บนั ทกึ การอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาไทย “ข้องใส่ปลาจากไม้ไผ่” วชิ า ส32104 ประวัตศิ าสตร์ไทย4 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี5 รายชอ่ื สมาชกิ 1.นายอภริ กั ษ์ วาดสทุ ธาชพี เลขท6ี่ 2.นายจกั รรตั น์ ไมเ้ กตุ เลขที่ 8 3.นายธนภมู ิ นารีบตุ ร เลขที่10 4.นายสมโภชน์ สิทธิเกษร เลขท่ี14 ชน้ั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/4 เสนอ คณุ ครพู ิกลุ มีใจเจือ โรงเรียนภาชี “สนุ ทรวิทยานกุ ลู ” อาเภอภาชี จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา สานกั งานพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา
การอนรุ กั ษภ์ มู ิปัญญาไทย ขอ้ งใสป่ ลาจากไมไ้ ผ่
1. เป็ นภมู ิปัญญาสาขาใด
1. เป็ นภมู ิปัญญาสาขาใด ขอ้ งเป็นสาขาภมู ิปัญญาสาขาดา้ นการเกษตรและการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีมีการนาไมไ้ ่มา สานเป็นของใชค้ รัวเรือนตางๆอาทิ เชน การสานสุมไก สานกระบุง้ สานกระติบขา้ ว สานไซดกั ปลา และสาน ขอ้ งใสปลา ในคร้ังน้ีเราขอยกตวั อยาง ขอ้ งใสปลาโดยการใชไ้ มไ้ ่จากวสั ดุธรรมชาติมาสานดว้ ยกนั ขอ้ งมีไวใ้ ช้ เพอื่ ความสะดวกสบายในการจาปลา กงุ้ หอย ทุกชนิด ในเวลาหาปลา และสามารถเกบ็ ปลาไวไ้ ดน้ านข้ึนโดยทา ใหป้ ลาเเชในน้าไหลทาใหป้ ลามีชีวติ อยไู ดห้ ลายวนั
2. ลกั ษณะเด่นของภมู ิปัญญา
2. ลกั ษณะเดน่ ของภมู ิปัญญา 1. สามารถนากลบั มาใชซ้ ้าได้ 2. คงทน เเขง็ เเรง 3. ไมทาลายธรรมชาติ 4. สะดวกสบายในการใชง้ าน 5. สามารถเกบ็ ปลาไวไ้ ดน้ านโดยไมตอ้ งฆา 6. สามารถเกบ็ ปลา กงุ้ หอย เป็นตน้
3. ความสาคญั ของภมู ิปัญญา ขอ้ งใสป่ ลาจากไมไ้ ผต่ ่อช่มุ ชน
3. ความสาคญั ของภมู ิปัญญาขอ้ งใสป่ ลาจากไมไ้ ผต่ อ่ ชม่ ุ ชน ขอ้ งใสปลา เป็นเคร่ืองจกั สานชนิดหน่ึง สานดว้ ย่วิ ไมไ้ ่ ปากแคบอยางคอหมอ้ และมีฝาปิ ดเปิ ดได้ เรียกวา ฝาขอ้ ง ฝาขอ้ งมีชนิดที่ทาดว้ ยกะลามะพร้าว และใชไ้ มไ้ ่สานเป็นรูปทรงกรวย ปลายกรวยแหลมปลอยเป็นซ่ีไมไ้ ว้ เรียกวา งาแซง ขอ้ งใชส้ าหรับใส ปลา ปู กงุ้ หอย กบ เขียด ท่ีเราจบั ไดต้ ามทอ้ งนาของเรา ่เู้ ฒา่แู้ กเวลาออกไปหา ปลา มกั จะเอาขอ้ งมดั ใสกบั เอว เพือ่ ความสะดวกในการใชง้ าน
4. แนวทางการอนรุ กั ษภ์ มู ิ ปัญญาขอ้ งใสป่ ลาจากไมไ้ ผ่
4. แนวทางการอนรุ กั ษภ์ มู ปิ ัญญาขอ้ งใสป่ ลาจากไมไ้ ่่ 1. การคน้ ควา้ วจิ ยั ควรศึกษาและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ภูมิปัญญาของไทยในดา้ นตางๆ ของทอ้ งถ่ินจงั หวดั ภูมิภาค และประเทศโดยเฉพาะอยางยง่ิ ภูมิปัญญาท่ีเป็นภมู ิปัญญาของทอ้ งถ่ิน มุงศึกษาใหร้ ู้ความเป็นมา ในอดีต และสภาพการณ์ในปัจจุบนั 2. การฟ้ื นฟู โดยการเลือกสรรภูมิปัญญาที่กาลงั สูญหาย หรือที่สูญหายไปแลว้ มาทาใหม้ ีคุณคาและมีความสาคญั ตอการดาเนินชีวติ ในทอ้ งถิ่น โดยเฉพาะพ้นื ฐานทางจริยธรรม คุณธรรม และคานิยม 3. การอนุรักษ์ โดยการปลุกจิตสานึกใหค้ นในทอ้ งถ่ินตระหนกั ถึงคุณคาแกนสาระและความสาคญั ของภมู ิ ปัญญาทอ้ งถ่ิน 4. การพฒั นา ควรริเร่ิมสร้างสรรคแ์ ละปรับปรุงภูมิปัญญาใหเ้ หมาะสมกบั ยคุ สมยั และเกิดประโยชนใ์ นการ ดาเนินชีวติ ประจาวนั
4. แนวทางการอนรุ กั ษภ์ มู ปิ ัญญาขอ้ งใสป่ ลาจากไมไ้ ่่ 5. การถายทอด โดยการนาภูมิปัญญาท่ี่านมาเลือกสรรกลน่ั กรองดว้ ยเหตุและ่ลอยางรอบคอบและรอบดา้ น แลว้ ไปถายทอดใหค้ นในสังคมไดร้ ับรู้ 6. สงเสริมกิจกรรม โดยการสงเสริมและสนบั สนุนใหเ้ กิดเครือขายการสืบสานและพฒั นาภมู ิปัญญาของชุมชน ตางๆ 7. การเสริมสร้างปราชญท์ อ้ งถิ่น โดยการสงเสริมและสนบั สนุนการพฒั นาศกั ยภาพของชาวบา้ น ่ดู้ าเนินงาน ใหม้ ีโอกาสแสดงศกั ยภาพดา้ นภูมิปัญญา 8. การเ่ยแพรแลกเปล่ียน โดยการสงเสริมและสนบั สนุนใหเ้ กิดการเ่ยแพรและแลกเปล่ียนภมู ิปัญญาและ วฒั นธรรมอยางกวา้ งขวาง โดยใหม้ ีการเ่ยแพรภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินตางๆ
5. ภาคผนวก
ข้นั ตอนท1ี่ . ตดั ไมไ้ ่โดยเลือกไมไ้ ่ที่แกพอประมาณ ข้นั ตอนที่ 2. นาไมไ้ ่ท่ีเลือกแลว้ มาเลื่อยตรงขอ้ ตอออก
ข้นั ตอนท3ี่ . นาไมไ้ ่ท่ีเป็นลามา่าซีก ข้นั ตอนท4ี่ . จกั ใหเ้ ป็นเส้นฯ เสร็จแลว้ เหลาเป็นเสน้ บางฯ ใชเ้ ฉพาะ่วิ เปลือกนอก (เพราะจะมีความทนทาน กวาการใชเ้ น้ือไมด้ า้ นใน)
ข้นั ตอนท5ี่ . เริ่มสานต้งั แตฐานของขอ้ งข้นึ มา สลบั 1 เวน้ 1 ข้นั ตอนท6ี่ . พอไดฐ้ านของขอ้ งแลว้ กพ็ บั มุม 4 มุมใชม้ ือจบั ตอกใหแ้ น เรียงกนั ใหส้ นิทพร้อมกบั พรมน้าไปดว้ ย ในเวลาท่ีสาน จดั แตงทรงจดั ตอกที่สานใหช้ ิดกนั
ข้นั ตอนท7่ี .พอสานมาถึงคอขอ้ ง จบั ปากขอ้ งใหแ้ นฯแลว้ สานใหเ้ ป็นสวนโคง้ ข้นั ตอนท8่ี . จดั รูปทรงปากขอ้ ง แลว้ มว้ นพบั ตอกใหล้ อบปากขอ้ ง
ข้นั ตอนท9ี่ . ฝาปิ ดปากขอ้ ง (งาขอ้ ง) สานเป็นรูปทรงกรวย ใชป้ ิ ดฝาขอ้ ง ข้นั ตอนท1่ี 0. ใสขาขอ้ งท้งั 4 ดา้ น และใชเ้ ชือกดา้ ยเยบ็ ใหแ้ นนหนายง่ิ ข้ึน
ข้นั ตอนท1ี่ 1. สานตวั หนอนเพื่อร้อยทาหูขอ้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: