Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กำเนิดปิโตรเลียยม (EbookX

กำเนิดปิโตรเลียยม (EbookX

Published by Thunyalukka84, 2022-06-04 12:27:17

Description: กำเนิดปิโตรเลียยม (Ebook)

Search

Read the Text Version

บัตรความรู้ 1.1 2 1.1 ➢ ปโิ ตรเลียมเปน็ ทรัพยำกรธรรมชำตทิ ่ีมบี ทบำทต่อเศรษฐกจิ ของโลกอยำ่ งมำก เป็นวัตถดุ ิบทใี่ ห้ ประโยชน์ต่อมนุษย์อย่ำงมหำศำล เพรำะเป็นวตั ถุดบิ ในกำรผลิตเชือเพลงิ ตำ่ ง ๆ ท่ีให้พลังงำน นำมันหล่อล่นื ใน เครอ่ื งจักรกล และใชเ้ ป็นวัตถุดิบมลู ฐำนในอุตสำหกรรมปิโตรเคมี เช่น พลำสติก ป๋ยุ ยำฆ่ำแมลง สำรซกั ฟอก เส้นใยสังเครำะห์ และผลิตภณั ฑส์ ำเร็จรปู อน่ื ๆ อกี เป็นจำนวนมำกทนี่ ำมำใชใ้ นกำรดำรงชีวติ ➢ ปิโตรเลยี ม (Petroleum) ประกอบด้วยนำมนั ดบิ และแก๊สธรรมชำติ ซ่งึ เป็นของเหลวข้น สีดำ แก๊สธรรมชำตเิ หลวจะอยชู่ ันบนของปโิ ตรเลียมและเกิดจำกกำรกลน่ั ตัวตำมธรรมชำติของนำมันดิบ ปิโตรเลยี ม เกดิ จำกซำกพชื ซำกสัตว์ตำยทับถมกนั ภำยใต้พืนพภิ พเป็นเวลำลำ้ น ๆ ปี จนกลำยเป็นชนั หนิ ด้วยควำมกดดนั สงู อนั เกิดจำกกำรเคลอ่ื นตัวและหดตัวของชันหนิ และอุณหภมู ิใต้พิภพ สำรอนิ ทรียเ์ หลำ่ นีสว่ นใหญ่เปน็ ธำตุ ไฮโดรเจนและคำร์บอน จะมีกำรเปล่ียนแปลงทำงเคมอี ย่ำงชำ้ ๆ แปรสภำพเป็นแก๊สและนำมันดบิ สะสมและ ซึมผำ่ นชนั หินท่เี ป็นรูพรุน เช่น ชนั หินทรำยและชนั หนิ ปนู ไปสู่แอง่ หนิ ท่ตี ่ำกว่ำ จำกนนั ค่อย ๆ สะสมตวั อยู่ ระหวำ่ งชันหินทห่ี นำแน่น ซึ่งไมส่ ำมำรถซึมผำ่ นไปไดอ้ ีก โดยปกตปิ รมิ ำณกำรสะสมตัวจะมี 5.25 % ของปริมำตรหนิ เน่อื งจำกปโิ ตรเลียมถกู บีบอัดด้วยชนั หนิ ต่ำง ๆ มนั จะพยำยำมแทรกตัวขึนมำยงั ผวิ โลกตำม รอยแตกของชันหิน เวน้ แตว่ ำ่ มันจะถูกปิดกนั ดว้ ยชนั หนิ เนอื แนน่ ซ่งึ ทำให้มันถูกกักไว้ใต้ผวิ โลก ลกั ษณะโครงสรำ้ งทำงธรณีวิทยำของชันหินใตผ้ วิ โลกทเ่ี หมำะสมในกำรเกดิ ปโิ ตรเลยี ม คือ ชันหินรูป โคง้ ประทนุ ควำ่ (Anticlinal trap) โครงสรำ้ งรูปรอยเลือ่ นของชันหนิ (Fault trap) โครงสร้ำงรปู โดม (Dome trap) และโครงสร้ำงรูป ประดบั ชนั (Stratigraphic trap) รูปภาพท่ี 1.1 การกาเนดิ ปโิ ตรเลยี ม (ทมี่ า: http://www.vcharkarn.com/varticle/43165) ชดุ กิจกรรมการเรยี นร้รู ายวิชาเคมีพน้ื ฐาน ชดุ ท่ี 1 เร่อื ง ปิโตรเลยี ม หนา้ || 11

ปิโตรเลียม เกิดจำกกำรทับถมและ แปรสภำพ ของซำกส่ิงมีชีวิตทังพืชและสัตว์ยุคก่อนประวัติศำสตร์ นับหลำยล้ำนปี ที่ตกตะกอนหรือถูกกระแสนำพัดพำมำ จมลง ณ บริเวณที่เป็นทะเลหรือทะเลสำบในขณะนัน ถกู ทบั ถมดว้ ยชนั กรวด ทรำย และโคลนสลับกันเป็นชันๆ เกิดนำหนัก กดทับกลำยเป็นชันหินต่ำง ๆ ผนวกกับ ควำมร้อนใต้พิภพและกำรสลำยตัวของอินทรีย์สำรตำม ธรรมชำติ ทำให้ซำกพืชและซำกสัตว์กลำยเป็นนำมันดิบ รปู ภาพที่ 1.2 องค์ประกอบการกาเนิดปิโตรเลยี ม และกำ๊ ซธรรมชำติ หรอื ท่เี รำเรียกวำ่ “ปโิ ตรเลยี ม” (ทมี่ า : http://www.vcharkarn.com/varticle/43165) ดังนันเรำจึงเรยี กปโิ ตรเลยี ม ได้อีกชือ่ หนง่ึ วำ่ “เชือ้ เพลิงฟอสซลิ ” ➢ ปิโตรเลียม หรือนำมนั ดบิ และแก๊สธรรมชำติ ที่สำรวจพบในแตล่ ะแห่งจะมีคุณสมบัติแตกตำ่ งกนั ไป ตำมองค์ประกอบของไฮโดรคำรบ์ อน และสิง่ เจือปนอื่น ๆ ทผี่ สมอยู่ ทงั นีขึนอยู่กบั ชนิดของอนิ ทรยี วัตถุ ซึง่ เป็นตน้ กำเนิดของปโิ ตรเลยี มและสภำพแวดล้อมของแหล่งท่ีเกิด เชน่ ควำมกดดันและอุณหภมู ใิ ตพ้ ืนผิวโลก นำมนั ดิบ มีสถำนะเปน็ ของเหลว โดยท่ัวไปมีสีดำ หรอื สนี ำตำล มีกลน่ิ คล้ำยนำมันเชอื เพลิงสำเรจ็ รูป แต่ บำงชนดิ จะมีกลิ่นของสำรผสมอนื่ ด้วย เช่น กลน่ิ กำมะถนั และกล่ินไฮโดรเจนซลั ไฟด์ หรือแกส๊ ไข่เนำ่ เปน็ ตน้ แก๊สธรรมชำติเหลว มีสถำนะเป็นของเหลว ลกั ษณะคล้ำยนำมันเบนซิน ซ่ึงแก๊สธรรมชำติแต่ละแหล่ง จะมคี ุณสมบตั ิแตกต่ำงกนั ไปเช่นเดียวกบั นำมันดบิ แก๊สธรรมชำติแห้ง มีสถำนะเป็นแก๊ส ไม่มสี ี และ รูปภาพที่ 1.3 แหลง่ กักเก็บปิโตรเลยี ม ไมม่ ีกล่นิ (ท่ีมา : http:// www.lesa.biz/earth/lithosphere/fuel/oil) ชุดกจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวิชาเคมพี ืน้ ฐาน ชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง ปโิ ตรเลยี ม หนา้ || 12

➢ ปิโตรเลียม จะเกิดขึนได้ต่อเม่ือมีปัจจยั ต่ำง ๆ ซึ่งประกอบด้วยหนิ ต้นกำเนดิ (Source Rocks) ซ่ึงเปน็ หินดนิ ดำน (Shale) เม่อื ถูกกดทบั มำก ๆ จนเนือหินแน่นขึนจะบบี ใหป้ โิ ตรเลียมหนีขึนสู่ด้ำนบนไปสะสมอย่ใู น หินอุ้มปโิ ตรเลียม (Reservoir Rock) จำกปโิ ตรเลียมในหินอ้มุ นีหำกไม่มีส่ิงใดกีดขวำงกจ็ ะซึมเล็ดลอดขนึ สู่ พืนผิวและระเหยหำยไปในท่สี ุด ดังนนั กำรเกดิ ปิโตรเลยี มต้องมีหนิ ปดิ กันปโิ ตรเลียม (Cap Rock) มำปิดกนั ไว้ จนเกนิ เปน็ “แหลง่ กักเก็บปโิ ตรเลยี ม (Petroleum Trap)” ขนึ แหลง่ กักเก็บปโิ ตรเลยี มสำมำรถแบง่ ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. แหลง่ กักเก็บปโิ ตรเลยี มทเี่ กิดจากโครงสร้างทางธรณีวิทยา (Structural Trap) เปน็ ลักษณะโครงสร้ำงทีเ่ กดิ จำกกำรเปล่ียนรูปของชนั หิน เช่น กำรพบั (Folding) หรอื กำรแตก (Faulting) หรือทงั สองอย่ำงทเ่ี กิดขึนกับหินอุ้มปิโตรเลยี ม (Reservoir Trap) และหินปิดกนั ปิโตรเลยี ม (Cap Rock) ทมี่ ักจะสะสมนำมนั ไว้ ได้แก่ 1.1 ชนั หนิ กักเก็บปโิ ตรเลียมโครงสรำ้ งรปู โค้ง ประทุนคว่ำ (Anticline Trap) เกดิ จำกกำรหักงอของชันหิน ทำใหช้ ันหนิ มรี ปู รำ่ งโคง้ คลำ้ กระทะควำ่ หรือหลังเตำ่ นำมนั และกำ๊ ซธรรมชำตจิ ะไหลขึนไปสะสมตัวอยู่บริเวณจดุ สูงสดุ ของโครงสรำ้ งและมีหนิ ปิดกนั วำงตัวทบั อยู่ดำ้ นบน โครงสร้ำง แบบนีถือว่ำมปี ระสิทธภิ ำพในกำรกกั เก็บนำมนั ไดด้ ีทีส่ ดุ จำกสถิตทิ ว่ั โลกพบวำ่ กว่ำ 80% ของนำมนั ดิบทัว่ โลกถูก กกั เก็บอยู่ภำยใตโ้ ครงสรำ้ งแบบกระทะคว่ำนี รูปภาพที่ 1.4 หินกกั เกบ็ ปิโตรเลยี มรูปโค้ง (ท่ีมา : http://www.vcharkarn.com/varticle/43165) 1.2 ชั้นหนิ กักเก็บปโิ ตรเลียมโครงสรา้ งรปู รอย เลื่อนของช้นั หนิ (Fault Trap) เกดิ จากการหักงอของ ชัน้ หิน ทาใหช้ ั้นหินเคลอ่ื นไปคนละแนว ซึ่งทาหน้าท่ี ปิดก้ันการเคลือ่ นตัวของปโิ ตรเลยี มไปสทู่ ีส่ งู กวา่ แหลง่ นา้ มันและแกส๊ ธรรมชาติในประเทศไทยมักพบใน โครงสรา้ งกักเกบ็ ชนดิ น้ี รปู ภาพที่ 1.5 หินกกั เก็บปิโตรเลยี มรูปรอยเลื่อนของชน้ั หนิ (ท่มี า : http://www.vcharkarn.com/varticle/43165) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้รู ายวิชาเคมพี ้ืนฐาน ชดุ ท่ี 1 เรอื่ ง ปโิ ตรเลียม หนา้ || 13

1.3 ชนั หินกักเกบ็ ปโิ ตรเลยี ม รปู ภาพที่ 1.6 หินกักเกบ็ ปโิ ตรเลยี มรปู โดม โครงสรำ้ งรปู โดม (Salt Dome Trap) เกดิ จำก (ทีม่ า : http://www.vcharkarn.com/varticle/43165) ชันหินถูกดนั ใหโ้ ก่งตวั ด้วยแรเ่ กลอื จนเกดิ ลักษณะ คลำ้ ยกับโครงสรำ้ งกระทะคว่ำอันใหญ่ และ ปโิ ตรเลียมจะมำสะสมตวั ในชนั หินกกั เกบ็ บรเิ วณ รอบ ๆ โครงสรำ้ งรปู โดม ตัวอยำ่ งเชน่ แหลง่ นำมัน ในอ่ำวเปอร์เซยี และตอนกลำง ของประเทศโอมำน เปน็ ต้น 2. แหลง่ กกั เก็บปโิ ตรเลียมแบบเน้อื หนิ เปล่ียนแปลง (Stratigraphic Trap) เปน็ กำรเปลี่ยนแปลงของหนิ อุ้มปโิ ตรเลียมเสยี เอง ซึ่งเกดิ ขึนในลักษณะท่ีแนวหนิ อมุ้ ปโิ ตรเลียมดัน ออกไปเปน็ แนวขนำนเข้ำไปแนวหนิ ทึบ ทำใหเ้ กิดเปน็ แหลง่ กักเก็บ หรืออำจเกิดขนึ จำกหินอมุ้ ปิโตรเลียม เปล่ียนสภำพและองค์ประกอบกลำยเป็นหินทึบขึนมำก และหุ้มส่วนทเ่ี หลือเป็นแหล่งกักเกบ็ ไว้ รูปภาพท่ี 1.7 แหลง่ กักเก็บปโิ ตรเลยี มแบบเนอ้ื หินเปลย่ี นแปลง หน้า || 14 (ท่มี า : http://www.vcharkarn.com/varticle/43165) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้รายวิชาเคมีพ้ืนฐาน ชดุ ที่ 1 เร่ือง ปิโตรเลียม

รปู ภาพท่ี 1.8 การเกิดปโิ ตรเลยี ม หน้า || 15 (ทมี่ า : https ://www2.pttep.com) สื่อเสริมเพ่มิ ความรู้ นกั เรยี นสามารถศึกษาขอ้ มูลเพมิ่ เติมเก่ียวกับการกาเนิดปโิ ตรเลยี ม ได้ท่ี https://www.youtube.com/watch?v=tRStjpCf0-o ชดุ กจิ กรรมการเรียนรรู้ ายวิชาเคมีพ้ืนฐาน ชดุ ที่ 1 เรื่อง ปิโตรเลยี ม

รูปภาพท่ี 1.9 การสารวจและพัฒนาแหลง่ ปิโตรเลยี ม (ทีม่ า : https://sites.google.com/site/pattaraprapajongsoo/) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาเคมพี น้ื ฐาน ชดุ ที่ 1 เร่อื ง ปโิ ตรเลยี ม หนา้ || 16

➢ 1. การสารวจทางธรณีวิทยา เรม่ิ ด้วยกำรทำแผนท่ีของบริเวณทส่ี ำรวจโดยอำศัยภำพถ่ำยทำงอำกำศ (Aerial Photograph) เพื่อให้ ทรำบว่ำบรเิ วณใดมโี ครงสรำ้ งทำงธรณวี ิทยำนำ่ สนใจควรที่จะทำกำรสำรวจต่อไปหรือไม่ จำกนันนักธรณีวิทยำ จะเขำ้ ไปทำกำรสำรวจโดยกำรตรวจดู เกบ็ ตวั อยำ่ งชนดิ ของหนิ และซำกพชื ซำกสตั ว์ (Fossils) ซึ่งอยู่ในหิน เพอ่ื จะได้ทรำบอำยุ ประวัตคิ วำมเป็นมำของบรเิ วณนนั และวดั แนวทิศทำงควำมเอยี งเทของชนั หินเพื่อ คำดคะเนหำแหลง่ กกั เกบ็ ของปิโตรเลียม รปู ท่ี 1.10 การสารวจธรณีวิทยาปโิ ตรเลยี ม หน้า || 17 (ท่ีมา : http://pradthanasurananapinya.files.wordpress.com) ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้รายวชิ าเคมพี ้นื ฐาน ชดุ ท่ี 1 เรื่อง ปโิ ตรเลยี ม

2. การสารวจทางธรณีฟสิ กิ ส์ เป็นขันตอนกำรสำรวจหำโครงสรำ้ งของหนิ และลักษณะของโครงสรำ้ งทีอ่ ยู่ในพนื ผิวโลกโดยอำศัยวิธีกำร ดงั นี 1. วิธีวดั ค่ำสนำมแมเ่ หลก็ (Magnetic Survey) เป็นกำรวดั ค่ำควำมแตกต่ำงของสนำมแม่เหล็กโลก ซ่ึงเกี่ยวข้องกับกำรเปลีย่ นแปลงโครงสรำ้ ง หรอื ควำมสำมำรถในกำรดูดซึมแมเ่ หลก็ ของหินทอี่ ยู่ใตผ้ ิวโลก ทำให้ทรำบถึงลกั ษณะโครงสร้ำงของหินรำกฐำน (Basement) โดยใช้เครื่องมือวดั คำ่ สนำมแมเ่ หลก็ (Magnetometer) ทำให้เหน็ โครงสร้ำงและขนำดของแหล่งกำเนดิ ปิโตรเลยี มในขันต้น รูปภาพที่ 1.11 การวดั ความไหวสะเทือน (ทมี า: http://dc358.4shared.com/doc/RKH3rIiH/preview.html) 2. วธิ ีวดั คล่ืนควำมส่นั สะเทือน (Seismic Survey) เปน็ กำรสง่ คลน่ื ส่นั สะเทอื นลงไปใตผ้ ิวดิน เมือ่ คลืน่ สนั่ สะเทือนกระทบชันหนิ ใต้ดินจะสะท้อน กลบั มำบนผิวโลกเข้ำทีต่ ัวรบั คล่นื เสียง (Geophone หรอื Hydrophone) ซึ่งหินแตล่ ะชนิดมคี ุณสมบัติในกำร ให้คลืน่ สนั่ สะเทือนผำ่ นไดต้ ่ำงกนั ขอ้ มูลทไี่ ด้จะสำมำรถนำมำคำนวณหำควำมหนำของชนั หนิ และนำมำเขียน เปน็ แผนทีแ่ สดงถึงตำแหนง่ และรูปลกั ษณะโครงสรำ้ งของชันหินเบอื งลำ่ งออกมำเปน็ ภำพในรปู แบบตัดขวำง 2 มิติ และ 3 มิติได้ 3. วธิ วี ดั คำ่ แรงดึงดดู ของโลก (Gravity Survey) เปน็ กำรวัดค่ำควำมแตกตำ่ งแรงโนม้ ถว่ งของโลกอนั เนื่องมำกจำกลกั ษณะและชนดิ ของหิน ใต้พนื โลก หินต่ำงชนิดกนั จะมคี วำมหนำแนน่ ต่ำงกนั หินที่มีควำมหนำแนน่ มำกกวำ่ จะมีลักษณะโค้งขนึ เปน็ รูป ประทุนควำ่ คำ่ ของแรงดึงดดู โลกตรงจุดทอ่ี ยู่เหนือแกนของประทุนจะมำกกวำ่ บรเิ วณริมโครงสร้ำงวิธวี ดั คลื่น ควำมสนั่ สะเทือน (Seismic Survey) ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้รายวชิ าเคมพี ้นื ฐาน ชุดที่ 1 เรือ่ ง ปโิ ตรเลยี ม หนา้ || 18

3. การเจาะสารวจ เพอ่ื ให้ได้ขอ้ มลู วำ่ บริเวณท่ีทำกำรสำรวจปิโตรเลียมมปี โิ ตรเลียมอยู่หรือไม่ โดยใช้เครื่องมือเจำะที่มี ลักษณะเป็นส่วนหมุน (Rotary Drilling) ติดตงั อยู่บนฐำนเจำะ ใชห้ วั เจำะชนิดฟนั เฟอื งต่อกับก้ำนเจำะ ซึ่งจะ สอดผ่ำนลงไปในแท่นหมนุ ขณะเจำะเครื่องยนตจ์ ะขบั เคลื่อนแทน่ หมุนพำก้ำนเจำะและหัวเจำะหมนุ กัดบน ชนั หินลงไป นำโคลนซึ่งเปน็ สำรผสมพิเศษของโคลนผงสำรเพม่ิ นำหนักผงเคมี และนำ จะถกู สูบอัดลงไปในก้ำน เจำะเพื่อทำหน้ำทเี่ ป็นวสั ดุหล่อลืน่ และลำเลียงเศษดนิ ทรำย จำกหลมุ เจำะขึนมำปำกหลมุ และยังเปน็ ตัว ป้องกนั ไมใ่ หน้ ำมนั ดบิ และกำ๊ ซธรรมชำตดิ นั ขึนมำปำกหลุมในขณะทำกำรเจำะด้วย เมอ่ื เจำะลึกมำก ๆ จะต้อง ใสท่ อ่ กรุกนั หลมุ พงั โดยจะสวมกันเป็นช่วง ๆ กำรเจำะสำรวจปโิ ตรเลยี มมีขันตอนโดยสังเขป ดงั นี รปู ภาพท่ี 1.12 การเจาะปโิ ตรเลยี ม (ท่ีมา : http://www. lesa.biz/earth/lithosphere/fuel/oil.) ขันตอนกำรเจำะสำรวจ (Exploratory Welt) เปน็ กำรเจำะสำรวจหลุมแรกบนโครงสรำ้ งท่คี ำดวำ่ อำจจะเป็นแหล่งปโิ ตรเลยี มแตล่ ะแห่ง ขันตอนกำรเจำะหำขอบเขต (Appraisal Welt) เปน็ กำรเจำะสำรวจเพ่มิ เติมในโครงสรำ้ งท่ีเจำะพบ ร่องรอยของปิโตรเลียมจำกหลุมสำรวจ เพื่อหำขอบเขตพืนท่ีของโครงสร้ำงแหล่งกักเก็บปโิ ตรเลียมแต่ละแห่ง ว่ำจะมีปโิ ตรเลยี มครอบคลมุ เนอื ท่ีเท่ำใด ชุดกิจกรรมการเรียนรรู้ ายวิชาเคมีพนื้ ฐาน ชดุ ที่ 1 เรื่อง ปโิ ตรเลียม หน้า || 19

➢ เมอื่ พบโครงสร้ำงแหลง่ ปิโตรเลยี มแล้ว ก็จะทำกำรทดสอบกำรผลติ (Welt Testing) เพื่อศกึ ษำสภำพ กำรผลิต คำนวณหำปริมำณสำรองและปริมำณท่จี ะผลิตในแต่ละวนั รวมทงั ปโิ ตรเลยี มที่ค้นพบมำตรวจสอบ คณุ ภำพ และศึกษำหำขอ้ มูลลกั ษณะโครงสรำ้ งของแหล่งปโิ ตรเลยี มและชันหินเพิ่มเติมให้แนช่ ัด เพื่อนำข้อมูล มำใช้ในกำรออกแบบแท่นผลิต และวำงแผนเพ่ือกำรผลิตตอ่ ไป ประเทศไทยพบแหล่งนำมนั ดิบเป็นครงั แรกที่อำเภอฝำง จงั หวดั เชียงใหม่ เม่ือปี พ.ศ. 2464 ปจั จุบนั มีปริมำณเหลือน้อยมำก ต่อมำได้พบแหล่งนำมันดิบทจี่ ังหวัดกำแพงเพชร เรียกว่ำแหล่งสิริกิต์ิ ซ่ึงได้นำมำกลน่ั ใชป้ ระโยชน์ได้ประมำณ 20,000 บำเรลต่อวัน ปรมิ ำณดงั กล่ำวยงั ไมเ่ พียงพอต่อกำรบริโภคภำยในประเทศ จึงตอ้ งนำเขำ้ ทงั นำมันดิบและนำมนั สำเร็จรูปจำกตำ่ งประเทศ นำมันดิบท่นี ำเข้ำต้องนำมำกล่ันแยกสว่ น ก่อนนำไปใช้ประโยชนต์ ำมสมบตั ขิ องสำรในแต่ละสว่ นทกี่ ลน่ั ได้ ➢ แหล่งปโิ ตรเลียมในประเทศไทย มดี งั นี 1. แหลง่ นำมันฝำง อำเภอฝำง จังหวัดเชยี งใหม่ 2. แหล่งแก๊สบริษัทยูโนแคล ประกอบดว้ ยแหล่งแกส๊ เอรำวัณ บรรพต สตลู ปลำทอง ปลำแดง กะพง ฟูนำน จกั รวำล สรุ ำษฎร์ ปลำหมกึ โกมนิ ทร์ และไพลนิ ซ่งึ อยู่บรเิ วณอ่ำวไทย 3. แหลง่ นำมันสิริกติ ์ิ อำเภอลำนกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร 4. แหล่งแกส๊ นำพอง อำเภอนำพอง จงั หวัดขอนแกน่ 5. แหล่งนำมันกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม แหล่งนำมนั อ่ำงทอง อำเภออู่ทอง จงั หวัดสพุ รรณบุรี 6. แหล่งนำงนวล เปน็ แหลง่ นำมันดิบในอำ่ วไทย อยูน่ อกชำยฝ่ังจงั หวดั ชุมพร 7. แหล่งบงกช เป็นแหลง่ แกส๊ ธรรมชำติในอำ่ วไทย 8. แหล่งนำมนั วเิ ชยี รบุรีและศรีเทพ จงั หวดั เพชรบรู ณ์ 9. แหล่งทำนตะวันและเบญจมำศเป็นแหลง่ นำมนั ดิบและแกส๊ ธรรมชำตบิ รเิ วณอ่ำวไทย ชุดกิจกรรมการเรยี นรูร้ ายวชิ าเคมีพ้นื ฐาน ชุดที่ 1 เรือ่ ง ปิโตรเลียม หนา้ || 20

➢ ผลิตภัณฑท์ ีไ่ ด้จำกกำรแยกแก๊สธรรมชำตแิ ละกำรกลัน่ นำมันดบิ ส่วนใหญน่ ำมำใช้เป็นเชือเพลงิ ชนดิ ตำ่ ง ๆ ดงั นี 1. แก๊สหงุ ต้ม 2. ตัวทำละลำยในอตุ สำหกรรมเคมี 3. นำมันเบนซิน 4. นำมันก๊ำด, เชือเพลิงเคร่ืองบินไอพ่น 5. นำมันดเี ซล 6. นำมนั หลอ่ ล่ืน 7. นำมนั เตำ 8. เทยี นไข, จำรบี 9. ยำงมะตอย ชุดกิจกรรมการเรียนร้รู ายวิชาเคมีพ้ืนฐาน ชดุ ที่ 1 เรื่อง ปิโตรเลียม หน้า || 21


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook