Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงร่างงานวิจัย

โครงร่างงานวิจัย

Published by icebuby, 2021-09-21 04:17:38

Description: โครงร่างงานวิจัย

Search

Read the Text Version

โครงรางวิจัยในชัน้ เรยี น ชอื่ เรอ่ื ง การแกป ญหานักเรยี นไมทำงานท่ีไดรับมอบหมายดว ยตนเอง โดยใชก จิ กรรมแบบเพอื่ นสอนเพ่อื น ของนักเรียนมธั ยมศึกษาปท ี่ 5/3 ความเปนมาและความสำคญั ของปญ หา จากการทดสอบยอย วิชางานเช่ือมไฟฟาในการปฏิบัติงานตามใบงาน ของนักเรียนระดับชน้ั มัธยมศึกษาป ที่ 5/3 วิชางานเชื่อมไฟฟา สายการเรียนอุตสาหกรรม พบวานักเรียนจำนวน 4 คน ได คะแนนอยูในระดับ ต่ำไมถึงรอยละ 60 ทำใหไมผานเกณฑท่ี กำหนด เน่ืองจากขาดทักษะในการปฏิบัติงาน โดยปกติกลุมที ได คะแนนในระดับต่ำจะไมก ลาแสดงการปฏบิ ตั ิงานเน่อื งจากกลัวงานท่ที ำนั้นเสีย แต ขณะเดียวกนั มีนักเรยี นบาง คนที ไดคะแนนอยูในเกณฑสูง และผานเกณฑที กำหนด จะมีความม่ันใจในการ แสดงความสามารถในการ ปฏิบัติงาน จากปญหา ท่ีเกิดขึ้นทำใหผูวิจัยหาแนวทางแกปญหาเพื่อปรับวิธีเรียน เปล่ียนวิธีสอนใหด ีข้ึน โดย ใหนักเรยี นไดฝกทักษะในการปฏิบัตงิ าน โดยใชกจิ กรรมแบบเพ่ือนสอนเพ่ือน จุดเดนของการสอนแบบเพื่อน สอนเพื่อน คือ นักเรียนอยูในวัยใกลเคยี งกัน ภาษาที นักศึกษาใชส ื่อสารกนั นัน้ จะสือ่ สารความเขา ใจไดด ีและ เหมาะสมกวาครูที สอน นักเรียนมีความเขาใจใกลชิดสนิทสนมเปนกันเอง จึงกลาและสะดวกตอการซักถาม เรอ่ื งที ไมเขาใจมากกวา ที จะถามครูผูสอน นักเรียนที่ทำหนาท่ีเพื่อนสอนเพือ่ นจะสอนเพ่ือนกลุมเลก็ ๆ กลุม ละ 3-4 คน เทานั้น ซ่ึงแตกตางจากการสอนของครูจะสอนกลุมใหญ ๆ ขณะเดียวกันครทู ่ี สอนจะตองคอย ดูแลนักเรยี นทท่ี ำหนาท่ีสอนเพื่อนอยางใกลชดิ ผูวิจัยคาดวาหาก นักเรียนไดฝ กทักษะจากการปฏิบัติงานดวย ตนเองโดยใชวิธีการสอนแบบเพ่ือนสอนเพ่ือน จะทำให นักเรียนมีความม่ันใจในการคิด กลาแสดงออกและ ซักถามปญ หามากขนึ้ จะทำใหนักเรียนปฏบิ ัติงานไดดี ขน้ึ และผา นเกณฑท ุกคน สว นของรายวชิ างานเช่อื มไฟฟา ในเนื้อหาสาระท่สี อนจะเปน เรื่องเกี่ยวกบั ความปลอดภัยในงานเชอื่ ม หลักการเช่ือมไฟฟา สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ อันตรายท่ีเกิดจากงานเชื่อม เครื่องมือและอุปกรณในงาน เชื่อมไฟฟา ความสำคัญของเคร่ืองมือและอุปกรณ การอานสัญลักษณของลวดเชื่อม การเก็บบำรุงรักษา เคร่ืองมือและอุปกรณ ความรูและเทคนิคในงานเชื่อม หลักการเช่ือมแบบตอชน การเชื่อมแบบตอชน การ เชื่อมเขามุม การเช่ือมแบบตอดาม ตำแหนงทาเชื่อม และรอยตอ ลักษณะของสาเหตุและวิธีการแกไขรอย เช่อื ม องคประกอบสำคัญของงานเชอ่ื มไฟฟา ปญหาที่พบในการเรียนการสอน จะเปนในเรื่องของการไมทำงานดวยตัวเอง การสงงานไมตรงตาม เวลาท่ีกำหนด การหยอกลอ กันขณะปฏิบตั ิงาน การใชเครอื่ งมือและอปุ กรณเ สร็จแลว ไมเ กบ็ ไวท เี่ ดิมและการใช เครื่องมอื แบบผดิ ประเภท วตั ถปุ ระสงคข องการวจิ ยั 1. เพอื่ การแกปญ หาเรื่อง การไมทำงานท่ี ไดร บั มอบหมายดวยตนเอง วิชางานเชอื่ มไฟฟาของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 5/3 สายการเรียนอุตสาหกรรม โดยใชกิจกรรมแบบเพ่ือนสอนเพื่อน โดยมี เปา หมายเพือ่ ใหนักเรยี นมีทกั ษะในเร่ืองการปฏบิ ัตงิ านเชอ่ื มไฟฟาเพ่ิมมากข้ึน ขอบเขตของการวิจยั

กลุมเปาหมาย การวจิ ยั คร้ังนเ้ี ปน การวจิ ัยในชน้ั เรยี น สำหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาช้นั ปท่ี 5/3 สายการเรยี น อุตสาหกรรม โรงเรียนราชประชานุเคราะห 31 ภาคเรียนท่ี 1/2564 จำนวน 10 คน เนอ้ื หา เน้ือหาทีใ่ ชว ิจยั คอื การเชื่อมเขามมุ กลมุ สาระการเรียนรู การงานอาชพี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5/2 เอกสารและงานวิจัยทเี่ ก่ียวขอ ง สาเรงิ บุญเรืองรัตนและคนอนื่ ๆ ไดเสนอผลงานวจิ ยั เร่ือง การสรา งและการตรวจสอบคุณภาพ ของแบบ ประเมินผลการสอน ปพ.ศ. 2525 วา ในการสรา งแบบประเมนิ ผลการสอนอาศัยแนวความคดิ ของครอนบัค ( Cronbach , 1963 ) ที วา การประเมินผลการสอนที ดีควรบอกไดวา วัสดุอุปกรณวิธีการ สอน ทำให ผเู รียนเกิดการเรียนรูไดดีหรอื ไมและสามารถบอกไดวา จะตอ งเปล่ียนแปลงปรับปรุงที ตรงไหน และอยา งไร ผู ที จะบอกไดอยางดีเช่ือถือไดและเที่ยงตรงในการประเมินผลการสอนของครูก็คือความเห็น ของนักศึกษา เกยี่ วกบั การเรียนรูและกิจกรรมตาง ๆ ที ผสู อนจดั การอยู ทัง้ นี้เน่ืองจากนกั ศึกษาเปน ผูที สังเกตการสอนของ ครูที เก่ียวกับการสอนของครทู ี ยาวนานที สุดและใกลชิดกบั การสอนของครมู ากที สุด ฉะน้ันความเห็นตาง ๆ ของนักศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมจัดการเรียนรูของครูใหผูเรียนจึงมีคุณคาอยางมากตอ การประเมินผล ประสิทธิภาพการจัดกิจกรรมการเรียนรู และขอเสนอแนะของ สเปนเซอรและอเลียโมนิ (Spencer and Aleamoni , 1969) ที วา วิธีการที เช่อื ถอื ไดและเท่ียงตรงในการประเมินผลการสอนของครู กค็ ือความเห็น ของนักศึกษาที เก่ียวกับการสอน และ กิจกรรมตาง ๆ ที ผูจัดกิจกรรมการเรียนรูจัดอยูใน กรอบของ องคประกอบของการเรียนรูที ดี6 ประการคือ (1) ทัศนคติท่ัว ๆ ไปที มีตอวิชาที เรียน (2) เน้ือหา ที เรยี น (3) วิธีสอน (4) ตัวผูสอน (5) ความสนใจของนักศึกษา (6) การรวมกิจกรรมการเรียนรูระหวางครู และ นักศึกษา ผูวิจัยจึงไดสรางแบบสอบถามชนิดมาตราสวนประมาณคา 30 ขอ สรุปผลการวิจัยในการ ตรวจสอบคุณภาพของแบบประเมินผลการเรียนรู พบวา แบบประเมินผลการเรียนรูมีคาความเช่ือมั่นอยู ระหวาง .84 ถึง .92 ความเท่ียงตรงของแบบประเมินผลการเรียนรูอยูระหวาง .70 - .90 ( บทสรุปรวม ผลงานวจิ ัยทางการศึกษา ครง้ั ที 3 , 2526 : 248 - 253) 6 เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ และคนอื่น ๆ เสนอผลการวจิ ัยเร่ือง ประสิทธิภาพของการบริหาร การ นเิ ทศ กับ ระบบการฝกหัดครู ป พ.ศ. 2530 วา จากการประเมินสภาพการจัดการศึกษา และการ ประเมินผล แผนพัฒนาการศึกษาแหงชาติ ฉบับที 5 (2525 - 2529) พบวาปญหาดานคุณภาพของ กระบวนการเรียน การสอนตามหลักสูตรฝกหัดครูยังไมไดปรับปรุงภาคปฏิบัติใหประสานสัมพันธกับทฤษฎี ขาดการประเมินผล อยางมีระบบที สามารถนาผลการประเมนิ มาปรบั ปรงุ การผลิตครใู หมีประสทิ ธภิ าพอยู เสมอ (อา งจาก พจนสะ เพยี รชัย 2529 : 20) ซอมเมอรส (Somers , 5735 -A) ไดทำการศึกษาระดับความพึงพอใจของนักศึกษามัธยมศึกษา ตอน ปลายปสุดทาย ที สมั พันธก ับการจัดหลกั สตู รและทัศนคติของครวู ัตถุประสงคเ พ่ือ ศกึ ษาความสัมพันธระหวา ง การจัดหลักสูตรแตละดาน กับความพึงพอใจของนักศกึ ษาซ่ึงแบงออกเปน ดาน วิชาการ ธุรกิจ การงานศึกษา โครงการ และดานอาชีพและเทคโนโลยีนอกจากนี้ยังตองการศึกษาความพึง พอใจของนักศึกษาใน 5 ดาน ของหลักสูตรวา มีความสัมพันธกับทัศนคติของครูอยางไร ผลการศึกษา ปรากฏวา นักศกึ ษาในหลักสูตรท้ัง 5 โปรแกรมมกี ารรับรไู มพึงพอใจดา นบคุ ลากร และยง่ิ ไปกวา นัน้ นกั ศกึ ษาในโปรแกรมโครงการ เมอื่ เปรียบเทียบ กับอกี 4 กลมุ มคี วามรูสึกวาไมสามารถจะเขา กับพวกเขา ไดไ มรูจกั พวกเขา ไมค ำนึงถงึ ความแตกตางระหวา ง บุคคลของพวกเขา และไมใหค วามชวยเหลือที เพียงพอ กบั พวกเขาในเรอ่ื งงานที มอบหมาย (ประพัฒนจ าปา ไทย , 2525)

ผูเรียนมีความพงึ พอใจตอลกั ษณะของอาจารยท ี มคี วามเกี่ยวขอ งในวชิ าที สอน อุทศิ ตนเพอื่ ผเู รียน มี เทคนคิ วธิ ใี นการกระตุนใหผูเ รยี นคดิ หาความจรงิ มที ัศนคติที ดีตอ ผเู รียน มีความยตุ ิธรรมและมคี ุณธรรม นอกจากน้ียงั มีการเตรียมตัวในการสอนเปนอยางดีและมบี ุคลิกภาพดีในดานการเรยี นรผู ูเ รียนมีความพึง พอใจ การเรยี นรแู บบเนนผเู รยี นเปน สำคัญ วธิ ดี ำเนินการวจิ ัย ประชากรหรอื กลมุ ตัวอยา ง นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5/3 จำนวน 10 คน ภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศึกษา 2564 เครอื่ งมอื ทีใ่ ชในการวิจยั 1. กจิ กรรมเพ่ือนสอนเพอ่ื น 2. ใบงาน 3. แบบสำรวจความพงึ พอใจ 4. แบบทดสอบหลังเรยี น วิธีการเกบ็ รวบรวมขอมูล 1. ช้แี จงวิธกี ารเรยี นการสอน โดยใชกจิ กรรมแบบเพื่อนสอนเพ่ือนตอกลุมนักเรยี นท้งั หมด 2. แบงกลุมนกั เรยี น กลุมละ 3-4 คน ได 3 กลมุ 3. ใหนักเรียนเสนอชื่อเพ่ือนนักเรียนท่ี จะทำหนาท่ีสอนเพ่ือนและนักเรียนที่ ถูกเสนอชื่อ จะตองเต็มใจท่ี จะทำหนาที่ สอนเพ่ือน จากน้ันใหนักเรียนท่ีเหลือสมัครเขากลุมเพ่ือทำหนาท่ี เปน ผเู รียน แตละกลุม ประกอบดวยผูสอน 1 คน และผเู รยี น 3 คน รวมเปน 4 คนตอ 1 กลุมหรอื ผูส อน 1 คน ผเู รยี น 2 คนตอ 1 กลมุ 4. ใหนักเรียนจัดกลุมโดยคละความสามารถซ่ึงไดคะแนนจากการทดสอบยอย คะแนนเต็ม 10 คะแนน จดั ลำดบั คะแนน 5. ครูชี้แจงนักเรียนที่ทำหนาท่สี อนเพื่อน ๆ และใหใบงาน ลวงหนาเพื่อเตรียมตัวสอนเพื่อน ภายในกลุมท่ี รบั ผิดชอบและนำใบงานสงครแู ละถามปญ หาขอ สงสัย 6. ช่ัวโมงที่ 1 ใหนักเรียนรวมกลุมตามท่ี ไดแบง เพ่ือศึกษาการทำใบงานและใหนักเรียนแต ละคน สงใบงานภายในเวลาท่ี กำหนด หลังจากนั้นใหตอบแบบสัมภาษณผูวิจัยบันทึกผลการให คะแนนจากการ ตอบแบบสมั ภาษณ 7. ช่วั โมงที 2-3 ซ่ึงเปนชวงเวลาฝกภาคปฏบิ ัตใิ นเรื่องการเช่ือมเขามุม โดย ใชกิจกรรมแบบ เพอ่ื นสอนเพื่อน แบงนกั ศึกษาออกเปน 2 กลุม คือ กลุมผูสอน และกลุมผูเรยี น ใหนกั เรยี นกลุมท่ี ทำ หนาท่ีสอนเพ่ือนปรับปรุงวิธีการสอนจากคาบที 1 และ 2 ใชเวลา 20 นาทีในการแนะนำ สวน นกั เรียนกลุมผูเรียนศึกษาใบงานที 3 และ 4 หลังจากครูผูสอนแนะนำนักเรียน กลุมที่ทำหนาท่ี สอน เพ่ือน เสร็จ ใหรวมกลุมเหมือนเดิมตามท่ีเคยปฏิบัติในคาบที 1-2 และใหแตละกลุมศึกษาและทำใบ งานท่ี 3 และ 4 สงครูผูสอนภายในเวลาทกี่ ำหนด และตอบแบบสัมภาษณจากการทำใบงานท่ี 3 และ 4 ผูวิจยั บนั ทึกผลการตอบแบบสมั ภาษณ การวิเคราะหข อมูล การวิเคราะหขอมูลของการวิจัยในคร้ังน้ี ใชเครื่องไมโครคอมพิวเตอร โปรแกรมสำเร็จรูป สำหรับ การวิจัย ในการวิเคราะหหาคาสถิติตาง ๆ ดังน้ี หาคาเฉลี่ยและสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ

คะแนนความพึงพอใจของการจัดการเรียนรู แตละขอ ความที่กำหนดใหประเมิน คาเฉลี่ยของคะแนน ความพงึ พอใจ แบง ออกเปน 3 ระดบั ตามท่ี กำหนดไวใ นแบบ สำรวจ คือ ระดับ 1 หมายถงึ ความพงึ พอใจนอย ระดบั 2 หมายถึง ความพึงพอใจปลานกลาง ระดับ 3 หมายถงึ ความพงึ พอใจมาก ประโยชนท่ีไดรับจากการวิจัย 1. แกป ญหาของนักเรียนทไ่ี มทำงานทไ่ี ดร บั มอบหมายดวยตนเอง 2. นักเรยี นมีคะแนนเพ่ิมมากขึ้น มคี วามกลาแสดงออก และทกั ษะการปฏิบัตงิ านเพิม่ มากขึน้ จากการ ปฏบิ ตั ิงานดวยตนเอง

ภาคผนวก แผนการจดั การเรียนรทู ี่ 14 รายวชิ า งานเชอ่ื มไฟฟา รหัสวชิ า ง32244 กลุม สาระการเรียนรู การงานอาชพี หนวยการเรยี นรูท ี่ 3 เรื่อง ความสำคัญเทคนคิ และหลักการเชื่อมไฟฟา แบบตา งๆ ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เรอื่ ง การเชื่อมเขา มมุ เวลา 3 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2564

ผูส อน นายพินิจ พูลผล 1. สาระมาตรฐาน/มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชี้วดั มาตรฐาน ง 4.1 เขาใจ มที กั ษะทีจ่ ำเปน มีประสบการณ เหน็ แนวทางในอาชีพ ใชเทคโนโลยเี พ่อื พัฒนาอาชพี มีคณุ ธรรม และมีเจคตทิ ี่ดตี ออาชีพ 2. สาระสำคญั การใชล วดเชื่อมที่มีฟลักซหนาใหความรูสกึ ตอ ผเู ชื่อมท่ีไมตอ งกังวลกับความผนั ผวนของเปลวไฟอารก เหมือนลวดเชือ่ มฟลักซบ างหรือลวดเช่ือมเปลือยและลวดเช่ือมสอดไส (Flux-Filled Wire) ฟลกั ซหนาที่หมุ ลวด เชอื่ มไวราวกบั ทอจะชวยใหเนอ้ื วสั ดุจากลวดเช่อื มละลายไหลรวมกบั เนอ้ื ชนิ้ งานไดอ ยา งถูกตอง โดยผูเช่อื ม เพยี งเอยี งลวดเชอื่ มเลก็ นอย เพื่อใหเปลวไฟอารก ชว ยสงนำ้ โลหะไปยังแนวเชอ่ื ม และดันสแลคทห่ี ลอมเหลว กลบั มาเย็นตัวหลงั แนวแทนการไหลแซงน้ำโลหะไปหนาแนวเชือ่ ม 3. จุดประสงคการเรียนรู ดานความรู (K) เพอ่ื ใหนักเรยี นรูวิธีการเชื่อมเขามุม ดา นทักษะกระบวนการ (P) เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถเช่ือมเขามุมได ดานเจตคติ (A) เพ่ือใหมีกิจนิสัยทด่ี ีทำงานดว ยความเปนระเบยี บเรยี บรอย ประหยัด ประณีต รอบคอบ ซือ่ สตั ยแ ละปลอดภยั 4. สาระการเรยี นรู - การเช่อื มเขา มุม 5. กจิ กรรมการเรียนรู ขั้นนำ 1. ครทู บทวนความรเู ดิมใหนกั เรียน 2. เปดโอกาสใหนักเรียนถามในสง่ิ ทสี่ งสยั หรอื ยังไมเ ขา ใจในเนอ้ื หาท่ีสอน 3. ครูตอบคำถามนกั เรยี นในขอทส่ี งสัย ใหน ักเรียนมคี วามเขาใจ เพื่อเชื่อมโยงไปในขนั้ ตอน ของการฝก ปฏิบัติ ขน้ั สอน 1. ครูทำการยกตัวอยางวิธีการเชือ่ มเขามมุ 2. ครสู าธติ การเชือ่ มเขามมุ ใหน ักเรียนดู 3. ครูอธิบายถงึ ปญ หาการเชอื่ ม ขอบกพรอง พรอมทงั้ วธิ กี ารแกไข ใหน กั เรยี นฟง 4. ใหน ักเรียนเลือกวสั ดทุ ี่จะเชอ่ื มและเตรยี มอปุ กรณใ นการเชื่อม 5. ครูใหนักเรียนลงมือปฏบิ ตั ิการเชือ่ มเขามุม ของแตละคน

ขนั้ สรปุ 1. ครูใหน กั เรียนแตล ะคนออกมานำเสนอชิ้นงานของตวั เอง วาพบปญ หาอะไรบางในการ เชอ่ื ม และมีวิธีการแกไขปญหาอยางไร 2. ครสู อดแทรกความรูเ พ่ิมเติมหลังจากทน่ี กั เรียนแตละคน ไดอ อกมานำเสนอชนิ้ งานของ ตวั เอง 3. นกั เรียนนำเสนอเสรจ็ ครบทุกคน ครูทำการสรปุ ในเนื้อหารวมทง้ั หมดอกี ครงั้ และเปด โอกาสใหนักเรียนไดถ าม-ตอบแลกเปลยี่ นความรูเ พมิ่ เตมิ 6. งานทม่ี อบหมาย/กจิ กรรม - ชิน้ งานเชื่อมเขา มุม 7. สือ่ การเรียนการสอน/แหลงการเรียนรู 1. รูปภาพประกอบเกยี่ วกบั งานเชอื่ มไฟฟา 2. หนังสือเรียนรายวิชางานเช่ือมไฟฟา ม.5 3. ใบความร/ู สอื่ PTT 4. การสาธิตการปฏิบตั ิ 8. การวัดและการประเมนิ ผล วิธวี ดั เครือ่ งมือวัด จุดประสงคการเรยี นรู ใหนกั เรยี นเชื่อมชิ้นงานแบบตอชน แบบประเมนิ ช้นิ งาน ดา นความรู (K) นักเรยี นรูวิธีการเชอ่ื ม ใหนักเรยี นฝก ปฏิบตั งิ าน แบบสังเกตพฤติกรรมการ เขา มุม ทำงาน ดา นทักษะกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถ แบบสังเกตพฤติกรรมอนั เชือ่ มเขามมุ ได พงึ ประสงค ดานเจตคติ (A) นกั เรยี นมกี จิ นิสัยทด่ี ที ำงาน ใหน กั เรยี นฝก ปฏิบตั งิ าน ดวยความเปนระเบียบเรยี บรอย ประหยดั ประณีต รอบคอบ ซอ่ื สัตยและปลอดภัย

แบบทดสอบกอ นเรียนและหลงั เรยี น คำชี้แจง ใหนกั เรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ตอง เพียงคำตอบเดียวแลว ทำเครอื่ งหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 1. ในการปฏบิ ตั ิงานโดยทว่ั ๆ ไปสงิ่ ทตี่ อ งคำนงึ อยเู สมอคือ 8. ควนั ชนิดใดทเ่ี กดิ จากการเชอื่ มเหลก็ อะไร ก. ออกไซดเหล็ก ข. คารบอนมอนอกไซด ก. การใชเ ครอ่ื งมือที่ถกู ตอ ง ค. ออกไซดสังกะสี ง. ทองแดง ข. ความปลอดภัย 9. ควนั ของสงั กะสีทีส่ ดู ดมเขา ไป จะทำ ใหม ีอาการอยางไร ค. รา งกายเราไมมีอะไหล ก. ทอ งผกู ข. คล่นื ไส ง. การประหยดั วัสดุ ค. อาเจียน ง. แนนหนา อก 2. ความปลอดภยั โดยทว่ั ไปขณะปฏิบัตงิ านมี อะไรบา ง 10. ควนั ในการเชอ่ื มนอกจากเกดิ จากการเผาไหมของโลหะ ก. ระวงั เสอื้ ผำ้ สกปรกขณะทำงาน แลว ยงั เกิดจากสิ่งใดมากที่สุด ข. อยา ใชเ คร่ืองมือกอ นไดรับการอาอนุญาต ก. แกนลวดเชอื่ ม ข. แกสในบรรยากาศ ค. ไมค วรใสแกว แหวน นาิกาขณะทำงาน ค. ฟลกั ซห มุ ลวดเชอื่ ม ง. สิง่ มลทนิ ตางๆ ง. อยาเลนกันขณะทำงาน 11. การเช่ือมโลหะประเภทใดควรจดั ระบบระบายอากาศ 3. วัสดชุ นิดใดท่ตี ิดไฟไดงายที่สุด ? ใหถ ายเทไดส ะดวก ก. กระดาษ ข. ผา ก. เหลก็ ข. เหลก็ อาบสังกะสี ค. นำ้ มนั ง. จำระบี ค. อะลูมเิ นยี ม ง. โครเมียม 4.อันตรายทเี่ กิดจากการเชือ่ มไฟฟา มากทีส่ ดุ คือ ? 12. สิง่ ใดท่ไี มควรอยูใกลพนื้ ท่ีขณะปฏบิ ัตงิ านเช่ือม ก. ไฟฟาดูด ข. ความชื้น ก. นา ข. ทราย ค. เทาเปย กน้ำ ง. ฝนตก ค. เครือ่ งดบั เพลงิ ง. วัสดุเชื้อเพลงิ 5. อาการปวดตา หลังจากการเช่อื มไฟฟา เกิดจากอะไร ? 13. อันตรายทีเ่ กิดจากการระเบดิ มีสาเหตมุ าจากขอ ใด ก. ควันลวดเชอื่ มเขาตา ข. รังสีอุลตรา ไวโอเรต ก. ความประมาท ค. รงั สีอนิ ฟาเรต ง. ไมใ ชหนา กากเช่อื ม ข. ปฏิบตั ิการเช่ือมในท่ไี มมีการระบายอากาศ 6. เรือ่ งใดท่ีผูปฏิบัตงิ านเชือ่ มและงานตัด ตองคำนงึ ถึงเปน ค. การเช่ือมถังบรรจุเชื้อเพลิง อนั ดบั แรก ง. ไมม ชี ุดอปุ กรณปอ งกนั อันตราย ก. ลักษณะงานทที่ ำ ข. ระยะเวลาในการทำงาน 14. สิง่ ใดทเี่ กิดขึน้ กบั ผูปฏิบัติงานเชือ่ มและตัดไดม ากท่สี ุด ค. ความปลอดภยั ในการทำงาน ง. เครือ่ งมือและ ก. ถกู ของมีคมบาด ข. อนั ตรายเก่ียวกบั สายตา อุปกรณ ค. การไหมบ รเิ วณผิวหนัง ง. เคร่อื งมอื หลนทับเทา 7. ในการปฏบิ ตั ิงานเชอ่ื ม สาเหตุของการเกิดไฟฟาดดู มา 15. เมื่อทำการเคาะสแลกควรปฏบิ ัติอยางไร จากขอใด ก. สวมหนากากเชื่อมทุกครั้ง ก. การใชเ ครื่องมือผิดประเภท ข. สวมแวน ตานิรภัย ข. การปฏิบัติงานเชื่อมในบรเิ วณทช่ี ื้นแฉะ ค. สวมชดุ ปองกนัความรอน ค. การไมสวมถงุ มอื หนงั ง. สวมปลอกแขน ง. ความประมาท

แบบฝก ทักษะ คำชี้แจง ใหนกั เรียนทำการเช่อื มเหลก็ ดว ยวธิ ีการเชื่อมเขา มมุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook