�è bfid æff ǻ a��� çfiffib ð�è đ�ď
การพฒั นา 1. แหลง่ 2. ปิ โตรเลยี ม 4. 3. 5.
\"ปิ โตรเลยี ม\" ท่ีผลิตไดจ้ ากหลุมผลิตน้นั จะยงั ไม่สามารถนาํ มาใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ นั ที ตอ้ งนาํ มาผา่ น กระบวนการผลิตก่อน เพอื่ ใหไ้ ดป้ ิ โตรเลียมที่มีคุณสมบตั ิตรงตามที่เราตอ้ งการ ซ่ึงกระบวนการผลิตน้นั ประกอบดว้ ย 7 ระบบสาํ คญั ดงั น้ี 1. ระบบแยกสถานะ 7. ระบบมาตรวัด (Metering) (Gas/Liquid Separation) 2. ระบบเพ่มิ แรงดนั กาซ 6. ระบบอัดกลบั น้ํา (Gas Compression) (Produced Water Injection system) 3. ระบบดดู ความช้นื กา ซ 5. ระบบคงสภาพและกกั เกบ็ นํ้ามันดิบ (Gas Dehydration) (Crude/oil Tank System) 4. ระบบคงสภาพกาซธรรมชาติเหลว (Condensate Stabilizer)
กระบวนการผลติ ปิโตรเลียม ◻ การผลิตปิโตรเลียม สามารถจําแนกได้ ตามชนดิ ของแหล่งปโิ ตรเลยี ม ดงั นี้ 1. แหลง่ กา๊ ซธรรมชาติ 2. แหล่งน้ํามันดิบ ซ่ึงประกอบดว้ ย ❖ แหล่งน้ํามันบนบก ❖ แหล่งน้ํามนั ดบิ นอกชายฝ่ัง
กระบวนการกล่ันน้าํ มนั ประกอบดว ย 1) การแยก หมายถึง การแยกสว นประกอบทางกายภาพของน้ํามนั ดิบดวยวิธีการกล่ันลําดบั สว นในหอ กลน่ั ใหเปนนาํ้ มนั สาํ เรจ็ รปู ประเภทตางๆ ตามชว งจดุ เดอื ดท่ีตา งกนั 2) การเปล่ียนโครงสรา งทาเคมี หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงโมเลกลุ เพื่อใหคณุ ภาพของนํา้ มนั เหมาะสม กบั ความตองการในการใชป ระโยชน 3) การปรับปรุงคณุ ภาพ ผลติ ภณั ฑท ีไ่ ดจากกรรมวิธีการกล่ันลําดบั สวนและการเปลีย่ นโครงสรา งทางเคมี ยงั มีคณุ ภาพทไี่ มเ หมาะสมกบั การใชงาน ตอ งมีการขจัดออกหรือการเตมิ กลิ่น การเตมิ สีลงไป 4) การผสม หมายถงึ การนําน้าํ มันชนดิ ตา งๆ ทผี่ า นกรรมวธิ แี ลวมาผสมตามสัดสว นทีเ่ หมาะสมเพื่อใหไ ด ผลิตภณั ฑสําเร็จรูปตามมาตรฐานที่กาํ หนด เชน การผสมนํา้ มันเบนซนิ ใหไดค าออกเทนตามมาตรฐาน
ส�ภาðพ�นċํ้ามêนั ดčบิ ให�เป�น ผðล�ติ ภèณั ฑčgffส าํ คčเรือจ็ �ģ�กรูปรďะชบนวčิดffนตกาางรๆแปเชรเน ปลกยี่า ซน หุงตม นํ้ามันเบนซนิ น้ํามนั เครือ่ งบนิ น้าํ มนั กาด น้าํ มนั ดเี ซล นาํ้ มนั เตา และยางมะตอย ตามความตองการของตลาดทีแ่ ตกตา ง กันตามประเภทของการนําไปใชประโยชน หลักการกล่ันลําดบั สว น การแยกน้ํามันดิบอาศยั หลกั การที่สว นประกอบตาง ๆ ใน นา้ํ มันมจี ุดเดอื ดและจดุ ควบแนนทแ่ี ตกตา งกันตามจํานวน C ใน โมเลกลุ สารประกอบท่ีมี C นอ ยกวา จะระเหยขนึ้ ไปและควบแนน เปน ของเหลวในชัน้ ท่ีอยูส วนบนของหอกลนั่ สวนสารประกอบ ท่ีมี C มากและจุดเดอื ดสูงกวาจะควบแนน อยูในช้นั ที่ต่ําลงมาตาม ชวงอณุ หภมู ขิ องจุดเดือด
ผลิตภณั ฑท ไ่ี ดจ าก กระบวนการกล่ันปโตรเลยี ม กา ซปโ ตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas; LPG) เปน เช้ือเพลงิ ขณะทเ่ี ผาไหมจะใหค วามรอนสูงและมเี ปลวไฟท่ีสะอาดไม มี เขมา กาซปโ ตรเลยี มจะไมมสี แี ละกลิน่ แตผูผ ลิตไดใ สก ลิ่นเพือ่ ใหส ังเกต ไดง า ยในกรณีท่เี กดิ มีการรว่ั ของกา ซ ซ่ึงอาจจะกอใหเ กดิ อันตรายขึน้ ได นาํ้ มันกา ด (Kerosene) ประเทศไทยเร่มิ รูจ กั และใชม าตั้งแตร ชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา เจา อยูหัวมหาราช โดยนํามาจดุ ตะเกียง ใหแสงสวา งแทนนาํ้ มนั มะพรา ว ในสมยั รัชกาลที่ 5 เรยี กนาํ้ มันกาด วา “น้าํ มนั ปโตรเลยี ม”” เปนผลติ ภัณฑป โตรเลยี มชนิดแรกท่ีมีการใชใน ประเทศไทย น้ํามันเตา (Fuel Oil) เปน เช้อื เพลิงทใ่ี ชส าํ หรับเตาตมหมอนํา้ เตาเผา หรอื เตาหลอมท่ใี ชในโรงงานอตุ สาหกรรม เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟา ขนาดใหญ เครอ่ื งยนตเรอื เดินสมุทรและอนื่ ๆ
ผลติ ภณั ฑจากหอกลั่นน้าํ มนั ดิบและการใชป ระโยชน ผลิตภณั ฑ จุดเดือด สถานะ จาํ นวน การใชป ระโยชน กลัน่ ตรง (°C) คารบ อน กา ซปโ ตรเลยี ม ≤ 30 กาซ 1-4 ทําสารเคมี วัสดสุ งั เคราะห เชอ้ื เพลิง กาซหุงตม แนฟทา 60-100 ของเหลว 6-10 ทําสารตง้ั ตน อตุ สาหกรรมปโ ตรเคมี กาซโซลนี 30-200 ของเหลว 5-12 ทาํ นํ้ามนั เบนซิน ตัวทําละลาย เคโรซนี 150-300 ของเหลว 12-16 ทําน้าํ มนั กา ด เชอื้ เพลงิ เคร่ืองยนต ไอพน และ กาซออยลเบา 150-400 ของเหลว ตะเกยี ง กาซออยลหนัก 250-400 ของเหลว 16-20 ทําเชื้อเพลิงเคร่ืองยนตดเี ซล กากน้าํ มนั ชนิด 20-70 ทําเชอื้ เพลิงเครอ่ื งจักร นา้ํ มันหลอ ลนื่ นํา้ มนั เครอ่ื ง หนืด ≥ 350 ของเหลว เทียนไข เครือ่ งสําอาง ยาขดั มัน ผงซักฟอก ≥ 70 ทํายางมะตอย หนดื
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: