เทคนิคการสอนแบบ MIAP ให้ประสบความสำเร็จ รศ วรพจน์

คณะครุศาสตรอ ุตสาหกรรม   มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา พระนครเหนอื   สรปุ ความรูจากการกิจกรรมแลกเปลย่ี นเรียนรู “เทคนคิ การสอนแบบ MIAP ใหประสบความสาํ เรจ็ ” วทิ ยากร รองศาสตราจารย ดร.วรพจน ศรวี งษค ล คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ 1. ขนั้ ตอนการเรียนรูแบบ MIAP การสอนแบบ MIAP จะมกี ระบวนการอยู 4 ข้ันตอน คอื  ขน้ั สนใจ (Motivation)  ขนั้ ศกึ ษาขอ มลู (Information)  ข้ันพยายาม (Application)  ขั้นสาํ เรจ็ ผล (Progress) 1) ข้ันสนใจ (Motivation) ผูส อนตอ งกระตนุ ความสนใจใหผเู รยี นเกดิ ความอยากเรยี นรูในเนอ้ื หา โดยใชส ือ่ ประกอบคาํ ถาม แบบกวา งๆ เพอ่ื ใหผ เู รยี นสว นใหญมสี ว นรวม 2) ขนั้ ศึกษาขอมลู (Information) ผสู อนตอ งเลอื กเน้อื หาท่ีตอ งรู (Must know) มาสอนกอนเชน การสอนเร่ืองเครอื่ งมอื วัด ตอ งสอน วธิ ีการอา นกอนแลวจึงสอนวธิ ีการใชง าน วิธกี ารบาํ รงุ รกั ษา และการบอกช่อื ชน้ิ สว นตา งๆ โครงการแลกเปล่ียนเรียนรู 19 พฤษภาคม 2554  หนา 1 

คณะครศุ าสตรอ ุตสาหกรรม   มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลาพระนครเหนือ  3) ข้ันพยายาม (Application) ผูสอนตองมีแบบฝก หดั เพ่ือใหผูเรยี นใชความรูท ่ไี ดเ รยี นมาแกปญ หา และเปน การเปล่ยี นกจิ กรรม เพอ่ื ไมใหเกดิ ความเบอื่ หนายในการเรียนรู 4) ขน้ั สาํ เรจ็ ผล (Progress) ผสู อนตอ งมีการเฉลยแบบฝกหัด เพือ่ ใหผ เู รียนตรวจปรบั ความรูความเขาใจในเน้อื หาท่ไี ดเ รียนมา และเปนการเปลี่ยนกจิ กรรมเพือ่ เพ่มิ ความสนใจ และเปน การสรปุ ซ้าํ ในเน้ือหา 2. ปจ จัยแหง ความสาํ เร็จ (Key of Success) การสอนแบบ MIAP ใหประสบความสําเร็จไดนั้นครผู สู อนจะตอ งทาํ ความเขา ใจถงึ แกน ของการ สอนแบบ MIAP และตอบคาํ ถามใหไดก อ นวา “ทําไมตอ งสอนแบบ MIAP” ซ่งึ ผูสอนจะตองเขา ใจถงึ สง่ิ ตา งๆ ตอไปน้ี  พฤตกิ รรมการเรียนรูของมนษุ ย  ปจ จัยท่มี ีผลตอ การเรียนรู  การทําใหเกิดความคงทนในการเรียนรู  ระดับความสําคัญของเน้ือหา โดยมีรายละเอยี ดเพิ่มเติมดงั น้ี 1.1 พฤตกิ รรมการเรียนรขู องมนษุ ย “การเรียนรู” หมายถึง การทําใหเ กดิ การเปล่ียนแปลงพฤติกรรม  จากไมรูเปนรู  จากทําไมไ ดเปน ทาํ ได  จากการขาดจติ สํานึกทีด่ ี เปน มจี ิตสาํ นึกทด่ี ี พฤตกิ รรมการเรียนรูของมนษุ ยจ ะแบง ออกเปน 3 ดาน คือ  ดา นสมอง จติ พิสัย (Cognitive Domain) เปนการเรียนรเู กยี่ วกบั ขอเท็จจรงิ (Fact) ความคิดรวบยอด (Concept) และหลกั การ (Principle)  ดา นกลา มเน้อื ทกั ษะพสิ ยั (Psychomotor Domain) เปนพฤติกรรมทางกลามเนื้อ แสดงออกทางดานรางกาย เชน การขับรถ การเลนกีฬา  ดา นจิตสํานกึ จติ พิสัย (Affective Domain) เปนพฤติกรรมท่ีเกิดข้ึนภายในเชน การเห็นคุณคา เจตคติ โครงการแลกเปลีย่ นเรียนรู 19 พฤษภาคม 2554  หนา 2 

คณะครุศาสตรอ ุตสาหกรรม   มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา พระนครเหนอื   ซง่ึ ในแตล ะดานก็จะมีการแบง ระดับของการเรียนรู ดงั แสดงในภาพ 1.2 ปจจัยทม่ี ผี ลตอ การเรยี นรู ความรูก เ็ หมือนกบั อาหาร แตเปน อาหารสาํ หรบั สมอง จึงตอ งคาํ นึงถึงปจจยั ตางๆดังตอ ไปน้ี  ขนาดของความรู ถาความรมู ีขนาดใหญเ กดิ ไป ผรู ับก็ไมก ็ไมส ามารถจะรับได เปรยี บเหมือน อาหารกอ นขนาดใหญ ซึง่ จะกินไดอยาก ควรมกี ารหั่นหรือยอ ยใหมขี นาดเลก็ ลงเสียกอ น ใหญเ กนิ ไป ยอ ยใหเลก็ ลงกอ น โครงการแลกเปลยี่ นเรยี นรู 19 พฤษภาคม 2554 หนา 3 

คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม   มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา พระนครเหนือ   การเรียงลําดับของความรู เชน เดยี วกับการกินอาหารโตะจนี หากไมเรียงลําดับใหด อี าจพลาด อาหารอรอ ย เชน เริ่มตน ดว ยขา วผดั ตามดว ยของผลไมก ระปอง แลวเอาหูฉลามไปไวท า ยสุด คนทกี่ ําลังหวิ กจ็ ะกินขาวผัดจนอม่ิ และไมส ามารถกินหูฉลามตอนทายได เรยี งลาํ ดบั ไมเหมาะสม เรยี งลําดบั เหมาะสม เนื้อหาความรูตอ งเรียงลาํ ดบั อยา งเหมาะสม  จากสง่ิ ท่ีรูแ ลวไปยงั สง่ิ ทีไ่ มร ู  จากสง่ิ ท่ีงายไปหาส่ิงทีย่ าก  จากสง่ิ ที่เหน็ จริงไปยงั สง่ิ ท่เี ล่ือนลอย  จากสงิ่ ที่สังเกตเห็นไปหาเหตผุ ลและกฎเกณฑ  ความสนใจและความตัง้ ใจของผูเรยี น จากผลการวิจัยพบวา ผเู รยี นจะใหค วามสนใจ และตง้ั ใจ เรยี นสูงในชว ง 20 นาทแี รก จากนั้นความสนใจจะลดลงไปเร่อื ยๆ ดงั นนั้ ผูสอนจะตอง ปรบั เปลี่ยนวิธกี ารเรียนทกุ ๆ 20 นาที เพอ่ื กระตนุ ผเู รยี น โครงการแลกเปลยี่ นเรียนรู 19 พฤษภาคม 2554 หนา 4 

คณะครุศาสตรอ ุตสาหกรรม   มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลาพระนครเหนือ  นอกจากน้ันยงั มปี จ จัยอนื่ ๆ อีก ไดแ ก  การมีสว นรว มของผูเ รยี น  การอ่ิมตวั ในการรบั เนื้อหา (Saturation)  การสรุปเนอ้ื หาดว ยใจความสาํ คญั  ผูเรียนมีการทาํ กิจกรรมการแกป ญ หา  มีการประเมินผลกิจกรรม  มีความเหมาะสมของสอื่ การสอน 1.3 ทาํ อยา งไรจงึ จะเกิดความคงทนในการเรยี นรู จาก Curve of forgetfulness จะพบวาเมอ่ื เวลาผา นไป ความจําทเ่ี กิดจากการเรยี นรจู ะลดลงไป เรื่อยๆ การทําใหเกิดความคงทนในการเรยี นรู ทาํ ไดโดย 1) การทําซํา้ การทําซ้ําหลายๆครงั้ จะทาํ ใหก ารจํามีความคงทนมากขน้ึ ดังภาพ Repetition and improvement in performance หนา 5  โครงการแลกเปลีย่ นเรยี นรู 19 พฤษภาคม 2554 

คณะครุศาสตรอ ุตสาหกรรม   มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลาพระนครเหนือ  2) การสรปุ เนือ้ หาที่สําคญั เพ่ือใหผูเรยี นสามารถจาํ เน้อื หาที่สําคัญไดด ี ครูผูส อนอาจสรุปสาระสาํ คญั เพ่ือใหง า ยตอการจํา ดงั ตวั อยางการจําคา ตวั หารของธาตุตา งๆ สัญลักษณท างเคมี ช่ืออา น ตวั หาร Al อะลมู ิเนยี ม B บอร al 10 Be แบรีลเลย่ี ม bor 10 C คารบอน ber 10 Ce เซอร ze 100 Co โคบอลท zer 100 Cr โครเมยี ม ko 4 Cu ทองแดง kro 4 Fe เหลก็ ku 10 Mg แมกนเี ซยี่ ม fer Mn แมงกานีส mag - Mo โมลิบดนิ มั man - N ไนโตรเจน mo 4 Nb นอฟ en 10 Ni นเิ กลิ nob 100 P ฟอสฟอรสั ni 10 Pb ตะก่ัว pe 4 S กาํ มะถนั plomp 100 Si ซลิ กิ อน es 10 Sn ดบี กุ si 100 Ta ทันทาล stan 4 Ti ติคาเน่ียม ta - V วานาเคย่ี ม ti 10 W ทงั เสตน vau 10 Zn สงั กะสี we 10 Zr เซอรคอน zink 4 zirk - 10 จากตารางคา ตวั หารของธาตตุ า งๆ ถา จะใหผ เู รียนทองจําตามน้คี งไมส ามารถจําได ครผู สู อนอาจทํา การสรปุ ใหง ายตอ การจาํ ดงั น้ี ธาตุ ตวั หาร Co, Cr, Mn, Ni, Si, W 4 Al, Cu, Mo, Pb, Ti, v 10 C, N, P, S 100 Zn, Sn, Mg, Fe - โครงการแลกเปล่ยี นเรยี นรู 19 พฤษภาคม 2554  หนา 6 

คณะครศุ าสตรอุตสาหกรรม   มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา พระนครเหนอื   และสรปุ เพิ่มเติมเพ่ือใหจ ําไดง า นขึน้ อีกดังนี้ ตวั หาร ธาตุ 4 10 แข็ง - หนัก 100 ปานกลาง ออ น - เบา 3) การใชเ ทคนคิ ในการจาํ เพอื่ ใหผูเรยี นสามารถจดจาํ สวนที่สําคญั ของเนื้อหาได อาจใชเทคนิคการจาํ ดังน้ี  การทอ งจําเปน ทํานอง  การทอ งคาํ คลอ งจอง  การจาํ โดยผูกเปน เรอื่ งเปนราว 1.4 ระดบั ความสาํ คญั ของเนอ้ื หา  Must know สิ่งท่ีผเู รยี น ตอ งรู ถาขาดเนอื้ หาสวนน้ี จะไมบรรลุวัตถุประสงค  Should know ส่งิ ที่ผเู รยี น ควรรู เปนเนื้อหาที่ชว ยทาํ ใหเขา ใจงายขน้ึ รวดเรว็ ขึ้น ลึกซง้ึ ขน้ึ  Could know สิง่ ทผี่ เู รยี น นา จะรู จะชว ยใหร กู วา งข้ึน แตม ีความสําคัญนอ ย ผูส อนจะตองวิเคราะหความสําคญั ของเนื้อหาทงั้ หมด และจะตอ งใหความสําคัญเนื้อหาในสว นท่ี เปน Must know มากท่สี ุด หลักเกณฑก ารสรา งใบเนื้อหา  เปนเนอื้ หาท่ีสาํ คัญของวัตถปุ ระสงค  ใชคาํ อธบิ ายงา ยๆ อานแลว เขา ใจไดท นั ที  ใชร ปู ภาพแทนคาํ บรรยาย หรือประกอบคําบรรยายใหม ากทีส่ ุด  เนอื้ หาตอ งสมบูรณอานแลวเขา ใจไดทนั ที ไมต อ งอธิบายเพ่ิม โครงการแลกเปล่ียนเรยี นรู 19 พฤษภาคม 2554  หนา 7 

คณะครศุ าสตรอุตสาหกรรม   มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลาพระนครเหนือ  สรุปลกั ษณะของบทเรยี นที่ดี  นา สนใจ  เนอ้ื หาถกู ตอ ง  สงเสริมความคดิ  เนน จดุ สําคัญ  ใหผ ูเรยี นเรียนรดู วยการลงมือปฏิบตั ิ โครงการแลกเปลย่ี นเรียนรู 19 พฤษภาคม 2554  หนา 8