การเคล่ือนที่ Motion
แรงก่อให้เกดิ การเคลื่อนท่ี การเคล่ือนทข่ี องวตั ถุ คือ การที่วตั ถุยา้ ยตาํ แหน่งจากท่ีเดิมไปอยทู่ ่ีตาํ แหน่งใหม่
กฎการเคล่ือนทขี่ องนิวตนั (Newton’s first law of motion) เซอร์ ไอแซค นิวตัน (Sir Isaac Newton) นกั คณิตศาสตร์ชาวองั กฤษถือกาํ เนิดใน ปี ค.ศ.1642(พ.ศ.2185) กฎข้อที่ 1 กฎข้อที่ 2 กฎของแรงกริ ิยาและ กฎของความเฉ่ือย กฎของความเร่ง แรงปฏกิ ริ ิยา “วตั ถุจะรักษาสภาวะ “ทุกแรงกิรยา อยู่น่ิงหรือสภาวะ “ความเร่งของวตั ถุ (action) ยอ่ มมี แปรผนั ตามแรงที่ แรงปฏิกิริยา เคลื่อนทีอ่ ย่าง กระทาํ ต่อวตั ถุ สมํา่ เสมอในแนว แต่แปรผกผนั กบั (reaction) ซ่ึงมีขนาด เส้นตรง นอกจากมี มวลของวตั ถุ” เท่ากนั แตม่ ีทิศ แรงลพั ธ์ซ่ึงมีค่าไม่ ตรงขา้ มกนั เสมอ” เป็ นศูนย์มากระทาํ ”
– การบอกตาํ แหน่งของวัตถุ การบอกตาํ แหน่งของสิง่ ตา่ ง ๆ นั้น ทาํ ได้โดยการบอกตาํ แหน่งเทยี บกับตาํ แหน่งหรอื ส่ิงทสี่ ังเกตได้ โดยงา่ ย ซงึ่ เรียกว่า ตาํ แหน่งอ้างอิงหรือจดุ อ้างองิ ซงึ่ ตอ้ งเป็ นจุดที่ หยุดน่ิง
ในการบอกตาํ แหน่งของวตั ถจุ ะตอ้ งเทียบกบั จุดอ้างอิง (reference point) ณ เวลา ต่างๆ ถา้ วตั ถยุ งั อยู่ ณ ตาํ แหน่งเดิมแมเ้ วลา เปล่ียนแปลงไป แสดงว่า วตั ถไุ ม่เคล่ือนท่ี ถา้ วตั ถมุ ี การเปล่ียนตาํ แหน่ง แสดงวา่ วตั ถมุ ีการเคล่ือนท่ี (motion) จากภาพ แสดงวา่ เม่ือเวลาผา่ นไป 10 นาที เด็กหญิงสม้ มีการเคล่ือนท่ีจากตาํ แหนง่ O ซง่ึ เป็น จดุ อา้ งองิ ไปยงั ตาํ แหน่ง A ซง่ึ อย่หู ่าง จากจดุ อา้ งอิงไปทางขวา 35 เมตร o ระยะหา่ งของวัตถุจากจดุ อ้างองิ (0) ไปทางขวามีทศิ ทางเป็ นบวก o ระยะหา่ งของวัตถุจากจดุ อ้างอิง (0) ไปทางซา้ ยมีทศิ ทางเป็ นลบ
ปรมิ าณท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การเคล่อื นท่ี
ปริมาณทใี่ ช้บอกขนาดของการเคล่ือนทขี่ องวตั ถุ คือ ระยะทางและ การกระจดั 1 ระยะทาง (Distance) ระยะทางทว่ี ตั ถุเคล่ือนทจี่ ริงตามเส้นทางท้ังหมด เป็ นปริมาณสเกลาร์ มหี น่วยเป็ นเมตร 2 การกระจดั (Displacement) ระยะทางทส่ี ้ันทสี่ ุดหรือความยาวของเส้นตรงสมมติ ทล่ี ากจากจุดเริ่มต้นถึงจุดสิ้นสุด เป็ นปริมาณเวกเตอร์ มหี น่วยเป็ นเมตร
การเคล่ือนทแี่ บบวงกลม การเคล่ือนทแี่ บบต่างๆ ในชีวติ ประจาํ วนั การเคล่ือนที่ของวตั ถุเป็นวงกลมรอบศูนยก์ ลาง เช่น การโคจรของดวงจนั ทร์รอบโลก การเคลื่อนทขี่ องวตั ถุในแนวราบ การเคล่ือนทใ่ี นแนวเส้นตรง แนวส้นตรง4 1การเคล่ือนทแี่ บบวงกลมการเคล่ือนทใ่ี นแนวราบ เป็นการเคล่ือนท่ีของวตั ถุขนานกบั แบ่งเป็น 2 แบบ คือ 3 พ้ืนโลก เช่น รถยนตท์ ี่กาํ ลงั แล่น Motion อยบู่ นถนน 4.1 การเคล่ือนที่ในแนวเส้นตรง ท่ีไปทิศทางเดียวกนั ตลอด โปรเจกไทล์ 2 4.2 การเคล่ือนที่ในแนวเสน้ เส้นตรง แตม่ ีการเคล่ือนที่กลบั การเคล่ือนทแ่ี บบโปรเจกไทล์ ทิศดว้ ย เป็นการเคลื่อนที่ผสมระหวา่ งการเคล่ือนท่ีในแนวดิ่งและใน แนวราบพร้อมกนั ในแนวด่ิงเป็นการเคลื่อนที่ที่มีความเร่ง เนื่องจากแรงโนม้ ถ่วงโลก ในขณะท่ีแนวราบ ไม่มีความเร่ง
การเคลอื่ นท่ีแนวตรง คอื การท่วี ตั ถุเลอื่ นจากตาํ แหนง เดิมไปยงั ตําแหนงใหม มีทศิ ทางตรงทงั้ ในแนวระดบั และแนวด่งิ การ เคล่อื นที่ของวัตถุจะมี ความสําพนั ธก บั ระยะทาง การกระจัด เวลา อตั ราเรว็ ความเรว็ ความเรงเชน การเคลอ่ื นที่ของลูกมะพรา ว เม่ือตกจากตน สูพน้ื ดนิ การเคลือ่ นท่ีของรถยนตบ นถนนตรง การเคลื่อนท่ขี องนักกีฬาวา ยน้าํ ในลูของสระ เปนตน การเคลอื่ นท่ใี นแนวเสน ตรง แบงเปน 2 แบบ คอื 1. การเคล่ือนทีใ่ นแนวเสน ตรงท่ีไปทศิ ทางเดยี วกนั ตลอด การเคล่อื นท่ีในแนวดิ่ง หรือการตกแบบอิสระ เชน โยนวัตถุขึ้นไปตรงๆ รถยนต กาํ ลังเคลือ่ นทีไ่ ปขางหนา ในแนวเสน ตรง 2. การเคลื่อนที่ในแนวเสนเสน ตรง (แนวราบ) แตมีการเคลอ่ื นทีก่ ลบั ทศิ ดว ย เชน รถแลนไปขา งหนา ในแนวเสน ตรง เมอ่ื รถมีการ เลี้ยวกลบั ทศิ ทาง ทาํ ใหทิศทางในการเคลื่อนที่ตรงขามกนั
การเคล่ือนทแ่ี บบต่างๆ ในชีวติ ประจาํ วนั การเคล่ือนที่ การเคล่ือนท่ขี องวตั ถุ การเคลื่อนท่ี การเคล่ือนที่ แบบวงกลม ในแนวราบ ในแนวเส้ นตรง แบบโปรเจกไทล์
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: