรัคติวสิ ตเ์ ชงิ สงั คม (Social Constructivism Theory) ๓) ทฤษฎคี อนสตรัคตวิ สิ ตเ์ ชงิ ปัญญา (Cognitive Constructivism) ๔) ทฤษฎีประมวลผลข้อมูล (Information Processing Theory) ๕) ทฤษฎีพหุ ปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ๖) ทฤษฎกี ารเรียนรแู้ บบรว่ มมอื (Cooperative Learning Theory) ในการจัดการเรียนการสอน โดยภาพรวมจะใชก้ ลยุทธก์ ารสอนทเี่ น้นผูเ้ รียน เป็นสำคัญ คือจัดตามความแตกตา่ งของเด็กแต่ละคน ดว้ ยการสอนโดยใชก้ ระบวนการคิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ การฝกึ ปฏิบัติจรงิ การทำโครงงานสืบสวนสอบสวน กระบวนการเรยี นรู้ ๕ ขัน้ ตอน (๕ STEPs) การอภปิ ราย การแกป้ ัญหาตลอดจนใชเ้ ทคนิคการสอนทห่ี ลากหลายเหมาะกับผเู้ รียน แตล่ ะวัย สอ่ื การเรียนรู้และแหล่งเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมดว้ ยสอื่ การเรียนรู้ท่เี กี่ยวกบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต เช่น วีดโิ อ ขา่ ว VTR นทิ าน การต์ นู ภาพยนตร์สน้ั เอกสารแก้ทจุ ริตคดิ ฐานสอง สือ่ สิงพิมพ์ต่าง ๆ ใบความรู้ ใบงาน วสั ดอุ ุปกรณ์ตา่ ง ตลอดจนแหลง่ เรยี นรทู้ ี่ใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการสบื ค้น การวดั และประเมินผล ๑ การประเมินการเรียนรู้ โดยใช้เครื่องมือประเมนิ การเรียนร้ใู นด้าน -ความรู้ความเขา้ ใจ -การปฏบิ ตั ิ -คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ เครอ่ื งมือทใี่ ช้ประเมนิ -แบบสอบ -แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิงาน -แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบตั งิ าน ๒ การประเมินผล นักเรียนผา่ นการประเมินทุกกิจกรรม รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป จึงจะถือว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ตารางช่วั โมงการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วย ๔ หน่วยการเรยี นรู้ คือ ๑) การคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ๒) ความไม่ทนและความอายต่อการทจุ รติ ๓) STRONG : จิตพอเพยี งตา้ น ทจุ ริต และ ๔) พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม โดยกำหนดชวั่ โมงการจัดการเรียนการสอน ดังนี้ ที่ หน่วยการเรยี นรู้ ระดับการศกึ ษา ปฐมวัย (ชัว่ โมง) ป.๑-๓ (ชั่วโมง) ป.๔-๖ (ชัว่ โมง) ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ ง ๑๔ ๑๖ ๑๔ ผลประโยชน์ส่วนตนและ ประโยชนส์ ่วนรวม

6 ๒ ความไม่ทนและความอายตอ่ ๑๒ ๑๐ ๑๐ การทุจรติ ๓ STRONG : จิตพอเพียงต่อต้าน ๙ ๔ ๖ การทุจรติ ๔ พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อ ๕ ๑๐ ๑๐ สังคม รวม ๔๐ ๔๐ ๔๐ โดยหลกั สตู รรายวิชาเพ่ิมเติม การปอ้ งกนั การทจุ รติ การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กำหนดเปน็ ๑ หลกั สตู ร และแยกเป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ ระดบั ปฐมวยั ระดบั ประถมศึกษาชั้นปีที่ ๑ - ๖ ระดบั มัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ ท้ังน้ี ในแต่ละระดับชน้ั ปี จะใชเ้ วลาเรยี นทัง้ ปี จำนวน ๔๐ ช่วั โมง ซง่ึ จะมเี นื้อหาและกิจกรรมการเรยี นการสอนที่แตกตา่ งกัน ตามความเหมาะสมและการเรยี นรู้ในแต่ ละช่วงวัย

7 หน่วยท่ี ๑ การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชนส์ ว่ นรวม

8 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๒ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑เรือ่ ง การคิดแยกแยะ (ของใช้ในโรงเรียน)เวลา ๒ ชัว่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของของใชส้ ว่ นตนภายในโรงเรียนได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของของใชส้ ่วนรวมภายในโรงเรยี นได้ ๒.๓ นักเรียนสามารถแยกแยะของใช้ส่วนตนและของใชส้ ่วนรวมท่ีใช้ในโรงเรียนได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ของใช้สว่ นตนภายในโรงเรียน หมายถงึ ส่งิ ของทีใ่ ช้เฉพาะบคุ คลท่อี ยู่ในบรเิ วณโรงเรียน เชน่ แกว้ นำ้ จานข้าว ช้อน ของใชส้ ว่ นรวมภายในโรงเรยี น หมายถงึ ส่งิ ของทใ่ี ชร้ ว่ มกันภายในโรงเรียน เชน่ โตะ๊ อาหาร เครอื่ งเล่นสนาม อุปกรณ์กีฬา ๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ ) ๑) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พดู เขียน) ๒) ความสามารถในการคิด (วเิ คราะห์ สรุป) ๓.๓ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑) ซ่อื สัตย์สจุ ริต ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้ ๑) ชวั่ โมงที่ ๑ ๑. นักเรียนชมวีดที ศั นน์ ทิ านเรอ่ื ง “ของเล่น ของใช้ ” แลว้ ใหน้ กั เรียนฝึกต้งั คำถาม คนละ ๑ คำถาม ๒. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบจากนทิ านโดยมีครคู อยให้คาปรกึ ษา ๓. ครอู ธิบายความหมายของของใชส้ ว่ นตนและของใชส้ ว่ นรวมภายในโรงเรียน ๔. นกั เรียนอ่านออกเสยี งจากใบความรู้เกี่ยวกับของใช้ส่วนตนและของใช้สว่ นรวมโดยครูอ่าน ให้นกั เรยี นฟงั นักเรยี นอา่ นตามทีละประโยค ๕. นักเรียนยกตวั อย่างของใชส้ ่วนตนและของใช้ส่วนรวมทใ่ี ช้ภายในโรงเรียน โดยเลา่ ส่กู นั ฟงั เกีย่ วกบั ของใช้ท่ีพบเห็นในชีวิตประจำวนั ๖. นักเรยี นแยกแยะของใช้สว่ นตนและสว่ นรวมที่ใช้ภายในโรงเรยี น โดยการทำใบกิจกรรมที่ ๑ระบายสีภาพของใช้ทเี่ ปน็ ของใชส้ ่วนตนด้วยสีแดง และระบายสภี าพของใช้ท่เี ปน็ ของใช้สว่ นรวม ด้วยสีเขยี ว

9 ๗. ครใู ห้ความรเู้ กย่ี วกบั ของใชส้ ว่ นตนและของใชส้ ่วนรวมเพอื่ เป็นการเพิ่มพนู ความรอู้ ีกคร้ัง ๒) ช่วั โมงที่ ๒ ๑. นักเรยี นออกมานาเสนอผลการทาใบกิจกรรมที่ ๑ หนา้ ชั้นเรยี น ๒. จัดทำขอ้ ตกลงการใช้ของใช้สว่ นตนและของใชส้ ว่ นรวมภายในโรงเรยี นพรอ้ มปฏบิ ัติ ตามข้อตกลง เช่น ไม่หยบิ ของใช้ภายในโรงเรยี นมาใช้เพ่ือประโยชน์ส่วนตน เมอื่ ใช้ของใช้นนั้ แลว้ ควรเก็บไวท้ ี่เดิมเปน็ ต้น ๔.๒ ส่ือการเรียนร้/ู แหลง่ เรยี นรู้ ๑) นทิ านเรอ่ื ง ของเล่นของใช้ ๒) ใบความรเู้ รือ่ ง ของใช้ส่วนตัวและของใชส้ ว่ นรวมภายในโรงเรียน ๓) ใบกจิ กรรมที่ ๑ ๔) ข้อตกลง ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมิน ๑) ตรวจใบงาน ๒) สังเกตพฤติกรรมนกั เรียน ๕.๒ เครอื่ งมือท่ีใช้ในการประเมนิ ๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สิน นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน ๖. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ........................................................................................................................................ .................... .............................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. ............................... ลงชอ่ื ........................................ครผู สู้ อน (..................................................)

10 ๗. ความคิดเหน็ ผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ............................... .................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ............................... ลงชือ่ .....................................ผู้บรหิ าร (นายจรัญ วารนิ ทร์) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนบ้านบัวถนน

11 ๘. ภาคผนวก - ใบความรู้ เรื่อง ของใชส้ ่วนตวั และของใชส้ ว่ นรวม - แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงาน - แบบสงั เกตการปฏิบตั ิตนตามขอ้ ตกลงในห้องเรียน - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

12 ใบความรู้ เร่ืองของใช้สว่ นตัวและของใช้สว่ นรวม ของใชส้ ่วนตวั หมายถงึ ส่งิ ของใด ท่สี ามารถนำมาเพอื่ ใช้สรา้ งประโยชน์ ในชวี ิตประจำวนั ของใช้ส่วนรวม หมายถึง ของใชส้ ว่ นตัวมีมากมายหลายชนิด เชน่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แกว้ นำ้ กางเกง ฯลฯ ของใช้สว่ นรวมมีมากมายหลายชนิด เช่น ชัน้ วางรองเท้า พัดลมในหอ้ งเรยี น ไม้กวาด ไมถ้ ูพ้นื

13 คำช้ีแจง ให้นกั เรียนระบายสีภาพของใชท้ เ่ี ปน็ ของสว่ นตัวด้วยสีแดงและระบายสภี าพของท่ใี ช้ สว่ นรวมดว้ ยสีเขยี ว

14 แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงาน เลขท่ี ชอื่ -สกุล คะแนนทีไ่ ด้(๑๐คะแนน) สรปุ ผล ผ่าน ไมผ่ า่ น ลงชื่อ…………………….…………………ผตู้ รวจ (……………………………………….) เกณฑ์การประเมนิ - นักเรียนได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน (ไดค้ ะแนน ๘ คะแนนข้นึ ไป)

15 แบบสังเกตการปฏิบัตติ นตามข้อตกลงในห้องเรียน ชอ่ื -สกลุ ....................................................ชน้ั ...................ภาคเรียนท่ี...........ปีการศึกษา................... คำชแ้ี จง : ใหก้ าเครื่องหมาย ลงในช่องว่างทต่ี รงกบั พฤติกรรมทเ่ี กดิ ข้นึ จริง ที่ ข้อตกลง ระดบั การปฏิบัติ(คะแนน) ปฏิบัติ(๕ คะแนน) ไมป่ ฏิบัต(ิ ๐ คะแนน) รวมคะแนน เกณฑ์การประเมนิ ช่องคะแนน ผลการประเมนิ ๖-๑๐ คะแนน ผ่าน ๐-๕ คะแนน ไม่ผ่าน

16 แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลง ในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะอนั รายการประเมิน ระดบั คะแนน พงึ ประสงคด์ ้าน ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ ๑. ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง ๓ ๒๑ ๒. ปฏบิ ัติในสิ่งทีถ่ ูกต้อง ลงช่อื ............................................ผ้ปู ระเมนิ (.............................................) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างครง้ั

17 แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เร่อื ง การคิดแยกแยะ (สถานทใี่ นชุมชน)เวลา ๒ ชวั่ โมง หนว่ ยที่ ๑ ช่อื หน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของสถานท่ีส่วนตนในชุมชนได้ ๒.๒ นกั เรียนสามารถบอกความหมายของสถานท่สี ว่ นรวมในชุมชนได้ ๒.๓ นกั เรียนสามารถแยกแยะสถานทีส่ ่วนตนและสถานที่ส่วนรวมในชุมชนได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ สถานท่สี ่วนตนในชุมชน หมายถึง สถานทท่ี ใ่ี ชเ้ ฉพาะบุคคลที่อยู่ในชมุ ชน เช่น บ้าน สวนผลไม้ สวนยาง สถานท่ีสว่ นรวมในชมุ ชน หมายถงึ สถานทที่ ่ีใช้รว่ มกันทอี่ ย่ใู นชมุ ชน เช่น สวนสาธารณะ สนาม กีฬา สนามเด็กเล่น ๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด) ๑) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟงั พูด เขียน) ๒) ความสามารถในการคิด (วิเคราะห์ จัดกล่มุ สรปุ ) ๓.๓ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑) ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต ๒) มวี นิ ัย ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้ ๑) ช่ัวโมงท่ี ๑ ๑. ครู ต้งั คาถามให้นกั เรียนทายปริศนาคำทายเก่ยี วกับสถานท่สี ่วนตนและสถานที่ส่วนรวม ภายในชมุ ชน ดังน้ี ๑.๑ อะไรเอ่ย มปี ระตูหน้าตา่ ง ใช้พกั อาศัย มีไว้เพ่อื หลบแดดหลบฝน ๑.๒ อะไรเอย่ มีลานกว้าง มีชิงช้า มเี ครื่องเลน่ เดก็ ชอบไป ๒. ครนู ำภาพทเี่ ปน็ สถานทีส่ ่วนตนและสถานทสี่ ว่ นรวมภายในชมุ ชนมาใหน้ กั เรียนดู จากน้นั ครตู ง้ั ประเดน็ คำถาม เชน่ ๒.๑ นกั เรยี นทราบหรือไมว่ ่าสถานทน่ี ้เี รยี กว่าอะไร ๒.๒ นกั เรยี นเคยไปสถานทแ่ี หง่ นห้ี รือไม่ ๒.๓ นักเรียนคดิ วา่ สถานที่เหลา่ น้มี ีไวเ้ พ่ืออะไร ๓. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ ๕-๖ คน

18 ๔. ครูใหน้ ักเรยี นค้นหาสถานท่สี ่วนตนและสว่ นรวมภายในชุมชนโดยให้นกั เรียนค้นควา้ ข้อมลู จาก อนิ เทอร์เน็ตในห้องคอมพวิ เตอร์ของโรงเรียน แลว้ ครชู ่วยพิมพภ์ าพออกมา ๕. ครใู ห้นกั เรยี นแยกแยะภาพที่เป็นสถานทส่ี ่วนตนและส่วนรวมภายในชุมชน ตัดภาพแล้วติดลง ในกระดาษ ทำเป็นหนังสอื เล่มเลก็ และตกแต่งให้สวยงาม ๖. ใหส้ มาชกิ ในกล่มุ รว่ มกนั สรปุ ความหมายของสถานท่สี ว่ นตนและสถานที่ส่วนรวมในชมุ ชน ๗. ครใู หค้ วามรเู้ ก่ยี วกับสถานท่สี ว่ นตนและสถานท่สี ว่ นรวมในชมุ ชนเพ่ือเพมิ่ พนู ความรู้อกี ครงั้ หนึง่ ๒) ชว่ั โมงที่ ๒ ๑. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนนกั เรียนออกมานาเสนอผลการทาหนงั สือเล่มเลก็ เร่ืองสถานทสี่ ่วน ตนและสถานทส่ี ว่ นรวมในชุมชน ๒. นกั เรยี นนาผลงานไปวางบนช้นั ในหอ้ งสมุดโรงเรียน เพอื่ เปน็ การเผยแพร่และแนะนำ สถานทสี่ ่วนตนและสถานท่สี ่วนรวมในชุมชนให้ทกุ คนรูจ้ ัก ๔.๒ ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ ๑) ภาพสถานท่สี ว่ นตนและสว่ นรวมในชมุ ชน ๒) คอมพิวเตอร์ ๓) ภาพสถานท่ีตา่ ง จากอนิ เทอร์เน็ต ๔) กระดาษ ๕) สีไม้ ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมิน ๑) การตรวจผลงานการทาหนังสือเลม่ เลก็ ๒) การประเมินการทำงานกลุ่ม ๕.๒ เครอื่ งมือที่ใช้ในการประเมิน ๑) ใบให้คะแนนการตรวจผลงานการทำหนังสือเล่มเล็ก ๒) แบบประเมนิ การทำงานกลุ่ม ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สนิ นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถือว่า ผา่ น ๖. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... ................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ............................... ลงช่ือ........................................ครูผู้สอน (..................................................)

19 ๗. ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ............................................................................................................................. ............................... .................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ............................... ลงช่อื .....................................ผูบ้ รหิ าร (นายจรัญ วารนิ ทร์) ผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านบวั ถนน ๘. ภาคผนวก - ปริศนาคำทายเกี่ยวกบั สถานท่ี - แบบตรวจใหค้ ะแนนหนังสือเล่มเลก็ - แบบประเมินการทำงานกลุม่ - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

20 ปริศนาคำทายเกีย่ วกบั สถานท่ี อะไรเอ่ย? มีประตหู นา้ ตา่ ง ใชพ้ ักอาศยั มีไวเ้ พ่ือหลบแดดหลบฝน อะไรเอย่ ? มีลานกว้าง มชี งิ ชา้ มเี ครื่องเลน่ เด็ก ชอบเลน่

21 แบบตรวจให้คะแนนหนังสือเลม่ เล็ก ที่ ชือ่ -สกลุ เนอื้ หา ภาพ ความคดิ รปู เล่ม รวม สาระ ประกอบ สร้างสรรค์ สวยงาม คะแนน (๓ คะแนน) (๓ คะแนน) (๒ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑๐) เกณฑ์การตัดสิน - นกั เรยี นได้ ๘ คะแนนขึ้นไปถือวา่ ผา่ น

22 แบบประเมินการทำงานกลมุ่ เรอ่ื ง ................................................................................. ท่ี ชอื่ - สกุล รายการประเมิน รวมคะแนน ความ การแสดง ความ การรับฟัง การรว่ ม (๑๐ ร่วมมอื ความ ตั้งใจ ผู้อน่ื ปรับปรงุ คะแนน) คิดเห็น ผลงาน ๒คะแนน ๒คะแนน ๒คะแนน ๒คะแนน ๒คะแนน เกณฑ์การประเมิน - นกั เรยี นไดค้ ะแนนร้อยละ ๘๐ ถือว่า ผ่าน

23 แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ คาชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลง ในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะอัน รายการประเมนิ ระดับคะแนน พึงประสงค์ด้าน ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ๑. ใหข้ ้อมูลทถี่ ูกต้อง และเป็นจริง ๓ ๒๑ ๒. ปฏบิ ัติในส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง มวี ินยั ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว มีความตรงต่อเวลาใน การปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ใน ชวี ิตประจำวัน ลงชอื่ ............................................ผู้ประเมนิ (.............................................) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยคร้งั ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติบางคร้งั

24 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ชอื่ หน่วย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ เร่อื ง การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและส่วนรวม เวลา ๒ ชว่ั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรียนสามารถบอกความหมายของผลประโยชน์ส่วนตนได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกความหมายของผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๒.๓ นักเรียนสามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ผลประโยชนส์ ว่ นตน หมายถงึ การคำนึงถึงตัวเอง ความตอ้ งการสว่ นบคุ คล ผลประโยชนส์ ว่ นรวม หมายถงึ การคำนงึ ถึงบุคคลอ่ืนมากกวา่ ตนเอง ๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกดิ ) ๑) ความสามารถในการสื่อสาร (ฟงั พูด เขยี น) ๒) ความสามารถในการคิด (วเิ คราะห์ สรุป) ๓.๓ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒) ซื่อสัตยส์ จุ ริต ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ๑) ชว่ั โมงท่ี ๑ ๑. ครูเลา่ ขา่ วหรอื กจิ กรรมท่ีมกี ารช่วยเหลอื กันในชุมชน เช่น ชว่ ยกันขุดลอกคคู ลองให้ สะอาดการปลกู ตน้ ไม้ในท่ีสาธารณะ แล้วต้ังคาถามให้นักเรียนตอบ ๑.๑ เมื่อนกั เรยี นได้รบั รขู้ า่ วเหล่านีแ้ ลว้ นักเรยี นรู้สกึ อย่างไร ๑.๒ เม่ือนกั เรียนมโี อกาสไดช้ ว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื นักเรยี นทาสิง่ นนั้ หรอื ไม่ อย่างไร ๒. ครูกระตุ้นให้นกั เรียนทุกคนมีสว่ นรว่ มในการตอบคาถามเพื่อนาเขา้ สู่บทเรยี น ๓. ครใู หน้ ักเรียนอาสาสมัครออกมาเลา่ ประสบการณ์เกยี่ วกบั การมีส่วนรว่ มในการทำ คุณประโยชน์ กับกจิ กรรมของชุมชนทีน่ กั เรยี นอาศัยอยู่ แล้ว ให้ เพอ่ื น แสดงความคดิ เห็นวา่ การ กระทำดังกลา่ วมีประโยชนต์ อ่ ตวั นกั เรียนและชุมชนหรอื ไม่ อย่างไร ๔. ครูให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน ๕. ให้นกั เรียนศึกษาเก่ียวกบั ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมจากใบความรู้

25 ๖. ครใู หน้ ักเรียนแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวมโดยให้นกั เรียนหาภาพ กจิ กรรมทีเ่ ป็นประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมมากล่มุ ละ ๓-๕ ภาพ แล้วรว่ มกันสนทนา และสรุปผลดังนี้ ๖.๑ จากภาพเปน็ การทากิจกรรมทีเ่ ปน็ ผลประโยชน์ส่วนตน ๖.๒ จากภาพเป็นการทากิจกรรมที่เป็นผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๖.๓ นักเรียนคดิ ว่ากิจกรรมเหล่าน้มี คี วามสำคญั อยา่ งไร ๖.๔ ถ้าทกุ คนคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชนส์ ่วนตนในการทำสิง่ ต่ำงๆ นักเรยี นคดิ ว่าจะเกดิ ผลดีอย่างไรบา้ ง ๗. ใหส้ มาชกิ ในกล่มุ ทรี่ ว่ มกนั สรปุ เก่ยี วกบั ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ๘. ครใู ห้ความรู้เก่ียวกับผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมเพื่อเปน็ การเพม่ิ พูน ความรู้อีกครงั้ หนงึ่ ๒) ช่ัวโมงที่ ๒ ๑. ใหต้ วั แทนนกั เรยี นออกมานาเสนอผลงานผังความคดิ หนา้ ช้ันเรยี น ๒. นำผลงานผงั ความคดิ ตดิ บอร์ดประชาสมั พนั ธเ์ พ่ือเผยแพร่ให้เพื่อนนักเรียนช้นั เรียนอ่ืนๆ ไดศ้ ึกษาต่อไป ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ ๑) ใบความรู้ เรอ่ื งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๒) ภาพกจิ กรรมผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๓) กระดาษ flip chart ๔) สี กระดาษ กาว ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธีการประเมิน ๑) การตรวจผลงานการทาผังความคิด เร่ือง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ สว่ นรวม ๒) การประเมนิ การนาเสนอผลงาน ๓) การประเมินการทำงานกลุ่ม ๕.๒ เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบประเมนิ ผลงานการทำผงั ความคิด เรื่องผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม ๒) แบบประเมินการทำงานกลุ่ม ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สนิ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ถือวา่ ผ่าน ๖. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... ................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ............................... ลงชอื่ ........................................ครูผ้สู อน (..................................................)

26 ๗. ความคิดเหน็ ผูบ้ ริหาร ............................................................................................................................. ............................... .................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ............................... ลงช่อื .....................................ผบู้ ริหาร (นายจรัญ วารนิ ทร์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนบา้ นบัวถนน

27 ๘. ภาคผนวก - ใบความรู้ เรอื่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม - แบบตรวจสอบใหค้ ะแนนใบงาน เรอ่ื ง ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม - แบบประเมนิ การทำงานกลุ่ม - แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

28 ใบความรู้ เร่ืองผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชนส์ ว่ นตน หมายถงึ การคำนึงถึงตัวเอง ความต้องการสว่ นบุคคล ผลประโยชนส์ ่วนรวม หมายถึง การคำนงึ ถงึ บคุ คลอื่นมากกว่าตนเอง การกระทำเพือ่ ประโยชน์สว่ นตน เช่น การจอดรถบนทางเทา้ การขายของบนทางเทา้ การท้งิ ขยะ โดยไมแ่ ยกขยะ การปลูกพืชในท่สี าธารณะ การกระทำเพือ่ ประโยชน์ส่วนรวม เชน่ การปลกู ต้นไมใ้ นสวนสาธารณะ ชว่ ยเกบ็ ขยะที่พบเห็นใน บริเวณโรงเรียน การดูแลรกั ษาศาสนสถานในชุมชน

29 ภาพการทำประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม

30 ภาพการทำประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม

31 ภาพการทำประโยชน์ตอ่ ส่วนตน

32 แบบตรวจสอบให้คะแนนใบงาน เรื่อง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ที่ ชอ่ื -สกลุ คะแนนที่ได้(๑๐ สรปุ ผล คะแนน) ผา่ น ไมผ่ า่ น สรุป เกณฑก์ ารประเมนิ - นักเรยี นไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๘ ขน้ึ ไป ถือว่า ผา่ น

33 แบบประเมนิ การทำงานกล่มุ เร่อื ง ................................................................................. ชือ่ - สกุล รายการประเมิน รวมคะแนน ความ การแสดง ความ การรบั ฟงั การรว่ ม รว่ มมือ ความ ตัง้ ใจ ผ้อู น่ื ปรับปรงุ คดิ เห็น ผลงาน ๒คะแนน ๒คะแนน ๒คะแนน ๒คะแนน ๒คะแนน (๑๐คะแนน) เกณฑ์การประเมนิ - นักเรียนได้คะแนนร้อยละ ๘๐ ถือว่า ผา่ น

34 แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลง ในชอ่ งทตี่ รงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะอนั รายการประเมิน ระดบั คะแนน พึงประสงค์ด้าน ซ่อื สัตย์ สุจรติ ๑. ให้ข้อมลู ท่ีถูกต้อง และเป็นจรงิ ๓ ๒๑ รักชาติ ศาสน์ ๒. ปฏิบัตใิ นส่ิงที่ถกู ตอ้ ง กษัตรยิ ์ . ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติ ได้ ๒. เขา้ ร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อโรงเรียน ๓. เข้ารว่ มทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ตั ิ ตามหลกั ศาสนา ๔. เข้าร่วมกจิ กรรมท่ีเกีย่ วกบั สถาบัน พระมหากษัตรยิ ต์ ามที่โรงเรียนจดั ข้นึ ลงชือ่ ............................................ผ้ปู ระเมนิ (.............................................) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ างครัง้

35 แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี ๑ ชอ่ื หน่วย การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง ประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม เวลา ๒ ชว่ั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชน์ สว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกความหมายของประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒.๒ นกั เรียนสามารถสามารถแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชน์สว่ นรวม ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ ของใชส้ ว่ นบคุ คล หมายถึง สิ่งของทมี ีลักษณะทเี่ ห็นชัดเจนว่าเปน็ ของใชเ้ ฉพาะของบุคคลผู้นั้น โดยแท้จรงิ เช่น ดินสอ สมุด กระเป๋า รองเท้า ของใช้สว่ นรวม หมายถึง สิ่งของทีมลี กั ษณะที่เห็นชดั เจนว่าเป็นสงิ่ ของหรือทีส่ ่วนรวม ไดใ้ ช้ ประโยชน์รว่ มกัน เช่น พดั ลม โตะ๊ เกา้ อ้ี ไม้กวาด การแยกแยะระหว่างของใชส้ ว่ นตนและสว่ นรวม หมายถงึ ความสามารถในการแยกสิ่งของทีมี ลกั ษณะทีเ่ หน็ ชดั เจนวา่ เป็นของใชเ้ ฉพาะของตัวเองและสิง่ ของทีมีลกั ษณะทเ่ี ห็นชดั เจนวา่ เปน็ สง่ิ ของทีส่ ว่ นรวมใชป้ ระโยชนร์ ว่ มกันออกใหเ้ หน็ ชดั เจน เช่น แยกแยะของใชส้ ่วนบคุ คล ของใช้สวน รวม ให้เหน็ เป็นประเดน็ ไป ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด) ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน) ๒) ความสามารถในการคดิ (วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรุป) ๓) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ๓.๓ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ / คา่ นิยม ๑) มุ่งมัน่ ในการทำงาน ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ๑) ชัว่ โมงที่ ๑ ๑. ครใู หน้ ักเรยี นดภู าพ ๘ ภาพ เช่น ดนิ สอ สมุด กระเปา๋ รองเท้า พดั ลม โต๊ะ เก้าอี้ ไม้ กวาด ๒. ครูตั้งคำถามว่า ๒.๑ ดินสอ สมุด กระเปา๋ รองเท้า เปน็ ของใชป้ ระเภทใด ๒.๒ พดั ลม โตะ๊ เกา้ อ้ี ไมก้ วาดเป็นของใชป้ ระเภทใด ๓. ครู สรปุ วา่ ดนิ สอ สมุด กระเปา๋ รองเทา้ เปน็ ของใชส้ ่วนตน และพัดลม โตะ๊ เก้าอี้ ไม้ กวาดเป็นของส่วนรวม

36 ๔. ครูให้ดูบัตรภาพของใชส้ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๕. ครูแจกใบงานที่ ๑ เร่อื งของใช้สว่ นตนและส่วนรวม ตามคาสงั่ ๒) ชว่ั โมงท่ี ๒ ๑. ใหแ้ ต่ละกลุม่ นาเสนอผลงานพร้อมอภปิ รายหน้าช้นั เรยี นพรอ้ มแยกแยะของใชส้ ่วนตน และของใช้ส่วนรวม ๒. ครูนำนกั เรียนอภปิ รายเก่ยี วกับผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๓. ครสู ะท้อนความคิดจากนาเสนอของนักเรียนว่าการกระทาใดท่เี ราควรประพฤติปฏบิ ตั ิ ตามการกระทำใดไมส่ มควรปฏิบัติ ๔. นักเรียนร่วมกันคิดและเขียนขอ้ ตกลงเรื่องการใชส้ ่ิงของร่วมกันในห้อง ตดิ ป้ายตามจดุ ท่เี ปน็ ของใชส้ ว่ นรวมในหอ้ งเรียน ๔.๒ ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) รปู ภาพ ของใชส้ ว่ นตนและของใชส้ ่วนรวม ๒) ใบงานท่ี ๑ เร่อื งของใชส้ ่วนตนและสว่ นรวม ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ ีการประเมนิ ๑) ตรวจผลงาน ๒) สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ๕.๒ เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบตรวจผลงาน ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ๕.๓ เกณฑก์ ารตดั สิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป ถือว่า ผ่าน ๖. บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............................... ................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ............................... ลงช่อื ........................................ครูผู้สอน (..................................................) ๗. ความคดิ เห็นผูบ้ ริหาร ............................................................................................................................. ............................... .................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ............................... ลงช่ือ.....................................ผู้บริหาร (นายจรญั วารนิ ทร์) ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นบัวถนน

37 ๘. ภาคผนวก บตั รภาพ

38 ไม้กวาด รองเท้า กระเปา๋ เกา้ อ้ี โตะ๊ สมดุ พดั ลม ดินสอ ถุงเท้า แปลงลบกระดาน ของใช้ส่วนรวม ของใช้สว่ นบคุ คล ๑ ๑ ๒ ๒ ๓ ๓ ๔ ๔ ๕ ๕

39 แบบตรวจให้คะแนนใบงาน เลขท่ี ช่ือ-สกลุ คะแนนท่ไี ด้๑๐ คะแนน) สรปุ ผล ผา่ น ไมผ่ ่าน สรปุ เกณฑ์การประเมนิ - นักเรียนไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๘ ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น

40 แบบสงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน ชือ่ นกั เรยี น......................................................... ชน้ั ..............ภาคเรียนท่ี...........ปกี ารศกึ ษา.............. คำชแ้ี จง การบันทึกใหก้ าเครื่องหมาย ลงในช่องทต่ี รงกับพฤติกรรมท่เี กิดขึน้ จริง ที่ พฤติกรรม ระดับการปฏบิ ตั ิ บางครั้ง น้อยครง้ั ไมท่ ำเลย/ เป็นประจำ (๒) (๑) ไม่ชดั เจน (๐) (๓) ๑ มีความรับผิดชอบในหน้าท่ีการงาน ๒ ต้งั ใจและเอาใจใสต่ ่อการปฏิบตั ิ หน้าท่ีทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ๓ ทำงานดว้ ยความเพยี รพยายาม ๔ รู้จกั แก้ปัญหาในการทำงานเมื่อมี อุปสรรค ๕ อดทนเพ่ือใหง้ านสำเร็จตาม เป้าหมาย ๖ ปรบั ปรุงและพฒั นาการทำงานให้ ดขี ึน้ ดว้ ยตนเอง รวมคะแนน/ระดบั คุณภาพ ผู้ประเมนิ ครู พอ่ แม/่ ผู้ปกครอง ตนเอง เพือ่ น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ (.................................................)

41 เกณฑ์การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน ระดับคุณภาพ ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไม่มีผลการประเมนิ ข้อ ใดข้อหนึ่งต่ำกว่า ๒ คะแนน ดีเย่ยี ม ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มีผลการประเมินข้อ ใดขอ้ หน่ึงตำ่ กว่า ๐ คะแนน ดี ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมินข้อ ใดข้อหนึ่งตำ่ กว่า ๐ คะแนน พอใช้ ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน ปรบั ปรุง

42 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอก เวลาเรียน แลว้ ขีด ลงใน ช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน คุณลักษณะอนั รายการประเมนิ ๓ ระดับคะแนน ๑ พึงประสงค์ ๒ ดา้ น มงุ่ มั่นในการ ๑. มคี วามตัง้ ใจและ ทำงาน พยายามในการ ทำงานที่ได้รบั มอบหมาย ๒. มคี วามอดทนและ ไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรค เพ่ือให้งานสำเร็จ ลงชอื่ ..............................................ผู้ประเมิน (.....................................................) เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิบางคร้งั

43 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ ๑ ช่อื หนว่ ย การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒ เวลา ๒ ชวั่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง ระบบคดิ ฐาน ๒ (แยกแยะพฤติกรรมตัวอย่าง) ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ สว่ นรวม ๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรยี นสามารถแยกแยะพฤติกรรมตวั อย่างทเี่ ป็นระบบคิดฐาน ๒ ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ “ระบบคิดฐาน ๒ (Digital)” คอื เป็นระบบคิดทสี่ ามารถแยกเรื่องประโยชน์ สว่ นตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวมออกจากกนั ได้ อยา่ งชดั เจน ไมน่ ำมารวมกนั สิง่ ไหนถูกสิ่งไหนผดิ สิง่ ไหนทา ไดส้ ่ิงไหนทำไม่ไดผ้ ลประโยชน์ส่วนรวมย่อมสำคญั กวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นตน ควรยึดผลประโยชน์ ส่วนรวมเปน็ หลกั ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ ) ๑) ความสามารถในการสือ่ สาร (อ่าน ฟัง พดู เขยี น) ๒) ความสามารถในการคิด ( จัดกลมุ่ สรปุ ) ๓.๓ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ / คา่ นิยม ๑) มุ่งมน่ั ในการทำงาน ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ๑) ชว่ั โมงท่ี ๑ ๑. ครนู ำปา้ ยข้อความพฤติกรรมตวั อยา่ ง เรอื่ งระบบคิดฐาน ๒ ตดิ บนกระดาน ๒. ใหน้ กั เรียนอา่ นข้อความพฤติกรรมตัว อยา่ ง เรอื่ งระบบคิดฐาน ๒ และอธิบาย พฤติกรรมดงั กล่าวแตล่ ะข้อเพิ่มเติม จากนน้ั ครูใชค้ าถามต่อนักเรียนดงั ต่อไปน้ี ๒.๑ เหตกุ ารณด์ งั กล่าวเปน็ เหตกุ ารณ์ที่ดีหรอื ไม่ ๒.๒ พฤตกิ รรมดังกลา่ วนกั เรียนเคยปฏบิ ัติหรือขอ้ ใดบ้าง ๒.๓ ถ้ามคี นเอาเปรยี บนักเรียน นักเรียนจะรูส้ ึกอยา่ งไร ๓. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ละ ๓-๔ คน รว่ มกันแยกตวั อย่าง พร้อมทั้งใช้ใบงาน เร่ือง แยกแยะพฤตกิ รรมตวั อยา่ งทีเ่ ป็นระบบคดิ ฐาน ๒ ๒) ชว่ั โมงที่ ๒ ๑. แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนนำเสนอผลงานแยกแยะพฤตกิ รรมตัวอย่างทีเ่ ป็นระบบคดิ ฐาน ๒ อภิปรายร่วมกนั และสรุปหน้าชัน้ เรียน ๒. ครนู ำนักเรยี นร่วมกนั สรุปความรู้ตัวอยา่ งของระบบคดิ ฐาน ๒ จากการนำเสนอ

44 ๓. ครูสะทอ้ นความคดิ จากการนาเสนอของนักเรียนว่าการกระทาใดที่ เราควรปฏบิ ตั ิ และการกระทำใดท่ีไม่ควรปฏบิ ัติ ๔. ให้นักเรยี นนำป้ายข้อความทคี่ รู เตรียมไว้ ของตัวอยา่ งพฤติกรรมของระบบคิดฐาน ๒ มา ออกแบบทำป้ายรณรงค์ในกระดาษบรู๊ฟ ๔.๒ สือ่ การเรียนรู้/ แหล่งการเรียนรู้ ๑) กระดาษบรู๊ฟ ๒) ใบงานที่ ๑ เร่ืองการแยกแยะพฤติกรรมระบบคดิ ฐาน ๒ ๓) กระดาษส/ี ปากกาเมจิก/สีไม/้ กาว ๔) ป้ายนเิ ทศ ๕) ป้ายข้อความ ตวั อย่างพฤตกิ รรมของระบบคิดฐาน ๒ ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑) ตรวจใบงาน ๒) สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น ๕.๒ เครื่องมอื ท่ีใช้ในการประเมนิ ๑) แบบตรวจให้คะแนนใบงาน ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น ๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถอื ว่า ผ่าน ๖. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ลงชือ่ ........................................ครูผสู้ อน (..................................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผ้บู รหิ าร ............................................................................................................................. ............................... .................................................................................................... ........................................................ ลงชือ่ .....................................ผบู้ รหิ าร (นายจรัญ วารนิ ทร์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านบวั ถนน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook